ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เอเจล ยันข่าว ปิดบริษัท ไม่เป็นจริง



เอเจล ยันข่าวลือปิดบริษัทไม่เป็นจริง ย้ำแม้ขณะนี้โครงการการบริหารยังไม่ลงตัว แต่มีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากผู้บริหารงานเมื่อ 2 เดือนก่อน พร้อมเดินหน้าลุยธุรกิจต่อเนื่อง
จากกรณีที่บริษัท เอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจขายตรง มีข่าวในแง่ลบออกสู่สาธารณชนทั้งการย้ายค่ายของแม่ทีม และในกรณีที่นายนายนิติ สว่างทรัพย์ เตรียมย้ายไปอยู่ค่ายใหม่ และส่งผลให้เอเจลในประเทศไทยอาจต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะประเด็นล่าสุดที่มีข่าวว่าบริษัทแม่ของเอเจลที่ประเทศอเมริกาเตรียมปิดตัวลง และยังรวมถึงเครือข่ายในประเทศอื่นๆที่เตรียมปิดตัวลงเช่นเดียวกัน โดยหลังปิดตัวเอเจลจะใช้ประเทศไทย ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการขยายฐานไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย โดยใช้ไทยเป็นประเทศต้นแบบ  และเหตุผลหลักของบริษัทแม่ที่ต้องปิดตัวลง คือการขัดแย้งกันภายในของเอเจลที่ยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะโครงสร้างการบริหารงานที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว นายนิติ สว่างทรัพย์ ผู้นำสูงสุดระดับคราวน์ไดมอนด์ไดเร็กเตอร์ บริษัท เอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผยว่า กรณีบริษัทแม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะปิดตัวลงนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งข่าวลือที่เกิดขึ้นนั้น มาจากการสร้างกระแสโจมตีจากผู้ไม่หวังดีเป็นระยะๆ เพื่อทำลายบริษัท โดยยกประเด็นการปรับโครงสร้างผู้บริหารภายในที่ยังคงมีปัญหาและยังไม่ลงตัว หลังเกิดการเปลี่ยนตัวประธานบริหารใหม่ขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ผ่านมา
"การที่กล้ายืนยันว่าบริษัทแม่ยังไม่ได้มีการปิดตัวนั้น เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางเอเจลแล้ว ขณะที่ปัญหาภายในเกี่ยวกับโครงสร้างการบริหารงานนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่บริษัทอื่นๆ ก็เป็นเช่นกัน แต่ยืนยันว่าหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างผู้บริหารใหม่เสร็จสิ้นแล้วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ภาพการบริหารงานมีความชัดเจนมากขึ้น และได้ประธานบริหารคนใหม่มาแล้ว 2 คน และประธานบริษัทเอเจลอีก 1 คน"
ทั้งนี้โครงสร้างผู้บริหารใหม่ของเอเจล ประกอบไปด้วย นายเจฟ ฮิกกินสัน ประธานกรรมบริหาร ดูแลงานฝ่ายขาย และนายเจอราไมด์ แบลดลีย์ ประธานกรรมการบริหารร่วม ที่จะเข้ามาดูแลงานด้านคอมมิสชันให้กับสมาชิก อย่างไรก็ดีประธานกรรมการบริหารทั้ง 2 จะเดินทางมาประเทศไทยประมาณเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ประธานบริษัทคนใหม่ของเอเจลอีกหนึ่งคนคือนายเครก แบลดลีย์ ที่ดูแลงานเพื่อสังคมในโครงการเอเจล แคร์ คาดว่าจะมาประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้เช่นกัน
นายนิติ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทจะย้ายสำนักงานใหม่จากยูเนี่ยนมอลล์ไปยังถนนรัชดาภิเษก ขณะนี้ได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้เอเจลยังมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีความหลากหลายอีกหลายรายการในปีนี้


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,640 2-4 มิถุนายน พ.ศ. 2554




 

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

‘แคทส์ฯ’ กางตำรารุกหนัก ลุยปั้นแบรนด์ มะโฮ สอยยอดพันล้าน



แคทส์ดอทคอมแรงทะลุมิติ...4 เดือนแรกยอดขายทะลุเป้าปี’53 เตรียมแผนปรับเป้าใหม่ทะยานขึ้นสู่หลัก 1,000 ล้านสร้างเศรษฐีใหม่ประดับวงการขายตรงอีก
เป็นโขยง...แย้มแผนกางตำรารุกหนักครึ่งปีหลังหว่านงบประมาณสร้างแบรนด์สินค้ามะโฮไม่อั้นหวังจุดกระแสติดลมบนก่อนนำสินค้าตัวใหม่เสริมทัพลุยออกขายเอาใจสมาชิกครึ่งปีหลัง...ประกาศลั่น! อย่างมั่นใจนำพาสมาชิกที่เข้าร่วมธุรกิจก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จหลังบริษัทมีรากฐานและแผนการตลาดที่แข็งแกร่งพร้อมที่จะยืนหยัดอยู่บนสมรภูมิรบแห่งนี้อย่างมั่นคง...!!!
นายเอกวัฒน์ วงษ์ชูแก้ว รองประธานบริหาร บริษัท แคทส์ ดอท คอม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ตลาดวิเคราะห์”ว่า ในปีนี้ ถือเป็นปีแห่งการก้าวกระโดดของบริษัท เพราะนับตั้งแต่เริ่มต้นปีที่ผ่านมา ใช้ระยะเวลาเพียง 4 เดือน บริษัทฯ มียอดขายเกือบ 200 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นยอดขายที่ทำไว้ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาของปี 2553
ซึ่งการเติบโตที่รวดเร็ว และก้าวกระโดดในครั้งนี้ เป็นผลการที่บริษัทฯ ได้มีการเรียนรู้และพัฒนาปรับปรุง ทางด้านแผนงานต่างๆ เพื่อสอดรับกับความต้องการของสมาชิก และลูกค้ามากยิ่งขึ้น และแผนโปรโมชั่น แผนการจ่ายผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่สมาชิก ทำให้ปัจจุบันมีผู้นำและสมาชิกทั้งรายใหม่ และรายเก่า หันมาให้ความสนใจร่วมทำธุรกิจกับบริษัทเพิ่มมากขึ้น เพราะมองเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต
“ตอนนี้ผู้นำและสมาชิกหลายคนยอมรับว่า เราเป็นของจริง เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เรามีการลองผิด-ลองถูก อยู่พอสมควร แต่ด้วยเจตนา รมณ์ที่ชัดเจนของบริษัทที่ต้องการทำธุรกิจ ด้วยการใช้สินค้าเป็นตัวนำ และใช้รูปแบบการบริหารจัดการที่เป็นอินเตอร์จริงๆ เข้ามาบริหารแบบโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของระบบไอที ระบบแบ็คออฟฟิศ ฯลฯ จึงทำให้บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน”
นายเอกวัฒน์ เปิดเผยต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ วางแผนงานที่จะรุกตลาดมากยิ่งขึ้น หลังจากจับทิศทางของธุรกิจถูก ซึ่งนับจากนี้จะมีการเน้นเรื่องของระบบ การเทรนนิ่ง ทั้งพนักงาน สมาชิก ที่สำคัญจะเน้นหนักในเรื่องของสื่อ เพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าให้รู้จักสินค้ามะโฮมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังมีการวางเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่า ระยะสั้น กลาง ยาว จะก้าวต่อไปอย่างไร ซึ่งเป้าหมายที่เด่นชัดที่สุดในระยะยาวคือ ต้องการเป็นบริษัทเครือข่ายขายตรงที่ผู้นำ และสมาชิก รวมไปถึงพนักงานเอง ต้องการเข้ามาร่วมงานมากที่สุด โดยมีสินค้าที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และแผนการตลาดที่ทำแล้วมีรายได้อย่างแท้จริง
“เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราถือว่า เงียบเกี่ยวกับเรื่องของสินค้า แต่ปีนี้เราพยายามที่จะให้คนรู้จักสินค้ามะโฮมากขึ้น จากการสร้างแบรนด์ ที่จะทำให้เกิดขึ้นนับจากนี้ไป รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่จะสร้างให้สินค้ามะโฮเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แม้ปัจจุบันสินค้าของเราคนจะเริ่มรู้จักแล้ว แต่เราอยากให้ผู้บริโภครู้จักมากขึ้น เพราะเราต้องการที่จะให้สินค้าของเราอยู่คู่ธุรกิจเครือข่ายและผู้บริโภคตลอดไป ซึ่งในระยะเริ่มต้นเราจะสร้างแบรนด์สินค้ามะโฮ ให้เป็นที่รู้จักก่อน หลังจากนั้น จะแบรนด์ของแคทส์ ดอท คอม ตามมาที่หลัง เพราะมั่นใจว่า สินค้าของเรา สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าและสมาชิกได้เป็นอย่างดี”
นายเอกวัฒน์ เปิดเผยต่อว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทฯ มียอดขายเติบโตในช่วงที่ผ่านมา คือในเรื่องของโปรโมชั่น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น และบริษัทฯ เองก็มีโปรโมชั่นต่างๆ อย่างมากมายมาให้กับสมาชิก และผู้นำให้มีความกระตือรือร้นที่จะแข่งขัน เพื่อทำยอดกัน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด น่าจะ เป็นในเรื่องของสินค้าที่ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ เห็นได้จากในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี แทบจะทุกบริษัทจะมียอดขายที่ลดลง เพราะเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของวันหยุดในช่วงสงกรานต์ที่มีติดต่อกันหลายวัน ทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักธุรกิจ แต่ในทางกลับกันยอดขายของบริษัทฯ กลับไม่ลดลง มิหนำซ้ำ ยังมียอดขายมากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคมด้วยซ้ำ
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นผลพวงมาจากคนให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น และสินค้าของบริษัทฯ สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ แม้จะมีด้านลบจากการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ ผลิตที่ประเทศญี่ปุ่น แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกลับไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ
“หลังมีเกิดเหตุการณ์ขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เราก็ได้สร้างความมั่นใจ ด้วยการเชิญท่านประธานใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้สร้างความมั่นใจต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมทั้งประกาศที่จะลงทุนในประเทศไทยอย่างเต็มที่ ทำให้ผู้บริหารที่อยู่ในประเทศไทยยิ่งเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และสมาชิก ผู้นำ ก็สร้างความมั่นใจให้กับทีมงานใหม่ได้ด้วย ทำให้ยอดขายในช่วงที่ผ่านมากระโดดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ทุกคนมั่นใจในตัวบริษัท และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”
ปัจจุบันฐานลูกค้าของบริษัทฯ มีอยู่ประมาณ 40,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก โดยมีสาขาอยู่ 3 แห่งด้วยกันคือ นครราชสีมา, ขอนแก่น และบุรีรัมย์ ซึ่งอีกไม่นานบริษัทฯ มีแผนงานที่จะเปิดสาขาใหม่ที่ อุบลราชธานี ด้านคลังสมาชิก ตอนนี้บริษัทฯ มีคลังสมาชิกอยู่ 70-80 คลัง โดยปัจจุบันมีสมาชิกแห่เข้ามาร่วมทำธุรกิจกับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นทั้งแบบผสม มีทั้งน้ำเก่า และน้ำใหม่ รวมไปถึงคนที่เป็นผู้บริโภค ที่ชื่นชอบในสินค้าและเข้ามาร่วมทำธุรกิจ
“ปัจจุบัน เรากำลังเดินไปถูกทาง ทั้งรากฐานของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง และการเข้าถึงความต้องการของสมาชิกและผู้นำมากยิ่งขึ้น ระบบแผนการจ่ายผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่นักธุรกิจ ที่สำคัญสินค้าที่มีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการต่อผู้บริโภค ทำให้เชื่อมั่นว่า สิ้นปีนี้ บริษัทฯ น่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และจะมีคลังสมาชิกถึง 1,000 คลัง พร้อมกับรหัสสมาชิก 100,000 รหัส อย่างแน่นอน”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ ตลาดวิเคราะห์

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

“อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น” นวัตกรรม สูตรสองประสิทธิภาพ ที่สะดวกและผลลัพธ์ โดนใจชายหนุ่ม


อาวียองซ์ แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยม แนะนำ “อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น” (aviance Men’s Solutions Double Action) ผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับคุณผู้ชาย ด้วยนวัตกรรมสูตรสองประสิทธิภาพ เป็นเจ้าแรก ที่รวมเอาสองคุณประโยชน์ไว้ในหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ทั้งสะดวกและผลลัพธ์โดนใจหนุ่มๆ ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่แตกต่างของผิวผู้ชาย ประกอบด้วย อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น เฟซ วอช+เชฟวิ่ง ครีม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าของหนุ่มๆให้ดูสดใสด้วยความกระจ่างใส ไร้หนวดเครา ด้วยผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้า และครีมโกนหนวดสูตรสองประสิทธิภาพในหนึ่งเดียวกัน อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น เดย์+ไนท์ มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ สำหรับผิวธรรมดา ครีมบำรุงผิว สูตรสองประสิทธิภาพที่ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมมอบความชุ่มชื้นคืนสู่ผิวอย่างล้ำลึกปรับสภาพผิวให้ดูสว่างสดใส ผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้รูขุมขนดูกระชับ อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น เดย์+ไนท์ มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ สำหรับผิวมัน ครีมบำรุงผิว สูตรสองประสิทธิภาพ ที่แทรกซึมสู่ผิว ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผิวดูเนียนนุ่มไม่มันเงา
หาซื้อผลิตภัณฑ์ “อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น” ได้ที่ อาวียองซ์ช็อปทุกสาขา หรือผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02-554-2655 www.aviancethai.com

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร. 0-2434-8300, 0-2434-8547 คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณอริสา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ออริเฟลม เปิดตัว พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “แคโรไลน์ วอซเนียคกี้” นักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลก ตัวแทนความหวัง มุ่งมั่น อันแข็งแกร่ง แบบฉบับสาวยุคใหม่



