ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด จัดงานสัมมนา “เมื่อรบต้องชนะ 2554” (Win the battle 2011) 3 วัน 2 คืน แก่ผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์กว่า 200 ชีวิต โดยได้รับเกียรติจาก สมคิด ลวางกูร ผู้พลิกชีวิตจากเด็กวัดยากจนสู่การเป็นนักคิด นักเขียน ร่วมด้วย เอกชัย วรรณแก้ว มนุษย์เพนกวินผู้เขียนชีวิตด้วยปลายเท้า เป็นวิทยากรรับเชิญแบ่งปันแง่คิดและถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ ณ โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา จ.ชลบุรี
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300, 0-2434-8547

คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณปิติยา


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

 

ฉลองชื่นมื่น



นายเชน ใจซื่อ (คนที่สองจากซ้าย) ประธานกรรมการ บริษัท นิวตริริช จำกัด ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรภายใต้แบรนด์ “ดาวปูแดง” ล่องเรือดื่มฉลองความสำเร็จร่วมกับนายเสรี รุ่งสว่าง นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง พร้อมด้วยหัวหน้าสายงานภาคต่าง ๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสงสียามราตรีของกรุงเทพฯที่สวยงาม ยืนยันความสำเร็จผลิตภัณฑ์ดาวปูแดงที่สามารถครองใจลูกค้าได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ณ โรงแรมริเวอร์ไซด์เร็ว ๆนี้

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

เอวอน ฉลอง 125 ปี อย่างยิ่งใหญ่ ประกาศแผน รุกตลาดเมืองไทยแบบ 360 องศา เพิ่มแชร์สกินแคร์ พร้อมขยายไลน์สู่แฮร์แคร์ รับแรงหนุนของบริษัทแม่ในอเมริกา



เอวอน’ ฉลองครบรอบ 125 ปี เปิดแผนรุกตลาดแบบ 360 องศา ประกาศขยับแชร์ตลาดสกินแคร์ ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ตอบรับกระแสนิยมของผู้บริโภคชาวไทย พร้อมเตรียมแผนรุกตลาดแฮร์แคร์ในปีนี้แบบเต็มพิกัด ล่าสุดดึง ‘เจนสุดา ปานโต’ เป็น Celebrity Model เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เผยมั่นใจเต็มร้อยหลังบริษัทแม่ที่อเมริกาส่งแรงหนุนหลังมองเห็นศักยภาพตลาดเมืองไทยที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เร่งพัฒนาเครือ ข่ายธุรกิจทำแผนให้เป็นจริง ภายใต้ปณิธาน ‘ผลักดันพลังของผู้หญิง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น’

นางวัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย ในโอกาสฉลองครบรอบ 125 ปีของเอวอนว่า ด้วยศักยภาพของตลาดขายตรงเมืองไทย ล่าสุดบริษัทแม่ ในสหรัฐอเมริกา จึงได้ประกาศสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของเอวอนประเทศไทยอย่างเต็มที่ ภายใต้กลยุทธ์แบบ 360 องศา ที่เน้นพัฒนากลไกสู่ความสำเร็จ ประกอบด้วย นโยบายเชิงรุก การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ขยายเครือข่ายธุรกิจ และการสร้างความพึงพอใจสูงสุด เพื่อเพิ่มยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ซึ่งเอวอน ถือเป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของนวัตกรรมและสิทธิบัตรที่นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆ ประกอบกับบทวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ขายตรงของเอแบค ระบุว่า ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ คือ 1 ใน 3 ประเภทสินค้ายอดนิยมของตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่ง

สอดคล้องกับรายงานในระดับสากลที่ได้สำรวจมูลค่าตลาดรวมของสินค้าสกินแคร์ว่ามีมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 7% ในแต่ละปี และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 55,000 ล้านบาทภายในปี 2557 ซึ่งสินค้ายอดนิยม ในกลุ่มนี้คือ กลุ่มสินค้า Whitening และ กลุ่มสินค้า Anti-aging

“เราต้อนรับปีที่ 125 ด้วยการเปิดตัวสกินแคร์ ANEW Reversalist ที่เอวอนนำเสนอเทคโนโลยีที่เรียกว่า Activinol Technology ในการสมานริ้วรอยในเซลล์ผิวของเราด้วยกระบวนการเดียวกับที่ร่างกายสมานบาดแผล โดยได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตลอดปี 2554 เราวางแผนที่จะส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงซัมเมอร์เราจะเปิดตัว ANEW 360° White UV Shield ซึ่งผนวก Sun Block และ Whitening ไว้ในหนึ่งเดียว อีกขั้นแห่งวิทยาการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวด้วยเทคโนโลยี “เจเอ็นเค-คัตติ้ง” (JNK-Cutting) ปกป้องผิวจากแสงอาทิตย์สูงในทุกมุมมอง และลดเลือนสัญญาณแห่ง ความหมองคล้ำจากรังสียูวีตั้งแต่แรกทา ตามมาด้วยครีมบำรุงรอบดวงตาถึง 2 ตัวด้วยกัน ANEW 360° White Brightening Eye Serum เพียง 1 สัปดาห์ ผิวรอบดวงตาดูแข็งแรง และกระจ่างใสขึ้น 4 สัปดาห์ รอยคล้ำ รอบดวงตา ริ้วรอย และถุงใต้ตา แลดูลดเลือนลง และอีกตัวหนึ่งคือ ANEW Clinical Eyelift Pro ที่สามารถเติมคอลลาเจนให้กับผิวรอบดวงตาด้วยการใช้ส่วนผสมระดับ Injectable Grade หรือเกรดเดียวกับที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังใช้ฉีดเติมเต็มริ้วรอย และอีก 1 ผลิตภัณฑ์ที่จะมาบุกตลาดสกินแคร์เมืองไทยในปีนี้ Clearskin ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรักษาสิวสำหรับวัยรุ่น ซึ่งจะเจาะกลุ่มนักเรียนไปจนถึงผู้ใหญ่ที่ยังมีปัญหาเรื่องสิว ซึ่งเอวอนขอท้าพิสูจน์ว่า ใช้เพียง 1 วัน จะรู้สึกได้ทันทีว่า สิวมีขนาดเล็กลง ภายใน 1 สัปดาห์ช่วยดูแลสิวให้ หายได้” นางวัลลภา นฤนาทวานิช กล่าวถึงผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่พร้อมเปิดตัวฉลองปีที่ 125 ของเอวอน

นอกจากนี้ ความยิ่งใหญ่ครั้งใหม่ที่ เอวอน ต้องการมอบแก่ตลาดเมืองไทย นั่นก็คือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ‘แฮร์แคร์’ ครั้งแรกในเมืองไทย ด้วยกลุ่ม Advanced Technique ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับซาลอนเพื่อการดูแลเส้นผมตามความต้องการ 4 แบบ และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมระดับซาลอน และผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ในกลุ่มนี้คือ Frizz Control Lotus Shield นวัตกรรมทรีตเมนท์บำรุงเส้นผมล่าสุดของ เอวอน ซึ่งเป็นเซรั่มที่คอยดูแลไม่ให้ผมชี้ฟู ช่วยป้องกันเส้นผมจากไฟฟ้าสถิตในอากาศ ทำให้ผมตรง เรียบสลวย แม้ผ่านการสระผมมากกว่า 3 ครั้ง ซึ่ง เอวอน มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นกัน เพราะปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในเมืองไทยและในระดับสากลมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ด้านแผนการตลาดเพื่อดันยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ นั้น นางวัลลภา นฤนาทวานิช กล่าวเสริมว่า “เอวอน ยังให้ความสำคัญกับสินค้าในไลน์อื่นๆ ด้วย เช่น กลุ่มเมคอัพ กลุ่ม Personal Care รวมถึงจิวเวลรี่ที่จะเพิ่มให้ เอวอนเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการในชีวิตผู้หญิง โดยล่าสุด เอวอน ได้เลือก เจนสุดา ปานโต มาเป็น Celebrity Model เพื่อช่วยขยายช่องทางไปยังกลุ่มผู้หญิงยุคใหม่ที่มีความเฉลียวฉลาด มั่นใจ ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เอวอนมีทั้งความร่วมสมัยและความยิ่งใหญ่ระดับตำนานซึ่งมีประวัติความเป็นมาถึง 125 ปีเป็นเครื่องพิสูจน์”

“ในปีนี้เราต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจภาคสนามผ่านผู้จำหน่ายอิสระด้วยโปรแกรมและแคมเปญต่างๆ พร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพและเพิ่มจำนวนผู้จำหน่ายอิสระเอวอน การเฉลิมฉลองปีที่ 125 ก็นับเป็นอีกหนึ่งแคมเปญยักษ์ที่จะสร้างความภาคภูมิใจและเพิ่มความเชื่อมั่นในธุรกิจในผู้จำหน่ายอิสระของเรา เรามี Believe World Tour ซึ่งเป็นโปรแกรมที่คุณแอนเดรีย จัง ประธานและซีอีโอของเรา เดินทางไปพบปะผู้จำหน่ายอิสระ ใน 16 ประเทศทั่วโลกด้วยตัวเธอเอง แขกรับเชิญพิเศษอย่างรีส วิทเธอร์สปูน, เฟอร์กี้, แพททริค เด็มพ์ซี่ย์ และยัสมิน เลอ บอง และเซเลบริตี้ชื่อดังระดับโลก เพื่อร่วมเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ 125 ปีที่ยิ่งใหญ่ของเอวอน และสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อผู้หญิงให้กับผู้จำหน่ายอิสระเอวอนทุกคน ทั้งนี้คาดว่าเมื่อจบการเดินทางในทุกประเทศแล้ว จะมีผู้จำหน่ายอิสระถึง 125,000 คนจากทั่วโลกที่ได้รับเกียรติเข้าร่วมเหตุการณ์ ครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้” นางวัลลภา นฤนาทวานิช กล่าวสรุป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์:

บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด

วิภาวริศ เกตุปมา หรือ จาจิญา เพ็งพันธ์ และชวิศรา สัมฤทธิ์นรพงศ์


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 


“ชนิดา” แพแตก!! ฟอร์มทีมล้ม มือดีเปลี่ยนใจไม่ร่วมทีมทำขายตรงข้ามชาติ หลังหอบหิ้วกันออกจาก “Agel” ไล่ดิว 4 บริษัทอเมริกาเหลว!! “ธเนตร” หนีซบ “Jeunesse” ด้าน “ไมยสิทธิ์” มึน!

ขอหวนคืนถ้ำเก่า “Synergy” ขณะ “ประทีป แตงทอง” ขุนพลประกันฯ หลายค่ายแบะท่ายึดหัวหาด “B-Hip” เตรียมทีม “The Magic Eagle” ปูพรมยุทธศาสตร์ 63 ผู้นำ 8 โซนทั่วไทยพร้อมเปิดตัวเมษายนนี้

รายงานข่าวจากวงการขายตรงไทยระบุถึงกระแสความเคลื่อนไหว “กลุ่มนักขาย” ที่มี “นางชนิดา บูรณะบุตร” และ “นายณัฐรินทร์ บูรณะบุตร” สองสามีภรรยาเป็นแกนนำในการไปเจรจา “บริษัทขายตรงอเมริกา” หลายบริษัทมาดำเนินการเปิดสาขาในประเทศไทยนับตั้งแต่ “Rain Nutrition” ต่อด้วยบริษัท “Monavie”  ตามมาด้วย “B-Hip” และ       “Jeunesse” ช่วงระหว่างปลายปี 2553 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันว่า ล่าสุดทีมนักขายระดับสูงที่ยกทีมออกจาก บริษัท เอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขณะนี้เกือบทั้งหมดได้แยกทีมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รายงานข่าวระบุว่า “นายธเนตร วงษา” และ “นางอนุสรา จันทรังษี” สองสามีภรรยาและทีมงานส่วนตัวได้ตัดสินใจไม่ติดตามและเข้าร่วมการฟอร์มทีมภายใต้การนำของนางชนิดาอีกต่อไปหลังผ่านการเจรจากับบริษัทขายตรงข้ามชาติที่มาจากอเมริการายล่าสุด

โดยนายธเนตร เปิดเผย “เส้นทางนักขาย” ว่า ได้ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับขายตรงน้องใหม่จากประเทศสหรัฐอเมริกา คือ  Jeunesseglobal ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา และทางผู้บริหารใหญ่ของบริษัทคือ  Mrs.Wendy Lewis ได้เดินทางมาตกลงร่วมธุรกิจกัน ในวันดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“จากการพูดคุยผมบอกได้เลยผมตัดสินใจเลยทันที ว่าจะเข้าร่วมบริษัทนี้ และเราได้ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าจะช่วยกันสร้างยอดขายให้ถึง 1,000 ล้านบาท ภายใน 1 ปีนี้ ขณะนี้ผมและทีมงานกำลังฟอร์มทีมกันอยู่ คาดว่าจะพร้อมในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจภายในเดือนมีนาคมนี้ และผมจะสร้างผู้นำนักขายที่มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนให้ได้ครบ 1,000 คนให้ได้ คาดว่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับคนในวงการอย่างแน่นอน”

ทั้งนี้สำหรับข้อมูลของ Jeunesseglobal จากเว็บไซต์ www.jeunesseglobal.com  ระบุว่า สำนักงานใหญ่ของ Jeunesseglobal ตั้งอยู่ที่รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีสาขาอยู่ในต่างประเทศได้แก่ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และล่าสุดคือประเทศไทย โดยมีโปรดักส์ทำตลาดเกี่ยวกับอาหารเสริม Reserve™ และเครื่องสำอาง LUMINESCE™ เพื่อสุขภาพและความงาม

ด้าน “นายไมยสิทธิ์ สว่างธรรมรัตน์” ได้ตัดสินใจหวนกลับไปร่วมทีมกับ “นายดนุ วงศ์ประเสริฐ” ที่ภายหลังตัดสินใจออกจากเอเจล ไปก่อนหน้านี้แล้วหันไปร่วมทีมกับคู่แฝด “ดนัย วงศ์ประเสริฐ” ในบริษัท ซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด

โดยนายไมยสิทธิ์ได้เปิดเผย “เส้นทางนักขาย” ว่า ขณะนี้ไม่ได้เข้าร่วมทีมกับนางชนิดาแล้วตามกระแสข่าวที่ขึ้นเกิดขึ้นจริง และได้เข้าร่วมงานเป็นสายงานเดียวกันกับนายดนุ วงค์ประเสริฐ ที่ซินเนอร์จี้เป็นที่เรียบร้อย เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“ตอนนี้ผมคิดว่าความรู้สึกของผมคำว่ากระแสไม่ช่วยอะไรเลย แต่เกษียณต่างหากคือสิ่งที่ทุกคนแสวงหา ผมจะผลักดันให้ทุกคนมารักการเกษียณเป็นกระแสให้ดู ที่ผ่านมา 2 – 3 ปี คนอาจจะมองว่าซินเนอร์จี้เงียบไป นั่นเป็นเพราะบริษัทฯไม่ได้ทำพีอาร์มากพอ แต่เน้นการนำเงินมาปรับปรุงระบบและตัวบริษัทมากกว่า

ซึ่งถึงตอนนี้ผมเห็นว่าเขาทำได้ดีมากขึ้นจริง ผมยกให้ธุรกิจซินเนอร์จี้เป็น ฮีโร่ บ้านหลังสุดท้ายของทุกคน สร้างให้ทุกคนสำเร็จไปพร้อมกัน ส่วนบริษัทอื่นเป็นเพียงซุปเปอร์สตาร์ เด่นคนเดียว ดังคนเดียว เพราะตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ผมได้ทบทวนแล้วว่า ที่นี่คือธุรกิจที่พร้อม เป็นธุรกิจน้ำดี ต้นกำเนิดมั่นคง ไม่มีอะไรแอบแฝง ผมจึงเลือกที่จะอยู่ที่ซินเนอร์จี้เป็นที่สุดท้ายครับ”  นายไมยสิทธิ์กล่าว
ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวอีกว่า “นายประทีป แตงทอง” มือดีด้านการฝึกอบรมและมีสถาบันฝึกอบรมเป็นของตัวเอง หลังจากได้รู้จักและถูกทาบทามจากนางชนิดาให้เข้าร่วมเป็น 1 ในทีมใหญ่เพื่อเข้าร่วมฟอร์มบริษัทขายตรงช่วงเจรจากับ B-Hip จากอเมริกา ก็ตัดสินใจข้ามฟากธุรกิจประกันชีวิตมาทำธุรกิจขายตรงเป็นครั้งแรกในชีวิตทันที

