ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

ปรัชญาคุณธรรมนำหน้ากับประธานบริหารบริษัท โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค ธนอรรถ ตรีธิติธัญ ขายตรงน้องใหม่ยอดขาย 3 เดือนพุ่ง 100 ล้าน








 


เจาะลึกความเป็นมาบริษัท โอ เค ไลฟ์


ท่านประธาน ธนอรรถได้เล่าถึงความเป็นมาของ โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค ว่า "เริ่มจากที่เราเป็นโรงงานผู้ผลิตอาหารเสริมสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งส่งออกไปยังหลากหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น ประเทศเวียดนาม ประเทศจีน และประเทศต่างๆ อีกมากมาย ส่วนสินค้าที่ได้รับความนิยมคือ F2Plus แต่เป็นการขายแบบตลาดซิงเกิ้ล นอกจากนี้ยังมีสินค้า ซันคลาร่าและ ซันคลาร่า พลัส ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในและนอกประเทศ ส่วนบางประเทศก็จะเน้นเป็นการส่งออกวัตถุดิบ ซึ่งเราทำด้านนี้มาตลอด และได้รับผลตอบรับที่ดี เพราะไม่ว่าเราจะทำสินค้าอะไรออกไป อย่างน้อยต้องได้ผล 7:10 คน และเราจะทำเฉพาะสินค้าของเราเอง ใครจะมาจ้างให้เราผลิตเราไม่ทำให้ เพราะบางครั้งอาจเกิดปัญหาที่เราควบคุมไม่ได้ และจะเกิดปัญหาที่บานปลายในภายหลัง
แต่ก็ได้มีแม่ทีมหลายๆคนเข้ามาติดต่อเราเนื่องจากว่าแม่ทีมหลายๆคนย้ายค่ายบ่อย เพราะเกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น กำลังจะไปได้ดีกับธุรกิจนั้นๆ ก็เกิดปัญหาขึ้นภายในบริษัทนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหุ้นส่วนหรือปัญหาการจ่ายไม่จริง ก็เลยมาปรึกษาให้ผมทำซึ่งตอนแรกผมก็ไม่เห็นด้วย แต่แม่ทีมก็อ้างว่า บางคนทำธุรกิจเครือข่ายด้วยความตั้งใจจริง แต่เค้าไม่เคยเจอบริษัทที่ดี เราก็เลยตัดสินใจลองทำ ซึ่งจากวันนั้น ตอนนี้บริษัท โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค เปิดมาได้ 3 เดือน สมาชิกของเรามีมากกว่าหนึ่งหมื่นสี่พันคน ยอดขายของเรา พุ่งไปถึง 100 ล้าน สำหรับเหตุผลที่ทำให้ยอดขาย เดินทางมาถึง 100 ล้าน ทุกคนต่างเชื่อมั่นในตัวสินค้าเราและรู้ว่าเราเป็นเจ้าของซันคลาร่า สมัยก่อนการทำธุรกิจเครือข่ายไม่จำเป็นต้องมีสินค้าที่ดีแค่เครือข่ายที่ดี ก็สามารถดันยอดขายสินค้าออกไปได้แล้ว แต่เดี๋ยวนี้ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปเราต้องมีสินค้าที่ดีด้วย เพราะจะเป็นกำลังขับเคลื่อนได้อย่างดี"


ประเด็นร้อนกรณี ซันคลาร่า พลัส


สำหรับสินค้าซันคลาร่าพลัส บริษัทไม่ได้เจรจาผ่านบริษัทไอไบโอโดยตรง แต่มีตัวแทนคือบริษัทเสี้ยวอัฐเข้ามาติดต่อสินค้ากับโรงงาน "เดิมได้วางแผนไว้ว่า ถ้าซันคลาร่า ถึงช่วงที่ต้องมีการปรับปรุงสูตร เราจะจดทะเบียน ซันคลาร่า พลัส อีกตัวหนึ่ง เพื่อรองรับเอาไว้ โดยพัฒนาสูตรขึ้นไปโดยผสมกลูต้าไธโอน สารเพิ่มความขาวที่กำลังเป็นที่นิยม โดยขอจดทะเบียนไว้ แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร หลังจากนั้น ซันคลาร่า ได้ยกเลิกตัวแทนจำหน่ายเดิม และทางบริษัทเราได้ทำการจัดจำหน่ายเอง กรณีนี้ก็เพื่อจะปราบปรามสินค้าปลอม ลอกเลียนแบบ ช่วงนั้นเราก็เลยนำซันคลาร่า มาทำตลาดแบบ Single และบังเอิญก็มีตัวแทนครือข่ายมาขอตัว ซันคลาร่าพลัสไป บอกว่าที่บริษัทไอไบโอระบบดี เราก็เลยตัดสินใจให้ทางตัวแทนไปจัดจำหน่าย หลังจากนั้น กระแสตอบรับออกมาค่อนข้างดีมาก เดือนแรกสามารถจัดจำหน่ายได้ 30,000 กล่อง ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เป็นอย่างมาก ส่วนเดือนที่สองก็ยังกระจายสินค้าได้มากกว่า 30,000 กล่องเช่นกัน ปิดยอด 2 เดือนแรกทางบริษัทจัดจำหน่ายสามารถนำคนไปเกาหลี 300 คน และมาเดือนที่ 3 เกิดปัญหาขึ้นกับตัวแทนจำหน่าย พร้อมมีคนเรียกร้องให้ผมเปิดบริษัทขายตรงขึ้นมา เพราะเขาเล็งเห็นถึงคุณภาพสินค้าและศักยภาพการผลิตของโรงงาน ทางเราจึงได้ตัดสินใจเปิดบริษัท โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค (OK Life Network)"


"ส่วนแบรนด์ ซันคลาร่า พลัส เราไม่ได้เป็นฝ่ายยกเลิกกับทางบริษัทไอไบโอ เนื่องจากเราจำหน่ายซันคลาร่า พลัส ผ่านตัวแทนคือบริษัทเสี้ยวอัฐ แต่ต่อมาเกิดปัญหาระหว่าง 2 บริษัท ทางตัวแทนจึงยกเลิกสัญญากับทางบริษัทไอไบโอ ทำให้ทางเราซึ่งเป็นผู้ผลิต ไม่ได้ส่งสินค้าให้ทางไอไบโอโดยปริยาย"


"ส่วนในกรณีของเลิฟยู เนื่องจากทางตัวแทนได้ยกเลิกการจัดจำหน่ายกับบริษัทไอไบโอแล้ว ทางตัวแทนจะนำสินค้าตัวนี้ไปจัดจำหน่ายให้กับทางบริษัทเลิฟยูก็เป็นสิทธิ์ของตัวแทน ซึ่งเราเป็นโรงงานผู้ผลิต เราไม่ได้มีปัญหากับใคร แต่กรณีนี้ปัญหาเกิดขึ้นกับตัวแทนจำหน่ายของเรา ไม่ได้เกิดจากทางเราผิดสัญญาหรือว่าสินค้ามีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นพอเราเปิดบริษัท โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค ก็มีการเรียกร้องจากทางสมาชิก อยากให้เอาซันคลาร่าเข้ามาขายในระบบ เพราะถ้านำมาขาย อย่างน้อยยอดขายอยู่ที่ 3 4 แสนกล่อง/ เดือนเราเลยตัดสินใจ เปิดตัวสินค้า ซันคลาร่า ในวันที่ 1 มกราคม 2556 ส่วนซันคลาร่าพลัส คงอยู่ที่ บริษัท เลิฟ ยู (ประเทศไทย) จำกัด ต่อไป"


เป้าหมายสำคัญปี 2556


โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค จะมีการเปิดตัวซันคลาร่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2556 หลังจากที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในเรื่องยอดขายในปีหน้าคาดว่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้าน แต่สิ่งที่ โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค และท่านประธาน ธนอรรถ ตรีธิติธัญ ให้ความสำคัญมากกว่ายอดขาย คือการช่วยเหลือสังคมและทำบุญไปด้วย เพื่อจะได้คืนสิ่งดีๆ สู่สังคม ตอนนี้บริษัทมีกิจกรรมที่ให้โอกาสเด็กยากไร้ ชื่อว่า เยาวชนทำดีเพื่อพ่อ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยรังสิตและ มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยล่าสุดได้ไปทาสี โรงเรียนที่สุพรรณบุรี และยังได้อนุมัติเงินในการสร้างโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร จังหวัดเชียงราย


ทางด้านกลยุทธ์ของบริษัท ท่านประธานกล่าวว่า "เรารวบรวมข้อมูลปัญหาทั้งหมดที่สมาชิกเจอและกลับมาพัฒนากับทางบริษัท ซึ่งเราได้ตั้งเป้าไว้ว่าปีแรกได้กำไรเท่าไรก็จะคืนสู่สังคม นอกจากนี้ยังนำมาจัดโปรโมชั่นด้วยการจับแจกทองคำหรือว่าจะเป็นการพาไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งปีหน้าทั้งปีเราจะมีการจัดกิจกรรมอย่างนี้ตลอด"


ความพร้อมตลาด AEC ของ โอ เค ไลฟ์


ในเรื่องของตลาด AEC ที่กำลังใกล้เข้ามาถึง บริษัท โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค ได้เปรียบคู่แข่งทางต่างประเทศเยอะมากเพราะสินค้าต่างๆ ของบริษัทตอนนี้ได้เข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ประเทศลาว ,ประเทศพม่า ประเทศกัมพูชา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายต่อการขยายธุรกิจในวงกว้าง พร้อมทั้งมีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของสินค้านั้นมีคุณภาพที่ดีมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงแถมยังมีโรงงานผลิตสินค้าพร้อมทีมวิจัยเป็นของเราเองจึงไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะถูกตีตลาดในด้านสินค้าสุขภาพอย่างแน่นอนแต่ทางบริษัทก็ไม่นิ่งนอนใจในการพัฒนาสินค้าต่างๆ หรือสูตรใหม่ๆ เพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าของเราด้วยเช่นกัน


สินค้าตัวนำของทางบริษัท โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค ได้แก่อะไรบ้างครับ


บริษัท โอ เค ไลฟ์ มีสินค้าคุณภาพมากมาย
อาทิ เช่น
1. ไอ-ซีเครท (i-secret) ผลิตภัณฑ์สำหรับสุภาพสตรี ผลิตโดยโรงงานวิณพาด้วยส่วนผสม เบต้า-กลูแคน ป้องกัน มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านมได้และรวมทั้งผิวขาวใส ลดน้ำหนัก ครบในเม็ดเดียว ปริมาณ 30 แคปซูลต่อกล่อง
2.Max Night ฟื้นฟูและป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากมี เบต้า-คูแคนโดยตรง สำหรับบุรุษ
3.Max oil รวมน้ำมันจมูกข้าว งา มะพร้าว และกระเทียม ฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกาย
4.Super Enzyme จากไต้หวัน สบู่เอนไซม์ กาแฟเสริมแคลเซี่ยม และอื่น ๆ
5.ปุ๋ยและผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร


เป้าหมายและแกร่นแท้ของบริษัท โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค


ท่านประธานได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "จุดแข็งของบริษัท ก็คือการ พูดจริง ทำจริง จ่ายจริง เราทำธุรกิจโดยการใช้คุณธรรมนำหน้า มีความซื่อสัตย์สุจริต เราจะคงภาพลักษณ์อันนี้ไว้ในธุรกิจขายตรงของเรา สุดท้ายท่านประธานบริษัท ธนอรรถ ตรีธิติธัญ ขอกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง ไม่ว่าจะผิดหวังจากที่ไหนมา ไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่เป็นไปตามที่คาดคิด ให้ลองแวะเข้ามาดูที่บริษัท โอ เค ไลฟ์ เน็ตเวิร์ค แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตคุณจะโอเค ที่ โอเค ไลฟ์"


จัดทำและเรียบเรียงโดย www.thaimlmnews.com


บริษัท ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ จำกัด ขายตรงน้ำดี สัญชาติไทย ได้จัดงานมอบเข็มเกียรติยศ สำหรับผู้ประสบความสำเร็จพร้อมฉลองยอดขายผลิตภัณฑ์ โกเรจินส์ ทะลุ 554 ล้านบาท ต้อนรับปีศักราช 2556 พร้อมตั้งเป้าปีนึ้ทะลุ 600 ล้านบาท








เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา ทางบริษัท ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ จำกัด (D Network Worldwide) ได้จัดงานมอบเข็มเกียรติยศพร้อมฉลองยอดโกเรจินส์ทะลุ 554 ล้านบาท ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ โดยเป้าหมายภายในงานเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่สมาชิกและประกาศทิศทางบริษัทเพื่อลุยยอด 600 ล้านบาท โดยมีเข้าร่วมงานกว่า 2,000 คน


โดยอาจารย์สาคร ใสกมล ประธานกรรมการบริหารพร้อมด้วย ภูมิสนอง หล้าสุด และ อุทัย แจ่มฟ้า ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ จำกัด ได้เป็นประธานกล่าวเปิดงานและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน


บริษัท ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ ปี 2556 ตั้งเป้า 600 ล้าน ลุยกลยุทธ์ตีนอกเข้าในโดยเปิดฐานบัญชาการแห่งใหม่ที่อาคารไทย ซีซี ทาวเวอร์ ด้วยงบลงทุนหลายสิบล้านบาท ที่ตั้งอยู่ใจกลางสาทรหวังสร้างนักธุรกิจขายตรงน้ำดีรุ่นใหม่ พร้อมดันยอด โกเรจินส์ ให้ได้ 67 ล้านเม็ด อีกทั้งคลอดสินค้า บานเย็น ลุยตลาดเกษตร บริษัทดี พร้อมคลอดพอร์คเก็ตบุ๊ค Why D Network คัมภีร์สำหรับนักธรุกิจเครือข่ายโดยเฉพาะ


โดยภายในงานพบกับพิธีกรที่มีชื่อเสียงมากมายไม่ว่าจะเป็น คุณจำเริญ รัตนตั้งตระกูล ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวรายการ เช้านี้ที่นี่หมอชิต และรายการเกาะติดทางช่อง 7 สี และคุณอารยา ต่อตระกูล ผู้ประกาศข่าว ทางช่อง TBS เพื่อเพิ่มสีสันในงาน พบกับการแสดงอันตื่นตาตื่นใจกับนักแสดงชาย ภุสกร มิตรเอม หรือ ตั๊ก กับ บรรยากาศภายในงานที่มีทั้งระบบ ภาพ แสง สี และเสียงที่มีคุณภาพ


ภาพข่าวบางส่วนจาก: https://www.facebook.com/DNetworkUpdate
เรียบเรียง: www.thaimlmnews.com


[gallery link="file" columns="4"]

บริษัท พระราม 9 เน็ตเวิร์ค จำกัด : จัดงานนักธุรกิจเครือข่ายมืออาชีพ" หรือ "New Business Professional : NBP" รุ่นที่ 1











ในวันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา บริษัท พระราม 9 เน็ตเวิร์ค จำกัด ได้มีการจัดงานอบรมแก่นักธุรกิจในหลักสูตรที่มีชื่อว่า "นักธุรกิจเครือข่ายมืออาชีพ" หรือ "New Business Professional : NBP" รุ่นที่ 1 ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอคองคอร์ด โดยมีผู้ที่มาบรรยายให้ความรู้ ได้แก่ อ.เสริมวิทย์ สิริพูนกิติกุลวิทยากรเทรนนิ่งที่มีชื่อเสียงในเมืองไทย และมีประสบการณ์ในธุรกิจเครือข่ายมายาวนานมากกว่า 10 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมการบริษัทพระรามเก้าเน็ตเวิร์ค และมีวิทยากรกิตติมศักดิ์ ได้ให้เกียรติมาบรรยายในหัวข้อ "ธรรมมะ ปรับใช้ในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ" ซึ่งถือเป็นเจตนารมณ์ที่อยากจะให้นักธุรกิจพระราม 9 เน็ตเวิร์ค นำเอาหลักธรรมมะ คุณธรรมและจริยธรรมไปใช้ในการทำธุรกิจเครือข่าย เพื่อให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างแท้จริงและยั่งยืน ซึ่งในรุ่นแรกนี้ มีนักธุรกิจพระราม 9 เน็ตเวิร์ค ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น จำนวน 47 ท่าน


ในงานอบรม "นักธุรกิจเครือข่ายมืออาชีพ" รุ่นแรกนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น สมาชิกทุกท่านต่างตั้งใจฟังการบรรยายอย่างเต็มที่ พร้อมกับได้ความรู้และมุมมอง ทัศนคติใหม่ๆ นำไปใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจเครือข่ายได้อย่างมืออาชีพ นอกจากสมาชิกทุกท่านจะได้ความรู้นำไปใช้ทำงานจริง ทุกท่านยังประทับใจที่ได้รับมอบประกาศนียบัตรจาก ท่านเสกข์สรร ธีระวาณิชย์ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท พระราม 9 เน็ตเวิร์ค จำกัด พร้อมทั้งคณะผู้บริหาร ได้แก่ คุณพงษ์กฤตย์ องค์ศิริวัฒนา กรรมการผู้จัดการ , คุณนัทธวัฒน์ ธีระวาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด , คุณนันท์นภัส ธีระวาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน และ คุณเต็มดวง ผดุงสุนทรารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ มาร่วมในงานเพื่อเป็นเกียรติในพิธีมอบประกาศนียบัตรครั้งนี้ พร้อมร่วมถ่ายภาพกับสมาชิกผู้เข้าอบรมทุกท่านเป็นที่ระลึกอีกด้วย



