ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

‘ไทยประกันชีวิต’ ระส่ำ! นักขายไหลซบอก ‘อ.ประทีป-bHIP’



“ไทยประกันชีวิต” ระส่ำ! “ตัวแทน” สายลูกศิษย์ ลูกหากว่าพันชีวิตตบเท้าซบ “ประทีป แตงทอง” เกจิอาจารย์ต้นตำรับสถาบันฝึกอบรม “แคชสคูล”

หลังหวนคืนวงการ เปิดตัวตั้งบริษัททำตลาดเครือข่ายให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพยักษ์ใหญ่อเมริกา เจ้าตัวยันไม่ใช่เรื่องแปลก! เผย “นักขายประกันชีวิต” หลายบริษัทส่วนใหญ่กระจัดกระจายเข้ามาทำธุรกิจขายตรงเป็นอาชีพที่สองอยู่แล้ว ยันบังเอิญชื่อเสียงตัวเองโดดเด่นหลายคนเลยเบนเข็มมารวมศูนย์ทำงานร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก

นายประทีป แตงทอง เจ้าของบริษัท The Magic Eagle จำกัด  ซึ่งเป็นบริษัทที่ จัดตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจเครือข่ายภายใต้บริษัท bHIP Global ซึ่งเป็นธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ที่มาเปิดโครงการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 22 เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทบีฮิปเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมไบเทคปรากฎว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีมีผู้สมัครเข้ามาเป็นสายงานตนจำนวนมาก

โดยบริษัท The Magic Eagle  ตั้งมาทำตลาดให้กับ bHIP โดยตรง และได้ประกาศนโยบายที่จะสร้างลูกศิษย์จากธุรกิจวงการประกันชีวิต โดยกำหนดยุทธศาสตร์สร้าง 8 ผู้นำประจำจังหวัดๆ ละ 8 คน  และสร้างองค์กรรองรับรายได้ตัวเลข 7 หลักภายใน 3 เดือน  ซึ่งได้เริ่มดำเนินการคัดเลือกผู้นำในแต่ละจังหวัดไปบ้างแล้ว ซึ่งแค่เดือนแรกของการเปิดตัวมีคนมาสมัครร่วมงานแล้วประมาณกว่าพันคน ส่วนใหญ่มาจากลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ในวงการประกันและเคยร่วมงานกันมา
นายประทีปกล่าวถึงการตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 6 เดือน จะมีคนมาร่วมงานมากกว่า 6 หมื่นคน หลังจากนั้นจะนำผู้นำประจำจังหวัดละ 8 คนไปขยายงานใน 5 ประเทศใหญ่ อาทิเช่น เวียดนาม อินโดนิเซีย อินเดีย ฮ่องกง และจีน เพื่อนำมูลค่าตลาดที่ได้จากธุรกิจเครือข่ายประมาณ 35% ของราคาสินค้า กลับมาแก้ปัญหาความยากจนให้แก่ประชาชนคนไทย โดยทางยักษ์ใหญ่เจ้าของผลิตภัณฑ์สหรัฐอเมริการายนี้มีแผนจะไปเปิดตลาดที่เวียดนาม อินโดนิเซีย อินเดีย และจีนถัดไปจากประเทศไทยในเดือนหน้านี้

“ผมมองว่า ประเทศไทยเราไม่สามารถหลุดพ้นจากความยากจนด้วยสินค้าเกษตรอีกต่อไป เพราะเราต้องเจอปัญหาน้ำท่วมหรืออุทกภัยอยู่ตลอดเวลา ในความเห็นของทีมบริหารของ The Magic Eagle    เห็นว่า ทางเดียวที่คนไทยจะหลุดพ้นความยากจน จะต้องเป็นบุคคลในธุรกิจเครือข่ายที่ผ่านการฝึกทักษะการทำงานอย่างถูกวิธี  เพื่อไปทำตลาดใน 5 ประเทศใหญ่ ซึ่งมีประชากรมากกว่า 3 พันล้านคน และนำค่าการตลาดที่ได้จากประเทศเหล่านั้นมาแก้ปัญหาความยากจนให้กับคนไทย ซึ่งประเมินว่า ถ้าเรามีนักเครือข่ายจากประเทศไทยไปเปิดตลาดดังกล่าวจะมีรายได้เข้าประเทศปีละ 1.2 ล้านล้านบาท  เท่ากับงบประมาณของชาติในแต่ละปี” นายประทีป กล่าว

ด้านแหล่งข่าวจากผู้ร่วมงานกับบริษัท The Magic Eagle รายหนึ่ง กล่าวว่า  ต้องยอมรับว่า ผู้ร่วมงานชุดแรกมีประมาณ 1,000 กว่าคน ส่วนใหญ่มาจากไทยประกันชีวิต และขณะทราบมาว่าทางผู้บริหารบริษัทไทยประกันชีวิตได้เรียกประชุมตัวแทนระดับสูง ให้เตรียมการป้องกัน เพื่อไม่ให้คนออกมาร่วมงานกับธุรกิจเครือข่ายประยุกต์ของนายประทีป

แหล่งข่ายคนเดิมกล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่า รูปแบบการจัดสร้างองค์กรของบริษัทของนายประทีปนี้จะเป็นรูปแบบเหมือนกับบริษัทประกันชีวิตเลย  โดยมีนายประทีปเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมีรองประธานฯ ดูแลพื้นที่ 4 ภาค  แบ่งประเทศไทยออกเป็น 8 โซน มีผู้อำนวยการดูแล 8 คน  ซึ่ง 1 คนจะดูแล 9 จังหวัด และแต่ละจังหวัดจะมีผู้จัดการประจำจังหวัดๆละ 8 คนดูแลพื้นที่  โดยนายประทีปได้คาดการณ์เป้าหมายในอนาคตอันใกล้จะระดมสร้างทีมงานภายใน 6 เดือนในหนึ่งจังหวัดจะต้องมีสมาชิกที่ร่วมงานจังหวัดละ 1,800 คน

พร้อมกันนี้จะมีการจัดกิจกรรมสร้างคนสร้างงานเหมือนกับธุรกิจประกันชีวิตเช่นกัน  ซึ่งหลักสูตรนี้นายประทีปจะใช้หลักสูตรเดียวกับที่เคยเปิดสอนในสถาบันแคชสคูลที่เปิดอบรมให้กับคนในวงการมากว่า 20 ปี เพียงแต่เปลี่ยนตัวสินค้าโดยเปลี่ยนจากกรมธรรม์ประกันชีวิตมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพเท่านั้นเอง





“จริงๆ แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะคนที่เป็นตัวแทนขายประกันชีวิตส่วนใหญ่แล้ว นอกจากขายประกันชีวิตเป็นงานหลักแล้ว ก็จะทำธุรกิจเครือข่ายเป็นอาชีพรอง หรืออาชีพที่สองอยู่แล้ว  แต่ทีนี้พอนายประทีปมาเปิดทำตลาดจุดนี้ ในหลายๆบริษัทเขาก็กลัว  เพราะนายประทีปมีชื่อเสียงและเติบโตมาจากวงการประกันชีวิต  ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่ ทำไมพอนายประทีปมาเปิดปั๊บ หลายคนที่เดิมทำกันกระจัดกระจายในธุรกิจขายตรงอยู่แล้ว ก็เบนเข็มหันมาให้ความสนใจ  และพุ่งเป้ามารวมศูนย์ทำงานกับนายประทีป   และทำให้หลายบริษัทประกันชีวิตเขาต่างพากันกลัวว่า จะดูดคนของบริษัทประกันชีวิตของเขาเข้ามา” แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวในที่สุด

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 202 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16- 30 เมษายน 2554

แอมเวย์เปิด “แอมเวย์ ช็อป สยามดิสคัฟเวอรี่” ขยายโอกาสทางธุรกิจ สู่กลางใจเมือง



มร. เลา ฮัน กี่ ประธานบริษัทแอมเวย์ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ที่ 3 จากขวาแถวหลัง) นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 3 จากซ้ายแถวหลัง) คณะผู้บริหาร พร้อมด้วยนักธุรกิจแอมเวย์ระดับสูง และนางกันยารัตน์ โชคอุ่นกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (ที่ 2 จากขวาแถวหลัง) และคณะผู้บริหาร ร่วมพิธีเปิด “แอมเวย์ ช็อป สยามดิสคัฟเวอรี่” ศูนย์รวมโอกาสทางธุรกิจและแหล่งช็อปปิ้งที่ทันสมัยที่สุด ตั้งอยู่ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ ด้วยงบลงทุน 70 ล้านบาท บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 1,200 ตารางเมตร ซึ่งสาขานี้นับเป็นแห่งแรกที่บริษัทนำแบรนด์เข้าสู่ศูนย์การค้าใจกลางเมือง เพื่อสนับสนุนให้นักธุรกิจแอมเวย์ดำเนินธุรกิจและให้บริการสมาชิกได้สะดวกมากขึ้น รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้าถึงผลิตภัณฑ์และโอกาสทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ สลิมม์ เชิญชวนร่วมปันน้ำใจ กับโครงการ อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2 ลดส่วนเกิน เพื่อให้...น้องผู้ยากไร้ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด



อาวียองซ์ สลิมม์ ชุดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อการดูแลรูปร่างอย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายใต้ระบบ บล็อค แอนด์ เบิร์น สกัดกั้นสาเหตุของความอ้วน และปรับกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย เชิญชวนร่วมโครงการ อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2 ลดส่วนเกิน เพื่อให้...น้องผู้ยากไร้ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด โดยทุกชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ สลิมม์ ที่ส่งเข้ามามีค่าเท่ากับข้าวสาร 1 กิโลกรัม ที่จะมอบให้กับโครงการมื้อเช้าเพื่อน้องท้องอิ่ม ของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม ศกนี้

สำหรับผู้สนใจสามารถมีส่วนร่วมกับโครงการ อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2 ลดส่วนเกิน เพื่อให้...น้องผู้ยากไร้ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด โดยการเขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และข้อความแสดงความประทับใจในผลิตภัณฑ์ อาวียองซ์ สลิมม์ ที่หลังชิ้นส่วนกล่อง (แถบสี) ด้านชื่อผลิตภัณฑ์ภาษาไทยแล้วนำมาหย่อนกล่องรับชิ้นส่วนที่ อาวียองซ์ ช็อปทุกสาขา หรือส่งมาที่ อาวียองซ์ ช็อป (ชิงโชคอาวียองซ์ สลิมม์) 118 ไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า อาคาร 2 เวสท์ ชั้น 11 ถ.รัชดาภิเษก แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 เปิดรับชิ้นส่วนตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2554 นี้ โดยนอกจากให้ผู้สนใจได้หุ่นดีกับผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ สลิมม์แล้ว ยังได้ดีถึง 2 ต่อคือ ต่อที่ 1 ร่วมปันน้ำใจกับโครงการ อาวียองซ์ สลิมม์ แชริตี้ ซีซั่น 2 ลดส่วนเกิน เพื่อให้...น้องผู้ยากไร้ได้เติมเต็มส่วนที่ขาด โดยทุกชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ อาวียองซ์ สลิมม์ ที่ส่งเข้ามามีค่าเท่ากับข้าวสาร 1 กิโลกรัม ที่จะมอบให้กับโครงการมื้อเช้าเพื่อน้องท้องอิ่ม ของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย และต่อที่ 2 รับสิทธิลุ้นรางวัลมือถือ Blackberry Curve 8520 เดือนละ 3 รางวัล เริ่มตั้งแต่บัดนี้ – กรกฎาคม 2554 นี้เท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02-554-2655 หรือ www.aviancethailand.com.
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300 / 0-2434-8547

คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณนพมาศ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

ไบเทคพร้อมรับงานเฮอร์บาไลฟ์ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า 2011 – กรุงเทพฯ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย แปซิฟิก ด้วยยอดผู้เข้าร่วมงานจากทั่วเอเชีย แปซิฟิกที่เพิ่มขึ้นถึง 35%



ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคเตรียมพร้อมรับงาน เฮอร์บาไลฟ์ เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า เอเชีย แปซิฟิก 2011- กรุงเทพฯ งานประชุมสัมมนาประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2554 ที่มีผู้บริหารระดับสูงและตัวแทนจำหน่ายทั่วภูมิภาคถึง 13 ประเทศ เข้าร่วมงานกว่า 25,000 คน ด้วยยอดผู้เข้าร่วมงานจากทั่วเอเชีย แปซิฟิกที่เพิ่มขึ้นถึง 35%



นางสาวดวงรัตน์ ทัศนประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เปิดเผยว่า “ไบเทคมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจและรับคัดเลือกจากคณะกรรมการให้จัดงาน เฮอร์บาไลฟ์ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า 2011 – กรุงเทพฯ ของบริษัท เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย แปซิฟิก ที่เคยจัดขึ้น เนื่องจากมียอดผู้เข้าร่วมงานจากทั่วเอเชีย แปซิฟิกที่เพิ่มขึ้นจากการจัดงานครั้งที่ผ่านมาในประเทศไทยถึง 35% ซึ่งงานนี้ยังได้รับการสนับสนุนการจัดงานเป็นอย่างดี จากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน.”
สำหรับงานดังกล่าว เป็นการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล หรือ Meetings & Incentives (MI) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 – 8 พฤษภาคม 2554 ที่มีผู้บริหารระดับสูงและตัวแทนจำหน่ายทั่วเอเชีย แปซิฟิกถึง 13 ประเทศ เข้าร่วมงานกว่า 25,000 คน เพื่ออบรมธุรกิจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ผนวกกับความสนุกสนานในการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ โดยงานนี้ มีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการจัดงานทุกปีไปในแต่ละประเทศในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก อาทิ เกาหลี สิงคโปร์ และ ประเทศไทย
ภายในงาน มร. ไมเคิล โอ จอห์นสัน ประธานบริษัทและประธานฝ่ายบริหารเฮอร์บาไลฟ์ จะมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์และแบ่งปันประสบการณ์ในการขับเคลื่อนให้บริษัทมียอดขายเติบโตกว่า 2 เท่า และการคิดค้นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และการพัฒนาการผลิต การเป็นสปอนเซอร์ และการสร้างแบรนด์ให้ก้าวไกลไปทั่วโลก
“ทางเรามีความพร้อมทั้งในด้านสถานที่ ระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และทีมงานมืออาชีพ ซึ่งเห็นได้จากการจัดงาน VIV Asia 2011 (งานแสดงเทคโนโลยีปศุสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย) ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกถึง 29,000 คน โดยการจัดงานแต่ละครั้งยังช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยให้เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทย ที่ทางสสปน.สรุปยอดนักท่องเที่ยวไมซ์ในปี 2553 ที่ผ่านมาถึง 828,000 คน” นางสาวดวงรัตน์กล่าวสรุป