ล่าสุด “นายประทีป” ได้เปิดเผยถึงกระแสข่าวดังกล่าวกับ “เส้นทางนักขาย” ว่า ยังไม่ระบุว่าเป็นบริษัทหรือแบรนด์อะไร แต่สำหรับความพร้อมการทำงานของทีมงานภายใต้การจัดการของกลุ่มตนในนาม “The Magic Eagle” (เดอะเมจิกอีเกิ้ล) นั้น ขณะนี้เดินหน้าเต็มที โดยตะเวนจัดประชุมกลุ่มย่อยกับนักขายทุกระดับในสังกัดไปเกือบทุกจังหวัดแล้ว
“เดอะเมจิกอีเกิ้ล กำลังฟอร์มทีมของเราที่ยิ่งใหญ่ เพราะเตรียมวางตัวผู้นำระดับไดมอนด์ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนละ 1 ล้านบาทขึ้นไปให้ครบ 63 คน ในพื้นที่ๆ เราแบ่งออกเป็น 8 โซนทั่วประเทศ ซึ่งยุทธศาสตร์นี้จะสร้างผู้นำระดับมือทำงานให้ได้ถึง 504 คน โดยรายได้ที่มั่นคงจะเกิดขึ้นกับทีมงานเดอะเมจิกอีเกิ้ลนี้ภายใน 3 เดือน และเราพร้อมจะเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 200 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16- 31 มีนาคม 2554


สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด จัดงานสัมมนา “เมื่อรบต้องชนะ 2554” (Win the battle 2011) 3 วัน 2 คืน แก่ผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์กว่า 200 ชีวิต โดยได้รับเกียรติจากนักวิ่ง 4 สาวลมกรดทีมชาติไทย ภัสสร จักษุนิลกร, ณีรนุช กล่อมดี, ลภัสภร ถาวรเจริญ, นงนุช แสนราช และ โค้ชผู้ฝึกสอน พล.ต.ต.ศุภวณัฏฐ์ อาริยะมงคล เป็นวิทยากรรับเชิญแบ่งปันแง่คิดและถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ ณ โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา จ.ชลบุรี

 

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ซูมยุทธศาสตร์ขายตรง ‘เนเจอร์โนวา’ เดินเครื่องด้วยระบบ เสริมทัพสินค้าใหม่



“เนเจอร์โนวา” เปิดยุทธศาสตร์เชิงรุกเตรียมออกทีเด็ดผลิตภัณฑ์ใหม่เดือนมี.ค.นี้พร้อมลั่นกระสุนไกเปิดศึกปี’54 ขอเน้นกิจกรรมการตลาดแบบครบเครื่องหวังสร้างการรับรู้...ด้าน “กฤษณ์” ยอมรับในช่วงที่ผ่านมา “เนเจอร์โนวา” คนยังไม่ค่อยรู้จักเท่าที่ควรพร้อมเชื่อหลังจากนี้จะเป็นอีกหนึ่งเครือข่ายาขายตรงที่น่าจับตามองแน่แย้มเป้าสิ้นปีขอแตะ 100 ล้านหลังยอดขายปีที่ผ่านมาตรงตามเป้าเป็นที่นาพอใจมั่นใจวันนี้ความพร้อมทุกอย่างพร้อมรบมากกว่าอดีตเพียบ
“กฤษณ์ เหลืองอร่าม” กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนเจอร์ โนวา จำกัด เปิดเผยต่อ “ตลาดวิเคราะห์” ว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า คนยังไม่ค่อยที่จะรู้จัก เนเจอร์ โนวา เท่าที่ควรในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากบริษัทฯ ค่อนข้างที่จะรุกในพื้นที่ต่างจังหวัดเสียส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้เองทำให้ในปีนี้ บริษัทฯ จึงได้มีการปรับยุทธศาสตร์เชิงรุกใหม่ ด้วยการเน้นเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้น ทั้งในส่วนของต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม หากจะ ถามถึงยอดขายในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมานั้น เรียกว่าบริษัทฯ สามารถทำยอดขายถึงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ 50 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่ทำให้บริษัทฯ มียอดขายตรงตามเป้าหมายนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการรุกตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของการจัดโปรโมชั่นต่างๆ การอบรมเทรนนิ่ง รวมถึงการจัดประชุมต่างๆ เป็นต้น ที่ส่งผลมาถึงยอดขายนั่นเอง ส่วนเป้าหมายยอดขายในปีนี้นั้น ทางบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับกลยุทธ์ที่จะช่วยผลักดันให้ถึงเป้าหมาย 100 ล้านบาท ในสิ้นปีนี้นั้น “กฤษณ์” เผยว่า กลยุทธ์ที่สำคัญที่จะเน้นในปีนี้ คือ การเพิ่มความความหลากหลายในเรื่องของสินค้าใหม่มากขึ้น โดยที่ในท้องตลาดไม่มี ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคมนี้ บริษัทฯ จะออกสินค้าใหม่เกี่ยวกับการป้องกันเซื้อไวรัส ที่เป็นชนิดเม็ด ต่อจากนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคมก็จะเป็นสินค้าตัวเดียวกัน แต่เป็นชนิดน้ำ และในเดือนกรกฎาคมจะเป็นสินค้าสำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นไวรัสตับอักเสบ
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญของบริษัท คือ การทำอย่างไรให้สมาชิกทุกคนมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับการเน้นทำกิจกรรม การประชาสัมพันธ์ที่มากขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา ทั้งทางด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ทีวี วิทยุชุมชน รวมถึงในปีนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมที่จะลุยพื้นที่ภาคใต้ให้ครบทั้ง 17 จังหวัดอีกด้วย
“ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ผม เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของที่นี้ พบว่า เนเจอร์โนวาเริ่มที่จะเป็นที่จับตาของคนเครือข่ายด้วยกัน เป็นเพราะเริ่มมีการพูดถึง เนเจอร์ โนวามากขึ้น และมีหลายๆ บริษัท เริ่มทำธุรกิจตามเรา ที่สำคัญธุรกิจเนเจอร์ โนวา เริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น ทั้งในส่วนของยอดขายและจำนวนสมาชิก พร้อมกับระบบการจัดการต่างๆ ก็เริ่มที่จะมีระบบมากขึ้นด้วย”
“กฤษณ์” เผยต่ออีกว่า ปัจจุบัน เนเจอร์ โนวา มีสมาชิกทั้งสิ้น 7 พันคน โดยที่แอคทีฟอยู่ที่ประมาณ 2,000 พันคน และมีผู้ที่สมาชิกเข้ามาใหม่เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 100-200 คน ซึ่งสาเหตุที่จำนวนสมาชิกของบริษัทฯ ค่อนข้างน้อย เนื่องจากว่าธุรกิจเนเจอร์ โนวา ไม่ใช่ระบบที่รีครูท คนเข้ามาแล้วได้ค่าแนะนำ แต่เป็นการบริโภคสินค้าดีแล้วเกิดซื้อซ้ำเสียส่วนใหญ่ และมีคนที่มีรายได้จริง
“ความพร้อมของเนเจอร์โนวา ในวันนี้ถือว่ามีความพร้อมในทุกรูปแบบ ทั้งในเรื่องของสินค้า ระบบการฝึกอบรมที่เข้มข้น ทีมงานวิจัยมืออาชีพ การอัดฉีดโปรโมชั่นต่างๆ ที่พร้อมสนับสนุนสมาชิกทุกคน ซึ่งอยากที่จะขอเชิญชวนทุกท่านลองเข้ามาสัมผัสในธุรกิจ เนเจอร์ โนวา ดู แล้วจะรู้ว่าที่แห่งนี้คือ อีกหนึ่งโอกาสทองของท่านนั่นเอง”
ส่วนทางด้าน “ชิตยาภรณ์ วรพันธนายุต” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เนเจอร์ โนวา จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมทางการตลาดในปีนี้นั้น ทางบริษัทฯ จะมุ่งเน้นทั้งในต่างประเทศและภายในประเทศ พร้อมๆ กับการรุกโครงการติดป้ายได้โชคอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้โครงการดังกล่าวจะเน้นที่การประชาสัมพันธ์ในแต่ละแบรนด์เป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้และจดจำ
นอกเหนือจากการเน้นหนักในเรื่องของการตลาดแล้ว บริษัทฯ ยังจะเน้นในส่วนของการเทรนนิ่งด้วย ทั้งในส่วนของต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ด้วยคอร์สอบรมต่างๆ ที่จะทำให้สมาชิกทำงานง่ายขึ้น รวมถึงการเน้นสร้างคนให้มีความเป็นผู้นำเพื่อสู่ความเป็นมืออาชีพ อีกทั้งยังจะเพิ่มในส่วนของสินค้าเข้ามาในระบบมากขึ้นด้วย
“วันนี้ เนเจอร์ โนวา ไม่เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ เริ่มที่จะมีระบบมากขึ้น สมาชิกสามารถขยายองค์กรได้มากขึ้น สมาชิกมีศักยภาพมากขึ้น โดยเชื่อว่าด้วยอัตราการเติบโตของบริษัทฯ อาจจะไม่หวือหวาเหมือนที่อื่น แต่เชื่อว่า ณ วันนี้คนเริ่มที่จะรู้จัก เนเจอร์ โนวา มากขึ้น พร้อมกับมีรายได้ที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน และเราเองมีความหวังว่า เนเจอร์ โนวา น่าที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยเหลือทุกท่านได้เช่นเดียวกัน”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ ตลาดวิเคราะห์

2กูรูฟันธง ผลสำรวจ ‘เอแบคโพลล์’ ชี้ทิศธุรกิจยังสดใสด้วยหลายปัจจัย



เปิดบทวิเคราะห์ผลสำรวจธุรกิจเครือข่ายพบมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูงสุดยังคงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามตามด้วยผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและของใช้ประจำวันสำหรับเรือนร่างเผยปัจจัยอันดับแรกที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าขายตรงคือเรื่องของคุณภาพเป็นหลัก...ด้าน 2 กูรูขายตรงเชื่อธุรกิจขายตรงยังคงเติบโตดีและมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ทุกคนต้องการเลือกเป็นอาชีพเสริมและอาชีพหลัก
ณ ปัจจุบันต้องยอมรับว่า “ธุรกิจขายตรง” เริ่มที่จะคืบคลานแทรกซึมเข้าไปในเกือบทุกครัวเรือนของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจนี้...แต่ก็มีบางกลุ่มที่อาจจะยังไม่รู้จักธุรกิจขายตรงเท่าทีควร และด้วยจุดนี้เองที่ทำให้มีหลายๆ หน่วยงานจึงได้ออกมาสำรวจถึงผลวิจัยเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงกับผู้บริโภค โดยล่าสุดทางศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ร่วมกับทางสมาคมการขายตรงไทยเปิด เผยถึงผลสำรวจกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีต่อธุรกิจขายตรง
ซึ่งผลการสำรวจดังกล่าวนั้น ทาง “เอแบคโพลล์” ได้มีการสำรวจกับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ 12 จังหวัด จากทุกภูมิภาคของประเทศ ระหว่างเดือนกันยายนจนถึงเดือนธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยการดำเนินโครงการมีการจำแนกออกเป็น 3 โครงการย่อย ตามกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการสำรวจ ที่ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขายตรง กลุ่มผู้บริโภคสินค้าขายตรง และกลุ่มประชาชนทั่วไป โดยการสำรวจแต่ละกลุ่มมีเนื้อหาสาระให้ติดตามดังนี้

‘เอแบคโพลล์’เผยผลวิจัยขายตรง
พบธุรกิจมีพัฒนาการที่ดีต่อเนื่อง
...ทั้งนี้ จากผลสำรวจของ “เอแบคโพลล์” กลุ่มประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับทัศนคติต่อธุรกิจขายตรง จากตัวเลขพบว่าร้อยละ 57.5 ที่รู้จักในธุรกิจขายตรง โดยที่เพศ หญิงมีสัดส่วนการรู้จักที่สูงกว่าเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 62.0 : 51.5 ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลกับต่างจังหวัด สัดส่วนการรู้จักธุรกิจขายตรงไม่แตกต่างกันคิดเป็นร้อยละ 58.1 : 56.8
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า กลุ่มที่รู้จักในธุรกิจขายตรงร้อยละ 82.2 ไม่เคยเป็นสมาชิกบริษัทขายตรง โดยเหตุผลอันดับแรก คือ ไม่มีความสนใจเป็นสมาชิก ร้อยละ 31.7 ส่วนกลุ่มที่เคยเป็นสมาชิกบริษัทขายตรงร้อยละ 17.8 แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็น ให้เหตุผลอันดับแรก คือ ไม่มีเวลาทำธุรกิจ ร้อยละ 35.0
ส่วนตัวเลขความสนใจซื้อสินค้าขายตรง พบว่า กลุ่มที่ไม่สนใจซื้อสินค้าขายตรงให้เหตุผล 3 อันดับ คือ ราคาแพง ร้อยละ 63.7 รองลงมา คือ ขั้นตอนในการซื้อที่ยุ่งยาก ร้อยละ 48.8 และคุณภาพสินค้าไม่ตรงกับที่โฆษณา/ไม่ได้คุณภาพ ร้อยละ 28.0 ในทางตรงข้ามกลุ่มที่มีความสนใจซื้อสินค้าขายตรง ระบุถึงเหตุผลที่ทำให้สนใจซื้อ 3 อันดับแรก คือ คุณภาพสินค้า ร้อยละ 79.3 รองลงมา คือ การรับประกันสินค้า ร้อยละ 31.5 และราคาสินค้า ร้อยละ 31.1 ตามลำดับ
ด้านการสำรวจภาพลักษณ์ของนักขาย ผู้จำหน่ายสินค้าขายตรงนั้น การสำรวจในหัวข้อดังกล่าว มีทั้งด้านดีและไม่ดี โดยภาพลักษณ์ด้านดีที่เด่นชัด คือ นักขายมีมนุษยสัมพันธ์ดี/อัธยาศัยดี/เข้าหาลูกค้าเก่ง ร้อยละ 79.0 ขณะนี้ภาพลักษณ์ด้านไม่ดีที่เด่นชัดที่สุด คือ ชอบสร้างแรงกดดันให้ซื้อสินค้า/สมัครสมาชิก ร้อยละ 67.5
ทั้งนี้ ทางด้าน “เอแบค โพลล์” เอง ยังได้มีการซุ่มสำรวจกลุ่มผู้บริโภคสินค้าขายตรง ที่ซื้อผ่านช่องทางการซื้อขายขายตรงนั้น พบว่า ผู้บริโภคซื้อสินค้าขายตรงผ่านผู้จำหน่าย/นักขาย มากกว่าซื้อตรงจากบริษัท คิดเป็นสัดส่วนของการซื้อผ่านผู้จำหน่ายร้อยละ 72.4 จากบริษัทโดยตรง ร้อยละ 38.3
และเมื่อเปรียบเทียบคุณภาพ ราคา บริการหลังการขาย และการรับประกัน กับสินค้าที่วางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น โดยจากกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภค มีแนวโน้มประเมิน คุณภาพ บริการหลังการขาย และการรับประกันสินค้าของสินค้าขายตรง ดีกว่าสินค้าชนิดเดียวกันที่จำหน่ายผ่านช่องทางอื่น อย่างไรก็ตาม ผลการประเมินด้านราคาพบว่า สินค้าขายตรงมีแนวโน้มแพงกว่าสินค้าชนิดเดียวกันที่วางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น
นอกจากนี้ ปัจจัยที่สำคัญ ในการให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าขายตรง คือ คุณภาพสินค้า คิดเป็นร้อยละ 30.8 รองลงมา คือ ราคาสินค้า ร้อยละ 10.5 และการรับประกันคุณภาพสินค้าร้อยละ 7.9 ในขณะเดียวกัน หากจำแนกตามเพศและพื้นที่ พบว่า มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกตามพื้นที่พบว่า ตัวอย่างในพื้นที่ต่างจังหวัดมีแนวโน้มให้น้ำหนักกับปัจจัยด้านคุณภาพสินค้ามากกว่าตัวอย่างในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล คิดเป็นร้อยละ 33.9 และ 26.0 ตามลำดับ
ส่วนอีกหนึ่งผลสำรวจในธุรกิจขายตรงกับทางด้านกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงนั้น จากข้อมูลผลของการสำรวจที่ทาง “เอแบคโพลล์” ทำการซุ่มตัวอย่างมีเพียงแค่ 129 บริษัทนั้น โดยสำรวจแบ่งการกระจายออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มแรกดำเนินธุรกิจไม่เกิน 5 ปี มีร้อยละ 35.4 ส่วนกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจระหว่าง 5-10 ปี และมากกว่า 10 ปี มีเท่ากัน คือ ร้อยละ 32.3 ที่สำคัญ ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ดำเนินธุรกิจแบบระบบ MLM ร้อยละ 18.9 ดำเนินธุรกิจแบบ SLM ร้อยละ 12.6 ดำเนินธุรกิจแบบ Binary และอื่นๆ อีกร้อยละ 2.5
หากพิจารณาถึงสัดส่วนของสมาชิกที่อยู่ในระบบขายตรงปัจจุบัน (ปี 2553) พบว่า มีสมาชิกที่สมัครเพื่อซื้อสินค้าใช้ในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มที่สมัครเพื่อทำธุรกิจ คิดเป็นร้อยละ 63.4 และ 36.6 ตามลำดับ นอกจากนี้ หากจำแนกตามเพศจะพบว่า มีสมาชิกเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 48.5 ชายร้อยละ 32.7 และสมัครร่วมรหัสร้อยละ 18.8 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ทาง “เอแบคโพลล์” ยังได้เปิดเผยข้อมูลทางด้านการจัดจำหน่ายอีกว่า มูลค่าตลาดรวมของธุรกิจขายตรงในปี 2551 อยู่ที่ 46,147,087,826 บาท ซึ่งเติบโตจากปี 2548 ประมาณ 25.8% ขณะที่ในปี 2552 มูลค่าตลาดรวมยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 52,895,484,984 บาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 14.6%
ซึ่งเมื่อหากจำแนกมูลค่าตลาดตามประเภทสินค้าพบว่า ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด คือ 31.2% รองลงมาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 25.2% และของใช้ประจำวันสำหรับเรือนร่าง 11.1% ส่วนสินค้าประเภทอื่นมีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 10% ที่สำคัญหากจำแนกมูลค่าตลาดตามระบบการทำธุรกิจ (ข้อมูลจาก 129 บริษัท คิดเป็นมูลค่าตลาด 87.1%) พบว่าระบบ MLM มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 82.5% หรือมูลค่าตลาด 38,008,843,839 บาท รองลงมาระบบ SLM คิดเป็น 16.6% หรือมูลค่าตลาด 7,636,936,642 บาท ระบบ Binary คิดเป็น 0.6% หรือมูลค่าตลาด 297,648,306 บาท

