ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวไอยรา แพลนเน็ต (Aiyara Planet) : ไอยรา ผ่าแผนเด็ดดันยอดโต ซุ่มขอ อย. ลาวจ่อบุกตลาด AEC







boss (Mobile)


ไอยรา งัดไม้เด็ดปั๊มยอดขายสิ้นปี 300 ล้าน ผ่าแผน ยึดหัวหาดภาคอีสานเป็นฐานรุกตลาด AEC ล่าสุด ยื่นขอ อย.ลาว ประเดิมเป็นประเทศแรก มั่นใจไม่เกิน 3 เดือน ได้ฤกษ์ปักธง ชูนโยบาย 1 โค้ด 1 แพลนเน็ต เผยเตรียมยลโฉมแฟรนไชส์ร้านกาแฟ ไอยรา คาเฟ่ รูปแบบใหม่ หวังต่อยอดพีวีให้กับสมาชิก


กัมปนาท บุญราศรี ประธานกรมการ/กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด เปิดเผยกับ เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ว่า ปีนี้บริษัทได้วางเป้าหมายยอดขายสำหรับปีนี้ไว้ที่ 300 ล้านบาท โดย จะใช้กลยุทธ์ดังนี้ 1.ขยายพื้นที่, ขยายยอดขาย, ขยายฐาน สมาชิก และพัฒนานักธุรกิจให้มีความเข้าใจธุรกิจยิ่งขึ้น2.การวางกลยุทธ์ และกำหนดเป้าหมายร่วมกัน, การติดตาม เป้าหมาย, อุปสรรค และปัญหากับผู้นำในทุกๆ เดือน เพื่อ ให้มีการปรับตัวตามสถานการณ์ได้อยู่เสมอ และ 3.การทำ แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาดขายตรง เช่น เน้นให้เห็นโลโก้ ช้าง และเห็นความเคลื่อนไหวของบริษัทตลอดเวลา เป็นต้น


สำหรับปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทได้จับมือร่วมกับ ผู้นำในการขยายธุรกิจไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโตขึ้นตามลำดับ โดยพื้นที่ที่ถือเป็น ตลาดหลัก ได้แก่ ภาคใต้ ซึ่งเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รองลงมาเป็นพื้นที่ภาคเหนือที่เริ่มกระจายเข้าไปในจังหวัด ย่อยๆ ของภาค ส่วนพื้นที่ภาคอีสานยังเป็นพื้นที่ที่ยัง ไม่เติบโตเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าภาคอีสาน ยังคงเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นพื้นที่เส้นทางหลัก เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจ (AEC) ในปี 2558


เรามองว่าพื้นที่ภาคอีสานจะเติบโตได้อีก และ จะเป็นเส้นทางในการเข้าไปขยายตลาดในแถบประเทศ เพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว ซึ่งล่าสุด เราได้ยื่นขออนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในลาว แล้ว คาดว่าจะได้รับการอนุมัติอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งการยื่นขอใบอนุญาตจาก อย. ลาว ในครั้งนี้ เพื่อรองรับ การเปิด AEC ในอีก 2 ปีข้างหน้า หลังจากที่เราไปยื่นขอ อย. ในลาว ทำให้มีผู้นำทั้งใน สปป.ลาว และภาคอีสานเริ่ม ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก นั่นแสดงให้เห็นว่า สมาชิกในภาคอีสานต้องการที่จะเข้าไปทำธุรกิจในตลาด AEC เช่นกัน


สำหรับการเข้าไปทำตลาดใน สปป.ลาว ในเบื้องต้น บริษัทจะได้นำสินค้า 3 รายการ ซึ่งเป็นตัวหลักของไอยรา ก่อน โดยได้กำหนดราคาไว้เท่ากับประเทศไทย แต่ตัวพีวี (PV) จะลดลงไป ซึ่งสมาชิกของไอยราสามารถขยายตลาด ได้ภายใต้รหัส 1 โค้ด 1 แพลนเน็ต ส่วนรูปแบบการลงทุน ในลาวนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด ซึ่งตอนนี้ กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะลงทุนในรูปแบบใด ได้แก่ บริษัท ลงทุนเอง 100% และการร่วมหุ้นกับนักลงทุนในประเทศ นั้นๆ โดยทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศ


ปัจจุบันเราเริ่มทำฐานข้อมูลใหม่สำหรับชาวต่าง- ประเทศแล้ว โดยการลงทะเบียนของนักธุรกิจชาวต่าง- ประเทศจะใช้เลขบัตรประชาชนที่เป็นของคนประเทศนั้น ซึ่งจะบอกได้ว่าคนๆ นั้นมาจากประเทศใดจากนั้นตามด้วย โค้ดของบริษัท และเมื่อมีการส่งพีวีเข้ามาทางบริษัทจะนำ มาคำนวณเพื่อจ่ายค่าคอมมิสชั่น ซึ่งการลงทะเบียนใน ลักษณะดังกล่าวสมาชิกของบริษัทสามารถทำได้ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในเอเชียเท่านั้น


กัมปนาท กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายหลัก ของบริษัทยังคงมาจากสารสกัดจากงาดำคิดเป็นกว่า 70% จากยอดขายสินค้าทั้งหมด ซึ่งในอนาคตบริษัทมีแผนจะนำ สารสกัดจากงาดำไปผสมในสินค้าชนิดอื่นๆ ซึ่งล่าสุดได้นำ ไปผสมเป็นคอลลาเจนผสมเซวามีนสารสกัดจากงาดำซึ่ง เป็นการสร้างกระแสความตื่นเต้นในองค์กรได้ค่อนข้างดี มาก ส่วนความคืบหน้าการเปิดร้านกาแฟ ไอยรา คาเฟ่ นั้น บริษัทมองว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้สมาชิก มีพีวีเพิ่มขึ้นอย่างง่ายๆ โดยบริษัทจะเปิดร้านกาแฟตาม เซ็นเตอร์ต่างๆ ของบริษัท เพราะในแต่ละสัปดาห์จะมี สมาชิกเข้ามาที่เซ็นเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 วัน และ หลายคนต้องการที่จะดื่มกาแฟ ดังนั้น การเปิดร้านกาแฟ จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้สมาชิกมีพีวีเพิ่มขึ้น โดย ร้านกาแฟดังกล่าวจะเปิดในลักษณะเเฟรนไชส์ เพื่อให้ สมาชิกสามารถซื้อไปเปิดเองโดยมีต้นแบบ ไอยรา คาเฟ่ เป็นแบบอย่าง คาดว่าร้านกาแฟดังกล่าวจะเปิดตัว ได้ภายใน 3 เดือนข้างหน้านี้


กัมปนาท กล่าวว่า หากมองภาพความสำเร็จของ ไอยรา ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1.การจัดอบรม สัมมนาที่มีอย่างต่อเนื่อง 2.เทคโนโลยีที่บริษัทพยายาม ใช้คอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือในการทำงานโดย สะดวก ซื้อง่าย ส่งสินค้าคล่องตัว ตรวจสอบข้อมูล ย้อนหลังในการที่จะสื่อสารกัน และสามารถชำระสินค้า ผ่านทางร้านสะดวกซื้อ 7-11 ได้ ทำให้ผู้บริโภคปลายทาง เกิดความเชื่อมั่น และ 3.การสร้างแบรนด์ให้เป็น ที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วไป เนื่องจากปัจจุบันคนส่วนใหญ่ ยังไม่เชื่อมั่นในธุรกิจขายตรง ดังนั้น จึงต้องสร้างการ ยอมรับให้มากขึ้น