ติดต่อแผนกสื่อสารองค์กร ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
- รัชนิกร มาลากุล ณ อยุธยา ผู้จัดการแผนกสื่อสารองค์กร
- ภคมน ภาสวัสดิ์ Corporate Communications Executive
- ดวงพร บุพพัณชาติ Corporate Communications Executive
88 บางนา-ตราด (กม.1) บางนา กรุงเทพมหานคร 10260
โทร 02-749 – 3939 ต่อ 3142, 2189, 3146
แฟกซ์ 02-749-3949
อีเมล์ pr@bitec.co.th
เว็บไซด์ www.bitec.co.th

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

แอมเวย์ ร่วมสนับสนุนงาน วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย ส่งเสริมคนไทยรอบรู้สิทธิของตนเอง



นายนิโรธ เจริญประกอบ (ขวา) เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) รับมอบเงินจำนวน 100,000 บาท จากนางชุมพฤนท์ ยุระยง (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อร่วมสนับสนุนงาน “วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย 2554” โดยมุ่งส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงประโยชน์ของการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงมีความรอบรู้ในการรักษาสิทธิของตนเอง ณ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ เมื่อเร็วๆ นี้

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

เปิดรับประสบการณ์อัศจรรย์กับงาน เฮอร์บาไลฟ์ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า 2011



งานประชุมและอบรมทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เต็มเปี่ยมไปด้วยเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์และความสนุกสนานในการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ งานนี้รวบรวมผู้จำหน่ายอิสระเฮอร์บาไลฟ์จากทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยมี มร. ไมเคิล โอ จอห์นสัน ประธานบริษัทและประธานฝ่ายบริหารเฮอร์บาไลฟ์ จะมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์และแบ่งปันประสบการณ์ในการขับเคลื่อนให้บริษัทมียอดขายเติบโตกว่า 2 เท่า และการสร้างแบรนด์ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และการพัฒนาการผลิต การเป็นผู้สนับสนุน และการสร้างแบรนด์ให้ก้าวไกลไปทั่วโลก โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2554 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.herbalifeextravaganza.com

ติดต่อแผนกสื่อสารองค์กร ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
รัชนิกร มาลากุล ณ อยุธยา ผู้จัดการแผนกสื่อสารองค์กร
ภคมน ภาสวัสดิ์ Corporate Communications Executive
ดวงพร บุพพัณชาติ Corporate Communications Executive
โทร 02-749 – 3939 ต่อ 3142, 2189, 3146
แฟกซ์ 02-749-3949
อีเมล์ pr@bitec.co.th
เว็บไซด์ www.bitec.co.th
?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 749 3939 BITEC

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

สสปน. เปิดประเทศ ต้อนรับ “งานเมกะอีเว้นท์” ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปี 2554 สนับสนุนงาน “เฮอร์บาไลฟ์ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า 2011” พฤษภาคมนี้



สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เผยความสำเร็จโครงการ “มั่นใจ...เมืองไทยพร้อม” ปูทางประเทศไทยเตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับ “เมกะอีเว้นต์” ยิ่งใหญ่สุดแห่งปี 2554 สนับสนุนการจัดการงาน “เฮอร์บาไลฟ์เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า 2011 – กรุงเทพฯ” (Herbalife Asia Pacific Extravaganza 2011 – Bangkok) โดยเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ต ระหว่างวันที่ 6 – 8 พฤษภาคมนี้ พร้อมเปิดประเทศ ต้อนรับคณะผู้บริหารและผู้จำหน่ายอิสระเฮอร์บาไลฟ์เข้าร่วมประชุมกว่า 25,000 จาก 13 ประเทศทั่วภูมิภาค เอเชีย แปซิฟิก มั่นใจสร้างรายได้ผ่านอุตสาหกรรมไมซ์เข้าประเทศอีกกว่า 1,560 ล้านบาท
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การ มหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า “การตอบรับการเข้ามาจัดการประชุมนักธุรกิจระดับภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก หรือ “เฮอร์บาไลฟ์ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า 2011 – กรุงเทพฯ” (Herbalife Asia Pacific Extravaganza 2011 – Bangkok) ต่อจากประเทศเกาหลี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาของเฮอร์บาไลฟ์สะท้อนถึงความสำเร็จของสสปน.ในการเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ ไทยภายใต้โครงการ “Believe in Thailand” หรือ “มั่นใจ...เมืองไทยพร้อม” ซึ่งใช้แนวคิดหลักในการสื่อสารว่า “เมืองไทย: สร้างแรงบันดาลใจ เพื่อความสำเร็จของธุรกิจ”



การประชุม “เฮอร์บาไลฟ์ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า 2011 – กรุงเทพฯ” ในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2554 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยจะมีผู้บริหารและผู้จำหน่าย อิสระเฮอร์บาไลฟ์จากทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กว่า 13 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม และไทย ร่วมกันดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้จำหน่ายอิสระเฮอร์บาไลฟ์อย่างครบวงจร
“การจัดงานเฮอร์บาไลฟ์ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า ในปีนี้ ถือเป็นงานไมซ์ระดับ “เมกะอีเว้นต์” โดยคาดว่าจะมีผู้บริหารและผู้จำหน่ายอิสระเฮอร์บาไลฟ์จากต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกเดินทาง เข้ามาร่วมงานในประเทศไทยกว่า 25,000 คน และจะสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้กว่า 1,560 ล้านบาท จากรายได้ประมาณการในอุตสาหกรรมไมซ์ประจำปี 2554 ทั้งสิ้นจำนวน 57,600 ล้านบาท ผ่านจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งสิ้นราว 720,000 คน ดังนั้นการจัดงานในครั้งนี้จึงถือเป็นความสำเร็จ ที่สำคัญของประเทศไทยที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งแสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับการจัดงานเชิงธุรกิจในระดับนานาชาติ โดยการจัดงานในครั้งนี้ถืvเป็นการจัดงานไมซ์ที่ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในปี 2554” นายอรรคพล กล่าวเสริม
ด้านมร.วิลเลี่ยม ไมเคิล ราห์น รองประธานอาวุโส และกรรมการผู้จัดการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด กล่าวว่า “การประชุมเฮอร์บาไลฟ์ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้าวาแกนซ่า 2011 เป็นการอบรมสัมมนาครั้งสำคัญของเฮอร์บาไลฟ์ทั่วโลก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้จำหน่ายอิสระเฮอร์บาไลฟ์ได้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับทิศทางและกลยุทธ์การตลาด และยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แห่งความสำเร็จ รวมทั้งได้พบปะกับผู้บริหารระดับสูง เพื่อร่วมกันสร้างรูปแบบทางธุรกิจ



ในภาพรวมในการทำงานร่วมกัน
การจัดประชุมเอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ตร้างวาแกนซ่า 2011 ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 5 ที่เฮอร์บาไลฟ์เลือกประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดประชุม ด้วยศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นตลาดสำคัญของเฮอร์บาไลฟ์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน อาทิ ศูนย์การประชุมและศูนย์แสดงสินค้า สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและอาหารไทยที่เลื่องชื่อ ตลอดจนกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมและเอื้อต่อการจัดประชุมซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมากได้
“เราคาดว่าในปีนี้จะมีผู้จำหน่ายอิสระเฮอร์บาไลฟ์จาก 13 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกกว่า 25,000 คน เข้ารวมการประชุมครั้งสำคัญนี้ เพื่อร่วมกันดำเนินกิจกรรมที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งและแรงบันดาลใจให้กับผู้จำหน่ายอิสระเฮอร์บาไลฟ์อย่างครบวงจร โดยตลอดระยะเวลา 3 วันของการประชุม กิจกรรมหลักที่ถือเป็นไฮไลท์ได้แก่ การประชุมสมาชิกตั้งแต่ระดับซุปเปอร์ไวเซอร์จนถึงระดับสูง การแบ่งปันประสบการณ์การทำงานให้ประสบความสำเร็จจากระดับผู้นำเฮอร์บาไลฟ์ไอดอล กิจกรรมเฮอร์บาไลฟ์สไตล์เดย์ ปิดท้ายด้วยงานเลี้ยงกาล่าดินเนอร์ ซึ่งถือเป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักมาตลอดทั้งปีของผู้จำหน่ายอิสระ เฮอร์บาไลฟ์” มร.ราห์น กล่าว

รายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
ปาริฉัตร เศวตเศรนี
สุเมธ กาญจนพันธุ์

อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
จามรี คุปตะเวทิน
จิตติมา เมฆารสธรรมกุล
นวลพรรณ กิติราช

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ไทยพีอาร์ ดอทเน็ต

‘อี-คอสเวย์’ ปักธงรบ ธุรกิจทั่วไทย ดันนโยบาย ‘ฟรีช็อป’ รุกตลาดใหม่



อี-คอสเวย์ เปิดเกมรุกตลาดเครือข่ายเตรียมมุ่งเจาะตลาดใหม่เสริมความแกร่งธุรกิจเผยกลยุทธ์นับจากนี้เน้นเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมธุรกิจทุกคนได้เป็นผู้จัดการร้าน…ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ โรดมาสเตอร์ คาดจะเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่สร้างยอดธุรกิจแน่ พร้อมจับมือพันธมิตร MOL AccessPortal Berhad ผู้จำหน่ายบัตรเติมเงินเกม เชื่อทั้ง 2 ฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกันแน่ ประกาศเป้าสิ้นปีขอเติบโตอยู่ที่ 20-25%
นายไอเวิน ซัว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คอสเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือคนเครือข่ายรู้จักในนาม อี-คอสเวย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ อี-คอสเวย์ ได้เริ่มต้นดำเนินธุรกิจขึ้นในประเทศไทยได้ไม่นาน พบว่าธุรกิจของบริษัทฯ เริ่มที่จะได้รับการตอบรับจากสมาชิกอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากวันนี้บริษัทฯ มีร้านค้าอี-คอสเวย์ในเมืองไทยแล้วกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา อี-คอสเวย์ ถือเป็นน้องใหม่ในวงการนี้เลยก็ว่าได้ที่กลับมาใหม่อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ยอดขายในปีที่ผ่านมาถือได้ว่าค่อนข้างที่จะภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังถือว่าไม่พอใจเท่าที่ควรส่งผลให้ในปีนี้บริษัทฯ จึงได้หันมามุ่งเน้นการบุกตลาดใหม่ โดยเจาะเข้าไปในตลาดที่กว้างขึ้น เพื่อให้ถึงเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่วางไว้คือ การเติบโตอยู่ที่ 20-25%
อย่างไรก็ตาม หากจะให้ซูมถึงยุทธศาสตร์การบุกตลาดของคอสเวย์ในปีนี้แล้วล่ะก็ ทางด้าน ไอเวิน ได้กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การบุกตลาดของคอสเวย์นับจากนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้ามาร่วมธุรกิจทุกคนได้เป็นผู้จัดการร้านที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของคอสเวย์ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายร้านค้าไปอีกหลายประเทศด้วยกัน อย่างล่าสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทฯ เพิ่งเปิดสาขาใหม่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีกในประเทศจีน และประเทศรัฐเซียตามลำดับต่อไป รวมถึงตั้งเป้าหมายว่าภายใน 9-10 ปีข้างหน้านี้ จะรุกเปิดตลาดใหม่ๆ ที่สำคัญทั่วโลกอีกด้วย
ปัจจุบันร้านค้าอี-คอสเวย์ของบริษัทฯ หลายท่านอาจจะสงสัยว่ามีบางแห่งทำไมถึงปิดตัวลง ซึ่งต้องบอกว่าในบางทำเลหากไม่เหมาะสมกับการค้าขาย ทางบริษัทฯ เองจำเป็นที่จะต้องปิดตัวลง เพื่อปรับฐานร้านค้าใหม่ ให้อยู่ในทำเลที่เหมาะสม อย่างเช่นในปัจจุบันนี้บริษัทฯ เริ่มที่จะเจาะตลาดในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น เพื่อต้องการที่จะยกระดับธุรกิจคอสเวย์ให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นนั่นเอง
สำหร้บอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการขยายตลาดของบริษัทฯ นั่นก็คือ ในเรื่องของสินค้า โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ โรดมาสเตอร์ที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ภายใต้การควบคุมการผลิตของ Anglomoil ประเทศออสเตรเลีย โดยคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ทำยอดขายให้กับคอสเวย์ด้วยเช่นกัน
การออกสินค้าใหม่ๆ ของคอสเวย์แต่ละครั้งนั้น จะมีการแนะนำสินค้าใหม่ทุกๆ 45 วัน ด้วยสินค้าที่ดีที่สุดของโลกนำมาขายที่เมืองไทย ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่คอสเวย์ใช้มาโดยตลอดโดยเฉพาะกลยุทธ์เปิดร้านค้า ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็จะมีรายการส่งเสริมการขายด้วย ซึ่งบริษัทฯ จะทำการส่งเป็นวารสารโปรโมชั่นถึงบ้านสมาชิก โดยจะมีการสะสมคะแนนจากการซื้อสินค้า เพื่อนำมาแลกซื้อสินค้าจากรายการของรางวัลแลกซื้อที่นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษสุดอีกด้วย
นอกจากนี้ ทางบริษัท คอสเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้จับมือร่วมกับบริษัท มอล แอ็คเซสพอร์ทัล จำกัด หรือเอ็มโอแอล (MOL) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง MOL AccessPortal Berhad และกลุ่มนักลงทุนชาวไทย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2552 ที่ผ่านมา โดยมีธุรกิจหลักคือการจำหน่ายบัตรเติมเงินเกมและสินค้าดิจิตอลไลฟ์สไตล์ ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้
“MOL AccessPortal Berhad”  เป็นผู้จำหน่ายบัตรเติมเงินเกมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมียอดจำหน่ายกว่า 60 ล้านบัตรต่อปี ผ่านจุดจำหน่ายและให้บริการกว่า 540,000 แห่งใน 75 ประเทศทั่วโลก โดยจำหน่ายบัตรเติมเงินเกมกว่า 2,000 เกม รวมถึง Facebook Credits และ Zynga Game Cards ปัจจุบันมีสำนักงานตั้งอยู่ใน 7 ประเทศด้วยกัน คือ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา
ด้านนายปรีชา ไพรภัทรกุล ประธานผู้บริหารบริษัท มอล แอ็คเซสพอร์ทัล จำกัด เผยว่าการจับมือในครั้งนี้กับคอสเวย์ ถือเป็นการเสริมพลังให้เข้าถึงลูกค้าของทั้ง 2 ฝ่าย โดยทางบริษัทฯ ได้นำเครื่องเทอร์มินัลสำหรับจำหน่ายบัตรเติมเงินไปติดตั้งไว้ในร้านอีคอสเวย์ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ร้านอีคอสเวย์ทุกร้านสามารถจำหน่ายบัตรเติมเงินได้ สามารถเติมได้ทั้งในส่วนของโทรศัพท์มือถือและเติมเงินเกม
บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลให้มีการเติบโตของธุรกิจ ทั้งขายตรงก็ดี ทั้งเกมออนไลน์ก็ดี มีมีอัตราการเติบโตของธุรกิจที่ดีขึ้น อีกทั้งยังถือเป็นครั้งแรกที่มีการขายบัตรเติมเงินผ่านธุรกิจขายตรง ลูกค้าสามารถซื้อได้ในลักษณะเดียวกับการเข้าไปซื้อบัตรเติมเงินในร้านสะดวกซื้อทั่วไปทุกประการ ไม่เกิน 10 วินาทีได้สินค้าแน่นอน รวมถึงยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยระดับของความร่วมมือก็จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยตามจำนวนสาขาของร้านค้าอี-คอสเวย์พร้อมกับนำเสนอสินค้าใหม่ๆที่ตอบสนองดิจิตอลไลฟ์ในอนาคตไม่หยุดเพียงแค่เติมเงินโทรศัพท์เติมเงินเกมออนไลน์หรือเกมบนเฟซบุ้คเท่านั้น