[gallery columns="4"]


วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ข่าวยูนิซิตี้ (Unicity Thailand) : ภัทรพล ศิลปาจารย์ Presidential Director Happy Life Project การเงิน เวลา สุขภาพ และความสุขแบบเต็ม 100 ที่ยูนิซิตี้









ภัทรพล ศิลปาจารย์ Presidential Director นักแสดงชื่อดังของประเทศที่มองเห็นโอกาสแห่งการทำธุรกิจกับยูนิซิตี้ ได้เพราะ รณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ Presidential Sapphire เป็นผู้แนะนำให้รู้จักแม้ว่าในครั้งแรกที่ได้ทราบข้อมูลว่าเป็นธุรกิจเน็ตเวิร์ค ก็ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเพื่อนถึงได้มาร่วมธุรกิจนี้ แต่เมื่อฟังเพื่อนอธิบายข้อมูลก็ทำให้เข้าใจว่าที่ผ่านมาเรายังไม่รู้อะไรอีกมากมาย


การตัดสินใจทำธุรกิจกับยูนิซิตี้ของ ภัทรพล ไม่ใช่เพราะการมีรายได้เป็นดารจูงใจ หากแต่เป็นเรื่องของเวลเนส ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และจริงๆๆ แล้วหากทำเพื่อเงินยังมีธุรกิจอื่นอีกมากมายที่สามารถสร้างผลกำไรให้ได้อย่างมหาศาล แต่สำหรับการตัดสินใจทำยูนิซิตี้เพราะได้ Passive income และ Massive คือ เกษียณสำเร็จได้ และที่ยูนิซิตี้เป็นธุรกิจที่ทำให้เราเข้าใจธุรกิจนี้มากยิ่งขึ้น


ในครั้งแรกที่ทำธุรกิจไม่ได้เชื่อ 100% ในครั้งแรก เนื่องจากว่าเรายังเคยมีความคิดที่เป็นขยะเก่าๆ ที่มองว่า เน็ตเวิร์ค คือการขายของการมาตื้อให้เพราะความเกรงใจ จึงทำให้ตนปฏิเสธธุรกิจนี้มาโดยตลอดและเมื่อทำงานก็มีช่วยลูกน้องซื้อสินค้าอยู่ตลอดเพราะตัดรำคาญหรือ การได้รับเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าแบรนด์ขายตรง การได้คลุกคลีกับผู้คนในอุตสาหกรรมนี้ ยิ่งตอกย้ำความเชื่อเดิม ซึ่งคิดว่านั้นคือสิ่งที่เรารู้จริง แต่เมื่อมาศึกษาธุรกิจยูนิซิตี้ทำให้เรารู้ว่า เราแค่รู้จักไม่ใช่รู้จริง


แม้ว่าการทำธุรกิจยูนิซิตี้ในครั้งแรก จะมีคำถามมากมายสำหรับคำตอบที่ชัดเจน ว่าเหตุใดผู้คนในหลากหลายระดับทั้ง นักธุรกิจ คุณหมอ วิศวกร ฯลฯ ต่างให้ความมั่นใจและเข้ามาร่วมทำธุรกิจยูนิซิตี้ ทำให้ในช่วงแรกที่จะตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจ จึงได้เก็บข้อมูลมากขึ้นเหมือนเข้ามาจับผิด เพราะคิว่า หากเป็น นาย ก.พลาดคนที่รู้ก็มีเพียงกลุ่มเล็กๆเช่นเพื่อนฝูงเท่านั้น แต่หากเป็นเราพลาดขึ้นมา ผลกระทบจะใหญ่เพราะเราเป็นบุคคลสาธารณะ ดังนั้นเราต้องมั่นใจก่อนที่จะไปบอกต่อได้ ซึ่งเราก็มั่นใจมากว่านี่คือ Happy Life Project คือ การเงิน เวลา สุขภาพ และความสุขแบบ 100%


ดังนั้นตลอด 6 เดือนก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างจริงจัง คุณพอลจึงได้ เก็บเกี่ยวข้อมูลศึกษารายละเอียด ซึ่งเดือนแรกที่ทำธุรกิจ มีรายได้แค่หลักหมื่นบาท แม้จะน้อยนิดหากเทียบกับรายได้จากงานอื่นๆที่เคยทำมา แต่สิ่งที่ได้กลับมามากกว่าเรื่องของเงินทอง แต่เป็นมูลค่าทางจิตใจ เกิดความรู้สึกดีๆ กับธุรกิจเครือข่าย จนกระทั่งเมื่อมีรายๆได้หลักแสนบาท แต่ก็ยังไม่ได้ลงมาทำอย่างเต็มกำลังเพียงแค่ 10 % เท่านั้น แต่ผลตอบรับที่กลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ต้องยกความดีให้กับระบบยูนิพาวเวอร์ ทำให้เข้าใจระบบการทำงานได้มากขึ้น รวมถึงการมีทีมงานที่ดีด้วย


ผมเองก็มีเป้าหมายความต้องการที่อยากจะเกษียณและมีเวลาสำหรับ Enjoy Life ซึ่งตั้งแต่เด็กๆ ผมตั้งใจว่าอยากจะเกษียณตอนอายุ 45 ปี คนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต เคยได้ลองคุยกับนักวางแผนชีวิตที่คำนวณว่าหากจะเกษียณตอนอายุ เท่านี้ จะอยู่ถึงอายุเท่าไหร่ มีลูกกี่คน จะส่งเสียให้เรียนถึงระดับไหน ค่าใช้จ่ายหลังจากนี้ เราจะต้องมีเงินเก็บเท่าไรถึงจะอยู่ได้โดยไม่ลำบาก เพราะทุกอย่างเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้เราต้องทำงานเยอะเพราะจะได้เกษียณเร็ว แต่พอเราเข้าใจ Passive income แล้วเราสามารถเกษียณได้เร็วกว่าที่ตั้งไว้มาก ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 3-5 ปีเท่านั้นก็จะได้ใช้ชีวิตที่วางไว้เป็นพหูคูณที่มีแต่เพิ่มขึ้น


ภัทรพลย้ำถึงความสำเร็จ ณ ขณะนี้กับยูนิซิตี้ว่า ตอนนี้ผมก็เรียนรู้ตามติดอัพไลน์ตลอด เมื่อเราแทนค่ามากขึ้นผลลัพธ์ก็ตามมา ผมได้ความรู้จากทั้งจากอัพไลน์ ไซไลน์ ทุกคนที่ช่วยเหลือ ได้เห็นคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ครึ่งล้านบาทหรือคนการศึกษาน้อยแต่มีรายได้หลักแสนบาทก็มี ผมเชื่อที่ผลลัพธ์หากใครทำได้เราก็ถือว่าเขาเก่งเราไม่หลงทางแน่นอน ความสำเร็จสร้างความสำเร็จ ความสำเร็จลอกเลียนแบบได้ เพราะคุณต้องคิดเหมือนเขาก็จะได้เหมือนเขาก็จะได้เหมือนเขา เมื่อก่อนเราก็คิดและทำเช่นนั้นแต่เป็นการทำแบบ Active ไม่ใช่ Passive เมื่อเราคิดได้วิธีการก็มาเอง เป็นเรื่องของวิธีคิด เพราะคนฝั่ง Active และ Passive นั้นแตกต่างกัน ฝั่ง Active นั้นเมื่อทำแล้วจะได้ผลลัพธ์เลยทันที แต่ฝั่ง Passive เหมือนกับการปลูกต้นไม้ที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการออกดอกออกผล แต่เก็บเกี่ยวตลอดชีวิตไม่มีหมด ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจสร้างคน


การที่เราทำงานและธุรกิจค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งเมื่อเราเข้ามาร่วมธุรกิจยูนิซิตี้คนรอบข้างเขาก็มีสงสัยว่าธุรกิจนี้มันดีอย่างไรเราถึงได้ตัดสินใจเข้ามาร่วมธุรกิจด้วยจะเป็นเชิงบวกมากกว่า ละในวงการบันเทิงยูนิซิตี้ก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากอยู่แล้วด้วย


เคล็ดลับความสำเร็จของธุรกิจเครือข่าย คือ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเอาไว้ อย่างผมคือการเกษียณและมีเวลาในการใช้ชีวิต เมื่อเรารู้แล้วว่าเราต้องการอะไร เรียนรู้ที่จะเปิดกว้าง เปลี่ยนวิธีคิด ซึ่งยูนิซิตี้มีคู่มือเครื่องมือที่พร้อมช่วยสนับสนุนให้เราก้าวไปยังเป้าหมายที่วางไว้ได้ ธุรกิจนี้ไม่สามารถใช้ความสามารถส่วนตัวเพียงอย่างเดียวแต่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ต้องส่งต่อความรู้ใหม่ๆ ให้กับทีมงาน ซึ่งธุรกิจนี้ให้กันแบบหมดเปลือกยิ่งให้ก็ยิ่งได้


แม้ว่าผมจะต้นทุนชีวิตสูงกว่าอีกหลายๆคน เพราะเป็นที่รู้จักแต่นั้นก็เป็นเสมือนดาบ 2 คม หากไม่มีความรู้อะไรเลยที่จะไปบอกต่อให้กับผู้มุ่งหวัง ก็ถ้าชวน 100 คน ก็อาจจะปฏิเสธเราทั้ง 100 คนก็เป็นได้ อาจจะมีส่วนบ้างที่จะทำให้ทีมของเราทำงานได้ง่ายขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดการทำธุรกิจที่แท้จริง คือ การให้ข้อมูลที่เท็จจริงเราสามารถส่งต่อข้อมูล ส่งต่อการทำงาน ถ่ายทอดให้กับดาวไลน์ หรือคนในทีมของเราให้สามารถส่งต่อไปยังคนอื่นๆได้




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215


MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่าย ยูแคนดู-Youcando กับ อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาส








 


 


 


 


 


 


 


 


เเวะมานั่งจิบกาแฟ ณ ค่าย ขายตรงไฟเเรงอย่าง "บริษัท ยูเเคนดู จำกัด" ของ "อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาส" ประธานกรรมการที่นับวันจะได้ยินเเต่ข่าวดีๆ เพียบเลย หลังเพิ่งจัดงานปีใหม่ฉลองยอดขายด้วยตัวเลขเเบบช็อก !! วงการขายตรงเมืองไทยที่ 300 ล้านบาทด้วยอายุแค่ 1 ขวบกับอีก 4 เดือนเอง ล่าาสุดแว่วๆ ได้ยินมาว่าปีงูเล็ก 2556 ปีนี้จะเกิดปรากฎการณ์ใหม่ที่เรียกว่า "youcando effect" แอบได้ยินมาว่าปีนี้จะได้เห็นชื่อของ "ยูแคนดู" ไปติดตามปั้มน้ำมันปตท. ทั่วประเทศ หรือไม่อาจจะดังไกลไปถึงวงการเเข่งรถระดับโลกก็อาจเ้ป็นไปได้ งานนนี้แบรนด์ขายตรงไทยจะดังไกลไปทั่วโลกจริงหรือไม่นั้น เอ้า !! งานนี้ต้องคอยติดตามกันให้ดีเเต่ขอบอกว่าห้ามกระพริบตาเด็ดขาด


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่าย ไทยเฮลท์-Thai Health กับ พันธ์ยศ อัครอมรพงศ์

















จัดหนัก จัดเต็ม ตลอดมา สำหรับ บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด ของผู้บริหารหนุ่มหล่อ "พันธ์ยศ อัครอมรพงศ์" เเละเมื่อเร็วๆ นี้ได้จัดงานรื่นเริงต้อนรับปีมะเส็งให้กับตัวเเทนจำหน่ายกว่า 200 คร ภายใต้คอนเซ็ปต์ "บันไดงู ก้าวสู่ความสำเร็จปี 2556" นอกจากกิจกรรมบันเทิงมากมาย เเล้วเสี่ยเขายังใจป้ำเเจกไม่อั้นรางวัลใหญ่ให้กับผู้ร่วมสนุก ทั้งทองรูปพรรณ ไอโฟน 5 ไอแพด มินิ เเละอีกหลายรายการ เป็นการตอบเเทนการสนับสนุนไทยเฮลท์เป็นอย่างดีมาตลอดทั้งปี เเละการทำงานอย่างหนักของผู้เเทนจำหน่ายในปีที่ผ่านมา เท่านั้นยังไม่พอได้ทุ่มสุดตัวให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับมินิคอนเสริตจากศิลปินชื้่อดัง เบน ชลาทิศ, โรส ศิรินทิพย์, ฝน ธนสุนทรเเละอำพร แหวนเพชร พร้อมด้วยเหล่าดีเจจากคลื่น เรดิโอ โอเค ร่วมสร้างสีสันความสนุกตลอดงาน ทำให้บรรยากาศการอำเราปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ 2556 จบลงไปด้วยความประทับใจ เเละหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทีเดียว!




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่าย เอ็มไออาร์ เวิลด์วายด์-MIR Worldwide








 


 


 


 


 


 


 


 


ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Grand Opening MIR Worldwide ที่ได้จัดขึ้น ณ. สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี ภายใต้การบริหารงานของ "เภสัชกร ดร.พิศาล จันทฤทธิรัศมี" ประธานบริษัท เอ็มไออาร์ เวิลด์วายด์ จำกัด เเม้จะเป็นบริษัทน้องใหม่เเกะกล่องเเต่ก็เเลเห็นถึงความพรั่งพร้อมทางธุรกิจอย่างเต็มสตรีมเเละระหว่างที่ได้นั่งชมพิธีเปิดงานได้สักระยะ สังเกตได้ว่าจำนวนเก้าอี้ที่ใช้รองรับผู้นำสมาชิกเข้าร่วมงานว่างเปล่าอยู่หลายเเถวเพราะก่อนหน้านี้รู้มาว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานถึง 500 คนเเต่สุดท้ายก็ถึงบางอ้อเพราะทราบมาว่ารถบัสที่ขนพลังทัพคนรักเอ็มไออาร์ นั้นเกิดเสียระหว่างทางต้องใช้เวลาซ่อมอยู่พักใหญ่ ทำให้เเอบคิดอยู่ในใจว่าสมาชิกผู้นำที่เหลือคงจะหมดอารมณ์ขนทัพกลับกันไปเป็นเเน่เเท้ เเต่ที่ไหนได้นั่งสักพักใหญ่ก่อนงานจะปิดฉากลง ก็เริ่มเห็นสมาชิกทยอยเดินเข้ามาจนเต็มห้อง นี่เเหละพลังที่เป็นหนึ่งเดียวของ เอ็มไออาร์ ขอชื่นชมด้วยใจจริง!



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่าย จอย แอนด์ คอนย์ (J&C) กับ ดร. สมชาย หัชลีฬหา








 


 








ค่ายขายตรง "จอย แอนด์ คอนย์" ของบิ๊กบอส "ดร.สมชาย หัชลีฬหา" เพิ่งพาสมาชิกนักขายระดับบิ๊กเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศสหรัฐอเมริกากันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงทั้งที่เเอลเอ,ซานดิเอโกเเละลาสเวกัส ซึ่งการเดินทางไปท่องเที่ยวอเมริกาครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น กิน-เที่ยว-ช้อป-นอน ล้วนวีไอพีเลิศหรูเเละยิ่งโปรเเกรมสุดหรรษานั่งเฮลิคอปเตอร์ชมเเกรนด์แคนยอนมรดกทางธรรมชาติก็น่าตื่นเต้้นประทับใจแบบสุดๆ ไปเลย อากาศก็หนาวเย็นนั่งเครื่องบินเล็กเเละเฮลิคอร์ปเตอร์ก็สุดหวาดเสียวนับเป็นความสนุกแบบ "ล้ำเลิศ" ถือว่าเป็นของขวัญฉลองปีใหม่ที่แสนมหัศจรรย์จริงๆ...