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.The Power Network ฉบับที่ 224 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556

bwL ยันตรา สคบ. ดีกับธุรกิจ ลั่น! ปิดเมืองทองฉลอง 8 ปี







pic_video_powerup_eng


bwL เผยการเข้ารับตราสัญลักษณ์ สคบ.เป็น เรื่องดีกับธุรกิจ และเป็นหนึ่งในนโยบายที่ต้องการทำ ธุรกิจให้ถูกต้องตามกติกาของแต่ละประเทศ พร้อม ปิดเมืองทองธานีฉลองครบรอบ 8 ปี ในประเทศ- ไทยอย่างยิ่งใหญ่ ระบุ ตลาดไทยยังไปได้สวยด้วย ฐานสมาชิกที่เหนียวแน่น จากสินค้าที่ตอบโจทย์

ชาญสถิตย์ เขมะวิชานุรัตน์ รักษาการ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท บีดับเบิลยู แอล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ bwL เปิดเผยกับ เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ว่า การที่บริษัท เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าตราสัญลักษณ์จากสำนักงาน คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เนื่องจาก บริษัทเล็งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งในส่วนของบริษัทและสมาชิก อีกทั้งยังเป็นหนึ่ง ในนโยบายของบริษัทที่เมื่อเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศ ใดต้องการที่จะทำธุรกิจให้เป็นไปตามกฎกติกาของ ประเทศนั้นๆ

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ที่ bwL ได้เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย บริษัทได้มี การพัฒนาธุรกิจหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านของสมาชิก ที่ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มเก่าที่ทำธุรกิจกับบริษัทอย่าง เหนียวแน่น และบริษัทยังมีสินค้าที่ดีมีคุณภาพ สามารถ ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี จึงทำให้บริษัทเติบโต อย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 8 ปี บริษัท เตรียมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นที่เมืองทองธานีในเดือน มิถุนายนนี้

ทั้งนี้ จากการที่บริษัทมีนโยบายที่จะสร้างแบรนด์ bwL ให้เป็นที่รู้จักทั่วเอเชีย ขณะนี้บริษัทได้เริ่มขยายสาขา ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย ซึ่งมีสาขาที่มีสำนักงานแล้ว 10 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้, จีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และ ไทย นอกจากนี้ยังได้เข้าไปทำธุรกิจในพม่า ซึ่งขณะนี้ มีสมาชิกเริ่มเข้าไปทำตลาดแล้วในบางส่วน โดยการทำธุรกิจของบริษัทจะใช้รูปแบบการทำธุรกิจเหมือนกัน ทุกประเทศ คือ ระบบวันโค้ด วันเวิลด์

สำหรับในประเทศไทย ปีนี้ยังคงเน้นการจัดประชุม ในสำนักงาน และการออกบูธตามงานแสดงสินค้าทุกๆ เดือน นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมต่างในจังหวัดโดย สมาชิก อีกทั้งปีนี้บริษัทเตรียมนำสินค้าเข้ามาเพิ่มในระบบ อีกประมาณ 3 รายการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. พร้อมกันนี้ยังได้จัดโปรโมชั่นการท่องเที่ยวปลายปี โดย ปีนี้ได้จัดทริปท่องที่เที่ยวปักกิ่ง และคาดว่าจะมีสมาชิก ที่สามารถเข้าร่วมเดินทางในทริปนี้ไม่น้อยกว่า 50 คน

ในส่วนของภาพรวม bwL ในประเทศไทย ปีนี้วาง เป้าการเติบโตประมาณ 25% โดยในไตรมาสแรกของ ปี 2556 ยอดขายยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่อง- จากช่วงดังกล่าว เป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ซึ่ง คาดว่าไตรมาสที่ 2 ยอดขายสินค้าจะดีขึ้น เนื่องจากบริษัท ได้มีการจัดประชุมและมีการทำประชาสัมพันธ์สินค้าให้ เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ชาญสถิตย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวม การแข่งขันของธุรกิจเครือข่ายในปัจจุบัน พบว่าการทำ ธุรกิจนี้เริ่มทำยากขึ้น เนื่องจากหลายปัจจัยเข้ามา ประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การ แข่งขันทางการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ บริษัทใหม่ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว bwL ไม่ได้ รับผลกระทบแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาสมาชิกส่วนใหญ่ เกิดจากฐานผู้บริโภค และสมาชิกรู้ดีว่าการที่จะเกิด รายได้นั้นต้องเกิดจากการจำหน่ายสินค้าเป็นหลัก




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.The Power Network ฉบับที่ 224 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556


ไลฟ์สไตลส์ ปรับสมรภูมิรบรุก CSR ดึงเซเลบสร้างแบรนด์







Pauls_msg_ (Mobile)


ไลฟ์สไตลส์ ดันแผนบุกไทย หลังพบตลาดเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะไทยโตสูงสุด 8-12% รองลงมาฟิลิปปินส์ เล็งแผน เปิดตลาดใหม่ เวียดนาม ตุรกี ด้านแผนผลักดันตลาดไทย สู่ยอด 1,000 ล้านบาท สิ้นปี GM คนใหม่อย่าง นัทที พร้อม สู่สนามรบท่ามกลางการแข่งขันรุนแรง ลุยพบสมาชิกและ ผู้นำทั่วทุกภาคแบบจริงจัง หวังรับฟังปัญหาที่ เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ ยันไลฟ์สไตลส์พร้อมสร้าง แบรนด์เต็มพิกัด ดึงคนมีชื่อเสียงสร้างแบรนด์

Paul Kramer Senior Vice President ไลฟ์สไตลส์ โกลบอล เน็ตเวิร์ค กล่าวว่า ภาพรวมไลฟ์สไตลส์ในตลาดเอเชียแปซิฟิก มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8-12% โดยประเทศ ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดยังคงเป็นประเทศไทย รองลงมา คือ ประเทศฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมแผนขยายตลาดไปยังประเทศ ใหม่ๆ จากปัจจุบันที่มีการเปิดตลาดแล้ว 39 ประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศที่เตรียมแผน จะเข้าไป คือ เวียดนาม และตุรกี และในอนาคตเตรียม แผนขยายไปยังแอฟริกาใต้

สำหรับเหตุผลหลักที่ไลฟ์สไตลส์เตรียมขยายไปยัง ตลาดเวียดนาม เนื่องจากประเทศดังกล่าว มีผู้บริโภค ที่พฤติกรรมใกล้เคียงกับประเทศไทย ที่สำคัญยังมีตัวแทน จำหน่ายที่ไลฟ์สไตลส์คนไทยรู้จักคนเวียดนามไม่น้อย จึงคาดว่าจะเป็นการเปิดตลาดได้เป็นอย่างดี ขณะที่ ประเทศตุรกี ไลฟ์สไตลส์ มีผู้บริหารระดับสูงที่ทำธุรกิจกับ ไลฟ์สไตลส์ไปอยู่ตุรกีจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ดังนั้น การขยายตลาดไปประเทศยังตุรกี ถือเป็นการเปิด ประสบการณ์ใหม่ ในการเพิ่มรายได้ให้กับคนในประเทศ ตุรกีอีกทางหนึ่ง ขณะนี้ได้มีการศึกษาแนวทางการทำตลาด ทั้ง 2 ประเทศแล้ว

ทั้งนี้ ไลฟ์สไตลส์ได้วางกลยุทธ์ในปี 2556 เพื่อ ผลักดันให้ตลาดไทยเติบโต ด้วยการใช้สื่อโฆษณาเพื่อสร้าง การรับรู้ต่อแบรนด์ไลฟ์สไตลส์มากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้สื่อ ดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่จะมีการใช้เซเลบริตี้ หรือการดึง คนมีชื่อเสียงเพื่อโฆษณาแบรนด์ไลฟ์สไตลส์ รวมถึง การเตรียมใช้สื่อวิทยุในการโฆษณาอีกด้วย อย่างไรก็ดี ในเดือนมีนาคม 2557 ไลฟ์สไตลส์ เตรียมแผนที่จะจัดงาน International Leadership Conference (ILC) ซึ่งเป็น งานครบรอบ 25 ปี ไลฟ์สไตลส์ ที่กรุงมะนิลา ประเทศ- ฟิลิปปินส์