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ ตลาดวิเคราะห์

‘ตาฮิเตียน โนนิ’ Q1 โตแรงเกินพิกัด เร่งเสริมสินค้าใหม่ มุ่งเจาะลูกค้าเพิ่ม



“ตาฮิเตียน โนนิ” เผยอัตราการเติบโต Q1 โตดีเป็นที่น่าพอใจ หลังผู้บริโภคให้การยอมรับมากขึ้น แจงกลยุทธ์ปีนี้เตรียมรุกตลาดผลิตภัณฑ์ “ไบโอแอคทีฟ” มากขึ้น พร้อมชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์ด้วยผลงานวิจัยที่ได้มาตรฐาน...ด้าน มร.จอห์น วาดส์เวิร์ธ ประธานบริษัทฯ ย้ำชัด! เตรียมสนับสนุนประเทศไทยทุกรูปแบบ หลังเล็งเห็นตลาดเมืองไทยยังโตได้อีกไกล ล่าสุดเตรียมจัดงานประกวด “FAT TO FIT CONTEST” ก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการกลางปีนี้ แจงกรณีเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นบริษัทได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย
“วิภารัตน์ รัตนพรหมา” ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ตาฮิเตียน โนนิ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงอัตราการเติบโตในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ว่า หากเทียบอัตราการเติบโตในช่วงไตรมาสแรกปีนี้กับปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตดีขึ้นกว่าที่ตั้งไว้อย่างน่าพอใจโดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 100-200% ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ ตาฮิเตียน โนนิ ประเทศไทย แต่นั่น ก็อาจจะเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของปีนี้เท่านั้น เพราะในอนาคตบริษัทฯ เชื่อว่า ยังคงจะต้องมีปัจจัยด้านบวกที่จะเข้ามาเป็นส่วนช่วยเสริมสร้างความสำเร็จอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ต้องพร้อมรับมือกับปัจจัยด้านลบบางอย่างที่อาจจะคาดไม่ถึง เช่น เรื่องของภัยธรรมชาติ การจลาจล และอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
“สิ่งที่ถือว่าเป็นตัวชี้วัดถึงอัตราการเติบโตในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมานั้น เห็นได้จากยอดขายและจำนวนผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ผู้บริโภครู้ว่า ตาฮิเตียน โนนิยังอยู่และไม่ไปไหน ในขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา ต้อง บอกว่าเราโชคดีทีเดียวที่ผู้นำเก่ายังอยู่ และร่วมด้วยช่วยกันจนสามารถสร้างอัตราการเติบโตได้อย่างน่าพอใจ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทฯ แม่เป็นอย่างดีด้วย”
นอกจากนี้ ทางด้านมร.จอห์น วาดส์เวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตาฮิเตียน โนนิ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด ยังได้กล่าวเสริมต่อว่า ตลาดในประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ทางบริษัทแม่มองว่าเป็นตลาดที่สำคัญอย่างมาก เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าตนเองเดินทางมาเมืองไทยบ่อยครั้งนั้น เป็นเพราะว่าอะไร เนื่องจากเราต้องการรู้ว่าคนไทยต้องการอะไร เมื่อทราบความต้องการแล้ว ก็จะได้สนับสนุนได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผู้บริหาร ฝ่ายสมาชิกหรือว่าผู้นำต่างๆ เป็นต้น
สำหรับแผนการรุกตลาดของบริษัทแม่ในปีนี้นั้น ทางบริษัทแม่ จะเพิ่มไลน์สินค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “ไบโอแอคทีฟ” รวมถึงเตรียมที่จะออกสินค้าที่เกี่ยวกับการดูแลผิวหน้า และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลในเรื่องของน้ำหนักอีกด้วย นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทางบริษัทแม่ คิดที่จะทำในปีนี้คือ กลยุทธ์ทางด้านการตลาดเกี่ยวกับราคา เพื่อให้เหมาะสมกับการทำตลาดในยุคปัจจุบัน
“วันนี้เราไม่ได้เป็นบริษัทที่ขายผลิตซุปเปอร์ฟรุ๊ตอย่างเดียวแล้ว แต่เราเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องดื่มทางชีวภาพ “ไบโอแอคทีฟ” ด้วย ที่สำคัญ ขณะนี้เรากำลังก้าวสู่ความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ไบโอแอคทีฟของโลก ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรู้จักเราในฐานะน้ำลูกยอ และน่าที่จะทราบอีกว่า เรายังเป็นบริษัทแรกของโลกที่ผลิตน้ำลูกยอ ทั่วโลกรู้จักโนนิได้เพราะเรา ที่สำคัญ บริษัทฯ ยังมีงานวิจัยที่ได้มาตรฐาน ด้วยเหตุนี่เอง จึงทำให้เราเชื่อว่าในปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครที่มีผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ
และมีมาตรฐานเช่นเราอย่างแน่นอน” มร.จอห์น วาดส์เวิร์ธ กล่าว
ด้าน “วิภารัตน์” กล่าวเสริมว่า การเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่าง ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ภายใต้ชื่อยี่ห้อ “FIT” ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ทำให้บริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายให้บริษัทฯ ได้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เพราะกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีรูปร่างที่ดีและสมส่วนนั่นเอง
“FIT เป็นชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่างที่แยกส่วนระหว่างผู้ชายและผู้หญิงออกจากกันอย่างชัดเจน ต่างจากผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดทั่วไปที่มักจะไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ใน 1 ชุด ยังประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 6 รายการ เริ่มตั้งแต่การทำความสะอาดลำไส้ การฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย การเสริมวิตามินที่จำเป็น การเพิ่มโปรตีนและแบคทีเรียที่มีประโยชน์ การรับประทานไฟเบอร์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหารระหว่างมื้อเมื่อรู้สึกหิวด้วย เรียกได้ว่าสวยครบวงจรจากภายในสู่ภายนอกกันเลยทีเดียว”
นอกจากนี้ จอห์น วาดส์ เวิร์ธ ประธานบริษัทฯ ยังกล่าวเสริมต่ออีกว่า ชุดผลิตภัณฑ์ FIT เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่างที่สร้างยอดขายได้เป็นอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ที่ได้เริ่มวางจำหน่ายไปแล้ว ทั้งนี้เพราะ FIT ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่างเท่านั้น แต่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เน้นกระบวนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอนและรับประทานง่าย ราคาไม่แพง แถมยังมีรสชาติให้เลือกตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นวนิลาหรือช็อคโกแลต ดังนั้น ตนจึงเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสร้างความฮือฮาให้กับวงการผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่างได้อย่างแน่นอน
“ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในกลางปีนี้ เราได้วางแผนที่จะจัดกิจกรรม FAT TO FIT CONTEST 2011 By TNI ขึ้นมา โดยจะเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมโปรแกรมดูแลรูปร่างจากทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน นี้ โดยเราจะคัดเลือกให้เหลือ 10 คน และร่วมทำกิจกรรมกับเราเป็นระยะเวลา 3 เดือน ก่อนที่จะประกาศผลผู้ชนะบนเวทีพร้อมกันกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกันกับกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายใต้ชื่อ “Defy” ที่เราเองได้วางแผนที่จะนำเข้ามาในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน” วิภารัตน์ กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงการแข่งขันในตลาดซุปเปอร์ฟรุ๊ตในเมืองไทยในสายตาของ “จอห์น วาดส์เวิร์ธ” มองอย่างไรบ้างนั้น ท่านผู้นี้เผยว่า หากจะให้มองการแข่งขันในตลาดซุปเปอร์ฟรุ๊ตในปัจจุบันแล้ว คงต้องบอกว่าเกือบทุกประเทศค่อนข้างที่จะแข่งขันกันอย่างดุเดือดอยู่แล้วไม่ใช่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียว ยิ่งโดยเฉพาะประเทศไทยด้วยแล้วถือว่าเราเองค่อนข้างเหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งในเรื่องของคุณภาพและผลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ถึง 13 งานวิจัย พร้อมกับมีการตีพิมพ์ผ่านวารสารทั่วโลก ซึ่งหากเทียบกับค่ายอื่นที่ทำผลิตภัณฑ์คล้ายๆ เราแล้ว ยิ่งต้องบอกว่ายังเทียบ
ไม่ได้เลยกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ
“การทำตลาดของเราในวันนี้ จะไม่เป็นการแข่งขันกับใคร แต่จะเป็นการสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งตลาด นั่นคือเครื่องดื่มชีวภาพ “ไบโอแอคทีฟ” แทนที่ตลาดซุปเปอร์ฟรุ๊ต โดยจะแยกตลาดออกมาอย่างชัดเจน พร้อมกับมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ผลงานวิจัยที่ได้มาตรฐานและผู้บริโภคได้ทดลองใช้แล้วเห็นผลชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมา หลังจากได้มีการทำตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างมาก จึงเชื่อว่าอัตราการเติบโตในประเทศไทย ก็น่าที่จะเติบโตดีเช่นเดียวกัน”
ทั้งนี้ จอห์น วาดส์เวิร์ธ ยังได้เผยถึงผลกระทบของสาขาที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่า ในช่วงที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวมา บริษัทฯ ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน แต่ไม่มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทฯ มีฐานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในประเทศดังกล่าวถึง 8 สาขาด้วยกัน ขณะเดียวกัน จากการสำรวจความคืบหน้าของเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ยังปลอด ภัยอยู่ อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้เตรียมความช่วยเหลือแก่สมาชิกบางส่วน
อีกด้วย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ ตลาดวิเคราะห์


จากซ้ายไปขวา: คุณจุฬาลักษณ์ สยามวาลา, คุณณฎายิน ธนวิบูลย์ผล, คุณสุวรรณา อัครพงศ์พิศักดิ์, คุณวิฑูรย์ ตติยมณีกุล, คุณณัฐวรรณ ภิรมย์ภักดี ทีปสุวรรณ,คุณมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์, คุณกฤษณา อัมพุช, คุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต, คุณเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ, มร. คริสโตเฟอร์ คิม, คุณพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์, คุณธนชัย สันติชัยกูล, คุณภาวดล นาสารีรัต, คุณพัตร์ชัย เรือนสิทธิ์ และ คุณสาริณี เสฐียรภัคกุล

มร. คริสโตเฟอร์ คิม ผู้บริหารจากบริษัทยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์(คนที่6จากขวา) คุณเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ (คนที่7จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ดิ เอ็มโพเรี่ยม ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ และ คุณกฤษณา อัมพุช (คนที่7จากซ้าย) รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส FSEVP บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมด้วยพันธมิตร มอบเงินรายได้จากการจัดงานวิ่งการกุศล “Emporium & Punky Runners: Run for Japan” จำนวน 4,500,000 บาท โดยมี นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต (เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องบัวแก้ว กระทรวงการต่างประเทศ โดยเงินบริจาคดังกล่าวจะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่น

ที่มา : http://www.newswit.com

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

แอมเวย์เปิด “แอมเวย์ ช็อป สยามดิสคัฟเวอรี่” ขยายโอกาสทางธุรกิจ สู่ ผู้บริโภคยุคใหม่



บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญด้วยการเปิด “แอมเวย์ ช็อป สยามดิสคัฟเวอรี่” ซึ่งเป็นสาขาที่ 49 และเป็นสาขาแรกที่แอมเวย์นำแบรนด์เข้าสู่ศูนย์การค้าย่านใจกลางเมือง ภายใต้งบลงทุน 70 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของนักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิกที่มีกว่า 1 ล้านรหัสทั่วประเทศให้มีความสะดวกมากขึ้น สร้างโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และโอกาสทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น รวมทั้งตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในเมืองอย่างแท้จริง

“แอมเวย์ ช็อป สยามดิสคัฟเวอรี่” ตั้งอยู่ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ มีการตกแต่งในรูปแบบพรีเมี่ยม หรูหรา สวยทันสมัย บนขนาดพื้นที่ใช้สอย 1,200 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 6 โซนดังนี้ 1. โอกาสทางธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักธุรกิจแอมเวย์ และเปิดโอกาสทางธุรกิจสู่ลูกค้าและสมาชิกใหม่2. การจำหน่ายสินค้า โดยการจัดวางสินค้าแยกตามประเภทสินค้ากลุ่มหลักและเพอร์เซอนอล ช็อปเปอร์ส แค็ตตาล็อก 3. การบริการทางธุรกิจ (Business center) และเคาน์เตอร์จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาร์ทิสทรีและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ 4. แอมฟิตคลับ (AmFit Club) นำเสนอโปรแกรมลดน้ำหนักที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของนิวทริไลท์และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเริ่มที่สาขานี้เป็นแห่งแรกของไทย 5. การตรวจสุขภาพและความงาม โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงามให้บริการแนะนำและคำปรึกษาอย่างใกล้ชิด และ 6. การจัดแสดงและสาธิตเครื่องกรองน้ำอีสปริง เครื่องกรองอากาศแอทโมสเฟียร์ และชุดประกอบอาหารไอคุ้ก เป็นต้น

แอมเวย์ ช็อป สยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. โทร. 0-2658-0030-1
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ เวิรฟ:

วรญา มณีวรรณ (เพชร) โทร.0-2204-8229

พรชนันท์ มงคลกุล (กิฟท์) โทร.0-2204-8223

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

‘TNI’ ย้ำชัดคงแผนเดิม



เดินหน้า Q2 แตกสินค้าใหม่ฟันกำไร

“ตาฮิเตียน โนนิ” โหมโรงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่าง เจาะฐานลูกค้าใหม่ กระตุ้นยอดขายไตรมาส 2 หลังไตรมาสแรกยอดโตพุ่งกว่า 200% พร้อมแคมเปญ “FAT TO FIT CONTEST” นำร่องก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ย้ำชัดบริษัทคงแผนเดิม ไม่หวั่นกระแส “ไบนารี่” แรง!

