ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวนิวไลฟ์ (New Life Worldwide) : NEW LIFE Happy 1st Anniversary









นิว ไลฟ์ ขายตรงสัญชาติไทยน้องใหม่ออกตัวแรง ปีแรกสร้างปรากฏการณ์ตื่นเต้นปั้นสมาชิกผู้ประสบความสำเร็จตำแหน่งสูงสุดระดับ Double Super Rainbow Director และ Rainbow Director รวม 4 รหัส และสมาชิกผู้มีรายได้ 1 ล้านบาทขึ้นไปมากกว่า 10 รหัส


คุณสุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล ประธานการกรรมการบริหาร บริษัท นิว ไลฟ์ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัดแถลงนโยบายก้าวสู่ปีที่ 2 นำ NIA ระบบฝึกอบรมหลักสูตรเร่งรัด 1 วัน รุกตลาดสร้างผู้นำใหม่ ขยายเครือข่ายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยแบบเครือข่ายใยแมงมุม พร้อมโปรแกรมฝึกอบรมต่อเนื่อง 1 ปีเต็ม คาดทุกปีเพิ่มเครือข่ายผู้บริโภคและผู้นำ 30% พร้อมตั้งเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า สร้างบ้านใหม่เป็นทรัพย์สินของตนเองภายใต้ชื่อ นิว ไลฟ์ เวิลด์ไวด์


คุณสุเทพแถลงต่อไปว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นเปิดตัว นิว ไลฟ์ เวิลด์ไวด์ จนถึงปัจจุบันครบ 1 ปี เต็ม นิว ไลฟ์ ได้มุ่งมั่นทำงานหนักและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเลือกสรรและมอบสิ่งที่ดีสมบูรณ์แบบที่สุดให้กับสมาชิกและผู้บริโภค โดยการเจาะเป้าหมายทุกกลุ่มคน ทั้งแม่บ้าน นักศึกษา นักธุรกิจ และกลุ่มผู้ที่ต้องการแสวงหารายได้เพิ่ม เพื่อการมีชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าผลประกอบการปีที่ผ่านมาได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมั่นคง โดยขยับฐานตัวเลขพุ่งสูงมากกว่าเดิมถึง 10 เท่าตัว อีกทั้งผู้นำที่เกิดขึ้นใหม่ล้วนเป็นบุคคลคุณภาพและมีจรรยาบรรณที่ดี นับเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามและน่าพอใจอย่างยิ่ง โดยในปี 2013 นี้ นิว ไลฟ์ ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นเช่นเดิม คือในทุกๆ 1 ปี จะมียอดธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอีก 30% และพร้อมเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ในอนาคต นิว ไลฟ์ มีแผนงานจะขยายศูนย์บริการลูกค้าที่เรียกว่า 'NEW LIFE MIDC' ในทุกจังหวัด และขยายสาขาไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ตอบรับการเปิดตลาด AEC เพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุดให้กับสมาชิกและลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในขณะนี้สมาชิกระดับผู้นำแต่ละภาคก็เริ่มตื่นตัวและนำร่องเปิดตลาดใหม่ในจังหวัดใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน นิว ไลฟ์ ได้ขยายสาขาไปที่ประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ ลาว และพม่า นอกจากนี้ นิว ไลฟ์ ยังอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจเพียงคลิกปลายนิ้วสัมผัสด้วย One App One World Application อัจฉริยะที่สมบูรณ์ที่สุดในเครือข่ายขายตรงไทย สมาชิกสามารถสปอนเซอร์ เช็คยอด และสั่งซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ และ Tablet ด้วย Application ของ นิว ไลฟ์ ที่รองรับการใช้งานทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android ได้ทั่วทุกมุมโลก สอดรับกับกระแสยุค AEC ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดคนรุ่นใหม่กลุ่ม Gen X, Y และ Z เข้ามาทำธุรกิจกับ นิว ไลฟ์ ได้มากยิ่งขึ้น นิว ไลฟ์ มุ่งมั่นหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับผู้แสวงหาความสำเร็จในชีวิต และเชื่อมั่นว่าในเร็วๆ นี้ นิว ไลฟ์ จะเป็นที่รู้จักและเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับนักธุรกิจทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก


[gallery columns="2" orderby="title"]

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รมต.วราเทพ เครื่องร้อน! จี้ สคบ. เปิดช่องทางเพิ่มรับเรื่องร้องเรียน









หลังขึ้นคุมสำนักนายกรัฐมนตรีแทน วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีสายล่อฟ้า วราเทพ รัตนากร ก็โชว์พลังเครื่องร้อนฉ่า ล่าสุดเร่งระดมสมอง สคบ. นำทีมรับลูกโดย เลขาธิการฯ จิรชัย ปรับใหม่กลยุทธ์ รุก รับ ชูประเด็น สั่งเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค ขณะที่ความคืบหน้าของ พ.ร.บ. ขายตรงฯ ฉบับใหม่ยังคงไม่ชัดเจนต่อไป


รมต.วราเทพ เครื่องฟิตจัดแผนรุก-รับ


ต่อประเด็นดังกล่าว หลังจากที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกคนใหม่ ได้เปิดตัวขึ้นรับตำแหน่งไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา วราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะของประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปยังที่ทำการ สคบ. ณ อาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยมี จิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วย นพปฎล เมฆเมฆา รองเลขาธิการ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฝ่ายบริหาร สุทธิศักดิ์ ภัทระมานะวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ คุ้มคองผู้บริโภคฝ่ายวิชาการ และคณะผู้บริหารของ สคบ. ให้การต้อนรับ


โดยในโอกาสนี้เอง รมต. วราเทพ ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้กล่าวในที่ประชุมมอบ แนวทางการปฏิบัติงาน ให้กับ สคบ. ใดยดให้มีการทำงานใน หลากหลายมิติ ทั้งใน เชิงรุกและเชิงรับ ให้มากยิ่งขึ้น โดยประเด็นสำคัญหลักที่ รมต. วราเทพ ตอกย้ำคือประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ ที่อยากให้ตระหนักรู้ว่า สิทธิผู้บริโภค นั้นเป็นเรื่องสำคัญทั้งกฎหมายยังบัญญัติบทลงโทษเอาไว้ชัดเจน อีกทั้งยังได้กล่าวถึง ผู้ประกอบการ ว่าต้องระมัดระวัง ไม่ให้ละเมิดสิทธิผู้บริโภคไม่ว่าจะโดยจงใจหรืออาศัยความได้เปรียบทางการค้าก็ตาม


สำหรับในส่วนของนโยบาย เชิงรุก คือการออกตรวจสินค้าและบริการ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ กฏหมายคุ้มครองผู้บริโภค รวมไปถึงการปฎิบัติงาน ตามแนวทางการป้องปรามต่างๆทั้งโดยบุคลากรของ สคบ. เอง และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นส่วนกลางหรือภูมิภาคตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือไปยังมูลนิธิ สมาคมต่างๆ และที่เน้นย้ำก็คือ ภาคประชาสังคม ในฐานะที่ต้นก็เป็นผู้บริโภคเอง ซึ่งทั้งหมดจะต้องผนึกกำลังกันให้เป็นเครือข่ายองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ที่พร้อมในการเฝ้าระวัง และคอยตรวจสอบ ในขั้นตอนก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคและกระจายไปยังวงกว้าง


ส่วนการทำงานใน เชิงรับ นั้น ให้พิจารณา เพิ่มช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน จากผู้บริโภคให้มีการตอบสนองและจัดการอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และให้เสร็จสิ้นด้วยความพึงพอใจ โดยในการนี้ เลขาธิการ สคบ. ได้รับทราบนโยบายพร้อมเตรียมนำไปปฎิบัติตามแผนงานต่อไป


เลขาฯ สคบ. ผุดไอเดียอีก ชูกองทุนเยียวยา


อย่างไรก็ดี ทางดด้านของ จิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการ สคบ. ได้ออกมาเปิดเผยคตวามคืบหน้าประเด็นสำคัญ ในส่วนของ นโยบายตราสัญลักษณ์ สคบ. ที่ถูกกระแสออกมาต่อต้านอย่างหนักในขณะนี้ ล่าสุดเจ้าตัวยอมรับว่า ยังมีปัญหาในเรื่องของการที่จะใช้ เครื่องชี้วัดแบบไหน เป็นตัวกำหนดว่า บริษัทใดควรจะจ่ายเบี้ยประกันเท่าไหร่ เนื่องท่องจากที่ผ่านมา เริ่มต้นคาดว่าจะใช้การกำหนดเบี้ยจากยอดขายรายปี แต่พบว่าการตอบรับไม่เห็นด้วยรุนแรงมาก เนื่องจากไม่เป็นที่ยอมรับจากผู้ประกอบการ แต่โดยส่วนตัวแล้วมั่นใจว่าทุกอย่าง ก็เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลักอย่างแท้จริง


ดังนั้น ขณะนี้จึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่า อาจมีการนำ ความเสี่ยง ขึ้นมาเป็นตัวกำหนด อาทิเช่น ประวัติการดำเนินธุรกิจว่าบริษัทนั้นๆ เคยถูกฟ้องหรือถูกร้องเรียนมากน้อยแค่ไหน หากประวัติไม่ดี ก็ถือว่าบริษัทนั้นมีความเสี่ยงสูง เบี้ยก็อาจต้องสูงตาม เรียกได้ว่า เป็นการประกันตามความเสี่ยงสูง เบี้ยก็อาจต้องสูงตามเรียกได้ว่าเป็นการประกันตามความเสี่ยง หรืออีกตัวเลือกหนึ่ง ก็อาจให้กลุ่มบริษัทต่างๆ ตั้งกองทุนเยียวยา ขึ้นมาเอง เมื่อมีความเสียหาย ก็เอาเงินจากกองทุนดังกล่าวมาชดใช้และเยียวยา ซึ่งคงต้องหาบทสรุปให้ได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง


มั่นใจโครงสร้างใหม่ ดูแลขายตรงปึ้กขึ้น


นอกจากนี้ในส่วนของการปฎิบัติงาน ควบคุมดูแลธุรกิจขายตรงโดยเฉพาะนั้น เลขาฯ สคบ. เปิดเผยว่านับตั้งแต่ตนได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ ก็ได้ทำการปรับปรุงเรื่องของกระบวนการทำงานไปหลายจุดแล้ว หลักๆ คงเป็นการตั้งกองทำงานให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยแบ่งออกแป็น 3 ส่วนคือ 1.ทีมการจดทะเบียนบริษัท 2.กองติดตามประเมินผลการทำงาน และ 3. ฝ่ายตรวจสอบและดำเนินการจัมกุม นั่นเพราะ สคบ. พยายามจะสร้างการทำงานให้มีสัดส่วน ลดปัญหาและความยุ่งยากที่เกิดจากจำนวนคนที่น้อย ทำให้ต้องแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจนมากขึ้น


ปัจจุบันมีบริษัทที่จดทะเบียนขายตรงถึง 852 บริษัท แต่พบว่ามีเพียง 100 บริษัทเท่านั้น ที่ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ ดังนั้นการทำงานขั้นต่อไปคือ การจัดทำฐานข้อมูลของธุรกิจขายตรงใหม่ โดยต้องแยกว่าบริษัทใดยังอยู่และบริษัทใดเลิกกิจการไปแล้ว ไปจนถึงการทำข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า การจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแผนการจ่ายของแต่ละบริษัท ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีการเปลี่ยนแผนจากที่ได้จดยื่นขออนุญาตกับสคบ.ไว้หรือไม่


ส่วนเรื่องสำคัญสุดท้าย ที่ยังคงเป็นที่รอคอยของชาวขายตรงคือ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ฉบับใหม่ นั้น เลขา สคบ. กล่าวว่า สคบ. เองก็พยายามเร่งทำให้เกิดขึ้นอยู่ตลอด แต่ยังติดปัญหาในบางส่วน ทำให้ต้องรื้อทุกอย่างใหม่หมด เพราะต้องการที่จะให้ พ.ร.บ.ขายตรงฯ ฉบับใหม่นี้ออกมาสมบูรณ์แบบและครอบคลุมที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแก้ไขอีก ซึ่งหากมีความคืบหน้าเมื่อไหร่ จะรีบแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบต่อไปแน่นอน




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155


ขายตรงเสริมอาหาร สะดุ้งเฮือก ! อย. ฮึ่ม! เพ่งเล็งขายของผ่านเฟซฯ








 


อย. ออกโรงเตือนผู้บริโภค ระวังซื้อ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ค เสี่ยงอันตราย ชี้ควรพิจารณาฉลากให้ดี อย่าได้หลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริง ซัดโดยเฉพาะพวกโอ้อวดเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ผิวขาว ลดความอ้วน ย้ำ! ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิด ไม่สามารถกล่าวอ้างรักษาโลกหรืออ้างสรรพคุณทางยาได้ วอนหากใครพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย หรือมีการแสดงสรรพคุณที่โอ้อวดเกินจริงแจ้งสายด่วนเข้าปราบ จัดหนักโทษทั้งจำทั้งปรับ !


นพ. บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคให้ตรวจสอบการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอ้างลดสัดส่วนทำให้ผิวขาว ผ่านทางเฟซบุ๊คอยู่เสมอ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์สุขภาพผ่านทางเฟซบุ๊คเป็นจำนวนมาก อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น วิตามินลดสัดส่วน วิตามินลดพุง หน้าท้อง วิตามินลดต้นแขน ปีกหลัง วิตามินเร่งผมยาว ผลิตภัณฑ์เร่งผมยาว ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่นครีมรักษาสิว ฝ้า ครีมทำให้ผิวขาวใส ครีมมาสก์หน้าขาวใส เป็นต้น


โดยจากการตรวจสอบ พบว่าส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. และบางรายมีการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงนอกจากนี้บางผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะเครื่องสำอาง เพียงจดแจ้งกับ อย. แต่นำไปโฆษณาว่าผ่าน อย. แล้ว ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่า อย. รับรองสรรพคุณผลิตภัณฑ์ที่โอ้อวดเกินจริงนั้น จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อคำโฆษณาและซื้อมาใช้โดยเด็ดขาด เพราะมักพบว่าผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาโอ้อวดเกินจริง มักใส่ยาหรือสารที่เป็นอันตรายลงไป และผลิตภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน อาจได้รับอันตรายจาการปนเปื้อน


นพ.บุญชัย กล่าวต่อว่า ก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพใดๆ ขอให้ผู้บริโภคพิจารณาและอ่านฉลากเสียก่อน อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหาร ต้องแสดงฉลากภาษาไทย ชื่อที่อยู่ผู้ผลิต นำเข้า เลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. แสดงวันเดือนปีที่ผลิต หรือวันเดือนปีที่หมดอายุของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ยา ฉลากระบุชื่อผลิตภัณฑ์ เลขทะเบียนตำรับยา เช่น ทะเบียนยาเลขที่1A 9999/46 ส่วนประกอบ สรรพคุณ วิธีใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ ข้อควรระวัง วันสิ้นอายุของยาเป็นต้น


ขณะที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ฉลากจะต้องแสดงชื่อการค้า ชื่อเครื่องสำอาง เลขที่ใบรับแจ้ง ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอางชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง วิธีใช้เครื่องสำอาง ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต เดือนปี ที่ผลิต และคำเตือน (ถ้ามี) เป็นต้น


โดยจากการดำเนิรงานตรวจสอบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ อย. ในช่วงที่ผ่านมา พบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอวดสรรพคุณรักษาสารพัดโรคจำนวนมาก เช่น การเสริมสมรรถภาพทางเพศ การลดน้ำหนัก อวดอ้างผิวขาวใส อวดอ้างสรรพคุณทางยาในการรักษาโรค บางผลิตภัณฑ์อ้างมีฤทธิ์ทำลายเชื้อจุลินทรีย์ ต้านการอักเสบในเรื่องนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพมิได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว ได้ออกตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จำหน่ายตามท้องตลาดอย่างเข้มงวด


และขอชี้แจงว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิด จะไม่สามารถกล่าวอ้างรักษาโลกหรืออ้างว่ามีสรรพคุณทางยาดังที่กล่าวมาได้ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจัดเป็นอาหารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใช้รับประทานนอกเหนือจากการรับประทานอาหารตามปกติ ซึ่งมีสารอื่นๆ เป็นส่วนประกอบโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์มักอยู่ในรูปของเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลว หรือลักษณะอื่นที่ไม่ใช่รูปแบบอาหารปกติ


อย. จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง อ้างรักษาได้สารพัดโรค เนื่องจากข้อความโฆษณาที่มีการอวดสรรพคุณในทางยาหรืออวดสรรพคุณรักษาโรค อย. จะไม่อนุญาตให้โฆษณาแต่อย่างใด และจะมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วยโดยผู้โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นการโฆษณาสรรพคุณอาหารโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง หรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


เลขาฯ อย.กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ขอให้ผู้บริโภคอ่านและศึกษารายละเอียดที่ปรากฏบนฉลาก ก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกครั้ง อีกทั้งหากพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายหรือมีการแสดงสรรพคุณที่โอ้อวดเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 อีเมล : 1556@fda.moph.go.th


หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

ข่าวไบโอฟาร์มฯ (ฺBIOPHARM) : ไบโอฟาร์มฯ ลุยสร้างแบรนด์โค้งสุดท้าย เตรียมรับมือตลาดยาแข่งเดือด ปี 2556









ไบโอฟาร์มฯ กระตุ้นตลาดเร่งสร้างแบรนด์ช่วงปลายปี ติดตั้งป้าย Banner ทั่วประเทศ รุกสื่อออนไลน์ หวังผู้บริโภคจดจำสินค้าที่ได้มาตรฐานระดับโลก เตรียมรับมือตลาดยาแข่งขันสูงในปี 2556 คุณวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัทไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด ผู้นำนวัตกรรมเวชภัณฑ์และฟาร์มาฟู้ด บริษัทเรกและบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตราฐาน EU GMP ( PIC/S ) (มาตรฐานการผลิตยาระดับโลก) เปิดเผยว่า ในช่วงสุดท้ายของปีนี้ ไบโอฟาร์มได้ทำตลาดอย่างหนักเพื่อกระตุ้นยอดขายและให้ผู้บริโภคจดจำในแบรนด์และตัวสินค้ามากยิ่งขึ้น


โดยได้จัดทำป้าย Banner ติดตั้งกระจายไปยังต่างจังหวัด หัวเมือง และแหล่งชุมชน เพื่อสื่อสารให้กลุ่มผู้บริโภคได้รับรู้ว่าไบโอฟาร์มฯเป็นองค์กรที่จำหน่ายยาคุณภาพที่ได้รับมาตราฐานPIC/S ขณะเดียวกันยังได้สร้างการรับรู้ผ่านช่องทาง youtube (Biopharm Chemicals) ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร สร้างการจดจำแบรนด์ และเพื่อให้กลุ่มผู้บริโภคได้ทราบถึงกิจกรรมต่างๆ ของทางไบโอฟาร์มฯ


ในปี 2556 ผมคาดว่าอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงเนื่องมาจากประชาชนหันมาให้ความสนใจและดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ดังนั้นช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้าเราจะเห็นหลายๆ บริษัทให้ความสำคัญและใช้งบประมาณในการสร้างแบรนด์มากยิ่งขึ้น