กลยุทธ์ที่จะดึงดารามาโฆษณาแบรนด์ เราใช้ ที่ไทยแห่งเดียว เพราะเรามองว่าคนทั่วไปจะมีความเชื่อถือ ในตัวดารา และถือเป็นแรงดึงดูดให้ผู้คนมีความเชื่อมั่น ในตัวสินค้ามากยิ่งขึ้น อย่างการวางไอเดียในการสร้างการ รับรู้ต่อแบรนด์ อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะต้องมีการพูดคุยกับ ผู้นำว่าจากนี้ไปจะมีกลยุทธ์ที่กล่าวมาเกิดขึ้นในเมืองไทย

Shawn Debora Director International Operations ไลฟ์สไตลส์ โกลบอล เน็ตเวิร์ค กล่าวว่า ปี 2556 นี้ ไลฟ์สไตลส์ ครบรอบ 24 ปี และก้าวสู่ปีที่ 25 ในปี 2557 ดังนั้น ไลฟ์สไตลส์ได้เตรียมแนวทางการทำงาน ด้วยการวางแผนให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการ ขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องทุกปี รวมถึงการเตรียมความ พร้อมในการเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันไทยถือเป็น ประเทศที่มีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่องทุกปี ซึ่งเติบโต ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2552-2556

สิ่งที่บริษัทแม่ที่ประเทศแคนาดาจะทำ คือ การ ช่วยเหลือผู้คน และช่วยผู้จำหน่ายอิสระในการฝึกอบรมใน รูปแบบของไลฟ์สไตลส์ รวมถึงการจัดทริปท่องเที่ยว ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้นักธุรกิจ ประสบความสำเร็จและมีกำลังใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น

นัทที เอื้ออนันต์ชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไลฟ์-สไตลส์ แปซิฟิค ริม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาแทน อินทิรา ชาน ที่ลาออกไป ก็ได้เริ่ม บริหารจัดการงานภายในที่ยังคงมีปัญหา เนื่องจากผู้จัดการ- ทั่วไปคนเก่าลาออกไปนั้น ได้ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ กับผู้นำ ที่ตั้งคำถามขึ้นว่าบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป หรือไม่ โดยปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขและชี้แจงให้ สมาชิกได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าบริษัทยังคง ดำเนินงานต่อไป

ต้องยอมรับว่าผู้จัดการคนเก่าออกไปก็ทำให้ยอด- ขายลดลงไปประมาณ 10% จากแต่ละปีทำยอดขายได้ ประมาณ 1,000 ล้านบาท และในปีที่ผ่านมาที่ยอดขาย ลดลงเราปิดยอดขายได้ 800 ล้านบาท และจากนี้ไป แผนการทำตลาดก็จะเป็นการลงพื้นที่เพื่อสร้างความ เชื่อมั่นให้กับสมาชิกและผู้นำมากขึ้น

สำหรับแผนการตลาดจากนี้ไป คือ การตั้งเป้า ยอดขายสิ้นปี 2556 ให้ได้ 1,000 ล้านบาท โดยบริษัท จะเน้นการลงพื้นที่ครอบคลุมทุกภาคเพื่อเป็นการเข้าถึง และรับฟังปัญหาจากสมาชิกและผู้นำอย่างแท้จริง นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมแผนกับบริษัทแม่ที่ประเทศ แคนาดา ในการจัดทำสื่อทีวีดาวเทียม และสื่อวิทยุ ในเบื้องต้นจะเป็นวิทยุชุมชน และหากมีการตอบรับที่ดี ก็จะมีการขยายไปทั่วประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทยังจัดกิจกรรมภายในประเทศในระยะ เวลาสั้นๆ ให้กับสมาชิกด้วยการจัดเทรนนิ่งผนวกกับการ จัดกิจกรรม CSR (Corporate Social Responsibility) กิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทะเล ด้วยการปลูกปะการังตามชายฝั่งทะเล ซึ่งการจัด กิจกรรมดังกล่าว บริษัทยังไม่มีชื่อโครงการ และคาดว่า การปลูกปะการังจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ บริษัทได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกันจะมีการจัดประชุมใหญ่แต่ละภูมิภาค จากเดมิ ที่จัดในพื้นที่กรุงเทพฯ เพียงแห่งเดยี ว และให้ผู้นำ เข้ามาร่วม ก็จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้นำและ สมาชิกในแต่ละภาคได้เดินทางมาร่วมประชุมได้อย่าง สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้จะมีการจัดทำสปอรต์วิทยุที่บริษัท จัดทำขึ้นเอง เพื่อเป็นการสื่อสารสร้างแบรนด์ไลฟ์สไตลส์ ให้ผู้บริโภครู้จักมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเตรียมแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ด้วยการเสนอไปยังบริษัทแม่ตามคำขอของผู้นำ ในการนำสินค้ากลุ่มควบคุมน้ำหนักมาจำหน่ายใน ประเทศไทย ซึ่งการนำสินค้ากลุ่มควบคุมน้ำหนักเข้ามา จำหน่ายถือเป็นการชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มตลาด สินค้าควบคุมน้ำหนัก ที่มีการแข่งขันกันสูงในตลาด ขายตรง และในอนาคตนอกเหนือจากสินค้าควบคุม น้ำหนักแล้ว บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่เข้ามา จำหน่ายในประเทศไทย คือ กลุ่มสกินแคร์ จากปัจจุบัน บริษัทมีสินค้าเพียงกลุ่มเดียว คือ เสริมอาหารอินทรา ชนิดน้ำ และนูเทรีย ชนิดเม็ด




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.The Power Network ฉบับที่ 224 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556

ธุรกิจขายตรงเต้นผาง!สธ.สั่งยกเลิกยาสามัญประจำบ้าน







n2_6 (Mobile)


ธุรกิจขายตรงร้อนฉ่า!! หลัง สธ. ซุ่มเงียบ!! ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ พ.ศ. 2542 ด้านวงใน อย. เผย เหตุ สธ. ออกประกาศยกเลิก เพราะต้องการสกัดธุรกิจขายตรงที่มักอวดอ้างและโฆษณาสรรพคุณเกินจริง หวั่นกระทบผู้บริโภค เตือนหากผู้ผลิตไม่ทำตามเตรียมลงดาบทันที


แหล่งข่าววงในจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่าเมื่อเดือนมกราคม 2556 ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อยกเลิกยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจขายตรงบ้าง เนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายรายได้ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เป็นยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งสาเหตุที่ สธ. ออกประกาศกระทรวงดังกล่าวออกมา เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า มีบริษัทขายตรงบางรายโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงโดยเฉพาะการโฆษณาผ่านระบบอินเทอร์เน็ต


การออกประกาศกระทรวงฯ ออกมามีผลต่อบริษัทขายตรง ถ้าเขาขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถบอกสรรพคุณได้เหมือนเดิม แต่จะไม่ใช่เป็นยาสามัญประจำบ้าน และหากผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบที่ประกาศกระทรวงกำหนดไว้ทางภาครัฐก็จะสั่งดำเนินการตามกฎหมายทันที อย่างไรก็ตามการออกประกาศนี้มาจริงๆ แล้วออกมาเพื่อต้องการควบคุมผู้ประกอบการ ที่มักจะชอบอวดอ้างสรรพคุณที่เกินความจริง


จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่องการยกเลิกยาสามัญประจำบ้าน แผนโบราณ พ.ศ. 2542 อาจจะส่งผลกระทบกับบริษัท ขายตรงหลายแห่ง ซึ่งมีไลน์ผลิตสินค้าบางส่วนเป็นยา สามัญประจำบ้านแผนโบราณ


รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องยาสามัญประจำ บ้านแผนโบราณ พ.ศ. 2556 เล่ม 130 ตอนพิเศษ 21 ง ตามราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 จำนวน 11 ข้อ รายละเอียดระบุว่า โดยที่เป็นการสมควร ปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องยาสามัญ ประจำบ้านแผนโบราณให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ ทางการแพทย์และการสาธารณสุขในปัจจุบัน


อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 76 (5) (7) (8) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการ จำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล


ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะ-กรรมการยา จึงออก ประกาศไว้ดังต่อไปนี้


ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2542 ข้อ 2 ให้ยาแผนโบราณตามตำรับยาที่มีตัวยาสำคัญ ตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายตัว ดังต่อไปนี้ เป็นยาสามัญประจำ- บ้าน (1) ยาขับลม (2) ยาถ่าย หรือยาระบาย (3) ยาแก้ ท้องเสีย (4) ยาแก้ไข้ (5) ยาแก้ร้อนใน (6) ยาบรรเทาหัด อีสุกอีใส (7) ยาแก้ลมวิงเวียน (8) ยาแก้ไอ ขับเสมหะ (9) ยากษัยเส้น หรือยาบรรเทาอาการปวดเมื่อย (ยา สำหรับใช้รับประทาน) (10) ยาทาบรรเทาอาการปวดเมื่อย (ยาสำหรับใช้ภายนอก) (11) ยาบรรเทาริดสีดวงทวารหนัก (12) ยาถ่ายพยาธิตัวกลม (13) ยาบรรเทาอาการผื่นคัน ตามผิวหนัง (ยาสำหรับใช้รับประทาน)


(14) ยาบรรเทาอาการผื่นคันตามผิวหนัง (ยา สำหรับใช้ภายนอก) (15) ยาแก้กลากเกลื้อน (ยาสำหรับ ใช้ภายนอก) (16) ยาแก้หิด (ยาสำหรับใช้ภายนอก) (17) ยาบรรเทาฝีแผล (ยาสำหรับใช้ภายนอก) (18) ยาทาแผล ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก (ยาสำหรับใช้ภายนอก) (19) ยาทา บรรเทาอาการแมลงกัดต่อย (ยาสำหรับใช้ภายนอก)


(20) ยาบรรเทาอาการเจ็บคอ (21) ยาทาแก้ลิ้น เป็นฝ้า และ (22) ยาทา หรือดมบรรเทาอาการคัดจมูก เนื่องจากหวัด โดยสูตรส่วนประกอบ วิธีทำ สรรพคุณ ขนาดการใช้ และขนาดบรรจุ ต้องได้รับความเห็นชอบจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)


ข้อ 3 ตำรับยาสามัญประจำบ้านตามข้อ 2 ต้อง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้ 3.1 ตำรับยาจะต้องมีตัวยาตรงตามที่ระบุไว้ใน ประกาศไม่น้อยกว่า 3 ชนิด ยกเว้นตำรับยากลุ่มยาทา บรรเทาอาการแมลงกัดต่อย ยาบรรเทาอาการเจ็บคอ ยาทาแก้ลิ้นเป็นฝ้า ที่อาจมีตัวยาตรงได้ไม่น้อยกว่า 1 ชนิด และอาจมีตัวยาช่วยได้ แต่ต้องเป็นตัวยาช่วยที่อยู่ในกลุ่ม ยาเดียวกับตัวยาตรงที่ระบุไว้ในประกาศนี้ และชนิดของ ตัวยาตรงรวมกับตัวยาช่วยในตำรับจะต้องมีไม่น้อยกว่า ร้อยละห้าสิบของตำรับที่ระบุไว้ในประกาศ ยกเว้นตำรับ ยาเดี่ยวที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเท่านั้น 3.2 สูตรตำรับอาจมีส่วนประกอบอื่นที่ไม่ใช่ ตัวยาตรงหรือตัวยาช่วยได้ เช่น วัตถุกันเสีย วัตถุแต่งสี กลิ่น รส เป็นต้น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักวิชาการเภสัชกรรม ที่เหมาะสม


ข้อ 4 ให้ตำรับยาแผนโบราณซึ่งมี ชื่อ ส่วนประกอบ วิธีทำ สรรพคุณ ขนาดรับประทาน คำเตือน และขนาด บรรจุ ต่อไปนี้เป็นยาสามัญประจำบ้าน (1) ยาประสะ- กะเพรา (2) ยาวิสัมพยาใหญ่ (3) ยาประสะกานพลู (4) ยา แสงหมึก (5) ยามันทธาตุ (6) ยาประสะเจตพังคี (7) ยา มหาจักรใหญ่ (8) ยาตรีหอม (9) ยาธรณีสันฑะฆาต (10) ยาถ่าย (11) ยาเหลืองปิดสมุทร


(12) ยาธาตุบรรจบ (13) ยาจันทน์ลีลา (14) ยา ประสะจันทน์แดง (15) ยาเขียวหอม (16) ยามหานิลแท่ง ทอง (17) ยาหอมเทพจิตร (18) ยาหอมทิพโอสถ (19) ยาหอมอินทจักร์ (20) ยาหอมนวโกฐ (21) ยาอำ- มฤควาที (22) ยาประสะมะแว้ง (23) ยาประสะไพล (24) ยาประสะเปราะใหญ่ ข้อ 5 ตำรับยาสามัญประจำบ้านตามข้อ 2 มี สรรพคุณได้เพียงกลุ่มเดียว ยกเว้น ยากลุ่มที่ 4 ยาแก้ไข้ อาจรวมกับยากลุ่มที่ 5 ยาแก้ร้อนใน โดยมีสูตรส่วน ประกอบเป็นไปตามข้อ 3


ข้อ 6 ฉลากยาสามัญประจำบ้านตามประกาศนี้ ต้องแสดงข้อความดังต่อไปนี้ 6.1 ชื่อยาตามที่ระบุในประกาศ ในกรณีเป็น ตำรับยาที่มีการกำหนดชื่อยาไว้ในประกาศฉบับนี้ กรณี มีชื่อทางการค้า ให้แสดงชื่อยาตามประกาศควบคู่กับ ชื่อทางการค้าโดยใช้ตัวอักษรที่มีขนาดเท่ากัน 6.2 คำว่า ยาสามัญประจำบ้าน ในกรอบสีเขียวมีขนาดตัวอักษรที่สามารถอ่านได้ชัดเจน 6.3 คำว่า สิ้นอายุ และแสดงวันเดือนปีที่ยา สิ้นอายุ ให้ยาสามัญประจำบ้านตามประกาศฉบับนี้มีอายุ การใช้ของยานับจากวันที่ผลิตได้ไม่เกิน 2 ปี สำหรับยาน้ำ และไม่เกิน 3 ปี สำหรับยารูปแบบอื่น 6.4 ข้อความอื่นตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 57 (2) แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 แล้วแต่ กรณี ข้อ 7 ให้ยาสามัญประจำบ้านตามประกาศฉบับ ลงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ของประกาศฉบับนี้ยังคงเป็นยาสามัญประจำบ้าน ต่อไป