บริษัท ตาฮิเตียน โนนิ อินเตอร์ เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานแถลงความคืบหน้าบริษัทเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2554 ณ ห้องทิพนภาลัย โรงแรมมิโด้ ถ. ประดิพัทธ์ กรุงเทพฯ โดยเปิดเผยถึงอัตรา การเติบโตช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา รวมถึงเปิดเผยกลยุทธ์การเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ และรองรับการขยายตัวในอนาคต นำโดย มร.จอห์น วาดส์ เวิร์ธ ประธานบริษัท และคุณวิภารัตน์ รัตน พรหมา ผู้จัดการประจำประเทศไทย

นางวิภารัตน์ รัตนพรหมา ผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท ตาฮิเตียน โนนิ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “อัตราการเติบโตของ TNI ใน ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาต้องขอบอกว่ามีอัตราการเติบโตที่ดี ขึ้นกว่าที่ได้ตั้งเป้าไว้ ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณ ที่ดีสำหรับ TNI ประเทศไทย แต่นั่นก็อาจ จะเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของปีเท่านั้นเพราะ ในอนาคตเราเชื่อว่ายังคงจะต้องมีปัจจัยด้านบวกที่จะเข้ามาเป็นส่วนช่วยเสริมสร้าง ความสำเร็จ ในขณะเดียวกันก็ต้องพร้อมรับมือกับปัจจัยด้านลบที่เราเองก็อาจคาด ไม่ถึง เช่น เรื่องของภัยธรรมชาติ การจลาจล และอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”

อย่างไรก็ตาม TNI เชื่อว่าการเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้ชื่อยี่ห้อ “FIT” ที่กำลังจะวางตลาดในช่วงเวลาอันใกล้นี้จะสามารถกระตุ้นยอดขายให้ TNI มียอดขายที่สูงขึ้น เพราะกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมีรูปร่างที่ดีและสมส่วน อีกทั้งยัง สอดคล้องกับความต้องการของตลาดด้วย

สำหรับ FIT เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่างที่แยกส่วนระหว่างผู้ชายและผู้หญิงออกจากกันอย่างชัดเจน ต่างจากผลิตภัณฑ์ ตามท้องตลาดทั่วไปที่มักจะไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ และภายในผลิตภัณฑ์ 1 ชุดยังประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 6 รายการ เริ่มตั้งแต่การทำความสะอาดลำไส้, การฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย, การเสริมวิตามินที่จำเป็น, การเพิ่มโปรตีนและแบคทีเรียที่มีประโยชน์, การรับประทานไฟเบอร์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ ทดแทนอาหารระหว่างมื้อเมื่อรู้สึกหิวด้วย เรียกได้ว่าครบวงจรจากภายในสู่ภายนอก เลยทีเดียว

ทั้งนี้ ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทาง การในกลางปีนี้ เราได้วางแผนที่จะจัดกิจ กรรม FAT TO FIT CONTEST 2011 By TNI โดยจะเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมโปรแกรมดูแลรูปร่างจากทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายนนี้ โดยเราจะคัดเลือกให้เหลือ 10 คน และร่วมทำกิจกรรม กับเราเป็นระยะเวลา 3 เดือน ก่อนที่จะประกาศผลผู้ชนะบนเวทีพร้อมกันกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ ดูแลผิวภายใต้ชื่อ “Defy” ที่เราเองได้วาง แผนที่จะนำเข้ามาในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

ในด้านยอดขายของปีนี้ ที่ผ่านไปแล้ว 1 ไตรมาสนั้น บริษัทมีความยินดี เนื่องจาก TNI มียอดขายที่ดีมากยิ่งขึ้น หากเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมี การเติบโตขึ้นกว่า 200% ทั้งในส่วนของยอดขายและผู้นำ ทั้งเก่าใหม่ ที่ตบเท้าเข้า ร่วมธุรกิจ

ซึ่งในไตรมาสที่ 2 นี้ ไม่เพียงแต่ในเรื่องของสินค้าไลน์ใหม่ที่จะเข้ามาเสริมเท่านั้น แต่บริษัทยังต้องการที่จะเน้นทำตลาดเรื่องของราคา เพื่อให้สมาชิกมีความ สะดวกในการซื้อสินค้า และการขายที่ถูกลง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ธุรกิจเดินหน้าได้ดียิ่งขึ้น

ด้านจอห์น วาดส์เวิร์ธ ประธานบริษัท กล่าวว่า ชุดผลิตภัณฑ์ FIT เป็นผลิตภัณฑ์ ดูแลรูปร่างที่สร้างยอดขายได้ดีมากในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ที่ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้ว ทั้งนี้เพราะ FIT ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่างเท่านั้น แต่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เน้นกระบวน การทำงานอย่างเป็นขั้นตอนและรับประทาน ง่าย ราคาไม่แพง แถมยังมีรสชาติให้เลือก ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นวานิลลา หรือ ช็อก โกแลต ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะสร้างความฮือฮาให้กับวงการผลิตภัณฑ์ รูปร่างได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ ถือเป็นยุคทองของแผนการตลาด “ไบนารี่” โดยมีบริษัทเก่าใหม่มากมาย ที่ขยับเข้าไปจับแผนดังกล่าว โดยหวังที่จะกอบโกยรายได้ให้เพิ่มขึ้น ประเด็นนี้ ประธานบริษัท TNI ให้ความเห็นว่า

“เรื่องของการปรับเปลี่ยนแผนนั้น เป็นเรื่องที่บริษัทไม่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแต่อย่างใด เพราะไบนารี่ เป็นแผน การตลาดที่กำลังเป็นกระแส และสิ่งที่เป็น กระแสก็จะไม่มีความยั่งยืน เรามีความเชื่อมั่นกับการตลาดของเรา เพราะสิ่งที่บริษัททำก็เพื่อความมั่นคงที่จะมีผลไปอย่างยาวนานต่อสมาชิก อีกทั้ง TNI ก็มีแผนการจ่ายที่ดีอยู่แล้ว เรื่องที่จะเปลี่ยนแผนคงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด”

ทั้งนี้ TNI ประเทศไทย ยังได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการประชุมผู้นำของบริษัทจากสาขาทั่วโลก ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบ 15 ปีของบริษัท โดยจะมีผู้นำระดับสูงเท่านั้น ที่จะได้รับโอกาสเดินทาง มาประชุมที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งไทยถือเป็นสาขาของเอเชียสาขาแรกที่ได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมดังกล่าว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ร้อน..ทะลุองศาเดือด! แม่ทีมดังผนึกขายตรงใหม่บุกหนัก

สับขาหลอกกันฝุ่นตลบ!! คนเครือข่ายตามข่าวกันจนหัวหมุน สื่อมวลชนเองก็เช็คข่าวกันให้วุ่น อันไหนจริง อันไหนไม่จริง สนุกกว่าซี่รีส์เกาหลี สำหรับเรื่องราวของ “กลุ่มแม่ทีมดัง” ที่เคยเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์กันมาก่อน บุคคลที่ถูกจับตามากที่สุดก็คงไม่พ้น “ชนิดา บูรณะบุตร” - “นิติ สว่างทรัพย์” - “ธเนตร วงษา”



ฉบับก่อน “เส้นทางนักขาย” ได้ นำเสนอความเคลื่อนไหวไปให้ทราบเป็นบางส่วนแล้ว สกู๊ปพิเศษฉบับนี้จึงได้นำสรุปเรื่องราวล่าสุดมาให้ทุกท่านได้ติดตาม!
‘ธเนตร’ ปักหลัก ‘Jeunesseglobal’

เริ่มต้นที่ “ธเนตร วงษา” และ “อนุสรา จันทรังษี” ที่ได้เปิดเผย “เส้นทางนักขาย” ว่า ตั้งแต่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ทางผู้บริหารใหญ่ของบริษัท “Jeunesse global” ชื่อ “เวนดี้ เลวิส” ได้เดินทางมาตกลงร่วมธุรกิจกัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยงานนี้ “ธเนตร” แฮ็ปปี้กับการตกลงธุรกิจครั้งนี้เป็นอย่างมาก

“จากการพูดคุยผมบอกได้เลยผมตัดสินใจเลยทันทีว่าจะเข้าร่วมบริษัทนี้ โดยเราได้วางเป้าหมายร่วมกันว่าจะช่วยกันสร้างยอดขายให้ถึง 1,000 ล้านบาท ภายใน 1 ปีนี้ ขณะนี้ผมและทีมงานกำลังฟอร์มทีมกันอยู่ตอนนี้ได้หลายพันคนแล้ว คาดว่าจะพร้อมในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจในเดือนเมษายนนี้ และผมจะสร้างผู้นำนักขายที่มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนให้ได้ครบ 1,000 คนให้ได้ และขณะนี้ทางบริษัทแม่ได้อนุมัติงบประมาณเบื้องต้น 3 ล้านบาทเพื่อตกแต่งสำนักงานใหญ่ที่ อาคารวินวิน ชั้น 1 ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แพงที่สุดในตึกนี้”

ทั้งนี้สำหรับข้อมูลของ Jeunesse global จากเว็บไซต์ www.jeunesse global.com ระบุว่า สำนักงานใหญ่ของ Jeunesseglobal ตั้งอยู่ที่รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีสาขาอยู่ในต่างประเทศได้แก่ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และล่าสุดคือประเทศไทย โดยมีโปรดักส์ทำตลาดเกี่ยวกับอาหารเสริม Reserve™ และเครื่องสำอาง LUMINESCE™ เพื่อสุขภาพและความงาม

เมื่อไม่นานมานี้ “ธเนตร” ยังได้มีการส่ง SMS เชิญชวนให้นักธุรกิจเข้าร่วมฟังสัมมนาโดยมีใจความใน SMS ว่า “เชิญฟังธุรกิจ J เหนือกว่า M,B อย่างไร? โดย ธเนตร วงษา อาทิตย์นี้ (27 มีนาคมที่ผ่านมา) ที่ตึก winwin ชั้น P 13.00- 16.00 น.”

อย่างไรก็ตาม “ธเนตร” บอกว่า จุดเด่นของ “Jeunesseglobal” คือ

1. TVC (cycle ) 4.2 ล้านต่อเดือน
2. FS 875-8750บาท/ต่อคน ถ้าแนะนำ 10=87,500
3. Matching 7 ชั้นโตข้างเดียว ได้ 8 แสน
4. Promotion มีค-พค 54 แนะนำ 12 คน Basic&up และ(Q) ได้ไปดูงานต่างประเทศ + iPad2 (20,000บาท)
5. Ontime Bonus ขาอ่อน 10,000 (2 เดือน รับ 70,000 บาท) เป็น Diamond รับ 1,750,000 บาท
6. สินค้าเห็นผลภายใน 3-7 วัน ตลาดใหญ่ทำได้ทั้งประเทศ
7. มีระบบช่วยคนธรรมดา.... สามารถทำได้
8. มีระบบ Training พิเศษ
‘โมนาวี’ ขอบุกไทยเฟ้นหาผู้นำเอง

ทางด้านของ “โมนาวี” ค่ายที่ถูกจับตาว่าทุกคนจะแท๊คทีมมาอยู่รวมกันที่นี่ สุดท้ายกลับ “พลิกโผ” ไม่มีผู้นำตามข่าวตัดสินใจเข้าร่วมงานด้วย โดยมีกระแสออกมาว่าเป็นเพราะการตกลง “พิเศษ” ระหว่าง “โมนาวี” และ “ชนิดา” ไม่ลงตัว ซึ่งประเด็นนี้ “ชนิดา” ได้โต้ข่าวผ่าน “เส้นทางนักขาย” ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตนได้วิเคราะห์ภาพรวมทุกอย่างแล้ว เชื่อว่าคงเดินทางไปสู่ความสำเร็จด้วยกันไม่ได้จริงๆ ซึ่งตนก็ต้องขอบคุณทางโมนาวีที่เคยต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี เมื่อครั้งที่ทีมงานได้เดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ดีงานนี้ ทางด้านบอสใหญ่ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแม่โมนาวี “แลนดี้ ลาร์เซน” กลับไม่ถอดใจที่จะบุกตลาดไทย โดยออกมาประกาศทั่ววงการว่า ไม่ว่าอย่างไรตนจะเริ่มต้นธุรกิจในไทยให้ได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ อีกทั้งจะยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางของโมนาวีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป และล่าสุดได้เตรียมจัดสรรงบประมาณหลายล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อการเปิดตัวในเมืองไทย

โดยขณะนี้ “โมนาวี” กำลังอยู่ในช่วงของการดำเนินการทางเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการขอใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จนถึงใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายตรงจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเร็ววันนี้
‘ชนิดา’ โชว์คนครึ่งหมื่นเปิดตัว ‘bHIP’

ส่วนความเคลื่อนไหวของ “bHIP” และ “ชนิดา” ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานใหญ่ขึ้น โดยมี “เทอร์รี่ ลาคอร์” CEO ใหญ่ของ “bHIP” จากสหรัฐอเมริกาบินมาร่วมงานในครั้งนี้ ด้วย ภายใต้ชื่องานว่า “bHIP Global Revolution” ณ ไบเทคบางนา นอกจากนี้ยัง มีผู้บริหารชื่อดังอย่าง “ชัยวัฒน์ ชัยจินดาวัธน์” และ “เดวิด เฟลส์” แท๊คทีมขึ้นเวทีเปิดตัวเป็นทางการ ถึงการเข้ามาร่วมดูแล “bHIP” อีกด้วย

ทั้งนี้ “bHIP” ตั้งอยู่ในดัลลัส รัฐเท็กซัส และยังมีสำนักงานและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีก ในเซนต์พอล มินนิโซต้า และเบรนสัน มิตซูรี่ ใช้เงินลงทุนกว่า 30 ล้านดอลล่าร์ ใช้เวลากว่า 7 ปี ในเรื่องการลงทุนเรื่องโครงสร้าง ระบบพัฒนาและสนับสนุนเรื่องการทำงานเป็นทีมในองค์กรมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก โดยเปิดตัวใน ปี 2007 ในประเทศสหรัฐอเมริกาแคนาดาและเปอร์โตริโก มีผลิตภัณฑ์ทำตลาดเป็นรายการแรกได้แก่ เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ “มาร์กี้ เบอร์รี่” นอกจากนี้ยังมีสินค้า นวัตกรรมใหม่อีกหลายรายการที่กำลังทยอยขออนุญาตจาก อย. เตรียมคลอดตามออกมาทำตลาดอีกมากมาย