เปิดมุมมอง2กูรูขายตรง
ชี้ธุรกิจยังโตด้วยหลายปัจจัย
...อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจที่หากจะให้มองตามหลักความเป็นจริงแล้ว เรียกได้ว่าการซุ่มสำรวจเพียงแค่ 129 บริษัทขายตรงเท่านั้น อาจจะยังไม่สามารถฟันธงได้สำหรับธุรกิจนี้ เพราะถือว่าข้อมูลในบางอย่างอาจจะยังน้อยนิดอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสีย ก็ยังเชื่อว่า “ธุรกิจขายตรง” ยังคงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจแห่งโอกาสสำหรับใครหลายคน ในหลายยุค หลายสมัยนั่นเอง
ทั้งนี้จากผลการสำรวจของเอแบคโพลล์กับ “ธุรกิจขายตรง” นั้น หากจะให้ทางด้านผู้ประกอบการได้เผยถึงมุมมองเกี่ยวกับผลการสำรวจดังกล่าวแล้ว แต่ละท่านเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจนี้อย่างไร และอะไร คือ ปัจจัยเด่นที่ทำให้
ผู้คนต่างหลงใหลเข้ามาอยู่ในธุรกิจนี้
โดยทางด้านนายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนในการสำรวจครั้งนี้นั้น จากความเห็นของตนเองมองเห็นว่าธุรกิจนี้มีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการยอมรับ อีกทั้งสิ่งหนึ่งที่เห็นและเป็นปัจจัยที่สำคัญ ในธุรกิจนี้  ยังคงเป็นความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ซึ่งในมุมมองของผู้ประกอบการ คือว่า ความรับผิดชอบของผู้บริโภคนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งตรงนี้เห็นโดดเด่นทุกๆ การวิจัย โดยคุณภาพถือเป็นพื้นฐานของผู้ประกอบการทั่วๆ ไป ที่ต้องเกี่ยวข้อง ซึ่งธุรกิจขายตรงถือเป็นเพียงแค่ช่องทางในการนำ เสนอสินค้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความรับผิดชอบไม่ใช่เพียงแค่การนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ในเรื่องของราคาสินค้าถือว่าต้องยุติธรรมอีกด้วย นอกจากนี้ อีกหนึ่งเรื่องที่มองเห็นว่า มีการพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ พัฒนาการของนักธุรกิจอิสระ ที่จะนำไปสู่การยอมรับของคนทั่วไปมากขึ้น แต่ทั้งนี้เชื่อว่าธุรกิจขายตรงยังคงเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการมองหารายได้เสริมและยังสามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้ด้วยเช่นกัน
ด้าน “ภคพรรณ ลีวุฒินันท์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า สำหรับผลการสำรวจในครั้งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์ค่อนข้างมาก โดยเชื่อว่าทั้งตัวผู้ประกอบการเอง และสมาชิกหากได้มีการได้รับการแบ่งปันข้อมูลนี้ไป จะสามารถช่วยในหลายๆ ด้าน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มจุดแข็งให้กับบริษัทมีความโดดเด่นเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน เมื่อเจอจุดอ่อนก็นำจุดอ่อนนั้นไปพัฒนาให้ดีขึ้น
อย่างผลสำรวจที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ ในมุมมองที่มองผู้แทนจำหน่ายว่า ขายอย่างเดียวโดยที่ไม่มีการรับผิดชอบกับสินค้านั้น จากเปอร์เซ็นต์ของปี 2553 ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าลดลงจากปี 2548 ถึง 20% นั่นก็หมายความว่า มุมมองหรือทัศนคติของผู้บริโภคต่อธุรกิจขายตรงต่อผู้แทนจำหน่ายนั้นดีขึ้น และมีทัศนคติในทางบวกมากขึ้น
“จากทิศทางโดยภาพรวมของธุรกิจขายตรงที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่า ธุรกิจขายตรงจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนทั่วไปและหลากหลายอาชีพอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกัน ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ทั้งผู้ประกอบการหรือแม้กระทั่งตัวผู้บริโภคเอง ต้องการที่จะเห็นธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่สวยงามด้วยเช่นกัน”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ ตลาดวิเคราะห์

ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเดือด! 'แอมเวย์-ออริเฟลม' ส่งไม้เด็ด กระทุ้งยอด



ขายตรงสบโอกาสตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโต…ล่าสุดหลายค่ายดาหน้ารุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่อเนื่องรับเทรนด์คนรักสุขภาพ…ด้านพี่บิ๊กขายตรง “แอมเวย์” อัดแคมเปญใหญ่แห่งปี“NutriLOVE by Nutrilite” พร้อมยิงโฆษณา 6 เรื่องสร้างกระแสธุรกิจตอกย้ำผู้นำตลาด…ส่วน “ออริเฟลม” ไม่น้อยหน้าชิมลางตลาดใหม่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเวลเนสบายออริเฟลมพร้อมมั่นใจช่วยสร้างยอดขายโตถึง 20-25% แน่ย้ำ! ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทยยังโตได้อีกไกล
“ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” นับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ต้องบอกว่าเกือบทุกบริษัทในธุรกิจเครือข่ายต่างมีกันแทบทั้งนั้น ในขณะเดียวกันเชื่อว่า คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้นๆ คงไม่ฉีกหนีหรือแตกต่างอะไรกันมากนักแต่อย่างใด อาจจะเรียกได้ว่าเหมือนกันเสียด้วยซ้ำไป ซึ่งอาจจะแตกต่างกันเพียงแค่ สี กลิ่น รส ยี่ห้อเท่านั้นเอง
ที่ผ่านมา ต้องบอกว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาตลาดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีมูลค่ากว่า 26,600 ล้านบาท โดยถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่น่าสนใจทีเดียว ที่เชื่อว่าหลายๆ บริษัท ที่เมื่อได้เห็นมูลค่าตลาดนี้แล้ว คงต้องตาลุกวาวกันเลยทีเดียว
และจากมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เอง จึงส่งผลให้บริษัทเครือข่ายทั้งค่ายเล็กค่ายใหญ่ ได้เตรียมรุกคืบวางหมากกลยุทธ์เพื่อหวังที่จะแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดนี้นั่นเอง อย่างล่าสุด “พี่บิ๊กขายตรง” อย่าง “แอมเวย์” ก็ได้ออกมาประกาศแผนเชิงรุกแบบเร่าร้อนคนเครือข่าย ด้วยการเดินหน้ารุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ “นิวทริไลท์” ในกลุ่มวิตามินรวม ด้วยการเปิดแคมเปญใหญ่แห่งปี “NutriLOVE by Nutrilite” ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกหนึ่งค่ายที่หันมาขอแบ่งแชร์ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ “ออริเฟลม” ลองมาดูกึ๋นของ 2 ค่ายนี้กันดูว่า ทีเด็ดที่พร้อมเสิร์ฟให้คนเครือข่าย รวมถึงผู้บริโภคทั่วไปได้รับรู้มีอะไรกันบ้าง ซึ่ง “ตลาดวิเคราะห์” มีให้ทุกท่านได้ติดตามดังนี้

“แอมเวย์”รุกตลาดสุขภาพ
ดันแคมเปญยิงโฆษณา6เรื่อง
...หากจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของแผนรุกตลาดเครือข่ายของค่ายยักษ์ใหญ่ที่ชื่อว่า “แอมเวย์” แล้วล่ะก็ คงต้องบอกว่า แต่ละช็อตในคัมภีร์ยุทธ์ที่ค่ายนี้มี ต้องยอมรับว่าเหนือชั้นสมชื่อสมราคากันเลยทีเดียว…ซึ่งล่าสุด “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์” จากแอมเวย์ ได้ออกมาเปิดฉากตอกย้ำแชมป์ขายตรงเบอร์ 1 ชนิดที่ว่าใครเห็นต้องยกนิ้วให้ นั่นก็คือ การเปิดตัวแคมเปญใหญ่แห่งปี “NutriLOVE by Nutrilite” พร้อมแนะนำ “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” ผลิตภัณฑ์ประเภทวิตามินรวม เกลือแร่รวม และไฟโตนิวเทรียนท์ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคยุคดิจิตอล พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ถึง 6 เรื่องด้วยกัน เพื่อปลุกกระแสให้คนไทยส่งมอบความรักด้วยการดูแลสุขภาพ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ตียอดให้โตเพื่อหวังครองแชมป์ขายตรงแบบอยู่ยงคงกะพันของค่ายนี้นั่นเอง
ซึ่งแนวทางในการรุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปีนี้นั้นจะเป็นเช่นไร นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ หากสังเกตให้ดีจะพบว่า คนส่วนใหญ่เริ่มที่จะหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองกันมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังเริ่มที่จะให้ความสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากขึ้นด้วย และด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทำให้ตลาดผลิต ภัณฑ์เสริมอาหาร
ของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จาก ในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีมูลค่ากว่า 26,600 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกลุ่มวิตามินรวมจำนวน 2,100 ล้านบาท และคาดว่าตลาดกลุ่มวิตามินรวมจะมีอัตราเติบโตอีก 5% ในปีนี้ด้วย และคาดว่าจะมีอัตราเติบโตปีละ 10% โดยแอมเวย์มีส่วนแบ่งทางการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 19% แบ่งเป็นกลุ่มวิตามินรวมและแร่ธาตุมีส่วนแบ่งเป็นผู้นำตลาดด้วยสัดส่วน 28%
“ปัจจุบันนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ยังคงเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ให้กับแอมเวย์ โดยมียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มวิตามิน เกลือแร่ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งหมด ขณะเดียวกันในตลาดประเทศไทยนิวทริไลท์ก็เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มวิตามินและเกลือแร่ ด้วยยอดจำหน่ายที่ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายในปีที่ผ่านมากว่า 5,100 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ในส่วนของกลยุทธ์เสริมความแกร่งของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ในปีนี้นั้น “กิจธวัช” ยังได้กล่าวเสริมต่ออีกว่า สิ่งที่บริษัทฯ จะมุ่งเน้นทำตลาดในปีนี้คือ การมุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ด้วยการเตรียมแผนการตลาดและการขายแบบครบวงจร เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคในยุคเจนเอ็กซ์ หรือกลุ่มคนที่มีอายุ 31-45 ปี และเจนวายกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 11-30 ปี ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับโลกอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีไอที โดยคนทั้งสองกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มห่วงใยและดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น
ขณะเดียวกันประชากรในกลุ่มเบบี้ บูมเมอร์ อายุ 46-65 ปีขึ้นไป จากตัวเลขพบว่า มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และมีความสนใจดูแลรักษาสุขภาพเพื่อร่างกายที่แข็งแรงและมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์จากแอมเวย์มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพพื้นฐาน ซึ่งเราจะใช้เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงในการบุกตลาดตั้งแต่ต้นปีอย่าง “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” ด้วยแคมเปญใหญ่ “NutriLOVE by Nutrilite” ที่มุ่งสร้างแบรนด์และให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับสารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์
“กิจธวัช” ยังกล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการให้ความสำคัญ ในเรื่องของสินค้าแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องของการจัดฝึกอบรมนักธุรกิจ
แอมเวย์ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อให้สามารถอธิบายแก่ลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้งสามารถบุกตลาดไปในทิศทางเดียวกับบริษัท ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้บริษัทฯ จึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า สิ้นปีนี้แอมเวย์จะสร้างยอดขายเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ได้เพิ่มขึ้นอีก 10% หรือประมาณ 5,600 ล้านบาท อย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ ทางด้านนางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้กล่าวเสริมว่า พฤติกรรมของคนไทยในปัจจุบันนี้ มีการบริโภคผัก และผลไม้ในปริมาณที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ คือวันละ 4-6 ทัพพี อันเป็นสาเหตุให้ร่างกายได้รับสารอาหารจำเป็นไม่ครบถ้วนต่อวัน สถาบันสุขภาพนิวทริไลท์จึงร่วมมือกับเอแบค โพลล์ทำการสำรวจ “พฤติกรรมการบริโภคผักผลไม้ของคนไทย” กับประชาชนทั่วประเทศ อายุระหว่าง 18-65 ปี ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ 2554 จำนวนทั้งสิ้น 4,295 ตัวอย่าง พบว่า คนไทยเกินครึ่ง 62.3% กินผักผลไม้ไม่เพียงพอต่อวัน นอกจากนั้น 89% บริโภคผักผลไม้ไม่ครบทั้ง 5 สี และอีก 98% ไม่รู้จักสารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคเสื่อมต่างๆ
“แอมเวย์เองมีความมั่นใจว่า ด้วยคุณภาพของ “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” จะสามารถตอบโจทย์ปัญหาโภชนาการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเรา ประกอบด้วยส่วนผสมของวิตามินรวม เกลือแร่รวม และไฟโตนิวเทรียนท์ รวม 26 ชนิด กับสารสกัดจากผักผลไม้อีก 18 ชนิด ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์วิตามินรวมที่มีในตลาดเมืองไทย”
นางรัตนา ยังเผยต่อว่า สำหรับแคมเปญ “NutriLOVE by Nutrilite” นั้น ถือเป็นการสื่อสารถึงผู้บริโภคหลากหลายครบทุกกลุ่มด้วยกัน ที่สำคัญ แอมเวย์ ยังได้มีภาพยนตร์โฆษณาทีวีถึง 6 เรื่องด้วยกัน ในการสื่อถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของไฟโตนิวเทรียนท์ โดยได้สื่อสารด้วยโฆษณาแบบ Teaser เพื่อสร้างความสนใจ ซึ่งโฆษณาดังกล่าวได้เริ่มออนแอร์ผ่านทางทีวีแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา”
“แนวคิดหลักของแคมเปญนี้ คือ สารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์ก็เปรียบเสมือนความรักที่คนทุกช่วงวัยขาดไม่ได้ จึงเป็นที่มาของหนังรัก 5 แบบที่เชื่อว่า จะเข้าถึงทุกกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังประกอบด้วยแผนการตลาดที่ครบ IMC มีการสื่อสารหลากหลายช่องทาง ทั้งทีวี บิลบอร์ด เฟซบุ๊ค เว็บไซต์ และกิจกรรม Below The Lines มากมาย ด้วยงบประมาณรวม 80 ล้านบาท จากแคมเปญดังกล่าว เราเชื่อมั่นว่า เฉพาะสินค้านิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์ ชนิดเดียว จะมียอดขายสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 15% ส่งผลให้ยอดขายรวมของกลุ่มนิวทริไลท์ทั้งหมดเติบโตเป็น 5,600 ล้านบาทนั่นเอง”
…และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการล่ายอดของค่าย “แอมเวย์” จ้าวตลาดเครือข่าย ที่การออกอาวุธแต่ละครั้ง ค่อนข้างที่หนักหน่วงทีเดียว ซึ่งก็ต้องดูกันว่า หลังจากที่แคมเปญดังกล่าวได้จุดพลุขึ้นมาแล้ว ยอดขายที่วางไว้จะสัมฤทธิ์ผลที่ตั้งไว้หรือไม่ อีกไม่นานคงรู้กันอย่างแน่นอน