นปีนี้ไบโอฟาร์มฯจะเน้นกลยุทธ์การสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดด้วยนวัตกรรม เพื่อกระตุ้นยอดขายและขยายตลาดทั้งในส่วนของร้านขายยาและโรงพยาบาล ไปพร้อมกับการจัดกิจกรรมใหม่ๆในการส่งเสริมความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งจะมุ่งเน้นในเรื่องความแตกต่างในตัวของผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่าจากการรุกตลาดอย่างต่อเนื่องและการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะทำให้ปี 2555 มีรายได้ 1,255 ล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าไว้




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155


ข่าวประชาสัมพันธ์อาวียองซ์ (Aviance Thailand) : ชินวัตร กิจส่องแสง จันทรัตน์ ศรีกิจตยนนท์ พลิกชีวิต...ด้วยธุรกิจ อาวียองซ์









ชินวัตร กิจส่องแสง - จันทรัตน์ ศรีกิจตยนนท์ ถือเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จในการผลิกชีวิตด้วยธุรกิจ อาวียองซ์ แม้ทั้งสองเริ่มต้นทำธุรกิจนี้จากชีวิตที่ติดลบ แต่จากการทำงานอย่างมุ่งมั้นตั้งใจ กัดไม่ปล่อย และความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า อาวียองซ์ จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งสองได้ ผลักดันให้ทั้งสองประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในโลกของอาวียองซ์


ชินวัตร และ จันทรัตน์ เล่าว่า ก่อนที่ทั้งคู่จะรู้จักธุรกิจ อาวียองซ์ ช่วงนั้น ชินวัตร ช่วยธุรกิจครอบครัวอยู่ที่แม่กลอง แต่หลังจากที่แต่งงานแล้ว ชินวัตร อยากที่จะสร้างชีวิจครอบตรัวให้มั่นคงและมั่งคั่ง ชินวัตร และ จันทรัตน์ จึงมองหาธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์พวกเขา


ในที่สุด ชินวัตร และจันทรัตน์ ก็พบธุรกิจที่สามารสร้างฝันของทั้งคู่ให้เป็นจริงได้ นั่นก็คือ ธุรกิจอาวียองซ์ จากการแนะนำของ คุณเจอร์รี่ หลุย และด้วยความที่เป็นธุรกิจของยูนิลีเวอร์ทำให้ทั้งสองตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิก เนื่องจากพวกเขามั้นใจว่า อาวียองซ์จะเป็นธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ และสามารถนำพาทั้งสองให้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน


แต่เส้นทางความสำเร็จของ ชินวัตร และ จันทรัตน์ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งสองเริ่มทำธุรกิจจากติดลบ และเดือนแรกของการลงมือทำ ทั้งสองได้ค่าคอมมิชชั่นกลับมาเพียง 306 บาท แต่ทั้งชินวัตร และจันทรัตน์ ก็ไม่ได้เลิกรา กัดฟันทำธุรกิจอาวียองซ์ต่อไป เนื่องจากทั้งคู่เชื่อมั่นในอาวียองซ์ ว่าจะพลิกชีวิตของทั้งคู่ได้


เดือนแรกเรามีรายได้เพียง 306 บาท จากการทำธุรกิจอาวียองซ์ แต่เราก็ไม่ได้ท้อถอย เนื่องจากผมมีความเชื่อว่าในผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของอาวียองซ์ มันมีอนาคตผสมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าบ้าน ค่ารถ ค่าเล่าเรียนลูก ค่าเลี้ยงดูครอบครัว


ชินวัตร และ จันทรัตน์ มองว่า ยูนิลีเวอร์ เปรียบเสมือนเรือใหญ่ผู้บริหารที่นี่มีความเป็นมืออาชีพ และมีไฟในการทำงาน และเราเชื่อมั่นว่าเราเริ่มงานกับบริษัทใหม่ๆ เริ่มต้นเป็นคนแรกๆ หากเรากัดไม่ปล่อย แน่นอนว่าต้องมีคนร่วมอุดมการณ์กับเราไม่มากก็น้อย


จากเดือนแรกที่เรามีรายได้เพียง 306 บาท แต่เราก็ไม่ถอยทุ่มเททำงานต่อไป จนถึงเดือนที่ 8 เรามีรายได้เกือบ 6 หลัก ชีวิตในช่วงนั้น ก็ดีขึ้นเรื่อย จนสามารพลิกชีวิตได้ สามารถปลดหนี้มีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถคันใหม่ จนทุกวันนี้ทั้งสองมีรายได้หลายสิบล้านบาท ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็เฝ้ามองดูเรามาโดยตลอด ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีขึ้นของเรา ท่านก็ยินดีและภาคภูมิใจกับความสำเร็จของเรา


ชินวัตร และ จันทรัตน์ บอกว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นสังคมของผู้ให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ ให้โอกาสทางธุรกิจ เป็นธุรกิจที่มอบสิ่งดีๆ ให้กับผู้คน เป็นธุรกิจที่ทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จ เป็นงานที่มีการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยิ่งให้เขามากเท่าใด ตัวเราก็ยิ่งเติบโต นี่คือสัจธรรมของวงการเครือข่าย


อาวียองซ์เป็นธุรกิจที่พลิกชีวิตของเราทั้งสอง นี่เป็นทางลัดของความสำเร็จในชีวิต ถ้าเร่าไปทำอย่างอื่นอาจจะต้องมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง จะไปแข่งกับใครคงไม่ไหว แต่การทำธุรกิจอาวียองซ์ขึ้นอยู่กับตัวเองเป็นผู้กำหนด และเป็นธุรกิจที่ให้ทั้งอิสรภาพทางด้านการเงินและเวลา เรามีเวลาอยู่กับครอบครัว มีเวลาดูคุณพ่อ คุณแม่ มีเวลาใช้เงิน มีเวลาดูแลตัวเอง มีเวลาท่องเที่ยว


ชินวัตร และ จันทรัตน์ อยากให้กำลังใจคนที่ก้าวสู่ธุรกิจเครือข่าย แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรว่า ขอให้อดทนและรอคอยความสำเร็จให้ได้ และบอกกับตัวเองว่าสักวันความสำเร็จต้องเป็นของคุณ หากคุณทุ่มเททำงานและกัดไม่ปล่อย


คนที่ประสบความสำเร็จในวงการเครือข่ายนั้น ต้องทุ่มเททำงานและอย่าเลิกรากลางคัน ในสังคมนี้มีคนรอและอยากประสบความสำเร็จเหมือนกันกับเรา แต่บางคนที่เราไปเจอเขาไม่ได้มุ่งมั่นเหมือนเราจึงทำให้เราท้อถอย แต่อยากบอกว่า นี่ถือเป็นธรรมชาติของงานขายตรงบอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร ยังมีกลุ่มคนที่อยากประสบความสำเร็จรอเราอยู่ หากวันนี้คุณอยากเปลี่ยนแปลงชีวิต จงลุกขึ้นมาปฎิวัติตัวเอง และเปลี่ยนตัวเอง ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และเรียนรู้ในสิ่งที่คุณยังไม่รู้ ต้องกล้าฝันใหญ่แล้วไปให้จริง โอกาสเหมือนกับไอศกรีม ถ้าคุณไม่กินมันก็ละลาย ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้เป็นโอกาส แต่จะมีสักกี่คนที่มองเห็น เหมือนผลิตภัณฑ์สกินแคร์ บางคนก็อาจมองมันเป็นครีมทาผิว แต่ผมมองว่ามันเป็นบ้าน เป็นรถ เป็นอนาคต


แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตแต่ ชินวัตร และ จันทรัตน์ ก็ยังคงทำงานในเครือข่ายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นงานพื้นฐาน มีการนำเสนอความรู้และดูแลองค์กรอยู่เสมอ ทั้งคู่ดีใจและภาคภูมิใจอย่างมากที่เลือก ยูนิลีเวอร์ เพราะทางบริษัทให้สิ่งต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ ให้โอกาส เข้าใจในผู้คน มีความใจถึงเข้าถึงจิตใจผู้คน เมื่อเราอยู่บริษัทที่ใช่แล้วก็หมดความสงสัยในทุกสิ่ง


เวลาเรามาบริษัท เรามีความรู้สึกว่าเหมือนเรามาบ้าน ทุกอย่างที่นี่เหมือนบ้าน เราเข้ามาเจอผู้คนที่นี่ก็เปรียบเสมือนพี่น้อง มีความสุขมากที่เห็นน้องๆ สปอนเซอร์คนใหม่ๆ มาได้ เห็นคนประสบความสำเร็จเราดีใจกับเขา ทุกวันนี้เราดีใจที่เราได้ร่วมงานกับบริษัทดีๆ อย่างอาวียองซ์


ที่สำคัญธุรกิจนี้ไม่มีใครมาก่อนมาหลัง เพียงแต่มีความมุ่งมั่นและกัดไม่ปล่อย คนที่เข้ามาที่อาวียองซ์ใหม่ๆ บอกได้เลยว่ายังไม่สาย กับการร่วมงานกับบริษัทที่ยิ่งใหญ่ มีโอกาสเป็นต้นสายโลก ขอให้เข้ามาประสบความสำเร็จไปด้วยกัน




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สัมภาษณ์ท่านประธานกัมปนาท บุญราศรี บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต บริษัทขายตรงดาวรุ่งปี 55









วันนี้เว็บไซต์ไทยเอ็มแอลเอ็มนิวส์ได้เข้ามาสัมภาษณ์ คุณกัมปนาท บุญราศรี ประธานบริษัท ไอยรา แพลนเน็ต ถึงตึกช้างที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านพหลโยธิน ซึ่งการสัมภาษณ์ท่านประธานได้ให้ความรู้แนวคิดทางการตลาดของธุรกิจขายตรงอย่างเจาะลึกและมีความเป็นกันเองอย่างมากๆ ซึ่งทางไทยเอ็มแอลเอ็มนิวส์ขอฟันธงว่าห้ามพลาดกับคอลัมน์นี้เลยครับ


ท่านประธานกัมปนาท เชื่อว่าประเทศไทยได้เพิ่งเข้าสู่ยุคธุรกิจขายตรงอย่างแท้จริงเท่านั้นเอง เพราะว่าที่ผ่านมา 30 ปี เหมือนเป็นเพรียงแค่การถางทางเพื่อให้สู่ยุคที่ธุรกิจขายตรงจะแข็งแกร่งอย่างแท้จริงเพราะว่าตอนนี้ประเทศไทยเราเริ่มที่จะให้ความรู้กับคำว่าธุรกิจขายตรงหรือธุรกิจเครือข่ายแท้จริงและเป็นยุคที่วัยรุ่น เจเนเรชั่นเอ๊กซ์ และ เจเนเรชั่นวาย ให้ความสนใจกับธุรกิจนี้ พร้อมด้วยสินค้าของธุรกิจเครือข่ายที่ดีมีมากมาย แต่ติดอยู่ที่ขายตรงหลายๆ เจ้าใช้กลยุทธ์ชักชวนผู้ที่มุ่งหวังเข้ามาร่วมธุรกิจอย่างผิดวิธีและขาดการให้ความรู้ที่ถูกต้องกับทางธุรกิจขายตรงทำให้คนหลายๆ คนมีความเข้าใจที่ผิดแต่หากวันนี้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาลัยอื่นๆ เริ่มที่จะมีหลักสูตรวิชาการขายตรงให้นักศึกษาได้รับความรู้จริงๆ แล้วในส่วนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต หาดใหญ่ ทางตัวท่านประธานเองก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ด้วยและทางมหาลัยได้เปิดสอนเป็นที่แรกมานานกว่า 3 ปีแล้ว ทำไมต้องมีหลักสูตรขายตรงเพราะปัจจุบันคนส่วนรู้แต่เพียงคำว่า Direct Sale แต่มีความรู้เกี่ยวกับ Network Marketing หรือว่าจะเป็นส่วนของ Direct Marketing เลยแม้แต่น้อยซึ่งท่ามหาลัยจะให้ความรู้ให้คบสามส่วนนี้ ตอนนี้เราต้องยอมรับครับว่าคนหลายๆ คนมองธุรกิจในแง่ลบเพราะว่ามีหลายปัจจัยแต่ปัจจัยหลักๆ คือมาจากตัวแทนที่ขาดความรู้ความเข้าใจในธุรกิจนี้จึงทำให้เกิดเป็นเหมือนแผลที่ไม่ได้รับการเยียวยาทางเราจึงมุ่งเน้นจริงๆ เพื่อให้ไอยรา แพลนเน็ต เป็นธุรกิจขายตรงต้นแบบ และเป็นธุรกิจขายตรงสีขายที่มอบความรู้ความเข้าใจให้แก่แม่ทีมและผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จมาร่วมกับเรา ซึ่งท่าไอยรา แพลนเน็ต เราไม่ดีจริงเราคงเป็นได้แค่ตัวเลือกแบบขายตรงหลายๆ บริษัททั่วไป แต่วันนี้เราจะทำ ไอยรา แพลนเน็ต ให้พร้อมที่สุดแข็งแกร่งที่สุดเพื่อที่จะได้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแก่กลุ่มคนผู้มุ่งหวัง



ความเป็นมาของ คุณกัมปนาท บุญราศรี ประธานบริษัท ไอยรา แพลนเน็ต


ท่านประธานกัมปนาทได้เริ่มต้นจากการเป็นผู้จำหน่ายอิสระเริ่มทำเมื่อปี 2531 ที่เพิ่งมีขายตรงเข้ามาในบ้านเราและได้ทำมาหลากหลายบริษัทจนได้เข้ามาทำบริษัทหนึ่งที่จำหน่ายน้ำสมุนไพรที่ดังมากๆ ในอดีต ซึ่งสามารถก็รายได้เป็นหลัก 7 หลักจากที่บริษัทนั้น หลังจากประสบความสำเร็จจากที่บริษัทแห่งนั้นทำให้ตัวประธานกัมปนาทเองนั้นคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่จะมอบโอกาสให้ผู้อื่นได้เหมือนกับสิ่งที่ตัวประธานเองได้รับมาจึงตัดสินใจเปิดบริษัทเอง โดยชวนเพื่อนมาร่วมลงทุน ซึ่งเป็นการฟอร์มทีมกันขึ้นมาชื่อว่า กรีนแพลนเน็ต108 (Green Planet 108) ซึ่งโด่งดังมากในสมัยก่อนแต่เกิดปัญหาในระยะหลัง หลังจากนั้นได้ร่วมงานกับทางบริษัทไต้หวันซึ่งความคิดขององค์กรของกรีนแพลนเน็ต108กับทางนายทุนมีความคิดที่แตกต่างกัน จนทางตัวประธานเองได้ย้ายออกมาเปิดอีกบริษัทหนึ่งชื่อว่ารอยัล เอนเนอร์ยี่ (Royal Energy )ซึ่งส่วนนี้ทำให้ตัวประธานได้รับประสบการณ์ที่ดีมากๆ ท่านประธานกัมปนาทได้กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของทางผู้ประกอบการ การบริหารงาน การประสานงานต่างๆ กับทางผู้ประกอบการอื่นๆ ซึ่งก็ถือว่าได้ไปได้ดีมากๆ หลังจากนั้นมีปัญหาในเรื่องของหุ้นส่วนทางผมเองก็ต้องถอยออกมาซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างแย่กับขายตรงแล้วทำให้ผมในตอนนั้นเหมือนคนที่ถูกทำให้เจ็บแล้วมองขายตรงแย่ไปเลยในช่วงเวลานั้นโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับวงการนี้มานานเป็นเวลาสองปีด้วยกัน ซึ่งทางผมก็ทำงานประจำไปด้วยหลังจากนั้นทางโสมเกาหลีตังกุยจับได้โทรมาเชิญเป็นที่ปรึกษาในปี 2544 จนเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันโสมเกาหลีตังกุยจับมา 6 ปี 6,000 พันล้านบาท ซึ่งทางผมก็เป็นผู้คิดค้นแผน Trinary ซึ่งเป็นแผนใหม่ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนได้เข้ามาร่วมงานกับทาง เอเชียนไลฟ์ ละสร้างชื่อเสียงที่โด่งดังในช่วง 3-4 ปีหลังที่ผ่านมาแต่ผมก็กับมาย้อนคิดว่าท่าหากผมยังคงเป็นที่ปรึกษาอยู่ทางตัวเราเองก็คงจะวนเวียนอยู่ในแวดวงนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมจึงตัดสินใจลงมาทำธุรกิจ ของตนเองดีกว่าโดย 2 ปัจจัยที่ผมลงมาทำนั้นคือ 1. ผมมีความฝัน 2.หลายๆ คนสนับสนุนให้ผมเปิดบริษัท ด้วยสองปัจจัยนี้ทางผมจึงก้าวเข้ามาสู่ไอยรา แพลนเน็ต นั่นเองซึ่งได้เปิดตัวมาตั้งแต่ 1 มีนาคม 2555 ซึ่งทางเราก็ได้ร่วมมือกับทางคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการค้นคว้าสินค้านวัตกรรม ซึ่งพูดนำการค้นคว้าคือท่านรองศาสดาจารย์ด๊อกเตอร์ปรัชญา คงทวิเลิศ ซึ่งท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นของประเทศไทยถึง 2 สมัย และเป็น ผอ. หน่วยสเตรมเซลล์ของคณะแพทย์ศาสตร์อีกด้วยทำการวิจัยตัวสาร เซซามิน มามากกว่าสิบปีพร้อมมีใบรับรองสิทธิบัตรถึง 5 ใบในต่างประเทศ ซึ่งเรามาร่วมกันสร้างสินค้าที่สกัดออกมาจากงาดำซึ่งผมมั่นใจว่าสินค้าตัวนี้จะดังอย่างแน่นอนใน 1-2 ปีข้างหน้า ส่วนอีกท่านหนึ่งที่จะมาช่วยผลักดันองค์กรของเราคือ ท่านอาจารย์ชาญวิทย์ เมธาชัยวุฒิ ซึ่งทางท่านเป็นคนที่รู้จักกันดีในแวดวงขายตรงและแวดวงประกันชีวิตนั้นยอมรับซึ่งเป็นนายกตัวแทนประกันชีวิต สองสมัยด้วยกัน ซึ่งเป็นประธาน MBRT ของภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของเอเชียอาคเนย์ประกันภัย ซึ่งทางเราแบ่งสัดส่วนในการดูแลทุกส่วนอย่างคบคันซี่งการบริหารผมจะเป็นฝ่ายที่ดูแลอยู่ ท่าเป็นอาจารย์ชาญวิทย์ก็จะช่วยการเจียระไนเพชรทุกคนที่เข้ามาร่วมกับเรา ส่วน รอ.ดร.ปรัชญา จะดูแลในเรื่องผลิตภัณฑ์ ซึ่งคบคันอย่างแท้จริง


เป้าหมายของทางไอยรา แพลนเน็ต ในปี 2555


ตอนนี้ทางไอยรา แพลนเน็ต เปิดตัวในเดือนมุถินายนที่ผ่านมาทางไอยรา ซึ่งได้รับถ้วยธุรกิจเครือข่ายดาวรุ่งยอดเยี่ยมที่ได้รับจากมือนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งตอนนี้เราก็ได้เข้าร่วมสมาคมขายตรงแห่งประเทศไทย(TSDA)เป็นที่เรียบร้อย ในเรื่องยอดของปีแรกเราตั้งไว้ที่ 100 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทก็สามารถก้าวไปสู่จุดนั้นได้