ออริเฟลม (Oriflame) ผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติสัญชาติสวีเดน ที่เปิดโอกาสให้คนถึง 3.6 ล้านคนทั่วโลกได้มีธุรกิจแบบอิสระ และสร้างยอดขายที่สูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญยูโร เพราะมีสาขาครอบคลุม ถึงกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ออริเฟลมเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่รู้ใจในหมู่สาววัยทำงานที่แม้แต่นักเทนนิสหญิง มือ 1 ของโลก สัญชาติสวีเดน อย่าง “แคโรไลน์ วอซเนียคสกี้” (Caroline Wozniacki) ยังเลือกให้ “ออริเฟลม” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความงามของเธอทั้งในคอร์ทเทนนิส และชีวิตจริง
?
ออริเฟลมได้ให้การสนับสนุนเป็นพันธมิตรหลักในการแข่งขันเทนนิสหญิงของโลก (WTA : Women’s Tennis Association) ซึ่งจะจัดขึ้นในหลายๆ ประเทศ รวมถึงการแข่งขันอีก 22 รายการที่กำลัง จะเกิดขึ้นในปี 2011 นี้ โดยได้ให้การสนับสนุน แคโรไลน์ วอซเนียคสกี้ นักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลกสัญชาติสวีเดน ในการไปแข่งขันที่ต่างประเทศ ด้วยบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น สะท้อนภาพลักษณ์ของสาวยุคใหม่ได้อย่างชัดเจน ที่เปี่ยมด้วยความหวังอันกล้าแกร่ง ในการทำความฝันให้เป็นจริง จนก้าวขึ้นสู่สุดยอดนักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลกได้ แคโรไลน์ วอซเนียคสกี้ จึงเปรียบเหมือนเป็นตัวแทนของออริเฟลม ปลุกเร้าให้สาวๆ ทั่วโลก ที่ปรารถนาประสบความสำเร็จมีเธอเป็นต้นแบบแห่งแรงบันดาลใจ



แคโรไลน์ วอซเนียคสกี้ เป็นนักเทนนิสชาวเดนมาร์ก เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 แคโรไลน์ได้รับการฝึกฝนการเล่นเทนนิสจาก ปีเตอร์ วอซเนียคกีผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพของประเทศเยอรมันนี โดยครอบครัววอซเนียคกีย้ายมาอยู่ที่เดนมาร์กเมื่อพ่อของเธอ ถูกซื้อตัวไปเล่นฟุตบอลอาชีพที่เดนมาร์ก

แคโรไลน์ชนะแกรนด์สแลมระดับเยาวชมาหลายรายการ อาทิ แชมป์เยาวชนหญิงเดี่ยวในปี 2006 และแชมป์โอเรนจ์โบวล์ในปี 2005 วอซเนียคกีเริ่มเล่นใน WTA Tour ครั้งแรกที่รายการซินซินเนติ
ในการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลม ยูเอสโอเพ่น คาโรไลน์ เป็นมือวางอันดับ 9 โดยชนะทั้ง มือวางอันดับ 6 และ อดีตแชมป์ปี 2006สเวตลานา คุซเนตโซวา จากรัสเซียในรอบที่ 4, เมลานี อูแด็ง ดาวรุ่งจากสหรัฐอเมริกาในรอบก่อนรองชนะเลิศ และยานินิ วิคเมเยอร์ จากเบลเยียม ในรอบรองชนะเลิศ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศในระดับแกรนด์สแลม โดยแพ้ให้กับคิม ไคลจ์สเตอร์ส
การแข่งขัน โซนี่ อีริคสัน แชมป์เปียนชิพ ที่กรุงโดฮา ซึ่งเป็นรายการสุดท้ายของปี วอซเนียคแพ้ให้กับ เซเรนา วิลเลียมส์ ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่เธอจะขอถอนตัวในเซตที่สอง
จบการแข่งขันฤดูกาลแข่งขันปี 2009 เธอติดอันดับโลกที่มืออันดับ 4 ของโลก ทำรายได้ไปได้ถึง 2,371,550 เหรียญสหรัฐฯ
แคโรไลน์ วอซเนียคกี้ ขึ้นเป็นนักเทนนิสมืออันดับ 1 ของโลกของดับเบิลยูทีเอในวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 2010 และจบปี 2010 ด้วยการเป็นอันดับ 1 ของโลก
ในส่วนของชีวิตประจำวันของแคโรไลน์ นอกจากการเล่นกีฬาต่างๆที่เธอชื่นชอบ เช่น เล่นแฮนด์บอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ และเล่นเปียโนแล้วเธอยังสนใจเรื่องความสวยความงามเหมือนหญิงสาวทั่วไปอีกด้วย
“ในฐานะที่ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ฉันรักและหลงใหล เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ ฉันดูดี และฉันก็ชอบที่จะเรียนรู้ทิปการแต่งหน้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ สำหรับฉัน จนอยากที่จะศึกษาอย่างจริงจัง กระทั่งมีโอกาสได้ร่วมงานกับออริเฟลม ทำให้ได้ศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง ซึ่งการมาร่วมงานในฐานะตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่ที่สามารถทำความฝันได้สำเร็จ จนสามารถเป็นนักเทสนิสหญิงมือ 1 ของโลกได้นั้น ฉันหวังว่าความตั้งใจ มุ่งมั่นของฉัน จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลกอีกหลายๆ คน สามารถทำความฝันของตัวเองได้สำเร็จ” แคโรไลน์ วอซเนียคสกี้ นักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลก กล่าว
นับแต่นี้ ออริเฟลมกว่า 60 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมี ศุภราภรณ์ เอสซี เปา สาวเก่งผู้กุมบังเหียน อาณาจักร ออริเฟลมคอสเมติกส์ (ประเทศไทย) นั่งแท่นเป็นกรรมการผู้จัดการเผยภาพของ แคโรไลน์ วอซเนียคสกี้ จะปรากฏ ในแคมเปญโฆษณา แคตตาล็อกสินค้า ในฐานะตัวแทนของ ออริเฟลม สะท้อนภาพลักษณ์ของสาวยุคใหม่ ที่เปี่ยมด้วยความหวัง มุ่งมั่น อันแข็งแกร่ง ในการทำความฝันให้เป็นจริง
พบกับผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติ ที่ออริเฟลมคัดสรรมา ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์สาวยุคใหม่ได้อย่างลงตัว สนใจร่วมทำธุรกิจ หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ออริเฟลม สามารถคลิกไปที่ www.oriflame.co.th หรือ www.facebook.com/Oriflameth หรือโทร 02-715-1100
?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2525699 Public Hit

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

อาวียองซ์ อะคาเดมี สกัดนิสัยพาอ้วน เพื่อสุขภาพที่ดี



คุณเคยสังเกตตัวเองไหมว่ารูปร่างที่เปลี่ยนไป ดูสมบรูณ์ บางทีมันอาจเกิดจากนิสัยการกินเล็กๆน้อยๆ ในตัวคุณที่ถูกมองข้ามไป ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรม สถาบันการเรียนรู้และฝึกอบรม อาวียองซ์ อะคาเดมี เปิดประเด็นชวนคิด “กินทั้งที ต้องกินให้คุ้ม ต้องกินให้หมด”
ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรม สถาบันการเรียนรู้และฝึกอบรม  อาวียองซ์ อะคาเดมี กล่าวว่า “คนอ้วนส่วนใหญ่เกิดจากนิสัยการกิน กินทั้งที ต้องกินให้คุ้ม กินให้หมด เสียดายของ และผลสุดท้ายก็เป็นอันตรายต่อการดูแลรูปร่างและสุขภาพอย่างมาก เพราะจากที่ร่างกายต้องการพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน แต่การกินทั้งทีต้องคุ้มอย่างบุฟเฟ่ต์ คุณจะได้รับพลังงานโดยเฉลี่ยต่อมื้อถึง 3,000 กิโลแคลอรี่ อีกนัยหนึ่งคือ น้ำหนักคุณจะเพิ่มขึ้นมื้อละ 1.4 ขีด เชียวนะ ถ้าคุณเผลออ้วนแล้วล่ะก็ การที่จะกลับมาทำให้หุ่นดีได้ดังเดิมนั้นมันยาก และอาจใช้เงินมากกว่าค่าอาหารในวันนั้นเป็นไหนๆ แต่ถ้าคุณพลาดไปแล้วล่ะ ให้ลองทำวิธีนี้คือให้ลดปริมาณแคลอรี่ที่จะได้รับในวันต่อๆไปวันละ 500 กิโลแคลอรี่ สัก 4 วัน ก็น่าจะพอช่วยได้ หรือจะออกกำลังกายว่ายน้ำ ประมาณ 2 ชั่วโมง หรือไม่ก็นัดก๊วนแก๊งที่ไปกินบุฟเฟต์ด้วยกันนี่แหละ ไปตีแบตสัก 2-3ชั่วโมง จะได้ไม่อ้วนและก็สุขภาพแข็งแรงกันทั้งกลุ่ม
ส่วนนิสัยเสียดายของ ก็ขอให้ห่อกลับบ้านไปรับประทานในมื้อต่อไป เป็นการช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า พร้อมรักษารูปร่างและสุขภาพให้อยู่กับเรายาวนานออกไปอีก จงอย่าพยายามกินให้หมด เพราะมันจะกลายเป็นไขมันที่หน้าท้อง



สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานฟาสต์ฟู้ดจำพวกแฮมเบอร์เกอร์ โดนัท ไก่ทอด ฯลฯ คุณรู้ไหม? องค์การอนามัยโลกเรียกอาหารเหล่านี้ว่า “อาหารขยะ” เพราะเป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการที่ไม่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ให้แต่เฉพาะพลังงานมากกว่าอื่นๆ และยังมีโซเดียมสูง ไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งหากคุณกิน “อาหารขยะ” ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อเส้นรอบเอวแล้ว ยังนำมาซึ่งโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วหันมากินอาหารที่มีประโยชน์ อย่างอาหารไทยทั่วไปนี่แหละ เช่น ข้าวน้ำพริกกะปิทานคู่ผักสดหรือผักต้ม อร่อยแสนอร่อย อุดมด้วยวิตามินแถมยังให้แคลอรี่น้อยกว่าแฮมเบอร์เกอร์เพียงครึ่งชิ้นอีกต่างหาก
นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเหล้า เบียร์ เป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูงพอๆ กับการกินอาหารมื้อใหญ่เลยทีเดียว แล้วยิ่งสาวๆ ทั้งหลายที่มักนิยมดื่มเหล้าจางๆ ผสมน้ำอัดลมด้วยแล้วล่ะก็ คุณก็จะได้ของแถมเป็นน้ำตาลปริมาณพอๆ กับที่ร่างกายต้องการทั้งสัปดาห์ ยิ่งคนที่ดื่มเหล้าหรือเบียร์ทุกวัน จะมีพลังงานส่วนเกินจากเครื่องดื่มเหล่านี้สะสมในร่างกายวันละ50-200 กิโลแคลอรี่ เหมือนกินไขมัน1-4ช้อนชา ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอาจเดือนละ 1 กิโลกรัม ซึ่งความอ้วนจะมาพร้อมกับความเมาเสมอ
ฉะนั้นโดยส่วนใหญ่กลุ่มที่เสี่ยงกับโรคอ้วน เพราะขี้เกียจออกกำลังกาย จึงควรปรับเปลี่ยนนิสัยหรือหันมาพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สามารถสกัดกั้นการดูดซึมแป้งและไขมัน และช่วยเผาผลาญพลังงานที่เหลือใช้ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี” ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ สรุปปิดท้าย
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาวียองซ์ คอลเซ็นเตอร์ โทร 02-554-2655 www.aviancethailand.com

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300
คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณอริสา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

แอมเวย์ ฉลองเครื่องกรองน้ำ อีสปริง คว้ารางวัล Best Practices Award 2010 ส่ง โปรโมชั่นพิเศษ ตอบสนองคนรักสุขภาพ มั่นใจยอดขายปีนี้โต 10%



แอมเวย์ประเทศไทยเดินหน้าส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเผยความสำเร็จของเครื่องกรองน้ำ “อีสปริง (eSpring)” ไตรมาสแรกเติบโต 7% รับกระแสคนห่วงใยสุขภาพมากขึ้น ตอกย้ำความยอดเยี่ยมระดับโลกด้วยการคว้ารางวัลผู้นำด้านเครื่องกรองน้ำดื่มแห่งปี “Best Practices Award 2010” จาก “ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน” ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมส่งโปรโมชั่นพิเศษสุดแรงเมื่อซื้อ “อีสปริง” รับฟรีเพิ่มชุดไส้กรองคาร์บอนกัมมันต์และหลอดอุลตร้าไวโอเล็ทอีก 1 ชุด มั่นใจสิ้นปี แบรนด์อีสปริงมียอดขายเพิ่มขึ้น 10%
นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากผู้บริโภคปัจจุบันตื่นตัวและให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น การดูแลเรื่องโภชนาการ น้ำดื่ม อากาศ และความเป็นอยู่ในครัวเรือนจึงมีสูงขึ้น ทำให้ภาพรวมของสินค้ากลุ่มนี้ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับโลกและประเทศไทย โดยในปี 2553 ที่ผ่านมา แอมเวย์ทั่วโลกมียอดขายรวมของกลุ่มสินค้าเครื่องกรองน้ำอีสปริง (eSpring) เครื่องกรองอากาศแอทโมสเฟียร์ (ATMOSPHERE) เครื่องครัวไอคุ้ก (iCook) และแอมเวย์ ควีน (AMWAYQUEEN) รวมกันสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และสำหรับยอดขายเครื่องกรองน้ำอีสปริงในเมืองไทย มีการเติบโตสูงเช่นกันโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา (เดือนมกราคม – มีนาคม 2554) ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วถึง 7% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า สิ้นปี 2554 เครื่องกรองน้ำอีสปริงจะสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้อีก 10%
นายกิจธวัชกล่าวต่อไปว่า ล่าสุดเครื่องกรองน้ำ ‘อีสปริง’ จากแอมเวย์ตอกย้ำความยอดเยี่ยมระดับโลกด้วยการคว้ารางวัลผู้นำด้านเครื่องกรองน้ำดื่มภายในครัวแห่งปี “Best Practices Award 2010” จาก บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Frost & Sullivan Asia Pacific) ประจำปี 2553 ซึ่งรางวัลนี้เป็น 1 ใน 9 รางวัลที่ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน มอบให้องค์กรที่มีผลงานโดดเด่นในแต่ละสาขา ซึ่งแอมเวย์ในฐานะผู้ผลิตเครื่องกรองน้ำก็ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้
“แอมเวย์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำนวัตกรรมเครื่องกรองน้ำมากว่า 27 ปี โดยที่ผ่านมามีการจำหน่ายเครื่องกรองน้ำมาแล้วกว่า 5 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งทำให้ ‘อีสปริง’ เป็นเครื่องกรองน้ำดื่มที่มียอดขายสูงสุดของโลก* อีกด้วย พร้อมกันนี้ แอมเวย์ยังการันตีความเชี่ยวชาญในการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีระบบการกรองน้ำด้วยสิทธิบัตรกว่า 330 ฉบับทั่วโลก จากการค้นคว้าและวิจัยกว่า 20 ปี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้แอมเวย์เป็นที่รู้จักและได้รับรางวัลในครั้งนี้อย่างสมศักดิ์ศรี” นายกิจธวัชกล่าว
นายกิจธวัชกล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อกระตุ้นตลาดและตอบแทนผู้บริโภค บริษัทได้จัดรายการโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อซื้อเครื่องกรองน้ำ ‘อีสปริง’ 1 เครื่อง ลูกค้ารับฟรีชุดไส้กรองคาร์บอนกัมมันต์และหลอดอุลตร้าไวโอเล็ทเพิ่มอีก 1 ชุด หรือเลือกรับสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ เริ่มวันนี้ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2554 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
“แอมเวย์มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคที่รักและใส่ใจสุขภาพนี้ จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เครื่องกรองน้ำ ‘อีสปริง’ เติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายกิจธวัชกล่าวสรุป