“ออริเฟลม”ชิมลางตลาดใหม่
ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชิงชัย
… “ออริเฟลม” ถือเป็นอีกหนึ่งค่ายขายตรงที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการพรีเซ็นต์สินค้าสร้างการรับรู้ที่ยอดเยี่ยมอีกค่ายหนึ่งเช่นกัน อย่างล่าสุดด้วยเทรนด์ตลาดผลิต ภัณฑ์เสริมอาหารในปัจจุบันค่อนข้างที่จะมาแรง ส่งผลให้ค่ายนี้จึงได้ออกมาชิมลางตลาดใหม่ด้วยการเข็นสินค้าใหม่อย่างที่ชื่อว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม
โดยทิศทางการทำตลาดดังกล่าวนั้น ทางด้าน “ศุภราภรณ์ เอสซี เปา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริเฟลม คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยว่า “วันนี้ ออริเฟลม เข้าใจดีถึงวิถีชีวิตอันเร่งรีบที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญในทุกๆ วัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ตระหนักว่าสุขภาพดีนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากโภชนาการอันสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดปัญหาสุขภาพที่หลายคนกำลังประสบอยู่ได้ในปัจจุบัน”
“ศุภราภรณ์” เผยต่อว่า จากการสำรวจตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย พบว่า มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี เช่นเดียวกับตลาดโลก ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างสูงอย่างมากทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปัจจุบันนี้คนเริ่มคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองเพิ่มขึ้น ประกอบกับแต่ละคนมีเวลาดูแลตัวเองน้อยลง รวมถึงมีความเครียดที่เพิ่มขึ้นจากการทำงาน จึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปนั่นเอง
“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม ได้นำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน ต้องบอกว่าได้รับการตอบรับจากทั้งผู้บริโภคและสมาชิกเป็นอย่างดี ซึ่งในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ออริเฟลมได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม อย่างเป็นทางการ พร้อมกันในภูมิภาคเอเชียทั้งสิ้น 6 ประเทศด้วยกัน ประกอบด้วย เวียดนาม อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย จีน และไทย ซึ่งในประเทศไทยคาดว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะช่วยสร้างยอดขายคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 20-25% จากยอดขายรวม”
“ศุภราภรณ์” กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ออริเฟลมเลือกหันมาสนใจตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพราะมองเห็นว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวค่อนข้างมีอัตราการเติบโตที่สูง ที่สำคัญ ปัจจุบันเทรนด์เกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพค่อนข้างมาแรง ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ออริเฟลมจึงได้คิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในกลุ่มดังกล่าวขึ้นมา โดยได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะให้ตอบสนองความต้องการของไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยของคนเมือง จึงเน้นในเรื่องโภชนาการที่จำเป็น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของรูปร่าง ที่แข็งแรงดูดี แต่อาจไม่มีเวลาและไม่สะดวกที่จะสรรหาสิ่งจำเป็นในการดูแลสุขภาพให้แก่ชีวิต ได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการดำเนินชีวิตให้มากขึ้นอย่างมีคุณภาพอีกด้วย
“จากการที่ตลาดผลิต ภัณฑ์เสริมอาหารมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้เราเชื่อว่าอัตราการเติบโตในปีนี้น่าที่จะอยู่ที่ประมาณ 7-10% อย่างแน่นอน โดยสินค้ากลุ่มหลักยังคงเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับลดน้ำหนักที่สำคัญบริษัทใหม่ๆที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ต่างมุ่งเน้นชูผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออกมาสู่ตลาดด้วยกันทั้งนั้น”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ ตลาดวิเคราะห์

 

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จัดงานแถลงข่าว ฉลองครบรอบ 125 ปีอย่างยิ่งใหญ่



บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอเชิญสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าวฉลองครบรอบ 125 ปีอย่างยิ่งใหญ่ AVON 125th Anniversary The Time to celebrate for Women: The Key to Legendary พร้อมเผยโฉมกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ รวมถึงนโยบายในการดำเนินธุรกิจในปี 2554 เปิดตัวผู้บริหารสูงสุด มร.คริส สตีเวนส์ ผู้อำนวยการบริหาร ประเทศในกลุ่มตลาดที่กำลังพัฒนาและเสนอแนวทางธุรกิจของตลาดขายตรงเมืองไทย โดยนางวัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2554 เวลา 13.00-14.30 น. ณ ห้องรอยัล มณียา บอลรูม โรงแรมเรอเนสซองซ์ กรุงเทพ ราชประสงค์
กำหนดการ

13.00 น.           สื่อมวลชนลงทะเบียน พร้อมรับประทานอาหารว่าง

และชม Live Gallery 125 ปีที่ยิ่งใหญ่ของเอวอน

13.30 น.           เริ่มงานแถลงข่าว พิธีกรนำเข้าสู่งาน พร้อมแนะนำคณะผู้บริหารจากเอวอน

  • ผู้บริหารเอวอนนำเสนอทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2554

  • การแสดง Fashion Dance เปิดตัวผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ในปี 2554

  • คณะผู้บริหารและ Avone Thailand Endorser ร่วมฉลอง 125 ปี เอวอน


14.15 น.           เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถามเพิ่มเติม

14.30 น.           สิ้นสุดการจัดงานแถลงข่าว


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด

วิภาวริศ เกตุปมา, จาจิญา เพ็งพันธ์ และ ชวิสรา สัมฤทธิ์นรพงศ์

โทร.             02-951-9119


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com


 

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

คุณสุชาดา บอสใหญ่แห่งอาวียองซ์ เปิดช็อปใหม่ ที่จ.ระยอง



สุชาดา ธีรวชิรกุล บอสใหญ่แห่งแบรนด์ความงามอาวียองซ์ นอกจากจะส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากไปด้วยคุณภาพ มาเสิร์ฟความสวยกันไม่มีหยุดแล้ว ล่าสุด ยังเพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้าให้ทั่วถึง ด้วยการเปิด “อาวียองซ์ ช็อป” อีกแห่ง ที่ จ.ระยอง (สี่แยก PMY)
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300, 0-2434-8547

คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณปิติยา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

สัมผัสกับเสน่ห์เย้ายวนจากกลิ่นอายตะวันตก รับหน้าร้อนด้วยคอลเล็คชั่น “ไวลด์ เวสต์ กูตูร์”


ออริเฟลม (Oriflame) เครื่องสำอางคุณภาพจากประเทศสวีเดน ชวนสาวๆสร้างเสน่ห์ ท่ามกลางอุณหภูมิความร้อนและไอแดดของเดือนเมษายน ด้วยคอลเล็คชั่นสุดพิเศษ “ไวลด์ เวสต์ กูตูร์” (Wild West Couture) ซึ่งเป็นลิมิเต็ด อิดิชั่น เฉพาะหน้าร้อนนี้ ที่จะช่วยสาวๆเปลี่ยนลุคให้หลุดกรอบมาเป็น Cow Girl สุดปราดเปรียวและเฉี่ยวคม ดูโดดเด่น หยุดทุกสายตาดั่งต้องมนต์สะกดสีสันในฤดูท้าแดด ปกติแล้วคงหนีไม่พ้นโทนสีฉูดฉาด แต่คอลเล็คชั่นนี้ขอฉีกแนวด้วยกลิ่นอายตะวันตก “ไวลด์ เวสต์ กูตูร์” ที่ให้สีสันแปลกตาน่าค้นหาด้วยโทนสีม่วง และน้ำตาล เริ่มด้วย ออริเฟลม บิวตี้ ไวลด์ เวสต์ กูตูร์ อาย ชาโดว์ ทริโอ (Oriflame Beauty Wild West Couture Eye Shadow Trio) แต่งแต้มเปลือกตาให้สวยได้ในตลับเดียว ในโทนสีม่วงด้วยเฉดสีที่แตกต่าง สร้างมิติให้ดวงตาคู่สวย และเขียนขอบตาด้วย ออริเฟลม บิวตี้ ไวลด์ เวสต์ กูตูร์ อาย เพ็นซิล (Oriflame Beauty Wild West Couture Eye Pencil) สีน้ำตาลเข้มประกายมุกให้ตาคู่เก๋ดูคมโดดเด่น และปิดท้ายด้วย ออริเฟลม บิวตี้ ไวลด์ เวสต์ กูตูร์ ลิปสติก (Oriflame Beauty Wild West Couture Lipstick) สีม่วงอ่อนเนื้อนุ่มมอบเสน่ห์เย้ายวนให้เรียวปาก

ออริเฟลม บิวตี้ ไวลด์ เวสต์ กูตูร์ อาย ชาโดว์ ทริโอ
(Oriflame Beauty Wild West Couture Eye Shadow Trio)
อายแชโดว์เนื้อเนียนละเอียด สามเฉดสีไล่โทนในตลับเดียว เพื่อสร้างมิติให้ดวงตา พร้อมประกายมุก เสริมพลังความลึกลับ ดูโดดเด่น เริ่มจากใช้สีอ่อน ไล้ให้ทั่วเปลือกตา จากนั้นใช้สีม่วงโทนกลาง ทาให้ทั่วเปลือกตาจนถึงรอยพับ สร้างความคมลึกให้ดวงตา และใช้สีเข้มวาดกรอบที่เปลือกตาด้านบน และเน้นที่ขอบตาทั้งบนและล่างเพื่อทำให้ดวงตาดูกลมโต เพิ่มชั้นความหนาของตาให้คมชัด สุดท้ายใช้สีอ่อน ทำไฮไลท์บริเวณหัวตา เพื่อส่งให้ตาดูเป็นประกายชวนหลงใหล
ขนาด 3 กรัม สีม่วงอ่อน หรือโมว์ฟ(Mauve) ราคา 590 บาท
ออริเฟลม บิวตี้ ไวลด์ เวสต์ กูตูร์ อาย เพ็นซิล
(Oriflame Beauty Wild West Couture Eye Pencil)
ดินสอเขียนขอบตาเนื้อครีม ชนิดหมุน เนื้อนุ่มเขียนง่าย ช่วยสร้างความคมเฉี่ยวให้ดวงตาคมสวย และด้วยประกายมุก เมื่อต้องแสงแดด ความแวววาวระยับ จะทำให้ความลึกลับของตาคู่สวยถูกเปิดเผย

ขนาด 0.3 กรัม สีเชสนัท บราวน์ (Chestnut Brown) ราคา 198 บาท
ออริเฟลม บิวตี้ ไวลด์ เวสต์ กูตูร์ ลิปสติก
(Oriflame Beauty Wild West Couture Lipstick)
ลิปสติก เนื้อสัมผัสนุ่มละมุนดั่งสัมผัสจากกลีบกุหลาบ เพื่อเรียวปากสวย พร้อมมอบความชุ่มชื้นเต็มพิกัด รับลมร้อน ให้เรียวปากดูเอิ่บอิ่มไปตลอดวัน ด้วยลิปสติกเนื้อแมท สีม่วงเกาลัด สุดเย้ายวน
ขนาด 4 กรัม สีม่วงระเรื่อ หรือ เพล โมว์ฟ (Pale Mauve)ราคา 329 บาท
สร้างมนต์เสน่ห์แห่งความเป็นหญิง อย่างโฉบฉี่ยวน่าค้นหา ในแบบ Cow Girl ให้โดดเด่นดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานท่ามกลางแสงจ้าในหน้าร้อน 

ออริเฟลม(Oriflame)
ออริเฟลม ได้รับการก่อตั้งเมื่อปีค.ศ1967 โดย พี่น้องโจนัส และโรเบิร์ต อาฟ จอร์นิค ร่วมกับ เบงจ์ท เฮลสเตน ถึงวันนี้ออริเฟลมเป็นบริษัทขายตรงผลิตภัณฑ์ความงามระดับนานาชาติที่มีสาขาครอบคลุมมากกว่า60 ประเทศทั่วโลก
ออริเฟลมนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามธรรมชาติสัญชาติสวีเดนสู่ตลาด ผ่านทางที่ปรึกษาธุรกิจอิสระ 3.3 ล้านคนทั่วโลก สร้างยอดขายที่สูงถึง 1.3 พันล้านเหรียญยูโร และ ออริเฟลมยังมอบโอกาสทางธุรกิจไม่เหมือนใครที่จะทำให้ ”คุณสร้างรายได้ในวันนี้ เพื่อเติมเต็มความฝันของคุณในวันพรุ่งนี้”
ด้วยความเชื่อมันในศักยภาพของผู้คนและธรรมชาติ ภายใต้การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบกอปรกับความห่วงใยในสังคมและสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีการทดลองในสัตว์ ออริเฟลมจึงได้ทำการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการกุศลมากมายทั่วโลก ทั้งยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาคม เวิร์ล ชายน์ฮูด ฟาวเดชั่น และเป็นหนึ่งในสมาชิกของตลาดหุ้นแนสแดก โอเอ็ม เอ็กซ์ นอร์ดิกซ์ อีกด้วย
หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ออริเฟลม สามารถคลิกไปที่ www.oriflame.co.th หรือ www.facebook.com/Oriflameth หรือโทร 02-715-1111
?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2525699 Public Hit


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

แอมเวย์ ผนึกโอกิลวี่เสริมทัพสู่เส้นชัย 2 หมื่นล้านปี 2555



นายปรีชา ประกอบกิจ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ และนายกิจธวัช ฤทธีราวี (ซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือกับยักษ์ใหญ่แห่งวงการโฆษณาโดยมี นางพรรณี ชัยกุล (ขวา) ประธานกลุ่มบริษัทฯ และกรรมการผู้จัดการ ร่วมด้วยนายภาวิต จิตรกร (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายบริหารธุรกิจบริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเสริมทัพดูแลงานด้านการบริหารสื่อโฆษณาทั้งหมดของแอมเวย์ ประเดิมด้วยภาพยนตร์โฆษณาทีวีรูปแบบหนังรัก 5 สี 5 เรื่อง ปลุกกระแสตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์ โดยความร่วมมือต่อจากนี้ถือเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะนำแอมเวย์ย้ำจุดยืนสู่ความสำเร็จอันดับ 1 เพื่อบรรลุเป้าหมายด้วยยอดขาย 2 หมื่นล้านบาทในปี 2555 อย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ: เวิรฟ

วรญา มณีวรรณ (เพชร) โทร.            0-2204-8229

พรชนันท์ มงคลกุล (กิฟท์) โทร.0-2204-8223

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

บทสัมภาษณ์ ท่านประธาน นพดล กลิ่นบำรุง อารากอน เวิลด์ 54



การกลับมาของ "นพดล กลิ่นบำรุง" แจ้งเกิดบริษัทใหม่ ARAGONWORLD 54

กลับมาอย่างสง่าผ่าเผยสำหรับบอสใหญ่ "นพดล กลิ่นบำรุง" แห่งค่ายสปอร์ตทรอน หลังเผชิญวิบากกรรมอยู่หลายปีก่อนศาลอุธรณ์ยกฟ้องเพราะไม่มีมูลความผิด!! พร้อมรุกก้าวครั้งใหญ่แจ้งเกิดบริษัทไบนารี่น้องใหม่ "บริษัท ARAGONWORLD 54" ดีเดย์ 29 มีนาคมนี้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชี้จุดแข็งของแผนที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งทุกรายในตลาด โดยเฉพาะการมี "VIP Code" หนุนเพิ่มรายได้ดับเบิ้ลให้เป็น Code ที่ 2 อย่างเปิดเผย ทั้งเสริมเขี้ยวระบบไอทีซับพอร์ทเพื่อรองรับธุรกรรมออนไลน์ผ่านกระเป๋าเงิน อิเล็กทรอนิกส์ (e Wallet) แบบเต็มรูปแบบ รวมถึงความแข็งแกร่งด้านเทรนนิ่งของสปอร์ตทรอนที่มีอยู่เป็นทุนเดิมภายใต้ชื่อใหม่ ARAGON BUSINESS SCHOOL มั่นใจโกยยอดขายปีแรกทะลุ 800 ล้านบาท