ไอยรา แพลนเน็ต ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดไว้อย่างไรในปี 2556


แผนที่ทางไอยรา แพลนเน็ตได้เล็งเห็นเป็นสิ่งแรกคือการสร้างแบรนด์ในช่องทางต่างๆ เช่นสื่อตอนนี้เราก็ลุยทุกช่องทางไม่ว่าจะออนไลน์ ออฟไลน์ เพื่อตอกย้ำ แบรนด์ ให้เป็นที่รู้จักมากที่สุดรวมไปถึงการจัดบู๊ธในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศไทยรวมไปถึงการโรลด์โชว์อีกด้วย สองคือการสร้างคนเพื่อออกไปสร้างงานซึ่งเป็นระบบของทางไอยรา สามคือการนำเทคโนโลยีมาเพื่อสนับสนุนการทำงานของนักธุรกิจซึ่งสามารถตรวจสอบระบบต่างๆ ได้ทั้งหมดเพื่อประเมินผลและประโยชน์ต่อองค์กร


คลังโมบายและการกระจายสินค้าทั่วประเทศ


ท่านประธานกัมปนาทได้มองส่วนนี้ออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือการ ชำระเงินและ การขนส่ง ซึ่งในส่วนแรกท่าทางบริษัทเราสามารถทำให้ระบบการชำระเงินได้ง่ายเราไม่จำเป็นพึ่งสาขา เพราะตอนนี้สินค้าทางบริษัทสามารถชำระเงินผ่าน เซเว่น กับทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วตรงนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้อย่างมากๆ หรือธนาคารในส่วนการขนส่งทางเรามองอีกว่าท่า ณ ตอนนี้บริษัทยังไม่ต้องพึ่งคลังสินค้าหรือสาขาแต่อย่างใดเพราะด้วยระบบการจัดส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภค ยังคงรวดเร็วอยู่ซึ่งยังไม่ถึงเวลา ซึ่งต้องขอดูกำลังการซื้อในแต่ละเขตพื้นที่อีกครั้งว่าจะเน้นหนักไปยังส่วนไหนในส่วนขอตัวแทนจำหน่าย เราจะคัดเลือกจังหวัดละ 1 ท่าน ในส่วนสต๊อคคิท มีมากกว่า 100 สต๊อค แล้วตอนนี้เราสามารถส่งสินค้าสู่มือผู้บริโภคได้ภายในสามวันจึงยังไม่จำเป็นที่จะต้องมีคลังสินค้า


ไอยรากับตลาด AEC ที่จะมาถึง


ท่านประธานได้กล่าวว่า ผมมองเห็นทั้งโอกาสและอุปสรรคในเวลาเดียวกัน อุปสรรคของเราคือเรื่องภาษา ส่วนโอกาสคือพี่น้องที่อยู่ตามแนวชายแดนซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จะทำให้เราไปตอบรับสมาคมอาเซียนได้อย่างง่ายในขณะเดียวกันเรื่องระบบของเราก็ไม่มีปัญหาเพราะระบบของเราเป็นระบบออนไลน์ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของเพียงมีอินเตอร์เน็ตก็ไม่มีปัญหาในส่วนความสำคัญอีกส่วนคือธุรกิจขายตรงต้องได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลด้วยท่าหากขาดการสนับสนุนให้บริษัทขายตรงหรือเอกชนไปลุยตลาดเองนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากแต่ในส่วนตัวนักขายตรงคือนักเจาะตลาดอยู่แล้วผมเชื่อว่าท่าได้รับการสนับสนุนไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนและตอนนี้เราก็เริ่มเจาะตลาดทางฝั่งลาว มาเลเซีย และทางแม่สายแม่สอดเราเจาะเรียบร้อยแล้ว แถมตอนนี้เราก็มีบัตรเงินสดของทางเราเองที่ร่วมกับทางไทยพาณิชย์จะช่วยในเรื่องนี้มากขึ้นเพราะสามารถช่วยสนับสนุนคนที่อยู่แนวตะเข็บหรือคนต่างด้าวนี่ได้เพราะเพรียงเราโอนเงินเข้าบัตรเงินสดสมาชิก สมาชิกก็สามารถนำเงินออกมาใช้ได้อย่างสะดวก


สรรพคุณสินค้าตัวนำอย่าง Immura Sesameal-Cap ของทางไอยรา แพลนเน็ต


สรรพคุณคือสามารถ1. ต้านการอักเสบ 2. ควบคุมสมดุลระบบภูมิคุ้มกันได้ 3.ควบคุมเสเตรมเซลล์ได้ 4. การเข้าไปกระตุ้นให้วงจรเซลล์ที่ตายไปแล้วของเซลล์มะเร็งทำงาน ตรงนี้เป็นเทคโนโลยีระดับชีวโมเลกุลและมีสิทธิบัตรรับรองและเรากล้าพูดได้อย่างเต็มปากในส่วนสินค้าอื่นๆ ของเรามีอยู่ทั้งหมด 4 กลุ่ม 12 รายการ ตัวหลักของเราแน่นอนอยู่แล้วคือสุขภาพในส่วนพระรองนั้นคือสินค้าการเกษตร ส่วนตัวอื่นก็เป็นในด้านสุขภาพและความงาม ในด้านสินค้าการเกษตรนั้นเราได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ในการทำวิจัยต่างๆ


เหตุใดแม่ทีมต่างๆ หรือผู้ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตจะต้องเข้ามาร่วมกับทางไอยรา แพลนเน็ต


ท่านประธานกัปนาทได้ให้ความมั่นใจแก่ไอยรา แพลนเน็ต ว่า เราเป็นเพียงตัวเลือก ตัวเลือกหนึ่งที่ของหนทางที่จะประสบความสำเร็จผมไม่ได้หวังคนขายตรงทุกคนเข้ามาร่วมธุรกิจกับเรา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคือลองเข้ามามองก่อนแล้วตัดสินใจด้วยตนเอง โดยตัวผมนั้นเชื่อว่าทางไอยรา มีความแข็งแกร่งในทุกๆ ด้าน สินค้าเราแตกต่างจากท้องตลาด เรามีทีมวิจัยและรายละเอียดการวิจัยซึ่งสามารถนำเสนอแก่ผู้บริโภคได้อย่างระเอียดสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง นอกจากนั้นเรายังมีระบบการจัดการที่จะช่วยสนับสนุนการทำงานทั้งออฟไลน์และออนไลน์เป็นอย่างดี และเรามีระบบการฝึกอบรมให้แก่ทุกคนแต่ในเมื่อหากมีลูกทีมเยอะขึ้นเป็นระดับแสนคนมันจะก่อให้เกิด Passive income เป็นหลักล้านคุณจะลองรับตรงนี้ได้อย่างไรท่าหากไม่ข้อมูลความเข้าใจไม่สัมพันธ์กับทางบริษัท ส่วนแผนการบันผลเราเป็นแผน Hybrid ซึ่งตอบโจทย์คนที่ทำเคยทำหลายๆ แผนมาก่อนหน้านี้ละยังสอดคล้องกับตลาดปัจจุบัน ซึ่งเราก็เปรียบเหมือนดั่งรถที่ไม่สามารถวิ่งได้หากมีแค่เครื่องยนต์อย่างดีแต่ต้องมีล้อรถ เพรา เกียร์ พวงมาลัย เบรกและอื่นๆ อีกมามาย เพื่อที่จะให้รถขับเคลื่อนไปได้ในส่วนนี้ก็เปรียบดั่งองค์กรเราต้องคือต้องมีองประกอบทุกอย่างที่ดีและเราจะสามารถขับเคลื่อนไปสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง


และท่านประธานได้ให้แง่คิดทิ้งท้ายต่อธุรกิจขายตรงว่า ขายตรงเป็นธุรกิจที่สวยงามและขายตรงในเมืองไทยพึ่งจะอยู่ในยุคเริ่มต้นเท่านั้นเองมันเป็นโอกาสของคนทุกคนจึงขอให้คนทุกคนที่อยู่ในแวดวงขายตรงช่วยกันรักษาสิ่งที่ดีไว้ ส่วนคนที่ยังไม่รู้จักขายตรงนั้นอย่าพลาดโอกาสที่จะเข้ามาศึกษาความเป็นจริงของขายตรงซึ่งจะเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณทุกคนได้ให้ไปเจอกับสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จแตกต่างจากวันเดิมๆ แน่นอน


จัดทำและเรียบเรียงโดย www.thaimlmnews.com

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวประชาสัมพันธ์อาวียองซ์ (Aviance Thailand) : เปิด อาวียองซ์ ช็อป สาขาจังหวัดสุรินทร์








 


มนต์ชัย เดโชจรัสศรี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด และ พิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ร่วมเป็นประธานเปิด อาวียองซ์ ช็อป สาขา จังหวัดสุรินทร์ ของ สุชาติ และอมรรัตน์ ภัทรไพศาลสิน ณ อาวียองซ์ ช็อป สาขาจังหวัดสุรินทร์


********************************************************


หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด


โทร.0-2619-0429 ถึง 30 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์


 

ข่าวดีเน็ทเวิร์ค (D Network Worldwide) : ไขความลับ 5D เเห่ง "ดี เน็ทเวิร์ค" ที่สุดพลังขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน








 


กำเนิดที่สุดแห่งองค์ประกอบ 5 D สุดยอดปัจจัยสร้างการเติบโตยั่งยืน


จากประสบการณ์และความสำเร็จในอุตสาหกรรมขายตรงกว่า 20 ปี ทำให้ 3 ผู้ก่อตั้งแห่ง บริษัทขายตรงน้ำดีสัญชาติไทย ดี เน็ทเวิร์ค ประกอบด้วย สาคร ใสกมล ประธานผู้ก่อตั้ง อุทัย แจ่มฟ้า และภูมิสนอง หล้าสุด ผู้ร่วมก่อตั้ง ได้เห็นซึ้งและเข้าใจปัญหาใหญ่ที่คอยฉุดรั้งการเติบโตของอุตสาหกรรมขายตรงไทยนั้นมีปัญหา 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. แผนการตลาดที่ยากเกินไป 2.บริษัทไม่เติบโต ไม่ประสบความสำเร็จ และ 3.สมาชิกไม่ประสบความสำเร็จ


ก่อนที่จะเปิด ดี เน็ทเวิร์ค เรามองว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจด้วยกัน จากการนำประสบการณ์กว่า 20 ปีของพวกเรามากลั่นกรอง จนตกผลึกทางความคิด เราจึงมองว่าองค์กรที่จะประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมขายตรงอย่างยั่งยืน ต้องประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ หรือที่เราเรียกองค์ประกอบทั้ง 5 ว่า 5D ที่กำลังโด่งดังอย่างมากในปัจจุบัน


องค์ประกอบแรกคือ บริษัทดี ขายตรงที่ดีต้องมีความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้สมาชิกทำงานได้ง่ายที่สุด การจัดการทุกอย่างต้องมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญเทคโนโลยีต่างๆต้องทันสมัยและต้องทำงานแบบรวดเร็วทันใจ และมีการวางกลยุทธ์ต่างๆที่ชัดเจน


ต่อมา คือ สินค้าดี สินค้าที่จะทำให้บริษัทเติบโตต้องเป็นสินค้าใช้แล้วเห็นผลลัพธ์ ต้องเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม เป็นลิขสิทธิ์ของดี เน็ทเวิร์ค ขนส่งต้องง่าย และต้องมีสินค้าที่หลากหลายและครอบคลุม ที่สำคัญจะต้องแข่งขันในเวทีอาเซียนได้


แผนการตลาดดี แผนการตลาดที่ดีในวงการขายตรงนั้นจะต้องมี 3 เชิง ประกอบด้วย เชิงตัวเลข แผนๆ นั้นต้องเป็นแผนที่ทำง่ายและไม่โอเวอร์เปย์ เชิงพฤติกรรม แผนการตลาดนั้นๆ ต้องเป็นแผนที่ส่งเสริมการทำงานของสมาชิก เชิงสุดท้ายคือ เชิงโอกาส แผนๆ นั้นต้องเป็นแผนที่ยุติธรรม มาทีหลังก็สามารถประสบความสำเร็จได้มากกว่าและเร็วกว่า อีกทั้งต้องมีการส่งเสริมการสร้างทีมในระยะยาว ส่งผลต่อความมั่นคงขององค์กรในระยะยาว


การฝึกอบรม ที่ ดี เน็ท เวิร์ค มีหลักสูตรการฝึกอบรมมากถึง 27 หลักสูตร ซึ่งแต่ละหลักสูตรเน้นการสร้างผู้นำให้เป็นผู้นำจริงๆ เป็นมืออาชีพจริง ซึ่งต้องมีการอบรมเรียนรู้ยาวนานถึง 6 เดือน ถึง 1 ปี ถึงจะเป็นมืออาชีพ


ผู้ประกอบการดี ผู้ประกอบการต้องมีประสบการณ์ในวงการขายตรง ซึ่งพวกเราเข้าสู่วงการขายตรงตั้งแต่อายุ 19 อายุ 20 ก็สมัครเป็นนักธุรกิจอิสระ อายุ 21 ปีสร้างรายได้เดือนละ 200,000 บาท เป็นวิทยากร พออายุ 22 ก็เป็นอาจารย์สอนวิทยากร เราสร้างผู้นำให้ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย ซึ่งองค์ประกอบทั้ง 5 อย่างนี้ ที่ ดี เน็ทเวิร์ค มีครบถ้วน จึงส่งผลให้ ดี เน็ท เวิร์ค ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในวงการเครือข่ายเมืองไทย


ดี เน็ทเวิร์ค ยานพาหนะชั้นเลิศ พร้อมนำพาสมาชิกสู่ความสำเร็จ


คุณสาคร เล่าว่า การเดินทางไปสู่ความสำเร็จนั้นมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การขับรถ นั่งเรือ แต่หากเปรียบกับโลกของขายตรงแล้ว ขายตรงเป็นอาชีพ เป็นยานพาหนะ ที่จะนำไปสู่เป้าหมายในชีวิตได้รวดเร็วมาก บางคนอาจจะใช้เวลาเพียง 2 3 ปี ก็สามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ต้องเลือกยานพาหนะที่ดีและสมบูรณ์ด้วย จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ซึ่งทาง ดี เน็ทเวิร์ค ถือเป็นยานพาหนะชั้นเลิศที่พร้อมจะนำพาทุกท่านไปสู่ความสำเร็จที่ทุกท่านคาดหวังไว้


ส่วนกุญแจที่สร้างความสำเร็จให้กับ ดี เน็ท เวิร์ค คือ การคอนโทรลกรุ๊ป คอนโทรลทีมให้เป็นเหมือเป็น แม่ทัพบัญชาการ 1 บริษัท ต้องเป็น 1 ทีม สมาชิกทุกคนต้อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นี่คือกุญแจที่ไขไปสู่ความสำเร็จ บริษัทใดที่สามารถทำแบบนี้ได้ เชื่อเหลือเกินว่าบริษัทนั้นๆ จะประสบความสำเร็จในวงการขายตรงได้แน่นอน


กุญแจแห่งความสำเร็จในการทำธุรกิจขายตรงอยู่ที่เราสามารถคอนโทรลกรุ๊ปได้หรือไม่ หากทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้บริษัทเติบโต การคอนโทรลกรุ๊ป ก็เปรียบเหมือนกับการที่เราเป็นแม่ทัพในการบัญชาการศึก 1 บริษัท จะต้องมี 1 ทีม ต้องสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
เน้นการบริหารงานแบบผู้นำ พร้อมดูแลเอาใจใส่สมาชิกเป็นอย่างดี


สาคร บอกว่า เขาเป็นผู้บริหารแบบผู้นำ ไม่ได้บริหารแบบหัวหน้า ลูกน้อง การทำงานแบบผู้นำนั้นทำงานหนักกว่า ทุ่มเทเอาจริงเอาจังกว่า ตนบริหารงานไม่ได้ใช้สไตล์แบบนายจ้าง ผู้บริหารต้องใส่ใจลูกน้อง


เราต้องรักลูกน้องก่อน ดูแลเขาก่อน เมื่อเราทำแบบนี้ วันข้างหน้าเขาจะดูแลเรา เราดูแลสมาชิก เป็นอย่างดี วันข้างหน้าสมาชิกก็จะดูแลธุรกิจ ดูบริษัทให้กับเรา ผู้บริหารสไตล์ผู้นำก็เหมือนนักรบ เราจะต้องทำสิ่งดีๆ เป็นตัวอย่าง จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้คนทำตาม


จากประสบการณ์กว่า 20 ปี ของ คุณสาคร คุณอุทัยและคุณภูมิสนอง นั้นได้ทุ่มเทให้กับ ดี เน็ทเวิร์คจนหมดสิ้น นี่คือพาหนะที่ดีที่สุดในงวงการขายตรง โดยพวกเขาตั้งเป้าจะสร้าง ดี เน็ทเวิร์ค ให้เป็นตำนานบทใหม่ในขายตรงไทย
และนี่คือ ดี เน็ท เวิร์ค พาหนะที่ดีที่สุดในวงการขายตรงยุคปัจจุบัน


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

ข่าวเทียนส์ (TIENS) : เทียนส์เปิดตัวTIME SHADOWช่วยปกป้องผิวจากเเสงแดด








 


บริษัท เทียนส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำ Time Shadow Moist ening Sun Block Mix ชุดปกป้องและฟื้นฟูสภาพผิวจากการทำร้ายของแสงแดด ประกอบด้วย Moistening Sun Block Emulsion SPF 30 PA ++(สีส้ม-กลางวัน) เนื้อครีมบางเบา หอมสดชื่นซึมซาบเร็ว ช่วยปกป้องผิว จากการทำร้ายของรังสี UVA/UVBได้ตลอดวัน และ Moistening Repairing Gel (สีฟ้า-กลางคืน) เจลบำรุงช่วยฟื้นฟูสภาพผิว เพื่อคืนผิวสวยเนียนนุ่มชุ่มชื่นกระจ่างใส
สนใจโทร. 02-693-5601-3


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

ข่าวเฮอร์บาไลฟ์ (Herbalife) : นักขายมือทอง









เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด นำโดย คุณจักรพันธ์ สุทธโทธน กรรมการผู้อำนวยการ นำผู้จัดจำหน่ายที่ทำคุณสมบัติการขายระดับมือทองกว่า 50 ชีวิต เข่าร่วมโครงการท่องเที่ยวและพักผ่อนวาเคชั่นในช่วงวันหยุดพักผ่อนประจำปี ด้วยการบินลัดฟ้าข้ามมหาสมุทรอินเดียมุ่งสู่ เกาะมัลดีฟส์ เกาะสวรรค์ที่มีหมู่เกาะปะการังอุดมสมบูรณ์ที่สุด เต็มไปด้วยฝูงปลาน้อยใหญ่ รายล้อมด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติของมหาสมุทร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและศรีลังกา ก่อนกลับมาลงสนามลุยสู้ศึกปิดยอดขายช่วงปลายปีนี้อีกครั้ง