ที่มา : http://www.thaipr.net/nc/readnews.aspx?newsid=59F79CC03FE4ABC04596E1EE235098E4&sec=all&query=YW13YXk=

 

แอมเวย์เผย กลยุทธ์การตลาดทั่วโลก มุ่งเน้นผู้นำตลาดขายตรงโลก



นางแคนเดซ แมทธิวส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น (ที่ 2 จากซ้าย) พร้อมด้วยนายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป (ซ้าย) บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด และนางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (ที่ 2 จากขวา) เผยข้อมูลกลยุทธ์การตลาดของแอมเวย์ คอร์ปอเรชั่นและภาพรวมความสำเร็จของแอมเวย์ทั่วโลก โดยมุ่งสร้างความเป็นผู้นำในธุรกิจขายตรงทุกด้าน รวมถึงกลยุทธ์การตลาดของแอมเวย์ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้แอมเวย์ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจขายตรงหลายชั้นระดับโลก

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

ศูนย์การค้า พาวิเลียน เพลส ต้อนรับ “Together Group” ผู้เช่ารายใหม่



คุณทวีเกียรติ สุวรรณ (คนที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นตัวแทนบริษัทฯ ร่วมแสดงความยินดี กับ คุณรพีพันธ์ บุญอินทร์ (คนที่ 2 จากขวา) ผู้เช่าใหม่เปิด “ Together Group” ธุรกิจขายตรงเอมสตาร์ ที่ พาวิเลียน เพลส เพชรเกษม 69 เมื่อเร็ว ๆ นี้

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ เปิดตัว “อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น”



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ อาวียองซ์ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ลแอคชั่น” (aviance Men’s Solutions Double Action) ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นเพื่อเอาใจคุณสุภาพบุรุษ นวัตกรรมใหม่จากอาวียองซ์ ด้วยสูตรสองประสิทธิภาพ เป็นเจ้าแรก ซึ่งรวมเอาสองคุณประโยชน์ไว้ในหนึ่งผลิตภัณฑ์ ณ หอประชุมมหิศร อาคารไทยพาณิชย์ปาร์ค พลาซ่า ถ.รัชดาภิเษก

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300, 0-2434-8547
คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณอริสา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

นิวตรีริช สบช่องวิกฤตแบ่งเค้ก ปุ๋ยเคมี พ.ค.ดีเดย์ปรับสู่แฟรนไชส์เต็มขั้น ฟุ้งยอดขายสิ้นปี 300 ล้านบาท



นิวตรีริชก้าวย่างสู่ปีที่ 3 อย่างแข็งแกร่ง พฤษภาคมนี้ปรับศูนย์รุกสู่แฟรนไชส์เต็มรูปแบบ พร้อมประกาศตั้งเป้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ โอกาสในวิกฤตปุ๋ยเคมีแพงดันส่วนแบ่งปุ๋ยอินทรีย์ขยับเพิ่มพันล้านบาท ไตรมาสแรกปัญหาน้ำท่วมกระทบยอดขายทรงตัวจบที่ 42 ล้านบาท มั่นใจไตรมาสสองและสามยอดพุ่งเข้าฤดูกาลเพาะปลูก เตรียมอัดฉีดแคมเปญถี่เดินสายตอกย้ำแบรนด์ต่อเนื่อง คาดสิ้นปีฟัน 300 ล้านบาท
นายเชน ใจซื่อ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิวตรีริช จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมาจนครบ 2 ปีว่า “ บริษัท นิวตรีริช จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรคุณภาพมาจนวันนี้เข้าสู่ปีที่ 3 ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและเหล่าสมาชิกเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงนี้พี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมและปุ๋ยเคมีแพง รัฐบาลพยายามส่งเสริมในเรื่องเกษตรอินทรีย์ ทำให้ความต้องการปุ๋ยอินทรีย์ในตลาดเพิ่มมากขึ้น ผมคาดว่ายอดขายปุ๋ยอินทรีย์ในตลาดจะขยับเพิ่มพันล้านบาท แชร์ส่วนแบ่งการตลาดปุ๋ยเคมีที่มีมูลค่าสูงถึงแสนล้านบาท ตรงนี้ถือเป็นโอกาสในวิกฤต
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เราจึงปรับแผนธุรกิจสู่ระบบแฟรนไชส์อย่างเต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษาคมเป็นนี้เป็นต้นไป ซึ่งในทางพฤตินัยร้านศูนย์จำหน่ายของเรามีลักษณะที่เป็นแฟรนไชส์อยู่แล้ว เพียงแต่ทำนิติกรรมสัญญาให้เป็นแฟรนไชส์อย่างถูกต้อง จากสัญญาศูนย์จึงต้องเปลี่ยนเป็นสัญญาแฟรนไชส์อย่างถูกต้อง โดยที่ยังคงรูปแบบการจ่ายรายได้เหมือนเดิม คือเป็นการจ่ายจากข้างล่างขึ้นบน มีค่าแนะนำบอกต่อ มีรายได้จากการจับคู่ และได้ท่องเที่ยวต่างประเทศหากทำยอดขายทะลุเป้า ดังนั้นจึงเรียกว่าเป็น “แฟรนไชส์ MLM” ที่ไม่มีค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์เหมือนกับแฟรนไชส์ทั่วไป
แฟรนไชส์มีให้เลือก 4 ขนาด คือโมบายเงินลงทุน 60,000 บาท โมบายสเปเชียล เงินลงทุน 117,000 เซ็นเตอร์ (อำเภอ)เงินลงทุน 150,000 บาท และคลังจังหวัดเงินลงทุน 500,000 บาท แฟรนไชส์ดาวปูแดงจะว่าไปแล้วเหมือนได้ฟรี คุณจะได้สินค้าครบมูลค่าตามเงินที่ลงทุนไป แฟรนไชส์ที่มีการซื้อสินค้าครบตามกำหนดจะมีเงินคืนให้และจะได้รับเงินคืนตลอดจนกว่าจะครบมูลค่าที่ลงทุนไป จากนั้นจ่ายเพียงแค่ครึ่งเดียว และสินค้าที่รับไปวันแรกไม่ต้องคืนบริษัทด้วย เท่ากับเป็นแฟรนไชส์ได้ฟรีหากร้านคุณมียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ มีการซื้อใหม่อย่างต่อเนื่อง
จากปัญหาอุทกภัยประกอบกับเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิตยอดขายไตรมาสแรกของนิวตรีริชแตะอยู่ที่ 42 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสที่ 2 และ 3 จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลผลิตคาดว่าจะทำให้ยอดขายของเราคึกคักมากขึ้น คาดการณ์ไว้ว่าสิ้นปีนี้ยอดน่าจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท ผมวางกลยุทธ์โดยจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายทุก 3 เดือน สำหรับครึ่งปีหลังนี้คุณเสรี รุ่งสว่าง พรีเซนเตอร์ของสินค้าจะจัดคอนเสิร์ตกระจายไปทุกที่ในลักษณะเปิด เพื่อให้เข้าถึงพี่น้องประชาชน เน้นตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
จากปัจจุบันที่มีผู้จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์รายใหม่ ๆเข้ามาในตลาดจำนวนมากขึ้น คุณเชนกลับให้แง่คิดที่ดีว่า “ผมกลับไม่มองว่าเป็นคู่แข่ง แต่มองว่าผู้ค้ารายใหม่นี้มาช่วยสร้างกระแสให้เกษตรอินทรีย์โตขึ้น คู่แข่งของเราคือปุ๋ยเคมีต่างหากที่นำเข้ามาในประเทศมากถึง 5 ล้านตัน ณ วันนี้ปุ๋ยเคมีราคาแพงเราจึงมีโอกาสได้แชร์ตลาดตรงนี้ ซึ่งเรากำลังแบ่งเค้กปุ๋ยเคมีเพียงแค่ 1% หรือพันล้านบาทเท่านั้น
เศรษฐกิจปัจจุบันส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจ สำหรับนิวตรีริชไม่หวั่น เพราะเราเป็นธุรกิจต้นน้ำ มนุษย์เราต้องทานอาหาร ซึ่งก็คือพืชต่าง ๆ และปุ๋ยเป็นอาหารของพืช จะว่าไปแล้วปุ๋ยมีการซื้อกันอย่างมหาศาล ทั้งยังมีการซื้อซ้ำที่สูงมาก ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยวิตกมากนัก และที่สำคัญเรายังคงเดินหน้ามีแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจ ตอกย้ำความผู้นำด้านปุ๋ยอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ช่วยแก้ปัญหาและฟื้นฟูนาไร่ของพี่น้องเกษตรกรอย่างยาวนานแท้จริง” นายเชนย้ำ

สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท พีเพิลมีเดีย จำกัด
นาวสาวกัญญา จักรพีระ โทร.             0-2704-7958       ต่อ 106

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: Thaipr.net

“SNatur” ออกผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม รางวัลเหรียญทอง นวัตกรรมโลก บุกตลาดเอเซีย



ธุรกิจเครือข่าย SNatur (เอสเนเจอร์) ในเครือศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จับมือ “แพทย์แผนไทยบุณยพร ยี่มี” เจ้าของผลงานรางวัลนวัตกรรมเหรียญทองสิ่งประดิษฐ์ เจนีวา 2011เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากไข่แดงและผลมะตูม “SNatur Dynamic Plus (ไดแนมมิค พลัส)” เจาะตลาดเอเซีย หวังดันยอดขายพุ่ง 300%

คุณบัญชา เหมินทคุณ รองกรรมการผู้จัดการด้านธุรกิจเครือข่าย SNatur บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทได้วางตลาด SNatur Dynamic Plus เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับดีมากทั้งด้านยอดขายและจำนวนนักธุรกิจที่มาร่วมกับเรา SNatur Dynamic Plus ยังเป็น 1 ใน 9 สินค้าโปรดักท์แชมเปี้ยน (Product Champion) ในปีนี้ มั่นใจว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดสุขภาพให้สูงขึ้น โดยตั้งเป้าตัวเลขจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ไว้ที่ 30 ล้านบาทในปีบัญชี 2554 นี้

“SNatur Dynamic Plus” เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารเสริมที่สกัดโคลีนจาก Egg Yolk (ไข่แดง) และ Bael fruit หรือ Wooden Apple (ผลมะตูม) โดยแพทย์แผนไทยบุณยพร ยี่มี ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ได้รับรางวัลนานาชาติหลายรางวัล ล่าสุดได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ สาขาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เมือง เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (International Exhibition Invention of GENEVA) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ได้รับ The Best Inventor จาก WIPO (World Intellectual Property Organization: องค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก) องค์การสหประชาชาติ และองค์กรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเทศรัสเซีย เหรียญทองและเหรียญทองแดง จาก KIPA ประเทศเกาหลีใต้

“กลยุทธ์การตลาดของเราจะเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ที่ต้องใช้สมองในการคิดอ่าน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน รวมทั้งผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จากตัวเลขสถิติพบว่ามีสัดส่วนผู้สูงอายุในปี 2553 มากกว่า 7 ล้านคน ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องความเสื่อมของสมองอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และพบว่ากลุ่มนี้มีการใช้จ่ายเพื่อสุขภาพมากถึงร้อยละ 50 และอนาคตรัฐจะต้องเสียงบประมาณในบริการสุขภาพของผู้สูงอายุมากถึง 3.62 เท่า ดังนั้นจึงคาดว่า “SNatur Dynamic Plus” จะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดในกลุ่มผู้สูงอายุ”

“สินค้าเด่น 9 สินค้าของเราจะอยู่ในกลุ่มสุขภาพ (Health Care) กลุ่มความงาม (Beauty care) ของใช้ส่วนตัว (Personal Care) และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน (Home care) ซึ่งเราจะทยอยเปิดตัวออกมาเรื่อยๆ นอกจากเราจะนำนวัตกรรมมาเสนอให้แก่ลูกค้าภายในประเทศแล้ว เรายังได้ขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งจะส่งผลให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 126 ล้านบาท ในปีที่แล้ว เป็น 450 ล้านบาท ในปีนี้” นายบัญชาเสริม

“การเจาะตลาดในเอเซีย SNatur ได้ประเดิมเปิดสำนักงานแห่งแรกไปแล้วในย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าเมื่อเดือนที่ผ่านมา ต่อไปก็จะเปิดสำนักงานเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในเดือนสิงหาคม ปลายปีจะเปิดสาขาที่ประเทศอินโดนีเซีย และในปีหน้าก็จะขยายตลาดไปยังเวียดนาม กัมพูชา และอินเดียต่อไป” นายบัญชากล่าว

แพทย์แผนไทย บุณยพร ยี่มี เจ้าของรางวัลเหรียญทองจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ เจนีวา จากผลงานสารสกัดจากไข่แดงและผลมะตูม ผู้ประยุกต์ศาสตร์การแพทย์ไทยและตะวันตกเข้ากันได้อย่างลงตัว กล่าวว่า “ผลงานประดิษฐ์นี้ได้นำเอาไข่แดงและผลมะตูมมาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ผ่านกระบวนการสกัดที่ไม่ใช้สารเคมี และเป็นการผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% จนได้เป็นน้ำมันไข่แดงที่มีโคลีน, เลซิทิน, และโอเมก้า-3 (ดีเอชเอ) ซึ่งมีประโยชน์ช่วยบำรุงระบบสมองและระดับประสาท ฟื้นฟูร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ส่วนน้ำมันจากผลมะตูม ถือเป็นสมุนไพรที่เป็นยาอายุวัฒนะ และมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่หลากหลาย และยังช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มเสริมการออกฤทธิ์ในระดับดีเอ็นเอ เมื่อนำมารวมเข้าไว้ด้วยกันแล้วทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องระบบประสาทและสมอง ช่วยให้หลับลึก (Deep Sleep) มีผลทำให้การพักผ่อนมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังปรับฮอร์โมนให้สมดุล รวมถึงช่วยบำรุงร่างกายและฟื้นฟูสุขภาพด้วย”

