ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

ผู้บริหารแอมเวย์



ผู้บริหารแอมเวย์ นำทัพโดยนายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป และนางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเปิดศักราชใหม่ ด้วยการฉลองความสำเร็จในฐานะบริษัทขายตรงอันดับ 1 ของประเทศไทย ในงานแถลงข่าวผลประกอบการปี 2553 และแผนการดำเนินธุรกิจปี 2554วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 9.45 – 12.00 น. ณ ห้องรอยัล มณียา บอลรูม บี ชั้น 2 โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ งานนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในฐานะแชมป์ขายตรงอย่างแท้จริง

ยิ้มรับความสำเร็จตั้งแต่ต้นปี ต้อนรับปีกระต่าย ทีมผู้บริหารแอมเวย์โดยนายปรีชาประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป และนางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เตรียมรวมพลังฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในงานแถลงข่าวผลประกอบการปี 2553 และแผนการดำเนินธุรกิจปี 2554 วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 9.45 – 12.00 น. ณ ห้องบอลรูม บี ชั้น 2โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ งานนี้ยืนยันความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจขายตรงอย่างยั่งยืน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

ดวงดาวแห่งความฝัน ‘เอมสตาร์’



ผู้อ่านหลายๆ ท่านคงยังไม่ฟื้นจากอาการเฉื่อยชา เนื่องจากเราเพิ่งผ่านช่วงเวลา ของความสุขได้ไม่นานจากเทศกาลปีใหม่ จนรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะมองไปที่โต๊ะทำงานแล้ว เห็นงานที่วางกองรอให้สะสางนั่นเป็นเรื่องปกติที่ช่วงเวลาของความสุขย่อมผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ต้องนึก อยู่ในจิตใจเสมอก็คือ ความรับผิดชอบที่เชื่อว่าท่านผู้อ่านนั้นมี จนนำท่านตื่นจากสิ่งที่ผ่าน แล้วเริ่มต้นฝ่าฟันอุปสรรคในเรื่องของงานต่อไป

ในปี 54 นี้ ทีมงานเลียบค่ายขายตรง เริ่มออกปฏิบัติการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่ลดละเช่นเดิม ซึ่งในครั้งนี้ เราหยิบชื่อของ “บริษัท เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด” เป็นจุดหมายในการเดินทาง“เอมสตาร์” นับเป็นค่ายขายตรงที่ได้ชื่อว่าสร้างแรงกระตุ้นให้กับวงการเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่การประกาศเป้าหมายของยอดขายที่บริษัทต้องการไว้ที่ 1 หมื่น ล้านบาท อีกทั้งยังต้องการเป็นบริษัทขายตรงเบอร์หนึ่งของวงการอีกด้วย

และหากมาย้อนดูยอดขายในปี 52 ที่บริษัทนามนี้ทำได้ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะนึกตามในความสำเร็จของเป้าหมาย เนื่องจากในปี 52 เอมสตาร์ปิดบัญชีรายรับไว้ที่พันกว่า ล้านบาท ทำให้หลายฝ่ายเริ่มจับตามองไปที่คำพูดของ “ท.ญ.ลพา วัชรศรีโรจน์” แม่ทัพหญิงของค่าย ที่มั่นหมายว่าจะเดินทางสู่เป้าหมายหมื่นล้าน

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องทำให้ชวนฝัน แต่ผลจะออกมาอย่างไรนั่นเป็นเรื่องของ ข่าวความคืบหน้าบนหน้าหนังสือส่วนเนื้อหาของคอลัมน์แห่งการเดินทางในครั้งนี้ เราเดินทางมาที่สำนักงานใหญ่ของ บริษัท “สุขุมวิท 59” นี่คือที่ตั้งฐานของเอมสตาร์

สำนักงานใหญ่แห่งนี้ เป็นสำนักงานใหม่ของบริษัท ได้ฤกษ์ย้ายที่ทำการมาอยู่ในช่วง เกือบปลายปี 53 ความสวยงามของฐานบัญชาการแห่งนี้ จัดว่าเป็นสำนักงานที่สวยหรูอย่างมากเลยทีเดียว ด้วยงบการก่อสร้างประมาณ 150 ล้านบาท ที่หมอลพาควักออกมาเนรมิตตึกดังกล่าวทำให้ฐานบัญชาการของเอมสตาร์ กลายเป็นอาคารของบริษัทขายตรงค่ายหนึ่งที่มีความสวยงามไม่แพ้บริษัทใดในวงการเดียวกัน

