ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2551

เอเชี่ยนไลฟ์ ทุ่มงบ ขยายโรงงาน เพิ่มคลังสินค้า ปลุกยอด 200 ล้าน



เอเชี่ยนไลฟ์เตรียมแผนทุ่มงบลงทุน 3 ล้านบาท ขยายพื้นที่โรงงาน เพิ่ม คาดแล้วเสร็จรองรับการเจริญเติบโตต้นไตรมาส 3/51 นี้ พร้อมแย้มคลอดผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภทเสริมอาหาร กระจายทำตลาดทั้งในและต่างประเทศกลางปีนี้ เตรียม เพิ่มคลังสินค้าอีก 30 แห่งทั่วประเมศ ตั้งเป้ายอดขายปี 51 กว่า 200 ล้านบาท มั่นใจติดอันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทขายตรงที่มาแรงแห่งปี

นายนเรศ ล้วนไพรินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเชี่ยนไลฟ์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแผนที่จะใช้งบลงทุน ประมาณ 3,000,000 บาท ขยายพื้นที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรมลำพูนเพิ่มขึ้น จากที่ปัจจุบันโรงงานดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ เพื่อขยายพื้นที่รองรับการเจริญเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ งบลงทุนดังกล่าวบริษัทจะนำ มาจากเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทเอง โดยจะนำงบลงทุนมาซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทยอยนำระบบต่างๆ เข้ามาแล้ว และคาดว่าภายในช่วงต้นไตรมาสที่ 3/2551 นี้ จะเสร็จสมบูรณ์ทันความต้องการของผู้บริโภค

ขณะเดียวกันในช่วงเดือนพฤษภาคม 2551 บริษัทจะเริ่มทยอยนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ ประเภท เสริมอาหาร โดยขณะนี้ผ่านกระบวนการวิจัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะทยอยกระจายสินค้าจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ จากที่ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประมาณ 25 ประเทศทั่วโลก

ปัจจุบันเราผลิตสินค้าเอง 90% เพราะว่าเรามีโรงงานเป็นของตัวเองและมีทีมงานวิจัยที่มีความสามารถ ทำให้สินค้าของเราเป็นที่ 1 ไม่เป็นสองรองใคร เมื่อมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา ก็สามารถ ที่จะทำตลาดได้ และยังคงมีเครือข่ายในการกระจายสินค้าทั่วประเทศ ทำให้ ผลิตภัณฑ์สามารถกระจาย ได้มากขึ้น ส่วนสินค้าที่เหลืออีก 10% จะเป็นสินค้านำเข้าจากประเทศจีนิ นายนเรศกล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนยอดสมาชิกอยู่ประมาณ 6,000 คน แอ็กทีฟประมาณ 30-40% มีสมาชิกเข้ามาสมัครใหม่เฉลี่ยต่อวันประมาณ 100 รหัส ส่วนสมาชิกที่ไม่แอ็กทีฟ บริษัทจะพยายามช่วยเหลือในการใช้ กลยุทธ์การตลาด โดยการจัดโปรโมชั่น มีสินค้าพิเศษ มีส่วนลด รวมทั้งมีของแถมพิเศษให้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนตัวเชื่อว่า เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในการก้าวมาประกอบธุรกิจขายตรง เนื่องจากเป็นอาชีพอิสระและบริษัทเองก็มีความพร้อมในการผลักดัน การสนับสนุนการบริหารการขาย ประกอบกับบริษัทยังมีความพร้อม ทั้งในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรม ทีมนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญ การส่งออกสินค้า นอกจากนี้ สินค้าของบริษัทยังมีคุณภาพ เมื่อใช้แล้วเห็นผลดีก็จะมีความต้องการซื้อกลับมาใช้อีก

นอกจากนี้ ในอนาคตธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่สร้างโอกาสทั้งต่อตัวบุคคลเองและครอบครัว ซึ่งสามารถที่จะกำหนดรายได้เป็นของตัวเอง หากมีความขยันมากก็จะมีรายได้มากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจขณะนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจขายตรง จากที่ปัจจุบันต้องพิจารณาหาบริษัทที่ดี และต้องพิจารณาในส่วนที่สำคัญคือ ผลิตภัณฑ์ต้องมีความเหมาะสมกับปัจจุบัน แผนการตลาด และมีการพยายามทำในสิ่งที่แตกต่างสร้างความโดดเด่นอยู่เสมอ

ด้านนายกัมปนาท บุญราศรี ที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร บริษัท เอเชี่ยนไลฟ์ จำกัด กล่าวว่า ภายในสิ้นปี 2551 นี้ บริษัทคาดว่า จะมียอดขายภายในประเทศรวมทั้งปีไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีตัวสินค้าที่มีการวิจัยออกมาใหม่ซึ่งเป็นสินค้าประเภท เสริมอาหาร ซึ่งมีความแตกต่างจากที่มีนักวิจัยเป็นของบริษัทเอง

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมีการปันผลตอบแทนให้กับสมาชิกที่ทันสมัยและโปร่งใสในแง่ของการ ตรวจสอบข้อมูลทำให้สมาชิกมีความมั่นใจในบริษัทมากขึ้น ประกอบกับบริษัทมีระบบการพัฒนานักธุรกิจ ให้เป็นมืออาชีพโดยการฝึกอบรมให้เป็นระบบ และมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น รวมทั้งมีศักยภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการทำโปรโมชั่น ส่งเสริมการตลาด เพื่อให้เกิดการตื่นตัวของ ผู้บริโภคและนักขายมากขึ้น ประกอบกับมีการเพิ่มช่องทางในการเบิกสินค้า การสั่งซื้อสินค้าให้มีความครอบคลุมถึงตลาดทั้งในภูมิภาคอีกด้วย โดยบริษัทจะมีการเพิ่มคลังสินค้าขึ้นอีกจำนวน 30 คลังทั่วประเทศ จากที่ ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 3 จุด ซึ่งคลังสินค้าดังกล่าวอาจจะเป็นการร่วมทุนกับบริษัทสมาชิก รวมไปถึงการจัดซื้อระบบอีคอมเมิร์ส และการจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์อีกด้วย เพื่อให้ เกิดความสะดวกกับการประกอบธุรกิจ และนักธุรกิจด้วย

หากบริษัทมีการเติบโตเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เราเชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ จะเป็น 1 ใน 3 ของบริษัทขายตรงที่มาแรงแห่งปีอย่างแน่นอนิ นายกัมปนาท กล่าว

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของบริษัทต้องสามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้ สมาชิกขยายงานได้ถูกต้อง สามารถดูแลลูกค้าได้ถูกต้อง บริษัทสามารถที่จะส่งเสริมได้ ถูกต้อง สินค้าได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตัวสินค้า ซึ่งต้องมีความแตกต่าง และมีประโยชน์ โดยผ่านสมาชิกของบริษัทเองเป็นสิ่งสำคัญ และต้องเติบโตอย่าง ถูกต้องบนพื้นฐานของจริยธรรม