ผู้สนใจ ผลิตภัณฑ์ “SNatur Dynamic Plus” สามารถติดต่อนักธุรกิจเอสเนเจอร์ หรือที่ Call Center            02 246 1111       หรือที่สำนักงานเอสเนเจอร์ สาขารัชดาภิเษก ราคาสมาชิกกล่องละ 995บาท ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.SNatur.com หรือ www.facebook.com/SNaturLives

ธุรกิจเครือข่าย SNatur ในเครือ บมจ. ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทการตลาดแบบ Modern Network Marketing ของคนไทยที่มีมาตรฐานสากลมุ่งสู่ตลาดโลก ภายใต้วิสัยทัศน์ “ธุรกิจเครือข่ายไทย … สู่ธุรกิจเครือข่ายสากล”
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด

พจนีย์ บุญเจริญสุข /อัจฉราวดี อวนอ่อน

โทร. 0-2631-2290-5 ต่อ 309, 318 แฟกซ์.             0-234-6192-3


ที่มา : http://www.newswit.com

 

นู สกิน ฉลองความสำเร็จ นำคณะผู้แทนจำหน่าย เที่ยวไกลถึง กรุงโซล



บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำคณะผู้แทนจำหน่าย นู สกิน ระดับทับทิมขึ้นไป กว่า 60 ชีวิต ร่วมฉลองความสำเร็จที่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้า ตามโปรแกรมอินเซนทีฟ ทริป (Incentive Trip) เดินทางท่องเที่ยวสู่ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีใต้ สัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของเกาหลีแบบวีไอพี พร้อมนำคณะผู้แทนจำหน่ายจากประเทศไทยเยี่ยมชมสำนักงาน นู สกิน เกาหลีใต้ และเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับผู้แทนจำหน่ายในระดับเดียวกันจาก นู สกิน ทั่วโลก เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของผู้แทนจำหน่าย นู สกิน ทั่วโลก เมื่อเร็วๆ นี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2693-7835 ต่อ 25 บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด

ที่มา : http://www.newswit.com

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ รุกตลาด ผลิตภัณฑ์ดูแล ผิวสุภาพบุรุษ



อาวียองซ์ รุกตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสุภาพบุรุษ
ส่ง “อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น สูตรสองประสิทธิภาพ
ตอบโจทย์ง่าย สะดวก และได้ผล

อาวียองซ์ (aviance) แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยม ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด รุกตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ชาย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น“ ด้วยนวัตกรรมสูตรสองประสิทธิภาพในหนึ่งเดียวเป็นเจ้าแรก เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการที่แตกต่างของผิวผู้ชาย และสอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความง่าย สะดวกและได้ผล โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาย เพิ่มขึ้น 20 %
สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ อาวียองซ์ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เผยว่า “ตลาดสกินแคร์สำหรับผู้ชาย ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตอีกสูง โดยขณะนี้มีอัตราเฉลี่ยอยู่ปีละ 10-15% และด้วยธุรกิจเครือข่ายอย่างอาวียองซ์ ซึ่งมีผู้ร่วมธุรกิจมากกว่าครึ่งที่เป็นผู้ชาย จึงมั่นใจว่าจะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่าตลาดค้าปลีก อาวียองซ์จึงได้เจาะตลาดกลุ่มผู้ชาย ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะสมกับผิวที่แตกต่าง และสอดคล้องกับกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นความง่าย สะดวก และผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยนวัตกรรม สูตรสองประสิทธิภาพ ซึ่งรวมสองคุณประโยชน์ไว้ในหนึ่งผลิตภัณฑ์ ได้แก่ อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น เฟซ วอช+เชฟวิ่ง ครีม ซึ่งเป็นโฟมล้างหน้า และครีมโกนหนวดในผลิตภัณฑ์เดียวกัน อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น เดย์+ไนท์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ครีมบำรุงผิว สูตรสองประสิทธิภาพที่ใช้ได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน”
“จากผลการวิจัยกลุ่มผู้ชาย ทำให้เชื่อมั่นว่า สูตรสองประสิทธิภาพจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่ม 20 % ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชายของอาวียองซ์” สุชาดา กล่าวสรุปปิดท้าย
อาวียองซ์ (aviance) แบรนด์ความงาม ระดับพรีเมี่ยม ภายใต้การบริหารงานโดย  บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด รุกตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ชาย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “อาวียองซ์ เมนส์ โซลูชั่น ดับเบิ้ล แอคชั่น“
สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ อาวียองซ์ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บจ. แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ 02-434-8300
สุจินดา, แสงนภา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

App AMWAY ฮิตติด TOP4 ปธ.ตลาด บริษัท แม่ชี้แซงยอดโทรสั่ง



ประธานฯฝ่ายการตลาด “บ.แม่แอมเวย์” เผยบริษัททุ่มงบมหาศาลบุกตลาดผ่าน “Social Network” - “Mobile Application” ชี้สมาชิกแห่ใช้ App. AMWAY

ผ่านมือถือมากกว่าโทรสั่งของ เตรียมพัฒนาต่อเนื่องบุกระบบปฏิบัติการ “Android” หลังล่าสุดคนใช้ “iPhone” ฮิตโหลดติด TOP 4  ด้านยอดขายสาขาทั่วโลกปี 2553 โกยตัวเลข 9,200 ล้านเหรียญสหรัฐ  แชร์ยอดรวมขายตรง 9.7% ครองอันดับ 2 โลก มั่นใจอนาคตโตพุ่งครองแท่นแชมป์!!

นางแคนเดซ แมทธิวส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่นประสบความสำเร็จด้วยยอดขายทั่วโลก 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 พร้อมสร้างสถิติความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยทั้งหมดเป็นผลมาจากการวางแผนกลยุทธ์ระยะยาว ซึ่งปัจจุบันแอมเวย์ คอร์-ปอเรชั่นมีแผนการตลาดถึง 3-5 ปีข้างหน้า พร้อมศึกษาแนวโน้มของผู้บริโภคและผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าหลายสิบปี ทำให้มั่นใจได้ว่า แอมเวย์จะเป็นผู้นำตลาดขายตรงด้วยกลยุทธ์ที่สอดคล้องในธุรกิจ รวมทั้งมีแผนรองรับได้กับทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก

“ปี 2554 นี้ แผนการตลาดแอมเวย์ทั่วโลกจะเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์หลักของแอมเวย์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม สร้างความใกล้ชิดของแบรนด์ผลิตภัณฑ์กับผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเจเนอเรชั่นรุ่นใหม่ (Generation Y: Gen Y) พัฒนาแนวทางที่จะสร้างการมีสุขภาพที่ดี เช่น การจัดโครงการควบคุมน้ำหนัก การส่งเสริมการมีสุขภาพผิวที่ดี เป็นต้น สร้างโครงการที่ทำให้เกิดความภักดีในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และพัฒนาความเป็นเลิศทางธุรกิจในด้านต่างๆ ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์สำคัญ ซึ่งแอมเวย์สาขาต่างๆ จะได้นำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสังคมและวัฒนธรรมในประเทศนั้นๆ” นางแคนเดซ กล่าวในที่สุด

อย่างไรก็ดี สิ่งที่บริษัทฯแม่ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องขณะนี้ คือการทุ่มงบมหาศาล เพื่อรุกตลาดใหม่สร้างแบรนด์ผ่านช่องทาง “Social Network” และ “Mobile Application” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขณะนี้ โดยในส่วนของสำนักงานใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาได้มีการคิดค้น Application AMWAY for iPhone ออกสู่ท้องตลาดให้สมาชิกทำการดาวโหลดฟรีได้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว

“การดาวโหลด App. หรือ Application มาลงมือถือในปัจจุบัน ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะชีวิตประจำวันของผู้คนทุกวันนี้ อยู่กับการใช้โปรแกรมผ่านมือถือมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้ยอดการโหลดได้รับความนิยมมากทั้งในสหรัฐอเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งน่าทึ่งว่า App. Amway นั้นได้รับความนิยมมากติด TOP 4 ของ App.  ทั้งหมด อีกทั้งมีการใช้สูงกว่าการโทรสั่งสินค้า โดยการโหลดนั้นทำได้ง่ายดาย และสมาชิกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เมื่อเทรนด์มาในรูปแบบนี้ ทำให้ขณะนี้บริษัทกำลังพัฒนา App. สำหรับโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เพิ่มเติม ซึ่งจะสามารถเปิดใช้ได้ในเร็วๆนี้” นางแคนเดซกล่าว

สำหรับยอดขายของแอมเวย์ทั่วโลกในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ตัวเลข 9,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้แอมเวย์ทั่วโลกครองมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 9.7 % คิดเป็นอันดับ 2 ของยอดธุรกิจขายตรงทั่วโลก รองจากเอวอนที่ครองมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 อยู่ที่ประมาณ 12 %

นางแคนเดซกล่าวตอกย้ำอีกว่า “เราคาดว่าจากการดำเนินธุรกิจภายใต้คำนิยาม FREDOM / FAMILY / HOPE / REWARD นั่นคือการทำให้แบรนด์มีความแข็งแกร่ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพออกสู่ท้องตลาด สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค พร้อมไปกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางบวกให้กับลูกค้าและนักธุรกิจแอมเวย์ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ ทำให้คาดว่าภายในอีก 9 ปีข้างหน้ายอดขายของแอมเวย์ทั่วโลกจะสามารถพุ่งขึ้นสู่แท่นแชมป์ได้อย่างแน่นอน”

นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แอมเวย์ประเทศไทยถือเป็นสาขาที่ประสบความสำเร็จอย่างมากสาขาหนึ่งของแอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น โดยแอมเวย์ประเทศไทยมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจขายตรงไทย และผู้บริโภคมีการรับรู้ในแบรนด์แอมเวย์ 98% มีความชื่นชอบถึง 45% ซึ่งมากกว่าความชื่นชอบในธุรกิจขายตรงโดยรวมเกือบเท่าตัว นอกจากนั้น แอมเวย์ประเทศไทยยังประสบความสำเร็จในด้านสถิติต่างๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มวิตามินรวม อาร์ทิสทรีเป็นเครื่องสำอางบำรุงผิวระดับพรีเมี่ยมทีมียอดจำหน่ายสูงสุดของไทย เป็นต้น

“แอมเวย์ประเทศไทยมีแผนการตลาดปี 2554 ซึ่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ เครื่องสำอางอาร์ทิสทรี เครื่องกรองน้ำอีสปริงและเครื่องกรองอากาศแอทโมสเฟียร์ ซึ่งมีสัดส่วน 74% ของยอดขายทั้งหมด โดยกิจกรรมหลักๆ จะเน้นสร้างประสบการณ์ในผลิตภัณฑ์ให้แก่นักธุรกิจ   แอมเวย์ เพื่อจะได้นำไปบริการผู้บริโภคได้อย่างมืออาชีพ อาทิ การเปิดแอมฟิตคลับ (AmFit Club) การจัดอบรมความรู้ด้านผลิตภัณฑ์โดยวิทยากรจากต่างประเทศ พร้อมสร้างระบบวิเคราะห์ธุรกิจให้นักธุรกิจแอมเวย์สามารถนำไปใช้และปรับปรุงธุรกิจของตนเองในฐานะเจ้าของธุรกิจ

นอกจากนั้น ยังเน้นพัฒนาระบบการสื่อสารให้ทันสมัยและรองรับกับกลุ่มเจเนอเรชั่นรุ่นใหม่ (Generation Y: Gen Y) อาทิ การเปิดเฟซบุ๊ค 3 เฟซบุ๊คได้แก่แอมเวย์ อาร์ทิสทรีและนิวทริไลท์ การสร้างแอพพลิเคชั่นเว็บไซต์แอมเวย์บนมือถือ เป็นต้น โดยมั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์การตลาดนี้จะทำให้มียอดขายปีนี้เติบโต 7-10%”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 204 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16- 30 พฤษภาคม 2554

จับตา ‘ไทยเฮลท์’ เครือข่ายพันธุ์ใหม่ นำร่องธุรกิจด้วย น้ำเห็ดสกัด6สายพันธุ์



เจาะกึ๋น “ไทยเฮลท์” น้องใหม่ขายตรงธุรกิจน้ำใหม่มาแรง...หลังเปิดดำเนินการเพียง 1 ปีสร้างแรงสั่นสะเทือนแบบน่าตกใจด้วยสินค้านำที่ฉีกหนีคู่แข่งน้ำเห็ด 6 สายพันธุ์ “Mushroom Drink” พร้อมเผยอัตราการเติบโตแต่ละไตรมาสที่ผ่านมาเกิน 100%มั่นใจสิ้นปีนี้มีเซอร์ไพรส์โต 5 เท่าตัวตามเป้า...ล่าสุดผุดสินค้าใหม่เตรียมโหมโรงตลาดต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับท่านชาย“วี-เอ็มพลัส” เชื่อโดนใจผู้บริโภคแน่...แย้มวันนี้ส่วนหนึ่งที่เติบโตได้นอกจากผลิตภัณฑ์ดีแล้วสื่อวิทยุชุมชนมีผลอย่างมากพร้อมประกาศเตรียมเพิ่มคลื่นวิทยุอีก 50 กว่าสถานีขับเคลื่อนธุรกิจลั่น!วันนี้ “ไทยเฮลท์” มีดีไม่แพ้ใคร