ส่วนแผนธุรกิจในประเทศไทยนั้น สมัครเพียง 350 บาท ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุกประกัน 140,000 บาท ระยะเวลา 12 เดือน สามารถมีรายได้ 5 ช่องทางคร่าวๆดังนี้ 1.TURBO BONUS 2.STAR MAKER BONUS 3.CYCLE BONUS 4.MATCHING BONUS 5.LEADERSHIP BONUS

โดย “ชนิดา” ได้เผยกับ “เส้นทางนักขาย” ว่า “เราต้องการให้ธุรกิจของเราเจาะได้ทุกตลาดลงไปถึงรากหญ้า จึงจะเห็นได้ว่าค่าสมัครของเราถูกมากใครที่จะเป็นผู้บริโภคเพียงอย่างเดียวก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ง่ายดาย ส่วนใครที่ จะเน้นการทำธุรกิจขยายเครือข่ายเราก็วางระบบและแผนการตลาดไว้รองรับ ช่วยให้ทุกคนสร้างรายได้ ขยายทีมงานได้อย่างไม่ยากเกินไปเช่นกัน”
‘Synergy’ พลิกเกมสู้ปรับแผนใหม่เมษาฯ นี้

ทางด้านความเคลื่อนไหวของ “บริษัท ซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง ประเทศไทย จำกัด” ที่มีทีมงานจากกลุ่มของ “ชนิดา” เดิมกระจายเข้าไปร่วมธุรกิจด้วยล่าสุด ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวการปรับ “ProArgi-9 Plus” โฉมใหม่ ให้ทานง่ายกว่าเดิม ในรูปแบบของซองบรรจุผงพกพาได้ง่าย ที่สำคัญคือการเปิดตัวการจ่ายผลตอบแทนแบบรายสัปดาห์หรือ Weekly Bonus

“ศุภพงศ์ จันทรวีระกุล” ผู้จัดการทั่วไป กล่าวถึงการจ่ายผลตอบแทนแบบ รายสัปดาห์หรือ Weekly Bonus ว่า เป็นบริษัทอินเตอร์เจ้าแรกของประเทศไทย ที่มีการจ่ายผลตอบแทนดังกล่าว ซึ่งจะทำให้นักธุรกิจได้เห็นรายได้ของตัวเองแทบจะทันเวลา เชื่อว่าจะยิ่งทำให้ตลาดซินเนอร์จี้เมืองไทย หมุนเร็วยิ่งขึ้น

“โปรแกรมนี้เราเริ่มปรับใช้ตามอเมริกาและเกาหลี ซึ่งเขาพร้อมแล้ว สำหรับการจ่ายโบนัสหรือค่าคอมมิชชั่นแบบรายสัปดาห์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผมกล้าพูดได้เลยว่า เราเป็นบริษัทอินเตอร์เจ้าแรกของประเทศไทยจริงๆ เชื่อว่า การจ่ายผลตอบแทนแบบ Weekly Bonus จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของซินเนอร์จี้ให้เดินเร็วยิ่งขึ้น เพราะสมาชิกจะสามารถเห็นผลการทำงานของตัวเองได้จากตัวเลขรายได้ที่ทำได้ในแต่ละสัปดาห์ และจะมีสมาชิกหน้าใหม่เข้าสู่ธุรกิจมากขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งโปรแกรม Weekly Bonus จะเริ่มพร้อมใช้ใน ประเทศไทยในต้นเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไปครับ”
ซึ่งภายในงานแถลงข่าวดังกล่าวกลุ่มแม่ทีมระดับสูงชื่อดังก็ได้เข้าร่วมงาน และเปิดตัวถึงความพร้อมในการร่วมเกมรุกของบริษัทด้วย อาทิ “จันทนา อินทศิริ” “พรกวิษย์ วงศ์ประเสริฐ” “สุนันทา- ชาติชัย ธนสารเดชาชัย” เป็นต้น
‘นิติ’ ไม่สนแข่งใครรักยาวต้อง ‘เอเจล’ เท่านั้น!

ส่วนทางด้าน “เอเจล” ล่าสุด ก็เพิ่งออกมาแถลงข่าว ที่ดูเหมือนจะเป็น เพียงการเปิดตัว “แนวรุกธุรกิจ” และ “สินค้าใหม่” แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าการออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้เพื่อ “เปิดตัวทีมบริหารใหม่” ตอกย้ำความแข็งแกร่งของบริษัท และเปิดให้ “สังคม” ได้เห็นว่า “ผู้นำระดับ สูงคนสำคัญ” ที่กำลังมีกระแสข่าวว่าได้ย้ายไปที่อื่นเช่นเดียวกันอย่าง “นิติ สว่างทรัพย์” เป็นเพียงแค่ “ข่าวปล่อย!!” เจ้าตัวเองยังขึ้นเวที ประกาศให้ทุกคนทราบว่า จะปักหลักอยู่ที่ “เอเจล 1,000,000%”

ทางด้าน CEO “บอยด์ แมตธีสัน” กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยยังมีจุด อ่อนที่ต้องทำการวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อ ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ออกมา ซึ่งอาจนำสูตรของเรามาผลิตที่ประเทศไทย เพื่อลดต้นทุน ในการผลิตและส่งผลให้ราคาจำหน่ายถูกลง และจุดอ่อนของประเทศไทยที่เห็นได้ชัดคือ การซื้อซ้ำและการซื้อแบบยั่งยืน และสาเหตุนี้ทำให้มีการปรับลดยอดขายลงจากเดิม 2,500 บาทเป็น 900 บาท หรือถ้าสร้างทีมใหม่ขึ้นมาจะมีทริปท่องเที่ยว และมีการจัดทริปท่องเที่ยวทุกๆ 6 เดือน เพื่อรักษา ยอดการขาย

แม้ธุรกิจในเอเชียจะมีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น แต่เอเจลไม่เห็นว่าใครเป็นคู่แข่ง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบเจลเพียงเจ้าเดียว และหวังว่าจะเติบโตเป็นธุรกิจ 1 หมื่นล้านภายใน 5 ปี สำหรับการ คาดหวังการเติบโตในปีนี้ต้องมากกว่าปีก่อน 50% โดยจะมีการแตกไลน์สินค้าเพิ่มเติม เพิ่มสินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นมา เพื่อกระตุ้น ตัวยอดขาย
“ปัจจุบันแม้จะมีการเปลี่ยน แปลงภายในบริษัท แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมดา และยอมรับว่าทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เหมือนป่าทึบที่ต้องตัดต้นไม้ออก ไป เพื่อให้ผู้นำใหม่ๆ เกิดขึ้นมา และพัฒนาผู้นำรุ่นเก่าๆ ให้เติบโต และมีประสิทธิภาพกว่าเดิม และตอนนี้ เรายังมีกลยุทธ์และนโยบายที่จะทำให้ก้าวไปเป็นผู้นำในการขาย แต่คงไม่สามารถเปิดเผยได้ ในขณะนี้และคงต้องให้รอติดตามดูต่อไป”

ส่วนทางด้านของ “นิติ” ได้เปิดเผยความรู้สึกกับ “เส้นทางนักขาย” ว่า “ต้องบอกว่าผมรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น เหมือนกับว่า วันนึงคนที่เคยคิดเหมือนเรา เกิดความคิดแตกต่างขึ้น ซึ่งผมก็คงต้องบอกว่า ขออวยพรให้เขาประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่ส่วนตัวของผมเอง ก็มีสิ่งที่ต้องยึดเหนี่ยวเหมือนกัน นั่นคือเอเจล เพราะผมรู้ว่าสินค้าที่นี่ ดีจริง ผมก็คงเน้นการแข่งกับตัวเองมากกว่า ส่วนกระแสที่บอกว่าผมจะไปที่อื่นนั้น ก็ย้ำอีกครั้งว่าไม่จริงเลยผมยังไม่คิดไปไหนนอกจากอยู่กับเอเจลเท่านั้น ที่นี่มีปัจจัยทุกอย่างครบที่จะนำพาทุกคนไปสู่ความสำเร็จได้จริง สุดท้ายก็คงต้องถามตัวเองกันว่า นิยมอยู่สั้นหรือนิยม ยาว ถ้านิยมยาวก็คงต้องเป็นที่เอเจลนี่ล่ะครับ”
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 201 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1- 15 เมษายน 2554

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

‘ตาฮิเตียน โนนิ’ ขยับตัวแรง โชว์กึ๋นจัดงานระดับโลก ในไทย



ในการเติบโต 30% หรือมียอดขาย 2,600 ล้านบาทภายในปี 2554 ได้แน่นอน หลังจากเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่ง นู สกิน สามารถทำยอดขายได้เติบโตถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว โดยความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการมุ่งเสริมสร้างศักยภาพของผู้แทนจำหน่ายให้มีความแข็งแกร่ง ผ่านกิจกรรมของบริษัทที่ดำเนินการต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา อาทิ กิจกรรมการอบรมสัมมนา การสร้างแรงจูงใจให้ผู้แทนจำหน่ายด้วยโปรแกรมการท่องเที่ยว (Incentive Trip) และแผนการปรับใช้ระบบ ไอที โซลูชั่น 360 องศา ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงานให้ผู้แทนจำหน่าย ที่สำคัญบริษัท ยังมีการใช้แผนการตลาดที่มีความเข้มข้นมากขึ้นด้วย


สำหรับการดำเนินงานในครึ่งปีแรกนี้ นู สกิน มีแผนรุกกิจกรรมการตลาดให้เข้มข้นมากขึ้น ทั้งการกระตุ้นยอดขายด้วยการจัดรายการส่งเสริมการขายที่ดึงดูดใจเป็นพิเศษ ช่วยให้ผู้แทนจำหน่ายปิดการขายได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม นู สกิน โรดโชว์ 2011 (Nu Skin Road Show 2011) ที่จะเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ ครอบคลุมทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อเป็นการช่วยสนับสนุนการทำงานของผู้แทนจำหน่าย ในด้านการสร้างและขยายเครือข่าย รวมทั้งการเพิ่มจำนวนของสมาชิกใหม่ โดยคาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดสมาชิกใหม่จากกิจกรรมนี้ได้เพิ่มขึ้น 10% ทั้งนี้ จากความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมาย 2,000 ล้านในปี 2553 ผนวกกับแนวโน้มการเติบโตที่เป็นไปตามเป้าหมายในไตรมาสแรกของปี 2554 ทำให้ นู สกิน ประเทศไทย มองไกลถึงความสำเร็จในระยะยาว ด้วยการประกาศเป้ายอดขายสูงถึง 5,000 ล้านบาทภายในปี 2558 และพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเทคโนโลยีเอจล็อก เพื่อรุกตลาดในช่วงกลางปีนี้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้มีการประกาศเป้าหมายระยะยาว ด้วยการที่จะพิชิตยอดขาย 5,000 ล้านบาทภายในปี 2558 ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้งหนึ่ง ถ้าดูจากผลงานความสำเร็จที่ผ่านมา บริษัทมั่นใจว่าเป็นเป้าหมายที่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน โดยจะยังคงเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยต่อต้านความเสื่อมชราในกลุ่มเทคโนโลยีเอจล็อค เป็นตัวหลักสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้แทนจำหน่าย เนื่องจากชุดผลิตภัณฑ์เอจล็อค ทรานส์ฟอร์เมชั่น ที่เปิดตัวไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่แรงอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านการลดเลือนริ้วรอยแห่ง
วัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทเป็นองค์กรผู้นำด้านการต่อต้านความเสื่อมชรา (Anti-aging Company) อย่างแท้จริง




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ Global Business

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

แอมเวย์แนะนำ “นิวทริแพลนท์ เอ็นพีเค พลัส” พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ มั่นใจช่วยเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน



บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “นิวทริแพลนท์ เอ็นพีเค พลัส” สูตร 4-18-18 ปุ๋ยเคมีธาตุอาหารหลักในรูปแบบน้ำสำหรับฉีดพ่นทางใบ ซึ่งสูตรนี้ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยใช้เทคโนโลยีการสกัดสาหร่าย (Algal Extract Technology) ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร โดยใช้สาหร่ายทะเลแอสโคไฟลัม โนโดซัม (Ascophylum Nodosum) ผสมผสานเข้ากับการเติมธาตุอาหารหลัก ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ปุ๋ยธาตุอาหารหลัก นิวทริแพลนท์ เอ็นพีเค พลัส สามารถละลายน้ำได้ 100% ง่ายต่อการดูดซึม ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของพืชได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ในการเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืนทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เริ่มจำหน่าย 25 เมษายน 2554 ขนาด 1 ลิตร ในราคา 1,285 บาท ราคาสมาชิก 1,028 บาท

พร้อมกันนี้ บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อปุ๋ยเคมีธาตุอาหารหลัก“นิวทริแพลนท์ เอ็นพีเค พลัส” สูตร 4-18-18 จำนวน 2 ขวด รวมมูลค่า 2,570 บาท (ราคาสมาชิก 2,056 บาท) รับฟรีทันที สารเสริมประสิทธิภาพ แอ็ปซ่า-80 ขนาด 1 ลิตร มูลค่า 515 บาท โดยโปรโมชั่นนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.-15 ก.ค. 54 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Amway Call Center 0-2725-8000 หรือ www.amwayshopping.com

* หมายเหตุ: นิวทริแพลนท์ เอ็นพีเค พลัส จัดเป็นปุ๋ยเคมี ตามพระราชบัญญัติปุ๋ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ดังนั้น นักธุรกิจแอมเวย์สามารถซื้อเพื่อการใช้เองได้โดย “ไม่” สามารถนำไปเสนอขายต่อได้ ยกเว้นมีใบอนุญาตจำหน่ายปุ๋ย หากฝ่าฝืนจะได้รับโทษทางกฎหมาย
ข้อมูลสำหรับกองบรรณาธิการ

บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2530 ปัจจุบันเป็นผู้นำธุรกิจขายตรงที่มียอดขายอันดับหนึ่งของประเทศ (จากรายงานงบการเงินของกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553) ดำเนินธุรกิจขายตรงภายใต้ระบบการตลาดหลายชั้นผ่านนักธุรกิจแอมเวย์ทั่วประเทศ