ARAGONWORLD 54

นายนพดล กลิ่นบำรุง ประธานกรรมการบริษัท สปอร์ตทรอน ฟู้ดแมทริกซ์ เอเชีย จำกัด ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "หนังสือพิมพ์ Leader Time รายปักษ์" ถึงการกลับมาอีกครั้งของเขาอย่างไร้มลทินเมื่อศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีมูลความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ตลอดจนการขยับแนวรุกทางธุรกิจสู่แผนไบนารี่ภายใต้บริษัทใหม่ "ARAGONWORLD 54" ซึ่งได้เตรียมแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มีนาคนนี้ ณ ห้อง Arogon Hall ชั้น 30 อาคารไซเบอร์เวิร์ลด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลความเคลื่อนไหว วิสัยทัศน์ เป้าหมาย วัตถุประสงค์ และทิศทางการวางแผนกลยุทธ์ในปี 2554 อย่างชัดเจน

ส่วนเหตุผลในการเปิดบริษัทใหม่ "บริษัท ARAGONWORLD 54 จำกัด" นั้นก็ได้รับคำชี้แจ้งว่า เป็นเพราะต้องการนำเสนอแผนใหม่ซึ่งเป็นแผนที่สามารถตอบสนองความต้องการให้กับกลุ่มสมาชิกผู้นำได้ดีมาก และที่สำคัญ คือ เหมาะกับคนไทยโดยนำเอาจุดดีจุดแข็งของแผนที่ดีๆ ของบริษัทอื่นมารวมอยู่ในแผนเดียวของบริษัทเรา

"ความจริงเรื่องของการเปลี่ยนแผนใหม่มาเป็นแผนไบนารี่ ถือเป็นแนวทางที่ผมมองเห็นมานาน 4 - 5 ปีก่อนหน้านี้แล้วแต่ ณ ขณะนั้นกลุ่มผู้นำสมาชิกยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนเราจึงไม่เปลี่ยน จนกระทั่งวันนี้เมื่อกลุ่มผู้นำสมาชิกเห็นด้วยเห็นตรงกันกับการเปลี่ยนเป็นแผนไบนารี่ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยน"

นายนพดล กล่าวพร้อมกับให้ความกระจ่างในส่วนของบริษัท สปอร์ตทรอน ฟู้ดแมทริกซ์ เอเชีย จำกัด อีกด้วยว่าเมื่อบริษัทใหม่ ARAGONWORLD 54 เกิดขึ้นมา ในส่วนของสปอร์ตทรอนที่มีอยู่เดิมก็จะมีหน้าที่ซับพอร์ทสินค้าผลิตภัณฑ์ให้กับ ARAGONWORLD 54 ซึ่งทางบริษัทแม่สปอร์ตทรอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วโดยไม่มีปัญหาใดๆ

"ต่อไปนอกจากผลิตภัณฑ์ของสปอร์ตทรอนที่ได้นำเข้ามาทำตลาดแล้ว ARAGONWORLD 54 ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มอื่นๆ ทั้งกลุ่มสกินแคร์ คอสเมติกส์ นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีเข้ามาทำตลาดอีกด้วย รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในไทยในกลุ่มอุปโภคบริโภค เช่น ยาสีฟัน, ผงซักฟอก, สบู่ เป็นต้น และไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม ผลิตภัณฑ์ทุกรายการที่เรานำเข้ามาทำตลาดจะต้องเป็นนวัตกรรมทั้งหมดไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน"

ขณะที่ นางกุลจิรา กลิ่นบำรุง รองประธานบริษัท กล่าวย้ำถึงจุดแข็งของความเป็น ARAGONWORLD 54 โดยเฉพาะเรื่องของแผนการจ่ายผลตอบแทนที่มีจุดสำคัญเป็นจุดขาย นั่นก็คือ การมี "VIP Code" ที่ให้สิทธิ์สมาชิกผู้นำทำได้ 2 Code อย่างเปิดเผย ยกตัวอย่างเช่นในกรณีผู้นำที่มีรายได้สูงสุดต่อเดือนเต็มเพดานแล้วบริษัทก็จะมีรายได้เป็น Code ที่ 2 หรือที่เรียกว่า VIP Code เพิ่มดับเบิ้ลให้ไปให้สามารถขยายรายได้ต่อเดือนให้สูงขึ้นไปอีก ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมที่ส่วนใหญ่ในแต่ละบริษัทจะไม่สามารถให้เปิดรหัสใหม่ได้ ดังนั้นเมื่อกรณีที่ผู้นำมีรายได้เต็มเพดานก็ทำให้ต้องแอบไปเปิดรหัสตุ๊กตาใต้สายงานข้างล่าง เป็นต้น

ไม่เพียงเท่านั้น...อีกหนึ่งความเหนือชั้นที่ ARAGONWORLD 54 มีให้กับสมาชิกผู้นำ ก็คือ ระบบไอทีซับพอร์ทซึ่งได้พัฒนาให้ก้าวล้ำนำหน้าโดยเฉพาะการรองรับธุรกรรมออนไลน์ผ่านกระเป๋าเงิน อิเล็กทรอนิกส์ (e Wallet) ได้ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างเต็มรูปแบบอย่างไม่เคยมีใครในวงการขายตรงทำมาก่อนเลยก็ว่าได้ รวมไปจนถึงการพัฒนาความแข็งแกร่งด้านเทรนนิ่งของสปอร์ตทรอนที่มีอยู่เดิมก็ยังคงอยู่เพียงแต่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ARAGON BUSINESS SCHOOL

อย่างไรก็ดีนอกจากการเปลี่ยนแปลงของสปอร์ตทรอนในไทยรวมถึงศูนย์สาขาอีกมากกว่า 16 แห่ง ซึ่งต้องปรับโฉมเปลี่ยนมาเป็น บริษัท ARAGONWORLD 54 จำกัดแล้วก็ยังเปลี่ยนในประเทศอื่นๆ ที่เราได้ขยายเครือข่ายเข้าไปทำตลาดด้วยทั้งในประเทศกัมพูชา, ลาว, สิงคโปร์, มาเลเซีย และในประเทศเวียดนามที่ได้เตรียมเข้าไปเปิดตลาดเพิ่ม

"อย่างในกัมพูชานั้นยอดขายของเราก็เพิ่มขึ้นเยอะกว่า 300% เช่นเดียวกับในไทยที่กระแสของเรามาแรงมากซึ่งเห็นได้จากแค่วันแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่เปิดให้ลงรหัสสมาชิกได้ก็ปรากฎว่า มีฐานสมาชิกเข้ามามากกว่า 3,000 รหัส และที่สำคัญก็คาดว่าในเดือนแรกเดือนมีนาคมเดือนเดียวจะสามารถทำยอดขายได้เกิดเป้า 60 ล้านบาท จากนั้นในเดือนต่อๆ ไปน่าจะขยับเพิ่มเป็น 100 ล้านบาทต่อเดือน ทะลุ 800 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าในปีแรกจากการดำเนินธุรกิจของ ARAGONWORLD 54 จะสร้างยอดขายโดยรวมทั้งในไทยและต่างประเทศมากกว่า 800 ล้านบาทเลยทีเดียว"

 

มูลนิธิ 4ไล้ฟ์ เพิ่มให้ทุกๆ 1 ดอลล่าห์



ในนามของผู้ก่อตั้ง 4ไล้ฟ์ เดวิด และเบียงก้า ลิซันบี และทุกๆครอบครัวของ 4ไล้ฟ์ พวกเราขอแสดงความห่วงใย และความเห็นอกเห็นใจให้กับทุกคนที่ประเทศญี่ปุ่น ผลกระทบของแผ่นดินไหว ขนาด 9.0 ที่ผ่านมาและเป็นเหตุให้เกิดสึนามิได้ทำลายประเทศทั้งหมด การเพิ่มของวิกฤตนิวเคลียร์ อากาศ การสูญเสียพลังงาน สุขอนามัย และการขาดอาหาร คือปัญหาต่างๆที่พวกเราต้องเผชิญ ความเสียหายที่เกิดกับมนุษย์ และทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้ นับถึงปัจจุบัน โศกนาฏกรรมนี้ได้คร่าชีวิตคนมากกว่า 6,900 คน และอย่างน้อย 10,700 คนที่ไม่สามารถติดต่อได้
การติดต่อผ่านทางสำนักงาน 4ไล้ฟ์ประเทศญี่ปุ่น เราทราบว่าจากผู้จำหน่าย 152 คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณของแผ่นดินไหว และสึนามิ 9 คนที่ไม่สามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์ แต่เรายังคงค้นหา อาสาสมัครกู้ภัยไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ที่ถูกทำลายได้ในขณะนี้ และการขนส่งยังถูกจำกัด แต่เมื่อเราสามารถเข้าไปได้ เราจะสามารถเดินหน้าในความช่วยเหลืออื่นๆอีกต่อไป
ร่วมกัน พวกเราคือกำลังสำคัญที่สามารถช่วยเหลือครอบครัว 4ไล้ฟ์ที่สิ้นหวังในประเทศญี่ปุ่น เพียงคุณร่วมมือกับเราโดยการบริจาคเงินภายในวันที่ 31 มีนาคม มูลนิธิ 4ไล้ฟ์จะเพิ่มให้ในทุกๆ 1 ดอลล่าห์ที่คุณบริจาค
การบริจาค และช่วยเหลือผู้จำหน่าย 4ไล้ฟ์ที่ประสบภัย เพียงเลือก 1วิธีในการบริจาคดังนี้:
1. ไปที่หน้า foundation4life.org และคลิกที่ “Get Involved”
2. โทรศัพท์             + 1 888 454 3374       และคุยกับพนักงาน 4ไล้ฟ์
ด้วยหัวใจและการอธิษฐานของพวกเราได้ส่งไปให้ทุกครอบครัว และผู้ประสบภัยในประเทศญี่ปุ่น ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ด้วยความนับถือ,

สตีฟ ทวู
ประธานบริษัท 4ไล้ฟ์

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: บริษัท 4ไล้ฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด

“โกลด์ สตาร์” สัมมนาท่องเที่ยวและเทรนนิ่ง สานสัมพันธ์สร้างความสามัคคี



บริษัทโกลด์ สตาร์ 999 จำกัด นำโดยรองประธาน กรพล รักขพันธุ์ พร้อมคณะผู้บริหาร นำพาคณะผู้นำและสาชิกกว่า 100 คน ร่วมเดินทางทริปท่องเที่ยวสัญจร 2 คืน 3 วัน ณ โรงแรมบ้านสวนฝน จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมจัดคอร์สฝึกอบรมเทรนนิ่ง เพื่อให้สมาชิกสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีกิจกรรมแรลลี่ตามฐานต่างๆ อย่างสนุกสนานเสริมสร้างความสามัคคีภายในองค์กร ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้สมาชิกและผู้นำที่เข้าร่วมคอร์สฝึกอบรมยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณ G.S.T. Basic Course “รุ่นที่ 1” อีกด้วย เมื่อ 17-19 มีนาคมที่ผ่านมา

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดตัว “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” (aviance Ultimate Youth Diamond Cream) นวัตกรรมความงามเพื่อพลิกฟื้นความร่วงโรยแห่งวัย สู่ผิวอ่อนเยาว์ ด้วยสูตรครีมฟื้นบำรุงผิวเข้มข้น ผสานความล้ำค่าของอนุภาคเพชรบริสุทธิ์ ในงาน “ยู – ซัคเซส เดย์” (U-Success Day) ณ หอประชุมมหิศร อาคารไทยพาณิชย์ปาร์ค พลาซ่า

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

คุณนพดล กลิ่นบำรุง The Power Network



สปอร์ตทรอน

แผนการตลาด เนื่องจากแผนเดิมไม่สอดคล้องกับสภาพตลาดในปัจจุบัน จึงต้องมีการปรับให้น่าสนใจยิ่งขึ้น อีกทั้งแผนการตลาดใหม่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมและสมาชิกได้เป็น่อย่างดี ซึ่งแนวคิดนี้เกิดขึ้นมาเมื่อ 4 - 5 เดือนก่อน เพียงแต่ในช่วงนั้น ผู้นำยังไม่มีความพร้อม

"บริษัทไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเงินเป็นหลัก แต่ต้องการให้สมาชิกมีรายได้" และเมื่อต้นปีถือเป็นจุดเด่นของแผนการตลาดนี้

"แผนใหม่ได้รับการตอบรับจากต่างประเทศเป็นอย่างดี โดยเฉพาะใน กัมพูชา ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ขณะที่ มาเลเซีย แผนแบบยูนิเลเวลไม่ค่อยได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร หลังจากเราเปลี่ยนเป็นไบนารี่ แมชชิ่งทุกคนแฮปปี้ ในประเทศสิงคโปร์ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อหลายประเทศตอบรับแผนใหม่ จะทำให้ฐานของเรามีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดเมืองไทยเติบโตมากขึ้น เพราะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้โดยตรง"

อารากอนอาจจะใหม่ในไบนารี่ แต่ทั้งหมดก็คือสปอร์ตทรอนเดิม สามารถตอบคำถามของสมาชิกได้ และบริษัทก็ได้ศึกษามาเป็นอย่างดี แนวทางการตลาดต่อไปหลังจากปรับแผน อาจจะต้องลงพื้นที่มากขึ้น เพื่อจัดประชุมสร้างกระแส

นพดล กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีสมาชิกเก่าของบริษัท กลับเข้ามาร่วมธุรกิจกับบริษัทเป็นจำนวนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งเพราะสมาชิกที่อยู่กับสปอร์ตทรอนในปัจจุบัน มีการติดต่อกับสมาชิกเก่าอยู่ตลอดเวลา จึงมีการบอกปากต่อปาก ทำให้ข่าวกระจายไปอย่างรวดเร็ว เฉพาะวันแรกที่มีการเปิดตัวมียอดขายสินค้ามากกว่า 10 ล้านบาทเลยทีเดียว

"ที่ผ่านมา เครือข่ายแผนการตลาดในรูปแบบนี้ หลายคนจะถามหาความมั่นคง และระบบ ซึ่งบางบริษัทไม่มีเลย แต่เรามีพร้อมทั้งสองอย่าง การนำทั้งสองส่วนมาเมิร์ชกัน ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายและเราน่าจะทำออกมาได้ดี เพราะมีระบบที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้เปิดใจกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย เราทำงานด้วยดาวหกแฉกซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของเรา ซึ่งระบุโรดแม็พในการทำงานอย่างชัดเจน ทั้ง บริษัท สินค้า แผนการตลาด ระบบเทรนนิ่ง การทำงานเป็นทีม และไทมิ่ง"

ขณะเดียวกันเพื่อรองรับแผนการตลาดใหม่และกำลังซื้อที่จะเกิดขึ้น บริษัทยังมีนโยบายที่จะนำเข้าสินค้าหลากหลายมากขึ้น นอกจากเทคโนโลยีฟู้ดแมทริกซ์ ซึ่งมีความโดดเด่นอยู่แล้ว ก็จะสินค้าในรูปแบบสเต็มเซลล์เข้ามาทำตลาด รวมทั้งเทคโนโลยีนาโนที่จะผสานกับฟู้ดแมทริกซ์

"สินค้าของเราเป็นที่ยอมรับในเรื่องเทคโนโลยีอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการทยอยนำเข้ามาเช่นเดิม ขณะที่สินค้าใหม่เราเน้นเจาะตลาดกลุ่มรากหญ้ามากขึ้น เป็นสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค ราคาไม่แพง เช่น กาแฟ ยาสีฟัน ซึ่งน่าจะสอดรับตลาดในกลุ่มนี้ ที่สำคัญแผนการตลาดใหม่ รักษายอดแค่ 360 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้แล้ว"

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:  THE POWER NETWORK

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ ยินดีกับความสำเร็จครั้งใหม่ อย่างต่อเนื่อง พร้อมแบ่งปัน 3 เรื่อง 3 รส 3 ประสบการณ์ของ GEBA ล่าสุด