ด้านหน้าของอาคาร บริษัทนำจอภาพขนาดมหึมาติดตั้งเหมือนแหล่งช็อปปิ้งกลางใจเมืองที่เราเคยพบเห็น ตัวอาคารฉาบด้วยสีเทา มีโลโก้บริษัท ฉายให้เห็นถึงความเป็นเจ้าของ แต่สิ่งหนึ่งที่ชวนสังเกตเห็นจะเป็นในส่วนของขั้นบันไดที่บริษัทสร้างขึ้น เนื่องจากมีความชันเป็นอย่างยิ่ง จากธีมที่คุณหมอเคยเล่าให้ฟัง นั่นคือ ความต้องการที่จะใช้เป็นจุดให้สมาชิก ได้มายืนเรียงกันตามขั้นบันไดแต่ละขั้น และถ่ายภาพ ซึ่งภาพที่ออกมาจะมีการลดหลั่น ลงมาสร้างความสวยงามในแผ่นฟิล์ม

ด้านข้างของบันได มีบ่อน้ำพุ ซึ่งเชื่อว่าไม่เพียงแต่ในส่วนของความสวยงามเท่านั้น แต่ที่สังเกตน่าจะเป็นในเรื่องของความเชื่อที่เรียกว่า “ฮวงจุ้ย” อีกทางและเมื่อสังเกตจากรอบตัวอาคาร เราก็จะเห็นแท่นอะไรสักอย่าง ซึ่งหากจำไม่ผิด เมื่อครั้งที่มาร่วมเป็นแขกเปิดสำนักงานใหญ่แห่งนี้ หมอลพาให้ความรู้ว่า นี่คือนวัตกรรม เครื่องทำความเย็น ด้านในจะมีสิ่งใดเสียอย่างที่ผู้เขียนก็งงงวยกับคำอธิบาย แต่นี่เป็นเครื่องทำความเย็นที่จะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก

อาคารหลังนี้อยู่บนเนื้อที่เช่า ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของเศรษฐีที่ไม่ต้องการขาย แต่เปิดให้เช่าสร้างอาคารแทน เนื่องจากความหวงแหนทางใจ โดยต่อไปไม่นาน ถึงแม้สำนักงานใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้จะมีความใหญ่โตโอ่อ่า ทันสมัย ทางเอมสตาร์ยังมีแผนที่จะสร้างและขยายอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ ด้วยความต้องการที่จะเป็นบริษัทขายตรงชั้นแนวหน้าของเมืองไทย และรองรับความยิ่งใหญ่ที่บริษัทวาดไว้

เราวนเวียนอยู่ด้านนอกนานเลยทีเดียว เนื่องจากความจำเป็นที่เราต้องรอไกด์ประจำทริปทำธุระเสร็จ เพราะความตื่นเต้นในการเดินทาง ทำให้ทีมงานเลียบค่ายเดินทางมาถึงก่อนเวลาที่นัดหมายในช่วงแรก ในช่วงที่รอเวลา เราจึงมีเวลาที่มากพอที่จะถือวิสาสะ ในการลัดเลาะ กวาดสายตาไปทั่วเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนถึงเวลาถ่ายจริง

เราอยู่ด้านนอกจนฉ่ำใจ และกาย เนื่องจากสภาพอากาศด้านนอกที่ชวนให้เหงื่อไคลของเราไหลออก จนต้องพาตัวเองเข้ามานั่งรอด้านใน ช่วงที่เรานั่งตากแอร์รอการมาของไกด์ ทีมงานก็สอดส่ายสายตาในพื้นที่ สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นก็คงเป็นในส่วนของสมาชิก ซึ่งต้องยอมรับว่าเอมสตาร์ เป็นบริษัทที่ครอบคลุมในเรื่องของเพศวัยของสมาชิกได้เป็นอย่างมาก

เพราะในคณะที่เรานั่งเพลินกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เราก็ต้องเพลินกับสิ่งมีชีวิตชายหญิงที่ผ่านสายตาเราไปมาตลอด เพราะหนุ่มสาวสมาชิกของที่นี่ทำให้เราไม่เบื่อการรอคอยเฉกเช่นที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้หญิงเมื่อไกด์ประจำทริปมาถึงเราต้องเบรกแล้วว่ากันต่อฉบับหน้า เนื่องด้วยเนื้อที่สัมปทานที่หมดลง

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ

“นิวตริริช” ออกกลยุทธใหม่ เข้าถึงเกษตรกร



นายเชน ใจซื่อ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิวตริริช จำกัด ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรแบรนด์ “ดาวปูแดง” ร่วมประชุม OPP สัญจรครั้งใหญ่ พร้อมมอบผลิตภัณฑ์ เฮิร์บดาวปูแดง ให้แก่ เกษตรกรที่เข้าร่วมการประชุมมากมาย ณ ตลาดบางสะพานใหญ่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา






ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดยไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

“ซินเนอร์จี้” ขานรับนโยบาย บริษัทแม่อเมริกา งัด กลยุทธ์สร้างฐานธุรกิจเครือข่าย ในเวียดนาม



ซินเนอร์จี้ เดินหน้ารุกธุรกิจเครือข่ายทั่วโลก หนุนไทย-เวียดนาม เป็นฐานเอเชีย ไม่หวั่นตลาดขายตรงแข่งขันสูง พร้อมเสริมกลยุทธ์เด็ด แผนการตลาดเด่น ชูคุณภาพผลิตภัณฑ์ หวังสร้างฐานสมาชิกเพิ่มต่อเนื่อง





 

นายศุภพงศ์ จันทรวีระกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการเติบโตของซินเนอร์จี้ประเทศไทยในปีที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างมาก ดูได้จากฐานสมาชิกที่มีผู้มาใหม่เข้าสู่ธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

“ปีหน้าเราตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้เนื่องจากเรามีนักธุรกิจในกลุ่มผู้นำทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น เป้าที่วางไว้สำหรับปี 54 ยังคงอยู่กับจำนวนสมาชิก โดยยึดพื้นฐานของการเป็นผู้บริโภคเป็นหลัก ทั้งนี้ยอดขายยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเสริมอาหารประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นกลุ่มความงาม 20 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์หลัก ยังคงเป็น Pro-Argi9 Plusและ Chlorophyll plus โดยต้นปีจะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มลดน้ำหนักออกมา ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่มีผลข้างเคียง และราคาก็ไม่สูงจนเกินไป คาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก การมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ของผู้บริหารทั้ง 2 ท่าน มร.แดน ฮิกกินสัน มร.แดน นอร์แมน เพื่อพบกับสมาชิกในประเทศไทย และดูทิศทางการตลาด ถือเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จในปีที่ผ่านมา และพร้อมที่จะสนับสนุนตลาดเมืองไทยให้ก้าวกระโดดในปีนี้อีกด้วย”

สำหรับการเปิดตลาดที่เวียดนามนั้น ซินเนอร์จี้ ประเทศไทย ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดใกล้เคียงกับการเปิดตลาดเมืองไทยเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งกลยุทธ์การตลาดจะไปตามสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยปัจจัยในภาคธุรกิจและภาคการเมือง สังคม มีผลต่อการสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นด้วย สำหรับการเปิดสาขาในเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหม่ของธุรกิจเครือข่าย ยังมีความสดอยู่มาก มีผู้ให้ความสนใจและเข้าร่วมธุรกิจค่อนข้างมาก เราจึงได้นำเอากลยุทธ์ที่เคยใช้ในประเทศไทยไปใช้เปิดตลาดที่เวียดนาม โดยผสมผสานให้เข้ากับการทำงานสไตล์เวียดนามด้วย นายศุภพงศ์ กล่าวเสริม

ด้านภาพรวมของซินเนอร์จี้ อเมริกานั้น มร.แดน ฮิกกินสัน ประธานและผู้ก่อตั้ง ซินเนอร์จี้ เวิลด์ กล่าวว่า ตลาดโดยรวมของซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2010 สูงกว่า ปี 2009 ประมาณ 27 เปอร์เซ็นต์ มีการเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนผู้เข้าร่วมธุรกิจ รวมถึง Consumer Base ทำให้ในปีที่ผ่านมาซินเนอร์จี้ทั่วโลกเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับการเติบโตในประเทศไทย ตลาดรวม ในอเมริกาโตขึ้นกว่า 300 เปอร์เซ็นต์ ในยุโรปเติบโตขึ้น 2 เท่า และเกาหลี 80 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในเอเชียซินเนอร์จี้ ประเทศไทย เป็นฐานสำหรับการขยายตัวที่ดีในภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รวมทั้งในเวียดนามด้วย การเปิดตัวในเวียดนาม เราได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีคนให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน ในเมืองฮานอย และโฮจิมินท์ ซิตี้ ทำให้เรามั่นใจว่า ปีนี้ เราจะเติบโตทั่วโลกอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เรามีบริษัทแม่อย่าง เนเจอร์ซันไชน์ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แนสแดก มาเกือบ 39 ปี เป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ ได้เป็นอย่างดี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :

ฝ่ายสื่อสารการตลาด ที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์

ศิริเพ็ญ เกษตรศิริกุล (กุง) ภาวศุทธิ กมลสัจจะ (นง)