ปัจจุบันแอมเวย์มีนักธุรกิจแอมเวย์ที่ดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังและต่ออายุสมาชิกภาพอย่างต่อเนื่องทุกปี 320,000 รหัส มีสมาชิกที่สมัครเพื่อใช้สินค้า 700,000 รหัสทั่วประเทศ แอมเวย์ยังเป็นสมาชิกของสมาคมการขายตรงไทย โดยมีตำแหน่งในปัจจุบันคือ อุปนายกฝ่ายการศึกษา หากท่านสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทได้ที่ www.amwayshopping.com หรือ AmwayFacebook www.facebook.com/amwaythailand หรือติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กรได้ที่คุณสุภาวดี โทร.0-2713-8000 ต่อ 1483
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ เวิรฟ :

วรญา มณีวรรณ (เพชร) โทร.0-2204-8229

พรชนันท์ มงคลกุล (กิฟท์) โทร.0-2204-8223

 

 

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

เคล็ดลับความงามสำหรับสาววัย 40+



เมื่อก้าวสู่วัย 40+ ผิวก็จะก้าวสู่ความร่วงโรย ไม่ว่าคุณจะดูแลผิวอย่างดีเพียงใด ก็อาจพบว่า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เคยใช้มาหลายปี เริ่มไม่ได้ผลอย่างที่คุณต้องการ ทั้งนี้ เพราะการสร้างฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้ง เอสโตรเจนลดลง ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรม สถาบันการเรียนรู้และฝึกอบรม อาวียองซ์ อะคาเดมี ไขเคล็ดลับ เพื่อช่วยชะลอความร่วงโรยแห่งผิวพรรณ

ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรม สถาบันการเรียนรู้และฝึกอบรม อาวียองซ์ อะคาเดมี เผยว่า “สำหรับสาววัย 40+ ควรดูแลผิวทั้งจากภายในและภายนอก ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์เยอะ เพื่อช่วยในการเผาผลาญและดูดซึมไขมัน รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น แอโรบิค หรือโยคะ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเข่า เพื่อลดแรงกระแทก เข้านอนก่อนเที่ยงคืน เนื่องจากจะมีฮอร์โมนที่หลั่งออกมาช่วยซ่อมแซมร่างกาย

ส่วนผิวภายนอก ควรทาครีมกันแดดทุกวัน และทาครีมบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในวัย 40+ อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนครีมบำรุงผิวที่เคยใช้มานานหลายปี เนื่องจากไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผิวพรรณที่เริ่มเสื่อมสภาพ สาเหตุมาจากการสร้างฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้ผิวที่เคยชุ่มชื่น เปล่งปลั่งก็กลับแห้งกร้าน โรยรา ผิวหย่อนคล้อยยิ่งขึ้น เกิดริ้วรอยลึกทั้งใบหน้าและลำคออย่างชัดเจนแม้ไม่ได้แสดงอารมณ์ จึงทำให้หลายคนพึ่งวิทยาการทางการแพทย์ ให้สวยทันใจ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการดูแลผิวพรรณเป็นประจำอย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวร่วงโรยแห่งวัยโดยเฉพาะ ให้กลับฟื้นคืนความเปล่งปลั่ง ผิวแน่นกระชับ ในปัจจุบันมีการคัดสรรส่วนผสมใหม่ๆ ที่ช่วยปรนนิบัติผิวร่วงโรยโดยตรงมากมาย ล่าสุดมีการนำเพชรบริสุทธิ์มาผ่านกระบวนการลดขนาด (Purified Diamond Mineral Microparticles)# นำมาใช้ในเครื่องสำอางเพื่อฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้าขาดพลังให้กลับมีชีวิตชีวาเปล่งปลั่ง เพราะเพชรมีโครงสร้างเป็นคาร์บอนเช่นเดียวกับผิวของมนุษย์ จึงเชื่อว่าจะช่วยฟื้นฟูและเข้ากันได้ดีกับผิวมากกว่าอัญมณีอื่นๆ”

เสริมความอ่อนเยาว์อีกนิดด้วย “เซรั่ม” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่ช่วยขจัดริ้วรอยลึกบริเวณร่องรอยยิ้มระหว่างคิ้ว หน้าผากและลำคออย่างเห็นผล เพราะมีความเข้มข้นสูงเปรียบเซรั่มได้ดั่ง “บิวตี้ โด๊ป” ช่วยให้ผู้หญิงวิ่งเข้าเส้นชัยของผิวสวยเร็วยิ่งขึ้น แต่ควรทาเซรั่มและครีมบำรุงฟื้นฟูผิวควบคู่กันทั้งใบหน้าและลำคอเป็นประจำเช้า-เย็น อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ สาววัย 40+ ยังสามารถเสริมบุคลิกตัวเองให้ดูอ่อนเยาว์ ด้วยการมีอารมณ์ขันในบทสนทนาประจำวันกับคนรอบข้างบ้าง ก็ทำให้ผู้หญิงวัย 40+ ดูกระฉับกระเฉงอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ส่วนการแต่งกายนั้น สาววัย 40+ ก็สามารถจะดูเท่ได้กับกางเกงยีนส์พอดีตัว มินิบูทส์สุดเก๋ หรือ แจ็คเก็ตสุดเทรนด์ดี้ ที่แม้จะใส่กี่ครั้งหรือใส่เมื่อไรก็จะทำให้คุณโฉบเฉี่ยวได้ตลอดอย่างไร้กาลเวลา และที่สำคัญคือ อย่ามัวกังวลกับปัญหาผมหงอก ที่เริ่มคืบคลานมาในวัยนี้ เพราะการทำสีผมช่วยขับสีผิวใบหน้าคุณให้ดูสดใส เสริมบุคลิกให้โดดเด่นยิ่งขึ้น แนะนำให้คุณเลือกสีอ่อนจากสีผมจริง เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเหลือบ บลอนด์จะช่วยให้ใบหน้าคุณซอฟท์และดูสดใส การทำไฮไลท์จะช่วยปกปิดผมหงอกได้อย่างแนบเนียน

เพียงเท่านี้ ผู้หญิงวัย 40+ ที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า 40 ปี อย่างคุณก็ดูดีขึ้นได้แบบที่ใครๆ ก็มองผ่านเรื่องอายุไปเลย
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300 / 0-2434-8547

คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณนพมาศ



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ทางเลือกใหม่‘เกษตรกรไทย’ ‘TGI-วาฬน้ำเงิน’ ใต้ปีก ‘วุฒิพงศ์ วนากุล’


“ผมถือเป็นการคืนกำไรสู่พี่น้องเกษตรกร และอีกประการหนึ่งเรามองเห็นความผูกพันรักใคร่อันดีระหว่างบริษัท กับเพื่อนนักธุรกิจอิสระซึ่งเป็นทั้งเกษตรกรผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และนักขายมีต่อกัน การจัดงานมหกรรมเกษตรที่ยิ่งใหญ่น้องๆงานกาชาดหรือเกษตรแฟร์ในศรีสะเกษจึงเกิดขึ้นประเดิมนำร่องการเปิดตัววาฬน้ำเงินให้เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นในปีนี้เป็นต้นไป”


ตะลึง! “วาฬน้ำเงิน” หยุดสงครามไทย-เขมร


ตะลึง! มหกรรมงานเกษตรฟรีคอนเสิร์ต “วาฬน้ำเงิน” ณ สนามกีฬาสถาบันการพลศึกษา จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาคึกคักกันสุดเหวี่ยงกระชากอารมณ์ความรู้สึกหวาดกลัวผวาจากเหตุการณ์ชายแดนไทยเขมรปะทุให้หยุดลงได้ในฉับพลัน!! 


เมื่อพี่น้องประชาชนคนศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี และในจังหวัด ใกล้เคียงตลอดจนถึงคนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ “ชายแดนไม่สงบ” รวมเกือบห้าพันคนพากันหลั่งไหลเข้าร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้าพืชผลทางการเกษตรคุณภาพหลากหลายนานาพันธุ์ ที่ “วาฬน้ำเงิน” จัดขึ้นเป็นการขอบคุณและคืนกำไรให้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่สิบโมงเช้ายันเที่ยงคืน 


ทำให้บรรยากาศงานคึกคักกันตั้งแต่เช้าของวันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ด้วยผู้คนที่เป็นทั้ง “สมาชิกวาฬน้ำเงิน” และ “ประชาชนทั่วไป” ต่างพากันให้ความสนใจการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรคุณภาพสูงจากบริษัทฯ การจำหน่ายพืชผลทางการเกษตรปลอดสารพิษ รวมไปถึงการประกวดพืชผลทางการเกษตร และร่วมสนุกสนานกับกิจกรรมชิงรางวัลมากมายมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ร่วมลุ้นรางวัลปุ๋ย 30 ตัน และของรางวัลอื่นๆ กว่า 500,000 บาท 
ยิ่งพลบค่ำความคึกคักก็ยิ่งทวีมากขึ้นเมื่อบรรยากาศงานเริ่มพาเข้าสู่กิจกรรมบนเวทีกลางแจ้งกับการประกวดวงดนตรีลูกทุ่ง-แดนเซอร์ จากสถาบันการศึกษาต่างๆ ร่วม 20 แห่ง และชม “ฟรีคอนเสิร์ต” จากเหล่าศิลปินชั้นนำนับ 10 คนจากค่ายแกรมมี่ โกลด์ กล่าวได้ว่างานนี้ “คนอีสานบ้านเฮาลืมมินิสงครามชายแดนในค่ำคืนนั้นกันไปเลย” 


 ย้อนที่มา “มหกรรมสินค้าเกษตร-ฟรีคอนเสิร์ต”


สำหรับวันประวัติศาสตร์หยุดกระแสความกลัวมินิสงครามชายแดนไทย-เขมรของ “วาฬน้ำเงิน” ครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วยความ “ตั้งใจ” ของคณะผู้บริหาร “บริษัท ไทย-เยอรมัน อินเตอร์เทค โปรดักส์ จำกัด” (TGI) เจ้าของกิจการผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแบรนด์ “วาฬน้ำเงิน” หรือ “บูลเวล” (BLUE WHALE) นำโดย “วุฒิพงศ์ วนากุล” กรรมการผู้จัดการ “จิตรกร สายแก้ว”     ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และ “ไตรรัตน์ ธีรทิพย์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และผู้นำฝ่ายขายระดับสูงทั้งหมด 


“วุฒิพงศ์ วนากุล” อธิบาย   รายละเอียดว่า เนื่องด้วย “TGI” เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพทางการเกษตรผ่านช่องทาง  “ขายตรงหลายชั้น” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ให้กับ “เกษตรกรไทย” ทั่วประเทศมาเป็นระยะเวลาร่วม 2 ปี และประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจจากการตอบรับของเกษตรกรในการเข้าร่วมเป็น       “สมาชิกวาฬน้ำเงิน” เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์    ไปใช้ในไร่สวนด้วยราคาที่ได้ส่วนลดพิเศษ และ “นักธุรกิจอิสระ” ที่เข้ามาร่วมงานขยาย เครือข่ายผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ตราวาฬน้ำเงินเป็นจำนวนมาก     


โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นับได้ว่าเกษตรกรและนักธุรกิจอิสระ “TGI” มีเสียงตอบรับผลิตภัณฑ์    ทางการเกษตรวาฬน้ำเงินสูงมาก ทำให้  การขยายเครือข่ายและเปิดศูนย์บริการ    เติบโตอย่างรวดเร็วในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา       “ผู้บริหาร” จึงตระหนักถึงความสำคัญต่อการสร้าง “สายใยผูกพัน” ที่ยั่งยืนนานกับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จึงได้จัดงานดังกล่าวขึ้นเป็นครั้งแรก 


“ผมถือเป็นการคืนกำไรสู่พี่น้องเกษตรกร และอีกประการหนึ่งเรามองเห็นความผูกพันรักใคร่อันดีระหว่างบริษัทกับเพื่อนนักธุรกิจอิสระซึ่งเป็นทั้งเกษตรกรผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และนักขายมีต่อกัน การจัดงานมหกรรมเกษตรที่ยิ่งใหญ่น้องๆ งานกาชาดหรือเกษตรแฟร์ในศรีสะเกษจึงเกิดขึ้นประเดิมนำร่องการเปิดตัววาฬน้ำเงินให้เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นในปีนี้เป็นต้นไป”  
“วุฒิพงศ์” กำชับต่อว่า ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าช่วงที่ผ่านมา “วาฬน้ำเงิน” จะไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการเกษตรแต่อย่างใด หากแต่พื้นฐานธุรกิจของวาฬน้ำเงินนั้นได้เป็นที่คุ้นเคยแพร่หลายในหมู่คนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว 


 อาณาจักร “เอกยงวงศ์”  ฐานมั่น “วาฬน้ำเงิน”


 ด้วยเหตุนี้ทำให้ “กรรมการ ผู้จัดการ TGI” ในฐานะผู้บริหารสูงสุด   ของวาฬน้ำเงินและทายาทผู้สืบทอดธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการประมง   มาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี  ซึ่งทำการค้า “วัสดุซ่อมเรือประมง” และ “กากเมล็ดชา”   รายสำคัญที่ดำเนินธุรกิจในนาม “กลุ่มเอกยงวงศ์”  ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทในเครือ รวม 7 ษริษัท ด้วยทรัพย์สินรวมกว่า 1,000 ล้านบาท โดยจัดตั้งบริษัท TGI เพื่อทำธุรกิจขายตรงเอ็มแอลเอ็มภายใต้แบรนด์ “วาฬน้ำเงิน” เป็นธุรกิจใหม่ล่าสุดเมื่อปี 2551 


“วุฒิพงศ์ วนากุล” ทายาทธุรกิจพันล้านได้เล่าย้อนพื้นฐานธุรกิจของกลุ่มเอกยงวงศ์ว่า เดิมทีสองผู้ก่อร่างสร้างอาณาจักรธุรกิจอย่าง “นิพนธ์ วนากุล” และ “รัมภา วนากุล” ซึ่งเป็นบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเขาได้เริ่มทำธุรกิจการค้าวัสดุซ่อมเรือประมงเมื่อปี 2527 ด้วยการจัดตั้ง  “ห.จ.ก.ย่งฮงจั่น” ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนเล็กๆ แต่ได้ขยายการจำหน่ายกากเมล็ดชาเพื่อกำจัดปลาในฟาร์มกุ้งเพิ่มและดำเนินด้วยดีตลอดมาจนถึงปัจจุบัน 


และต่อมาเมื่อการดำเนินธุรกิจเจริญเติบโตขึ้นก็มีการขยายกิจการจัดตั้ง “บริษัท เอกยงวงศ์ จำกัด” ดำเนินธุรกิจจำหน่ายกากเมล็ดชาสำหรับกำจัดหอยเชอรี่ในนาข้าว เพิ่ม ตามด้วยการจัดตั้ง “บริษัท วงศ์ชัยเกษตร จำกัด” เพื่อดำเนินธุรกิจอาหารเสริมสำหรับพืช 