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

มิลค์กี้เวย์ เน็ตเวิร์ค(Milky Way Network) : มิลค์กี้ เวย์ จัดหนัก









บริษัท มิลค์กี้ เวย์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ขายตรงสัญชาติไทย ไม่แพ้ใครในโลก แรงแล้ว แรงอีก คุณสุมิตร วชโรดมทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ใจดี จัดให้ และจัดหนักยิ่งกว่าเดิม ล่าสุดจัดงาน OPP เปิดโอกาสทางธุรกิจ จัดเต็มแจกรถจักรยานยนตร์ ฟีโน่ 4 คันรวด พร้อมประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมฟังบรรยายโอกาสทางธุรกิจทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 18.00 น. สมาชิกผู้เข้าฟังบรรยายและแนะนำผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังบรรยาย ลุ้นรางวัลสร้อยคอทองคำ 1 สลึง 4 รางวัล ทุกสัปดาห์ ณ อิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 4 ห้อง The Grand convention Milky Way Center




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าว เอวอน คอสเมติคส์(Avon Cosmetic):เปิดตัว เอนิว จีนิคส์ ผลิตภัณฑ์เผยผิวสวยอย่างสัมผัสได้








บริษัทเอวอน คอสเมติคส์ประเทศไทย จำกัด โดยคุณศุภราภรณ์ เอสซี เปา กรรมการผู้จัดการ พร้อมทีมผู้บริหารจัดงาน The Art of Geneics by Avon เปิดตัว เอนิว จีนิคส์ ทรีตเมนท์ ครีม และ เอนิว จีนิคส์ อาย ทรีตเมนท์ ความสมบุณณ์แบบของ ยูธเจ็น เทคโนโลยี หลังจากประสบความสำเร็จจาก เอนิว จีนิคส์ ทรีตเมนท์ คอนเซนเทรต ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีนี้ โดย เอนิว จีนิคส์ มีประสิทธิภาพช่วยฟื้นบำรุงให้ ผิวแลดูอ่อนวัย ริ้วรอยบนใบหน้าแลดูลดเลือนเผยผิวสวยอย่างสัมผัสได้ โดยในงานมี คุณแพทริค ชัยนาม, คุณโมเม นภัสสร ฐูรณศิริ, คุณทราย เจริญปุระ และคุณแนน ชลิตา เฟื่องอารมณ์ มาร่วมพูดคุยพร้อมแลกเปลี่ยนความประทับใจจากการใช้เอนิว จีนิคส์ ปิดท้ายเวิร์คช็อปสนุกๆ อย่างการวาดภาพ Genics Art You and Me และการทำ Genics Drink น้ำแอปเปิ้ลเขียวเพื่อผิวสวย ณ โรงแรมอีสทิน แกรนด์ โฮเทล เมื่อเร็วๆ นี้


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

ข่าว 4ไล้ฟ์ (4life ) : 4 ไล้ฟ์ มาแรงเติบโตทั่วโลก ตลาดไทยเวิร์คยอดพุ่ง 44 เปอร์เซ็นต์








 


4 ไล้ฟ์ เติบโตทั่วโลกขยับขึ้นมาอยู่ที่ 45 ของบริษัทที่มียอดขายสูงสุดในอุตสาหกรรมขายตรง โดยเฉพาะตลาดไทยยอดกระฉูด โตขึ้นกว่า 44 เปอร์เซ็นต์ ลั่นปีหน้าเปิดสินค้าใหม่เชื่อเรียกเสียงฮือฮาสนั่นวงการ


คุณสตีฟ แอปเปิ้ล รองประธาน ส่วนธุรกิจนานาชาติบริษัท 4 ไลฟ์ สหรัฐอเมริกาบริษัทแม่ ของบริษัท 4 ไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทาง 4ไลฟ์มีการเติบโตตลอดเวลา ทางบริษัทได้ถูกการจัดอันดับ 1 ในร้อยบริษัทขายตรงที่มียอดขายสูงสุดในปี 2010 ทางบริษัทอยู่ที่อันดับ 71 และในปี 2011 มีการขัยอันดับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ45


สำหรับการเติบโตในภูมิภาคเอเชียนั้น ทาง 4 ไล้ฟ์ มีอัตราการเติบโตสูงถึง 430 เปอร์เซ็นต์ เกาหลีใต้มีอัตราการเติบโตขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ ไต้หวันเติบโตขึ้น 33 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตลาดประเทศไทยในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 44 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นอัตราการเติบโตที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ส่วนประเทศที่มีการเติบโตมากที่สุดของ 4 ไล้ฟ์คือ อินโดนีเซีย ซึ่งมียอดขายมากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน


การที่ตลาดเมืองไทยเติบโตขึ้นถึง 44 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นตัวเลขที่ดีมาก ซึ่งการเติบโตของตลาดไทยนั้นมีผลมาจากผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่างๆ ที่ทางบริษัทได้จัดขึ้น โดยทางบริษัทให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ นี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากสมาชิกที่ล้มเหลวต่อเนื่อง จากพวกเขาไม่ได้เรียนรู้ทักษะในการทำธุระกิจ อีกกลยุทธ์หนึ่งที่เราให้ความสำคัญคือ การนำผู้นำที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศมาเป็นวิทยากรในประเทศไทย ซึ่งกลยุทธ์นี้จะส่งผลให้ผู้นำไทยทำธุรกิจขายตรงให้เติบโตอย่างยั่งยืน


ที่สำคัญในปัจจุบันทางบริษัท ได้ให้การสนับสนุนให้ผู้นำไทย เข้าไปทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเป็นการขยายธุรกิจอีกทางในอนาคตอันใกล้ทางบริษัทจะมีการเปิดสำนักงานในประเทศใหม่ๆ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้จำหน่ายด้วยว่าสามารถขยายฐานธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด


เรามีความมั่นใจในเรื่องแผนการจ่ายผลตอบแทนของเราเราเชื่อว่าแผนรายได้ของเราจ่ายมาก เราเชื่อว่าเราเป็นหนึ่งในบริษัทที่จ่ายรายได้มากที่สุดในวงการขายตรง ทำให้แผนรายได้ของเราสามารถจูงใจคนได้ทุกระดับปัจจุบันรายได้จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั่วโลก เรามีผู้นำที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ และเรามีองค์กรที่แข็งแกร่งมากในภูมิภาคอเมริกาใต้


คุณกิจภูเบส ธนกิจสุนทร ผู้อำนวยการบริษัท 4 ไล้ฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับตลาดเมืองไทยในปี 2555 ทางบริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่เหลือระยะเวลาอีกราว 1-2 เดือนในการทำงานปีนี้ ทางบริษัททำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้


สำหรับปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ 4 ไลฟ์เมืองไทยเติบโต มีผลมาจากโปรโมชั่นท่องเที่ยวของบริษัท ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีโปรโมชั่นทริปท่องที่ยวมากถึง 5 ทริปต่อปี ส่วนในปีหน้าทางบริษัทจะสร้างความฮือฮาให้กับวงการด้วยการเปิดทรานเฟอร์แฟคเตอร์ตัวใหม่ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามชิกตั้งตารอคอย


กลยุทธ์ในปีหน้าเรายังคงเน้นการทำงานใกล้ชิดกับผู้นำเน้นโปรโมชั่นท่องเที่ยว เน้นการทำงานร่วมกับผู้นำ เน้นการจัดการฝึกอบรมโดยมีวิทยากรจากต่างประเทศมาแชร์ประสบการณ์ ส่วนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ปีหน้าเราจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ราว 2 ตัว เป็นตัวสินค้ากลุ่มสุขภาพและสินค้ากลุ่มเสริมอาหารดูแลเรื่องน้ำหนักตัว


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวโมรินดา (Morinda) : Boom! BIO ACTIVISM ได้เวลา "โมรินดา"ผงาด









โมรินดา ถือเป็นองค์กรเครือข่ายระดับโลก พวกเขาประสบความสำเร็จในการขยายตลาดขายตรงไปกว่า 70 ประเทศ โดยแต่ละประเทศที่พวกเขาตัดสินใจเข้าไปเปิดตลาดนั้นล้วนแล้วแต่เติบโต
ด้วยคุณภาพสินค้าน้ำโนนิ (น้ำลูกยอ) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ โมรินดา ผงาดในวงการขายตรงโลก ที่สำคัญพวกเขายังเคยครองตำแหน่งบริษัทเครือข่ายที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดมาแล้ว
สำหรับ โมรินดา ประเทศไทย หากย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นบริษัทดาวรุ่งพุ่งแรงสุดๆ เป็นผู้ปลุกกระแสน้ำลูกยอให้ดังกระหึ่มทั้งประเทศ ก้าวขึ้นสู่บริษัทขายตรงแถวหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ
แต่ช่วงหลังๆ กระแสของ โมรินดา ก็เริ่มลดน้อยถอยลงไม่ได้โด่งดังเหมือนในอดีต ทำให้ โมรินดา ต้องหาหนทางเพื่อกลับมาทวงบัลลังก์ขายตรงให้จงได้
ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบทางออก นั้นคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาไปอีกขั้น ให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งก็คือ BIOACTIVE ถือเป็นอีกขั้นของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าว ส่งผลให้ยอดขาย โมรินดา ขยับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ผนวกกับทางบริษัทแม่เปิดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอื่นๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนักทำให้บรรดาสมาชิกของ โมรินดา ทำงานได้ง่ายขึ้นมากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ส่งสัญญาณว่า โมรินดา กำลังจะกลับมาสู่เส้นทางที่พวกเขาควรจะอยู่ จับตาดูให้ดี โมรินดา กำลังจะกลับมาผงาด


อย่างประเทศจีนเรามีการเปิดมาหลายปีแล้ว เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา โมรินดาจีนถือว่าบูมเป็นอย่างมาก ฝั่งยุโรปทางเราประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะประเทศรัสเซียมีการเติบโตที่ดีมาก และอเมริกาใต้ถือเป็นตลาดใหญ่ ที่เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี


ส่วนประเทศไทย นั้นในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ทางโมรินดาได้รับการตอบรับที่ดีมาก ยิ่งพอทางบริษัทมีสินค้ามากขึ้น ถือเป็นโอกาสให้ผู้จำหน่ายสามารถนำเสนอและนำไปบอกต่อได้มากขึ้น ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางบริษัทยังยึดคอนเซ็ปต์การทำงานที่ว่า สินค้าทุกตัวของโมรินดา จะต้องมีส่วนผสมของโนนิอยู่ด้วย


เตรียมเปิดสินค้าเรือธง ส่ง Max ตีตลาดท้ายปี


คุณวิภารัตน์ กล่าวว่า สินค้าของโมรินดาส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ทางบริษัทได้รับคำว่า ไบโอแอคทีฟ เป็นเจ้าแรก การได้ ไบโอแอคทีฟ ค่อนข้างมีผลอย่างมากในการทำตลาดของโมรินดา ในปี 2555 ทางบริษัทจะทำการเปิดผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ ภายใต้ชื่อ MAX ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงจากต่างประเทศ


ผู้จัดการประจำประเทศไทย กล่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้ ทางโมรินดาได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ MAX พร้อมกัน 36 ประเทศทั่วโลกสำหรับประเทศไทยมีการวางแผนที่จะเปิดตัวก่อนวันที่ 25 ธันวาคมที่จะถึงนี้


การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Max ในต่างประเทศได้สร้างกระแสและเรียกความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างมาก เดิมทีเรามีสินค้าประเภทเครื่องดื่มที่มีโนนิเป็นส่วนผสมหลักแล้วแต่สูตร แต่ MAX มีส่วนผสมของโนนิที่เข้มข้น ยังไม่รวมวัตถุดิบอื่นๆ ที่ดีมีประโยชน์ เช่นซุปเปอร์ ฟรุ๊ต หนึ่งช็อตมีสารอีริดอยน์สูงถึง 120 เพียงพอต่อการต้านอนุมูลอิสระใน 1 วัน ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาสร้างความฮือฮาให้กับวงการขายตรง


ส่วนไตรมาสแรกของปี 2556 ทางบริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก ภายใต้ชื่อ FIT แต่อาจจะต้องมีการปรับชื่อใหม่โดยผลิตภัณฑ์นี้น่าจะผ่านอย.ครบเซ็ตได้ในเดือนมีนาคม น่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการ


ปีหน้าไตรมาสแรกเราน่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวนี้ครบทุกตัวสินค้าควบคุมน้ำหนักของเรา จะเป็นสินค้าที่เข้าไปปรับสมดุลของร่างกาย เมื่อรับประทานแล้วต้องมีวินัย ต้องมีการออกกำลังกายจึงเห็นผลลัพธ์ที่ดีและจะมีการเปิดผลิตภัณฑ์ MAX 360 ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัทในปี 2556


ฐานผู้บริโภคยังคงเหนียวแน่น เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน


คุณวิภารัตน์ กล่าวว่า ในปี 2556 ทางบริษัทคาดการณ์ว่าฐานผู้บริโภคของโมรินดาเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ด้วยความเป็นโมรินดา ประเทศไทย ที่เปิดดำเนินการมายาวนาน 12 ปี ทำให้สมาชิกได้เห็นถึงความมั่นคงของบริษัท


ถ้าพูดถึงธุรกิจแห่งความมั่นคง ที่คนจะฝากชีวิตไว้ ดิฉันคิดว่าโมรินดาเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ให้กับคนในธุรกิจเครือข่าย ในตอนนี้เราทำการขยายธุรกิจไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และมีการเปิดสำนักงานไปกว่า 50 ประเทศ ในความเป็นโมรินดาแล้ว ภาพลักษณ์ของเราไม่ได้น้อยหน้าใครในวงการขายตรง


สำหรับโมรินดา ประเทศไทย ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ก้าวไปทีละสเต็ป ข้อดีของ โมรินดา


ประเทศไทย คือ สินค้าของทางบริษัทมีผู้บริโภคเป็นประจำ ด้วยการที่บริษัทเปิดในเมืองไทยมายาวนาน นอกเหนือจากแผนธุรกิจที่ยอดเยี่ยมแล้ว สินค้าของบริษัทก็ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทโมรินดาเติบโตอย่างมั่นคง


เมื่อเราเทียบสินค้าของเรากับคู่แข่งในตลาด คุณภาพของสินค้าเราไม่ได้น้อยหน้าใคร อีกอย่างสินค้าของเราก็ไม่แพง คนทุกกลุ่มสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์สกินแคร์ของเรา เราขายอยู่ชุดละ 3,500 บาท ที่อื่นขายคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่ขายแพงกว่าเรา บางที่ขายแพงกว่าเราหลายเท่าตัว


จุดผลิตภัณฑ์ของโมรินดา ทุกตัวมีความเป็นธรรมชาติ ทางบริษัทใช้ส่วนผสมทุกอย่างมาจากธรรมชาติ ทำให้บางบริษัทไม่ค่อยมีปัญหา เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของสารเคมี อย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของบริษัท เน้นส่วนผสมมาจากพืชสมุนไพร ไม่มีผลข้างเคียง


ส่วนสินค้าเสริมอาหารของเรา ทำไมต้องเป็นไบโอแอคทีฟ เพราะว่าในส่วนผสมหลักๆ แล้วจะเห็นว่าส่วนผสมของเราจะเป็นส่วนผสมที่มาจากผลไม้ที่ให้คุณค่าสูง แต่ส่วนผสมหลักยังต้องเป็นผลิตภัณฑ์จากโนนิอยู่ เราเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้า แน่นอนว่าหากสินค้าของเราไม่ดีจริง เราคงจำหน่ายไม่ได้โมรินดา เป็นบริษัทที่สร้างโอกาส ในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทก็เป็นสินค้าที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพอีกทั้งเวลาที่ทำงานทางบริษัทมองว่าผู้จำหน่ายถือเป็นหุ้นส่วนของบริษัท


3ปียอดขายพุ่งกระฉูด โตกว่า 100 เปอร์เซ็นต์


ผู้จัดการประจำประเทศไทย โมรินดากล่าวว่า หลังจากที่เธอมารับหน้าที่บริหารงานให้กับ โมรินดา ประเทศไทยเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ในช่วงแรกๆ จะเน้นหนักในการสร้างแบรนด์ เพื่อให้คนในวงการขายตรงรับรู้ว่า โมรินดา ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง


ปีแรกที่ดิฉันเข้ามาดูแลงานบริหารนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ พอปีที่ 2 เราก็เน้นสร้างภาพลักษณ์ ของบริษัทให้ดูดี ส่วนปีที่ 3 เราเริ่มกลับมาสู่เส้นทางของความสำเร็จ ในแง่ของภาพลักษณ์แล้วถือว่าเราประสบความสำเร็จ เกินเป้าหมายที่เราวางไว้


ในแง่ของยอดขายของ โมรินดา ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีการเติบโตที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ซึ่งการเติบโตขึ้นกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ปัจจัยที่ทำให้บริษัทเติบโต เป็นผลมาจากทาง โมรินดา มีฐานผู้บริโภคเดิมที่ใช้สินค้าอยู่แล้ว นี่คือส่วนหนึ่งของการเติบโต ปัจจัยต่อมาคือผู้นำที่อยู่กับบริษัทมาสิบกว่าปี และผู้นำใหม่ที่เข้ามา เป็นปัจจัยที่ทำให้ โมรินดาสามารถเดินตลาดได้มากพอสมควร


ประจวบกับการที่เรามีการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆ ทำให้ผู้บริโภคและสมาชิกมีทางเลือกในการจับจ่ายสินค้ามากขึ้น ทำให้สินค้าของเราถึงมือผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าของเรามีมากขึ้น โดยสินค้าน้ำโนนิ Originl และ Pure ถือเป็นสินค้าที่ทำตลาดในเมืองไทยได้เป็นอย่างดี สมาชิกของเราก็มีส่วนทำให้ยอดขายของเราโต เขาคอยแนะนำสินค้าดีๆ ให้ไปถึงมือผู้บริโภค และผู้บริโภคเมื่อเขาใช้ดีแล้วบอกต่อ ทำให้ตลาดของเราเติบโตอย่างมาก


สำหรับแผนการจ่ายผลตอบแทนของบริษัทยังคงใช้แผนแบบเดิมซึ่งมีการจ่ายผลตอบแทนกลับไปสู่สมาชิกถึง 53 เปอร์เซ็นต์ แผนดังกล่าวผ่านการพิสูจน์แล้วว่า เป็นแผนที่ทำได้จริงและมีความยุติธรรม และยืนยันว่าทาง โมรินดา ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนไปใช้แผนไบนารี่อย่างแน่นอน


ถ้าพูดถึงเรื่องแผนแล้ว โมรินดา มีความแตกต่างจากที่อื่น 100 คะแนนจากคะแนน CV เราจ่ายให้สมาชิก 53 คะแนน เราจ่ายให้สมาชิกมากกว่าบริษัทเก็บเข้าบริษัท นอกจากนี้เรายังมีโปรโมชั่นรายเดือน โปรโมชั่นการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลตอบแทนแยกต่างหากไม่เกี่ยวกับ 53 เปอร์เซ็นต์ แผนการตลาดของ โมรินดา มี รายได้ถึง 8 ทาง เป็นแผนยูนิเลเวล จ่ายสูงถึง 53 เปอร์เซ็นต์ กินลึกถึง 8 ชั้น เรายังใช้แผนยูนิเลเวลไม่เปลี่ยนไปใช้แผนไบนารี่อย่างแน่นอน


ไอเดียบรรเจิดใช้ขวดโนนิทำขาเทียม เดินเครื่องปีหน้าจัดหนักคืนกำไรเพื่อสังคม


คุณวิภารัตน์ กล่าวต่อไปว่าในปี 2556 บริษัทวางแผนที่จะทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยให้สมาชิกนำขวดโนนิเปล่าที่เป็นอลูมิเนียม มาแลกซื้อขวดใหม่ในราคาพิเศษ และจะรวบรวมขวดเพื่อนำไปทำขาเทียมให้กับผู้พิการ


ในปีหน้าเราตั้งใจที่จะทำเรื่องนี้ เนื่องจากขวดของเราทำจากอลูมิเนียม สามารถใช้ได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ อันที่จริงเราตั้งใจจะเริ่มทำโครงการดังกล่าวในปีนี้ แต่เนื่องจากสินค้าขวดใหม่ของเราเพิ่งเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้าย เราจึงต้องใช้เวลาสักพักในการรวบรวมขวด ปีหน้าเราจะดำเนินโครงการนี้อย่างแน่นอน นี่คือสิ่งหนึ่งที่ดีของแพ็คเก็จจิ้งใหม่ของสินค้าอีกทั้งเวลาสมาชิกไปเปิดตลาดคนรุ่นใหม่ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากแพ็ตเกจจิ้งใหม่ของเรานั้นดูทันสมัยถูกใจคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ อินเน็ตเวิร์ค ปักษ์เเรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2555 ฉบับที่ 155

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวมิ้ลค์กี้ เวย์ (Milky Way Network) : งาน Milky Way The Star Award สมาชิกล้นทะลักกว่า 3,000 คน !