โทร.02-6246600 ext. 614Email: siripenk@synergyworldwide.com Email : pavasuth@yahoo.com

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

ข่าวขายตรง กลยุทธ์กิฟฟารีน

ข่าวกิฟฟารีน
กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานบริหาร บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เป็นประธานเปิดงานสัมมนากลยุทธ์ การทำธุรกิจกิฟฟารีน ปี 2554 จัดโดย บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด โดยมี สุรศักดิ์ศิวะนาวินทร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัทฯ, พงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารการตลาด บริษัทฯและคณะผู้บริหาร บริษัทฯ เข้าวร่วมการสัมมนา ที่ห้อง แกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์  www.newswit.com

 

วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

“นิวตริริช” ออก มินิแคมเปญ ดินเนอร์ ร่องเรือสำราญ



แม้จะไม่ใช้ดารา หรือซุปตาจากที่ไหน แต่คุณเชน ใจซื่อ บิ๊กบอสจากค่ายนิวตริริช ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตร แบรนด์ดาวปูแดง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากบรรดาสมาชิก ขนาดว่าออกพ๊อกเก็ตบุ๊ค “ราชาปุ๋ยอินทรีย์” ก็ขายกันเป็นเทน้ำ เทท่า และล่าสุดออก มินิแคมเปญ ให้บรรดาสมาชิกมาร่วมดินเนอร์ใต้แสงดาวบนเรือสำราญ ชมกรุงเทพฯยามค่ำคืน เพื่อเป็นการวอร์มอัพก่อน ทริปมาเก่า จูไห เวเนเชียล ก็ทำเอาบรรดาสมาชิก เร่งสั่งสินค้าปิดยอดกันจ้าละหวั่น ทำเอายอดขายธันวาคม 53 ที่ผ่านมาพุ่งพรวดกว่า 50% งานนี้ทำเอาหมอเชน หมอเกษตรห้าดาว แห่งอำเภอสองพี่น้องยิ้มแก้มปริรับปีเถาะกันเลยทีเดียวคร้าบบบ…..

ที่มา : http://www.newswit.com

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

นู สกิน ฉลองยอดขาย ทะลุ 2,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าสู่ ผู้นำตลาดแอนตี้ เอจจิ้ง



บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองความสำเร็จยอดขายปี 2553 ทะลุ 2 พันล้านบาท เติบโต 40% มียอดนักธุรกิจสูงขึ้น 50% พร้อมมียอดสมาชิกใหม่สูงขึ้น 50% ชี้ผลิตภัณฑ์ ageLOC มาแรง ดันสัดส่วนยอดขายสูงถึง 35% นู สกิน พร้อมวางแผนเดินหน้าเติบโตแบบเร่งอัตรา โดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่กลุ่มชะลอวัย พร้อมรุกตลาดต่างจังหวัดผ่านการสนับสนุนและลงทุนในระบบไอทีเทคโนโลยี ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 30% หรือ 2,600 ล้านบาท และเพิ่มยอดผู้ทำธุรกิจ 35%

นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นู สกิน ประเทศไทย สามารถปิดยอดขายปี 2553 ก้าวสู่การเป็นบริษัทสองพันล้านได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือมียอดขายเติบโตขึ้น 40% มียอดนักธุรกิจสูงขึ้น 50% และผู้แทนจำหน่ายใหม่สูงขึ้น 50% โดยปัจจัยความสำเร็จมาจาการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ageLOC ที่ตอบสนองความต้องการ ของตลาดได้อย่างตรงจุด รวมทั้งการใช้กลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง โดยการรีเฟรชผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไลฟ์แพ็กด้วยการเป็นผู้สนับสนุนนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการผ่านคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งในทางการตลาดถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างความน่าเชื่อถือต่อผลิตภัณฑ์ สร้างความไว้วางใจให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างสูง จนทำให้กลุ่มอาหารเสริมเติบโตขึ้น 20% นอกจากนี้ แผนการจ่ายเงินปันผล

เวลธ์ แม็กซิไมเซอร์ (Wealth Maximizer) เป็นแผนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเดิม ซึ่งทำให้ผู้แทนจำหน่ายมีรายได้สูงกว่าเดิมถึง 3 เท่า ประกอบกับกิจกรรมกระตุ้นศักยภาพความแข็งแกร่งของผู้แทนจำหน่ายผ่านโปรแกรมการท

่องเที่ยว (Incentive Trip) กิจกรรมโรดโชว์ และการจัดสัมมนา ที่ทางนู สกิน ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จึงช่วยกระตุ้นยอดขายสนับสนุนการทำงานของนักธุรกิจและดึงดูด ผู้แทนจำหน่ายใหม่ได้เป็นอย่างดี