หลังจากนั้นได้ขยายไปสู่ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีมาตรฐานระดับสากลด้วยปี พ.ศ.2551 กลุ่มเอกยงวงศ์ ได้ร่วมทุนกับ บริษัท Canadian Real Organic Products Inc (CROP) ประเทศแคนาดาในนาม “บริษัท ไทย-แคนาดา เรียล ออร์แกนิค โปรดักส์ จำกัด” ขึ้นเพื่อผลิต Can Grow สารปรับปรุงดินจากไคติน ซึ่งทำให้พืชแข็งแรงและสร้างภูมิคุ้มกัน     เชื้อรา จนได้รับการ certified จาก OMRI (Organic Material Review Institute) ประเทศอเมริกาเป็นผลสำเร็จ 


นอกจากนั้นในปีเดียวกันกลุ่มเอกยงวงศ์ยังร่วมมือกับนักวิชาการชาวเยอรมันจัดตั้ง “บริษัท ไทย-เยอรมัน อินเตอร์เทค โปรดักส์ จำกัด” (TGI) ขึ้นจัดตั้งโรงงานและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ไคโตซานวาฬน้ำเงินบนเนื้อที่ 43 ไร่ ด้วยอาคารโรงงานที่มีพื้นที่กว่า 13,000 ตารางเมตร ภายใต้การควบคุมการผลิตอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วัตถุดิบเริ่มต้น จนมาเป็นผลิตภัณฑ์วาฬน้ำเงิน (บลูเวล) ขึ้น 


เพิ่มเติมจากโรงงานที่ 1 บนที่ตั้งเลขที่ 44/3 หมู่ 7 ซอยสถานีรถไฟคอกควาย ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เนื้อที่ 13ไร่ อาคารโรงงานมีพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร เช่นเดียวกัน 


 “TGI-วาฬน้ำเงิน” ทางเลือกใหม่เกษตรกรไทย


“วุฒิพงศ์ วนากุล” ย้ำชัดถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของ “TGI” ว่าหลังจากก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 พร้อมโรงงาน     ของบริษัทฯ เอง ก็เพื่อให้มั่นใจใน “คุณภาพวาฬน้ำเงิน” ทุกขั้นตอน ซึ่งเขาได้รับเอาวิทยาการการผลิตไคโตซาน ข้อมูลวิชาการ วิธีการติดตั้งเครื่องจักร และการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการผลิตและนำส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรดังกล่าวให้เข้าถึง “เกษตรกรไทย” อย่างทรงประสิทธิภาพเช่นกัน 
 “เมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพดี ที่สามารถควบคุมการผลิตด้วยตนเอง และมีผลการทดสอบสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน บริษัทฯ จึงคิดหาวิธีที่จะสามารถกระจายสินค้า ไปสู่เกษตรกรได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบขายตรงเอ็มแอลเอ็มที่เหมาะกับการเข้าถึงผู้ใช้ชาวเกษตรกรไทยทั่วประเทศ ซึ่งพวกเขาได้ประโยชน์ทั้งได้ใช้สินค้าดีราคาถูกและร่วมเป็นนักธุรกิจได้อีกด้วย” 
ดังนั้น “TGI” ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาบนพื้นฐานที่ต้องการขายสินค้าทางการเกษตรที่ดี มีคุณภาพ ราคายุติธรรม มีแผนการตลาดที่สมาชิกสามารถทำธุรกิจที่มั่นคงให้ผล ตอบแทนอย่างยั่งยืนและดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประโยชน์เป็นที่ตั้งจึงได้รับความนิยมจากเหล่า “สมาชิกวาฬน้ำเงิน” อย่างกว้างขวางตามแบบฉบับของธุรกิจขายตรงที่ก่อเกิดด้วยยุทธศาสตร์บอกเล่าความสำเร็จ “ปากต่อปาก” ในเวลาอันรวดเร็ว 


ข้อสำคัญการดำเนินธุรกิจของ “วาฬน้ำเงิน” หรือ “TGI” กรรมการผู้จัดการคนสำคัญได้เน้นยึดวิสัยทัศน์ (Vision) เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งพัฒนาบริษัทสู่ความเป็นเลิศในธุรกิจ ขายตรง เสริมสร้างรายได้อย่างมั่นคงบนพื้นฐาน คุณธรรมนำธุรกิจ อย่างหนักแน่น ด้วยนโยบาย (Policy) บริหารใน 5 เสาหลัก คือ 


1.ผลิตสินค้าคุณภาพดี ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย 2.ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ด้วยสำนึกรับผิดชอบ  3.สร้างงานและสร้างโอกาสทางการเงินให้กับคนไทย  ทุกอาชีพ 4.สร้างความเชื่อมั่นบนพื้นฐานการประกอบธุรกิจ เครือข่ายด้วยคุณธรรม 5.ดูแลพนักงานและสมาชิกทุกคน ด้วยความเอาใจใส่เสมือนครอบครัวเดียวกัน 


ทั้งนี้ “วาฬน้ำเงิน” ได้กำหนด   “พันธกิจ” (Mission) ของตัวเองไว้ว่า ภายใน 5 ปีนี้ จะต้องก้าวขึ้นสู่ความเป็น      “ผู้นำ” ด้านธุรกิจเกษตรอินทรีย์ แบบ      ครบวงจร และพัฒนายกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนธุรกิจขายตรง     อย่างบรูณาการและยั่งยืน ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจนสามารถสร้างผลประกอบการได้อย่างต่ำ 500 ล้านบาทต่อปี ภายใต้การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และมีจริยธรรม บนพื้นฐานของ            “บรรษัทภิบาล” ที่ดีด้วยความรับผิดชอบ ต่อสังคมสูงสุด 


 ขายตรงเกษตรที่ลงตัวของนักธุรกิจอิสระไทย


ถึงตรงนี้คงต้องกล่าวว่า “บริษัท ไทย-เยอรมัน อินเตอร์เทค โปรดักส์ จำกัด” หรือ “TGI” หรือ “วาฬน้ำเงิน” นั้นเป็นบริษัทขายตรงที่มีฐานความรู้บวกกับประสบการณ์อันยาวนานในตลาดสินค้าเกษตรมาเกือบ 30 ปี ที่เริ่มจากธุรกิจเล็กๆ ในครอบครัวและค่อยๆ พัฒนาเข้าสู่ความร่วมมือกับสถาบันและองค์กรวิจัยต่างๆ   เพื่อค้นคว้าให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เห็นผล มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง มีความปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จนได้รับการตอบรับจากสมาชิก และผู้บริโภคอย่างล้นหลามในเวลาแค่ 2 ปี หลังทำการตลาดแบบเครือข่ายขายตรง 


ทั้งนี้ “วุฒิพงศ์” ให้เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ “วาฬน้ำเงิน” เลือกช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายขายตรง      เอ็มแอลเอ็ม ก็เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของ บริษัทฯ สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน บริษัทฯ จดทะเบียนเพื่อประกอบธุรกิจขายตรงกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยมีแผนการตลาดที่มีความโดดเด่นเป็นธรรมแก่สมาชิก สอดคล้องกับพฤติกรรมการตลาด และการพัฒนาศักยภาพการทำธุรกิจของสมาชิก โดยส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 


“การที่กลุ่มบริษัทฯ เราได้ประกอบธุรกิจมานานกว่า 27 ปี ยึดมั่นในเรื่องของคุณธรรมมาโดยตลอด ซึ่งคุณพ่อนิพนธ์ และคุณแม่รัมภา วนากุลของผมได้ทำมาเป็นแบบอย่างนั้น ผมจะยึดถือเป็นหลักปฏิบัติตลอดไปทุกฝ่ายต้องได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสม มีความมั่นคงยั่งยืน มีสินค้าที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ บนหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ เรายึดมั่นในกฎระเบียบจรรยาบรรณของธุรกิจเครือข่ายเป็นสำคัญ” 


มากกว่านั้นวันนี้อาจกล่าวได้อีกว่า “TGI” หรือ “วาฬน้ำเงิน” เป็นบริษัท ขายตรงเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีสื่อสารทุก    รูปแบบในการ “ส่งเสริม” และ “สนับสนุน” การทำธุรกิจของนักธุรกิจอิสระในสังกัด   เริ่มจากการจัดทำประชาสัมพันธ์แบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และสื่อทีวีดาวเทียมที่บริษัทฯ    ได้ลงทุนผลิตรายการ “เกษตรเกรด A” แพร่ภาพผ่าน KM-Channel ช่วง 22.00 น.ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และช่วง     17.30 น. ในเย็นวันเสาร์และอาทิตย์ สถานีลายไทย วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ ช่วง 5.30 น. 


และในปี พ.ศ. 2554 นี้บริษัทฯ ได้ขยายการประชาสัมพันธ์เพื่อการรับรู้  แบรนด์และเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้นโดยการลงทุนเพิ่มในรายการ “เกษตรวาไรตี้” ที่จะเริ่มแพร่ภาพผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT ช่วงเวลา 05.25 ของทุกวันจันทร์ และรายการ “สุขภาพดี” ซี่งจะแพร่ภาพผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ช่วง 02.30 น. ในทุกวันอังคาร (คืนวันจันทร์ล่วงเข้าเช้าวันอังคาร) อีกด้วย 
ไม่เพียงแค่นั้นปัจจุบัน “TGI” ยังมีผลิตภัณท์กลุ่มอื่นที่นอกเหนือไปจากผลิตภัณฑ์กลุ่มเกษตร อย่างเช่นกลุ่มเสริมอาหาร กลุ่มเสริมความงามและครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ “วาฬน้ำเงิน” สมุนไพรจีน และกาแฟกระชายดำเพื่อสุขภาพไว้รองรับการขยายเครือข่ายผู้บริโภคให้นักธุรกิจอิสระทุกคนได้อย่างครบครัน โดยภายในสิ้นปีนี้ “วุฒิพงศ์” เตรียมนำผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริม “เอนไซม์” และอาหารเสริมประสิทธิภาพสูงอื่นๆ มาเสริมทัพ เพิ่ม ซึ่งจะยิ่งทำให้ “ขายตรงวาฬน้ำเงิน” เป็นธุรกิจที่ทรงประสิทธิภาพทางการตลาดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว 


สุดท้ายด้วยเป้าหมายผลการดำเนินงานในสิ้นปี พ.ศ.2554 นี้ “วาฬ   น้ำเงิน” จะไต่ระดับเข้าสู่ยอดขาย 200 ล้านบาทให้สำเร็จ “วุฒิพงศ์ วนากุล” กรรมการผู้จัดการจึงกดปุ่มโปรโมชั่นส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ เพื่อให้ “นักธุรกิจอิสระ” ที่เป็นทั้งเกษตรกรและนักขายตรงเต็มตัวได้ทำคุณสมบัติท่องเที่ยวต่อเนื่องมากมาย ประเดิมงานแรกทัวร์สิงคโปร์ 3 วัน 2 คืนปลายเดือนมีนาคม 


นาทีนี้!!...จึงต้องจับตาแทบไม่ให้กระพริบทีเดียวกับอนาคต “วาฬน้ำเงิน” ที่กำลังไต่ระดับเข้าสู่ความยิ่งใหญ่ตามพันธกิจใน 5 ปีข้างหน้าเพื่อก้าวสู่การ   เป็น  “ผู้นำ” ทางธุรกิจขายตรงเกษตรแบบครบวงจรด้วยสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพจนตอบทุกโจทย์ความต้องการ คนไทยทั่วประเทศได้อย่างลงตัวนั่นเอง!! 


อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 199 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 1- 15 มีนาคม 2554 

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

‘สปอร์ตทรอน’ แตกแผนไบนารี่ ผุด ‘อารากอนเวิลด์54’ เอาใจสมาชิก



สปอร์ตทรอน สร้างปรากฎการณ์ใหม่เอาใจสมาชิกล่าสุดแตกแผนไบนารี่ ภายใต้ชื่อ อารากอนเวิลด์54 ประกาศเตรียมเปิดตัวพร้อมกัน 5 ประเทศ ย้ำ! จุดเด่น 4 ข้อ หวังดันยอดธุรกิจโตสิ้นปี 800 ล้าน...แย้มเพียงแค่เปิดคู่สายวันเดียว 1 มี.ค. ยอดสมาชิกทะลุถึง 3,000 รหัส แจงสินค้าชูธงรบยังคงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวีว่า พลัสเช่นเดิม เผยเตรียมสัมผัสสินค้าใหม่ช่วงกลางปีด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เชื่อ อารากอนเวิลด์54 คืออีกหนึ่งทางเลือกใหม่คนเครือข่าย

…บริษัท อารากอนเวิลด์ 54 จำกัด ชื่อนี่สำคัญไฉนแล้วใครคือแม่ทัพหน้าของค่ายนี้ ซึ่งหากจะให้เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามของแม่ทัพท่านนี้ เชื่อว่าหลายท่านในธุรกิจเครือข่ายคงรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน ซึ่งเขาผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนั่นก็คือ นพดล กลิ่นบำรุง ประธานกรรมการสปอร์ตทรอนนั่นเอง หลายท่านคงสงสัยว่าแล้ว นภดล มีส่วนเกี่ยวกับกับบริษัทเครือข่ายที่ชื่อว่า อารากอนเวิลด์54 ได้อย่างไร?...ทำไมถึงขึ้นแท่นนั่งบริหารบริษัทแห่งนี้แล้ว และทำไมต้องเป็น อารากอนเวิลด์54 โดยทีมข่าว ตลาดวิเคราะห์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นภดล กลิ่นบำรุง ประธานกรรมการบริษัท อารากอนเวิลด์54 จำกัด ถึงเบื้องลึกของค่ายนี้ และที่มาที่ไปว่าเหตุไฉนถึงต้อง อารากอนเวิลด์54 พร้อมกับประเด็นสำคัญอีกหลากหลาย มาให้ทุกท่านได้ติดตามดังนี้