เปิดฉากความร้อนแรงไปอีกค่าย สำหรับขายตรงหน้าใหม่อย่าง “บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด” ที่ปัจจุบันได้ออกมาวาดลวดลายแบบใครเห็นเป็นต้องอึ่ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหนือชั้น หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวในตลาดเครือข่ายเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ เครื่องดื่มน้ำเห็ดเพื่อสุขภาพ “Mushroom Drink” ที่ปัจจุบันเปิดตัวได้เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น สามารถเข้าไปครองใจผู้บริโภคได้อย่างงดงาม รวมถึงยังสามารถสร้างยอดขายได้แบบถล่มทลายอีกด้วย
ซึ่งจากกระแสของผลิตภัณฑ์ที่สร้างความน่าสนใจให้กับผู้บริโภคนี่เอง ที่ทำให้บอสใหญ่อย่าง “พันธ์ยศ อัครอมรพงศ์” ประธานกรรมการ บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด จึงได้เตรียมที่จะบุกตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสายตาคนเครือข่ายให้มากขึ้น พร้อมกับตั้งเป้าหมายขอเติบโต 5 เท่าตัวในปีนี้อีกด้วย...ซึ่งแผนงานเพื่อทะลุเป้าหมายในปีนี้จะเป็นเช่นไรนั้น ทีมข่าว “ตลาดวิเคราะห์” ได้รับการเปิดเผยจากบอสหนุ่มท่านนี้ว่า
“ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายพร้อมกับเข็นสินค้าที่มีความโดดเด่นอย่าง เครื่องดื่มน้ำเห็ดเพื่อสุขภาพ “Mushroom Drink” นั้น พบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าสร้างยอดขายแบบทะลุเป้ากันเลย เห็นได้จาก ในแต่ละไตรมาสมีอัตราการเติบโตถึง 100% ด้วยเหตุนี่เอง จึงทำให้เรามีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตถึง 5 เท่าตัวในปีนี้อย่างแน่นอน”
...จะเห็นได้ว่า “ไทยเฮลท์” หลังจากที่เปิดตัวได้เพียงแค่ 1 ปี เรียกว่าความร้อนแรงไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับทางด้าน “พันธ์ยศ” บอสหนุ่ม “ไทยเฮลท์” พบว่า การทำตลาดของไทยเฮลท์ในช่วงที่ผ่านมานั้น จะเน้นการทำตลาดผ่านสื่อวิทยุชุมชนเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบัน “ไทยเฮลท์” มีคลื่นวิทยุชุมชนที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 30 กว่าสถานีด้วยกัน ในขณะเดียวกัน “ไทยเฮลท์” ยังได้ประกาศที่จะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายที่เป็นคลื่นวิทยุชุมชนอีกประมาณ 50 กว่าสถานีอีกด้วยในปีนี้ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมายเลยก็ว่าได้
ซึ่งนอกเหนือจากคลื่นวิทยุที่เป็นตัวประชาสัมพันธ์ชั้นเลิศแล้ว “ไทยเฮลท์” ยังมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ที่ถือว่าเป็นตัวสร้างยอดขายและเชิดหน้าชูตาของบริษัท นั่นก็คือ เครื่องดื่มน้ำเห็ดเพื่อสุขภาพ “Mushroom Drink” น้ำเห็ดสมุนไพรจีน-ญี่ปุ่น ที่รวมเห็ด 6 สายพันธุ์ มาอยู่ในสูตรเดียวกัน โดยประกอบไปด้วย 1.เห็ดตังถั่งเช่า ที่มีคุณสมบัติเสริมสร้างพลัง บรรเทาอาการเมื่อยล้า ช่วยปรับอาการหืดหอบจากภูมิแพ้ 2.เห็ดจางจือ ที่มีคุณสมบัติต้านโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงตับ ช่วยให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง
3.เห็ดจีซง ที่มีคุณสมบัติต้านโรคเนื้องอก ลดน้ำตาลในเลือด ช่วยผลัดเซลล์ไขมัน 4.เห็ดซางหวง ที่มีคุณสมบัติเสริมอ๊อกซิไดซ์ กำจัดอนุมูลอิสระ 5.เห็ดไป๋หวาหรง ที่มีคุณสมบัติต้านโรคมะเร็งตับ และพิษจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ และ6.เห็ดไมตาเกะ ที่มีคุณสมบัติช่วยขับล้างสารพิษที่ตับ ช่วยในการลดความดันโลหิต เป็นต้น และจากคุณภาพที่คับแก้วของสินค้าที่ “ไทยเฮลท์” มีนี่เอง ที่ทำให้ หลายคนเริ่มที่จะรู้จักค่ายนี้กันบ้างแล้ว ในฐานะจ้าวตลาดน้ำเห็ดสกัด
นอกจากนี้ “พันธ์ยศ” ยังได้กล่าวเสริมต่ออีกว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ นั้น จะเน้นที่คนวัยทำงานอายุ 25 ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่มคนที่ป่วย มีปัญหาเรื่องของสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ของบริษัทฯ จะอยู่ตามต่างจังหวัดเสียมากกว่า โดยหากเทียบอัตราส่วนยอดขายแล้วในพื้นที่กรุงเทพมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 30% ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 70%
“ปีนี้นอกเหนือจาก บริษัทฯ จะโหมบุกตลาดน้ำเห็ดอย่างหนักแล้ว เรายังมีอีกหนึ่งสินค้าที่เป็นตัวชูโรงในปีนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรายการ คือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสุขภาพสำหรับท่านชายโดยเฉพาะที่ชื่อว่า “วี-เอ็ม พลัส” โดยคอนเซ็ปต์ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคือ เป็นผลิตภัณฑ์ชีวิตคู่โดยเฉพาะ ซึ่งการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ จะเน้นที่การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุ รวมถึงสื่อดาวเทียม ที่สำคัญ บริษัทฯ คาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวน่าที่จะได้รับการตอบรับที่ดีไม่แพ้เครื่องน้ำเห็ดสมุนไพรเช่นกัน”
“พันธ์ยศ” เผยต่ออีกว่า ธุรกิจเครือข่าย “ไทยเฮลท์” จะคล้ายๆ กับบริษัทขายตรงอื่นๆ ทั่วไป แต่ทั้งนี้ “ไทยเฮลท์” เองก็ยังถือว่ามีส่วนที่แตกต่างกว่าธุรกิจอื่นเช่นกันนั่นคือ การไม่เน้นแผนการตลาดที่หวือหวา โดยที่นี่จะแบ่งสัดส่วนรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์ตามความสามารถของตัวแทนจำหน่าย ไม่เน้นการสร้างภาพ แต่ที่นี่จะเน้นภาพความเป็นจริงที่จับต้องได้ ด้วยสินค้าของบริษัทฯ ที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ในขณะเดียวกัน ในเรื่องของการอบรมเทรนนิ่งบริษัทฯ ก็ให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้วย จึงทำให้เราเชื่อว่าด้วยจุดเด่นที่เรามี น่าที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคตได้แน่นอน
ซึ่งเมื่อถามถึงตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา “ไทยเฮลท์” ได้เตรียมความพร้อมสำหรับผู้ที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจไว้อย่างไรบ้าง โดยทาง “พันธ์ยศ” ได้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้บริษัทฯ เตรียมความพร้อมในเรื่องของการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ซึ่งคาดการณ์ว่างบลงทุนสำนักงานแห่งใหม่นี้น่าจะเกือบ 100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการก่อสร้างตึกและที่ดินประมาณ 50 กว่าล้านบาท และส่วนที่ตกแต่งอีกประมาณ 10-20 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าสำนักงานแห่งนี้จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการได้ประมาณปลายปีนี้
“วันนี้ “ไทยเฮลท์” มีความพร้อมอย่างมาก ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญ ในการใช้สื่อวิทยุพบว่า ประมาณ 80-90% เป็นที่น่าพอใจและได้ผล จึงทำให้ในปีนี้ บริษัทฯ ได้มีการเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์เพิ่ม เพื่อต้องการสร้างการรับรู้ต่อผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ปัจจุบันได้เริ่มใช้บริการที่หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์เป็นเจ้าแรก และคาดว่าจะมีอีกหลายๆ สื่อที่ทางบริษัทฯ จะใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจต่อไป ซึ่งงบในการประชาสัมพันธ์ที่บริษัทฯ วางไว้ น่าที่จะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทเลยทีเดียว”
...และนี่คือ อีกหนึ่งเครือข่ายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อว่า “ไทยเฮลท์” ที่ต้องบอกว่าน่าจับตามองอย่างยิ่ง ซึ่งเพียงแค่ 1 ปี ก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนได้ไม่น้อย แต่ธุรกิจจะเหวี่ยงไปได้ไกลขนาดไหนนั้น เวลาคือ เครื่องพิสูจน์นั่นเอง!....

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เติมส่วนขาด ...ตัดส่วนเกิน เพื่อน้อง ท้องอิ่ม ยิ้มได้



จะดีสักแค่ไหนที่ได้ลดน้ำหนัก ให้รูปร่างสลิมอย่างใจฝัน และยังได้ร่วมแบ่งปันโอกาส พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กยากไร้ ช่วยให้น้องๆ ได้อิ่มท้องกับสารอาหารที่ครบถ้วน ที่ล่าสุด อาวียองซ์ แบรนด์ความงามระดับ พรีเมี่ยมของยูนิลีเวอร์ นำโดย สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ได้เปิดตัวโครงการ “อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2” โครงการการกุศลกับการลดส่วนเกิน เพื่อให้..น้องผู้ยากไร้ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด ณ หอประชุมมหิศร อาคารไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า โดยทุกชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์ อาวียองซ์ สลิมม์ ชุดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ส่งเข้ามามีค่าเท่ากับข้าวสาร 1 กิโลกรัม ที่จะมอบให้กับโครงการอาหารมื้อเช้าเพื่อน้องท้องอิ่ม ของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เริ่มตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมศกนี้ ที่อาวียองซ์ ช็อป ทุกสาขา โทร 02-554-2655

สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ อาวียองซ์ เผยว่า “หลังจากที่อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ปีที่แล้ว ที่ประสบความสำเร็จ กับการเชิญชวนคนรักสุขภาพและรักหุ่นสวย ร่วมแบ่งปัน ลดน้ำหนักส่วนเกินทุกๆ 1 กิโลกรัม แปรเปลี่ยนเป็นข้าวสาร 1 กิโลกรัม ได้จำนวนทั้งสิ้น 20,000 กิโลกรัม มอบแก่เด็กๆ ผู้ขาดแคลน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับในปีนี้ อาวียองซ์ แชริตี้ ซีซั่น 2 ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ที่ทำงานพัฒนาเด็กและชุมชนมานานกว่า 37 ปี โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเด็กในชนบท สำหรับซีซั่นนี้ อาวียองซ์ จะมอบข้าวสารให้กับโครงการมื้อเช้าเพื่อน้องท้องอิ่ม ของมูลนิธิศุภนิมิตฯ โดยทุกชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ สลิมม์ ที่ส่งเข้ามา มีค่าเท่ากับข้าวสาร 1 กิโลกรัม ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างสารอาหารที่ครบถ้วนจากอาหารเช้า จะมีผลต่อการเรียนรู้ และความจำของเด็ก และในระยะยาว ชีวิตของเด็กๆ จะเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน โครงการนี้ นับเป็นความสุขร่วมกัน ระหว่างผู้ให้และผู้รับ ผู้ให้สุขใจที่ได้รูปร่างสลิม ส่วนผู้รับก็อิ่มเอมใจและ อิ่มท้องเช่นกัน ”

จิตรา ธรรมบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เผยว่า “รู้สึกขอบคุณและดีใจที่อาวียองซ์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของเด็กยากไร้ที่ขาดโอกาส โดยข้าวสารจากโครงการอาวียองซ์ สลิม แชริตี้นี้ จะมอบให้เด็กๆ อายุระหว่าง 2-6 ปี ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 6 แห่งโดยมีเด็กที่จะได้รับผลประโยชน์ 326 คนอย่างต่อเนื่อง ในเขตตำบลลำโดมน้อยและตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จ.อุบลราชธานี เพื่อเพิ่มโภชนาการที่ดีสำหรับเด็ก นอกจากนี้ ทางมูลนิธิฯ ยังจะให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำคัญของโภชนาการต่อการพัฒนาการของเด็กปฐมวัยกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองอีกด้วย”

สำหรับผู้สนใจสามารถมีส่วนร่วมกับโครงการ อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2 ลดส่วนเกิน เพื่อให้...น้องผู้ยากไร้ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด โดยการเขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และข้อความแสดงความประทับใจในผลิตภัณฑ์ อาวียองซ์ สลิมม์ ที่หลังชิ้นส่วนกล่อง (แถบสี) ด้านชื่อผลิตภัณฑ์ภาษาไทยแล้วนำมาหย่อนกล่องรับชิ้นส่วนที่ อาวียองซ์ ช็อปทุกสาขา หรือส่งมาที่ อาวียองซ์ ช็อป (ชิงโชคอาวียองซ์ สลิมม์) 118 ไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า อาคาร 2 เวสท์ ชั้น 11 ถ.รัชดาภิเษก แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 เปิดรับชิ้นส่วนตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2554 นี้

นอกจากให้ผู้สนใจได้หุ่นดีกับผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ สลิมม์แล้ว ยังได้ดีถึง 2 ต่อคือ ต่อที่ 1 ร่วมปันน้ำใจกับโครงการอาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2 ลดส่วนเกิน เพื่อให้...น้องผู้ยากไร้ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด โดยทุกชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ สลิมม์ ที่ส่งเข้ามามีค่าเท่ากับข้าวสาร 1 กิโลกรัม ที่จะมอบให้กับโครงการมื้อเช้าเพื่อน้องท้องอิ่ม ของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย และต่อที่ 2 รับสิทธิลุ้นรางวัลมือถือ Blackberry Curve 8520 เดือนละ 3 รางวัล เริ่มตั้งแต่บัดนี้ – กรกฎาคม 2554 นี้เท่านั้น

เติมส่วนขาด เพื่อน้อง ท้องอิ่ม ยิ้มได้...พร้อมลดส่วนเกินที่ต้องการ กับโครงการ “อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2” ตั้งแต่บัดนี้ – 31 กรกฎาคมศกนี้ เท่านั้น ที่อาวียองซ์ ช็อป ทุกสาขา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อาวียองซ์ คอลเซ็นเตอร์ โทร 0-2554-2655 หรือ www.aviancethailand.com

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร 02-434-8300, 02-434-8547
สุจินดา, แสงนภา, ปนัดดา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ เปิดตัวโครงการ “อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2”



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ อาวียองซ์ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดตัวโครงการ “อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2” โครงการการกุศลกับการลดส่วนเกิน เพื่อให้..น้องผู้ยากไร้ ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด โดยทุกชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ สลิมม์ มีค่าเท่ากับข้าวสาร 1 กิโลกรัม มอบให้โครงการอาหารมื้อเช้าเพื่อน้องท้องอิ่ม มูลนิธิ ศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ณ หอประชุมมหิศร อาคารไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า โดยมี จิตรา ธรรมบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ร่วมงาน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

อาวียองซ์ โรดโชว์ กว่า 20 แห่งทั่วประเทศ มุ่งสร้างฐานสมาชิกเพิ่ม 20 %



อาวียองซ์ แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยมของยูนิลีเวอร์ จัดกิจกรรมโรดโชว์แนะนำผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่กว่า 20 แห่งทั่วประเทศ เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรงอย่างต่อเนื่อง หวังสร้างฐานสมาชิกอภิสิทธิ์เพิ่มขึ้น 20 % โดยล่าสุดได้จัด อาวียองซ์ ไดมอนด์ เดย์ แนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ อาวียองซ์ อัลติเมท ยูธ ไดมอนด์ ครีม ณ แปซิฟิก ปาร์ค พลาซ่า จ.ชลบุรี และมีกำหนดจัดขึ้นในเขตกรุงเทพ ณ เซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเดอะมอลล์ บางกะปิ ในช่วงเดือนมิถุนายน และกรกฎาคมศกนี้

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คนไทย ชนะใจกรรมการ ผ่านเข้ารอบ เอวอน วอยซ์ การแข่งขันร้องเพลงระดับโลก



นางวัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการบริษัท เอวอน คอสเมติคส์ ประเทศไทย จำกัด ขอเชิญคนไทยร่วมลงคะแนนโหวตให้ รพีพร ประทุมอานนท์ หรือ เพิร์ล คนไทยที่ผ่านเข้ารอบ Avon Voices การแข่งขันร้องเพลงออนไลน์ระดับโลก โดยเพิร์ล รพีพร สามารถชนะใจกรรมการซึ่งเป็นบุคคลากรระดับโลกจากวงการดนตรีและได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน 175 คนจาก 50 กว่าประเทศทั่วโลกที่ผ่านเข้ารอบแรก โดยการแข่งขันในรอบนี้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าไปร่วมลงคะแนนโหวตได้ที่ www.avonvoices.com ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 20 พฤษภาคม 2554 โดยผู้เข้าแข่ง 10 คนสุดท้ายที่สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจะได้ไปเก็บตัวที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเพื่อฝึกซ้อมการร้องเพลงและการแสดงกับมืออาชีพจากฮอลลีวู้ด และผู้ชนะเลิศ 2 คนจะได้ออกอัลบั้มร่วมกับค่ายเพลงชื่อดังของโลก

ร่วมโหวตเพื่อสนับสนุนตัวแทนประเทศไทยให้ก้าวสู่เวทีระดับโลกได้แล้ววันนี้ที่ www.avonvoices.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ จัดงาน U-Success Day โอกาสแห่งความสำเร็จ



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ อาวียองซ์ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด จัดงาน “ยู-ซัคเซสเดย์” (U-Success Day) มอบใบประกาศเกียรติคุณและเข็มเกียรติยศแก่ผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ตั้งแต่รหัส Senior Business Associate ขึ้นไป รวมกว่า 300 รหัส ณ หอประชุมมหิศร อาคารไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร 02-434-8300, 02-434-8547

สุจินดา, แสงนภา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

จิ๊กซอว์ความสำเร็จ 24 ปี “แอมเวย์ไทย” แชมป์!ขายตรงขนานแท้



“ตลอด 24 ปีที่ผ่านมา ทุกย่างก้าวของแอมเวย์มีการเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นทุกๆ ปี จากปีแรกมียอดขาย 61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจนล่าสุดยอดขายปี 2553 มีมูลค่าถึง 14,370 ล้านบาท ตอกย้ำความเป็นผู้นำในเป็นธุรกิจขายตรงอันดับ 1 ของไทยและดำรงตำแหน่งนี้มาเป็นระยะเวลายาวนาน”

ภาพความสำเร็จตลอด 24 ปีของขายตรงยักษ์ใหญ่ “แอมเวย์” ในประเทศไทย ตอกย้ำถึงความเป็นเจ้าตลาดบนความแข็งแกร่งของธุรกิจอย่างชัดเจน ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรของ “คณะผู้บริหาร” และ “นักธุรกิจอิสระ” รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทุกระดับมาอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งวันนี้อาจกล่าวได้ว่า “แอมเวย์ไทย” เป็นหนึ่งของ “ต้นแบบ” ธุรกิจขายตรงที่มีมาตรฐานองค์กร   ระดับสากลโลก และเข้าถึงผู้บริโภค อย่างทรงประสิทธิภาพด้วย “วิสัยทัศน์” ทางการตลาดที่กว้างไกลจนนับวันจะ   ไร้คู่แข่งขันในธุรกิจ และพร้อมก้าวกระโดดเข้าสู่ตลาดค้าปลีกรวมอย่างน่าสนใจ

โอกาสนี้ “แอมเวย์” ได้ดำเนินธุรกิจขายตรงในประเทศไทยมาครบ    24 ปี ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2554           “เส้นทางนักขาย” ได้สัมภาษณ์ “กิจธวัช ฤทธีราวี” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงความสำเร็จอย่างมั่นคงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน รวมถึงเป้าการดำเนินธุรกิจในทศวรรษที่ 3

เส้นทางนักขาย : ความสำเร็จของ“แอมเวย์โลก” เป็นอย่างไร?


กิจธวัช : อัลติคอร์ อิงค์ บริษัทแม่ของแอมเวย์ประสบความสำเร็จ   เป็นอย่างสูง โดยในปี 2553 มียอด  ธุรกิจ 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง ความสำเร็จนี้มาจากความทุ่มเทของ   นักธุรกิจแอมเวย์กว่า 3 ล้านคนจากทั่วโลก และความเป็นธุรกิจขายตรงขนานแท้ที่มีประวัติยาวนานกว่า 50 ปี พร้อมทีมพนักงานมากกว่า 13,000 คน ที่ร่วมสนับสนุนองค์กรนักธุรกิจแอมเวย์ในกว่า 80 ประเทศและดินแดนต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้โอกาสผู้คนได้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
เส้นทางนักขาย : การดำเนินธุรกิจ

ขายตรงเอ็มแอลเอ็ม 24 ปี ของ“แอมเวย์ประเทศไทย” เป็นอย่างไร?


กิจธวัช : ริช เดอโวส และ เจย์แวน แอนเดล สองผู้ก่อตั้งแอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น ได้เริ่มต้นธุรกิจแห่งโอกาส  ใน ค.ศ.1959 หรือ พ.ศ.2502 ณ ห้องใต้ดินที่บ้านของเจย์ แวน แอนเดล  ที่เมืองเอด้า รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา   ทั้งคู่ร่วมกันพัฒนาสินค้าแอมเวย์ชนิดแรก ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ แอล.โอ.ซี. (L.O.C.) ด้วยสูตรย่อย  สลายทางชีวภาพที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จทันที และเป็นจุดเริ่มต้นการเปิดโลกแห่งโอกาสให้แก่ผู้คนทั่วโลก

จนกระทั่ง พ.ศ.2530 แอมเวย์    ได้ขยายธุรกิจมายังประเทศไทย เพื่อมอบโอกาสแก่ผู้คนในสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีคุณค่า โดยตลอดระยะเวลากว่า 24 ปี แอมเวย์ได้พิสูจน์ความสำเร็จด้วยการครองแชมป์ธุรกิจขายตรงไทยอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้นำขนานแท้ในธุรกิจขายตรงอย่างแท้จริง

สำหรับเส้นทางความสำเร็จของ “แอมเวย์ประเทศไทย” สามารถเรียงลำดับให้เห็นภาพได้ดังนี้


ปี 2530
- วันที่ 4 พ.ค. บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดดำเนินธุรกิจ   เป็นวันแรก ด้วยโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่พร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ 7 ชนิด
ปี 2531
- ขยายตลาดกับเครื่องสำอางระดับโลกกับผลิตภัณฑ์ใหม่ชุดถนอมผิวอาร์ทิสทรี 14 ชนิด
- เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมการขายโดยตรง (ไทย)
ปี 2532
- เปิดงานแอมเวย์เอ็กซ์โปครั้งแรก ต้นแบบงานแสดงสินค้าระดับชาติ รวมทั้งการประชุมผู้นำระดับชาติ และการประชุมระดับชาติครั้งแรก
- ย้ายสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ไปอยู่ที่อาคารคริสเตียนนี เนลสัน  ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
ปี 2533
- ตัวอย่างความสำเร็จของนักธุรกิจแอมเวย์ผู้นำระดับสูง...เพชรรหัสแรก    ของไทย กับบทพิสูจน์แผนการจ่ายผลตอบแทนที่เป็นจริง
ปี 2534
- สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ประทานวโรกาสให้         ริช เดอโวส ประธานบริษัท แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น และเฮเลน เดอโวส ภริยา  เข้าเฝ้าทูลเกล้าถวายเงินจำนวน 1 ล้านบาทจากการจำหน่าย บัตรการประชุม      ผู้จำหน่าย  เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลให้แก่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมในพระอุปถัมภ์  ณ ศาลาทรงงาน พระตำหนักเลอดิส
- ก้าวสู่ธุรกิจพันล้านด้วยยอดขายสิ้นสุด ณ ปีบัญชี 2534 (ก.ย. 2533 - ส.ค. 2534) จำนวน   1,054 ล้านบาท
ปี 2535
- สนับสนุนอาชีพและเป็นการกระจายรายได้สู่ชาวเขากับผลิตภัณฑ์ใหม่ กาแฟสำเร็จรูปชนิดเกล็ดแอมฟี่
ปี 2536
- ก้าวสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อ        สุขภาพกับนิวทริไลท์กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นิวทริไลท์-โปรตีน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับการตอบรับด้วยดีอย่างต่อเนื่อง
ปี 2537
- รับเกียรติรางวัลผลงานการ ตลาดดีเด่นส่งเสริมสังคมและสิ่งแวดล้อมประจำปี 2537  ใน “โครงการอนุรักษ์ช้าง เพื่อนคู่ป่า” โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย
ปี 2538
- เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เครื่องกรองน้ำแอมเวย์ นวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคไทย
-รับรางวัลชนะเลิศผลงานการตลาดดีเด่นประเภทบริการ “ธุรกิจขายตรงแบบการตลาดหลายชั้นสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค” ปี 2538 โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาคม การจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย
ปี 2539
- พัฒนาบริการไม่หยุดนิ่ง เปิดแผนกบริการธุรกิจ เพื่อให้บริการนักธุรกิจแอมเวย์แบบครบวงจร ณ จุดเดียว
- เปิดตัวเพอร์ซัลนอล ช็อปเปอร์ส แค็ตตาล็อก ฉบับปฐมฤกษ์  สีสันแห่ง   การช็อปปิ้งกับแหล่งรวบรวมสินค้าแบรนด์ดังหลากหลาย
ปี 2540
- ตอกย้ำภาพลักษณ์ธุรกิจระดับนานาชาติ ต้นตำรับธุรกิจขายตรงขนานแท้ที่ยืนยงมาถึง 10 ปียืนยันความเป็นมาตรฐานสากลด้วย ISO 14001 ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
ปี 2541
- ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ โดยสนับสนุนรัฐในโครงการพันธบัตรเงินฝากช่วยชาติ จำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 42.67 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศและเสริมสภาพคล่องทางการเงินในสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ
- ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของนักธุรกิจแอมเวย์ระดับมงกุฎ  ทูตรหัสแรก คุณจินตนา - คุณวิทัต                          พรจะเด็ด
ปี 2542
- ส่งเสริมเกษตรกรไทยกับผลิตภัณฑ์ข้าวหอมมะลิแอมเวย์ เพื่อสร้างรายได้ระยะยาวแก่เกษตรกรไทย
ปี 2543
- ล้ำหน้าอีกครั้งกับนวัตกรรมเพื่อสุขภาพอีกครั้งกับผลิตภัณฑ์ใหม่...เครื่องกรองน้ำแอมเวย์ รุ่น 2 และ เครื่องกรองอากาศแอมเวย์  ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างผู้นำ
- เริ่มหลักการ IMC (IBO, Member, Client) พร้อมเปิดตัวนิตยสาร ACHIEVE ฉบับปฐมฤกษ์ สำหรับนักธุรกิจแอมเวย์, นิตยสาร WHAT YOU WANT ฉบับปฐมฤกษ์ สำหรับสมาชิกแอมเวย์และวารสาร THE LOOP ฉบับปฐมฤกษ์ สำหรับนักธุรกิจแอมเวย์ผู้นำ
ปี 2544
-ตอกย้ำบริการคุณภาพด้วยใบ  รับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2000 ระบบการจัดการด้านคุณภาพ
ปี 2545
- ความสำเร็จในปีที่ 15 กับแบบอย่างผู้นำที่ยึดมั่นในจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด แบบอย่างธุรกิจขายตรงที่ดำเนินสอดคล้องตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545
ปี 2546
- มูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย   โดยบริษัทและนักธุรกิจแอมเวย์ มอบทุนการศึกษาเพื่ออนาคตของชาติได้มีโอกาสทางการศึกษา
ปี 2547
-    พลิกวงการความงามกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางพรีเมี่ยม ผลิตภัณฑ์ใหม่...อาร์ทิสทรี ไทม์ ดี         ไฟแอนซ์ อินเท็นซีฟ รีแพร์ ซีรัม พร้อม    กับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เพื่อฟื้นฟู      ผิวหน้าสู่ความงามเริ่มต้นนำกลยุทธ์     RM (Relationship Management) เพื่อสร้างกิจกรรมส่งเสริมการสร้างองค์กรของนักธุรกิจแอมเวย์
ปี 2548
- งาน Siam Center Bangkok Fashion Week ในวันที่ 10 มี.ค.48         ณ บริเวณลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ เซ็นเตอร์
- วิจัยและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำ eSpring สุดยอดเทคโนโลยีแห่งการกรองน้ำ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ปี 2549
- ปีแห่งความสำเร็จกับการก้าวสู้ปีที่ 20 แอมเวย์ประเทศไทย
- ร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 80 ปีของริช เดอโวส ณ สำนักงานใหญ่ แอมเวย์ประเทศไทย
- งานเปิดตัวเครื่องอากาศ ATMOSPHERE Grand Opening ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ปี 2550
- ก้าวสู่ธุรกิจหมื่นล้านกับโอกาสทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์คุณภาพเวิลด์คลาส จัดฉลองครบรอบ 2 ทศวรรษเมื่อ      4 พฤษภาคม 2550 ณ โรงแรมแชง กรี-ล่า
- โครงการ 20 ปีแอมเวย์ มอบทุน 20 ล้าน สานฝันเด็กไทยทำพิธีมอบทุนการศึกษา 204 ทุน เป็นทุนต่อเนื่องจนจบปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 171 ทุน  ทุนให้ครั้งเดียว 33 ทุน
ปี 2551
-     รุกตลาดผลิตภัณฑ์ลดเลือน     ริ้วรอย เปิดตัว “อาร์ทิสทรี ครีม แอล/เอ็กซ์” นิยามแห่งอนาคตของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นสูง
ปี 2552
- ขยายโอกาสทางธุรกิจให้คนไทยด้วยการประกาศสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ด้วยงบลงทุน 1,100 ล้านบาท
ปี 2553
- ยืนหยัดแชมป์ธุรกิจขายตรงไทยอย่างต่อเนื่องด้วยยอดขาย 14,370 ล้านบาท สร้างสถิติใหม่ให้วงการขายตรงไทย