“สำหรับสัดส่วนยอดขายตามกลุ่มผลิตภัณฑ์แบ่งได้ดังนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฟาร์มาเน็กซ์มีสัดส่วนประมาณ 40% กลุ่มผลิตภัณฑ์เพอร์ซันแนล แคร์ประมาณ 60% โดยมีผลิตภัณฑ์ ageLOC 35% สำหรับปี 2554 นี้ นู สกิน วางเป้าหมายการเติบโตประมาณ 30% หรือ 2,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ageLOC เติบโตขึ้น 30% มีจำนวนผู้ทำธุรกิจเติบโตขึ้น 35% และมียอดผู้แทนจำหน่ายใหม่เติบโตขึ้น 30%” นางภคพรรณ กล่าว

นางภคพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ นู สกิน จะขับเคลื่อนธุรกิจโดยการกระตุ้นการเพิ่มปริมาณการบริโภคสินค้า ให้มีการบริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างยอดสมาชิกใหม่ผ่านกิจกรรมการตลาด ส่งเสริมการขาย และแผนการจ่ายเงินปันผล เพื่อให้เกิดการเติบโตแบบเร่งอัตรา โดยบริษัทฯ จะยังคงบุกตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มต่อต้านความชราซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต อีกทั้งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและให้ความสำคัญในการลงทุน พัฒนาวิจัยมาโดยตลอด โดยวางงบกิจกรรมการตลาดประมาณ 5% ของยอดขายประมาณการสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สำคัญของปีคือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อการชะลอวัย ภายใต้เทคโนโลยี ageLOC และมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายของผู้แทนจำหน่าย ผ่านกิจกรรมอบรมสัมมนา กิจกรรม นู สกิน โรดโชว์ และโปรแกรมการท่องเที่ยว (Incentive Trip)

ในปี 2553 นู สกิน สามารถแบ่งสัดส่วนลูกค้าเป็นกรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40% โดยในปีนี้ นู สกิน วางแผนบุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ด้วยการพัฒนาระบบไอที โซลูชั่น แบบ 360 องศา ที่สามารถรองรับการเติบโตกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดในทุกๆด้าน อาทิ กลุ่มจัดตั้งระบบการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือที่เรียกว่าเว็บอีดีซี ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก และผู้แทนจำหน่ายสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาภายในศูนย์บริการ และสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้โดยตรงเสมือนเป็นตัวแทนของบริษัทฯ จากเดิมที่บริษัทฯ เท่านั้นที่มีอำนาจในการเรียกเก็บเงิน ซึ่งหลังจากเปิดตัวเว็บอีดีซีเมื่อต้นปี 2553 พบว่ามียอดการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์เติบโตขึ้น 200% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาระบบการจัดอบรม สัมมนา และประชุมทางไกล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้แทนจำหน่ายในต่างจังหวัดไม่ต้องเดินทางเข้าสำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ แต่ยังคงได้รับข้อมูลครบถ้วนสดใหม่พร้อมกับผู้แทนจำหน่ายในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธฺภาพการทำงานของผู้แทนจำหน่ายได้อย่างมาก นอกจากนี้ระบบไอที โซลูชั่น 360 องศายังรองรับในด้านการสื่อสาร การปันผลตอบแทน การจัดส่งสินค้า เป็นต้น นางภคพรรณ กล่าว

นางภคพรรณ กล่าวว่าปัจจุบัน นู สกิน มียอดผู้แทนจำหน่ายจำนวนทั้งสิ้น 2.3 แสนบัญชีรายชื่อ มียอดผู้บริหารเติบโตขึ้น 30% จำแนกเป็นผู้บริหารระดับทีมอิลิท 26 บัญชีรายชื่อ ผู้บริหารระดับบลูไดมอนด์ 68 บัญชีรายชื่อ ทำเนียบผู้บริหาร 200 ล้านบาท จำนวน 3 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 100 ล้านบาท จำนวน 1 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 40 ล้านบาท จำนวน 8 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 20 ล้านบาท จำนวน 9 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 10 ล้านบาท จำนวน 18 บัญชี และทำเนียบผู้บริหาร 1 ล้านบาท จำนวน 369 บัญชีรายชื่อ