จุดกำเนิด“อารากอนเวิลด์54”
มิติใหม่ที่โดนใจคนเครือข่าย
…นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวที่หลายคนจับตามองกันอย่างไม่คาดสายตาอย่างแน่นอน สำหรับเครือข่ายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อ อารากอนเวิลด์54 ที่มีผู้นั่งกุมบังเหียนทัพหน้าอย่าง นภดล กลิ่นบำรุง คอยบัญชาเกมรบ... ซึ่งทางด้านบอสใหญ่ของค่ายนี้ก็ได้เปิดใจถึงรายละเอียดของอารากอนเวิลด์54 ผ่าน ตลาดวิเคราะห์ ว่าการถือกำเนิดเกิดขึ้นของบริษัท อารากอนเวิลด์ 54  จำกัดนั้น เกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ที่ว่า ต้องการที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของคนเครือข่าย ด้วยแผนการตลาดที่ทำง่ายจ่ายได้จริงด้วยแผนไบนารี่
วันนี้บริษัทขายตรงหลายๆ ค่ายที่เปิดใหม่โดยใช้แผนไบนารี่ ต้องยอมรับว่ามีบางค่ายที่เปิดมาแล้วไม่เข้าใจ ระบบการจัดการก็ล้าสมัยที่สำคัญระบบเทรนนิ่งที่ดีก็ยังไม่มีสินค้าก็ง่ายๆ เปิดไปเพียงชั่วครั้งชั่วคราวก็เลิก โดยมองว่าการที่จะทำธุรกิจให้สำเร็จได้นั้น ต้องมีหลายองค์ประกอบด้วยกัน ซึ่งหากมีความเข้าใจในธุรกิจทั้งหมดก็สามารถที่จะเติบโตได้ แต่หากเข้าใจในบางส่วนการเติบโตก็เป็นไปไม่ได้ ซึ่งที่อารากอนเวิลด์54 มีความพร้อมทุกอย่างที่ทุกท่านต้องการอย่างแท้จริง นายนพดล กล่าวและว่า
นภดล เผยต่ออีกว่าการทำตลาดของสปอร์ตทรอนนับจากนี้ จะเป็นเพียงแค่บริษัทที่ซัพพอร์ตในส่วนของสินค้าให้กับอารากอนเวิลด์54 เท่านั้น โดยต่อจากนี้ไปสมาชิกที่จะเข้ามาทำธุรกิจจะต้องอยู่ภายใต้ชื่อของอารากอนเวิลด์54 ซึ่งปัจจุบันนี้สมาชิกทุกคนที่เคยทำอยู่ในชื่อของสปอร์ตทรอน ทางบริษัทฯ ก็ได้มีการโยกรหัสมาอยู่ในนามของอารากอนเวิลด์54 ทั้งหมดแล้ว
…ที่ผ่านมาบริษัทฯ เคยคิดที่จะเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่มาแล้วหลายครั้ง แต่เสียงผู้นำส่วนใหญ่ในช่วงนั้นยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับแผนการตลาดใหม่เท่าทีควร ทำให้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ จึงยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดแต่อย่างใดจนกระทั่งในช่วงหลังมีผู้นำหลายท่านเริ่มเห็นว่าน่าที่จะเปลี่ยน เพราะต่างมองว่าการทำงานในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างที่จะลำบาก ซึ่งสาเหตุที่บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแผนการตลาดใหม่ในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจุบันผู้นำของบริษัทฯ มีความพร้อมมากขึ้น และเริ่มที่จะเห็นด้วยกับแผนการตลาดดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่พบว่าเริ่มมีผู้นำหน้าใหม่ๆ เข้ามาสู่ธุรกิจอารากอนเวิลด์54 มากขึ้นอย่างน่าพอใจทีเดียว เพราะเห็นได้จากเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมาที่ทางบริษัทฯ ยังไม่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มียอดสมาชิกเข้ามาในระบบสูงถึง 3,000 รหัสเพียงแค่วันเดียวเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจอย่างมาก…
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันนี้ในเรื่องของแผนการตลาดเพื่อชูความโดดเด่นของธุรกิจในการที่จะสร้างแรงเหวี่ยงของธุรกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปข้างนั้น ถือว่าค่อนข้างที่จะสำคัญอย่างมากเห็นได้จากค่าย สปอร์ตทรอน ที่หลังจากได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่จากยูนิเลเวลมาเป็นแผนไบนารี่ พร้อมกับใช้ชื่อบริษัทเครือข่ายพันธุ์ใหม่ว่า อารากอนเวิลด์54 สามารถสร้างแรงเหวี่ยงจนเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตามองของคนเครือข่ายอย่างมากทีเดียว…

ซูมยุทธศาสตร์ดันธุรกิจ
ชู4จุดเด่นสร้างความแกร่ง
…นายนภดล กลิ่นบำรุง ประธานกรรมการบริษัท อารากอนเวิลด์54 จำกัด เผยถึงแผนการบุกตลาดเครือข่ายในช่วงแรกภายใต้ชื่อ อารากอนเวิลด์54 ว่าการรุกตลาดของอารากอนเวิลด์54 นับจากนี้จะเน้นเจาะตลาดกลุ่มรากหญ้ามากขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาขายตรงในนามชื่อ สปอร์ตทรอน ค่อนข้างที่จะเน้นเจาะกลุ่มตลาดระดับกลางถึงบนเป็นหลัก ซึ่งสาเหตุที่บริษัทฯ หันมาเจาะกลุ่มรากหญ้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปรับแผนการตลาดใหม่ด้วยนั่นเอง
ในขณะเดียวกัน แผนการดำเนินธุรกิจของ อารากอนเวิลด์54 ยังจะเน้นชูจุดเด่นของบริษัท 4 ข้อด้วยกัน นั่นก็คือ 1.ระบบการฝึกอบรมที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศ “Aragon Business” 2. ระบบ E-Wallet :  ทำธุรกิจกรรมทางการเงิน ซื้อ-ขายผ่านระบบ E-Wallet 24 ชั่วโมง ทั่วโลกโดยไม่ต้องจับเงิน 3. VIP-CODE : สำหรับผู้นำที่ประสบความสำเร็จใน Code แรกแล้ว พร้อมสร้าง Code ที่ 2 บริษัทมอบเอกสิทธิ์ VIP-CODE ให้อยู่บนสุดเหนือองค์กรทั้งหมดของบริษัท และ4.เปิดตัว 16 สาขาทั่วประเทศ และอีก 5 ประเทศพร้อมกับรองรับการเติบโตอย่างยิ่งใหญ่อาทิ กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย ลาว และเวียดนาม... ซึ่งจากจุดเด่นที่มีอยู่นี้ ทำให้ทางด้าน นภดล เชื่อว่ายอดขายภายในสินปีนี้น่าที่จะแตะอยู่ที่ 800 ล้านบาทได้อย่างสบายเช่นกัน
ปัจจุบัน อารากอนเวิลด์54 มีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 16 สาขา ประกอบด้วย 1.สาขาไซเบอร์เวิลด์ 2.สาขาเมืองไทยภัทรฯ 3.สาขาธัญธานี 4.สาขาสระแก้ว 5.สาขาขอนแก่น 6.สาขาอุบลราชธานี 7.สาขาอุดรธานี 8.สาขาเชียงใหม่ 9.สาขาพัทยา 10.สาขาหาดใหญ่ 11.สาขาเพชรบุรี 12.สาขาพิษณุโลก 13.สาขาสตูล 14.สาขาภูเก็ต 15.สาขาสุรินทร์ และ 16.สาขาสกลนคร ซึ่งภาคที่ได้รับการตอบรับมากที่สุดอยู่ที่ภาคอีสานรองลงมาเป็นภาคใต้
สำหรับสินค้าที่จะใช้ชูธงรบของ อารากอนเวิลด์54 นั้น ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวีว่า พลัสเช่นเดิม... โดยทางด้าน กุลจิรา กลิ่นบำรุง รองประธานกรรมการบริษัท อารากอนเวิลด์54 จำกัด ได้กล่าวเสริมว่า วันนี้สินค้าของบริษัทฯ ค่อนข้างที่จะมีความโดดเด่นอย่างมากด้วยนวัตกรรม FoodMatrix  ที่เหนือกว่าสารอาหารทั่วไปในท้องตลาดในเรื่องของการดูดซึมได้ดีกว่าที่ผสมผสานกับทางด้านเทคโนโลยี ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็จะมีสินค้าใหม่เข้ามาในระบบอีกประมาณช่วงกลางปีนี้ โดยจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่นเคย พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้เตรียมนำสินค้าที่ดีที่สุดอีกมากมาย เข้ามาสู่ธุรกิจอารากอนเวิลด์54 อีกด้วย
นพดล เผยต่ออีกว่า ในช่วงเปิดตัว อารากอนเวิลด์54 นั้นทางบริษัทฯ ได้มีการวางงบประมาณการตลาดไว้บางส่วนในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ โดยช่วงแรกจะเน้นในสื่อขายตรงก่อน ต่อจากนั้นก็จะเป็นการออกสื่อที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมากขึ้น น่าที่จะสร้างการรับรู้ได้เป็นอย่างดีพร้อมกับมีคนหันมาสนใจธุรกิจของบริษัทฯ มากขึ้นด้วย
เราหวังว่าวันนี้อารากอนเวิลด์54 จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของธุรกิจขายตรงในแผนไบนารี่โดยเชื่อว่าเราเองน่าที่จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ดีที่สุดที่มีความพร้อมทุกองค์ประกอบตามความต้องการของทุกท่าน นอกจากนี้ตนเองยังอยากที่จะพัฒนาธุรกิจขายตรงให้เป็นอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ด้วย รวมถึงต้องการเห็นทุกบริษัทมีกฎระเบียบและจรรณยาบรรณในการทำธุรกิจด้วย

“อารากอนเวิลด์54”กระทุ้งตลาด
ประกาศหาคนร่วมธุรกิจผ่านเว็บ
…เชื่อว่าหลายท่านที่เป็นอีกหนึ่งนักท่องเว็บไซต์ คงจะเคยได้เห็นข้อความบางท่อนบางตอนของการเชื้อเชิญคนเข้ามาร่วมธุรกิจของ อารากอนเวิล์ด54 อย่างแน่นอน…ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่ว่า… บริษัท อารากอนเวิลด์54 จำกัด  Aragonworld54 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกัน 5 ประเทศ AragonLive ทีมงานคุณภาพระดับมืออาชีพทั้งด้านออฟไลน์และออนไลน์ ด้วยแนวคิดและวิธีการทำการตลาดสมัยใหม่กับระบบออนไลน์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สมาชิกครอบครัว AragonLive ก้าวสู่อิสรภาพทางการเงินและเวลาได้อย่างแท้จริงในเวลาอันรวดเร็ว
…เรามีเป้าหมายร่วมกันที่จะสร้างสมาชิกนักธุรกิจอารากอนในครอบครัวของเราให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง Director ในเวลา 6 เดือน และมีเป้าหมายที่จะให้ทีมของเรา ก้าวขึ้นสู่ทีมงานอันดับต้นๆ ของอารากอน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า ท่านจะไม่ถูกทิ้ง เพราะว่าท่าน คือ ครอบครัวของเรา และเราจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเรามีความสามัคคี และช่วยเหลือกันและกัน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนที่จะมีในอนาคต…
ส่วนอีกหนึ่งข้อความทางเว็บไซต์ที่มีใจความว่า…บริษัท อารากอนเวิลด์54 จำกัดเตรียมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกัน 5 ประเทศ โดยมีคนไทยและประเทศไทยเป็นต้นสาย พร้อมขยายเครือข่ายไปทั่วเอเชียและทั่วโลก โดยเป้าหมายเพื่อให้นักธุรกิจเครือข่ายของอารากอนประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริงและยั่งยืนบนพื้นฐานระบบการอบรมที่ทางบริษัทเตรียมไว้ พร้อมด้วยวิทยากรที่มากความรู้และประสบการณ์ในแวดวงเครือข่ายกว่า 100 ท่าน และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เรืองชื่อของบริษัทสมัยยังเป็นสปอร์ตตรอน ประกาศความยิ่งใหญ่พร้อมกัน 1 มีนาคม 2554 นี้
…จะเห็นได้ว่า อีกหนึ่งการสร้างการรับรู้ของธุรกิจ อารากอนเวิลด์54 ช่องทางผ่านเว็บไซต์ถือเป็นช่องทางที่สำคัญ ในการประกาศตัวเองสู่สายตาคนเครือข่ายได้รับทราบได้เป็นอย่างดีทีเดียว และยิ่ง อารากอนเวิลด์54 มีขุนพลแถวหน้าค่ายสปอร์ตทรอนในการนำเสนอธุรกิจด้วยแล้วเชื่อว่าแรงเหวี่ยงทางธุรกิจให้คนหันมาสนใจธุรกิจพร้อมด้วยนโยบายใหม่ที่ทันยุคทันสมัยพร้อมเสริฟอย่างน่ารับประทานน่าที่จะเป็นที่โดนใจของใครเลยคนด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้การที่จะบ่มเพาะเม็ดกล้าขึ้นมาใหม่สักต้นก็ต้องอาศัยกึ๋นทางธุรกิจที่เฉียบคมของนักบริหารมืออาชีพด้วยเช่นกัน…แล้วมาจับตาดูกันว่า อารากอนเวิลด์54 จะสามารถสร้างความเกรียงไกรของธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหนอีกไม่นานคงรู้แน่!...

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ ตลาดวิเคราะห์

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ มอบรางวัลรถ นิสสัน มาร์ช แก่ผู้ร่วมธุรกิจอย่างยิ่งใหญ่ ในงาน U-Success Day ฉลองความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ อาวียองซ์ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด มอบรางวัลรถยนต์นิสสัน มาร์ช จำนวน 3 คัน แก่ผู้ร่วมธุรกิจอาวียองซ์ 3 รหัส ที่พิชิตรางวัลจากโปรแกรม ดับเบิ้ล คาเวียร์ แกรนด์ รีวอร์ดส์ (Double Caviar Grand Rewards) ได้แก่ สมพิศ-สมเกียรติ ดึงขุนทด, ธิรดา สาระบัว และกนกวรรณ-ประชา สุจินดาวัฒน์ ในงาน “ยู-ซัคเซส เดย์” (U-Success Day) ณ หอประชุมมหิศร ธนาคาร ไทยพาณิชย์ ปาร์ค
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300 / 0-2434-8547

คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณนพมาศ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com

 

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

อาวียองซ์ ประกาศ เข็มทิศธุรกิจ ขับเคลื่อนด้วย GREAT คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ 5 ประการ



สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ อาวียองซ์ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ประกาศเข็มทิศธุรกิจ มอบโอกาสเจียระไนชีวิตเพื่อเติมเต็มฝัน ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย GREAT คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ 5 ประการ คือ เติบโตด้วยการให้, นับถือ ไว้วางใจกัน ยึดมั่นคุณธรรม, มอบโอกาสด้วยความรักและความสุข, ชื่นชมในความต่าง และเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยมี โอม-ชาตรี คงสุวรรณ นักแต่งเพลงชั้นแนวหน้าของไทย เป็นผู้เรียบเรียงเนื้อเพลงและทำนองเพลง GREAT เพื่อเป็นสื่อแทนความหมายของวิสัยทัศน์และคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของอาวียองซ์ ในงาน ยู-ซัคเซส เดย์ ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ ปาร์ค
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300 / 0-2434-8547

คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณนพมาศ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: http://www.newswit.com