เมื่อเร็วๆ นี้ น้องใหม่แห่งวงการธุรกิจเครือข่ายขายตรง บริษัท มิ้ลค์กี้ เวย์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ได้จัดในงาน S0lf Opening และพิธีประดับเข็มเกียรติยศ ครั้งที่ 1 (Milky Way The Star Award) เพื่อประกาศเกียรติคุณให้กับสมาชิกที่สามารถพิชิตตำแหน่งอันทรงเกียรติ โดยมีสมาชิกหลั่งไหลเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน ร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนสมาชิกที่ได้รับตำแหน่ง บรรยากาศภายในงานมีการแสดงมินิคอนเสิร์ต แมงปอล้อคลื่น ทอร์คโชว์จากมือโมติเวเตอร์ระดับประเทศ พร้อมกันนี้สมาชิกที่เข้าร่วมงานยังได้ลุ้นรับของรางวัลกันอีกมากมาย อาทิ รถยนต์ ทองคำ ทีวี ตู้เย็น ฯลฯ งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุม ชั้น 6 ห้างอิมพีเรียลเวิร์ล ลาดพร้าว

ข่าวประชาสัมพันธ์อาวียองซ์ (Aviance Thailand) : อาวียองซ์เปิดตลาดความงามที่กัมพูชาอย่างเป็นทางการ








 


อาวียองซ์ (aviance) แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยม ภายใต้การบริหารงานของยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย รุกตลาดความงามสู่ประเทศกัมพูชาเปิดตัว อาวียองซ์ กัมพูชา อย่างเป็นทางการ โดยมี มร.บาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย และ สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด บินไปร่วมงาน พร้อมร่วมแสดงความยินดีกับผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์กัมพูชา Mr.Soun Kosal ที่สามารถพิชิตตำแหน่งในระดับ Area Executive Business Associate ได้สำเร็จเป็นคนแรก อีกทั้งยังได้ทำการเปิด อาวียองซ์ ช็อป เฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรก ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา


บรรยากาศภายในงานอบอุ่นและเป็นกันเอง จากผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ทั้งจากประเทศไทยและกัมพูชา ที่เข้าร่วมงาน ที่แท็กทีมกันมาด้วยความมุ่งมั่นเพื่อต้องการพบความสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจเครือข่าย ที่อาวียองซ์พิสูจน์แล้วด้วยยอดสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ กัมพูชา ที่มีมากกว่า 6,000 รหัส จากความสำเร็จที่ตอบรับโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา ประกอบกับยูนิลีเวอร์เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีความแข็งแกร่ง และเป็นที่รู้จัก ทำให้สมาชิกมีความมั่นใจในธุรกิจ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง โดยได้ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ด้วยการประกาศความสำเร็จของ Mr.Soun Kosal ผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์กัมพูชา ที่สามารถพิชิตตำแหน่งในระดับ Area Executive Business Associate เป็นคนแรก


หลังจากที่ได้ทำพิธีเปิดตัวอาวียองซ์ กัมพูชา อย่างเป็นทางการ แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน อาทิ H.E. Mao Thora เลขาธิการกระทรวงพาณิชย์ ประเทศกัมพูชา, Mr.Mark Gooding เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศกัมพูชา รวมถึงซูเปอร์สตาร์แนวหน้าของประเทศกัมพูชา Mr.Chhon Sovannareach และ Ms.Ouk Sokunkanha ยังมีโอกาสได้เยี่ยมชม อาวียองซ์ ช็อป เฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรก ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารยูนิลีเวอร์ (แคมโบเดีย) ลิมิเตด (Unilever Camboida Limited) ที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศ หรูหรา อบอุ่น และเป็นกันเองด้วยงบการลงทุนกว่า 10 ล้านบาท และยังเปิดให้ผู้ร่วมธุรกิจที่มาร่วมงานได้ทดลองตรวจเช็คสภาพผิวหน้า โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณจากอาวียองซ์อีกด้วย อาวียองซ์ ช็อป เฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรก ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา พร้อมแล้วที่จะให้บริการเหล่าบรรดาผู้ร่วมธุรกิจเครือข่าย อาวียองซ์กัมพูชา โดยแบ่งออกเป็น 4 โซน คือ โซนช็อปปิ้ง, โซนบิสิเนส, โซนบริการตรวจวิเคราะห์ผิว และโซนฝึกอบรม


[gallery]


*************************************************************


หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด


โทร.0-2619-0429 ถึง 30 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์


 

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวกิฟฟารีน (Giffarine) : กางแผน56ลุยต่างประเทศ








 


กิฟฟารีน ฟันธงขายตรงปีหน้าโต กางยุทธศาสตร์ปี 56 ลุยต่างประเทศดันสัดส่วนส่งออกปี 58 แตะ 500 ล้าน เล็งปรับคอนเทนต์ทีวีดาวเทียมดึงกันตนาเสริมแกร่งเจาะฐานลูกค้าระดับแมส สานต่อธุรกิจ 16 ปี โกยยอด 5 หมื่นล้าน
พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรง ภายใต้ชื่อ "กิฟฟารีน" เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจขายตรงปี 2556 คาดว่ายังเติบโตได้ หากไม่มีปัจจัยลบทั้งด้านการเมือง และภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ปีนี้คาดว่าธุรกิจขายตรงจะเติบโตประมาณ 7-10% และมีมูลค่าราว 8 หมื่นล้านบาท ส่วนบริษัทคาดการณ์ยอดขายปีหน้าว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่องระดับ 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะปิดยอดขายรวมแตะ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 5.4 พันล้านบาท
ทั้งนี้ แผนธุรกิจปีหน้าบริษัทจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตลาดในประเทศอินโดนีเซีย และเจาะตลาดเวียดนามในปี 2557 เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 โดยโมเดลในการเจาะตลาดต่างประเทศนั้นจะมี 2 รูปแบบ คือการให้ไลเซนส์แก่พาร์ตเนอร์ท้องถิ่นเพื่อขยายตลาด และการลงทุนเองทั้งหมดหรือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สำหรับธุรกิจขายตรงในอาเซียนเกือบทุกประเทศถือว่ามีการเติบโตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมาเลเซียถือว่าเติบโตสูงสุดและบริษัทมีการเปิดช็อปประมาณ 20 สาขา ตามด้วยพม่า กัมพูชา และลาว
"ในปี 2558 บริษัทวางเป้าหมายขายจากต่างประเทศเพิ่มเป็น 500 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 200 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายยอดขายในประเทศไทยจะถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาท บริษัทยอมรับว่าคาดการณ์ได้ยาก เพราะปัจจุบันธุรกิจมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นทั้งภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นและปัจจัยการเมือง ซึ่งกระทบยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีความขัดแย้งเกิดขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทดำเนินธุรกิจขายตรงมา 16 ปี ค่อนข้างโชคดีที่ยอดขายเติบโต 10% มาโดยตลอด และไม่มีปีใดที่ติดลบ และปีนี้บริษัทได้ฉลองยอดขายรวมถึง 5 หมื่นล้านบาท และมีการจ่ายผลตอบแทนให้กับนักธุรกิจราว 2.4 หมื่นล้านบาท ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา" พ.ญ.นลินี กล่าว"
ด้านนายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด กล่าวว่า ปีหน้าบริษัทจะมีการปรับแผนธุรกิจโดยเฉพาะทีวีดาวเทียมด้วยการเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ๆเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างและเป็นระดับแมสมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้หารือกับผู้ผลิตรายการทีวีรายใหญ่อย่างกันตนา เพื่อพัฒนาคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการและกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และบริษัทยังมีแผนจะซื้อลิขสิทธิ์รายการทีวีจากต่างประเทศมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่องด้วย ที่สำคัญบริษัทจะปรับทีวีดาวเทียมให้มีความพร้อมในการออกอากาศที่คมชัดมากขึ้น เพื่อสอดคล้องกับอนาคตที่จะมีทีวีดิจิตอลมากขึ้น
"ปีหน้าช่องทีวีดาวเทียมของกิฟฟารีนก็จะปรับให้พร้อมสู่การเป็นระบบดิจิตอล คือการผลิตรายการจะต้องมีความละเอียดคมชัดมากขึ้น และคอนเทนต์ของช่องก็จะเพิ่มรายการวาไรตีขยายฐานลูกค้าให้แมสเพิ่มจากปัจจุบันที่มีคนดูช่องของกิฟฟารีนประมาณ 1 แสนครัวเรือน เบื้องต้นปีหน้าคาดว่าจะมีรายการใหม่เพิ่ม 1 รายการ จากที่มี 9 รายการ และจะทำให้สัดส่วนรายการที่ออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง เป็นรายการใหม่ 80% จากปีนี้ 70% รายการเดิมออกอากาศซ้ำ 30%" นายพงศ์พสุ กล่าว


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,796 วันที่ 2- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวกิฟฟารีน - (Giffarine) : สอยลูกจ้างSMEเข้าขายตรง








กิฟฟารีน เผยธุรกิจขายตรงพร้อมอ้าแขนรับคนตกงานหากเอสเอ็มอีล้ม พร้อมคุยปีนี้สินค้าทุกกลุ่มขายดี โดยเฉพาะเดือน พ.ย.ยอดพุ่ง 30% หลังไตรมาสแรกยอดขายสะดุดเพราะพิษน้ำท่วม
นางนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงภายใต้แบรนด์ กิฟฟารีน เปิดเผยว่า จากนโยบายการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2556 เป็นต้นไปนั้น คาดว่าน่าจะส่งผลกระทบให้กับผู้ ประกอบการพอสมควรโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็ม อี เนื่องจากมีเงินทุนในการดำเนินธุรกิจน้อยซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าวอาจทำให้เกิดปัญหาการคนตกงาน โดยในส่วนของคนตกงานส่วนหนึ่งคาดว่าจะหันมาทำธุรกิจขายตรง เพราะเป็นอา ชีพอิสระที่สร้างรายได้ดี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อาชีพ ธุรกิจขายตรงกลายเป็นอาชีพที่ 2 ของผู้ที่ทำ งานประจำไปแล้วส่วนหนึ่ง


สำหรับในส่วนของบริษัทนั้น ปัจจุบันมีสมาชิกผู้บริโภคมากกว่า 6.3 ล้านรหัส โดยในจำนวนดังกล่าว 5 แสนรหัส เป็นสมาชิกที่มีรายได้ และ 50,000 รหัส เป็นนักธุรกิจที่มีรายได้ประจำ ซึ่งจากจำนวนสมาชิกที่มีรายได้ดังกล่าวถือว่าเป็นที่พอใจมาก ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงต้องมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับตลอดระยะเวลากว่า 16 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีรายได้รวมตลอดระยะเวลาดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท
ส่วนแผนการทำตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ บริษัทได้มีการเปิดตัวผลิต ภัณฑ์ใหม่เข้าทำตลาด เช่น ชุดผลิตภัณฑ์ เอดดัลไวส์ และชุดกิฟฟารีนกลามอรัสบิวตี้ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปีนี้ โดยสิ้นปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดขาย อยู่ที่ประมาณ 5,800 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนประมาณ 8-10% ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้เล็กน้อยว่าจะเติบโตที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท เนื่องจากมียอดขายสะดุดไปในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เพราะยังไม่สามารถผลิตสินค้าเข้าทำตลาดได้ตามปกติภายหลังจากประสบปัญหาน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม หลังจากกลับมาผลิตสินค้าได้ตามปกติในช่วงไตรมาส 2 ส่งผลให้ยอดขายตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นมา มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงเดือน พ.ย.นี้ มียอดขายเติบ โตสูงถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในส่วนของปีหน้าคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ที่ประมาณ 10%.



Credit By :ryt9.com

อาวียองซ์ยินดีกับ 3 รหัส ขึ้นทำเนียบนักขายตรงดีเด่น 2555








 


สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ มนต์ชัย เดโชจรัสศรี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย แห่ง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ 3 รหัส ที่ได้รับรางวัลนักขายตรงดีเด่น ประจำปี 2555 ได้แก่ ณัฐวัฒน์ เจริญวัฒนมงคล ยศสรัล ศรีพงษ์จิรา, ปารณีย์ ทัศน์พล บู้หลง และ ประดับเดือน พวงจันทร์ ในงานวันเกียรติยศ นักขายตรงไทย ประจำปี 2555 ค่ำคืนแห่งดวงดาวจรัสฟ้า ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี


 


 


Credit By :ryt9.com

มิลค์กี้เวย์ เน็ตเวิร์ค(Milky Way Network):ท้ารบแชมป์ขายตรง ใส่เกียร์ห้าสร้างโมเดลเต็มรูปแบบ









"มิลค์กี้เวย์" น้องใหม่วงการธุรกิจเครือข่ายขายตรง ยังมาแรงไม่เลิก ใส่เกียร์ห้าเร่งสปีดสร้างโมเดล ลั่นอีก 7 ปี ขอขึ้นบัลลังก์เบอร์ 1 ธุรกิจขายตรง โชว์ศักยภาพหลังชิมลางตลาดเพียง 8 เดือน ยอดสมาชิกเข้ามาอื้อซ่าทะลุ 3 หมื่นรายแล้ว มั่นใจตัวเลขยอดขายปิดหีบได้แน่ 250 ล้านบาท พร้อมประกาศแผนงานปีงูเล็ก เตรียมโรดโชว์ตลาดต่างประเทศ หวังขยายฐานมูลค่ายอดขาย


นายสุมิตร วชโรดมทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลค์กี้เวย์เน็ต เวิร์ค จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามเปิดเผยกระแสหลังจากบริษัทฯ ได้เปิดแบ็กออฟฟิศว่า ที่ผ่านมากระแสตอบรับดีมาก โดยเฉพาะสมาชิกของเราให้ความมั่นใจบริษัทฯ มากขึ้น เนื่องจากเราทำให้เห็นเป็นรูปธรรม แล้วทำออกมาให้เห็นภาพชัดเจน ทุกคนจึงมั่นใจว่า บริษัทฯ กล้าลงทุน ซึ่งต่อจากนี้ไป บริษัทฯ จะเร่งผลักดันในการสร้างโมเดลที่จังหวัดอุดรธานี และในปีหน้า บริษัทฯ จะเดินตลาดต่างประเทศ 100% อย่างเต็มรูปแบบ


ในส่วนของโครงสร้างโมเดลขณะนี้นั้น บริษัทฯ ได้วางระบบรองรับสมาชิกใหม่ โดยเฉพาะในการปั้นสมาชิกให้สามารถเดินธุรกิจได้อย่างเต็มตัว และบริษัทฯ เตรียมเดินตลาดต่างประเทศ โดยการวางแผนที่จะไปโรดโชว์ใน 10 ประเทศ โดยเฉพาะแถบตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตะวันออกกลางจะไปเพียง 2 ประเทศ ก็คือ ดูไบกับเยเมน เนื่องจาก 2 ประเทศนี้ เรามีคู่ค้าอยู่แล้ว โดยการดำเนินธุรกิจจะให้คู่ค้าไปกระจายโมเดลสานต่อยอดอีกทางหนึ่ง


สำหรับสัดส่วนการทำตลาดของบริษัทฯ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายปีหน้า 1 พันล้านบาท จาก 10 ประเทศ และตลาดในประเทศ ยอดขายอยู่ในระดับแตะ 1 พันล้านบาท เช่นกัน ทั้งนี้ จากการที่เราตั้งเป้าหมายยอดขายตลาดในประเทศและต่างประเทศออกมาเท่ากันนั้น เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทฯ วิเคราะห์และพิจารณาจากกระแสะการตอบรับ จำนวนวอลุ่มในการสั่งซื้อสินค้า จำนวนสมาชิกใหม่ที่เข้ามาเรามีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงในเรื่องของระบบต่างๆ ในการสร้างโมเดลนั้น ได้ถูกเซตไว้ทั้งหมดแล้ว ตรงนี้ถือว่า เป็นข้อได้เปรียบของบริษัทฯ ของเรา


"ตรงนี้ถือว่าเราได้เปรียบ เรามีการวางแผนไว้ชัดเจนว่า ธุรกิจจะเดินทางไหน เราสามารถตอบโจทก์ตั้งแต่แรก เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน หากพิจารณาตลาดต่างประเทศแล้ว หากธุรกิจดังกล่าวไม่มีการวางแผนที่ดี กว่าจะออกไปต่างประเทศมันต้องใช้เวลา ซึ่งถือว่าการทำธุรกิจนั้นตลาดในประเทศจะต้องนิ่งเสียก่อน" นายสุมิตร กล่าว


นายสุมิตร ยังได้กล่าวถึงนโยบายของบริษัทฯ ว่า บริษัทฯ มีการกำหนดจุดมุ่งหมายไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะนโยบายของเรานั้น ต้องขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจนี้แทนบริษัทฯ ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเรามั่นใจ โดยเฉพาะการประกาศนโยบายช่วงเปิดบริษัทฯ ว่า ภายใน 7 ปี เราจะต้องขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ทั้งนี้ การที่เราแสดงจุดยืนออกมา เนื่องจากถ้าบริษัทฯ ไม่มีความชัดเจนในเรื่องของนโยบายแผนการตลาดที่วางเอาไว้ก็คือ ทางด้านยอดขาย ซึ่งปัจจุบันเรามีความได้เปรียบในความเป็นสัญชาติไทย โดยบริษัทฯ จะใช้ยอดขายรวม ของบริษัทฯ รวมถึงฐานยอดขายตลาดในต่างประเทศ รวมถึงวอลุ่มการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งวันนี้บริษัทฯ มีโมเดลตลาดส่งออกชัดเจน