แสดงความยินดีกับความสำเร็จของบรรดาผู้นำและผู้ร่วมธุรกิจ และเส้นทางการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของ “อาวียองซ์” (Aviance) แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยม นำโดย สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ในงาน “ยู ซัคเซส เดย์” (U-Success Day) วันแห่งความสำเร็จมอบประกาศนียบัตรและประดับเข็มเกียรติยศ ผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ ตั้งแต่ระดับ Senior Business Associate จนถึงระดับ Group Executive Business Associate พร้อมเผยโฉมผลิตภัณฑ์แห่งปีกับ “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” นวัตกรรมความงามเพื่อพลิกฟื้นความร่วงโรยแห่งวัยสู่ผิวอ่อนเยาว์ ณ หอประชุมมหิศร อาคารไทยพาณิชย์ปาร์ค พลาซ่า

นอกจากบรรยากาศแห่งความชื่นมื่นและรอยยิ้มแห่งความยินดีแล้ว สีสันหน้างานยังคึกคักไปด้วยผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ที่ให้ความสนใจกับกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะบูธแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อวดโฉมครั้งแรก “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” ครีมฟื้นบำรุงผิวเข้มข้น ผสานความล้ำค่าของอนุภาคเพชรบริสุทธิ์ ด้วย 3 ประสิทธิภาพเพื่อการฟื้นบำรุง ด้วยพลังแห่งความเปล่งปลั่ง, พลังแห่งความแน่นกระชับ นวลเนียน และพลังแห่งความชุ่มชื่นผิว รวมถึงซุ้มทริปท่องเที่ยวเกาหลี เป้าหมายของรางวัลทริปสัมมนาท่องเที่ยวใหม่ จากนั้นจึงเข้าสู่พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากแม่ทัพใหญ่อาวียองซ์ สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการฯ กล่าวว่า “ยินดีแก่ผู้ปรับตำแหน่งใหม่ทุกท่าน และครั้งนี้เราได้เปิดตัว “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” ที่มีส่วนผสมจากอานุภาคแห่งเพชร เมื่อพูดถึงเพชรทุกคนจะนึกถึงความแข็งแรง ทนทาน เหมือนกับ

บริษัทยูนิลีเวอร์ที่แข็งแรง ทนทาน เช่นเดียวกับเพชร หลายครั้งที่เราผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้อย่างปลอดภัย ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ที่เราดำเนินธุรกิจ เราคิดเสมอว่าผู้ร่วมธุรกิจของเราทุกท่านมีคุณค่าเหมือนกับเพชร เราจะเจียระไน เราจะเปล่งประกายไปพร้อมกัน เพื่อให้ท่านและยูนิลีเวอร์เติบโตเป็นเพชรเม็ดงามในที่สุด”

หลังจากนั้น ได้มีการประกาศรายชื่อผู้ร่วมธุรกิจที่สามารถทำถึงเป้าไปแล้วภายใน 6 เดือน ระหว่างมกราคม – มิถุนายน 2554 พิชิตที่นั่งทริปท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ ก่อนเข้าสู่ช่วงการมอบประกาศนียบัตรและประดับเข็มเกียรติยศ ตั้งแต่ระดับ Senior Business Associate จนถึงระดับ Group Executive Business Associate ซึ่งครั้งนี้มีถึง 3 รหัส อย่างสมเกียรติ ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องลั่นฮอลล์

แน่นอนว่าประสบการณ์แห่งความสำเร็จสู่การขึ้นตำแหน่ง Group Executive Business Associate ของ 3 รหัสล่าสุดนั้น ได้ถูกแบ่งปันอย่างน่าประทับใจ ซึ่งเป็น 3 เรื่อง 3 รส 3 ประสบการณ์ที่ปลุกกำลังใจได้เป็นอย่างดี เริ่มที่ จารุชา วงศาโรจน์ หญิงเหล็กผู้เผชิญกับโรคมะเร็งร้ายอย่างไม่เคยย่อท้อ “สามีที่มีรายได้จำนวนมากจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่นราธิวาส ทำให้ชีวิตสุขสบาย แม้จะมีเวลาเจอกันน้อย เพราะเราเป็นแม่บ้านและพักที่ภูเก็ต แต่นั่นไม่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเท่ากับเมื่อตรวจพบก้อนเนื้อที่ทรวงอกและพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะที่ 3 ต้องผ่าตัดทันที แม้จะเสี่ยงแต่การผ่าตัดก็ผ่านไปด้วยดี แต่ไม่นานทางโรงพยาบาลแจ้งว่าเราเป็นมะเร็งระยะที่ 4 ทำให้ฉุกคิดได้ว่าถ้าเป็นอะไรไปลูกจะอยู่กับใคร จึงปักหมุดทำธุรกิจอาวียองซ์ให้สำเร็จอย่างไม่มีเงื่อนไข ตั้งเป้ามีรายได้หกหลักต่อเดือน หวังต่อลมหายใจตนเองและตกทอดเป็นมรดกให้ลูกๆ”

ขณะที่ ทิพย์รัตน์ – สาธิต สินธุอุไร คู่สามีภรรยาที่ผันชีวิตจากงานประจำและรับราชการทหารมาสู่เส้นทางธุรกิจที่มีเพดานรายได้ไม่จำกัด ด้วยความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย “ดิฉันเป็นมนุษย์เงินเดือน ส่วนสามีเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพอากาศ ดูเหมือนมีการงานที่มั่นคง แต่รายได้ไม่ตอบโจทย์ของชีวิต ดิฉันจึงมาทำธุรกิจอาวียองซ์หวังเป็นรายได้เสริม แต่กลับเป็นโอกาสดีที่ยิ่งใหญ่รายได้ดีสามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้ จึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำ มาทุ่มเทกับธุรกิจอาวียองซ์ ด้วยการเรียนรู้อย่างตั้งใจ และลงมือทำอย่างจริงจัง เพราะเชื่อมั่นในบริษัทยูนิลีเวอร์ จนปัจจุบันมีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือนค่ะ”

ปิดท้ายที่ เรื่องราวดีๆ ของ จิรภา ทองสุข – จตุภัทร แช่มชมดาว หญิงสาวปริญญาโทที่ต่อต้านงานประจำมาตลอด กับหนุ่มพนักงานประจำดีเด่นที่ไม่ทำให้ชีวิตแตกต่าง “ดิฉันเริ่มทำธุรกิจอาวียองซ์ตั้งแต่เป็นนักศึกษาปริญญาโท ดิฉันมองเห็นธุรกิจนี้เป็นพิมพ์เขียวเหมือนแปลนบ้าน อยากทำให้ทุกที่ที่เราไปเป็นคนที่ใช้อาวียองซ์ และผ่านมาจนวันนี้ที่ดิฉันมีลูก มีครอบครัว ฝันมาตลอดว่าจะต้องมีธุรกิจของตัวเอง ที่สามารถบริหารจัดการเวลาได้อย่างลงตัว พร้อมมีรายได้ที่ไม่จำกัด และอาวียองซ์คือสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตได้ และยังทำให้ครอบครัวของเรามีความสุขมากขึ้น จากไลฟ์สไตล์ที่อิสระ มีเวลาดูแลลูกๆ ได้อย่างใกล้ชิดค่ะ”
แล้วคุณล่ะ ฝันและลงมือทำแล้วหรือยัง!

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300, 0-2434-8547

คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณปิติยา


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด จัดงาน “ยู – ซัคเซส เดย์” (U-Success Day) ฉลองความสำเร็จให้กับผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ ตั้งแต่รหัส Senior Business Associate ขึ้นไป กว่า 150 รหัส พร้อมเปิดตัว “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวอ่อนเยาว์ ไฮไลท์แห่งปี ณ หอประชุมมหิศร อาคารไทยพาณิชย์ปาร์ค พลาซ่า

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

อาวียองซ์ เปิดตัว “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม”



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดตัว “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” (aviance Ultimate Youth Diamond Cream) นวัตกรรมความงามเพื่อพลิกฟื้นความร่วงโรยแห่งวัย สู่ผิวอ่อนเยาว์ ด้วยสูตรครีมฟื้นบำรุงผิวเข้มข้น ผสานความล้ำค่าของอนุภาคเพชรบริสุทธิ์ ในงาน “ยู – ซัคเซส เดย์” (U-Success Day) ณ หอประชุมมหิศร อาคารไทยพาณิชย์ปาร์ค พลาซ่า

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

ข่าว อารากอน เวิลด์ 54 สาระน่ารู้ เพื่อสุขภาพ กับ วีว่า พลัส



อนุมูลอิสระ ตัวการทำลายความสมดุลของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด ทำให้เซลล์ต่างๆ เสื่อมสภาพ แม้กระทั่ง DNA หรือ สารพันธุกรรม ล้วนแล้วแต่ถูกโจมตีโดยอนุมูลอิสระประมาณวันละ 10,000 ครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรงต่อสุขภาพ โดยเซลล์ที่ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองก่อนที่จะมีการแบ่งตัว จึงเป็นสาเหตุของโรคร้ายกว่า 100 ชนิด ที่ไม่อาจรักษาหาย เช่น โรคเบาหวาน, โรคหลอดเลือดหัวใจ, เลนส์ตาเสื่อม, การอักเสบของข้อต่อ, เซลล์สมองถูกทำลาย ทำให้เกิดโรคพาคินสัน (Parkinson's) และอัลไซเมอร์ (Alzheimer's Disease) ฯลฯ และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งทุกชนิด

หลายคนคงไม่ทราบว่าภายในร่างกายของเราก็สร้างอนุมูลอิสระได้เช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการหายใจ จากขบวนการเผาผลาญพลังงานภายในร่างกายตลอดเวลา อีกทั้งยังได้รับจากภายนอกหรือสภาพแวดล้อมต่างๆ อาทิเช่น แสงแดด, รังสี UV, ควันจากท่อไอเสีย, บุหรี่, แอลกอฮอล์ และความเครียด ซึ่งการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ปลอดภัยจากอนุมูลอิสระนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดเริ่มต้นที่ "อาหาร" เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของการมีสุขภาพดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เริ่มต้นที่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่ เน้นการรับประทานผักและผลไม้หลายสีในปริมาณวันละ 400 กรัม เพื่อให้ร่างกายได้รับ "สารต้านอนุมูลอิสระ" อย่างเพียงพอในการเข้าไปยับยั้งและป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระทำอันตรายต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เมื่อเกิดความสมดุลในร่างกายระหว่างอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระ สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง แต่ปัญหาก็คือ คนส่วนใหญ่มักได้รับในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพจึงเกิดขึ้น คือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเพียงพอต่อ ความต้องการของร่างกาย

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกรับประทานมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่จริง ในปัจจุบันนี้มีวิธีที่น่าเชื่อถือเพื่อวัดความสามารถของสารต้านอนุมูลอิสระ เรียกว่า ORAC Score หรือคะแนนโอแรค ซึ่งย่อมาจาก Oxygen Radical Absorbance Capacity เป็นคะแนนที่ได้จากการทดลอง หาค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ กรรมวิธีและกระบวนการในการตรวจหาค่า ORAC Score เป็นวิธีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยสถาบันที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับระดับโลกว่าเป็นสถาบันที่เชี่ยวชาญในด้านการตรวจสอบสารต้านอนุมูลอิสระ จนได้รับสิทธิบัตรในการตรวจสอบค่า ORAC Score คือ Brunswick Laboratories ซึ่งค่า ORAC Score ที่ได้สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานในการประเมินประสิทธิภาพของอาหารแต่ละชนิดที่มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยพิจารณาจากความสามารถในการยับยั้งอนุมูลอิสระ "ค่าของ ORAC Score สูง แสดงว่ามีประสิทธิภาพในการยับยั้งอนุมูลอิสระได้ดีขึ้น"
ทำให้มั่นใจได้ว่าร่างกายเราได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจริง

นอกจากนี้ อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงมลพิษต่างๆ และความเครียด รวมไปถึงหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสุขภาพที่ดีจะอยู่กับคุณไปอีกนาน

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

ยูนิซิตี้ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ ความเป็นผู้นำ กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)



กลุ่มนักธุรกิจชั้นแนวหน้าจาก บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความเป็นผู้นำ ในงาน Mercedes-Benz Driving Experience ณ สนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา มีการจำลองสนามทดสอบความเร็ว โดยมีบรรดานักธุรกิจระดับผู้นำเข้าร่วมเรียนรู้และทดสอบการขับยานยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญด้านการขับขี่จากประเทศเยอรมัน มีการแจกประกาศนียบัตรและงานเลี้ยงขอบคุณนักธุรกิจระดับผู้นำจากบริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ได้เป็นเกียรติเข้าร่วมกิจกรรม โดยการสนับสนุนจาก บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์

(ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้อำนวยความสะดวกตลอดกิจกรรมเป็นอย่างดี

ที่มา : http://www.newswit.com

 

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ แนะนำ “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” นวัตกรรมความงาม เพื่อพลิกฟื้นความร่วงโรยแห่งวัย



อาวียองซ์ (Aviance) แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยม ภายใต้การบริหารงานโดยยูนิลีเวอร์ แนะนำ “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” นวัตกรรมความงามเพื่อพลิกฟื้นความร่วงโรยแห่งวัย สู่ผิวอ่อนเยาว์ ด้วยสูตรครีมฟื้นบำรุงผิวเข้มข้น ผสานความล้ำค่าของอนุภาคเพชรบริสุทธิ์ ด้วย 3 ประสิทธิภาพเพื่อการฟื้นบำรุง ด้วยพลังแห่งความเปล่งปลั่ง, พลังแห่งความแน่นกระชับ นวลเนียน และพลังแห่งความชุ่มชื่นผิว

“อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” ประกอบด้วย อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม โททัล รีเพลนิชชิ่ง สำหรับผิวรอบดวงตา ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาสูตรเข้มข้นแต่อ่อนโยน (ปริมาณสุทธิ 20 มล. ราคา 3,300 บาท), อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม โททัล รีเพลนิชชิ่ง สำหรับผิวหน้าและลำคอ (ปริมาณสุทธิ 45 มล. ราคา 6,600 บาท) ครีมบำรุงผิวหน้าและลำคอ สูตรเข้มข้นและเปี่ยมพลังด้วยอนุภาคแห่งเพชรบริสุทธิ์ และอาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไลน์ ฟิลเลอร์ สำหรับผิวหน้าและลำคอ (บรรจุ 40 แคปซูล ราคา 3,300) เซรั่มเข้มข้นที่ช่วยกระบวนการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน สัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

สนใจหาซื้อ “อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม” ได้ที่ อาวียองซ์ช็อปทุกสาขา หรือผู้ร่วมธุรกิจ อาวียองซ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0-2554-2655
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300

คุณสุจินดา , คุณแสงนภา , คุณปิติยา


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

นู สกิน สนับสนุน การแข่งขันกอล์ฟสามัคคี อ.ย. ประจำปี 2554



นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ (ขวา) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณ จากนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี (ซ้าย) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ในฐานะผู้มอบเงินสนับสนุนการแข่งขันกีฬากอล์ฟสามัคคี อย. ชิงถ้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ณ สนามกอล์ฟ วินด์เซอร์ ปาร์ค แอนด์ กอล์ฟ คลับ เมื่อเร็วๆ นี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2693-7835 ต่อ 25 บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

ยูนิซิตี้ มอบเงินสมทบทุน ใน โครงการ “เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”



มร. คริสโตเฟอร์ คิม ผู้บริหารจากบริษัทยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ ร่วมด้วย มร.แดเนียล ฮิวส์ ผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ และ คุณสาริณี เสฐียรภัคกุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดจากบริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด มอบเงินสมทบทุนจำนวน 1,576,288 บาท ให้แก่สำนักงานประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคงกองทัพบก โดยมี พลเอกพิเชษฐ์ วิสัยจร (ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก) และพลเอกชาย คำวงษา (ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคงกองทัพบก) เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อนำเงินดังกล่าวไปใช้ในโครงการ “เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” (Make Life Better Foundation) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CSR ของยูนิซิตี้ มุ่งเน้นที่จะพัฒนาบุคลากรโดยให้การศึกษาแก่ผู้ที่ด้อยโอกาสเพื่อที่เขาจะได้มีความรู้และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง

ที่มา : http://www.newswit.com

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ ไขความลับ มหัศจรรย์แห่งเพชร ในการบำรุงผิว