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่าย นีโอไลฟ์-Neolife









 


 


 


 


 


 


 


ค่ายขายตรงเบอร์หนึ่งในฝั่งแผนไบนารี่ถูกเปลี่ยนตำเเหน่งมาอยู่ในมือ "นีโอ ไลฟ์" ของ "ดร.นพรุจ เวชกุล" เป็นที่เรียบร้อยเเล้วด้วยยอดขายเป็นสถิติใหม่ 5,400 ล้านบาท (จาก 3,998ล้านบาทในปี54) นับว่าสุดยอดเป็นอย่างยิ่ง...ใครที่ยังค้างคาใจโปรดไปดูให้เห็นกับตาในงานประชุมทุกๆ เดือนที่เมืองทองธานีรับรองว่าต้องทึ่งเเละร้องอ๋อกันเลยทีเดียวเพราะภาพที่เห็นนั้นของจริงล้วนๆ


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่าย "ซูเลียน-ZHULIAN "








 


 


 


 


 


 


 


 


ในปีที่ผ่านมาต้องบอกว่า "ค่ายซูเลียน" ของ "ดร.ปิยะวัชร์ บุญยืนยงสกุล" เติบโตได้อย่างทะลุทะลวงไปถึง 7,100 ล้านบาท เเละเติบโตแบบโคตรๆ ทุกปีซึ่งความสำเร็จนี้ใครๆ ก็อยากจะขอรู้เคล็ดรับวิชาด้วยกันทั้งสิ้นว่า "บริหารธุรกิจอย่างไรถึงประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้" เรื่องนี้จะบอกให้ฟังก็ได้ว่า "ทำให้สมาชิกรักกันเเละศรัทธาให้มากที่สุด" รับรองเวิร์คเเน่ๆ เเละเปิดศักราชใหม่ปีนี้ "เสี่ยปิยะวัฒน์" ก็ได้สร้างเซอร์ไพรส์แบบสุดๆ ให้กับสมาชิกกันอีกเเล้ว...ด้วยการติดตั้ง "จอ LCD ขนาดยักษ์ 1,000 นิ้ว" 1ชุด ขนาด 400 นิ้วอีก 3 ชุด เเละขนาด 300 นิ้วอีก 1 ชุด รวมทั้งหมด 5 ชุดในห้องประชุมใหญ่ความจุ 7,500 ที่นั่งเพื่อให้สมาชิกได้รับชมภาพบรรยากาศงานประชุมกันอย่างชัดเเจ๋วเป็นวงเงินสูงถึง 55 ล้านบาท...ขนาดบริษัทที่ติดตั้งยังตื่นเต้นตามไปด้วยเลยเพราะ LCD ใหหญ่เบิ้มขนาดนี้ในย่านเอเชียเห็นจะมีเเต่ซูเลียนเพียงค่ายเดียวเท่านั้นที่กล้าลงทุนขนาดนี้เชียว !


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

ข่าว อาเจล (Agel) : เจาะแผนเหนือเมฆ อาเจล ปี 2556 ผ่าน วสันต์ ลิขิตเสถียร คีย์แมนมือฉมัง นำพาธุรกิจก้าวทะยานอย่างยิ่งใหญ่









ระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมาถือเป็นบททดสอบความแข็งแกร่งของธุรกิจขายตรงข้ามชาติ รัฐยูท่าห์ ประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากที่ได้เข้ามาปักธงรบในประเทศไทยในนาม บริษัทอาเจล อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด และสามารถก้าวผ่านมรสุมธุรกิจลูกใหญ่อย่างเข้มแข็ง และเช่นกันในปีนี้ถือเป็นปีที่อาเจล ต้องผงาดความยิ่งใหญ่อีกครั้งกับเกมรบที่วางไว้อย่างมีชั้นเชิง ผ่านมุมมอง นายวสันต์ ลิขิตเสถียร รองประธานบริหารอาวุโส บริษัทอาเจล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด


คีย์แมนผู้บริหารประเทศไทย ที่มีดีกรีด้านการตลาดมากด้วยประสบการณ์และพร้อมที่จะนำพาอาเจล เติบโตก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้


นายวสันต์ เปิดใจกล่าวว่ายุทธศาสตร์การตลาดตลอดทั้งปี 2556 นี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักธุรกิจ


อาเจล ก้าวสู่ความสำเร็จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น บริษัทได้รองรับการทำงานด้วยการมอบโอกาสทางธุรกิจให้ผู้นำธุรกิจระดับตำแหน่งไดเร็คเตอร์ขึ้นไปที่มีศักยภาพการทำงานสูงทั้งการเงินและการตลาดเข้ามาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจในรูปแบบศูนย์จำหน่ายสินค้าคีย์ออสเล็กๆ เกิดขึ้นในทุกอำเภอ ทั่วประเทศไทย โดยเล็งทำเลทองแหล่งช้อปปิ้งตามห้างดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ซูปเปอร์มาเก็ตทั่วไป ซึ่งในเบื้องต้นนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมาย 20 แห่งทั่วประเทศ และรวมถึงการขยายผ่านช่องทางธุรกิจยุคใหม่สถาบันเสริมความงามและศูนย์ฟิตเนสด้วยเช่นกัน ภายใต้การบริหารของผู้นำอาเจลเองทั้งหมด สำหรับกลยุทธ์ดังกล่าวนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2556-2557


นอกจากนี้เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นในธุรกิจ บริษัทยังคงสานต่อกิจกรรมปลูกพลังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้นำอาเจล เพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง เช่นงาน Agel Business Briefing (ABB) และ SuperABB ที่ถี่ขึ้นกว่า 200 ครั้งต่อปีทั่วประเทศ, งาน Business Building Event (BBE) ในทุกๆเดือน และงาน I Am Agel (IAA)จัดขึ้นทุก 3 เดือนของทุกปี ที่สำคัญตอกย้ำความยิ่งใหญ่ทางธุรกิจ ด้วยงาน Agel World Tour ซึ่งจะจัดขึ้นในประเทศไทย เดือนกรกฎาคม ณ ศูนย์ราชการถนนเจ้งวัฒนะหลักสี่ พร้อมๆ กับการสร้างทางเลือกใหม่ ในกลุ่มเสริมอาหารเพิ่มอีก 3 รายการ ที่มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นเซลล์ร่างกายให้เกิดความสมบูรณ์ และบำรุงสายคา ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยยุทธศาสตร์ การตลาดรอบด้านที่แข็งแกร่งนี้จะผลักดันให้ยอดขายปี 2556 เติบโตเพิ่มขึ้น 15-20 เปอร์เซ็นต์


นายวสันต์ กล่าวต่ออีกว่า อีกทั้งด้วยจุดเด่นของสินค้านวัตกรรมใหม่เพื่อสุขภาพที่ได้ผลักดันชื่อเสียงของอาเจลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นบริษัทยังคงให้ความสำคัญและสานต่อกลยุทธ์เดิมในการเป็นผู้ให้การสนับสนุนสมาคมการกีฬาแห่งประเทศไทย สู่โครงการ สปอร์ต ฮีโร่ เส้นทางสู่ความสำเร็จของนักกีฬาด้วยการมอบผลิตภัณฑ์ให้นักกีฬาได้ทดลองทาน เพื่อเพิ่มความอดทนในการแข่งขันและฝึกซ้อมที่ยาวนานขึ้น รวมถึงช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายให้มีความสมบูรณ์แข็งแรงยิ่งขึ้น ด้วยงบลงทุนทั้งหมด 10 ล้านบาท


ตลอดระยะเวลาปีกว่าที่ผ่านมาอาเจลอยู่ในช่วงการเก็บกวาดบ้านเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเวลานี้เรามาพร้มอกับอาวุธครบมือในการรุกตลาดอย่างเหนือชั้นที่ได้หลอมรวมไปกับขุมพลังพลของผู้นำที่แข็งแกร่ง เก่งและมีศักยภาพสูง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตลอดปีที่ผ่านมา (2555) มีผู้นำรุ่นใหม่ตบเท้าเข้าร่วมธุรกิจอาเจลจำนวนมากที่มีความรักและศรัทธาต่อผลิตภัณฑ์และบริษัท จึงผลักดันให้ผลประกอบการทุกไตรมาสเติบโตต่อเนื่อง


นอกจากภาพความสำเร็จที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว เชื่อมั่นว่าภายใต้วิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้บริหารระดับสูงอาเจล ในการจัดตั้งฐานการผลิตสินค้าในไทยเพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้า (Hub) จะสามารถรองรับการเติบโตทางธุรกิจในตลาดเอเชียและตลาดอาเซียนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญจะนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในตลาดใหม่เออีซี (AEC) ได้อย่างสง่างาม และเมื่ออถึงวันนี้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจอาเจลจะทะยานเติบโตได้อย่างรวดเร็วอีกหลายเท่าทวีคูณ


ด้วยพละกำลังความพร้อมรอบด้านของอาเจล ขณะนี้ทำให้ได้เริ่มเห็นถึงความแข็งแกร่งที่ชัดขึ้นในตลาดใหญ่ทั้งประเทศกัมพูชา พม่า เวียดนามและลาวภายใต้กระบวนการทำงานของบริษัทเองทั้งหมดเพื่อสร้างฐานการตลาดที่มั่นคงและทำให้สมาชิกเกิดความเชื่อมั่นในธุรกิจ ส่วนเป้าหมายยอดขายปีที่ผ่านมา (2555) บริษัทได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากยอดขาย 3 ประเทศรวมกัน คือ อาเจลไทย มาเลเซีย และสิงค์โปร โดยรายได้หลักยังคงเป็นของอาเจลประเทศไทยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 40% นายวสันต์กล่าวทิ้งท้ายให้บทสัมภาษณ์




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

ข่าวกิฟฟารีน (Giffarine Thailand) : กิฟฟารีน กางแผนลุยปี56 โชว์ครึ่งปีแรกมุ่งเทรนนิ่งเป็นหลัก









กิฟฟารีนตีโค้งสุดท้ายทิ้งทวนปี55 ยอดขายโตมากกว่า 10 % เตรียมโหมลุยปีงูเล็กแบบๆไม่ใส่เกียร์ถอย พร้อมสตาร์ทอุ่นเครื่อง โหมเทรนนิ่งสูตรใหม่ หวังสร้างความแกร่งให้นักธุรกิจกระตุ้นบรรยากาศให้คึกคักก่อนส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเขย่าตลาดเรียกเรตติ้งพร้อมวางหมากรุกเขย่าตลาดอาเซียน


นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่าย สื่อสารการตลาด บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่าในปีนี้กลยุทธ์ของกิฟฟารีนแบ่งออกเป็น 4 ด้านหลักๆ คือ มุ้งเน้นไปที่เรื่องของการเทรนนิ่ง โดยจะมีการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรใหม่ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเทรนนิ่งโปรดักส์ และการทำธุรกิจ นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นการทำกลยุทธ์เหมือนที่เคยทำมาโดยตลอด คือ การทำประชาสัมพันธ์ เครื่องมือทางการตลาดต่างๆ ซึ่งปัจจุบันนี้เราก็ได้มีเครื่องมือที่เป็นอาวุธในการขยายตลาดมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาคุณภาพของโปรดักส์ใหม่ๆ ซึ่งในปีนี้จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ด้วย ทั้งนี้บริษัทได้มีการวางแผนไว้และสุดท้ายในส่วนของกิฟฟารีนแชนแนลที่เป็นอาวุธในการขยายตลาดของกิฟฟารีน ที่เพิ่งเปิดตัวออกไปเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี การเพิ่มสาระความบันเทิงให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น


ในปีที่ผ่านมากิฟฟารีน แชนแนล ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ชมที่เป็นเหล่าสมาชิกกิฟฟารีนที่ขณะนี้มากกว่า แสนหลังคาครัวเรือน ซึ่งเป็นตรงตามเป้าที่กิฟฟารีนวางไว้ในช่วงเริ่มต้นนี้ เพราะในช่วงเฟสแรกนี้เราจะมุ่งจับกลุ่มผู้ชมภายในธุรกิจของเราที่จะเขไปเจาะผู้ชมที่เป็นผู้บริโภคทั่วๆไปมากขึ้น โดยจะมีการเพิ่มเนื้อหาสาระและความบันเทิงที่หลากหลายให้มากขึ้นในปี 2556 นี้ด้วยเช่นกัน


นายพงศ์พสุ กล่าวเพิ่มเติมต่อว่า ในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมาเติบโตตามเป้าที่วางไว้สามารถเติบโตเพิ่มมากกว่า 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 นี้การฟื้นตัวของสมาชิกหลังจากปีใหม่ มีการกระตุ้นให้เกิดการทำงานให้เกิดขึ้นก่อนดังนั้นในช่วง 3 เดือนแรก บริษัทจะมีการโหมการเทรนนิ่ง จัดกิจกรรมต่างๆ จะมีส่วนช่วยให้บรรยากาศในการทำงานคึกคักมากขึ้น และในช่วง 3 เดือนครึ่งของครึ่งปีแรกจะเน้นไปที่เรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะออกมากระตุ้นกำลังซื้อให้สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม


นอกจากนี้ในภาพรวมของอุตสาหกรรมขายตรงไทยในปีนี้นั้นยังคงมีแนวโน้มที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


โดยเมื่อประมวลจากภาพรวมอุตสาหกรรมธุรกิจขายตรง ในตลอดทั้งปี 2555 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงไทยหลายๆราย ทำการตลาดที่ถูกต้องและเหมาะสมกับผู้บริโภคมากขึ้นและเน้นการให้ความรู้กับผู้ที่ทำธุรกิจอิสระอย่างถูกต้อง ทำให้ภาพอุตสาหกรรมมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 7% อีกทั้งภาพลักษณ์ที่สะท้อนไปยังภาคเอกชนก็ดีขึ้น ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขายตรงที่ดีและธุรกิจที่ระดมทุนเป็นอย่างไร จึงทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมขายตรงนั้นเติบโตเพิ่มขึ้นนั่นเอง


ผู้ประกอบการขายตรงในปัจจุบันนี้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากขึ้น มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เป็นการแข่งขันที่เน้นเรื่องราวความพึงพอใจในการใช้สินค้าของผู้บริโภคมากขึ้นนั่นเอง


นายพงศ์พสุ ยังได้กล่าวถึงไลน์เซนในประเทศไทยเพิ่มเติมว่า หลังจากที่กิฟฟารีนได้เปิดอนุญาตให้มีการเปิดไลน์เซนไปเมื่อหลายปีก่อนนั้นปัจจุบันนี้กิฟฟารีนมีไลน์เซนอยู่ทั้งหมด 7 แห่ง และยังไม่มีแผนที่จะเปิดเพิ่มแต่อย่างไร เนื่องจากกิฟฟารีนต้องการให้ทั้ง 7 แห่งนั้นเพียงพอแล้วแต่ในอนาคตบริษัทอาจจะมีการเปิดศูนย์บริการเพิ่มขึ้นอีกเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคให้เกิดความครอบคลุมมากขึ้น


ขณะเดียวกันกิฟฟารีน ยังได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าไปรุกตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีการศึกษาลู่ทางและแนวโน้มของการเข้าไปเจาะตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ต้องศึกษาแผนการลงทุนเพื่อให้ตรงกับกรอบของกฏหมายและความต้องการของประเทศต่างๆด้วยเช่นกัน


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

ตื่น! ขุมทรัพย์เมืองขะแมร์ ขายตรงไทย บุกกัมพูชา!









กระแสการเปิดเสรีการค้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ที่จะมาถึงในปี 2558 ได้สร้างความตื่นตัวให้กับเหล่าบรรดาผู้ประกอบการขายตรงคนไทยและบริษัทขายตรงต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่ประเทศกัมพูชาธุรกิจขายตรงกำลังได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนทำให้กัมพูชากลายเป็น ขุมทรัพย์ แห่งใหม่ที่ทำให้เหล่านักลงทุนมากหน้าหลายตาให้ความสนใจแห่เข้าไปร่วมหลักปักฐานลงทุนอย่างเนืองแน่นนับ 10 บริษัทในปัจจุบันทั้ง อารากอนเวิลด์ 54 , คังเซน-เคนโก,เอมสตาร์เน็ทเวิร์ค, นีโอไลฟ์, ซูเลียน , จอย แอนด์ คอยน์ ที่ต่างเป็นเสือปืนไวมองการณ์ไกลชิงเข้าไปปักหลักสร้างฐานขยายเครือข่ายธุรกิจกันอย่างเต็มกำลังอีกทั้งยังหวังใช้กัมพูชาเป็นฐานบัญชาการในการขยายฐานธุรกิจสู่ประเทศเวียดนามในอนาคตอันใกล้อีกด้วย ขณะที่ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง เวิลด์ไวด์ บริษัทขายตรงหนึ่งเดียวจากประเทศอเมริกากำลังจะกลายเป็นบริษัทขายตรงระดับอินเตอร์รายแรก ที่จะเข้าไปปักหลักลงทุนในกัมพูชาอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้


จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีและการสื่อสารสำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร ได้เปิดเผยตัวเลขข้อมูลค่าการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านในรูปของ การค้าชายแดน ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาในปีตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมามีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปีที่ผ่านมามีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงกว่า 55,200 ล้านบาทเลยทีเดียวและที่สำคัญประเทศไทยเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เนื่องจากมูลค่าการส่งออกกชายแดนของไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าการนำเข้าชายเดนกัมพูชา โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าอุตสากรรมเกษตร ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าประเภท อุปโภค-บริโภค และสิ่งทอเป็นต้น ซึ่งมีมูลค่ามากกว่ามูลค่าของสินค้านำเข้าจากกัมพูชาที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรกรรม เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วลิสง สิ่งทอ เศษเหล็ก หนังโค-กระบือ สินค้าประมงและปศุสัตว์ เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากสินค้าของไทยนั้นเป็นที่นิยมและยอมรับของประชาชนชาวกัมพูชาเป็นอย่างยิ่ง