"ยอมรับว่าผู้นำตลาดในเวลานี้ เขาปลูกฝังให้สมาชิกรักองค์กร ดังนั้น จุดตรงนี้เราจะพยายามเร่งผลักดันให้มันเดินไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ดังนั้น หากโมเดลในเมืองไทยประสบความสำเร็จได้เร็วเท่าไหร่ เราก็สามารถขึ้นมาครองที่ 1 ได้อย่างแน่นอน"


นายสุมิตร ยังกล่าวยอมรับว่า สำหรับผู้นำตลาดในเวลานี้ ซึ่งหากเราเปรียบเทียบกับยอดขาย จุดนี้เราสู้ได้ แต่หากเปรียบเทียบกับแบรนด์ดิ้ง เวลานี้ยังไม่สามารถเทียบกันได้ ซึ่งเราก็คงต้องใช้เวลาอีกสักพักเวลาหนึ่ง


นายสุมิตร ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานว่า บริษัทฯ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดขายของเราจะอยู่ในระดับ 250 ล้านบาท ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาภายใต้ชื่อ "ฟาเรนไฮท์" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้สภาพร่างกายได้กลับคืนมาสู่ภาวะปกติ จากการวิจัยพบว่า กลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป หรือประมาณ 30% ก็คือ คน 20 ล้านคน มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพในเรื่องดังกล่าวนี้ โดยสินค้าตัวนี้จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในตลาดอย่างมากในเวลานี้


ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งก็คือ "เบต้าคลูแคน" 30 แคปซูล นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทฯ ยังมีสินค้าที่กำลังจดลิขสิทธิ์กับองค์กรอาหารและยา (อย.) อีกจำนวนหลายชนิด อาทิ แชมพูสระผม ถือว่าเป็นแชมพูสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ขณะเดียวกัน สินค้าของเรายังสามารถส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้ทั้งหมด เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ เป็นสินค้าที่ทำมาจากสมุนไพรเกือบ 100%


อย่างไรก็ตาม จากการที่เราได้รุกสื่อออนไลน์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์การดูแลสุขภาพภายในสุภาพสตรี "Gassilana" ซึ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ บริษัทฯ ได้ทุ่มงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อวางผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ


"ต้องยอมรับว่า กระแสผู้บริโภคเขารับสื่อออนไลน์ ทำให้เขาเชื่อมั่นกับตัวผลิตภัณฑ์ของเรา มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพภายในสุภาพสตรี คาดว่าจะมียอดเกิน 100 ล้านบาท เนื่องจากเรามีสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะสถานีวิทยุมากกว่า 1 พันช่องทั่วประเทศ ในการกระจายข่าวประชาสัมพันธ์ของผลิตภัณฑ์นี้อย่างต่อเนื่อง" นาย สุมิตร กล่าวว่า นายสุมิตร กล่าวต่อว่า ในส่วนของแผนการทำตลาดของบริษัทฯ โดยขณะนี้เราเตรียมหาพื้นที่ในจังหวัดอุดรธานี สร้างเป็นศูนย์คอนเวนชั่นฮอลล์ ศูนย์รวมธุรกิจทางอาเซียน โดยตรงนี้จะมีแบ็กออฟฟิศ เพื่อที่จะรองรับระบบโลจิสติกส์ ซึ่งจะทำเป็นศูนย์สัมมนาคอร์สเทนนิ่งและห้องคอนเฟอเรนซ์ออนไลน์ โดยตั้งงบประมาณ 100 ล้านบาท ในการทำศูนย์คอนเวนชั่นฮอลล์"


ปัจจุบันนี้เรามีตัวเลขสมาชิกกว่า 3 หมื่นราย ในการที่จะสื่อสินค้าของเราไปสู่ผู้บริโภค และทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีสาขาที่พร้อมจะให้บริการแก่ ผู้บริโภค อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น หาดใหญ่ และที่สุราษฎร์ธานี เป็นต้น



Credit by :ryt9.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล งานมอบเข็มเกียรติยศประจำเดือนธันวาคม 2555 ณ ฮอล 9 เมืองทองธานี








 


บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขอเชิญสมาชิกนีโอ ไลฟ์ฯ ทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า 2555 ต้อนรับปีใหม่ 2556 อย่างยิ่งใหญ่ใน "งานมอบเข็มเกียรติยศความสำเร็จประจำเดือน ธันวาคม 2555" ในวันอังคารที่ 25 ธันวาคม 2555 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เมืองทองธานี้ ฮอลล์ 9 ภานใต้รูปแบบงานฉลองคริสมาสต์และสวัสดีปีใหม่ 2556


ซี่งภายในงานจะเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมาย สมาชิกทุกท่านที่มาร่วมงานจะได้รับของที่ระลึก รวมไปถึงกิจกรรมสอยดาวเพื่อลุ้นรับรางวัลจาก นีโอ ไลฟฯ พร้อมกันนี้สมาชิกที่มีใบเสร็จรับเงินจากการซื้อสินค้าของนีโอ ไลฟ์ฯ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 ยังได้มีโอกาสลุ้นรับรถยนต์ฮอนด้าบริโอ้ และของรางวัลต่างๆ และที่พลาดไม่ได้ คอนเสิร์ตจาก ศิลปินวง ETC พิเศษสุดสำหรับเดือนนี้ด้วยการมาร่วมงานของ เคน ภูภูมิ พงศ์ภานุ และ ป๊อบ พิชฒน์ ตันทา วีกิจและน้องต่อจากละครแรงเงา


ขอขอบคุณแหล่งที่มาhttp://www.neolife.co.th

ข่าวแอมเวย์ (Amway Thailand) : รับรางวัลบรรษัทภิบาลดีเด่น ปี 2555 ประจำภาคกลาง









นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) (ขวา) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลบรรษัทภิบาลดีเด่น ประจำปี 2555 ประจำภาคกลาง ให้แก่นางชุมพฤนท์ ยุระยง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย) ในฐานะที่ดำเนินธุรกิจด้วยหลัก บรรษัทภิบาล ยึดถือความโปร่งใส และความซื่อสัตย์สุจริตต่อสังคม ผู้บริโภค ผู้จำหน่ายอิสระและพนักงาน มาตลอด 25 ปีที่ดำเนินการในประเทศไทย

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวอาวียองซ์: ต้อนรับ REBA รหัสล่าสุดกับฝันที่อยากเป็นมหาเศรษฐีคนแรกของตระกูล ในงาน U Success Day คุณทำได้...เราทำได้









แม่ทัพหญิงคนเก่ง สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังความเกรียงไกร แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยม อาวียองซ์ (aviance) จัดงาน U Success Day คุณทำได้...เราทำได้ ณ หอประชุมมหิศร ไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า ที่ส่งท้ายปี 2012 ด้วยความยิ่งใหญ่กับการต้อนรับเหล่าสมาชิกที่ขึ้นตำแหน่งกว่า 400 รหัส ตั้งแต่ระดับ Senior Business Associate จนถึงระดับสูงสุดในงาน Regional Executive Business Associate ได้แก่ ภัคกลม เพ็ชรสุก และฐิติพันธ์ โกมลวิวัฒน์ พร้อมด้วยการประกาศรางวัลผู้พิชิตสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และiPad 2 ในโปรแกรม Super Star Reward แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดกับการประกาศรางวัลผู้พิชิตทริปท่องเที่ยวฮ่องกง เซินเจิ้น แบบทัวร์ยกแก็งค์


ประธานบริหาร อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด สุชาดา ธีรวชิรกุล เผยว่า ทุกครั้งที่มีโอกาสมายืนบนเวทีแห่งความสำเร็จในงาน U Success Day ดิฉันรู้สึกดีใจ ภูมิใจ และยินดีกับความสำเร็จของผู้ร่วมธุรกิจที่ได้ขึ้นตำแหน่งทุกท่านค่ะ และครั้งนี้เรามีผู้ร่วมธุรกิจที่ขึ้นตำแหน่ง Regional Executive Business Associate ได้แก่ ภัคกลม เพ็ชรสุก และฐิติพันธ์ โกมลวิวัฒน์ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราชาวอาวียองซ์เป็นอย่างมาก เพราะทั้ง 2 ท่านได้สร้างผลงานที่สุดยอดทั้งในประเทศไทย และกัมพูชา ซึ่งเราจะเห็นสายสัมพันธ์นี้ได้จากงานในวันนี้ ที่ผู้ร่วมธุรกิจเครือข่าย อาวียองซ์กัมพูชาได้เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับ 2 ท่านด้วย ครั้งนี้มีหลายเรื่องราวดีๆ ที่อยากจะแชร์ให้พวกเราได้ทราบกันค่ะ ซึ่งเรื่องราวดีๆ เรื่องแรกนั้นคือความภูมิใจของพวกเราชาวยูนิลีเวอร์ เมื่อเดือนที่แล้วสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาของกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย ที่ลาดกระบัง พระองค์ท่านได้มีโอกาสทอดพระเนตรสินค้าต่างๆ ของยูนิลีเวอร์ หนึ่งในนั้นก็คืออาวียองซ์ ซึ่งท่านสนพระทัยและถามว่า ผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ต่างกับสินค้าอื่นๆ ของยูนิลีเวอร์อย่างไร พวกเราจึงตอบท่านว่าอาวียองซ์เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงซึ่งอยู่ในช่องทางการจัดจำหน่ายรูปแบบธุรกิจเครือข่าย ไม่เพียงเท่านี้ ในโอกาสที่ยูนิลีเวอร์อยู่ในประเทศไทยมาแล้ว 80 ปี จากปณิธานอันมุ่งมั่นที่เมื่อยูนิลีเวอร์ไปอยู่ในประเทศใดก็ตาม จะต้องทำให้คนในประเทศนั้นๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย จึงได้เกิดโครงการ บ้าน U สุข ที่อยู่ยูนิลีเวอร์จะสร้างบ้านจำนวน 80 หลังมอบให้แก่คนดีที่มีฐานะยากจน แต่ช่วยเหลือตัวเอง มีความมุ่งมั่น สู้ชีวิต และจากโครงการนี้ยังได้ต่อยอดไปสู่โครงการ 1 ล้านการให้ เพื่อจุดประกายการ ให้ แบบไม่ต้องรอวิกฤติ โดยในงานนี้อยากให้ทุกคนมาช่วยกัน โดยจะมีการ ให้ ถึง 8 รูปแบบ เพื่อให้ครบ 1 ล้านการให้ โดยแบบแรก ให้กอด ด้วยการบริจาคเงินเพื่อนำไปซื้อผ้าห่ม เสื้อกันหนาว นำไปบริจาคให้แก่ชาวเขา ผ่านสภากาชาดไทย ที่จะมีดาราศิลปินมาให้กอด ให้อิ่ม ร่วมแรงแข็งขันทำอาหารนำไปมอบให้แก่บ้านราชวิถี และบ้านบางแค โดยจะมีดาราศิลปินมาร่วมด้วยช่วยอีกแรง ให้ใจ มาร่วมกันถักหมวก ผ้าพันคอ บริจาคเลือด เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วย ให้โอกาส ร่วมกันอ่านหนังสือให้แก่คนตาบอดได้ฟัง ให้แรง มาช่วยกันแพ็คถุงให้สุข ให้ครบ 8,000 ถุง ให้ป่ะ มาร่วมเวิร์คชอปธรรมะ ซึ่งเป็นฐานการให้อภัย พร้อมทั้งให้เขียนข้อความว่าเราจะให้อภัยใคร เพราะอะไร ให้ค่ะ ให้ประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ที่สามารถทำได้เองแบบ DIY และ ให้สุข กับภาพถ่ายรอยยิ้มต่างๆ ที่จะอัพโหลดขึ้นโชว์บนเฟสบุ๊ค โดยงานนี้จะมีขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ ณ สนามกีฬาไทย ญี่ปุ่น ดินแดง เวลา 10.00 18.00 น. มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่ง 1 ล้านการให้ ด้วยกันค่ะ


นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก อภิวัชร์ วิบูลย์วัฒนกุล National Executive Business Associate มาร่วมเผยถึงความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ว่า ครั้งหนึ่งผมเคยอยากเป็นนักแสดง ไปแคสติ้งทุกอย่างเรียบร้อย แต่กลับจบลงด้วยความที่ผมไม่กล้า สุดท้ายพอโฆษณานั้นออกอากาศทางโทรทัศน์ ที่มีผู้ชายหน้าตาจีนๆ พูดประโยคว่า ป.ปลา นั้นหายาก ต้องลำบากออกเรือไป เวลานั้นทุกคนจดจำโฆษณาชิ้นนั้นได้หมด รวมถึงผู้ชายคนนั้น อาเม้ง ที่ควรจะเป็นผม เวลานั้นผมรู้แล้วครับว่าผมพลาดโอกาส แต่เมื่อผมได้พบกับโอกาสอีกครั้งกับการได้เป็นผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ ผมจะไม่ยอมพลาดโอกาสดีๆ อีกครั้ง ผมมุ่งมั่นทำธุรกิจด้วยความเชื่อที่ว่า ไม่มีใคร Born to be มีแต่ทำซ้ำๆ และยิ่งทำมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นเลิศในด้านนั้นๆ ล่าสุดที่ผมได้มีโอกาสไปดูคอนเสิร์ตแบบเบิร์ด เบิร์ด ผมเชื่อครับว่าพี่เบิร์ดก็ต้องผ่านการซ้อมซ้ำๆ มาอย่างหนัก และถ้าให้บอกคอนเสิร์ตรอบแรกกับรอบสุดท้าย รอบสุดท้ายจะเป็นคอนเสิร์ตที่เพอร์เฟคสมบูรณ์ที่สุด เพราะได้ผ่านการซ้อมที่ซ้ำๆ ได้เห็นถึงข้อผิดพลาดในแต่ละรอบ ดังนั้นผมจึงเชื่อว่ายิ่งถ้าเราลงมือทำ ใส่ความเชื่อมั่น ความมั่นใจ หากเลือกแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จอย่างแน่นอน เหมือนผมที่เมื่อ 11 ปีก่อนตัดสินใจเลือกอาวียองซ์ และความสำเร็จของผมที่ทำมาตลอดคือ Show the Plan Share the Product ผมเชื่อครับว่าหากทำเช่นนี้ 3-5 ปี ทุกท่านมีรายได้ 6 หลักอย่างแน่นอน เพียงขอให้มี 3 คำนี้ในใจว่า ฉันทำได้ ทุกท่านทำได้แน่นอนครับ


กระทั่งเวลาแห่งความสำเร็จมาถึงกับพิธีประดับเข็มเกียรติยศให้แก่ตำแหน่งสูงสุดในงาน Regional Executive Business Associate ได้แก่ ภัคกลม เพ็ชรสุก และฐิติพันธ์ โกมลวิวัฒน์ เผยว่า เพราะมีเพื่อนเป็นผู้เปิดโอกาสให้พบกับธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ จึงทำให้เราได้พบกับรายได้ 6 หลักในเวลานี้ เพราะเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน มุ่งมั่น และทำ..ทำ..ทำ.. และธุรกิจนี้ไม่เพียงแค่เราที่ประสพความสำเร็จ แต่เรายังพาทีมประสพความสำเร็จไปด้วยกัน ช่วยให้พวกเขามีรายได้ที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หลายคนไม่เคยไปต่างประเทศก็ได้ไป ได้ขึ้นเครื่องบิน เหมือนที่ครั้งหนึ่งเราก็เป็นเช่นนั้น เราอยากขอบคุณในความจน ความไม่พร้อมของเราทั้งคู่ ที่ทำให้เรามีความอดทน แม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะประสพความสำเร็จได้ เพราะเรามีฝันที่อยากจะเป็นคนรวยคนแรกของตระกูลให้ได้ หลังจากสมัครไปด้วยเงินเพียง 600 บาท เดือนแรกที่เริ่มลงมือทำได้รับผลตอบแทนมา 1,000 บาท เดือนที่ 2 ได้รับ 3,000 บาท พร้อมกับได้เดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่ฮ่องกง สร้างความดีใจเป็นอย่างมาก ทำให้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นอาจารย์สอนบัญชีที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี มาลุยทำธุรกิจแบบเต็มเวลา โดยที่ คุณฐิติพันธ์ยังคงทำงานประจำอยู่ หลายครั้งที่รู้สึกเหนื่อย ท้อ แต่เมื่อกลับบ้าน ล้มตัวลงนอน ตื่นขึ้นมาก็พร้อมที่จะสู้ใหม่ เพราะเรา 2 คนมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ต้องสำเร็จ เพราะเป้าหมายของเรามักจะขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ ตอนนี้เรามีบ้าน มีรถยนต์ ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของอาวียองซ์ ยิ่งเวลานี้เราได้ขยายธุรกิจของเราออกไปยังประเทศกัมพูชา แม้ในตอนแรกเราไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่รู้ภาษากัมพูชา นั่นคือปัญหา แต่ถ้าเมื่อไรที่ครอบครัวของเราไม่มีเงิน นั่นเป็นปัญหาที่แก้ไขยากอย่างแน่นอน เราจึงทำทุกอย่างที่จะต้องบุกขยายธุรกิจของเราให้ได้ จนเวลานี้ผ่านมา 2 ปี ได้เห็นดาวน์ไลน์กัมพูชาที่มีเพิ่มมากขึ้น ได้เห็นพวกเขามีความเป็นอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่สบาย ที่สำคัญเรายังได้มีผู้นำในตำแหน่ง Area Executive Business Associate รหัสแรกเป็นคนกัมพูชาด้วย นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของเรา 2 คนเป็นอย่างมาก ที่เรายังได้ส่งต่อความสำเร็จนี้ โอกาสดีๆ ให้แก่คนอื่นๆ ซึ่งเคล็ดลับความสำเร็จของเราคือ Show the Plan Share the Product ทุกวัน แม้กระทั่งดาวน์ไลน์ของเราเองก็ทำเช่นเดียวกัน เป็นไปไม่ได้หากเมื่อทำแล้วจะไม่พบกับความสำเร็จ แม้ที่ผ่านมาหลายครั้งเรา 2 คนจะเหน็ดเหนื่อย แต่เรา 2 คน มีความเชื่อมั่นว่า ลำบากชั่วคราว สบายชั่วโคตร ดังนั้นเมื่อเรา 2 คนทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกัน


ความปลาบปลื้มยังไม่หมดลง พร้อมกับเสียงบูม เสียงเชียร์ ที่ดังกึกก้อง กับการแสดงความยินดีในพิธีประดับเข็มเกียรติยศ และพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณในตำแหน่งอื่นๆ โดยก่อนจบงาน U Success Day ในครั้งนี้ ยังได้ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกร่วมกัน พร้อมรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และดอกไม้หลากหลายสีจากผู้ที่มาร่วมแสดงความยินดีนับหลายร้อยคน


************************************************************


หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด


โทร.0-2619-0429 ถึง 30 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์



[gallery columns="4" orderby="title"]