ข้อ 8 ให้ยาสามัญประจำบ้านตามประกาศ กระทรวงสาธารณสุข ที่ถูกยกเลิกตามข้อ 1 ที่ผลิตขึ้นก่อน ประกาศนี้มีผลบังคับและไม่ได้เป็นยาสามัญประจำบ้าน ตามประกาศนี้ เป็นยาสามัญประจำบ้านต่อไปอีก 365 วัน นับถัดจากวันประกาศนี้มีผลใช้บังคับ เมื่อพ้นกำหนดเวลา ดังกล่าวแล้วให้ยานั้นเป็นยาแผนโบราณ ข้อ 9 ยาสามัญประจำบ้านที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ที่ผลิตขึ้นก่อนประกาศนี้มีผลใช้บังคับ และต้องมีการแก้ไข รายละเอียดให้เป็นไปตามประกาศนี้ เป็นยาสามัญประจำ บ้านต่อไปได้อีก 365 วัน นับถัดจากวันประกาศนี้มีผลใช้ บังคับ โดยผู้รับอนุญาตจะต้องยื่นคำขอแก้ไขต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ยานั้นเป็นยาแผนโบราณ ข้อ 10 ยาสามัญประจำบ้าน ตามข้อ 9 ที่ผู้รับ อนุญาตได้ยื่นคำขอแก้ไขแล้ว เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พิจารณาแล้วไม่เป็นไปตามประกาศฉบับนี้ พนักงานเจ้า หน้าที่จะมีคำสั่งไม่รับยานั้น เป็นยาสามัญประจำบ้าน ก่อนพ้นกำหนดเวลาตามข้อ 9 ได้


ข้อ 11 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัด จากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 ลงชื่อ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.The Power Network ฉบับที่ 224 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556


วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวไอยรา แพลนเน็ต (Aiyara Planet) : เดินตามเส้นทางแชมป์ กิตติศักดิ์ วงศ์ทิพย์พันธ์ ผู้เปลี่ยนแปลงความคิดเป็นต้นทุน สู่เงินเดือนหลักล้าน







003 (Mobile)


หลักจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานที่ ทำอยู่และยังบวกกับมีหนี้ สินติดตัวอยู่มากมาย ทำให้ ผู้ชายคนนี้ กิตติศักดิ์ วงศ์ทิพย์พันธ์ จากเคยที่มี เงินเดือนระดับแสนบาทต่อเดือน แต่ก็ยังคิดว่าไม่ประสบ ความสำเร็จและไม่มีความมั่นคงในชีวิต จึงหันหน้ามุ่งสู่ ธุรกิจขายตรงค่ายหนึ่ง เพียงเวลาไม่นาน เขาก็มีชีวิตที่ เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง


...หากมองย้อนอดีต... กิตติศักดิ์ เดิมเป็นคน จังหวัดชุมพร อดีตรับราชการทหาร สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนพยาบาลกรมการแพทย์ ทหารเรือรุ่น 79 และรุ่น ทร.31 โรงเรียนชุมพลทหารเรือสัตหีบ และจบคณะ บริหารธุรกิจ สาขาการตลาดมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ขณะศึกษาต่อปริญญาโทได้ตัดสินใจทิ้งการศึกษา เพื่อทำ ธุรกิจเครือข่ายแบบมุ่งมั่น...


...เคยประกอบอาชีพธุรกิจอิสระทั่วไป รวมทั้งเป็นดี เจจัดรายการวิทยุ และเป็นพนักงานบริษัท จนถึงขั้น ผู้บริหารระดับสูง เงินเดือนระดับแสนบาทต่อเดือน แต่ไม่ พบความมั่นคงในชีวิต และยังคงเต็มไปด้วยหนี้สินมากมาย กิตติศักดิ์ บอกว่า...ระยะแรกนั้นมีกลุ่มเพื่อน ๆ ที่รัก ใคร่นับถือกันได้มาชวนทำธุรกิจเครือข่าย ได้โทรศัพท์ชวน อยู่หลายครั้งมาก นับเป็นสิบ ๆ ครั้งได้ ด้วยความเกรงใจ จึงตกลงที่จะสมัครเป็นสมาชิก หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาจน มั่นใจในบริษัทและตัวสินค้ารวมถึงประทับใจในแผนกการ ตลาดของบริษัท ก็มุ่งมั่น ทำธุรกิจ


ปัจจุบัน กิตติ ศักดิ์ สามารถ บรรลุเป้าหมาย ของตัวเองได้ สำเร็จ สามารถ แตะรายได้หลัก แสนบาทต่อวัน ได้ตามที่ต้องการ รวมไปถึงบรรลุเกิน เป้าหมายเกิดคาดทำรายได้ทะลุล้านบาทเพียงระยะเวลาสั้น ๆ และยังเป็น ผู้ที่ก่อตั้งระบบ 24 OKGROUP ซึ่งเป็นระบบที่ทำงานแบบง่าย ๆ ที่สามารถสร้าง มนุษย์เงินล้านได้หลายสิบ รหัสและรายได้หลักแสนอีกนับ ร้อยรหัสในระยะเวลาเพียงไม่ถึงปี นี้จึงถือเป็นเส้นทางที่ ทำให้เขาสามารถประสบความสำเร็จได้ดังใจ...


...กิตติศักดิ์ บอกต่ออีกว่ากุญแจที่นำไปสู่ความ สำเร็จในการทำงานของเขานั้น เขาได้ยึดหลักการทำงาน 5 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ 1.บอกให้เข้ารู้ 2. ทำให้เขาดู 3.พา ให้เขาเห็น 4.ฝึกให้เขาเป็น 5.ดูแลให้เขารวย และการมีแผน ทางการตลาดที่ดีของบริษัทเนื่องจากมีแผนทางการตลาด ที่ทันสมัยและการให้ผลตอบแทนที่เร็ว สินค้าที่ตอบโจทย์ซึ่งถ้ามีความมุ่งมั่นต่อเนื่องสมํ่าเสมอในการทำงาน เพราะบางคนที่อยู่ในวงการขายตรง อยู่มานานจึงเหมือน ติดหลุมพรางอะไร บางอย่าง แต่เพียงแค่คลิ๊กเดียวที่ตัดสิน ใจทำงานหนักทำให้เสร็จไปเลย มันก็ประสบความสำเร็จ เพราะใช้เวลาเพียง ไม่กี่เดือน รายได้ก็ขึ้นหลักแสน ไม่นาน รายได้ก็รวมก็เป็นหลักล้าน เพราะมีแผนทางการตลาดของ บริษัทเขารองรับอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับใครว่าจะเดินหรือวิ่ง ถ้าคนที่วิ่งก็ถึงเส้นชัยเร็ว...


ความพยายามไม่เคยทำให้ใครพ่ายแพ้ เพราะจุดเด่น อีกจุดหนึ่ง ที่หลายคนที่เป็นผู้นำในเครือข่ายส่วนใหญ่ จะต้องหาบริษัทใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วไปติดบริษัท แต่ผม เองพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผมไม่ได้ติดบริษัท เราสมัครร่างลง มามีอัพลายลงมาตั้งกี่ชั้นแต่เราสามารถขึ้นมาเป็นมือ 1 ได้ ทำรายได้สูงสุดได้ และเราก็สร้างงานของเราเอง


กิตติศักดิ์ ได้ขยายความต่อ บางคนไม่ยอมที่จะ เข้ามาทำในบริษัท ทำมาปีสองปีคอยแต่จะจ้องหาบริษัท ใหม่ ๆ แล้วเข้าไป ติด ส่วนใหญ่มันติดที่ตัวเองมากกว่า อีก ส่วนหนึ่งก็เปิดบริษัทเองเลย แต่เราเห็นหลาย ๆ คนที่ พยายามเปิดบริษัทก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป...