ในขณะที่ภาคส่วนของธุรกิจขายตรงนั้นได้มีการค้าขายระหว่างชายแดนไทยกับประเทศกัมพูชามายาวนานแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะในเขตจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศกัมพูชาได้แก่ อุบลราชธานี, สุรินทร์, บุรีรัมย์ สระแก้ว, จันทบุรีและตราด ซึ่งจุดการค้าผ่านแดนทั้งหมดนี้มีจัดการค้าที่สำคัญ คือ ตลาดโรงเกลือ ที่ตั้งอยู่ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วมีมูลค่าการค้าสูงที่สุด ซึ่งการทำธุรกิจขายตรงส่วนใหญ่มักทำกันในลักษณะของการหอบหิ้วสินค้าเข้าไปขายในกัมพูชาหรือคนกัมพูชาเข้ามาทำธุรกิจขายตรงในประเทศไทยหรือบางคนมีครอบครัวอยู่ในกัมพูชาก็นำเอาธุรกิจขายตรงจากประเทศไทยเข้าไปขยายฐานในประเทศกัมพูชาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งทำให้คนกัมพูชารู้จักธุรกิจขายตรงเป็นอย่างดีและยังชื่นชอบสินค้าขายตรงจากประเทศไทยอีกต่างหาก


ถึงวันนี้ธุรกิจขายตรงจากประเทศไทยได้เข้าไปปักหลักฐานสร้างธุรกิจขายตรงในประเทศกัมพูชาอย่างชัดเจนกันเป็นจำนวนมากมาย เนื่องจากกฎหมายการลงทุนในประเทศกัมพูชาเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้เอง 100 % ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนจากประเทศไทยและจากต่างประเทศหลั่งไหลกันเข้าไปลงทุนในประเทศนี้กันมากยิ่งขึ้นและส่วนใหญ่มุ่งเน้นเปิดสำนักงานใหญ่ขึ้นที่พนมเปญเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเลยทีเดียว


- ทูตพาณิชย์ชี้คนกัมพูชาชอบขายตรงไทย


สำหรับการเข้าไปลงทุนเปิดดำเนินการธุรกิจขายตรงของคนไทยในประเทศกัมพูชานั้นคุณจิรนันท์ วงษ์มงคล อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ให้สัมภาษณ์ว่า ถึงวันนี้ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยได้หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในประเทศกัมพูชามากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10 บริษัทซึ่งโดยส่วนตัวมั่นใจว่าน่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเพราะพื้นฐานของคนกัมพูชาชอบทำค้าขายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างๆ เจริญเติบโตขึ้นทำให้ประชาชนในประเทศนี้เปิดรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตอย่างต่อเนื่อง ชีวิตมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้นความนิยมในความสวยความงามเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค ทั้งในด้านความสวยความงามรวมถึงอาหารเสริมบำรุงสุขภาพในรูปแบบต่างๆ กลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขา ซึ่งการเข้ามาของบริษัทขายตรงหลายๆ บริษัทจากประเทศไทยทำให้พวกเขาทำธุรกิจเป็นอาชีพธุรกิจนี้ยังสามารถทำให้พวกเขามีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย


ผู้คนในประเทศนี้ยินดีเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่พวกเขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่แล้วเพราะหลายคนเคยทำธุรกิจหรือบางคนเคยซื้อสินค้าขายตรงจากประเทศไทยมาใช้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเรียนรู้และเข้าใจธุรกิจนี้ ที่สำคัญรายได้ต่อเดือนของคนกัมพูชาในระดับผู้ใช้แรงงานนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70-80 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 3,000 บาท หากเขามุ่งมั่นทำธุรกิจนี้อย่างจริงจังก็จะเป็นการช่วยทำให้พวกเขามีรายได้ที่สูงขึ้นตามไปด้วย


คุณจิรนันท์ กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ไม่เคยได้ยินปัญหาเรื่องธุรกิจขายตรงเข้ามาหลอกลวงคนกัมพูชาเลยแม้แต่รายเดียว นั้นแสดงว่าบริษัทขายตรงจากประเทศไทยที่เข้ามาเปิดในกัมพูชานั้นมีความเป็นมาตรฐานสูงเลยทีเดียว ในฐานะที่เป็นทูตฝ่ายการพาณิชย์ยินดีที่จะให้คำปรึกษากับนักลงทุนของคนไทยทุกคนที่เข้ามาลงทุนในประเทศนี้และอย่าได้กลัวว่าเป็นเรื่องยากเพราะกัมพูชาและไทยก็มีวัฒนธรรมหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายคลึงกันมาก ซึ่งเชื่อว่าธุรกิจขายตรงน่าจะเติบโตได้สูงมากในประเทศนี้และยังสามารถขยายต่อไปยังประเทศเวียดนามได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งนั้นน่าจะเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจนี้เลยทีเดียว


- อารากอนเวิลด์54 ปักหมุดรายแรกในพนมเปญ


บริษัท อารากอนเวิลด์54 จำกัด ถือเป็นบริษัทคนไทยรายแรกที่เข้าไปลงทุนเปิดสำนักงาน อารากอนเวิลด์ สาขาพนมเปญ เป็นรายแรกเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ด้วยการลงทุนเช่าอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ถึง 4 คูหาพร้อมทั้งเปิดโรงเรียนสอนการทำธุรกิจขายตรงอย่างจริงจังให้กับคนกัมพูชาได้เข้ามาเรียนรู้และทำความเข้าใจในธุรกิจขายตรงมากยิ่งขึ้น ภายใต้ชื่อ Aragon world Business School ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวกัมพูชาเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมาอารากอนฯได้จัดงานฉลองครบรอบ 5 ปีของการก่อตั้งสาขาพนมเปญขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่มีสมาชิกนักธุรกิจอารากอนเข้ามาร่วมงานอย่างมากมายกว่า 2,000 คนเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีตัวอย่าง ผู้นำธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ขึ้นไปแชร์ประสบการณ์ความสำเร็จกันล้นเวทีเลยทีเดียว


คุณนภดล กลิ่นบำรุง ประธานบริษัท อารากอนเวิลด์ 54 เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชาเป็นผลสำเร็จและถือเป็นบริษัทขายตรงคนไทยรายแรกที่เข้าไปบุกเบิกตลาดในประเทศนี้ขอบอกด้วยความภูมิใจว่า อารากอนเวิลด์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะเรามีสินค้าที่ดีเข้าไปทำตลาดและมีแผนการตลาดที่ทันสมัยสามารถช่วยทำให้ประชากรของประเทศนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว วันนี้เรากล้าบอกได้เลยว่า อารากอนเวิลด์กัมพูชาสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการลงทุนได้แล้วและผลกำไรที่ได้มาเหล่านั้นส่วนหนึ่งได้นำกลับไปลงทุนสร้างและขยายสาขาเพิ่มทั้งที่เสียมราชและที่อื่นๆ เพื่อให้ธุรกิจของอารากอนเข้าถึงประชาชนในประเทศกัมพูชามากยิ่งขึ้นอีกด้วย


คังเซน-เคนโก สยายปีกในพนมเปญ!


บริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทขายตรงของคนไทยเป็นอีกหนึ่งบริษัทขายตรงที่เข้าไปบุกเบิกตลาดขายตรงในประเทศแถบอินโดนีเซีย,พม่า,เวียดนาม,สปป.ลาวและเมื่อต้นปี 55 ปีที่ผ่านมาก็ได้ทำพิธีเปิดตัว คังเซน-เคนโกสาขาพนมเปญ อย่างเต็มตัว ด้วยการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจชาวกัมพูชาและในงานเปิดตัวธุรกิจคังเซนฯในวันนั้นก็ได้รับการตอบรับจากผู้คนชาวกัมพูชาอย่างล้นหลามเช่นเดียวกันคังเซนฯเปิดตัวในกัมพูชาด้วยการชูสินค้าความสวยความงามและผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพซึ่งเป็นสินค้าที่ยอดนิยมและตรงกับความต้องการของหนุ่มสาวที่รักสวยรักงามเป็นอย่างยิ่ง ถึงวันนี้ธุรกิจขายตรงคังเซนฯในพนมเปญมีอายุครบ 1 ขวบปีซึ่งถือเป็นหนึ่งขวบปีที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม


- กาแฟโสม-ยาสีฟันซูเลียนขายดีในกัมพูชา!


หลายปีก่อนหน้านี้บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด เคยคิดที่จะเข้าไปปักหลักฐานสร้างธุรกิจในประเทศกัมพูชามาครั้งหนึ่งแล้วแต่ก็ได้ล้มเลิกความตั้งใจนั้นไปโดยปริยายเพราะปัญหาบุคลากรภายในประเทศ ถึงแม้จะล้มเลิกแต่สินค้าของซูเลียนโดยเฉพาะกาแฟโสมและยาสีฟันรวมถึงผงซักฟอกก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคชาวกัมพูชาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้นำที่ยังคงทำธุรกิจอยู่ต้องเดินทางมาซื้อสินค้าจากฝั่งประเทศไทยโดยเฉพาะที่ ซูเลียนโรงเกลือเอเยนซี่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นเอเยนซี่ของนายไพบูลย์ โอภาสไพบูลย์และมีการจัดประชุมแนะนำธุรกิจกันอย่างต่อเนื่องและถึงวันนี้นายไพบูลย์ได้นำธุรกิจขายตรงซูเลียนไปเปิดศูนย์สาขาที่จขังหวัดเสียมเรียบและศรีโสภณเรียบร้อยแล้วและล่าสุดยังขยายไปเปิดศูนย์ขยายงานธุรกิจซูเลียนที่จังหวัดไพลินเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง โดยปัจจุบันซูเลียนมียอดขายสินค้าในประเทศกัมพูชาสูงถึงเดือนละ 10 ล้านบาทเลยทีเดียว


-นีโอไลฟ์ เปิดตัวยิ่งใหญ่ที่พนมเปญ


เมื่อปลายปีที่ผ่านมาบริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ของคุณนพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการบริษัทได้ทำการเปิดตัว บริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล คัมโบเบีย ขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากเข้าไปปักหลักสร้างฐานธุรกิจที่เมืองพนมเปญมานานร่วมปี ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม นีโอไลฟ์ฯเข้าไปลงทุนเองทั้งหมดในประเทศนี้ด้วยงบประมาณเริ่มต้นถึง 30 ล้านบาทและใช้ระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงแพกเกจจิ้งของสินค้าก็เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด นอกจากจะเปิดสาขาที่พนมเปญแล้วในเร็วๆนี้จะเข้าไปเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา คือ สาขาพระตะบอง,สาขาสีหนุวิลล์,สาขากัมปงจาม โดยวางเป้าหมายไว้ว่าจะสร้งนีโอไลฟ์ฯในกัมพูชาให้เป็นสาขาต้นแบบสำหรับการขยายตัวสู่ตลาดเวียดนามและเพื่อรองรับการเปิดเสรีทางการค้า (AEC) ในปี 2558 อีกกด้วย


- ยูนิซิตี้ ขายตรงอเมริกันรายแรกในกัมพูชา


ในวันที่ 19 มกราคม 56 ที่จะถึงนี้บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง เวิลด์ไวด์ จำกัด บริษัทขายตรงจากประเทศอเมริกาจะเข้าไปเปิดตัว ยูนิซิตี้มาร์เก็ตติ้งสาขาพนมเปญ อย่างเป็นทางการหลังจากที่ผู้นำจากประเทศไทยเข้าไปขยายฐานธุรกิจในประเทศนี้มานานหลายปีและใช้ศูนย์ขยายธุรกิจที่บริเวณตลาดโรงเกลือจังหวัดสระเก้วสำหรับจัดประชุมแนะนำธุรกิจยูนิซิตี้ให้กับนักธุรกิจกัมพูชาที่เข้ามาจากฝั่งปอยเปตได้รู้จักธุรกิจนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันนักธุรกิจของยูนิซิตี้ในฝั่งปอยเปตนั้นถือว่ามีขุมกำลังเป็นจำนวนมากเช่นกัน การเข้าไปเปิดสาขาที่พนมเปญในครั้งนี้ถือเป็นการเข้าไปเปิดในช่วงเวลาที่เหมาะสมเลยทีเดียว


-กิฟฟารีน ลุยตลาดกัมพูชาโตครองอันดับ 3


เรียกได้ว่า ตลอดเวลา 16 ปีที่ กิฟฟารีน ดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้น มีสมาชิกผู้บริโภครวมกว่า 6.3 ล้านรหัส และสามารถใช้ระบบสนับสนุนธุรกิจให้กับนักธุรกิจกิฟฟารีนกว่า 50,000 รหัส ให้ประสบความสำเร็จมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีศูนย์ธุรกิจตั้งอยู่ในไทย รวม 113 สาขา และต่างประเทศ 18 สาขา ซึ่งในส่วนนี้ พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีนสกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ได้กล่าวถึงการขยายธุรกิจของกิฟฟารีนในตลาดอาเซียนว่า ขณะนี้ธุรกิจขายตรงมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง รวมถึงประเทศกัมพูชาก็ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เติบโต เป็นอันดับ 3 รองจาก มาเลเซีย และพม่า ปัจจุบันกิฟฟารีนมียอดขายในตลาดต่างประเทศโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท แบ่งออกเป็นยอดขายในส่วยของธุรกิจขายตรงมีประมาณ 150 ล้านบาทและยอดขายในส่วนธุรกิจค้าปลีกแบรนด์แพทติน่า อยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าหากมีการเปิดการค้าเสรีอาเซียนขึ้นในปี 2558 แล้วจะเป็นแรงหนุนให้ยอดขายในตลาดต่างประเทศของกิฟฟารีนเพิ่มขึ้นไปถึง 500 ล้านบาท ด้วยเช่นกัน


-J&C ปลื้มกัมพูชากระแสดีโกยกว่า 10 ล้านต่อเดือน


ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการบริหารบริษัทฯกล่าวว่า ในแต่ละตลาดที่ จอย แอนด์ คอยน์ รุกก้าวเข้าไปถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะตลาดที่เติบโตค่อนข้างดีอย่างในกรุงพนมเปญ


ประเทศกัมพูชานั้นมียอดขายเฉลี่ยต่อเดือนกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งความสำเร็จส่วนหนึ่งเกิดจากระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของธุรกิจ สืบเนื่องจากประเทศดังกล่าวมีอัตราว่างงานสูง จึงทำให้หลายคนไขว่คว้าที่จะมีอาชีพหรือสร้างธุรกิจเป็นของตนเอง ในขณะที่เราเองก็พร้อมที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจและชีวิตใหม่ให้กับพวกเรา โดยตลอดระยะเวลาปีกว่าที่ได้ปักหลักเปิดดำเนินธุรกิจในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จนถึงทุกวันนี้ จอย แอนด์ คอยน์ มีฐานสมาชิกหลักพันคน หรือคิดเฉลี่ยผู้ที่สมัครเข้าร่วมธุรกิจ100-200 คนต่อเดือนเลยทีเดียว


-อาวียองซ์ เจาะความงามกัมพูชาคนแห่ร่วม 6,000 รหัส


ในขณะที่ อาวียองซ์ (aviance) แบรนด์ความงามระดับพรีเมี่ยมภายใต้การบริหารงานของยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยนั้นก็ได้เปิดแนวรุกตลาดความงามในประเทศกัมพูชาด้วยการเปิดตัว อาวียองซ์ กัมพูชา อย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วรวมทั้งล่าสุด มร.บาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทยและบอสหญิงแกร่ง สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์กัมพูชา Mr.Soun Kosal ที่สามารถพิชิตตำแหน่งในระดับ Area Executive Business Associate ได้สำเร็จเป็นคนแรก พร้อมกับเปิดอาวียองซ์ ช็อป เฟล็กชิพ สโตร์ แหเงแรก ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา


โดยปัจจุบันมียอดสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ กัมพูชา มากกว่า 6,000 รหัส ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากกระแสตอบรับที่ดีของกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาประกอบกับยูนิลีเวอร์เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีความแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จัก ทให้สมาชิกมีความมั่นใจในธุรกิจที่สามารถเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

สคบ.ฟิตจัดเรียก 2 มหาลัยดัง ทำวิจัยแก้กฎหมายขายตรงใหม่








 


สคบ.เอาจริงยกเครื่องธุรกิจขายตรงใหม่ กวักมือเรียก 2 มหาลัย จุฬา-ธรรมศาสตร์ ทำวิจัยแก้กฎหมายขายตรงอย่างเป็นรูปธรรม หลังประกาศใช้มานานทำให้ล้าหลังประเทศอื่น ระบุสิ้นเดือนม.ค.นี้ เตรียมได้ข่าวดี!! รวมทั้งไล่เชือดบริษัทขายตรงผี มีชื่อแต่ไร้ตัวตน ย้ำหากเรียกแล้วไม่มารายงานตัว สั่งถอนใบอนุญาตทันทีนายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สคบ.อยู่ระหว่างการทำวิจัยเพื่อแก้กฎหมายขายตรงใหม่ โดยได้เชิญทางมหาวิทยาลัยสองแห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งยังไม่ทราบว่าทางมหาวิทยาลัยใดจะได้เข้ามาทำวิจัยคาดว่าภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้น่าจะทราบรายละเอียดทั้งหมด


นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สคบ.อยู่ระหว่างการทำวิจัยเพื่อแก้กฎหมายขายตรง โดยได้เชิญทางมหาวิทยาลัย 2 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งยังไม่ทราบทางมหาวิทยาลัยใดจะได้เป็นผู้เข้ามาทำวิจัยคาดว่าภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้น่าจะทราบรายละเอียดทั้งหมด


อย่างไรก็ตามการทำวิจัยในครั้งนี้เพื่อให้ทราบว่าจำเป็นจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายมาตรฐานใดบ้าง เนื่องจากกฎหมายฉบับปัจจุบันเริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งถือว่าค่อนข้างเก่ามาก ทำให้หล้าหลังประเทศอื่น เนื่องจากปัจจุบันโลกทางธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ของโลก อีกอย่างการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายขายตรงไทยดังกล่าว ยังเป็นการรรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจในปี 2558 อีกด้วย


นอกจากนี้ทางสคบ. ยังมีนโยบายเร่งด่วนในการจัดระเบียบบริษัทขายตรงที่จดทะเบียนไว้กับ สคบ. ที่มีจำนวนทั้งหมด 852 บริษัท เพื่อต้องการทราบว่ายังเหลือบริษัทขายตรงที่ปิดดำเนินธุรกิจจริงอยู่กี่บริษัท โดยก่อนหน้านี้ทาง สคบ. ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังบริษัทเหล่านี้ ปรากฏว่ามีหนังสือตอบกลับเพียง 180 บริษัท โดยมีบริษัทขายตรง 35 แห่งใน 180 บริษัท แจ้งความจำนงขอเลิกกิจการ ส่วนบริษัทที่เหลือทาง สคบ. เตรียมจะลงโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้บริษัทเหล่านั้นได้รับทราบและมาแจ้งความประสงค์ว่าต้องการจะดำเนินธุรกิจต่อไปหรือไม่ หากไม่มาถือว่าท่านต้องการจะเลิกกิจการ


ส่วนโครงการตราสัญลักษณ์สคบ.นั้น นายจิรชัย กล่าว่า ทางสคบ. ได้หารือกับสมาคมต่างๆ แล้วว่าบริษัทใดที่ต้องการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจำเป็นจะต้องสังกัดสมาคมใดสมาคมหนึ่ง เพื่อให้ทางสมาคมนั้นๆ กรองอีกชั้นหนึ่งก่อนเข้ามาร่วมขอตราสัญลักษณ์สคบ. ส่วนบริษัทขายตรงใดที่มีความพร้อมและสังกัดอยู่ในสมาคมใดสมาคมหนึ่งแล้วจะเข้าร่วมขอตราสัญลักษณ์ดังกล่าวได้ สคบ. ก็จะดำเนินการให้ทันที ส่วนรายละเอียดอื่นๆค่อยมาว่ากัน


โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการที่ดี เพราะจะเป็นการการันตีคุณภาพของบริษัทขายตรงไทย รวมถึงการขยายตลาดออกไปยังตลาดในอาเซียน ดังนั้นอยากให้บริษัทที่ต้องการเข้าร่วมโครงการนี้ไปสังกัดสมาคมใดสมาคมหนึ่งก่อน เพราะจะช่วยคัดกรองอีกชั้นหนึ่ง




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ LEADER TIME รายปักษ์ ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 215

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

ข่าวประชาสัมพันธ์อาวียองซ์ (Aviance Thailand) : ตรวจผิวหน้า เช็คหุ่นให้สวย..เป๊ะ..เว่อร์... กันเองง่ายๆ กับ aviance iPad Apps








ตรวจผิวหน้า เช็คหุ่นให้สวย..เป๊ะ..เว่อร์... กันเองง่ายๆ กับ aviance iPad Apps


เมื่อโลกแห่งเทคโนโลยีมีความล้ำหน้าทันสมัยมากยิ่งขึ้น ดิจิตอลออนไลน์ต่างๆ จึงต้องเร่งแข่งกันพัฒนาระบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้รวดเร็วทันใจ ซึ่งเห็นได้จากแอพพลิเคชั่นที่มีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ไม่เว้นแม้ในแวดวงความสวยความงาม ล่าสุด สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ได้พัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ อาวียองซ์ อีซี่ แชนแนล (aviance Easy Channel) ที่มีแอพพลิเคชั่นสุดคูลให้สาวๆ ตรวจเช็คสภาพผิวได้สวยรวดเร็วทันใจ หรือตรวจเช็ครูปร่างให้หุ่นสวยเฟิร์มกระชับ เหมือนมีกูรูความงามมาให้คำแนะนำให้สาวๆ ได้สวย..เป๊ะ..เว่อร์... กันถึงที่ กับแอพพลิเคชั่น อาวียองซ์ มาย บิวตี้ โซลูชั่น (aviance My Beauty Solutions) และ อาวียองซ์ มาย สลิมม์ โซลูชั่น (aviance My Slym Solutions) ที่สามารถ ดาวน์โหลดมาไว้ใน iPad Apps ของคุณเอง


อาวียองซ์ มาย บิวตี้ โซลูชั่น (aviance My Beauty Solutions) แอพพลิเคชั่นตรวจเช็คสภาพผิว ที่จะทำสาวๆ มีผิวพรรณที่สวยเปล่งประกาย ด้วยการตอบคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมความงามของตนเอง เพื่อเป็นบทสรุปสู่การบำรุงดูแลผิวหน้าที่เหมาะสมสำหรับผู้ตอบคำถามแบบครบขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า, การปรับสภาพผิว, การแก้ไขปัญหาผิวพรรณ, การบำรุงเพื่อเติมความชุ่มชื่น, การปกป้องดูแลผิวจากแสงแดด และการดูแลสู่การมีผิวสวยจากภายใน


แต่หากสาวๆ คนไหนมักกังวลใจกับปัญหารูปร่างที่ไม่สวยคงที่สักที แอพพลิเคชั่น อาวียองซ์ มาย สลิมม์ โซลูชั่น (aviance My Slym Solutions) จะเป็นที่ปรึกษาให้สาวๆ ตรวจเช็ครูปร่างได้เอง เพราะสามารถวัดค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และยังสามารถวิเคราะห์หรือแนวโน้มของพฤติกรรม ที่ส่งผลให้รูปร่างมีการเปลี่ยนแปลง พร้อมให้คำแนะนำเพื่อการดูแลรูปร่างให้ฟิต แอนด์ เฟิร์ม โดยแอพพลิเคชั่น อาวียองซ์ มาย สลิมม์ โซลูชั่น (aviance My Slym Solutions) ยังมีเรื่องราวจากประสบการณ์การจริงของผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้สวยเพอร์เฟคได้สำเร็จ และยังมีคลิปวิดีโอที่เป็นเกร็ดความรู้ในเรื่องของการดูแลรูปร่างอีกด้วย


สาวๆ ที่อยากเป็นเจ้าของทั้ง 2 แอพพลิเคชั่นนี้ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่มี iPad เข้าไปที่ App Store แล้วพิมพ์ aviance พร้อมกดคำว่าค้นหา เพียงเท่านี้ แอพพลิเคชั่น อาวียองซ์ มาย บิวตี้ โซลูชั่น (aviance My Beauty Solutions) และแอพพลิเคชั่น อาวียองซ์ มาย สลิมม์ โซลูชั่น (aviance My Slym Solutions) ก็จะขึ้นมาให้สาวๆ ดาวน์โหลด หรือหากอยากรู้เพิ่มเติม คลิกไปที่ www.avianceinternational.com หรือ 02-554-2655


[gallery]


***********************************************************


หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด


โทร.0-2619-0429 ถึง 30 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์


ข่าวแอมเวย์ (Amway Thailand) : เราไม่ได้ใช้คนเพื่อสร้างธุรกิจ แต่เราใช้ธุรกิจเพื่อสร้างคน คุณสุวรรณ คุณเอกภพ เลิศรุ่งอรุณ นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชร









คุณสุวรรณ เลิศรุ่งอรุณ และ คุณเอกภพ เลิศรุ่งอรุณ นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชร บริษัทแอมเวย์ (ประเทศไทย จำกัด) จากจุดเริ่มต้นที่ได้รับโอกาสในการเป็นผู้ใช้สินค้า จนเกิดความเข้าใจในแผนการตลาด กระทั่งก้าวสู่เส้นทางที่ประสบความสำเร็จในวันนี้กับเวลากว่า 20 ปี ล่าสุดเธอและเขาก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็น นักธุรกิจอิสระดีเด่น ประจำปี 2555 จากสมาคมการขายตรงไทย (Thai Direct Selling Association : TDSA) นับว่าเป็นความภูมิใจอย่างสุดซึ้งกับการเป็นนักธุรกิจแอมเวย์


แม้ว่าวันหนึ่งเคยเป็นผู้ที่ไม่เข้าใจในธุรกิจ เครือข่าย (ขายตรง) เป็นคนหนึ่งที่มองข้ามธุรกิจเครือข่าย กับอคติภายในใจว่า มีคนทำเยอะแล้วจะทำไปทำไม แต่เมื่อวันที่เปิดใจรับก็กลับสามารถเข้าใจ จนหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่า ต้องการอะไรจากธุรกิจนี้ และกลายเป็นก้าวแรกที่เปลี่ยนแปลงครอบครัวตลอดไป


อดีต แอมเวย์ ไม่ใช่ตัวเลือกของครอบครัว


คุณสุวรรณและคุณเอกภพ พื้นเพเดิมเป็นคนกรุงเทพฯ และทำงานเป็นพนักงานระดับบริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เริ่มขยับฐานะด้วยการ เปิดบริษัท ของตัวเอง เป็นบริษัทนำเข้าเคมีสำหรับอาหารและเครื่องสำอาง แต่การทำธุรกิจส่วนตัวนั้นก็เหมือนเป็นพนักงานทั่วไป คือ ทำงาน เหมือนงานประจำทุกอย่าง


กระทั่งเมื่อปี 2540 ธุรกิจส่วนตัวเริ่มเผชิญกับภาวะวิกฤตต้มยำกุ้ง ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน เพราะค่าเงินจาก 25 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้กำไรหายต้นทุนหด จาการนำเข้าวัตถุดิบต่างๆ


ปัญหาการทำธุรกิจส่วนตัวเริ่มทำให้ทั้งคุณสุวรรณและคุณเอกภพกังวลกับอนาคตของลูกๆ เพราะหากธุรกิจมีปัญหาแก้ไขไม่ได้จนต้องปิดกิจการไป ก็จะทำให้ฐานะครอบครัวลำบากไม่มีทุนสำรองสำหรับการเลี้ยงดูและการศึกษาลูก จึงเริ่มมองหา งานอื่น ที่จะมาเป็นแหล่งรายได้ที่ 2 ให้กับครอบครัว


จุดเริ่มต้นธุรกิจ แอมเวย์


ด้วยแนวคิดดังกล่าวทำให้ คุณสุวรรณ และ คุณเอกภพ หันมามอง ธุรกิจแอมเวย์ อย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจาก 4 ปีก่อนหน้านั้น คุณสุวรรณ ได้เข้าไปศึกษาธุรกิจแอมเวย์บ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจอย่างเต็มตัว


เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ ไม่ได้คิดอะไร หรือมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจแอมเวย์มากนัก เพียงแค่สมัครเพื่อจะใช้สินค้าเท่านั้น กระทั่งเมื่อตัดสินใจจะกลับมาทำอย่างจริงจังได้เข้าร่วมฟังแผนการตลาดและได้เห็นโอกาสความเป็นไปได้ของแผนการตลาดที่จะทำให้มีรายได้ต่อเนื่องและมั่นคงได้


ยิ่งเมื่อได้เข้าประชุมบ่อยขึ้น ทั้งคู่ เริ่มรู้สึกว่า มีความเป็นไปได้สูงกับการจะประสบความสำเร็จในอาชีพนักธุรกิจแอมเวย์และเมื่อเริ่มทำงานผ่านไปได้ระดับหนึ่งก็เริ่มเข้าใจ เส้นทางรายได้ ที่มั่นคงในอนาคต จนรู้สึกว่าการทำงานประจำที่ทำอยู่ทุกวัน แม้จะให้ทำมากขนาดไหน แต่เมื่อเลิกทำทุกอย่างก็จบ และยิ่งมีครอบครัวมีลูกแล้ว ก็ต้องคิดถึงความมั่นคงของฐานะการเงินการงานในอนาคตมากขึ้นอีก


ขณะที่การสร้างเครือข่ายในธุรกิจแอมเวย์ กลับทำให้เห็นภาพที่แตกต่างไปจากการทำงานประจำโดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งธุรกิจส่วนตัวที่ทั้งคู่ดำเนินอยู่ก็ยังมีความเสี่ยงหลายอย่าง จึงทำให้ตัดสินใจหันมาร่วมทำธุรกิจแอมเวย์เต็มตัวไดง่ายขึ้น และที่สำคัญการทำธุรกิจเครือข่ายนั้นยังมีอะไรอย่างอื่นที่สร้างแรงจูงใจให้อีกด้วยเหมือนอย่างที่ คุณเอกภพ กล่าวยอมรับว่า สิ่งหนึ่งที่จูงใจคือทริปการท่องเที่ยว ในช่วงนั้นแอมเวย์จัดโปรโมชั่นขึ้น และเราก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งจนสามารถพาลูกไปดิสนีย์แลนด์ได้ ทำให้เป็นแรงจูงใจอย่างแท้จริงในที่สุด


อุปสรรคและแนวทางการทำงานในช่วงแรก


สำหรับอุปสรรคการทำงานธุรกิจเครือข่ายในระยะแรกนั้น ทั้งคู่ได้เจอปัญหาในเรื่องการ เชิญคนใหม่ เพื่อร่วมทำธุรกิจเครือข่ายด้วยกัน ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรจากปัจจุบันนี้เลย ที่ทุกคนจะเจอกับคำปฏิเสธว่า มีคนทำเยอะแล้ว จะทำไป ทำไม อาชีพการงานดีอยู่แล้ว


ทั้งนี้เป็นเสียงสะท้อนจากคนรอบข้าง แม้กระทั่งเสียงจากคนในครอบครัวและสำหรับการทำงานจริงๆ แล้วทั้งสองยอมรับว่าปัญหาส่วนใหญ่ไม่ใช่มาจากวิธีการทำงาน แต่เป็นเรื่องของความคิดเห็น ของคนอื่นที่มองธุรกิจเครือข่ายจากภายนอก แต่เมื่อทำความเข้าใจแล้วก็รู้สึก รับได้ กับคำปฏิเสธต่างๆเพราะหากย้อนกลับมามองตัวเองในอดีตก็เคยมองธุรกิจเครือข่ายเป็นแบนี้มาก่อนเหมือนกันคือ อธิบายแผนการตลาด แล้วก็ทำให้คนใหม่รู้จักแอมเวย์มากขึ้น ผู้ที่สนใจก็จะเข้ามางานประชุมในแต่ละระดับขั้นที่มรชีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประชุมแผนหรืองานประชุมใหญ่ที่แอมเวย์จัดขึ้น


ช่วงจังหวะไหนที่เหมาะสม เราก็จะจัดให้เขาได้สัมผัส ได้ใกล้ชิดมากขึ้นไม่ว่าจะสนใจทำธุรกิจหรือไม่ก็ตาม เรามักจะให้เขาลองใช้สินค้า เพราะสินค้ารับประกันความพึงพอใจไม่มีความเสี่ยงในการใช้ เรามั่นใจว่าสินค้าของเรามีคุณภาพที่ดี ถ้าไม่พอใจสามารถรับเงินคืนได้ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด


การบริหารทีมงานต้องไปในทิศทางเดียวกัน


ด้านการดูแลทีมงานนั้น ทั้งคู่ได้ใช้ความเป็นกันเองและใกล้ชิดกับทีมงานทุกคน หลังเชิญให้เข้ามาร่วมงานแล้วก็คอยที่จะชวนทุกคนให้เข้าร่วมประชุมต่างๆ ในแต่ล่ะโอกาส หรือท้าทายให้เขาหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมธุรกิจทุกคนสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้จากการประชุมกลุ่มเล็ก เรียนรู้วิธีการแสดงแผน ถ้าผู้มุ่งหวังมีข้อสงสัยหรือมีข้อโต้แย้งแบบนี้ เราควรจะตอบเขาแบบไหน ที่สำคัญคือ ทัศนคติ ของนักธุรกิจแอมเวย์ที่มีต่อธุรกิจแอมเวย์


ถ้าเราคิดว่าเราจะสร้างธุรกิจของเราเอง ตรงนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น เชื่อว่าจุดเริ่มต้นของทุกคนที่เข้ามาจะคล้ายๆกัน คือ เขาต้องการอะไรจากธุรกิจนี้ ถ้าตอบคำถามนี้ได้ มีการเรียนรู้เป็นขั้นเป็นตอน การบริหารจัดการไม่เหมือนบริษัทเราไม่มีสายงานบังคับบัญชา ทุกคนเข้ามาด้วยความสมัครใจ ทุกคนจะตระหนักว่านี่คือธุรกิจของเรา ไม่มีใครสามารถบังคับใครให้ทำอะไรได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนต้องรู้ให้ได้ว่า ทำไมเราถึงมาทำธุรกิจนี้