เพราะผู้หญิงกับความงามเป็นของคู่กัน แต่ความงามอย่างใดกันที่หญิงสาวปรารถนา หากไม่ใช่ความงามที่ยั่งยืนและอมตะดุจเครื่องประดับที่ล้ำค่าเช่น “เพชร” ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่า เพชรได้ถูกแปรเปลี่ยนคุณค่าให้เกิดประโยชน์ในหลายๆ ด้าน นอกจากเครื่องประดับที่สะท้อนความหรูหราสง่างามแล้ว หนึ่งในนั้นเพชรยังเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์และสดใส วันนี้ อาวียองซ์ โดย ภญ.สุภาภรณ์ ฤกษ์พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ ร่วมให้ความรู้พร้อมเผยคุณค่าแห่งเพชรสู่ความงาม

 

ภญ.สุภาภรณ์ ฤกษ์พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ กล่าวว่า “เพชร เป็นสัญลักษณ์แห่งความล้ำค่าและความเป็นอมตะ มีเรื่องราวและประวัติศาสตร์แสนยาวนาน ก่อนที่จะถูกมนุษย์ค้นพบขึ้นในสมัยกรีกและโรมัน คำว่า “Diamond” มาจากภาษากรีก “adamante” ซึ่งมีความหมายว่า “Unbreakable” หรือ “ไม่มีวันแตกสลาย” เพชรเป็นแร่ที่เกิดจากคาร์บอนอะตอมที่มีการเรียงตัวของโครงสร้างได้อย่างพิเศษและมหัศจรรย์ คาร์บอนจัดว่าเป็นธาตุองค์ประกอบหลักของเซลล์ที่มีชีวิต ดังนั้น จึงเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของเซลล์ ในขณะเดียวกันพลังงานในโมเลกุลระหว่างพันธะคาร์บอน ซึ่งมีความแข็งแรงสูงมากจึงทำให้มีการนำเพชรมาเป็นตัวให้

พลังงานในระดับเซลล์ในการรักษาแบบการแพทย์ทางเลือกองค์รวม ในการบำบัด ฟื้นฟูเซลล์ร่างกายให้กลับมามีพลังมากขึ้น และในด้านความงามได้นำมาเป็นส่วนประกอบในเครื่องประทินผิวต่างๆ”

“สืบเนื่องจากการเรียงตัวของอะตอมในโครงสร้างเพชรนั้นจะมีความหนาแน่นเป็นพิเศษ จึงทำให้เพชรเป็นตัวนำพลังงานได้ดีมาก จึงเป็นเหตุผลในการนำคุณสมบัตินี้มาใช้กับเครื่องสำอาง ในการนำส่งพลังงานให้เซลล์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของเหลวในผิวทำให้สามารถนำสารอาหารอื่นๆ ตรงเข้าบำรุงได้อย่างเต็มที่ และเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว โดยเฉพาะในเซลล์ผิวที่อ่อนล้าและร่วงโรยจากวัย พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์จากคุณสมบัติการกระจายแสงที่ดีเยี่ยมดุจอัญมณี ด้วย Purified Diamond Mineral Microparticles อนุภาคเพชรบริสุทธิ์ ฟื้นบำรุงความ

เปล่งปลั่งให้ผิวที่โรยรา ปรับสีผิวให้แลดูสม่ำเสมอ”

ไม่น่าเชื่อว่านอกจากความงามของเพชรด้วยตัวมันเองแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยคงความงามสำหรับหญิงสาวอีกด้วย อย่างนี้ต้องยกนิ้วให้ในความมหัศจรรย์จริงๆ
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300

คุณสุจินดา , คุณแสงนภา , คุณปิติยา


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com



 

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

ออริเฟลม มอบทางเลือกใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ เปิดตัว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม 3 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ร่วมแนะวิธีการเสริมสุขภาพดี จากภายในสู่ภายนอก



การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองที่มีความรีบเร่งอย่างทุกวันนี้ คงไม่อาจตัดสินด้วยสายตาได้ว่า คนที่มีร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ หรือหุ่นเพรียวผอมบาง ใครจะมีสุขภาพดีกว่ากัน เพราะมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่เป็นสาเหตุทำให้คนสมัยนี้กลายเป็นผู้ที่ทำลายสุขภาพตัวเองโดยไม่ตั้งใจ แต่ส่วนที่สึกหรอของร่างกายนั้นสามารถทำให้ฟื้นคืนมาได้ เพราะทางเลือกในการมีสุขภาพดีมีมากกว่าที่คิด

ด้วยเหตุนี้ บริษัท ออริเฟลม คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทขายตรงผลิตภัณฑ์ด้านความงามจากธรรมชาติคุณภาพสูงกว่า 40 ปี จากประเทศสวีเดน จึงขอเป็นอีกทางหนึ่งในการนำเสนอสิ่งดีๆ มาช่วยเสริมและเติมเต็มในส่วนที่ร่างกายขาดหายไป ด้วย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม (Wellness by Oriflame) ที่ให้โปรตีนสูงแต่น้ำตาลต่ำ ทำให้ร่างกายที่เคยได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน กลับมามีรูปร่างที่สมส่วน ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ สวยจากภายในสู่ภายนอกได้ โดยทำการเปิดตัวไปแล้ว เมื่อวันก่อน ณ โรงแรมสุโขทัย

เพียงแค่ก้าวเข้าสู่ภายในงาน ก็เหมือนเดินเข้าไปสู่โลกของการมีสุขภาพดีแล้ว เพราะบรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความหอมสดชื่นของผลไม้ที่นำมาตกแต่งอย่างสวยงามและน่ารับประทานไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะบริเวณกลางห้อง มีประติมากรรมรูปหญิงสาวที่ได้รับการตกแต่งด้วยผัก ผลไม้ อาทิ สตรอเบอร์รี่ ส้ม แอ๊ปเปิ้ล กีวี องุ่น แครอท มะนาว โดดเด่นอยู่ ได้รับความสนใจจากแขกในงานเป็นอย่างยิ่ง

ศุภราภรณ์ เอสซี เปา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริเฟลม คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงที่มาของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่าออริเฟลม เข้าใจดีถึงวิถีชีวิตอันเร่งรีบที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญในทุกๆ วัน แต่ขณะเดียวกันก็ตระหนักว่าสุขภาพดีนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากโภชนาการอันสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดปัญหาสุขภาพที่หลายคนกำลังประสบอยู่ได้

“ทุกวันนี้ชีวิตคนเรามีความเครียดมากขึ้น มีเวลาว่างน้อยลง แถมไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ซึ่งทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะกังวลมาก เรื่องการควบคุมน้ำหนักซึ่งจะทำได้ดีคือ อาหารที่รับประทานเข้าไป ชีวิตคนส่วนใหญ่ใช้เวลา อยู่ข้างนอกไม่ต่ำกว่า 12-14 ชั่วโมง การทานอาหารนอกบ้านก็ไม่แน่ว่าจะได้สารอาหารครบ ทุกหมู่หรือไม่ ออริเฟลมจึงมีทางเลือกสำหรับทุกท่านในการดูแลสุขภาพ ที่ตอบสนองความต้องการของไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยของคนเมือง เน้นในเรื่องโภชนาการที่จำเป็น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีรูปร่างที่แข็งแรงดูดี แต่อาจไม่สะดวกที่จะสรรหาสิ่งจำเป็นในการดูแลสุขภาพได้อย่างครบถ้วน

“ผลิตภัณฑ์ของเราใช้เวลานานมากกว่าที่จะค้นคว้าและพัฒนาออกมา ดิฉันเองเป็นแอมบาสเดอร์ตัวจริงเลย เพราะใช้ผลิตภัณฑ์ของออริเฟลมตั้งแต่ภายนอก และตอนนี้ก็ใช้จากภายในด้วยเช่นกัน จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้ทุกท่านได้ทราบทั่วกันว่า การสวยจากภายในทำได้อย่างไรค่ะ” หัวเรือใหญ่ ออริเฟลม คอสเมติกส์ ประเทศไทย กล่าว

การมีโภชนาการที่ดี เป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม งานนี้จึงมีผู้มาให้คำแนะนำง่ายๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตัว และการบริโภค ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี คือ พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเจ้าของ “ของขวัญคลีนิก” ที่เห็นสาเหตุของชีวิตที่วุ่นวายของคนในเมืองว่า เกิดจากความห่วงเรื่องธุรกิจจนลืมดูแลร่างกายให้ดีเท่าที่ควร ทั้งยังใช้ร่างกายหนักเกินไป ทำให้โทรมเร็ว จึงควรแก้ปัญหาให้ถูกจุด

“เรื่องที่ใกล้ตัวที่สุดสำหรับการดูแลร่างกาย คือ การกินการอยู่ การได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ในแต่ละวันให้เพียงพอ แต่เนื่องจากผู้หญิงและผู้ชายมีสรีระต่างกัน ความต้องการในการได้รับสารอาหารแต่ละชนิดย่อมไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะห่วงเรื่องรูปร่างหรือผิวพรรณมากกว่า จึงควรเน้นไปที่วิตามิน เกลือแร่ ที่เกี่ยวกับทางด้านผิวพรรณ ส่วนผู้ชายจะเป็นแนวออกกำลังกาย สร้างกล้ามเนื้อ ก็ควรเน้นไปที่โปรตีน แมกนีเซียม

“ถึงแม้ชีวิตประจำวันจะมีความเร่งรีบ แต่ถือว่าโชคดีที่หนุ่มสาวยุคนี้มีตัวเลือกมาช่วยในการใช้ชีวิต ให้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต้องพิจารณาด้วยว่ามาจากธรรมชาติ 100% หรือ มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องออกกำลังกาย ทำจิตใจให้แจ่มใสด้วย เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพดีครบถ้วน”

เพราะรู้ว่าการมีสุขภาพดี ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวทุกคนมาตั้งแต่เกิด ถึงแม้จะยังเป็นคนหนุ่มสาวแต่บางคนอาจมีสุขภาพย่ำแย่กว่าผู้สูงอายุก็เป็นได้ ลองมาฟังความคิดเห็นของ 2 คนรุ่นใหม่ที่รู้ตัวว่าไม่สามารถดูแลสุขภาพตนเองให้ดีเต็มร้อยได้ จึงต้องหาสิ่งที่ดีแก่สุขภาพเข้ามาเสริมเพื่อให้ส่วนที่ขาดหายไป กลับคืนมาอย่างครบถ้วนและปลอดภัย

อย่างเช่น ดวง-นีรนาท เผ่าสวัสดิ์ คอลัมนิสต์ นิตยสารชื่อดังหลายฉบับ และ ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ให้กับโปรเจ็คท์พิเศษ ด้วยความที่เป็นคนเนี้ยบทั้งบุคลิก และเรื่องงาน จึงจำเป็นหาผู้ช่วยในการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยในการเสริมความสดชื่น แข็งแรงให้ร่างกายดูดี มีพลังที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และต่อสู้กับงานหนัก

“อย่างที่หลายๆ ท่านบอก คือ คนเรามีความเครียดเพิ่มขึ้น ทั้งเรื่องของตัวเองและเรื่องของคนอื่น ทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบ ทรุดโทรมลงได้ การหันมาพึ่งอาหารเสริมที่จะบำรุงร่างกายของเรา ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะคนที่อายุมากขึ้นยิ่งต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเพื่อความสมบูรณ์ดูดีของร่างกาย

“หากจะพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผม คงเป็น มัลติวิตามิน แอนด์ มิเนอรัล บลู ซึ่งมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ มีวิตามินหลายตัว ที่มีความจำเป็นต่อผู้ชายเพราะมีไลฟ์สไตล์ การใช้งานร่างกายในชีวิตประจำวันที่ไม่เหมือนผู้หญิง จึงต้องการสารอาหารเข้าไปเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายมากขึ้น รู้สึกได้เลยว่าทำให้สดชื่น เฮลท์ตี้ มั่นใจยิ่งขึ้น” หนุ่มมาดเนี้ยบ กล่าว

ทางด้านสาวสวย จ๋า-ยศสินี ณ นคร ผู้ผลิตรายการ และผู้จัดละครชื่อดัง ถือเป็น เวิร์คกิ้ง วูแมน ตัวจริง อีกคนหนึ่งที่ดูมีความสดชื่น และพลังเต็มเปี่ยมในตัวอยู่เสมอ แน่นอนว่าเธอคงมีเคล็ดลับส่วนตัวที่นำมาแบ่งปันให้กับผู้ที่สนใจได้นำไปใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน

“ในแต่ละวัน จ๋าจะมีงานค่อนข้างยุ่งมาก และต้องไปอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่สามารถเลือกทานอาหารครบหมู่ได้ อย่างเช่น ในกองถ่าย เราไม่รู้ว่าวันนี้แม่ครัวจะทำอะไรมาให้ทาน จะมีสารอาหารครบ 5 หมู่ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ หรือเปล่า เราจึงต้องดูแลตัวเองไว้ก่อน ไม่มีข้อแก้ตัวอีกแล้วในสมัยนี้ว่า ไม่มีเวลา ไม่มีของทาน เราต้องจัดการให้ได้ด้วยการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

“สำหรับจ๋า ก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ต้องเน้นเรื่องสวยๆ งามๆ ไว้ก่อน จึงสนใจตัว สวีดิช คอมเพล็กซ์ เคยได้ยินมาว่าสารต้านอนุมูลอิสระมีมากในวิตามินอี แต่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีมากกว่าเป็นร้อยเท่า จะช่วยเสริมคอลลาเจนกับต้านสารอนุมูลอิสระได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีในส่วนของโปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ที่ผู้หญิงก็ควรมีไว้บ้างจะได้สวยเต็มที่”

งานนี้ไม่ยอมให้แขกรับเชิญมาร่วมเผยประสบการณ์การมีสุขภาพดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้โชว์ฝีมือทำดริงค์แก้วโปรดของแต่ละคนให้ลองชิมกันด้วย เริ่มจาก จ๋า-ยศสินี เลือกอร่อยกับ แอ๊ปเปิ้ล ดิลิเชียส เครื่องดื่มแสนสมูธที่มีวิธีการทำสุดง่ายเพียงแค่ ผสมนูทรี เชค รสวานิลลา 1 สกู๊ป กับนมพร่องมันเนย 100 มล. ที่เธอย้ำว่ายิ่งเย็นยิ่งอร่อย ตามด้วยน้ำแอปเปิ้ลสด 50 มล. ใส่ผงอบเชย ลงไปเล็กน้อย จากนั้นปั่นจนดูเนียนนุ่ม เหมาะสำหรับดื่มเพื่อเรียกความสดชื่นได้ทุกเช้า
ส่วน คุณหมอของขวัญ ก็ใจตรงกับ ผู้ผลิตละครสาว เลือกทำ แอปเปิ้ล ดิลิเชียส เหมือนกัน แต่เพิ่มน้ำ แครอทเข้าไปด้วย เพื่อช่วยในเรื่องการบำรุงสายตา และบำรุงผิว สำหรับใครที่ชื่นชอบผลไม้หรือน้ำผลไม้ ก็สามารถเติมลงไปได้โดยไม่ต้องกลัวเสียรสชาติ

มาที่สูตรเด็ดของ หนุ่มดวง กันบ้าง กับเครื่องดื่มสูตร บานาน่า ซันไรส์ ที่มีกล้วยเป็นส่วนผสมสำคัญ โดย ผสมนูทรี เชค รสสตรอเบอร์รี่ กับนมพร่องมันเนยเย็น 150 มล. เพิ่มความสดชื่นด้วยน้ำมะนาว 1 ช้อนชา แล้วใส่กล้วยลงไป ¾ หรือทั้งลูกก็ได้ตามความชอบ เติมน้ำแข็งอีกนิดเพื่อความเย็นชื่นใจ จากนั้นปั่นให้ละเอียด เมื่อได้เครื่องดื่ม สีสวยแล้ว หากต้องการไฟเบอร์ หรือ สารอาหาร ก็ใส่คอนเฟล็กซ์หรือซีเรียลลงไปได้