...แต่ในขณะที่ผมพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าในระยะเวลา 20 กว่าปี เราไม่จำเป็นต้องไปเปิดบริษัทเอง เราก็เป็น ผู้นำธรรมดาเราก็สามารถจะมีทรัพย์สินและสามารถ ประสบความสำเร็จกว่าคนที่เป็นเจ้าของบริษัท ดังนั้น กิตติศักดิ์ จึงอยากจะชี้ให้เห็นถึงความคิด ของเขาว่า การเป็นแม่ทีมติดบริษัทและการเปิดบริษัท มันไม่ได้จำเป็นเสมอไปว่าเส้นทางนั้นจะทำให้คุณรํ่ารวย ได้


.....เพราะหลายคนมองว่าเป็นแม่ทีมมันก็มีข้อจำกัด อยู่แค่นั้น แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ แม่ทีมทุกวันนี้มัน ไม่มีข้อจำกัดอยู่แล้ว คุณเป็นแม่ทีมจะมีเงินเป็นร้อย ล้านก็ได้ในเมืองไทยก็มีเยอะแยะ หรือเป็นพันล้าน แม้แต่เป็นแสนล้านก็ได้ต่างประเทศก็มีให้เห็นเป็น เพียงแค่แม่ทีมธรรมดา เราไม่จำเป็นเลยที่จะไปหา บริษัทที่เปิดใหม่เพื่อเป็นแม่ทีมติด บริษัทก็สามารถประสบความสำเร็จได้นอกจากนี้ กิตติศักดิ์ ยังมีแนวทาง การทำงานที่สามารถทำให้ตนเองประสบความสำเร็จได้ นั้นคือ...สิ่งที่ทำให้องค์กร แข็งแกร่งที่สุดคือการทำให้เขาทำงานเป็นฉะนั้นจึงต้องพาพวกเขาลงภาค สนาม คนที่เป็นผู้นำทุกคนที่มีรายได้เป็นหลักแสนหรือ หลักล้านส่วนใหญ่จะต้องลงภาคสนามเช่นเดียวกัน เช่น ลงจัตเอ้ามีทติ้งโอบีพีกลุ่มย่อย หรือบางทีก็มีจัดประชุม ในร้านอาหาร ถือเป็นการจัดให้เขาได้ฝึกบรรยายแผนการ ตลาดและสินค้าได้ การเป็นแชร์ประสบการณ์ นี่คือเวิร์คช็อปของเครือข่าย


พอเขาทำตรงนั้นได้ประสบการณ์การเป็นผู้นำก็จะ เกิดขึ้น เขาทำงานเป็นเขาก็สามารถออกไปทำงานกลุ่ม ย่อยหรือสปอนเซอร์ตัวต่อตัวได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเรา บาง คนผมก็มาลงภาคสนามให้เขามาอบรมกับผมหนึ่งวัน เต็ม ๆ ในหนึ่งวันนี้เราจะสอนวิธีการอธิบายการใช้แฟ้มใช้เครื่องมือ บริษัทเป็นยังไง สินค้าเป็นยังไง แผนงานเป็นยังไง ฝึกเขาหนึ่งวันเต็ม ๆ พอจบคอร์สก็จะให้เขาไปลองทำงานดู


กิตติศักดิ์ บอกว่าหลังจากที่ทำงานเครือข่าย มากว่า 20 ปี สิ่งที่ได้รับนั้น ได้ซื้อรถ BENZ 250 ป้ายแดง ด้วยเงินสดและได้ซื้อรถ Land Rover เป็นคันที่ 2 นอกจาก นี้ยังได้ทริปท่องเที่ยวจากบริษัททุกปีอย่างน้อยได้เที่ยว ปีละ 2 ครั้ง ล่าสุดที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ได้ไปประเทศ สิงคโปร์ เกาหลีเเละเนเธอร์เเลนด์ และอีกหลายประเทศ ปัจจุบัน กิตติศักดิ์ ได้ขึ้นเป็นมนุษย์เงินล้านของ บริษัท ไอยราแพลนเน็ต จำกัด แต่ในเรื่องความสำเร็จที่ เหนือกว่า เราต้องประสบความสำเร็จบนความสำเร็จของทีมงานด้วย ตอนนี้เป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาความสำเร็จของ ทีมงานให้เพิ่มตามเรา ถ้าเรามีรายได้หลักแสน ทีมงานต้อง มีแสน ถ้าเรามีล้าน ทีมงานต้องมีหลักล้านด้วย


...ทุกวันนี้มีคนมากมายที่อยากประสบความสำเร็จ พร้อม ๆ กับการเกิดใหม่รายวันของบริษัทขายตรง ซึ่งเมื่อ ก่อนหลายคนมองว่าคนที่จะประสบความสำเร็จต้องเป็น อัพไลน์เท่านั้น...


...เพราะรูปแบบแผนระบุให้เป็นแบบนั้น แต่วันนี้ รูปแบบแผนปัจจุบันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ถ้าจะอยู่ใน บริษัทที่สำเร็จได้ เราต้องหาบริษัทที่มีความพร้อม และทุก คนสามารถมีโอกาสรวยได้ไม่ใช่เฉพาะหัว และทุกคน สามารถแซงกันได้...


กิตติศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย ในการทำธุรกิจเครือข่าย อาชีพนี้เป็นอาชีพที่สวยงามมาก และมอบความสำเร็จให้ กับทุกคนมากมาย วันนี้สิ่งที่เห็นคือ เครือข่ายตอบโจทย์ ความสำเร็จให้กับทุกคนได้ แต่สำคัญที่ว่าต้องหาความรู้ ที่แท้จริงในธุรกิจเครือข่ายให้ได้ที่ ไอยรา แพลนเน็ต เรามีหลักสูตร มีระบบการฝึกอบรม จึงอยากให้ทุกคน เข้ามาเรียนรู้ว่าเครือข่ายที่แท้จริงคืออะไร... ความพยายามไม่เคยทำให้ใครพ่ายแพ้ เพราะ จุดเด่นอีกจุดหนึ่ง ที่หลายคนที่เป็นผู้นำในเครือข่ายสว่ นใหญ่ จะต้องหาบริษัทใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วไปติดบริษัท แต่ผมเอง พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผมไม่ได้ติดบริษัท เราสมัครร่างลงมามี อัพลายลงมาตั้งกี่ชั้นแต่เราสามารถขึ้นมาเป็นมือ 1 ได้ทำ รายได้สูงสุดได้ และเราก็สร้างงานของเราเอง




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 345 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556

กะเทาะเปลือกขายตรงน้องใหม่เฮลท์ ลีดเดอร์ ปล่อย4กลยุทธ์ดันธุรกิจ/เสริมทัพสินค้าคุณภาพ







Capture (Mobile)


เปิดยุทธศาสตร์ขายตรงน้องใหม่ เฮลท์ ลีดเดอร์...ปลื้ม 2 เดือนหลังเปิดดำเนิน การผู้นำเริ่มหลั่งไหลเข้าร่วมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมชูสินค้า ด้านการเกษตรนำทัพ หน้า ตามด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนบำรุงร่างกาย เท็นเฮิร์บ และผลิตภัณฑ์บำรุง ร่างกายสำหรับท่านชาย แมกซ์ ยั่วใจคนเครือข่าย...เผย 4 กลยุทธ์สำคัญดันธุรกิจโต กลยุทธ์สร้าง-กลยุทธ์สนับสนุน- กลยุทธ์ส่งเสริม- กลยุทธ์ขยาย พร้อมประกาศ ธุรกิจเฮลท์ ลีดเดออร์ ขอสร้างคนเก่งสู่นักธุรกิจมืออาชีพประดับวงการเครือข่าย



บริษัท เอช แอนด์ แอล โกลบอล จำกัด หรือเฮลท์ลีดเดอร์ ถืออีกหนึ่งบริษัทขายตรงน้องใหม่ ที่ กำลังจะออกมาสร้างสีสันให้กับคนเครือข่ายอีกหนึ่ง ค่าย ซึ่งเชื่อว่าค่ายนี้น่าที่จะมาสร้างความน่าสนใจได้ ไม่น้อยทีเดียว เพราะเห็นได้จากทีมผู้บริหารแต่ละ ท่าน ล้วนแล้วแต่เป็นกูรูที่ครํ่าหวอดอยู่ใน วงการธุรกิจเครือข่ายแทบทั้งนั้น!!