ข่าวคังเซน-เคนโก: โครงการ สานสายใย เพื่อเด็กไทยสู่อนาคต








มูลนิธิอำพันยุทธ์ ร่วมกับ บริษัทคังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมภายใต้โครงการ สานสายใย เพื่อเด็กไทยสู่อนาคต ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ตระหนักถึงความสำคัญด้านการศึกษา และการพัฒนาของเด็กไทย นำทีมโดยคุณธีร์ฉัตรภัทร พิมพ์แสง ผอ.ฝ่ายการตลาด พร้อมคณะเดินทางไปร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยมอบเงินสดเพื่อใช้ส่งเสริมด้านการศึกษา เครื่องอุปโภค-บริโภค และเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับนักเรียน โดยมีนางพิมพร อินทฤทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้รับมอบ ณ โรงเรียนวัดลานนา จ.ปทุมธานี วันที่ 14 ธันวาคม 2555


[gallery]

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ข่าวลาชูเล่(La Chule): ร.ต.ต. ดร.สุรเชษฐ์ เชื้อศรี รับพระราชธานโล่รางวัล พ่อตัวอย่างแห่งชาติ ปี 55








ขอแสดงความยินดีกับร.ต.ต. ดร.สุรเชษฐ์ เชื้อศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลาชูเล่ คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทในเครือที่ได้รับพระราชทานโล่รางวัลพ่อตัวอย่างแห่งชาติ ประจำปี 2555ครั้งที่ 33ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ(ไทย - ญี่ปุ่น) กรุงเทพฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์มอบประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้ถือเป็นรางวัลแห่งกำลังใจ รางวัลแห่งชีวิตของบทบาทแห่งความเป็นพ่อที่คอยขัดเกลาให้ลูกๆ เติบโตเป็นเยาวชนที่ดีของประเทศชาติ

แฮปปี้ เอ็มพีเอ็ม-Happy MPM บุกตลาดยานยนต์ เข็นผลิตภัณฑ์ดูแลรถเอาใจคนเครือข่าย


แฮปปี้ เอ็มพีเอ็ม เดินเครื่องปล่อยหมัดเด็ดท้ายปี ล่าสุดส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง HAPPY ALPHA TECH เอาใจคนรักรถ พร้อมชูสินค้าจุดเด่นเพียบ มั่นใจผลิตภัณฑ์ใหม่จะเพิ่มยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 30% ลั่นเป้าสิ้นปียอดขายมีลุ้นแตะ 500 ล้าน แจงแผนปี56 เร่งขยายสาขาเพิ่มเติมจุดแข็งธุรกิจ


หากพูดถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และรถยนต์ในปัจจุบันนี้ คงต้องยอมรับว่า ค่อนข้างที่จะเติบโตเป็นอย่างดีและต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้เองที่ส่งผลมาถึง ตลาดน้ำมันหล่อลื่น สำหรับรถยนต์ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามแรงเหวี่ยงของอุตสาหกรรมรถยนต์นั่นเอง


...เฉกเช่นเดียวกับ บริษัทขายตรงค่าย แฮปปี้ เอ็มพีเอ็ม ที่เวลานี้สบช่องโอกาสทองของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เติบโต ด้วยการปล่อยหมัดเด็ดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้กับผลิตภัณฑ์ใหม่น้ำมันเครื่อง HAPPY APHA TECH ....โดยทางด้านนายสุกิจ สัตว์เพริศพราย ประธานกรรมการ บริษัท แฮปปี้ เอ็มพีเอ็ม จำกัด เผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ เอง ได้เคยมีประสบการณ์ในการทำตลาดน้ำมันเครื่องมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้ทราบถึงข้อจำกัด ของน้ำมันเครื่องทั่วไปในท้องตลาด เพราะในปัจจุบันนี้ มีการเติบโตของตลาดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ โดยได้มีการพัฒนาทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลของอุตสาห กรรมยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเครื่องยนต์รุ่นใหม่ อาทิ diesel common rail หรือดีเซลรอบจัดยุคใหม่ รวมถึงเครื่องยนต์ hybrid ทุกชนิด ตลอดจนเครื่องที่ให้เชื้อเพลิงก๊าซ NGV และ LPG เป็นต้น ก็ทำให้เครื่องยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้มีการสึกหรอสูง


ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้บริษัทฯ จึงได้มีการพัฒนาและร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตน้ำมันเครื่องชั้นนำในประเทศไทย ร่วมกันพัฒนา จนเกิดเป็นน้ำมันเครื่อง HAPPY APHA TECH โดยมีความหมายว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการปกป้อง และก็เป็นน้ำมันเครื่องระดับพรีเมี่ยม โดยเป็นน้ำมันเครื่อง ที่มีจุดเด่นเหนือน้ำมันเครื่องชั้นนำในท้องตลาด เป็นการพัฒนาก้าวข้ามขีดจำกัดและรวมถึงยืดอายุการใช้งานนานถึง 15000 กม. ซึ่งถือว่าเหนือกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ชั้นนำในตลาด...
นายสุกิจ กล่าวต่ออีกว่า การตลาดของบริษัทฯ จะเน้นที่ความชัดเจน ซื่อตรง จริงใจ ผ่านนักขายและตัวแทน ทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ แฮปปี้ เอ็มพีเอ็ม ยังมีการเปิดหลักสูตร ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของเครื่องยนต์ และการทำงานของเครื่องยนต์ ในการหล่อลื่นของน้ำมันเครื่อง ให้กับผู้นำ และยังมีวิธีการนำเสนอขายที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย


หัวใจหลักของการขายสินค้า มองว่าอยู่ที่การสาธิตสินค้า พร้อมกับการตลาดที่เจาะเข้าถึงมือผู้บริโภค ด้วยการใช้ระบบการจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายตัวแทนหรือสมาชิกผู้นำนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ผู้นำ ต่างมองเห็นช่องทางในการเจาะเข้าถึงศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง นอกเหนือจากการสาธิตไปถึงตัวผู้บริโภคโดยตรงนั่นเอง


สำหรับความคาดหวังในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่ HAPPY APHA TECH นั้น เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 30% เพราะในตลาดน้ำมันเครื่องขณะนี้ HAPPY APHA TECH ถือว่ามีทั้งจุดเด่น และจุดขายในทุกด้าน เพราะมีการทดสอบกับเครื่องยนต์มาแล้ว ที่สำคัญ มีการสึกหรอลดลง 20-50% และคาดว่า HAPPY APHA TECH จะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแฮปปี้ เอ็ม พีเอ็ม โดยรวมในแต่ละอีกประมาณ 150 ล้านบาทแน่นอน พร้อมกับคาดว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ จะมาปลุกเครือข่าย แฮปปี้ เอ็มพีเอ็ม ขึ้นมาอีกครั้ง


นายสุกิจ กล่าวเสริมอีกว่า ขณะนี้ บริษัทฯ มีสาขาอยู่ 5 สาขาด้วยกัน และมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 2-3 สาขา ปี 2556 ในต่างจังหวัด พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมีในส่วนของโมบายอีกกว่า 200 แห่ง ในการที่จะให้บริการแก่สมาชิกอีกด้วย


สำหรับอัตราการเติบโตของธุรกิจ แฮปปี้ เอ็มพีเอ็ม ในช่วงที่ผ่านมานั้น เรียกได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมาย โดยโตถึง 20% และคาดว่าการขยายสาขาในปีหน้า จะส่งผลให้ แฮปปี้ เอ็มพีเอ็ม มีการเติบโตมากขึ้นถึง 30-50% หรือคิดเป็นตัวเลขอยู่ที่ 500 ล้านบาท เพราะเห็นได้จากในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ บริษัทฯ มียอดขายแล้ว 300 กว่าล้านบาท พร้อมกับเชื่อว่า สิ้นปีนี้ ยอดขายของบริษัทฯ น่าจะอยู่ที่ 400-500 ล้านบาทเช่นกัน


นอกจากนี้ นายสุกิจ ยังได้กล่าวถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้าว่า ในส่วนของตลาดอาเซียนที่จะมีขึ้นอีก 2 ปีข้างหน้านี้นั้น สิ่งที่บริษัทฯ มองคงจะเป็นในส่วนของการขยายสาขาเพิ่มไปในประเทศเพื่อนบ้าน แต่คาดว่า คงจะเป็นหลังจากมีการเปิดตลาดอาเซียนก่อน ซึ่งมองว่า ประเทศที่จะเข้าไปเปิดสาขาแห่งแรก คงจะเป็นที่ประเทศลาว เนื่องจากว่าบริษัทฯ มีเมมเบอร์อยู่ในประเทศลาวบ้างแล้ว และมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประเทศลาวนั่นเอง


thaimlmnews.com ( เชื่อมตรงทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่งรวมธุรกิจเครือข่าย )


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่ 16-31 ธันวาคม 2555 ปีที่ 15 ฉบับที่ 334

"บี.พี.โปรเกรส" เปิดคัมภีร์ธุรกิจบทใหม่ ประกาศกลยุทธ์ปี56บุกเครือข่ายทุกพื้นที่


บอสหนุ่มสุเทพ ค่าย บี.พี.โปรเกรส เผยภาพรวมธุรกิจในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา เติบโตดีเกินเป้าหมาย หลังยอดขายทะลุเพดาน 500 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ล่าสุดประกาศกลยุทธ์ติดปีกหวังดันธุรกิจเติบโตทุกพื้นที่ทั่วภูมิภาค พร้อมเสริมสินค้าใหม่โดนใจคนรากหญ้า แย้มเตรียมพบงานใหญ่รวมพลคน บี.พี.โปรเกรส 9 ก.พ. 2556 นี้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คาดคนร่วมงานเรือนหมื่น ประกาศต้นปีพร้อมบุกตลาดเครือข่ายประเทศลาวเต็มสูบ


...ใครจะรู้บ้างว่า ในยุคที่ ธุรกิจขายตรง มีการห้ำหั่นกันอย่างรุนแรงเช่นนี้ และยังพบอีกว่ามีหลายต่อหลายค่ายต่างต้องการความเป็นหนึ่งในยุทธจักรแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งบริษัทที่เกิดใหม่ หรือแม้กระทั่งบริษัทที่อยู่มานาน ก็ตามทีเฉกเช่นเดียวกับเครือข่ายที่ชื่อว่า บริษัท บี.พี.โปรเกรส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ภายใต้การนำทัพหน้าของ สุเทพ บุญภักดี ประธานกรรมการบอสหนุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ออกมาเปิดเกมรบในธุรกิจเครือข่าย ได้อย่างน่าตื่นเต้นและน่าจับตามองอย่างมากทีเดียวในเวลานี้


...ปักษ์นี้ ตลาดวิเคราะห์ ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับบอสหนุ่ม สุเทพ บุญภักดี ประธานกรรมการ บริษัท บี.พี.โปรเกรส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถึงภาพรวมธุรกิจในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา พร้อมกับกลยุทธ์ติดปีกกระชากยอดในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงแผนงานและทิศทางของธุรกิจ บี.พี.โปรเกรส ในปีหน้า โดยได้รับการเปิดเผยว่า


ภาพรวมธุรกิจบี.พี.โปรเกรส ในช่วง 11 เดือนผ่านมานั้น เรียกได้ว่าธุรกิจค่อนข้างที่จะเติบโตอย่างมากทีเดียว พร้อมกับยังเป็นช่วงที่บริษัทฯ มีนโยบายที่จะรุกตลาดไม่ว่า จะเป็นการรุกตลาดในส่วนของภูมิภาคด้วย โดยขณะนี้ บริษัทฯ มีแผนงานที่จะรุกไปในแต่ละพื้นที่ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายที่วางไว้ คือ ต้องการเปิดคลังสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ไปพร้อมๆ กับนโยบายในเรื่องของการทำงานอย่างไร ให้สมาชิกทุกคนสามารถเขาถึงกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด


สุเทพ เผยต่ออีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า กิจกรรมในการกระตุ้นตลาดของบริษัทฯ ค่อนข้างที่จะเยอะ รวมถึงกิจกรรมในเรื่องของการอบรม ที่ทางบริษัทฯ จะใช้บรรยากาศตรงนี้เป็นตัวนำ ไปพร้อมๆ กับระบบของบริษัทฯ ที่มี ซึ่งการรวมพลคนบี.พี.โปรเกรส ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ทำให้ธุรกิจของบี.พี.โปรเกรส เติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้


การเติบโตในปีนี้ของบี.พี.โปรเกรส ต้องบอกว่าดีมาก เห็นได้จาก การที่บริษัทฯ เคยตั้งเป้าหมายยอดขายที่จะโตอยู่ที่ 500 ล้านบาท แต่ถึงขณะนี้ ยอดขายของบริษัทฯ กลับเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว ซึ่งบริษัทฯ หวังไว้ในปีหน้าว่า ยอดขายน่าที่จะถึงหลักพันล้านได้อย่างแน่นอน โดยเหตุผลที่ยอดขายของบริษัทฯ เติบโต มาได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทฯ ให้ความสำคัญในเรื่องของกิจกรรม ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาคนให้ โดยฝึกให้เขาสามารถทำงานเป็น และเชื่อว่าในปีหน้า จะเป็นปีที่ บี.พี.โปรเกรส. พร้อมที่จะประกาศ ตัวครั้งยิ่งใหญ่ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจะเป็นการรวมพลคนบี.พี.โปรเกรส ครั้งใหญ่ ไปพร้อมๆ กับการจัดงานเกียรติยศ ให้กับนักธุรกิจที่ทำธุรกิจกับบี.พี.โปรเกรส. มาตลอดระยะเวลา 11 ปี


สุเทพ เผยต่ออีกว่า สำหรับภายในงานในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 นี้นั้น ทางบริษัทฯ จะมีการแจกรถยนต์แคมรี่จำนวน 1 คัน รถยนต์วีออสจำนวน 1 คัน รถยนต์นิสสัน มาร์ทจำนวน 2 คัน รวมถึงมอเตอร์ไซต์อีกหลายคัน ทองคำ และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบี.พี.โปรเกรส พร้อมกับเชื่อว่างานในวันนั้น จะมีคนมาร่วมงานไม่ต่ำกว่าหมายหมื่นชีวิตอย่างแน่นอน...เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งงานที่ทาง บี.พี.โปรเกรส เอง ต้องการที่จะตอกย้ำความมั่นคงของธุรกิจนั่นเอง!


นอกจากนี้ สุเทพ ยังได้เผยถึงแผนธุรกิจนับจากนี้ของบี.พี.โปรเกรสอีกว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะไปเปิดบริษัทที่ประเทศลาว ซึ่งปัจจุบันทั้งทีมงานและสินค้าของบริษัทฯ ได้มีการเข้าไปทำตลาดในประเทศลาวแล้ว โดยคาดว่าในส่วนของการเปิดบริษัทฯ ที่ประเทศลาวนั้น น่าที่จะเปิดได้ประมาณช่วงต้นปีหน้าก่อนงานใหญ่ของบริษัทฯ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 นี้แน่นอน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการยื่นเอกสารเท่านั้น


ตลาดในประเทศลาวนั้น ต้องบอกว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการประกาศนโยบายออกไปว่า จะมีการเปิดสาขาที่นั้น ผลปรากฏว่า ได้รับการตอบรับค่อนข้างที่จะดีมากทีเดียว เห็นได้จาก ขณะนี้มีนักธุรกิจลาว ติดต่อที่ยื่นเรื่องขอเปิดเป็นคลังสินค้าแล้วประมาณ 2-3 แห่งด้วยกัน ซึ่งจากการตอบรับที่ดีเกินคาดนี้เอง ส่งผลให้ทางบริษัทฯ จำเป็นที่จะต้องเร่งเปิดสาขาที่ประเทศลาวให้เร็วที่สุดนั่นเอง เนื่องจากขณะนี้บริษัทฯ ได้มีนักธุรกิจในประเทศลาวอยู่บ้างแล้ว เหลือเพียงแค่การเข้าไปทำให้ตลาดโตเท่านั้นเอง


สุเทพ เผยต่ออีกว่า สำหรับสาขาของบริษัทฯ ที่อยู่มีในประเทศไทยขณะนี้นั้นมีอยู่ที่ 20 กว่าสาขาด้วยกัน และจะเพิ่มอีก 5 สาขาภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกับตั้งเป้าหมายที่จะมีสาขาให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย ส่วนแผนงานในการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ เข้ามาสู่ธุรกิจบี.พี.โปรเกรส นั้น ขณะนี้บริษัทฯ ได้มีการเข็นสินค้าใหม่ออกมาตอบสนองความต้อง การของสมาชิกและผู้บริโภคบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟันผสมโสมสกัด ผงซักฟอกบี.พี.พาวเวอร์ คลีน และผลิตภัณฑ์สำหรับสุภาพสตรี บี.พี.เลดี้ พลัส รวมถึงสินค้าที่กำลังอยู่ในระหว่างการทดลองนั่นก็คือ ปุ๋ย


...จะเห็นได้ว่า บี.พี.โปรเกรส ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทขายตรง ที่เดินเกมทางธุรกิจ ด้วยการใช้ทัพหน้าเป็นใบเบิกทางนั่นก็คือ สินค้า บวกกับ การฝึกอบรม นั่นเอง..ที่สำคัญ วันนี้ต้องบอกว่าธุรกิจของบี.พี.โปรเกรส ที่เติบโตขึ้นมาได้ส่วนหนึ่งเป็น เพราะการเข้าใจสมาชิกและเข้าถึงความต้องการของคนรากหญ้านั่นเอง
วันนี้ต้องบอกว่า สัดส่วนของตลาดบี.พี.โปรเกรส ค่อนข้างที่จะมีอัตราการเติบโตที่เฉลี่ยกันไปทั้งภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ แต่ตลาดของบี.พี.โปรเกรส ที่เติบโตมากที่สุดจะอยู่ที่ภาคอีสาน เช่นเดียวกับกรุงเทพที่ตลาดของบี.พี.โปรเกรส ก็เติบโตเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้บี.พี.โปรเกรส เติบโต เป็นเพราะบริษัทค่อนข้างที่จะเน้นในเรื่องของกิจกรรมเชื่อมความสามัคคีกับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเน้นหนักในส่วนของการสร้างฐานสมาชิกให้มีความแข็งแกร่ง รวมถึงการฉายภาพความสำเร็จที่สามารถจับต้องได้ให้กับสมาชิกได้เห็น


นอกจากนี้ สุเทพ ยังกล่าวทิ้งท้ายต่อว่า ทิศทางการทำตลาดของบี.พี.โปรเกรสในปี 2556 จะเป็นปีที่บริษัทฯ เปิดเกมรุกทางธุรกิจ ที่หนักหน่วงกว่าปี 2555 แน่นอน โดยบริษัทฯ จะเข้าไปเจาะตลาดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด โดยสาเหตุที่บริษัทฯ กล้าที่จะเปิดเกมรุกในปีหน้านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการส่งสัญญาณที่ดีของธุรกิจที่เริ่มออกมาอย่างชัดเจนในปีนี้ ทั้งในเรื่องของยอดขาย จำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
...นับได้ว่า การออกมาประกาศที่จะรุกตลาดเครือข่ายอย่างเต็มอัตราศึกของ บี.พี.โปรเกรส ในปี 2556 น่าที่จะสร้างความฮึกเหิมให้กับหมู่มวลสมาชิกได้อย่างมากมายแน่นอน ที่สำคัญ การจัดงานใหญ่ของบริษัทฯ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 ที่มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องการันตีของความสำเร็จ และความเชื่อมั่นของธุรกิจด้วยเช่นกัน


thaimlmnews.com ( เชื่อมตรงทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่งรวมธุรกิจเครือข่าย )