นู สกิน ประเทศไทย บริหารงานภายใต้นโยบายของบริษัทแม่ ที่มีหลักในการดำเนินธุรกิจ 4 ด้าน คือ ผลิตภัณฑ์ (Product) บุคลากร (People) โอกาสทางธุรกิจ (Opportunity) และวัฒนธรรม (Culture) ดังนั้น นอกเหนือจากแผนและกลยุทธ์การตลาด และผลิตภัณฑ์เพื่อมุ่งสร้างยอดขาย เพิ่มพูนยอดนักธุรกิจ และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคม ตามปณิธานที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น โดย นู สกิน ได้สนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี อย่างต่อเนื่องมาตลอด 14 ปี สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวน 3,906 ราย โดยเฉพาะในปี 2553 สามารถช่วยเหลือได้ทั้งหมด 365 ราย และในปี 2554 นี้ นู สกิน วางเป้าหมายจะช่วยเหลือเด็กผู้ป่วยให้ได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน นางภคพรรณ กล่าว

ที่มา : http://www.newswit.com

 

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

เอวอน เผยปี 53 สินค้าทุกกลุ่ม โตเกินเป้า เปิดฉากต้นปี 54 ด้วยการฉลอง 125 ปีอย่างยิ่งใหญ่



เอวอนเผยปี 53 สินค้าทุกกลุ่มโตเกินเป้า เปิดฉากต้นปี 54 ด้วยการฉลอง 125 ปีอย่างยิ่งใหญ่ย้ำความเป็นเบอร์ 1 ธุรกิจขายตรงของโลก ด้วยการจัดแคมเปญ “เอวอน วอยซ์”- ชวนผู้หญิงทั่วโลกร่วมร้องและแต่งเพลงชิงความเป็นหนึ่ง ออกอัลบั้มร่วมกับศิลปินระดับโลก -

เอวอนปลื้มภาพรวมยอดขายปี 2553 พุ่งทะลุเป้าในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งบิวตี้และนอน-บิวตี้ พร้อมเตรียมแผนรุกตลาดครั้งใหญ่ ฉลองครบรอบ 125 ปี สานต่อความเป็นผู้นำตลาดขายตรงของโลก ด้วยการสร้างสรรค์แคมเปญ “เอวอน วอยซ์” เฟ้นหาผู้หญิงมากพรสวรรค์ทั้งร้องและแต่งเพลงร่วมงานกับศิลปินดังระดับโลก ประกาศรุกธุรกิจในกลุ่มคัลเลอร์แบบเต็มสูบ วางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดปี พร้อมสร้างความแข็งแกร่งให้ทีมขายและขยายช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคตลอดปี

นางวัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา เอวอน ประสบความสำเร็จอย่างมากในการแนะนำสินค้าใหม่ๆ สู่ตลาดเมืองไทย ทั้งกลุ่มน้ำหอม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเด็กที่เพิ่งเปิดตัวไป โดยในกลุ่มน้ำหอมนั้นน้ำหอมผู้ชายและกลุ่มของผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขนที่มีส่วนผสมของหัวน้ำหอมแท้ มีการเติบโตดีกว่าเป้าที่วางไว้ชัดเจน เช่นเดียวกับกลุ่มน้ำหอมผู้หญิงที่เอวอนประสบความสำเร็จกับการนำเสนอน้ำหอมในกลุ่มระดับกลางที่ราคาประมาณ 299 – 499 บาท โดยมีสัดส่วนการเติบโตดีกว่าเมื่อปี 52 มาก ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเอนิว ได้มีการเพิ่มไลน์สินค้าที่ให้ความขาวแบบไวทัลลิตี้เข้ามาพร้อมลดเลือนริ้วรอยและบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใสและมีสุขภาพดีในหนึ่งเดียว ในชื่อ เอนิว 360o ไวท์ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้จำหน่ายอิสระเอวอนและกลุ่มลูกค้า ผลักดันให้แบรนด์ เอนิว เติบโตขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ในแบรนด์หลักของเอวอน ตามหลัง เอวอน เมคอัพ ที่ยังครองแชมป์แบรนด์หลักที่มีสัดส่วนยอดขายสูงที่สุดในปี 53 นำโดยความสำเร็จของการเปิดตัว เมก้า อิมแพค ลิปสติกที่ให้สีสันสดชัดทุกมุมมอง ผลักดันอัตราการเติบโตในกลุ่มสีสันในปี 53เป็นอย่างมาก