...ขายตรงน้องใหม่นามว่า เฮลท์ลีดเดอร์ หากล้วงลึกถึงเส้นทางของธุรกิจใน สนามขายตรงที่เริ่มต้นอย่างจริงจังนั่น พบว่า เพิ่งลงชิมลางแบบเบา ๆ ได้เพียงแค่ 2 เดือน กว่า ๆ เท่านั้นเอง ด้วยทีมผู้บริหารทั้งนาย กฤษฎา แสงจันทร์ ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร, อ.ธนาสัณห์ แสนสี ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร, นายสราวุธ วัฒนศิริ ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร และอ.ธนากร กล้าหาญ ผู้ช่วยประธานฝ่ายบริหาร...ซึ่งหากใครที่ได้ยิน ชื่อเสียงเรียงนามของคณะผู้บริหารค่ายนี้แล้ว น่าที่จะพอรู้จักเป็นอย่างดีแน่นอน

สำหรับสินค้าในการขับเคลื่อนธุรกิจของ เฮลท์ลีดเดอร์นั้น มีอยู่ 4 กลุ่ม ด้วยกันคือ 1. กลุ่มนวัตกรรมสุขภาพ 2. กลุ่ม นวัตกรรมและความงาม 3. กลุ่มนวัตกรรมครัวเรือน และ 4. กลุ่ม นวัตกรรมเกษตร โดยในช่วงเริ่มต้นธุรกิจของค่ายนี้นั้น พบว่า ได้ ใช้สินค้าทางด้านการเกษตรเป็น หัวหอกในการเปิดตลาดและเปิด ใจสำหรับนักธุรกิจ โดยผลิตภัณฑ์ ดังกล่าว คือ สารอาหาร พืช ชีวภาพนาโน (ชนิดนํ้า) ตรามังกร ทอง นอกจากนี้ เฮลท์ลีดเดอร์ ยังมีอีกหนึ่งสินค้าที่ค่ายนี้บอกว่า จะเป็นพระเอกของทางค่ายเลยก็ ว่าได้นั่นก็คือ เท็นเฮิร์บ ซึ่งเป็น สมุนไพรจีนบำรุงร่างกาย รวมถึง สินค้าที่ชื่อว่า แมกซ์ ผลิตภัณฑ์ บำรุงร่างกายสำหรับท่านชาย

ผลิตภัณฑ์ของเฮลท์ ลีดเดอร์เชื่อว่าน่าที่จะสามารถตอบ โจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ เป็นอย่างดี เพราะสินค้าทุกตัวของ ที่นี้ ส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของ สมุนไพรเป็นหลัก ส่วนในอนาคตอัน ใกล้นี้ ทางบริษัทฯ ยังเตรียมเข็น สินค้าใหม่ออกมาอีก 3 รายการด้วย กัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการ ตรวจสอบของทาง อย. คาดว่าอีกไม่ นานน่าที่จะนำมาสู่ตลาดเครือข่าย อย่างแน่นอน

ส่วนการเตรียมความพร้อม เพื่อสู้ศึกเครือข่ายของขายตรง น้องใหม่ค่ายนี้นั้น ทางด้าน นาย สราวุธ วัฒนศิริ รองประธาน บริหาร บริษัท เอช แอนด์ แอลโกลบอล จำ กัด หรือ เฮลท์ ลีดเดอร์ ได้เผยผ่าน ตลาด วิเคราะห์ ว่า ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา เรียกได้ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมของ บริษัทฯ เลยก็ว่าได้ ทั้งในเรื่องของ สินค้า ที่ต้องใช้ดีและเห็นผลที่ ชัดเจน พร้อมกันนี้ ทางบริษัทฯ ยัง มีทีมงานที่มีคุณภาพ มีความ เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจขายตรง มาคอยฝึกอบรมสมาชิกใหม่ที่เข้า มาสู่ธุรกิจ เฮลท์ลีดเดอร์ ด้วยซึ่ง ที่นี้จะมีทีมที่สร้างผู้นำโดยเฉพาะ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสมาชิกอยู่ ที่เกือบ 2 พันรหัสด้วยกัน

... ความโดดเด่นของธุรกิจ เฮลท์ลีดเดอร์ ต้องบอกว่า อยู่ที่ ทีมผู้บริหารที่ถือว่าเป็นผู้บริหารที่ คร่ำหวอดอยู่ในวงการขายตรงมา พอสมควร รู้ลึก รู้จริง มีประสบ การณ์ ในธุรกิจเครือข่าย ซึ่งจุดนี้ เองที่ถือว่าเป็นจุดเด่น ที่สำคัญ อีก หนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทฯ นับจากนี้ คือ การสร้างแบรนด์ เฮลท์ลีดเดอร์ให้เกิด รวมถึงการ สร้างผู้นำให้เป็นผู้นำทางด้านเรื่อง สุขภาพจริง ๆ และเมื่อใดที่บริษัทฯ สร้างทั้งแบรนด์ สร้างผู้นำ สร้าง องค์กรให้แข็งแกร่งแล้ว เชื่อว่า ความมั่นคงของธุรกิจเฮลท์ลีดเดอร์ ก็น่าที่จะเติบโตตามแรงเหวี่ยง ของธุรกิจด้วยเช่นกัน...

ที่สำคัญ ความเฉียบคมของ กลยุทธ์สู่ความสำเร็จของค่ายนี้นั้น ทางด้านนายสราวุธ เผยอีกว่ามีอยู่ ด้วยกัน 4 กลยุทธ์ คือ 1.กลยุทธ์ สร้าง โดยจะเป็นการสร้างแบรนด์ ให้คนรู้จักเชื่อถือศรัทธาในแบรนด์ Health leader สร้างให้เป็น Brand you can trust สู้กับแบรนด์จาก ต่างประเทศได้ สร้างคน, นักธุรกิจ, ผู้นำ, ทีม, สร้างองค์กรแห่งการ เรียนรู้รวมถึงการสร้างสังคมเครือ ข่าย ที่มีวัฒนธรรมองค์กรร่วมกัน 2. กลยุทธ์สนับสนุน ทางด้านสินค้า ที่มีนวัตกรรม และคุณภาพสูงใช้ แล้วเห็นผล รวมถึงการบริการ เช่น การจัดส่งสินค้า เครื่องมือในการ ทำตลาด tool kit และระบบช่วย สำเร็จ 3. กลยุทธ์ส่งเสริม เมื่อเป็น ผู้นำ พูดได้ พูดดี พูดเป็น ทาง บริษัทฯ จะมีการส่งเสริมให้ขึ้น เป็นวิทยากร ออก OPP ภูมิภาค และส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ ทางสื่อมวลชน และ 4. กลยุทธ์ ขยาย ด้วยการขยายองค์กรให้ ใหญ่ขึ้น ด้วยโครงสร้างที่สมบูรณ์ Back to Basic จากการสร้างสาย งาน (1 แตก 2) สอนให้ทุกคนใน องค์กรมีแนวความคิดเดียวกันทำ แบบเดียวกัน ลึกลงไปเป็น 100 เป็น 1000 ชั้น เพื่อความสำเร็จ และความมั่นคงร่วมกัน

นอกจากนี้ ทางด้าน อ.ธนากร กล้าหาญ ผู้ช่วยประธาน ฝ่ายบริหาร เฮลท์ลีดเดอร์ ยังได้ เผยต่อ ตลาดวิเคราะห์ อีกว่า การทำธุรกิจของบริษัทฯ ไม่ใช่จะ ขยายธุรกิจอยู่ในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑลเพียงเท่านั้น แต่ยัง เตรียมขยายธุรกิจไปตามภูมิภาค ต่าง ๆ อีกด้วย รวมถึงยังจะมีการ สนับสนุนทางด้านการทำธุรกิจแก่ สมาชิกในหลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งการส่งเสริมการออกสื่อตาม ภูมิภาคต่าง ๆ โดยบริษัทฯ จะมี ทีมงานที่ดูแลในแต่ละภาคด้วย สำ หรับโปรโมชั่นเพื่อ กระตุ้นธุรกิจในช่วงนี้นั้น จะเป็น โปรโมชั่นสำหรับคนใหม่ที่จะเข้า มาร่วมธุรกิจเฮลท์ลีดเดอร์ โดยเป็นการซื้อสินค้าในราคาย่อมเยา ที่มีการจัดเป็นเซ็ทไว้ พร้อมกับฟรี ค่าสมัครสมาชิก นอกจากนี้ ก็จะ มีในส่วนของโปรโมชั่นท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่ง ต่างประเทศแรกที่จะไปคือ ประเทศเกาหลี ส่วนท่องเที่ยวใน ประเทศจะเป็นที่เขาใหญ่ โดย ขณะนี้โปรโมชั่นดังกล่าวค่อนข้าง ที่จะได้รับการตอบรับที่ดีจาก สมาชิกอย่างมากทีเดียว