ในการทำธุรกิจหรือทำอะไรก็ตามย่อมจะเจอความท้าทายเสมอ ซึ่ง คุณเอกภพ ยอมรับว่า เราไม่ได้ใช้คนเพื่อสร้างธุรกิจ แต่เราใช้ธุรกิจเพื่อสร้างคน เราใช้ธุรกิจนี้สร้างครอบครัว นี่คือสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจที่จะออกไปหาผู้คน เชื่อว่าหากใครที่มองหาสิ่งที่ดีกว่าให้ชีวิตของเขา แล้วมีความต้องการที่มากพอ ธุรกิจนี้สามารถตอบโจทย์และสร้างชีวิตที่ดีให้เขาได้


ทางเลือกสำหรับคนที่กำลังมองธุรกิจเครือข่าย


ธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจขายตรงในปัจจุบันถือเป็นสาขาวิชาชีพหนึ่งที่เติบโตมาก บางคนวางกรอบธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจขาบตรง จะร้อง ยี้ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมันคืออะไร แต่ถ้ามองอย่างที่เราเข้ามาในธุรกิจแล้ว นี่เป็นอาชีพหนึ่งที่มั่นคง สามารถสร้างรายได้ให้กับคนมากมายหลายหมื่นหลายแสนคน ไม่ว่าจะบริษัทไหนถ้าทำอย่างถูกต้องตามจรรยาบรรณ ก็สามารถสร้างชีวิตใหม่ด้วยธุรกิจนี้


วันนี้ยังไม่สาย... เพราะธุรกิจนี้ไม่มีคำว่าสายเกินไป ธุรกิจแอมเวย์ในประเทศไทยเพิ่งเริ่มต้น ทั้งๆที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วถึง 25 ปี และเห็นได้จากคนที่ประสบความสำเร็จในระดับเพชรมากมาย ในปีนี้ บางคนเพิ่งเข้ามาเมื่อปีหรือสองปีที่แล้วนี่เอง จะสังเกตได้ว่ากว่าแอมเวย์จะมียอดขายเป็นพันล้านใช้เวลาเป็นสิบปี แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปีเราก็เป็นดับเบิ้ล แล้วยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จึงไม่มีคำว่าสาย โอกาสขยายช่องทางการทำธุรกิจยังมีอยู่มากมาย เด็กรุ่นใหม่ก็โตขึ้นเรื่อยๆ อายุ 18 ก็สามารถสมัครเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ได้แล้ว และยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้ามาศึกษาธุรกิจนี้


ผมเชื่อว่าตอนนี้ต่างหากที่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะเข้ามาทำธุรกิจ วันนี้มีโครงสร้างทุกอย่างครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแอมเวย์ ช็อป การใช้เทคโนโลยี เราสามารถพูดคุยกับคนทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีไม่มีอะไรสะดวกกว่านี้อีกแล้วภาพของแอมเวย์วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแอมเวย์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พูดถึงแอมเวย์ใครๆก็รู้จัก เมื่อเร็วๆนี้ ดาราจากฮอลลีวู้ดเพิ่งมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ยังชื่นชมว่าแอมเวย์โด่งดังมาก


สิ่งที่ได้รับจากการทำธุรกิจแอมเวย์


สิ่งที่ดีที่สุดของแอมเวย์คือทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น ใช้ชีวิตที่มีคุณค่ามากขึ้น มีความหมายมากขึ้น เมื่อเราประสบความสำเร็จไม่ได้หมายความว่าเราประสบความสำเร็จเพียงคนเดียว เราสามารถมีทีมงานที่ประสบความสำเร็จตามเรามากมาย และทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้นเราสามารถใช้ชีวิตที่เลือกได้ มีเวลาให้ครอบครัวได้เต็มเวลา เรามองว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว ลูกๆ เติบโตขึ้นมาท่ามกลางพี่ๆน้องๆที่ทำธุรกิจแอมเวย์คนเหล่านั้นไม่ได้มองที่ปัญหาแต่มองเห็นโอกาส ไม่ได้มองข้อจำกัดแต่มองหาคำตอบ เมื่อลูกๆเติบโตในสังคมแบบนี้ เขาจะซึมซับโดยบรรยากาศรอบตัวที่เกิดขึ้นกับแอมเวย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้และเป็นสิ่งที่ไม่มีในแผนการตลาด


การที่คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จเขาสามารถเลือกได้โดยไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านใหม่หรือมีรถคันใหม่เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่แสดงตัวตนของเขาๆจะไม่สนใจว่าใครจะมองเขาอย่างไรแต่จะมองว่าตัวเขาเองจะเป็นอย่างไร สำหรับสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การมีโอกาสอยู่กับครอบครัว ได้พาครอบครัวไปเที่ยวกันพร้อมหน้า ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของชีวิตเราแล้ว


ทิ้งท้าย


วันนี้ ถ้าเราไม่มี แอมเวย์ ที่เปิดโอกาสให้คนธรรมดาอย่างเราเข้าร่วมธุรกิจ เราคงไม่ได้มายืนที่จุดนี้ เราคงไม่สามารถเติบโตได้ถ้าไม่มีผู้บริหารที่มองการณ์ไกล เราคงไม่สามารถเติบโตได้ถ้าไม่มีทีมอัพไลน์ที่คอยประคับประคองเราในช่วงแรกในการทำงาน ขอบคุณเพื่อนร่วมงาน ขอบคุณคนที่ประสบความสำเร็จมาก่อนหน้าเราที่เป็นแบบอย่างที่ดีที่ได้สร้างชื่อเสียงของธุรกิจแอมเวย์ ทำให้เราอยู่ในสภาพแวดล้อมของธุรกิจที่มีความสุขและมีความหมาย ซึ่งทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและทำธุรกิจได้อย่างเต็มที่


ขอบคุณตัวเองที่เลือกทำธุรกิจนี้ขอบคุณแอมเวย์ที่มีปรัชญาที่ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อหาผลกำไรเท่านั้น แอมเวย์มีพันธสัญญาที่ดีในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจแก่เราในทุกขั้นตอน ทุกครั้งที่แอมเวย์มีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงนั้นจะส่งผลดีสำหรับนักธุรกิจแอมเวย์ พนักงาน ละผู้บริโภคเสมอ ยังไม่เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใดที่ทำให้เรารู้สึกผิดหวังเลยสักครั้ง !!


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพธุรกิจเครือข่าย ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 244

การเตรียมความพร้อม สู่ ประชาคมอาเซียน ของนักธุรกิจขายตรง









มาถึงวันนี้คงมีน้อยคนนักที่ยังไม่ทราบว่า ประเทศไทยและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อาเซียน ของเรากำลังจะก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ในปี พ.ศ. 2558 หรือ ค.ศ. 2015 เพราะเรื่องนี้กำลังเป็นเรื่องใหญ่และใกล้ตัวอย่างมาก การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนจะมีผลกระทบกับคนไทยและประชากรอาเซียนทุกเพศ ทุกวัยอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เช่น หลักสูตรการเรียนการสอนของไทยก็จะต้องมีการปรับตัวให้เป็นสากลและมีมาตรฐานเพื่อรองรับความเป็นอาเซียน นอกจากนี้การเดินทางติดต่อสื่อสารก็จะกระทำได้สะดวก รวดเร็ว ถนนหนทางจะแปรเปลี่ยนไปเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศอาเซียนด้วยกัน พร้อมๆกับเส้นเขตแดนที่แบ่งเขตระหว่างชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านก็กำลังจะละลายจางหายไปพร้อมๆ กับการเดินทางข้ามประเทศอย่างเสรีของผู้คนในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ารวดเร็วจนกระทั่งรองศาสตราจารย์ สุรชาติ บำรุงสุข จากภาควิชาความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า มันจะเร็วจนแทบไม่ต้องพูดถึงการรวมตัวของอาเซียนแล้ว แต่ควรจะเป็นการพูดถึง โลกภายหลังการรวมประชาคมอาเซียน (Post ASEAN Community) มากกว่า


ประชาคมอาเซียน เป็นการรวมประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสิบประเทศเข้าเป็นหนึ่งเดียวหรือประชาคมเดียว แม้จะยังไม่อาจเทียบได้กับสหภาพยุโรป (European Union) ที่มีประวัติยาวนานกว่าอาเซียนมากนักและกลายเป็นสหภาพที่อยู่ เหนือชาติ (Supranational trait) เกือบจะสมบูรณ์แล้ว แต่ประชาคมอาเซียนก็มีแนวทางที่คล้ายคลึงกับสหภาพยุโรป คือมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสันติภาพ สันติสุขและความมั่นคงในภูมิภาค เพื่อให้ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีกลไกทางสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากกรณีความขัดแย้งบริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหารระหว่างไทยและกัมพูชาที่อาเซียนพยายามใช้แนวทางสันติในการแก้ปัญหา รวมทั้งไทยและกัมพูชาเองต่างก็ยืนยันตรงกันว่าข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการลงทุนของทั้งสองประเทศ


ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งด้านความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียนจะไม่ถูกนำไปผูกโยงกับความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ เช่นความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและสังคมกลับจะเป็นสิ่งเชื่อมโยงและนำมาซึ่งข้อยุติของความขัดแย้งด้านความมั่นคงอย่างสันติวิธี ทั้งนี้เพราะการรวมประชาคมอาเซียนนั้นประเทศสมาชิกจะต้องมีพันธสัญญาร่วมกันในการมีกฎเกณฑ์และค่านิยมที่เหมือนกัน


ความสำคัญของประชาคมอาเซียนก็คือประชาคมนี้จะเป็นการรวมกิจกรรมหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านต่างๆ ทั้งสามด้านคือ ด้านการเมืองและการทหาร ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและวัฒนธรรมหรือที่เรียกกันว่า สามเสาหลัก (Pillars) เข้าด้วยกัน ส่งผลให้ประชาคมอาเซียนเป็นประชาคมที่ประกอบด้วย


1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEN Political Security Community - APSC)


2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community - AEC) และ


3.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio Cultural Community - ASCC)


ในปัจจุบันประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ ต่างให้ความสำคัญกับการรวมตัวทางด้านเศรษฐกิจของอาเซียนเป็นอย่างมากเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นเรื่องที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม แตกต่างจากด้านการเมืองความมั่นคงและสังคมวัฒนธรรมที่ดูจะเป็นเรื่องของนามธรรม ที่ไกลตัวและจับต้องได้ยาก ดังจะเห็นได้จากนักธุรกิจส่วนหนึ่งได้เดินทางไปยังประเทศอาเซียนอื่นๆ เพื่อขยายฐานความร่วมมือหรือหาแหล่งลงทุนใหม่ในการทำธุรกิจของตน


ธุรกิจ ขายตรง ก็เช่นเดียวกันที่มีโอกาสขยายตัวอย่างมากเมื่อมีการรวมตัวในรูปของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การเดินทางของสินค้า การลงทุนและโอกาสของธุรกิจจะเกิดขึ้นอย่างเสรีเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ตลาดและจำนวนผู้บริโภคจะขยายตัวจาก 60 ล้านคนในประเทศไทยเป็น 600 ล้านคนในกลุ่มประเทศอาเซียน อาจกล่าวได้ว่านักธุรกิจขายตรงจะมีพื้นที่รองรับสำหรับการลงทุนในพื้นที่ใหม่ๆ พร้อมๆ กับการขยายโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจให้กับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศอาเซียนอื่นๆเช่นเดียวกัน


ดังนั้นเมื่อโอกาสอันยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง นักธุรกิจขายตรงหลายคนจึงเริ่มหันมาศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจของตนเข้าสู่กลุ่มประเทศอาเซียน แต่เพราะการลงทุนในลักษณะนี้มีความซับซ้อนและจำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบเพิ่มขึ้นกว่าปัจจัยทั่วไปที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากธุรกิจขายตรงจากประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ต่างก็กำลังจับจ้องโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้เช่นเดียวกัน


ความซับซ้อนที่นักธุรกิจจะต้องเตรียมการรับมือก็คือ เงื่อนไขด้านภาษาอังกฤษ เพราะภาษาต่างประเทศต่างๆ ในอาเวียนล้วนมีขีดความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน ตัวนักธุรกิจเองต้องพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอังกฤษของตนซึ่งอาจต้องใช้เวลาพอสมควร หากในช่วงแรกจำเป็นต้องขยายฐานเข้าไปในประเทศใกล้เคียง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่สามารถกระทำได้คือการรวมกลุ่มนักธุรกิจหลายคนเข้าด้วยกันรวมทั้งเตรียมทีมงานที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษซึ่งจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เสมือนล่ามให้กับกลุ่มอย่างน้อยหนึ่งคน บุคคลนี้ควรมีความเข้าใจธรรมชาติ และรูปแบบของธุรกิจดีพอสมควร เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของธุรกิจ.


นอกจากเงื่อนไขด้านภาษาแล้ว นักธุรกิจยังต้องศึกษาเงื่อนไขด้านกฎหมายของประเทศที่จะไปลงทุน เช่นกฎหมายการค้าและการลงทุน อัตราภาษีและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินสินค้าอย่างละเอียด อีกทั้งยังต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณของธุรกิจอย่างเคร่งครัด ไม่เอารัดเอาเปรียบ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายหรือข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ที่สำคัญคือนักธุรกิจควรศึกษาผลได้และผลเสียตลอดจนความคุ้มค่าในการลงทุนประเทศใหม่ๆ ว่ามีความคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด เพราะตลาดนับวันจะมีการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนบางครั้งการขยายฐานธุรกิจในประเทศใหม่อาจไม่คุ้มค่าเท่ากับการขยายธุรกิจในประเทศก็เป็นได้


อย่างไรก็ตามไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 นับเป็นโอกาสทองของนักธุรกิจขายตรงในการขยายฐานการลงทุนไปยังประเทศใหม่ๆ ที่กำลังมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น เมียนม่าร์ ลาวและกัมพูชา เป็นต้น ดังนั้นหากมีการเตรียมตัวที่ดีและมีการศึกษารายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วนแล้ว ความสำเร็จของการเป็นนักธุรกิจระดับประเทศดังที่หลายคนใฝ่ฝันก็ไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพธุรกิจเครือข่าย ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 244

ข่าวสมาคมการขายตรงไทย TDSA : ธุรกิจเครือข่ายเหมาะกับ Entrepreneur ยุคใหม่จริงหรือ








 


ในปัจจุบันเราจะพบว่าคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบปริญญาตรีหรือปริญญาโทต่างก็มีทัศนคติและความคิดในการใช้ชีวิตแบบใหม่ส่วนใหญ่ต้องการทำธุรกิจอิสระ เป็นเจ้าของเอง ไม่ต้องการทำงานประจำ ชอบที่จะออกแบบชีวิตตัวเอง และที่สำคัญต้องการสร้างรายได้มากๆ ในช่วงเวลาหนุ่มสาว หลายคนคิดว่าทำไมต้องรวยตอนแก่ และมองหาธุรกิจที่รวยได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปัจจุบันเราจึงเห็นเจ้าของร้านกาแฟเต็มไปหมด หรือไม่ก็เจ้าของหน้าร้านค้าออนไลน์ขายข้าวของสารพัดอย่าง แต่บางส่วนก็ยังไม่ตอบโจทย์ของรายได้ที่มากพอให้เกิดอิสระอยู่ดี


ที่จริงแล้วยังมีธุรกิจประเภทหนึ่งที่เหมาะกับแนวโน้มของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีรายได้ดีตั้งแต่หนุ่มสาวถ้าศึกษาธุรกิจนี้จริงจัง จะพบว่าธุรกิจขายตรงหลายชั้นหรือที่เรียกว่าธุรกิจเครือข่ายเหมาะกับคนรุ่นใหม่ เพราะไม่ต้องมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน ในธุรกิจเครือข่ายมีอัพไลน์ (ผู้ที่ชวนสมัคร) คอยโค้ช ให้ผู้สมัครใหม่มีความเข้าใจธุรกิจและทำธุรกิจเครือข่ายให้ก้าวหน้าได้โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง ลองคิดดูว่าถ้าเราจะทำธุรกิจอย่างอื่นคนที่รู้จักธุรกิจประเภทนั้นดีคือคู่แข่ง แล้วคู่แข่งที่ไหนจะมาแนะนำเราว่าควรเริ่มต้นอย่างไร


ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ค่าสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทขายตรง ค่ายใดค่ายหนึ่งก็จะไม่เกิน 1,000 บาท ที่เหลือก็มีเงินใช้จ่ายประจำเดือนของตัวเอง กับค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าเข้าอบรม และอื่นๆ แต่ไม่ต้องลงทุนเรื่องเช่าหน้าร้าน พนักงาน หรือสต็อคสินค้าให้ปวดหัว


กำหนดความเร็วความแรงของรายได้ด้วยตัวเอง สามารถทำธุรกิจได้เต็มที่โดยโดยกำหนดเวลาที่ใช้มากน้อยในการทำธุรกิจได้เอง ใส่ระดับความทุ่มเทเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เร็วได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการกำหนดว่าตัวเองจะมีรายได้มากๆเร็วแค่ไหน ตอบโจทย์การรวยตั้งแต่หนุ่มสาวได้ ไม่ต้องรอแก่แล้วค่อยรวย เกษียณแล้วค่อยใช้ตังค์