สำหรับใครที่ชอบดื่มแบบไม่ปั่น ต้องดูสูตร ทรอปิคอล บรีซ ของผู้บริหารคนเก่ง ศุภราภรณ์ เอสซี เปา ที่เล่าให้ฟังถึงเหตุผลในการทำเครื่องดื่มแก้วนี้ว่า เนื่องจากเป็นคนเดินทางบ่อยและทานอาหารไม่เป็นเวลา การจะนำเครื่องปั่นติดตัวไปด้วยคงลำบาก จึงใช้แก้ว เชค แทน ซึ่งทำได้ง่ายและรวดเร็ว โดยมีน้ำผลไม้ 1 อย่างซึ่งเธอเลือกน้ำสัปปะรด ใส่ลงไป 150 มล. ตามด้วย นูทรีเชค รสสตรอเบอร์รี่ 1 สกู๊ป แล้วเชคให้เข้ากันเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

เครื่องดื่มสูตรพิเศษทั้งหลายนี้ มีส่วนผสมจาก ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม นูทริเชค ซึ่งช่วยลดน้ำหนัก และ ดูแลรูปร่าง อีกทั้งยังทำให้ร่างกายได้สารอาหารที่พอเพียงดีต่อสุขภาพด้วย ใครที่ชอบทำเครื่องดื่ม สามารถนำสูตรความอร่อยกลับไปทำดื่มให้หนำใจแบบไม่ต้องห่วงน้ำหนักเลย

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในกลุ่ม เวลเนส บาย ออริเฟลม มีผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบให้เลือกรับประทานเพื่อเสริมสารอาหารในส่วนที่ร่างกายขาดไป ได้แก่
“นูทรี เชค” ด้วยส่วนประกอบที่ดีที่สุดจากธรรมชาติอย่าง โปรตีนจากไข่ จากไก่ที่ได้รับการเลี้ยงดูในฟาร์มปิด และอาหารที่ได้รับคือเมล็ดเฟล็กซ์ที่มีโอเมก้าสูง ทำให้ไข่มีโอเมก้าด้วยเช่นกัน, โปรตีนจากถั่วลันเตา และ เวย์โปรตีน (หางนม) ให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย มี 2 รส คือ สตรอเบอร์รี่ และ วานิลลา
ฟิชออยล์ (Fish Oil) เป็นน้ำมันปลาโอเมก้า3 สกัดจากปลาซาร์ดีน ช่วยให้ผิวแห้งกร้านกลับชุ่มชื้น บำรุงการทำงานของสมองและระบบหัวใจหลอดเลือด
สวีดิช คอมเพลกซ์ (Swedish Complex) ให้ผลในการต้านอนุมูลอิสระ ลดริ้วรอยแห่งวัยและเพิ่มสุขภาพผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
มัลติวิตามิน แอนด์ มิเนอรัล สำหรับผู้ชาย (Multivitamin & Mineral Blue) อุดมด้วย วิตามินและแร่ธาตุจำเป็น รวม 18 ชนิด เพื่อความสอดคล้องกับกิจกรรมของผู้ชายและช่วยเติมเต็มใน แต่ละวัน

มัลติวิตามิน แอนด์ มิเนอรัล สำหรับผู้หญิง (Multivitamin & Mineral Purple) ให้ความสมดุล ในการรวมกันของทั้งวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นสำหรับ การดูแลสุขภาพสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
แม้สุขภาพดีมีจุดเริ่มต้นมาจากโภชนาการอันสมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงเป็นสิ่งที่อาจทำได้ยากสำหรับใครบางคน อาหารเสริมจึงตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ทำงานโลกปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ออริเฟลม สามารถคลิกไปที่ www.oriflame.co.th หรือ www.facebook.com/Oriflameth หรือโทร 02-715-1111
?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2525699 Public Hit

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

 

 

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

แอมเวย์รุกตลาดวิตามินรวมส่ง “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” ปลุกกระแสดูแลสุขภาพ สิ้นปีมั่นใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ทะลุ 5,600 ล้านบาท



ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์จากแอมเวย์เดินหน้ารุกตลาดกลุ่มวิตามินรวม เปิดตัวแคมเปญใหญ่แห่งปี “NutriLOVE by Nutrilite” แนะนำ “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” ผลิตภัณฑ์ประเภทวิตามินรวม เกลือแร่รวม และไฟโตนิวเทรียนท์ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคยุคดิจิทัล พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาทีวี 6 เรื่อง ปลุกกระแสให้คนไทยส่งมอบความรักด้วยการดูแลสุขภาพ มั่นใจสิ้นปีนี้สร้างยอดขายนิวทริไลท์เติบโตถึง 5,600 ล้านบาท ล่าสุดจับมือเอแบคโพลล์สำรวจพฤติกรรมการบริโภคผักผลไม้ พบคนไทยเกินครึ่งกินผักผลไม้ต่อวันไม่เพียงพอ และ 89% บริโภคผักผลไม้ไม่ครบทั้ง 5 สี ส่งผลต่อสุขภาพคนไทยระยะยาว

นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน เทรนด์ผู้บริโภคส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น และยอมรับให้ผลิตภัณฑ์เสริม-อาหารเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพ แต่ไลฟ์สไตล์สังคมปัจจุบันกลับทำให้ผู้คนไม่ค่อยมีเวลาดูแลสุขภาพและเลือกบริโภคอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นไม่ครบถ้วนในชีวิตประจำวัน ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยจึงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2553 ที่ผ่านมาตลาดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีมูลค่ากว่า 26,600 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกลุ่มวิตามินรวมจำนวน 2,100 ล้านบาท และคาดว่าตลาดกลุ่มวิตามินรวมจะมีอัตราเติบโตอีก 5% ในปีนี้

“ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ยังคงเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ให้กับแอมเวย์ โดยมียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มวิตามิน เกลือแร่ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งหมด* ขณะเดียวกัน ในตลาดประเทศไทยนิวทริไลท์ก็เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มวิตามินและเกลือแร่ ด้วยยอดจำหน่ายที่ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายในปีที่ผ่านมากว่า 5,100 ล้านบาท” นายกิจธวัชกล่าว

นายกิจธวัชกล่าวต่อไปว่า สำหรับปี 2554 แนวทางการตลาดของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ในปีนี้ บริษัทใช้กลยุทธ์ “มุ่งเน้นความต้องการของลูกค้า” (Consumer Focus) เป็นหลัก โดยได้เตรียมแผนการตลาดและการขายแบบครบวงจร เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม (Segmentation) มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคในยุคเจนเอ็กซ์ (Generation X) หรือกลุ่มคนที่มีอายุ 31-45 ปี และเจนวาย (Generation Y) กลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 11-30 ปี ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับโลกอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีไอที คนทั้งสองกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มห่วงใยและดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ขณะที่ประชากรกลุ่มเบบี้ บูมเมอร์ (Baby Boomer) อายุ 46-65 ปีขึ้นไป พบว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และมีความจำเป็นที่ต้องสนใจดูแลรักษาสุขภาพเพื่อร่างกายที่แข็งแรงและมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์จากแอมเวย์มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพพื้นฐาน ซึ่งเราจะใช้เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงในการบุกตลาดตั้งแต่ต้นปีอย่าง “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” ด้วยแคมเปญใหญ่ “NutriLOVE by Nutrilite” ที่มุ่งสร้างแบรนด์และให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับสารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์

“นอกจากนั้น บริษัทให้ความสำคัญอย่างมากในการจัดฝึกอบรมนักธุรกิจแอมเวย์ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อให้สามารถอธิบายแก่ลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้งสามารถบุกตลาดไปในทิศทางเดียวกับบริษัท จึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า สิ้นปีนี้แอมเวย์จะสร้างยอดขายเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ได้เพิ่มขึ้นอีก 10% หรือประมาณ 5,600 ล้านบาท”

นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมการบริโภคผักและผลไม้ในปริมาณต่ำกว่ามาตรฐานที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ คือวันละ 4-6 ทัพพี อันเป็นสาเหตุให้ร่างกายได้รับสารอาหารจำเป็นไม่ครบถ้วนต่อวัน สถาบันสุขภาพ-นิวทริไลท์จึงร่วมมือกับเอแบคโพลล์ทำการสำรวจ “พฤติกรรมการบริโภคผักผลไม้ของคนไทย” กับประชาชนทั่วประเทศ อายุระหว่าง 18-65 ปี ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ 2554 จำนวนทั้งสิ้น 4,295 ตัวอย่าง พบว่า คนไทยเกินครึ่ง 62.3% กินผักผลไม้ไม่เพียงพอต่อวัน นอกจากนั้น 89% บริโภคผักผลไม้ไม่ครบทั้ง 5 สี และอีก 98% ไม่รู้จักสารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคเสื่อมต่างๆ

นางรัตนา กล่าวต่อไปว่า เรามั่นใจในคุณภาพของ “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” จะสามารถตอบโจทย์ปัญหาโภชนาการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เพราะประกอบด้วยส่วนผสมของวิตามินรวม เกลือแร่รวม และไฟโตนิวเทรียนท์ รวม 26 ชนิด กับสารสกัดจากผักผลไม้อีก 18 ชนิด ซึ่งเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์วิตามินรวมที่มีในตลาดเมืองไทย สำหรับแคมเปญ “NutriLOVE by Nutrilite” นั้น เป็นการสื่อสารถึงผู้บริโภคหลากหลายครบทุกกลุ่มด้วยภาพยนตร์โฆษณาทีวีรวม 6 เรื่อง เน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของไฟโตนิวเทรียนท์ โดยได้สื่อสารด้วยโฆษณาแบบ Teaser เพื่อสร้างความสนใจและนัดหมายให้ผู้บริโภคชมพร้อมกันในเวลา 3 ทุ่ม วันที่ 3 มีนาคมนี้

“แนวคิดหลักของแคมเปญนี้ คือ สารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์ก็เหมือนความรักที่คนทุกช่วงวัยขาดไม่ได้ จึงเป็นที่มาของหนังรัก 5 แบบที่เชื่อว่า จะเข้าถึงทุกกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังประกอบด้วยแผนการตลาดที่ครบ IMC มีการสื่อสารหลากหลายช่องทาง ทั้งทีวี บิลบอร์ด เฟซบุ๊ค เว็บไซต์ และกิจกรรม Below The Lines มากมาย ด้วยงบประมาณรวม 80 ล้านบาท จากแคมเปญดังกล่าว เราเชื่อมั่นว่า เฉพาะสินค้านิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์ ชนิดเดียว จะมียอดขายสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 15% ส่งผลให้ยอดขายรวมของกลุ่มนิวทริไลท์ทั้งหมดเติบโตเป็น 5,600 ล้านบาท” นางรัตนากล่าวทิ้งท้าย

*สำรวจโดยยูโรมอนิเตอร์ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระชั้นนำระดับโลกที่มีชื่อเสียงในด้านการวิจัยข้อมูลทางการตลาดของผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ถึง 62 ประเทศ โดยมีสำนักงานใหญ่ ณ กรุงลอนดอน และมีเครือข่ายการวิจัยมากกว่า 600 แห่งทั่วโลก Bottom of Form
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ เวิรฟ:

วรญา มณีวรรณ (เพชร) โทร.0-2204-8229

พรชนันท์ มงคลกุล (กิฟท์) โทร.0-2204-8223

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

แอมเวย์ จัด งานเอ็กซ์โประดับชาติ 2554 สร้างโอกาสทางธุรกิจ ให้คนไทยกว่า 100,000 คน



บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน “แอมเวย์เอ็กซ์โประดับชาติ ปี 2554” (Amway National Expo 2011) โดยได้รับเกียรติจาก มร. ฟรานซิส ปีเตอร์ส ทูตพาณิชย์ สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย มร. จิม เพย์น รองประธานบริหาร แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่นและอดีตกรรมการผู้จัดการคนแรกของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารและนักธุรกิจแอมเวย์ระดับสูงให้การต้อนรับ และนำชมงานแสดงสินค้าต้นแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในธุรกิจขายตรงไทย ภายใต้แนวคิด “แอมเวย์...หุ้นส่วนอันดับหนึ่งของคุณ (Amway…Your No.1 Partnership)” เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้คนไทย พร้อมตอกย้ำถึงความสำเร็จร่วมกันระหว่างแอมเวย์และองค์กรนักธุรกิจแอมเวย์ในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจที่สำคัญ จนทำให้แอมเวย์ครองแชมป์ขายตรงไทยอย่างต่อเนื่อง

แอมเวย์เอ็กซ์โประดับชาติ 2554 จัดขึ้นในวันที่ 19 – 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยใช้พื้นที่การจัดงานในอาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ครอบคลุมทั้ง 3 ฮอลล์ เพื่อรองรับนักธุรกิจแอมเวย์ สมาชิก และผู้ที่สนใจร่วมงานกว่า 100,000 คน ท่ามกลางบรรยากาศของงานอลังการในฐานะผู้นำขายตรง ประกอบด้วย โซนภาพลักษณ์องค์กร นำเสนอเส้นทางแห่งความสำเร็จของแอมเวย์ธุรกิจขายตรงขนานแท้ และกิจกรรมของมูลนิธิ แอมเวย์เพื่อสังคมไทย รับบริจาคทุนและหนังสือเพื่อนำไปพัฒนาและมอบให้ห้องสมุดแอมเวย์ โซนโอกาสทางธุรกิจ พบกับเรื่องราวความสำเร็จตลอดระยะเวลา 23 ปีของแอมเวย์ประเทศไทย แผนการจ่ายผลตอบแทนที่ยุติธรรม โปร่งใส เป็นไปได้ และเป็นมรดกตกทอด รวมถึงเงินรางวัลและเกียรติรางวัล โซนสุขภาพ โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ โซนความงาม จากเครื่องสำอางอาร์ทิสทรี รวมถึง แอมเวย์ ช็อป ที่เปิดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และสินค้าที่ระลึกแก่นักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิก เพอร์เซอนอล ช็อปเปอร์ส แค็ตตาล็อก นำเสนอสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพจากพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำของประเทศ

ภายในงานปีนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมที่ให้ความรู้มากมาย อาทิ การฝึกอบรมพิเศษ “Spring to Light” สร้างผิวกระจ่างใสจากภายในสู่ภายนอกโดยการใช้ผลิตภัณฑ์อาร์ทิสทรีเพียว ไวท์ ร่วมกับการรับประทานวิตามินซี โดย ดร.ดิ คิว นักวิทยาศาสตร์วิจัยอาวุโสแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอาร์ทิสทรี ผู้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพียว ไวท์ การสาธิตแต่งหน้าของผู้หญิงแต่ละสไตล์ แบบไหนที่เป็นคุณ “Discover the Real You by Artistry” โดยธำรงรัตน์ วรารักษ์ และเอกรินทร์ วงศ์อกนิษฐ์ เมคอัพอาร์ทิสต์จากเครื่องสำอางอาร์ทิสทรี พร้อมด้วยนางแบบรับเชิญชื่อดัง มด กัลยา จิรชัยศักดิ์เดชา จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม “ความเป็นเลิศของนิวทริไลท์” โดย 2 วิทยากรจากนิวทริไลท์ประเทศสหรัฐอเมริกานำโดย มาเรีย สโลโบเดรียน ผู้จัดการตราผลิตภัณฑ์นิวทริไลท์ และ ดร.แอรอน อองลิงสวาน นักวิทยาศาสตร์พัฒนาและวิจัยสูตรผลิตภัณฑ์ พร้อมการแบ่งปันความรู้เรื่อง “โปรตีน...สารอาหารที่สำคัญที่สุดของร่างกาย” โดยผศ. ดร. วินัย ดะห์ลัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ...จัดวางกิจกรรมตามแบรนด์

ปิดท้ายด้วยการประชุมระดับชาติ 2554 ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของงาน โดยปีนี้ได้รับเกียรติจาก มร. คาโอรุ นากาจิมา นักธุรกิจแอมเวย์ระดับมงกุฎทูต 40 สายงานจากแอมเวย์ญี่ปุ่น ดร.พงษ์ศักดิ์- ดร.พรทิพย์ อัจจิมารังสี นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรคู่และเพชรคู่สองผู้สถาปนา และนางสาวรมัณยา จูฑะเตมีย์- นายพฤสณัย มหัคฆพงศ์ นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรคู่สองผู้สถาปนา เป็นผู้กล่าวปราศรัยรับเชิญ พร้อมร่วมถ่ายทอดและแบ่งปันประสบการณ์แห่งความสำเร็จที่เป็นต้นแบบอันน่าชื่นชม ตลอดจนเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักธุรกิจแอมเวย์รุ่นต่อๆ ไปได้ยึดเป็นแบบอย่างในการสร้างองค์กรธุรกิจแอมเวย์ให้เติบโตอย่างมั่นคง
[gallery link="file"]

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com