“ด้านกลุ่มนอน-บิวตี้ เรามีอัตราการเติบโตที่ดีมากในส่วนของชุดชั้นในเอวอน ทั้งในกลุ่มหลักอย่างบอดี้ เพอร์เฟค ที่ดีไซน์ออกแนวแฟชั่นและเน้นความสบายเวลาสวมใส่ และกลุ่มสำคัญอย่างเชฟ เมคเกอร์ ชุดชั้นในที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อการปรับส่วนสัด กระชับส่วนเกิน สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องรูปร่าง ก็มีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ เรามีความสำเร็จในการเพิ่มขนาดใบสั่งซื้อในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มนักขายคนเก่งของเราที่นอกจากจะมีความต่อเนื่องในการทำธุรกิจกับเอวอนแล้ว ยังสามารถเพิ่มขนาดใบสั่งซื้อได้ในระดับที่น่าพอใจถึงกว่า 10% ด้วยกัน อัตราผลกำไรขั้นต้นของเราในปีนี้ก็มีการปรับตัวดีขึ้นถึง 1 percentage point ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และต้นทุนสินค้าลดลงที่ได้รับผลมาจาก Harmonization ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคนี้” นางวัลลภา นฤนาทวานิช กล่าว

ด้านกลุ่มสินค้าเด็ก “เอวอน เบบี้” ที่เอวอนเพิ่งแนะนำสู่ตลาดเมืองไทยนั้น พบว่า ได้ผลตอบรับเกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ทั้งในเรื่องของโอกาสการสร้างรายได้จากกลุ่มนักขายคนเก่ง และผู้บริหารกลุ่มของเอวอน และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากสื่อทุกแขนง และที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากคงเป็นเรื่องของการทำ trade promotion ร่วมกับนิตยสารคุณแม่ชั้นนำจำนวนมาก ในแง่ของสัดส่วนการขายสามารถสรุปยอดขายได้ ดังนี้ เอวอน เบบี้ โลชั่น มีสัดส่วนการสร้างรายได้สูงที่สุดถึง เกือบ 40% ตามมาด้วย เอวอน เบบี้ เฮด ทู โท วอช มีสัดส่วนอยู่ที่ 32% ตามมาติดๆ ด้วยกลุ่ม เอวอน เบบี้ ซูทธิ่ง ออยล์ ที่มีลำดับสัดส่วนการสร้างรายได้ในช่วง 3 เดือนแรก ถึง 29% นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมส่งเสริมการขายที่จัดขึ้นรวมทั้งการนำเสนอตัวอย่างน้ำหอมของเอวอน เบบี้ ในแค็ตตาล๊อกของเอวอน รวมไปถึงกิจกรรมเอวอน เบบี้ สปา ที่จัดขึ้นตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน ที่เอวอน บิสสิเนส เซ็นเตอร์ บางกะปิ ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างยอดขายให้กับเอวอน เบบี้เช่นกัน

ด้านช่องทางการจำหน่ายนั้น ในปีที่ผ่านมาเอวอนมีการปรับกลยุทธ์ด้านช่องทางการจำหน่ายให้เข้ากับวิถีชีวิตในปัจจุบันรวมถึงความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดเอวอน บิสสิเนส เซ็นเตอร์ ที่บางกะปิ อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการด้านการสั่งสินค้าพร้อมรับสินค้าทันทีกว่า 200 รายการ นอกจากนี้ ยังใช้เป็นศูนย์ฝึกอบรมแก่ผู้บริหารกลุ่มของเอวอน โดยมีตารางพัฒนาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์และการพัฒนาผู้นำธุรกิจภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก อบรมโดยทีมงานมืออาชีพของเอวอนทั้งในด้านธุรกิจและด้านความงาม นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาการรับใบสั่งซื้อในรูปแบบเทรดดิชั่นนัลทางไปรษณีย์ โดยเปิดตลอดแคมเปญการสั่งซื้อจากทั่วประเทศและเพิ่มบริการจัดส่งสินค้าให้กับผู้จำหน่ายอิสระและกลุ่มนักขายคนเก่งทั่วประเทศภายใน 3 วันทำการ ในขณะที่เอวอนคอลเซ็นเตอร์ ก็ให้บริการรับใบสั่งซื้อตลอด 24 ชม.ทุกวันผ่าน 0-2614-0123 สำหรับช่องทางการสั่งซื้อแบบออนไลน์ ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบรับการขยายตัวของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากผู้จำหน่ายอิสระและผู้บริหารกลุ่ม ซึ่งเอวอนมุ่งขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านสื่อออนไลน์ และโซเชียล มีเดีย รวมถึงเน็ทเวิร์คต่างๆ โดยจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักที่เอวอนจะพัฒนาโดยใช้รูปแบบเดียวกันทั่วโลก เพื่อเสริมโอกาสการสร้างรายได้ให้กับนักธุรกิจเอวอนที่จะสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านโลกออนไลน์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์สมาร์ท โฟน