เส้นทางนักขาย : จุดเด่นของระบบเครือข่าย MLM แอมเวย์ประเทศไทยที่ต่างจาก MLM อื่นๆ


กิจธวัช : แอมเวย์ดำเนินธุรกิจขายตรงระบบหลายชั้น (Multi-level Marketing: MLM) แบบเดียวกันทั่วโลก โดยจุดเด่นของแอมเวย์อยู่ที่การยึดมั่นในหลักพื้นฐาน คือ อิสรภาพ ครอบครัว ความหวัง และรางวัล  โดยมีแผนการจ่ายผลตอบแทนที่ได้รับการพิสูจน์และยอมรับจากนักธุรกิจแอมเวย์ว่าเป็นแผนธุรกิจ ที่เป็นไปได้จริง สามารถสร้างงานสร้าง รายได้และสร้างความมั่นคงให้แก่นักธุรกิจแอมเวย์ได้อย่างยุติธรรม มั่นคง และยั่งยืน  ทุกคนที่เข้ามาในธุรกิจแอมเวย์สามารถเติบโตและได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จอย่างเท่าเทียมกัน ตามกำลังที่แต่ละคนทุ่มเทลงไป ใครทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ด้วยหลักการนี้เองจึงทำให้แอมเวย์เป็นธุรกิจที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักและยอมรับ โดยในประเทศไทยเองก็ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมากว่า 24 ปีแล้ว

เส้นทางนักขาย : เป้าหมาย “แอมเวย์ไทย” ใน “ทศวรรษที่ 3” ทั้งในตลาดประเทศไทยและระดับเอเชีย


กิจธวัช : แอมเวย์มุ่งในการแข่งขันกับตนเองเพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทอย่างไม่หยุดนิ่ง และในทศวรรษที่ 3 นี้ แอมเวย์ยังคงพัฒนาบริษัท นักธุรกิจแอมเวย์ และส่งเสริมให้มีการตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่นักธุรกิจแอมเวย์จะได้บริการสมาชิกและลูกค้าอย่างมืออาชีพ ในขณะเดียวกัน สมาชิกและลูกค้าจะได้รับผลิตภัณฑ์คุณภาพเวิลด์คลาส รวมทั้งสังคมไทยจะได้พัฒนาให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น และสุดท้ายบริษัทยังต้องการสนับสนุนธุรกิจขายตรงให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากยิ่งขึ้น

เส้นทางนักขาย : แนวทางการรักษาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง  “นักธุรกิจแอมเวย์” กับ “บริษัท”


กิจธวัช : ด้วยความเป็นหุ้นส่วน   ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทและนักธุรกิจแอมเวย์ตลอด 24 ปีที่ผ่านมา ทำให้        ทุกย่างก้าวของแอมเวย์มีการเติบโต ไปในทิศทางที่ดีขึ้นทุกๆ ปี จากปีแรกมียอดขาย 61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจนล่าสุดยอดขายปี 2553 มีมูลค่าถึง 14,370 ล้านบาท ตอกย้ำความเป็นผู้นำในเป็นธุรกิจขายตรงอันดับ 1 ของไทยและ ดำรงตำแหน่งนี้มาเป็นระยะเวลายาวนาน

โดยในแต่ละปีบริษัทจะมุ่งเน้นการสนับสนุนนักธุรกิจแอมเวย์ด้วยการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละกลุ่มอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดประชุมโอกาสทางธุรกิจสำหรับกลุ่มเจนเนอเรชั่นต่างๆ  การให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเพื่อให้บริหารธุรกิจอย่างมืออาชีพ ได้แก่ ข้อมูลยอดธุรกิจ อัตราการสปอนเซอร์นักธุรกิจแอมเวย์รายใหม่ เป็นต้น รวมทั้งการทำโปรแกรมการคำนวณยอดธุรกิจ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักธุรกิจแอมเวย์รายใหม่ๆ สามารถตั้งเป้าหมายธุรกิจได้อย่างง่ายดายและชัดเจนขึ้น

ปัจจุบันแอมเวย์มีนักธุรกิจแอมเวย์กว่า 320,000 รหัส ซึ่งถือ เป็นความแข็งแกร่งของหุ้นส่วนทางธุรกิจที่มีความเชื่อมั่น เต็มเปี่ยมด้วยศักยภาพ และด้วยความเป็นมืออาชีพของนักธุรกิจแอมเวย์ที่พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์และให้บริการ     ลูกค้าอย่างใกล้ชิดนี้เอง จึงทำให้เกิดเป็นพลังในการประสานความร่วมมืออันแข็งแกร่งในการผลักดันธุรกิจ    สู่ความสำเร็จดังเช่นปัจจุบันและพร้อมทะยานเติบโตต่อเนื่องเรื่อยไปในอนาคต


“ปรีชา”...กับ “แอมเวย์” ที่มากกว่า...ขายตรง!!


วันนี้ความสำเร็จของ “แอมเวย์” ขายตรงหมายเลข 1    ประเทศไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ปรีชา ประกอบกิจ” ผู้นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ที่มีบทบาทในการสร้างสรรค์ปั้นดินให้เป็นดาว และกลายเป็นดาวจรัสแสงค้างฟ้าครองตำแหน่งแชมป์    มานาน 24 ปีแล้ว

จากการเข้ามารับผิดชอบหน้าที่ผู้จัดการด้านการตลาดก่อนที่จะขยับ  ขึ้นเป็นผู้จัดการทั่วไปและไต่สู่เก้าอี้กรรมการผู้จัดการตั้งแต่เริ่มต้นเท่าอายุของแอมเวย์ประเทศไทยปัจจุบัน เขา   นับเป็นบุคคลสำคัญที่พัฒนาโอกาส ทางธุรกิจให้แอมเวย์จากยอดปิดบัญชี   ปีแรก พ.ศ.2530 เพียง 61 ล้านบาท แล้วในปี พ.ศ.2535 ก็ไต่สู่ 1,000     ล้านบาท อีก 5 ปี ต่อมายอดขายก็เพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท กระทั่งปี 2550 ยอดขายก็ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ล่าสุดสิ้นปี พ.ศ.2553 ปิดบัญชีประวัติศาสตร์แชมป์ขายตรงด้วยยอด 14,370 ล้านบาท แล้วทำให้แอมเวย์ประเทศไทย    เป็นสาขาที่ประสบความสำเร็จมียอดธุรกิจติดอันดับ 1 ใน 10 ของแอมเวย์ทั่วโลก

ที่สำคัญวันนี้ “ปรีชา” ยังเป็น   ผู้บริหารสูงสุดของ “แอมเวย์ไทย” ด้วยวัยที่ครบเกษียณอายุการทำงานไปแล้วกว่า 2 ปี แต่ด้วยความสามารถและ   วิชั่นการตลาดยาวไกลไม่หยุดนิ่งทำให้เขาได้รับความไว้วางใจ จากบริษัทแม่ “อัลติคอร์ อิงค์” ให้ “ต่ออายุ” การทำงานออกไปอีกรวม 5 ปี  ซึ่งจะครบวาระในปี พ.ศ.2556

อย่างไรก็ตามในปี 2555 “ปรีชา” ได้ตั้งเป้าหมายแอมเวย์ประเทศไทยต้องทำยอดแตะ 20,000 ล้านบาท “ให้ได้” เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบปีที่ 25 โดย “ปรีชา” ย้ำด้วยความมั่นใจ  ว่า “เราต้องทำให้ได้และเกรงว่าจะทะลุมากกว่า 20,000 ล้านบาทด้วยซ้ำ”

ทั้งนี้ พันธกิจ 20,000 ล้านบาท กับเดิมพันฉลองแอมเวย์ก่อตั้งมาครบ 25 ปีในปี 2555 นั้น “ปรีชา” ได้ปูแนว   ทางการเติบโตของแอมเวย์ให้ยิ่งใหญ่  อย่างไม่หยุดยั้งมาตั้งแต่ครั้งที่แอมเวย์เริ่มก้าวย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 หรือเมื่อ 3 ปี     ที่ผ่านมาแล้ว  ด้วยการปฏิวัติแอมเวย์ให้เป็น “คนหนุ่มสาว” ปรับภาพลักษณ์ให้อยู่ในเทรนด์ “คนรุ่นใหม่” ทั้งโลโก้สีสันและผลิตภัณฑ์  ตลอดจนแนวนโยบายการดำเนินธุรกิจต่อสาธารณะ

ดังนั้นวันนี้เราจึงเห็น “แอมเวย์ ช็อป” สาขาที่ 49 บนชั้น 3 ของ “สยามดิสคัฟเวอรี่” ซึ่งเป็นสาขาแรกที่แอมเวย์นำแบรนด์เข้าสู่ศูนย์การค้าย่านใจกลางเมือง ภายใต้งบลงทุน 70 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของนักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิกที่มีกว่า 1 ล้านรหัสทั่วประเทศให้มีความสะดวก   มากขึ้น สำคัญสุดถือเป็นการ “ตอกย้ำ” แผนการการก้าวเข้าสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า 20,000 ล้านบาทในปี 2555 ตาม    คำดำริของ “ปรีชา” ที่กล่าวสั้นๆ ทิ้งท้าย  ไว้ว่า

“เราต้องมีเป้าหมายที่กว้างกว่าการคิดปิดยอดที่ 20,000 ล้านบาท   ไปแล้วตอนนี้!!”


นั่น!! หมายถึง “แอมเวย์”  ยักษ์ใหญ่ธุรกิจขายตรงไทยในยุคทศวรรษที่ 3 กำลังก้าวข้ามความท้าทายขอบ ตลาดขายตรงกับปฏิบัติการ The New Era      of Amway ซึ่งชัดเจนกับแผนธุรกิจที่ไม่ได้แข่งเฉพาะกลุ่มขายตรงเท่านั้น  แต่ “แอมเวย์” กำลังก้าวผ่านเข้าไปแย่งเค้กธุรกิจค้าปลีกโดยรวมมูลค่า 3 ล้านล้านบาท อย่าง   น่าจับตายิ่ง !!

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 203 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1- 15 พฤษภาคม 2554

ชาวเอมสตาร์ ขอส่งข้าวหอมมะลิ ไวทอลสตาร์ 34,000 กิโลกรัม (17,000 ถุง)

ข่าวเอมสตาร์

ชาวเอมสตาร์ ขอส่ง ข้าวขาวหอมมะลิไวทอลสตาร์ 34,000 กิโลกรัม (17,000 ถุง) เพื่อช่วยเหลือพี่น้องไทยชาวภาคใต้ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ Power Network ปักษ์แรก พฤษภาคม 2554

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แอมเวย์สานต่อโครงการ “One by One: ยิ้มสยาม” รวม 14 ปี สร้างรอยยิ้มคืนสู่เด็กไทยเกือบ 1,700 ราย



นางทัดดาว ปัญจโสภกุล รองประธานกรรมการมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย (ซ้าย) นายแพทย์ฉัตรชัย รัตรสาร หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านตติยภูมิ โรงพยาบาลสุรินทร์ (กลาง) และผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชัย อังสพัทธ์ ศัลยแพทย์ตกแต่งมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (ขวา) ร่วมแถลงข่าวโครงการ “One by One: ยิ้มสยาม” ครั้งที่ 14 เพื่อรักษาอาการปากแหว่งเพดานโหว่ให้เด็กไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในวันที่ 25-29 เมษายน 2554 ณ โรงพยาบาลสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยปีนี้มูลนิธิมอบเงินสนับสนุนมูลค่า 1.5 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินกิจกรรมการผ่าตัดและยังได้ระดมทีมอาสาสมัครทั้งนักธุรกิจแอมเวย์ สมาชิกและพนักงานสละเวลาร่วมทำความดีภายใต้โครงการนี้กว่า 50 คน โดยคาดว่า 14 ปี จะมีเด็กได้รอยยิ้มใหม่ร่วม 1,700 คนโครงการ “One by One: ยิ้มสยาม” ดำเนินการมาแล้ว 13 ครั้ง ใน 6 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร (5 ครั้ง) นครศรีธรรมราช (2 ครั้ง) สุรินทร์ (2 ครั้ง) ลำปาง ยะลา และตาก (2 ครั้ง)

หากท่านสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของมูลนิธิได้ที่ www.amwayfoundation.or.th หรือติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กรได้ที่คุณนคภร โทร.             0-2713-8000      ต่อ 1623

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

ข้าวของ ราคาพุ่ง! – เอมสตาร์ Aimstar สวนกระแส ตรึงราคา น้ำมันรำข้าว


ผู้ค้าหวั่นฉุดการซื้อ

ค่ายขายตรงน้อยใหญ่ ก้มหัวรับกระแสการเลือกตั้งใหม่ ชี้อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยไป แต่เรื่องราคาข้าวของแพง ส่งผลกระทบ เอม สตาร์ เริ่มขยับราคาสินค้าบางรายการ แต่สินค้าหลักยังคงตัวเลขเดิม 2 มิ.ย. ดีเดย์เปิดอเมริกา ด้าน TNI บ่นอุบเงินบาทแข็งทำกำไรลด ส่วนแบรนด์ ็เอสเนเจอร์ิ ยอมรับผู้บริโภคหันสนใจสิ่งของจำเป็นก่อน พักเรื่องอื่นไว้ทีหลัง

ต้องยอมรับว่า กระแสการเมืองถูก ยกขึ้นเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งยังมีเรื่องของราคาของกิน ของใช้ ที่ขยับราคา ขึ้นต่อเนื่อง ทำเอาหลายภาคธุรกิจออกมา บ่นกันอุบ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่ต้องทนเก็บ ออมมากขึ้น เพราะรายได้เท่าเดิม แล้วขาย ตรงละ จะได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ มากน้อยเพียงใด

> เอม สตาร์ิ ขยับราคาสินค้าบางกลุ่ม ท.ญ. ลพา วัชรศรีโรจน์ ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท เอม สตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผยสยามธุรกิจว่า เรื่องของการเมืองเป็นสิ่งที่บริษัทไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่ง เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการ ควบคุม ถึงแม้กระแสหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรก็ตาม

ประเทศไทย เป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น และชัดเจนว่าคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามสิ่งที่เกิดขึ้น และบริษัทคงไม่ สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ิ

โดยในส่วนของราคาข้าวของที่มีการปรับราคาขึ้นนั้น คงต้องปล่อยให้เป็น ไป เพราะต้องยอมรับว่าเมื่อเวลาที่เปลี่ยน ไปมากเท่าใดก็ตาม วัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือสิ่งใดก็ย่อมที่จะหมดไป ยกตัวอย่างน้ำมัน ที่มีการขยับราคาอย่าง ต่อเนื่อง ก็เพราะกลไกตลาดที่ย่อมมีการขยับราคา เมื่อคนใช้มาก สิ่งนั้นย่อมลดลง เรื่อยๆ การขยับราคาย่อมเป็นเรื่องปกติ

ส่วนสินค้าของบริษัทจะยังคงไว้เช่นเดิม เนื่องจากยังไม่ต้องการที่จะขยับราคา แต่ก็มีสินค้าบางรายการ ที่เอม สตาร์ ต้องปรับขึ้นอย่างเช่น สำลี ส่วนสินค้าตัว หลักๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันรำข้าว หรือ สินค้า กลุ่ม ็แอสนี่ิ ก็ยังคงราคาไว้เช่นเดิม