ธุรกิจเครือข่ายจึงเป็นธุรกิจที่คนรุ่นใหม่สนใจเข้ามาทำเรื่อยๆ เพราะเป็นการทำธุรกิจที่เป็น Entrepreneur คือได้เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง ภายใต้หลักการผ่อนแรง (Leverage) จากทีมงานที่เราแนะนำเข้ามาร่วมธุรกิจ โดยมีบริษัทต้นสังกัดเป็นผู้จัดหาสินค้าทำการตลาดด้านสินค้า และจัดส่งสินค้าให้ ผู้ที่มาร่วมธุรกิจเพียงนำเสนอโอกาสทางธุรกิจและแบ่งปันผลลัพธ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ให้กับผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นสนใจสมัครเข้ามาอยู่ในเครือข่ายองค์กรของตนและทำธุรกิจเช่นเดียวกับตัวเองและขยายคนในองค์กรเช่นเดียวกัน


ธุรกิจเครือข่ายถือเป็น SME ประเภทหนึ่งที่กำลังมาแรง บัณฑิตจบใหม่หลายคนไม่เคยผ่านการสมัครงานมาเลย แต่เป็นเจ้าของธุรกิจเครือข่ายร่วมกับบริษัทต้นสังกัด สามารถสร้างขนาดองค์กรธุรกิจที่ใหญ่มากๆ จนมีรายได้หกหลักต่อเดือน ซึ่งถามทีไรเจ้าตัวก็บอกว่าคิดไม่ออกเลยว่า ถ้าไปทำงานเป็นลูกจ้างประจำป่านนี้รายได้จะเป็นอย่างไร


ธุรกิจเครือข่ายนอกจากจะเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่แล้ว ยังเป็นธุรกิจแห่งอนาคตอีกด้วย ทำให้การเป็นเจ้าของธุรกิจนี้มีความยั่งยืน เนื่องจาก Mega Trend (แนวโน้มกระแสโลก) จะส่งผลให้ธุรกิจเครือข่ายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง


Digital Trend ชีวิตยุคดิจิตอลช่วยทำให้การสร้างธุรกิจเครือข่ายเป็นไปได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้นและรวดเร็วขึ้น ปกติธุรกิจธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจของการแบ่งปันอยู่แล้ว การแบ่งปันผ่านสื่อดิจิตอลจึงเป็นเครื่องมือที่ขยายพลังการบอกต่อได้เป็นอย่างดี เข้ากับยุคสมัย และเข้าถึงคนจำนวนมากอย่างรวดเร็ว


Aging Population (ผู้สูงวัย) จำนวนประชากรผู้สูงวัยมากขึ้นๆ ซึ่งสินค้าของธุรกิจเครือข่ายจะครอบคลุมกลุ่มสินค้าเพื่อคนสูงอายุอยู่แล้ว สินค้าเป็นที่ต้องการ ธุรกิจเครือข่ายจึงเป็นไปได้ดีและมั่นคง รวมทั้งผู้สูงอายุที่เกษียณอีกจำนวนมากยังมีความกระตือรือร้นในการทำงานและมีสังคม ก็เลือกที่จะเข้าร่วมทำธุรกิจเครือข่าย


Gen Y & Entrepreneurship (เจนวายและความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ) คนรุ่นใหม่สนใจทำธุรกิจของตัวเองเพิ่มมากขึ้นต้องการความยืดหยุ่นและอิสระแบบที่งานประจำให้ไม่ได้ ธุรกิจเครือข่ายจึงเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดใจ และยิ่งมีคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีเจนวายเข้ามีร่วมธุรกิจนี้มากขึ้น


Health & Beauty (สุขภาพและความงาม) แนวโน้มของกระแสโลกคือคนให้ความสำคัญกับสุขภาพและความงามมากขึ้นเรื่อยๆ สินค้าชะลอวัยทั้งหลายได้รับความนิยม ซึ่งธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ก็นำเสนอสินค้าทั้งสองประเภทนี้ เท่ากับว่ามีฐานผู้บริโภคจำนวนมากรอเป็นลูกค้าอยู่


Urbanization (สังคมเมือง) คนทยอยเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งมาทำงานและเรียนหนังสือ จึงทำให้มีผู้บริโภคมากขึ้นและมีทั้งผู้สนใจมองหาธุรกิจเพื่อหารายได้เสริมหรือรายได้หลักมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่นักธุรกิจเครือข่ายจะมีผู้ร่วมธุรกิจในองค์กรมากขึ้น


สรุปแล้วหากศึกษากันดีๆ จะเห็นได้ว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่คนรุ่นใหม่ต้องการ และยังเป็นธุรกิจของอนาคตอีกด้วย จึงทำให้ปัจจุบันกระแสการทำธุรกิจเครือข่ายแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะคนรุ่นใหม่ได้ไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองชอบและทำได้อย่างยั่งยืน ความสุขระยะยาวจึงเกิดขึ้นที่นี่...ธุรกิจเครือข่ายที่มีพลังในตัว อย่างมหาศาล




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพธุรกิจเครือข่าย ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 244

ขายตรงอินเดียระอุ!เอกชนบี้รัฐบาลเคาะกฏเหล็ก สมาคมผนึกหอการค้าตอกฝาโลงแก๊ง "ปิระมิด"









ธุรกิจขายตรงในประเทศอินเดียมีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองตั้งแต่ต้นปี เมื่อภาคธุรกิจส่งสัญญาณไปยังภาครัฐให้ออกกฎหมายขายตรงโดยเร่งด่วน โดยสื่อท้องถิ่นระบุ สมาคมการขายตรงอินเดีย (The Indian Direct Selling Association : IDSA) ผนึกกำลังกับหอการค้าเรียกร้องรัฐบาลเร่งออกกฎหมายหรือกฎระเบียบกำกับดูแลธุรกิจขายตรง สกัดพวกขายตรง นอกรีตที่จัดตั้งบริษัทขึ้นมาหลอกลวงประชาชนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมและของประเทศชาติ ตลอดไปถึงดูแลผู้บริโภคสร้างมาตรฐานให้กับธุรกิจ


สมาคมการขายตรงอินเดียแสดงจุดยืนอันแรงกล้านี้ในการประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อหารือกันถึงอนาคตธุรกิจขายตรงภายในประเทศรวมถึงมาตรการจัดการแก๊ง ปิระมิด ระบบการตลาดสีเทาที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก


การประชุมมีขึ้นหลังปีใหม่ที่ผ่านมาโดยผู้เข้าร่วมประชุมนอกจากคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ แล้วยังมีผู้แทนจากหอการค้าทั้งกลุ่มผู้จบการศึกษาระดับปริญญาเอกสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดียที่ล้วนมีจุดยืนต้องการส่งเสริมธุรกิจขายตรงซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญแขนงหนึ่งที่มีส่วนไม่น้อยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ


ในกลุ่มบุคคลที่ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเวทีการประชุมเพื่อส่งผ่านข้อเสนอดังกล่าวไปยังภาครัฐ อาทิ ชาวี เฮมานห์ เลขาธิการหอการค้า, พี เดฟดาส เหรัญญิกสมาคมการขายตรงอินเดีย,เอส.พี.ชาร์มา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ รวมถึงกลุ่มผู้จบการศึกษาระดับปริญญาเอกของหอการค้าอีกหลายคน และ ดี.เอส.ราชโอระ กรรมการอาวุโส สมาคมสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย


ตอกย้ำอินเดียต้องมีกฎหมายขายตรง สกัด ปิระมิด สร้างมาตรฐานธุรกิจ


ชาวี เฮมานห์ได้พูดตอกย้ำถึงความจำเป็นของประเทศที่จะต้องมีกฎหมายขายตรง หรืออย่างน้อยต้องมีระเบียบจากทางการออกมาเพื่อกำกับดูแลธุรกิจขายตรง แยกข้อแตกต่างระหว่างปิระมิด และธุรกิจเครือข่ายหลายชั้น(MLM) ออกจากัน โดยให้กำหนดเป็นคำนิยามในกฎหมายว่าการตลาดแบบ MLM เป็นอย่างไร การตลาดแบบปิระมิดเป็นอย่างไร เพื่อให้ประชาชนทั่วไปตลอดจนองค์กรต่างๆ ได้รับรู้เฉพาะปัจจุบันไม่สามารถแยก 2 โมเดลนี้ออกจากกันได้ ขณะเดียวกันยังไม่มีกฎหมายรับรอง MLM


การตลาดแบบ ปิระมิด มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่จะหากินด้วยการสวมรอยเป็น MLM ใช้ช่องว่างของกฎหมาย โอกาสที่เปิดกว้างตลอดจนความไม่รู้ของประชาชนออกต้มตุ๋น หลอกหลวงประชาชนผู้บริสุทธิ์มีผู้ตกเป็นเหยื่อตลอด


บริษัทเหล่านี้จะเสนอสินน้ำใจหรือเงินรางวัลล่อใจเพื่อใช้รีครูตคนใหม่ๆ เข้ามาสู่วงจรของพวกเขา ดึงเงินจากสมาชิกเข้ามาหมุนเวียนและจ่ายค่าหัวคิวกันเป็นทอดๆ เพื่อให้ไปรีครูตคนใหม่ๆ เข้ามาอีก ยิ่งหาคนได้มากยิ่งได้เงินมาก ไม่มีตัวสินค้าที่จับต้องได้ แบบนี้คือโมเดลของปิระมิด


เอ.เซ็น กัพตา รองนายกสมาคมการขายตรงอินเดียกล่าวว่า มีความต้องการอย่างมากที่จะให้ภาครัฐสร้างความชัดเจนระหว่างขายตรง M:M และปิระมิด


ถึงเวลาจัดระเบียบหน่วยงานควบคุม เยอะเกิน-ซ้ำซ้อน-ขวางการเติบโต


ในมุมของเอส.พี.ชาร์มา สะท้อนศักยภาพของธุรกิจขายตรงภายในประเทศว่า ที่ผ่านมาขยายตัวสูงมาตลอดซึ่งในปีงบประมาณ 2553-2554 มีอัตราเติบโตถึง 27 % ด้วยยอดขาย 52,300 ล้านรูปีหรือประมาณ 36,600


ล้านบาท อยู่อันดับ 9 ของเอเชียและอันดับ 20 ของโลก โดย 28% เป็นผลงานของบริษัทสมาชิกและ 17% มาจากบริษัทที่ไม่ได้เป็นสมาชิก


ดี.เอส. ราชโอระ กล่าวว่า บริษัทขายตรงอยู่ภายใต้กฎหมายแห่งชาติก็จริงแต่กฎหมายเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง หลายกรมทั้งในส่วนกลางระดับจังหวัดไปจนถึงท้องถิ่น ไม่ได้มีกฎหมายขายตรงเป็นของตัวเองเหมือนหลายประเทศ


ซึ่งการมีหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งทำให้มีกฎ กติกาที่ต้องปฏิบัติหลากหลายมาก เกิดความซ้ำซ้อนและล่าช้าในการดำเนินการเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมากควรจะปรับปรุงใหม่ให้เกิดความทันสมัยเป็นไปในแนวทางเดียวกัน


เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ


อินเดียมีหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานที่มีบทบาทในการควบคุมดูแลธุรกิจขายตรง ซึ่งแต่ละหน่วยงานจัดชั้นประเภทธุรกิจขายตรงไม่เหมือนกันอย่างกรมส่งเสริมและกำกับนโยบายด้านอุตสาหกรรมจัดการขายตรงให้อยู่ในกลุ่มธุรกิจค้าส่งอนุญาตให้การลงทุนโดยตรงของชาวต่างชาติทำได้ 100% ขณะที่หน่วยงานจัดชั้นอุตสาหกรรมแห่งชาติจัดการขายตรงอยู่ในธุรกิจค้าปลีกซึ่งจำกัดการลงทุนให้แค่จำนวนหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัทขายตรงจากต่างประเทศ


ยิ่งกว่านั้น การที่ไม่มีกฎหมายขายตรงเพื่อกำกับดูแลธุรกิจให้มีมาตรฐานและเอกภาพเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจเพราะไม่สามารถแยกขายตรง น้ำดี คือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจถูกกฎหมายกับพวก ปิระมิด ออกจากกันได้ ทำลายภาพลักษณ์ของธุรกิจภาพรวมทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนอีกทั้งระบบ


หลายปีที่ผ่านมา สมาคมการขายตรงของอินเดียพยายามอย่างหนักที่จะขอให้รัฐบาลอินเดียออกกฎหมายหรือระเบียบกำกับดูแลธุรกิจขายตรงซึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนจะมีข่าวดีเมื่อกระทรวงกิจการเพื่อความร่วมมือทางการค้าของอินเดียจะยกร่างแนวทางกำกับดูแลธุรกิจขายตรงของอินเดียถึงขนาดมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อให้คำแนะนำในการยกร่างกฎระเบียบดังกล่าวเพื่อใช้เป็นข้อบังคับควบคุมธุรกิจขายตรงทั่วประเทศเพราะปัจจุบัน มีเพียง 2 รัฐคือเกรละและราชสถานเท่านั้นที่มีแนวทางกำกับดูแลธุรกิจขายตรง


สมาคมการขายตรงอินเดียคาดการณ์อุตสาหกรรมขายตรงของอินเดียจะมียอดขายแตะ 71,200 ล้านรูปีหรือประมาณ 4.98 หมื่นล้านบาทภายในปี 2555-2556 สอดคล้องกับประมาณการณ์ของเอิร์นส์ แอนด์ ยัง บริษัทตรวจสอบ


บัญชีชั้นนำของโลก ซึ่งการเติบโตของธุรกิจขายตรงเนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ (จีดีพี)เป็นสำคัญ ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา อินเดียติดกลุ่มประเทศที่มีอัตราดารเติบโตของจีดีพีสูงสุดในโลกเฉลี่ย 7% ต่อปี ขณะที่รายได้ต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% ต่อปี รัฐบาลอินเดียคาดการณ์จีดีพีจะมีมูลค่าถึง2.18ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2558 มีขนาดใหญ่อันดับ 11 ของโลก


อีกทั้งด้วยศักยภาพของตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่มากประชากรกว่า 1,200 ล้านคนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นการเติบโตในอนาคต โดยในปี 2550 ตลาดผู้บริโภคของอินเดียมรกำลังซื้ออยู่อันดับ 12 ของโลก ตั้งเป้าหมายภายในปี 2568 ต้องขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 5 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีนและอังกฤษ




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพธุรกิจเครือข่าย ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 244

ข่าวแอมเวย์ (Amway Thailand) : แอมเวย์มั่นใจยอดขายฟิลิปปินส์โต 20% 2 ปัจจัยหนุน ความต้องการเพิ่ม-ศก.พุ่ง









แอมเวย์ ขายตรงยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯคาดธุรกิจในฟิลิปปินส์จะเติบโตในอัตราที่สูงเป็นเลขสองหลักได้ในปี2555 และปี 2556 นี้ท่ามกลางการบริโภคที่กำลังเพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจเติบโตในอัตราสูง

เลนี่ โอลมีโด ผู้จัดการแอมเวย์ประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ธุรกิจในฟิลิปปินส์จะเติบโตถึง 10 % จากที่ตั้งเป้าหมายเติบโต 8-9% ต่อปี ซึ่งปัจจัยผลักดันการเติบโตคือความต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ดูแลผิวพรรณและดูแลบ้านในฟิลิปปินส์มีมากขึ้น


ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพในฟิลิปปินส์มีมูลค่าตลาดรวมถึง 14,000 ล้านเปโซ หรือประมาณ 10,500 ล้านบาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเครื่องสำอางมีมูลค่า 25,000 ล้านเปโซ หรือประมาณ 18,750 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลบ้านซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่า 55,000 ล้านเปโซ หรือประมาณ 41,250 ล้านบาท


ผู้จัดการแอมเวย์ประเทศฟิลิปปินส์กล่าวว่า บริษัทมีนักขายแอ็คทีฟมากกว่า 60,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งคนกลุ่มนี้ทำให้บริษัทฯเติบโตได้ถึง 27% โดยมีศูนย์บริการ 6 แห่งรองรับการทำงานของนักขายแอ็คทีฟประกอบด้วยศูนย์บริการที่เขตนครหลวงหรือเมโทรมะนิลารองรับสมาชิกได้ประมาณ 60 % ของสมาชิกทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีที่ เซบู,คากายัน ดาเวา เป็นต้น


โอลมีโด กล่าวว่า แอมเวย์กำลังโปรโมตช่องทางขายตรงเป็นทางเลือกในการทำธุรกิจด้วยตัวเองซึ่งคนฟิลิปปินส์สามารถที่จะเข้ามาร่วมเพื่อใช้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ


สองแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเราในฟิลิปปินส์คือนิวทริไลท์ และ อาร์ทิสทรี ดันซี ริคาฟอร์ต ผู้จัดการฝ่ายการตลาดแอมเวย์ประเทศฟิลิปปินส์ กล่าว
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน ดูแลสุขภาพ และดูแลผิวพรรณแล้ว แอมเวย์ยังเปิดตัวสายการผลิตใหม่ๆ เช่น เครื่องดื่ม กาแฟผสมช็อกโกแลต,เครื่องสำอางรวมทั้งผลิตภัณฑ์น้ำหอม