“ในปี 2554 ถือเป็นปีที่เอวอนทั่วโลกฉลองครบรอบ 125 ปีร่วมกัน เอวอนจึงได้นำเสนอแคมเปญระดับโลก เอวอน วอยซ์ เพื่อมอบโอกาสให้ผู้หญิงทั่วโลกร่วมแสดงความสามารถและพรสวรรค์ทางด้านการร้องเพลงและดนตรีให้คนทั่วโลกได้รับรู้ผ่านเว็บไซต์ www.avonvoices.com ที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกมุมโลก โดยมีนักร้องมืออาชีพระดับโลกรวมถึงบุคลากรระดับโลกจากวงการดนตรีเข้าร่วมเป็นกรรมการและเทรนเนอร์ให้กับผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย โดยแคมเปญดังกล่าว ถือเป็นการเปิดช่องทางไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ซึ่งเป็นวัยรุ่นและวัยเริ่มทำงานที่จะได้รู้จักเอวอนได้ดียิ่งขึ้น” นางวัลลภา นฤนาทวานิช กล่าว

ด้านมุมมองต่อการเติบโตของธุรกิจขายตรงในปี 2554 นั้น นางวัลลภา นฤนาทวานิช กล่าวเสริมในประเด็นดังกล่าวว่า “การเข้ามาของบริษัทขายตรงรายสำคัญๆ ทำให้ตลาดมีความตื่นตัว และทำให้รูปแบบของธุรกิจขายตรงเป็นที่จับตามองของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป เนื่องจากเป็นการเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้และเป็นธุรกิจที่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้เท่าๆ กัน โดยแทบไม่ต้องอาศัยพื้นฐานการศึกษาและพื้นฐานทางสังคมส่วนตัว การเข้ามาของบริษัทขายตรงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายเข้าสู่ท้องตลาดตรงถึงผู้บริโภค ผ่านเครือข่ายขายตรงที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามนักธุรกิจอิสระหรือประชาชนควรให้ความสำคัญกับการเลือกเข้าร่วมธุรกิจขายตรงกับบริษัทใดๆ เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นตัวกำหนดความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวของบริษัทนั้นๆ แล้ว ยังมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของสินค้าและบริการที่จะได้รับจากสินค้าในกลุ่มนี้ด้วย ผู้บริโภคก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีส่วนสำคัญในการกำหนดความสำเร็จและโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในธุรกิจขายตรงมากขึ้น ไม่ใช่เป็นเพียงแต่นักธุรกิจในเครือข่ายเท่านั้น การเพิ่มการบริการ การรับประกันการคืนสินค้า ความสะดวกในการสั่งซื้อ การรวดเร็วในการได้รับผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน จะเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัทในกลุ่มขายตรงอย่างแน่นอน”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :

ศันสนีย์ ทรงเกียรติธนา (เอ๋) Assistant Cooperate Communication Manager

โทร 02-729-9784 อีเมล์ sansanee.songkiatthana@avon.com

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

 

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

พญ. นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง และ นักธุรกิจกิฟฟารีน ร่วมสังสรรค์ ใน เทศกาลต้อนรับปีใหม่ ที่ โรงแรมอินทรา

พญ. นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงและนักธุรกิจกิฟฟารีน ร่วมสังสรรค์ในเทศกาลต้อนรับปีใหม่ ที่โรงแรมอินทรา เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ภายในงานได้จัดให้มีกิจกรรมสนุกสนาน มีทั้งการแสดงและเกมส์ต่างๆ อาทิ สอยดาว ช้อนไข่ ไข่มหาสนุก ชิงของรางวัลมากมายมีทั้ง LCD TV เครื่องฟอกอากาศ เครื่องกรองน้ำ ตุ๊กตา และผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน ยิ่งไปกว่านั้นไฮไลท์ของงานอยู่ที่โชว์ชุดต่างๆ จากนักธุรกิจกิฟฟารีน ที่เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์ ปิดท้ายด้วยการแสดงสุดประทับใจจากขวัญใจตลอดการของชาวกิฟฟารีน พญ.นลินี ไพบูลย์ ที่มาร่วมขับร้องเพลงไพเราะ พร้อมด้วยนักธุรกิจกิฟฟารีนจากทั่วทุกภูมิภาค ปีกระต่ายปีนี้...กิฟฟารีนคึกคักตั้งแต่ต้นปี หวังกระโดดสูงคว้ายอด 5,500 ล้านให้ได้...งานนี้สิ้นปีมีลุ้น....จะฟันธงหรือคอนเฟิร์ม









ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.giffarinethailand.com/