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่ 16-31 ธันวาคม 2555 ปีที่ 15 ฉบับที่ 334

ประมวลช็อตเด็ดขายตรงปี55 ร้อนระอุทุกอณูตั้งแต่ต้นปีถึงปลายปี


ซูมภาพธุรกิจขายตรงปี55 พบคลื่นความแรงปะทุตั้งแต่ต้นปี หลังหลายค่ายยอดขายพุ่งสวนวิกฤติ เผยไตรมาสที่ 1 ทุกค่ายเร่งกลยุทธ์ดึงธุรกิจตื่น ทั้งเสริมความแข็งแกร่งด้วยโฆษณา-สื่อทีวี-โปรโมชั่น พร้อมระบุครึ่งปีแรกข่าวฉาวขายตรงเพียบ ตลาดผลิตภัณฑ์สตรีดังพลุแตก...ส่วนครึ่งปีหลังตลาดขายตรงร้อนระอุ หลังหน่วยงานรัฐสับแหลกธุรกิจนอกรีดดิ้นไม่หลุด

หากจะให้พูดถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในธุรกิจขายตรง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปีนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ ท่าน คงจำเรื่องราวของธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ก็เชื่อว่ามีหลาย ๆ คน จำนวนไม่น้อยเช่นกัน ที่ยังจำเหตุการณ์เรื่องราวในธุรกิจขายตรงไม่ได้แบบเต็มร้อยเสียทีเดียว
โดยปักษ์นี้ทีมข่าว ตลาดวิเคราะห์ ขอมาประมวลภาพรวม ธุรกิจขายตรง ออกมาให้ทุกท่านได้ ย้อนรำลึก ถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดปี 2555 ที่ผ่านมาอีกครั้ง เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านในที่นี้ คงจะจำภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างแน่นอน โดยเชื่อว่าแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างล้วนแล้ว น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งทีเดียว


Q1ขายตรงยอดขายร้อนฉ่า
ทุกค่ายเร่งกลยุทธ์ดึงธุรกิจตื่น
...ต้องบอกว่า เริ่มต้นปี 2555 นั้น พบว่า หลาย ๆ ค่ายในบริษัทขายตรง ต่างออกอาวุธหมัดเด็ด ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นของธุรกิจอย่างเมามันทีเดียว เห็นได้จาก เมื่อจบไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ หลาย ๆ ค่าย ต่างมียอดขายที่เรียกว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เริ่มตั้งแต่พี่ใหญ่อย่าง แอมเวย์ เอง ที่ยังคงยึดเก้าอี้แชมป์ยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ โดยสามารถมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7-10% เช่นเดียวกับทางด้าน ซูเลียน ที่มียอดขายในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ที่เติบโตมากกว่า 20% หรือมียอดขายกว่า 1,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของค่าย กิฟฟารีน ที่มีตัวเลขเติบโตอยู่ที่ 10% ในช่วงไตรมาสที่ 1 รวมถึงเอม สตาร์ มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนค่ายหมอเส็ง มีตัวเลขในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ เติบโตอยู่ที่ 20-25% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาปีที่ผ่านมา...เรียกได้ว่าขายตรงแต่ละค่าย ต่างมียอดขายที่ถือว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเจอวิกฤติในเรื่องของภาวะน้ำท่วมลากยาวมาถึงต้นปีนี้ก็ตามที

ซึ่งต้องบอกว่า ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของยอดขายในไตรมาสที่ 1 ที่ทำให้หลาย ๆ ค่าย ต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ทั้งนี้ยังพบอีกว่า ในช่วงไตรมาสที่ 1 มีหลาย ๆ ค่าย ต่างออกมาปล่อยทีเด็ดเพื่อกระตุ้นธุรกิจกันอย่างมากมายทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านค่าย โกลด์แคทส์ ก็ได้ออกมาอัดกลยุทธ์แบบครบเครื่อง ด้วยการเปิดตัว 2 ทายาทนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ไปพร้อม ๆ กับการเตรียมแผนบุกตลาดเต็มร้อย ด้วยการทุ่มทุนสร้างสื่อทีวีดาวเทียมช่อง GIFT Channel ลุยตีตลาดในวงการขายตรงแบบครบเครื่อง

ค่าย ดีเน็ทเวิร์ค ออกมาประกาศรุกตลาดด้วย 7 จุดยุทธศาสตร์ พร้อมกับการเข็นสินค้าใหม่สู้ศึกอย่างมากมาย โดยในช่วงไตรมาสที่ 1 นั้น สินค้าที่ทาง ดีเน็ทเวิร์ค นำออกมาตีตลาด คือ สินค้าสำหรับท่านชาย Seven Zeed จากประเทศไต้หวัน...เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่สร้างความฮือฮาได้อย่างมากทีเดียว
ส่วนอีกหนึ่งข่าวที่หลาย ๆ คน คงพอที่จะจำกันได้เป็นอย่างดี ในกรณีของค่าย ไทยเฮลท์ ที่มีข่าวฉ่าวออกมาว่า มีตัวแทนขายโอเวอร์เคลม อวดสรรพคุณเกินจริงผ่านเว็บจนทิ่มตา อย. เข้า...ซึ่งเรื่องนี้ถูกกลายเป็นประเด็น ที่ถูกจับจ้องรับปีมังกรทองกันเลย จนทางด้าน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องออกมาร่อนออกข่าวประชาสัมพันธ์เตือน! ผู้บริโภค อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อโฆษณาที่เกินความเป็นจริง โดยเฉพาะการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ ที่ตัวแทนขายโอเวอร์เคลมสรรพคุณสินค้าเกินความเป็นจริง...!!.ซึ่งในเวลานั้น ทางด้านเอ็มดีใหญ่ของค่าย ไทยเฮลท์ ก็ออกมาโต้ว่า นโยบายโฆษณาบริษัทฯ อยู่ในกรอบควบคุมของทาง อย. ไม่คิดที่จะออกนอกลู่ นอกทาง แถมที่ผ่านมา ไม่เคยโฆษณาขายสินค้าผ่านเว็บไซต์แต่อย่างใด ก็เป็นอีกหนึ่งข่าวที่หลาย ๆ คน ต่างเฝ้าดูความคืบหน้าของเรื่องนี้กันอย่างใกล้ชิดทีเดียว

เช่นเดียวกับทางด้านขายตรงน้องใหม่เอง ในช่วงไตรมาสที่ 1 ก็พบว่า หลาย ๆ ค่ายต่างส่งไม้เด็ดออกอาวุธครบมือเพียบ ทั้งในส่วนของ สินค้า-แผนการตลาด-โปรโมชั่น เรียกได้ว่ามีการเปิดเกมรบหมดหน้าตัก หวังเขย่าธุรกิจเพื่อต้องการแจ้งเกิดกันเลย

ส่วนอีกหนึ่งเรื่องที่น่ายินดีสำหรับค่าย นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส อิงค์ นั่นก็คือ การตอกย้ำบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้วยการคว้า 2 รางวัล การันตีคุณภาพความสำเร็จ จากการจัดอันดับของ อินเวสเตอรส์ บิสซิเนส เดลี่ หรือ ไอบีดี ให้เป็น1 ใน 100 บริษัทที่ดีที่สุดประจำปี 2011 และเป็น 1 ใน 1,000 บริษัทมหาชน ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลกจาก ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส ไทมส์ หรือไอบีทีอีกด้วย

ต่อกันด้วยค่าย หมอเส็ง ที่ออกมาประกาศรุกฆาต กางตำราทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ลุยสื่อเต็มอัตราศึก เพื่อหวังที่จะปูทางให้สมาชิก พิชิตความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการโฆษณาผ่าน 3,5,7,9 ซึ่งนับว่าหมากเกมนี้ ทางด้านคุณหมอเส็ง วางหมากเพื่อที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญ ให้กับสมาชิกได้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นจริง ๆ

ส่วนอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความคึกคักให้กับสมรภูมิรบขายตรงได้ไม่น้อย นั่นก็คือ การเปิดศึกช่วงชิงพื้นที่ความยิ่งใหญ่ในตลาดเครือข่ายขายตรงของค่ายใหญ่หลาย ๆ ค่าย ที่ออกมาเดินเกมได้อย่างน่ากลัวเริ่มจาก ...แอมเวย์ ที่นำร่อง ปรับผลตอบแทนอีกรอบ หวังที่จะดึงสมาชิกไม่ให้ปันใจหนีไปค่ายอื่น แถมยังมุ่งเน้นรุกตลาดผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของ กิฟฟารีน ก็ไม่น้อยหน้า กางตำราเพิ่มอินเทนซีฟ 2 เท่า พร้อมกับจัดโปรโมชั่นพิเศษ เอาใจสมาชิกตลอดทั้งปี ส่วน คังเซน-มิสทีน-เอสเนเจอร์ ก็ออกมางัดลูกเล่นใหม่สารพัด หลังจากที่โดนขายตรงหน้าใหม่ รุกประชิดติดหน้าประตูบ้าน ด้วยการออกอาวุธแบบครบเครื่องกันเลยทั้งในส่วนของโฆษณาประชา สัมพันธ์ สินค้าที่โดนใจ


ครึ่งปีแรกข่าวฉาวขายตรงเพียบ
ตลาดผลิตภัณฑ์สตรีดังพลุแตก
...เช่นเดียวกับอีกหนึ่งข่าวดัง ที่ประโคมข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์ นั่นก็คือ ผู้บริหารโอทูฯ เดือด หลังถูกบริษัทขายตรงจอมลวงโลก 2 ค่าย แอบอ้างโรงงานการผลิต มาจากแหล่งเดียวกันกับ โอทู ฟลาโวเจน พร้อมกับมีการนำภาพโฆษณาขึ้นเว็บหรา ขนาดเว็บช่อง intv.co.th ยังเข้ามาล้วงคองูเห่า โชว์โลโก้โอทูฯ แต่คลิกดูเนื้อหาข้างในกลับเป็นคนละบริษัท

โดยในช่วงนั้นทางด้าน กัญจนา ผู้จัดการโรงงานผลิตโอทู ฟลาโวเจน ก็ได้ออกมากล่าวว่า ตนเองไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจให้ค่ายอื่น ยังให้ความไว้วางใจบริษัท โอทูฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เช่นเดียวกับทางด้าน ขวัญชัย ปิยะทัศน์ ก็ออกมาเคลียร์ใจจับมือโรงงานลุยตลาดเกษตรเหมือนเดิม พร้อมกับเตรียมเปิดตัวโอทูขวดเล็กหวังบุกตลาดล่างกลุ่มเกษตร

นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของกรณีค่าย ซัน คลาร่า สินค้าฟิตกระชับที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ก็เกิดปัญหาเช่นกัน โดยในช่วงนั้น ค่าย สตาร์ ซันไชน์ ที่นำโดย โกสิทธิ์ ผะลิวรรณ์ ก็ได้ออกแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า คลาร่า พลัส พร้อมกับจ้างโรงงานอื่นผลิตสินค้าให้ และไม่ใช้บริการ บริษัท เนเชอรัล เฮิร์บ อินดัสทรี จำกัด เหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ทางสมาชิกในช่วงเวลานั้น เกิดความสับสนหวั่นสูตรเพี้ยนคุณภาพไม่เหมือนเดิม จนผลสุดท้ายทางด้าน ธนอรรถ ตรีธิติธัญ ผู้ผลิต ซัน คลาร่า สูตรฟิตกระชับเจ้าตำรับ ก็ได้ออกมาประกาศว่าในกลางเดือนเมษายนนี้ พร้อมที่จะออกผลิต ภัณฑ์ใหม่ชื่อ ซัน คลาร่า พลัส เลขที่ อย. 11-1-03654-1-0005 ที่สำคัญ ยังประกาศอีกว่า หาก สตาร์ ซันไชน์ ไปใช้บริการจากโรงงานผลิตอื่น บริษัทฯ จำเป็นต้องมอบแบรนด์นี้ ให้ค่ายขายตรงรายอื่นทำตลาดต่อไป...เรียกว่ากระแสของผลิตภัณฑ์ ซัน คลาร่า ค่อนข้างที่จะร้อนแรงอย่างมากทีเดียวในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

...นับได้ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกกระแสของผลิตภัณฑ์ภายในสำหรับสุภาพสตรีค่อนข้างมาแรงอย่างมากทีเดียว หลังจากที่ ซัน คลาร่า ออกมาสร้างกระแสจนดังเปรี้ยงป้าง จนส่งผลให้หลาย ๆ ค่าย ต่างกระโดดเข้ามาร่วมแชร์ในตลาดนี้ เห็นได้จาก ค่าย แอมริช ขายตรงคลื่นลูกใหม่ ที่ได้ส่งผลิตภัณฑ์ ออไรท์ ใช่เลย เพื่อภายในผู้หญิง สูตรดั้งเดิม พร้อมกับทุ่มงบ 80 ล้าน ลงสื่อทีวีดาวเทียม ควบคู่กับวิทยุชมชนกว่า 1,200 สถานี จนวันนี้เรียกว่าผลิตภัณฑ์ ออไรท์ กำลังอยู่ในกระแสของตลาดและหลาย ๆ คนเริ่มที่จะรู้จักกันอย่างมากขึ้นด้วย เช่นเดียวกับทาง โอทู ก็ได้ออกสินค้า ภายในผู้หญิง ที่ชื่อว่า เอฟ-ทู มาเขย่าตลาดเช่นกัน
เช่นเดียวกับข่าวของทางด้านอดีตมือปราบแชร์ลูกโซ่อย่าง พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ที่ถูก นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวง พร้อมกับมีหนังสือย้ายฟ้าผ่าจากผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษมีผลทันที ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งข่าวที่สร้างความตกตะลึงให้กับหลาย ๆ คน ได้อย่างมากทีเดียว และจากนั้นไม่นาน ทางด้าน พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ เอง ก็ได้ โบกมืออำลาสื่อ เออรี่ตัวเองก่อนเกษียณ พร้อมกับปิดฉากมือปราบแชร์ลูกโซ่ขายตรงลงทันที


ตลาดขายตรงครึ่งปีหลังระอุ
หน่วยรัฐสับแหลกธุรกิจนอกรีด
...เช่นเดียวกับ ข่าวร้อนมาแรงในช่วงเริ่มต้นครึ่งปีหลัง ที่ทำให้ทางผู้ประกอบการขายตรงต่างเครียดขึ้นสมองหลังกันเลย หลังจากที่ถูก วรวัจน์ เอื้ออภิญ ญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้มีใบสั่งให้สคบ. บีบคอ บริษัทขายตรง ให้ซื้อประกันสินค้ากับ ทิพยประกันภัย โดยคิดค่าเบี้ยประกันภัยร้อยละ 0.1 0.5 จากยอดขายแต่ละปี เพื่อเป็นการเยียวยาให้แก่ผู้บริโภค โดยเอา ตราสัญลักษณ์คุ้มครองผู้บริโภค มาเป็นตัวล่อ ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาผู้ประกอบการหลาย ๆ ค่าย ต่างออกมาโต้ว่า ถือเป็นการแบกภาระที่ซ้ำซ้อน เนื่องจากบริษัทขายตรงทุกค่าย ต่างมีระบบประกันคุณภาพสินค้าอยู่แล้ว...ซึ่งเป็นข่าวที่หลาย ๆ ฝ่ายต่างเฝ้าจับตามองกันอย่างมากที่เดียวว่าจะหาทางออกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการอย่างไร

ส่วนอีกหนึ่งข่าวที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยทีเดียวนั่นก็คือ การเปิดตัวเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คนใหม่ที่ชื่อ จิรชัย มูลทองโร่ย โดยเลขาฯ คนใหม่ท่านนี้ ต้องบอกว่า เป็นผู้ที่ถูกสื่อวิจารณ์หนัก พรอมกับเป็นเลขาฯสคบ.คนแรก ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบมากที่สุดด้วย

และหลังจากที่ได้รับตำแหน่งใหม่ได้ไม่นาน เรียกได้ว่า ช่วงนั้นมีข่าวมาว่า เลขาฯ สคบ.ท่านนั้น ค่อนข้างฟิตจัดอย่างมากทีเดียว ด้วยการออกหมัดแรก จี้ผู้ประกอบการขายตรงทำประกันสินค้า เพื่อรับ ตราสัญลักษณ์สคบ. รับสนองนโยบาย รมต.วรวัจน์ เอื้ออภิญ ญกุล พร้อมกับบอกว่า ไม่สนซ้ำซ้อนกฎหมายขายตรงที่ว่าด้วย การรับคืนสินค้ามาตรา ๓๖ ...เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่ง แอ็ค ชั่นแรก ที่นายจิรชัย มูลทองโร่ย จะต้องลงมือเดินเครื่องเต็มสูบ นั่นก็คือ การขับเคลื่อน ตราสัญลักษณ์ สคบ. เพื่อให้บริษัทขายตรงนำไปเป็นโลโก้แห่งความเป็นมาตรฐาน อย่างล่าสุดก็มีข้อสรุปแล้วว่า ในส่วนของผู้ประกอบการที่จะได้ตราสัญลักษณ์ สคบ. นั้น จะต้องปฏิบัติ 3 แนวทาง ด้วยกัน คือ 1.ให้ทางธนาคารค้ำประกัน ตามวงเงินความเสี่ยงที่มี 2. ต้องมีการตั้งกองทุนขึ้นมา และ 3. การทำประกัน
...ส่วนอีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่ส่งท้ายปีนี้ เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ การปิดบัญชีดำขายตรง DCHL ที่ทางด้าน สคบ. DSI กองปราบฯ ได้ร่วมมือกัน บุกจับตัวการใหญ่ DCHL ที่ย่านพระราม 9 หลังจาก ที่ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วพบว่า สามารถดำเนินคดีได้ พร้อมกับสามารถออกหมายจับได้ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ ถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเลยก็ว่าได้

...จะเห็นได้ว่า ข่าวต่าง ๆ ที่ทาง นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ได้นำเสนอมานี้ คือ หลาย ๆ เหตุการณ์ที่ใครหลายคนที่อยู่วงการขายตรง คงพอที่จะจำกันได้บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งทาง ทีมข่าวตลาดวิเคราะห์ ได้หยิบยกออกมาให้ทุกท่านได้ทราบเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น เชื่อว่าตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมานี้ ธุรกิจขายตรง หรือ ธุรกิจไหน ๆ ต่างก็คงที่จะเจอสารพัดปัญหาเข้ามารุมเร้าในธุรกิจอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้อยู่ที่ว่าธุรกิจนั้นจะเจอปัญหามากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง...ลองมาจับตากันดูต่อไปว่าในปี 2556 ที่กำลังจะคืบคลานมาถึงนี้ จะมีสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เข้ามาในธุรกิจมากน้อยแค่ไหนอีกไม่นานคงรู้กันแน่!!!...


thaimlmnews.com ( เชื่อมตรงทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่งรวมธุรกิจเครือข่าย )


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่ 16-31 ธันวาคม 2555 ปีที่ 15 ฉบับที่ 334