เอม สตาร์ นับเป็นบริษัทที่อยู่ในกระแสขายตรงบ้านเราอย่างต่อเนื่อง นับ ตั้งแต่ที่เอม สตาร์ ถือกำเนิดขึ้น โดยสามารถ ทำยอดขายในชนิดที่เรียกว่าก้าวกระโดดในทุกๆ ปี และกลายเป็นยักษ์ใหญ่ของบรรดาบริษัทขายตรงในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เอม สตาร์ ยังได้มีการวางแผน ที่จะเปิดสาขาในต่างประเทศ ในชนิดที่เรียกว่าข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปเปิดเลยทีเดียว ซึ่งในวันที่ 2 มิถุนายน เอม สตาร์จะได้เปิด สาขาที่ สหรัฐอเมริกา ประเทศที่บริษัทตั้ง ความหวังที่จะสามารถทำรายได้ให้บริษัทได้อีกมาก จากการที่มีการเตรียมงานมา ระยะหนึ่ง ทั้งยังมีในส่วนของอินเดียที่บริษัทเตรียมเปิดเพิ่มภายในปีนี้อีกด้วย

ส่วนตลาดในไทย บริษัทก็ยังเดินหน้า ขยายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด เอม สตาร์ ได้รุกไปที่ภาคเหนือ พื้นที่ล่าสุดของบริษัท โดยใช้เมืองใหญ่ อย่างเชียงใหม่ เป็นฐาน หลักในการรุกตลาด

อย่างไรก็ตาม เอม สตาร์ ได้ตั้งความ หวังที่จะเติบโตในส่วนของยอดขายในปีนี้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท จากที่ปี 53 ปิดตลาดอยู่ที่ 4,901 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 3 เท่าตัว

> เงินบาทแข็ง TNI แบกภาระนางวิภารัตน์ รัตนพรหมา ผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท ตาฮิเตียน-โนนิ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยสยามธุรกิจว่า ปัจจุบันข้าวของมีราคาที่แพงขึ้น ยกตัวอย่างไข่ไก่ที่ปัจจุบันขยับราคา ไปถึงฟองละประมาณ 5 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อบรรดา ประชาชนผู้บริโภคเป็นอย่างยิ่ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ข้าวของราคาขยับขึ้น แต่ในส่วนของ TNI เองยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เนื่องจากผู้ที่เป็น สมาชิกยังคงมีความต้องการในการใช้ และซื้อสินค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง แต่หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็ไม่แน่เหมือนกัน ว่า ผู้ที่เป็นสมาชิกอาจลดการซื้อลงได้

ปัจจุบันบริษัทต้องแบกรับภาระในส่วนของสินค้าเนื่องจาก TNI เป็นบริษัท ข้ามชาติ เพราะไม่ต้องการขึ้นราคาตามสินค้าอื่นๆ ที่อยู่ในตลาด และยิ่งในช่วงก่อนหน้าที่ราคาค่าเงินของไทยขยับแข็งตัวขึ้น บริษัทก็ยิ่งได้รับผลกระทบ เนื่อง จากการจ่ายโบนัสยังเป็นในแผนเดิม บริษัท ส่งสินค้าเข้ามาขาดทุนเพราะเงินบาทที่แข็งค่าิ

อย่างไรก็ดี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่นายกรัฐมนตรีจะมีการประกาศยุบสภา TNI มองว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม เหมือนกัน เนื่องจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น มานั้นอาจมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งหากมีการประท้วงที่รุนแรงเมื่อไหร่ ความเสียหายย่อมส่งผลมาถึงบริษัท

เรื่องการเมือง เป็นสิ่งที่บริษัทไม่ต้องการที่จะไปยุ่งมากนัก เพราะเป็นสิ่งที่ อยู่เหนือการควบคุม สิ่งเดียวที่จะทำได้คง เป็นการภาวนาให้การเลือกตั้ง เป็นไปอย่าง ราบรื่น ไม่มีความรุนแรงทั้งก่อน และหลัง การเลือกตั้งิ

ทั้งนี้ บริษัท ตาฮิเตียน เป็นบริษัทขายตรงข้ามชาติที่มีฐานแม่อยู่ที่สหรัฐ อเมริกา เข้ามาในประเทศไทยกว่า 10 ปี มี สินค้าเรือธงอย่าง ็น้ำซุปเปอร์ฟลุต โนนิิ ในช่วงต้น ตาฮิเตียนนับเป็นบริษัทขายตรง ที่ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยกระแส ที่ลดลงทำให้ชื่อของตาฮิเตียนก็ลดลงตาม ไป แต่ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ตาฮิเตียน หรือ TNI ก็เริ่มมีการขยับ เพื่อหวังที่จะกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ ของสินค้าน้ำผลไม้ เสริมอาหารอีกครั้ง และดูจะได้ผลไม่น้อย เลยทีเดียว

เอสเนเจอร์ิ หวั่นลูกค้าลดการซื้อนายบัญชา เหมินทคุณ รองกรรมการผู้จัดการ ด้านธุรกิจเครือข่าย เอส-เนเจอร์ิ เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่า เรื่องการเมืองปัจจุบันนับเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายจับตามองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของ ราคาของกินของใช้ในปัจจุบันที่มีการขยับ ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากการที่ข้าวของมีราคาอัพขึ้นมา นั้น เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ว่า จะส่งผลกระทบอะไรต่อบริษัทนั้น ยังไม่มีให้เห็นเป็นที่เด่นชัดมากนัก เนื่องจากเอส-เนเจอร์ยังไม่มีการขยับราคาที่จะเป็นการสร้างภาระให้ผู้บริโภค และสมาชิก แต่ต่อไป คงได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้บริโภคคงหันไปหาสิ่งที่มีความจำเป็นก่อน ที่จะหันหาการทำธุรกิจิ

ส่วนการเลือกตั้งนั้น ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลหรืออะไรก็ตาม ธุรกิจของเอสเนเจอร์ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง คงเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม

อนึ่ง เอสเนเจอร์ เป็นแบรนด์เครือข่ายที่อยู่ภายใต้บริษัทใหญ่อย่าง บมจ. ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ โดยเอสเนเจอร์ได้รุกเข้าธุรกิจขายตรงอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ตัว ็บัญชา เหมินทคุณิ มากุมบังเหียน และผ่านไปหนึ่งไตรมาสของปี เอสเนเจอร์มีการขยับตัว ถึง 200% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เรื่องของการเมืองที่เป็น กระแสอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาสินค้าที่ ขยับตัว ยังเป็นเรื่องที่บริษัทขายตรงต้องก้มหน้ายอมรับ เฉกเช่นธุรกิจอื่นๆ เนื่องจาก เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทเหล่านี้ ก็คงต้องมีแผนรับมือกับ สิ่งที่เกิด และกำลังจะเกิดต่อไป

ขอบคุณ: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1197 ประจำวันที่ 30-4-2011 ถึง 3-5-2011

ยูนิซิตี้ ร่วมสร้างฝาย และ ปลูกต้นไม้กับกองทัพบก ตาม โครงการเพื่อชีวิตที่ดีกว่า



บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด โดยคุณสาริณี เสฐียรภัคกุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด พร้อมกับ กลุ่มนักธุรกิจยูนิซิตี้ ภาคเหนือ นำทีมโดย คุณพัตร์ชัย เรือนสิทธิ์และ เยาวชนอาสาสมัคร ร่วมกับ กองทัพบก นำโดย พลเอกพิเชษฐ์ วิสัยจร (ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก) และพลเอกชาย คำวงษา (ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคงกองทัพบก) ร่วมกิจกรรมสร้างฝายและปลูกต้นไม้ ตามโครงการ “เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” (Make Life Better Foundation) ณ ศูนย์ศึกษาพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ในวันคุ้มครองโลก (Earth Day) เมื่อ 22 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา

Make life better foundation: http://www.unicity.net/usa/en/company/mlb-foundation

ที่มา : http://www.newswit.com

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เอวอนคอสเมติคส์ จัดแถลงข่าว “ผู้หญิงไทยโชว์พลังเสียง ชนะใจกรรมการระดับโลก พร้อมก้าวสู่รอบชิงชนะเลิศการประกวด เอวอน วอยซ์: การแข่งขันร้องเพลงระดับโลก"



บริษัทเอวอนคอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัดขอเชิญสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าวในหัวข้อ “ผู้หญิงไทยโชว์พลังเสียงชนะใจกรรมการระดับโลก พร้อมก้าวสู่รอบชิงชนะเลิศการประกวดเอวอน วอยซ์: การแข่งขันร้องเพลงระดับโลก”ร่วมสัมผัสการโชว์พลังเสียงของ

“เพิร์ล-รพีพร ประทุมอานนท์” ตัวแทนประเทศไทย และเต็งหนึ่งในการประกวดครั้งนี้และเป็นกำลังใจในสานฝันกับการออกอัลบั้มจริงร่วมกับนักร้องและโปรดิวเซอร์มืออาชีพระดับโลกอาทิ Fergieผู้ชนะรางวัลแกรมมี่,Diane Warren นักแต่งเพลงในตำนาน,Natasha Bedingfieldนักร้อง/นักแต่งเพลงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่,Lea Salongaนักร้องและนักแสดงชาวฟิลิปปินส์,Sheila E. นักดนตรีหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่David Pack นักร้อง/นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ผู้ได้รับรางวัลแกรมมี่,

Diego Torres ดีเอโก้ ตอร์เรส นักร้องนักแต่งเพลง ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่โดยรพีพร ประทุมอานนท์ตัวแทนประเทศไทยการประกวด เอวอน วอยซ์และคณะผู้บริหาร บริษัทเอวอนคอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ในวันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2554 เวลา 14.00 – 15.00 น.

ณ ห้องเรสซิเด้นท์ โรงแรมแกรนท์ไฮแอท เอราวัณ ราชประสงค์

กำหนดการ

14.00 น. สื่อมวลชนร่วมลงทะเบียน และรับเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์

14.30 น. พิธีกร กล่าวแนะนำผู้บริหาร

ผู้บริหารกล่าวสรุปโครงการการประกวด “เอวอน วอยซ์”

14.45 น. ร่วมสัมผัสพลังเสียงของ คุณเพิร์ล-รพีพร ประทุมอานนท์

15.00 น. ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

สัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้ประกวดเพิ่มเติม

สิ้นสุดงานแถลงข่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์:บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ จาจิญา เพ็งพันธ์ และชวิศรา สัมฤทธิ์นรพงศ์

02-951-9119


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แอมเวย์ จับมือ สยามดิสคัฟเวอรี่ ปั้น พรีเมียมช็อป ย้ำ ที่หนึ่งขายตรง



แอมเวย์ตอกย้ำเบอร์หนึ่งตลอดกาล ทุ่มงบ 70 ล้านเปิดช็อปใหญ่ที่สุดสยามดิสฯ หวังเป็นโมเดลแรกก่อนขยายไปที่อื่นๆ ชี้ขยายช็อปปีนี้ 10 แห่ง ด้านสำนักแห่งใหม่ที่ทุ่มงบกว่า 1,000ล้านคาดแล้วเสร็จกลางปีหน้า ระบุหลังเลือกตั้งจะมีเงินสะพัดเพิ่มทำเศรษฐกิจปีนี้ดีกว่าปีก่อนแน่นอน ด้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง ไม่หวั่นหลังผู้นำปรับตัวได้ดี

นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภายหลังบริษัททุ่มงบ 70 ล้านบาท ขยายช็อปแอมเวย์ รูปแบบใหม่ระดับพรีเมียม สาขาที่ 49 ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ ที่เป็นช็อปขนาดใหญ่ โดยมีพื้นที่มากที่สุดถึง 1,200 ตารางเมตร แบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 6 โซน ได้แก่ 1.โอกาสทางธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจแอมเวย์ และเปิดโอกาสทางธุรกิจสู่ลูกค้าและสมาชิกใหม่ 2.การจำหน่ายสินค้า ด้วยการวางจำหน่ายสินค้าแยกตามประเภทสินค้ากลุ่มหลัก และเพอร์ซัลนอล ช็อปเปอร์ แคตตาล็อก

ในส่วนของโซนที่ 3.การบริหารทางธุรกิจ และเคาน์เตอร์จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอาร์ทิสทรีและผลิตภัณฑ์เสริมความงามนิวทริไลท์ 4.แอมฟิตคลับ โซนที่นำเสนอโปรแกรมลดน้ำหนักที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของนิวทริไลท์ และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เริ่มต้นที่สาขาที่ 49 เป็นสาขาแรก ส่วนโซนที่ 5.เป็นการตรวจสุขภาพและความงาม ที่มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา และ 6.การจัดแสดงสินค้าและสาธิตเครื่องกรองน้ำอีสปริงเครื่องกรองอากาศแอทโมสเฟียร์ และชุดประกอบอาหารไอคุ้ก เป็นต้น

ขณะที่แผนการขยายช็อปแอมเวย์ในปีนี้บริษัทเตรียมขยายอีก 10 สาขา โดย 2 สาขาแรกขยายไปแล้ว ได้แก่ สมุย, สยามดิสคัฟเวอรี่ และในเดือนพฤษภาคมนี้จะขยายอีก 1 สาขา เดือนมิถุนายนขยายอีก 4 สาขา และในเดือนกรกฎาคมจะขยายอีก 1 สาขา อย่างไรก็ดีการเปิดตัวแอมฟิตคลับที่สาขาแรกสยามดิสคัฟเวอรี่นั้น บริษัทจะดูผลตอบรับอีกครั้งว่าผลเป็นอย่างไร หากผลตอบรับดีจะขยายไปยังสาขาอื่นๆ อีกในอนาคต

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างสำนักงานแอมเวย์แห่งใหม่ที่ถนนรามคำแหง ด้วยงบลงทุน1,100 ล้านบาท ขณะนี้ได้เริ่มปักโครงสร้างสำนักงานแล้ว และคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและย้ายเข้าไปอยู่ที่สำนักงานแห่งใหม่ได้ประมาณเดือนมิถุนายนของปี 2555

นายปรีชา ยังกล่าวต่อว่า สถานการณ์ทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่น้อย และจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีนี้เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ส่วนปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ อาจส่งผลกระทบกับสมาชิกหรือนักขายที่ต้องใช้น้ำมันและยานพาหนะเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบกับบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงนั้นบริษัทสามารถตั้งรับได้ เพราะไม่ใช่ปัญหาใหม่ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้อบรมให้กับนักขายเกี่ยวกับการทำงานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพในยามที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.dbbnews.com