โอลมีโดกล่าวว่า การทำตลาดกาแฟ บริษัทฯได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับแฟรนไชส์กาแฟชื่อดังในท้องถิ่น ฟิกาโร่ เพื่อร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น กาแฟสำเร็จรูป และช็อกโกแลต tableas เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศ


กาแฟจะเป็นอุตสาหกรรมที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับเรา เราจัเปิดประตูธุรกิจไปสู่คนจำนวนมาก ตราบที่ธุรกิจกาแฟเติบโตมากขึ้น ธุรกิจของราก็เติบโตมากขึ้นตามไปด้วย โอลมีโดกล่าว
แอมเวย์เป็นบริษัทขายตรงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสหรัฐฯ และจำลองแบบธุรกิจดังกล่าวมาเริ่มต้นทำในฟิลิปปินส์และสามารถเติบโตขยายฐานขนาดใหญ่ได้เหมือนกับฐานของปิระมิดได้อย่างรวดเร็วในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีบริษัทขายตรงอื่นๆ เช่น เอวอน และทัพเพอร์แวร์ แต่ในระบบของแอมเวย์ นักขาย 1 คนสามารถที่จะดูแลลูกทีมภายใต้สายงานโดยตรงได้อย่างน้อย 3 หรือ 5 คน และลูกทีมสามารถจะขยายเครือข่ายสร้างนักขายใหม่ได้ในจำนวนที่ใกล้เคียงกันหรือมากกว่าได้ ซึ่งระบบนี้ทำให้เกิดการขยายงานได้อย่างรวดเร็ว


ด้วยระบบที่ดีบวกกับความคาดหวังว่าเศรษฐกิจฟิลิปปินส์จะยังคงเติบโตต่อเนื่องทำให้แอมเวย์ฟิลิปปินส์คาดว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่หลากหลายชนิด อาทิ วิตามิน ยาสีฟัน กาแฟ น้ำหอม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคทุกระดับยกเว้นกลุ่มคนยากจนจะเติบโตอย่างน้อย 20% ในปี 2556


โอลมีโดกล่าวว่า ด้วยการเติบโตดังกล่าวทำให้แอมเวย์ติดกลุ่มบริษัทขายตรง 5 อันดับ หรือท็อปไฟว์ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 35,000 ล้านเปโซ หรือประมาณ 26,250 ล้านบาท ธุรกิจขายตรงในฟิลิปปินส์ เติบโตเฉลี่ย 8 % ต่อปี ตามีเพียง 50% ของบริษัทขายตรงในฟิลิปปินส์ที่เป็นสมาชิกสมาคมการขายตรงของฟิลิปปินส์ที่เหลือเป็นบริษัทขายตรงขนาดเล็กและมีค่ายขายตรงบางค่าย ที่มีรูปแบบธุรกิจน่าสงสัย




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพธุรกิจเครือข่าย ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 244

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

งาน "ประดับเข็มเกียรติยศ และร่วมฉลองยอดขายสินค้าโกเรจินส์ 554,000,000 บาท"








บริษัท ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ จำกัดได้จัดงาน "ประดับเข็มเกียรติยศ และร่วมฉลองยอดขายสินค้าโกเรินส์ 554,000,000 บาท"


ในงานพบกับพิธีกรที่มีชื่อเสียงมากมายไม่ว่าจะเป็น คุณจำเริญ รัตนตั้งตระกูล ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวรายการ เช้านี้ที่นี่หมอชิต และรายการเกาะติดทางช่อง 7 สี และคุณอารยา ต่อตระกูล ผู้ประกาศข่าว ทางช่อง TBS เพื่อเพิ่มสีสันในงาน พบกับการแสดงอันตื่นตาตื่นใจกับนักแสดงชาย ภุสกร มิตรเอม หรือ ตั๊ก กับ บรรยากาศภายในงานที่มีทั้งระบบ ภาพ แสง สี และเสียงที่มีคุณภาพ จัดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 27 มกราคม 2556 ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ ห้อง บอลรูม


บัตรเข้างาน 300 บาท หลังเลิกงานนำหางบัตรมารับของทีระลึก โกเรจินส์ พร้อมถุงหิ้วสัญลักษณ์ มูลค่าถึง 1,664 บาท(ฟรี) 1 ท่าน 1 บัตร และ 1 กล่องเท่านั้น สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรสามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

นิว ไลฟ์ เวิลด์ไวด์ จัดงาน Grand Rally New Life No.1 ก้าวสู่ปีที่สองลั่นกลองรบพร้อมโกยพันล้าน








 


เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา บริษัท นิว ไลฟ์ เวิลด์ไวด์ จำกัด จัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยใช้ชื่องานว่า Grand Rally - New Life No.1 ตั้งเป้าพันล้านแสนรหัสตลุยสี่ภาค


โดยประธานกรรมการบริหาร สุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล นายใหญ่แห่ง นิวไลฟ์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ได้เป็นผู้กล่าวเปิดงาน Grand Rally - New Life No.1 พร้อมให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวล โดยท่านประธานสุเทพ ยืนยงค์วิทยกุลกล่าวลั่นกลองรบปี 2556 พร้อมลุยสี่ภาคกวาดพันล้านพร้อมอัดฉีดกว่า 50 ล้านบาท สร้างสำนักงานตามยุทธศาสตร์พื้นที่ต่างๆ ภายในปีนี้ เพื่อเน้นการเข้าถึงสมาชิก โดยการสร้างสมาชิกคุณภาพพร้อมความสามารถในการเป็นผู้นำที่ดีได้ หมายมั่นสร้างผู้นำสูงสุดมากกว่า 10 รหัส เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่สมาชิก นิว ไลฟ์ โดยมุ่นเน้นยอดหมายสมาชิกมากกว่าแสนรหัสภายในปีและต้องเป็นรหัสที่มีการทำงานจริงถึง 30% ด้วยกัน แถมแผนเด็ดเตรียมผุดไอเดียเจ๋งจัดมินิเอ็กซ์โปลุยสี่ภาคกระตุ้นยอดขายก้าวสู่พันล้านภายในปี 2556 นี้


โดยภายในงานประด้วยบู๊ธกิจกรรมมากมายภายในงาน อีกทั้งเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างมากมายอธิเช่น ลูทีนพลัสที่ช่วยบำรุงสายตาและสินค้าด้านความสวยความงาม ตามด้วยพิธีการมอบเข็มเกียรติยศให้แก่ผู้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง พร้อมกับปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจาก หลิว อาจาริยา โดยภายในงานมีผู้คนได้เข้ามาร่วมงานกว่า 1,500 ชีวิต


[gallery]

ข่าวเอมสตาร์ (Aimstar Network) : อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง...เพื่ออนาคต แต่จงกลัว...อนาคตที่จะไม่เปลี่ยนแปลง ธเนศ ลีลาภรณ์ นักธุรกิจเอมสตาร์ระดับทริปเปิ้ลไดมอนด์สตาร์









อนาคตที่ดีเริ่มต้นที่เอมสตาร์


อนาคตเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้เคยได้ยินไหมครับที่เขาบอกว่าอนาคตอีก 3-5 ปี ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับ 3 สิ่ง คือ 1.หนังสือที่อ่าน 2.เพื่อนที่คบ 3.สังคมที่อยู่ ผมเชื่อว่าตอนนี้ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ขณะที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่คุณทำได้แล้ว 1 ใน 3 ข้อแล้วอย่างน้อยคุณเป็นคนส่วนน้อยในสังคมที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับการสรางงานสร้างอาชีพ ไม่ใช่อ่านหนังสือเพื่อคความบันเทิงเพียงอย่างเดียว อ่านบทความนี้ให้จบแล้วลองทำอีก2ข้อ คือ หาเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรที่เขาจะนำพาโอกาสดีๆในชีวิตมามอบให้คุณและนำพาคุณไปสู่กิจกรรมหรือสังคมในการสร้างชีวิตของคุณ ดังเช่นผมเมื่อ 5 ปีก่อนนิตยสารที่ชื่อว่า วันเวิลด์ ของ ธุรกิจเอมสตาร์ ฉบับเดือนมกราคม 2550 ที่มีเรื่องราวความสำเร็จของ ภก.ธนะสิทธิ์ พรสิริกุลนันท์ ได้นำพาผมเข้ามาสังคมที่ดี สังคมในธุรกิจเครือข่ายที่ชื่อเอมสตาร์ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 5 ปีชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทั้งครอบครัว ต้องขอบคุณ ภก.ธนะสิทธิ์ และสังคมเอมสตาร์


เพราะฝันของฉันใหญ่พอ...ที่จะทำได้ทุกวัน


ตลอดระยะเวลา 5 ปีในธุรกิจนี้ ผมเริ่มต้นธุรกิจจากบ้านเกิดคือที่อำเภอหาดใหญ่ จากเดือนแรกมีกลุ่มเล็กๆ 10 กว่าคน มีรายได้ 6,000 บาทต่อเดือนและค่อยๆเริ่มขยายธุรกิจมาที่กรุงเทพฯ จน เวลาผ่านมา 1 ปีมีองค์กร 1,000 กว่าคน และมีรายได้ 100,000 บาท ปีที่ 2 เริ่มขยายธุรกิจตามภาคต่างๆ อาทิ เชียงใหม่ โคราช ภูเก็ต ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 500,000 บาท เข้าปีที่ 3 ผมได้พัฒนาวิธีการ และระบบการขยายธุรกิจให้เรียนรู้และลอกเรียนแบบได้ง่ายขึ้น จนทำให้กลุ่มเติบโตมากขึ้น เพียง 36 เดือนในธุรกิจนี้ผมก็สามารถมีรายได้มากกว่า 1,000,000 บาทต่อเดือน ผ่านมา 5 ปี กว่า ผมรับรายได้รวมทั้งหมดจากธุรกิจเอมสตาร์ 60 ล้านบาท และมีเครือข่ายอยู่ในองค์กรมากกว่า 100,000 คนทั่วประเทศ ปัจจุบันผมได้ใช้ชีวิตตามความฝันและทำธุรกิจควบคู่กันด้วยความสุข พร้อมๆกับได้เห็นเพื่อนๆประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นๆในทุกๆเดือนๆ


ชีวิตจะไม่ไปไหน...หากเป็นคนฝันใหญ่แต่ทำอะไรแบบเดิมๆ


ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย ขยันถูกที่ปีเดียวก็รวยได้ คำพูดนี้จริงเสมอ หากเปรียบเทียบการใช้เวลาในการทำอะไรสักอย่างในเวลาที่เท่ากัน 5 ปีก่อนที่ผมจะมาทำธุรกิจเอมสตาร์ ผมได้ทำธุรกิจเครือข่ายบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ 5 ปี ผลลัพธ์คือ


ผมมีรายได้เดือนละ 50,000 บาท มีองค์กรอยู่แค่ 500 คน มีทีมงานเพียง 2 คนที่มีรายได้เกิน 10,000 บาท มีบางคนเคยมีรายได้แต่สุดท้ายก็เลิกทำเพราะรายได้ที่ไม่มั่นคงแน่นอน ส่วนตัวผมได้ท่องเที่ยวต่างประเทศเพียงคนเดียว 5 ครั้ง ไม่เคยมีใครในทีมงานของผมได้ไปเที่ยวกับผมเลย


แต่ 5 ปีในธุรกิจเอมสตาร์ของผม ผมมีรายได้เดือนละมากกว่า 1 ล้านบาท มีองค์กรธุรกิจมากกว่า 100,000 คน มีทีมงานมากกว่า 100 คนที่มีรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน ได้ท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่า 20 ครั้ง และมีทีมงานมากกว่า 300 คน ที่ได้ไปท่องเที่ยวด้วยกันกับเอมสตาร์ ผมว่าผมโชคดีที่ตัดสินใจ กล้าเปลี่ยน โดยไม่เสียดายเวลา 5 ปี ที่สูญเสียไปในธุรกิจเครือข่ายเดิม จึงทำให้ผมได้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า กับชีวิตที่เหลืออยู่อีกตั้ง 40-50 ปีนับต่อจากนี้ไป และทำให้ผมได้เข้าใจกับคำว่า ความสามารถหากปราศจากซึ่งโอกาสก็ไร้ความหมาย นั้นเป็นเช่นไร


ข้อแตกต่างของ 2 ธุรกิจ คือแผนรายได้ที่สร้างความเป็นไปได้ที่แตกต่างกัน บางคนอาจบอกว่าเอมสตาร์ไม่มั่นคง ผมกลับมองว่า อย่าถามหาความมั่นคงในธุรกิจนี้ หากเรายังไม่สามารถช่วยให้คนที่ตามมาประสบความสำเร็จ และมีรายได้ตามที่เขาต้องการต่างหาก ดังนั้นวันนี้เราอย่าหลอกตัวเองว่า เรากำลังมั่นคงเพียงเพราะอยู่ในบริษัทที่มั่นคง เราควรดูที่องค์กรของเราต่างหากว่ามีความมั่นคงหรือไม่


วิถีชีวิตเหนือระดับ...ที่สัมผัสได้


ธุรกิจนี้อาจไม่ใช่งานในฝนของใครหลายๆคน แต่ความฝันของหลายๆคนเป็นจริงได้ในธุรกิจนี้ วันนี้ต้องบอกว่าสิ่งที่ผมได้จากธุรกิจเอมสตาร์นี้ มากกว่าสิ่งที่ผมเคยฝันไว้จริงๆเสียอีก ผมได้รถในฝันเป็นของตัวเองคือ BMW Z4 ปีต่อมาน้องชายผม ก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจเอมสตาร์ สามารถซื้อ Audi TTs ได้อีก 1 คัน ถัดมาอีก 2 ปี ผมก็ซื้อเมอร์ซิเดสเบนซ์ Benz CLS ให้คุณพ่อและคุณแม่ไว้ใช้อีก 1 คัน และสำหรับคนบ้ากีฬาฟุตบอลอย่างผม ทำให้ในเดือนกรกฎาคม 2010 รายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศแอฟริกาใต้ ผมก็ได้เดินทางไปเชียร์ถึงสนามแข่งจริงๆและในเดือนตุลาคม 2012 ฟุตบอล Premier League ที่ประเทศอังกฤษ ผมก็ได้ไปเชียร์ ถึงสนามการแข่งขันอีกเช่นกัน ทุกครั้งที่ผมไม่ได้อยู่ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเดินทางไป 5 วัน 10 วัน หรือ 20 วันแต่เมื่อกลับมา รายได้จากธุรกิจเอมสตาร์ของผมก็ยังมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือนทุกๆเดือน จนวันนี้ผมมีทั้งอิสรภาพทั้งการเงินและเวลา ผมได้เป็นเจ้าของชีวิตของผมจริงๆ


โชคดีส่งต่อได้ไม่รู้จบ


เคล็ดลับที่ไม่ลับในความสำเร็จของผม คือตลอด 5 ปี ผมคิดตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรให้คนที่มีความฝันสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจเอมสตาร์ เปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความจริงมากที่สุด ผมจึงให้ความสำคัญกับระบบการเรียนรู้เป็นอันดับหนึ่งเสมอและด้วยสโลแกนนี้มักใช้เป็นแนวทางในการส่งมอบโอกาสที่ดีของธุรกิจเอมสตาร์ให้กับทุกๆคนก็คือ ใครเจอเราคนนั้นโชคดี รอยยิ้ม มิตรภาพ และ กำลังใจที่เราต่างส่งมอบให้กัน และความตั้งที่เราผมก็พยายามอย่างเต็มที่ต่อการสร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ในธุรกิจเอมสตาร์ คือ การส่งความโชคดี ให้เก่ชีวิตของทุกๆคนด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจเอมสตาร์อย่างต่อเนื่องในเดือนธันวาคม 2555 นี้ ผมก็ได้ก้าวสู่ตำแหน่ง นักธุรกิจเอมสตาร์ระดับทริปเบิ้ลไดมอนด์สตาร์


สุดท้ายนี้ ผมขอฝากถึงทุกๆตนเราอาจจะไม่เคยเจอหน้ากันเลย แต่เรากำลังคุยกันผ่านตัวหนังสือเหล่านี้ ในขณะที่คุณได้อ่านบทความนี้ ผมอยากส่งกำลังใจให้คุณนะครับ และขอให้คุณตั้งใจนะครับที่คุณอาจจะต้องตัดสินใจบางสิ่งบางอย่าง เพราะนี่อาจเป็นความพยายามครั้งสำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคุณก็ได้ ผมขอย้ำอีกครั้งว่าธุรกิจเอมสตาร์คือธุรกิจที่เปลี่ยนชีวิตของผม ชีวิตของทุกคนในครอบครัวของผม และทุกชีวิตในองค์กรธุรกิจของผมและของเอมสตาร์โดยรวมเช่นกัน ขอให้คุณพบโชคดีที่คุณสร้างด้วยตัวคุณเองและส่งต่อไปให้คนที่คุณรักต่อไปนะครับ


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพธุรกิจเครือข่าย ประจำวันที่16-31มกราคม 2556 ฉบับที่ 244