นายสราวุธ เสริมต่อว่า สิ่ง ที่บริษัทฯ จะเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไปคือ การโปรโมทบริษัท เฮลท์ลีดเดอร์ให้คนเครือข่ายได้ รู้จักมากขึ้นพร้อมกันนี้ยังมีแผนที่ จะขยายโมบายของบริษัทฯ ให้ มากขึ้นทุกภาค ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ เกือบ 50 โมบายด้วยกัน โดย นโยบายของบริษัทฯ ที่วางไว้คือ ใน 1 อำเภอ จะต้องมี 1 โมบาย ส่วนสาขาของบริษัทฯ คาดว่าน่า ที่จะเห็นได้ในช่วงปลายปีนี้ ส่วน จะเป็นภาคไหนนั้นต้องดูถึงความ เหมาะสมก่อน

วันนี้ธุรกิจเครือข่ายต้อง บอกว่า ค่อนข้างที่จะมีการแข่งขัน กันสูงอย่างมาก ที่สำคัญ ในเรื่อง ของสินค้าก็ยังมีความหลากหลาย ด้วย ค่ายไหนมีสินค้าอะไร ค่ายนี้ ก็มี ซึ่งอยู่ที่ว่าแต่ละค่ายจะจับ กลุ่มลูกค้าไหน ในขณะเดียวกัน คนส่วนใหญ่ที่จะเลือกทำบริษัท ขายตรงที่ไหนสักแห่งนั้น พบว่าจะ มองในเรื่องของนโยบายของ บริษัทว่าจะสามารถนำพาเขาให้ ประสบความสำเร็จได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งที่เฮลท์ลีดเดอร์เราเอง มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถ นำพาทุกท่านประสบความสำเร็จ ในธุรกิจอย่างแน่นอน เพราะที่นี้มี ความพร้อมเกือบทุกด้านทั้งสินค้า ทีมผู้บริหาร ระบบไอที แผนการ ตลาด เป็นต้น

เช่นเดียวกับทางด้าน อ.ธนากร ก็ได้กล่าวเสริมว่า ตลาดขายตรงในวันนี้ แต่ละค่ายมี คนที่เก่งค่อนข้างเยอะ แต่สำหรับที่ เฮลท์ลีดเดอร์ ต้องบอกว่าไม่ ต้องการคนเก่ง แต่ต้องการคนที่ ทำงาน รูจั้กวิธีการทำงาน ซึ่งที่นี่มี ระบบการฝึกอบรมที่เรียกว่าไม่ เหมือนใคร ทีมผู้บริหารแต่ละท่าน มีความชำนาญในด้านต่าง ๆ โดย เชื่อว่าหากใครที่เข้ามาสู่ธุรกิจเฮลท์ ลีดเดอร์แล้วไม่มีคำว่าผิดหวังอย่าง แน่นอน ในขณะเดียวกัน ตลาด อาเซียนที่กำลังจะเริ่มขึ้นในปี 2558 นี้ ก็น่าที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจ ของเฮลท์ลีดเดอร์ด้วยเช่นกัน ในการขยายธุรกิจไปยังตลาด อาเซียน

...นับได้ว่า ขายตรงน้องใหม่ ที่ชื่อ เฮลท์ลีดเดอร์ น่าที่จะเป็น อีกหนึ่งเครือข่ายที่เข้ามาสร้างสีสัน ในธุรกิจนี้ได้อย่างมากทีเดียว แต่ เชื่อว่าธุรกิจขายตรงที่จะยืนหยัด อย่างเกรียงไกรได้นั้น ก็ต้องมีองค์ ประกอบที่ครบสูตรด้วยเช่นกัน!!




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 345 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556

ข่าวมิทเชลล์ (Mitchell) : เปิดกรุ! เพชรเม็ดงามค่ายมิทเชลล์ ประภัสสร สีดาสมุทร







252282_152683288135380_7993483_n (Mobile)


หญิงเก่ง หญิงแกร่ง สำหรับคนที่ต้องการทำธุรกิจตรงนี้เริ่มแรกเลย ต้องมั่นใจก่อน และต้องทำให้มันสมํ่าเสมอ ท้อได้แต่อย่า ถอย ความฝันนั้นไปถึงแน่ๆ ถึงแม้ท้อยังไง แต่ให้กำลัง ใจตัวเองไว้และคนรอบข้าง นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าเรา ท้อ ถ้าเราถอย คนในครอบครัวจะไม่เชื่อเราแน่นอน ...ความอดทน เพียงพยายามมุ่งมั่นและศรัทธา เป็นสิ่งซึ่งนำ มาแห่งความสำเร็จ

...เช่นเดียวกับการลงมือปฏิบัติงานใน ธุรกิจขายตรง ที่ต้อง เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ก่อน แล้วลงมือทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป นำเสนอสิ่งดี ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณภาพ และอิสรภาพความ เป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้กับมวลชน เพื่อก้าวสู่ความยิ่งใหญ่และมั่นคง สืบไป...

คอลัมน์ เส้นทางสู่ความสำเร็จ ปักษ์นี้ขอหยิบยกผู้นำ แห่งค่าย มิทเชลล์ หญิงแกร่งผู้ที่ประสบความสำเร็จ ที่เริ่มต้น จากจุดเล็ก ๆ เพราะการกระทำในอดีตกำหนดชีวิตปัจจุบัน การ กระทำในปัจจุบัน กำหนดชีวิตในอนาคต...

หากมองย้อนอดีต ประภัสสร สีดาสมุทร ผู้ที่ไขว่คว้า หาความสำเร็จให้กับชีวิต... จากเด็กสาวบ้านนอก ที่ดินรนเข้ากรุง และมาตามฝัน เพื่อความสุขสบายของครอบครัว จึงได้เข้ามา ทำงานโรงงาน รับเงินค่าจ้างรายวัน แต่ชีวิตก็ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดเพราะ ประภัสสร ต้องหย่ากับสามี และเลี้ยงลูกเอง คนเดียว แต่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ก็ได้ดิ้นรน และผ่านพ้นกับฝัน ร้ายมาได้ เพราะมีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้เข้ามารู้จักกับธุรกิจขาย ตรง!!

กระทั่งเหมือน ฟ้าเปลี่ยนทิศ ชีวิตเปลี่ยนผัน ให้ ประภัสสร ได้มาพบกับ ธุรกิจมิทเชลล์ เนื่องจากการได้ลอง ทานสินค้า และลองเข้ามาศึกษาข้อมูล ธุรกิจมิทเชลล์ ประภัสสร บอกว่า หากที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ดี แผนการตลาด ดี บริษัทเยี่ยม ผู้บริหารเปลี่ยมด้วยคุณธรรม ก็คงไม่มีวันนี้... ในระยะเริ่มต้น ประภัสสร มุมานะศึกษา และทำธุรกิจ อย่างจิงจัง แน่นอนที่สุด การทำธุรกิจเครือข่ายย่อมมีอุปสรรค แต่ เราควรเอาอุปสรรคนั้นมาเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ที่รออยู่เบื้องหน้า...

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนย่อมต้องมีอุปสรรคด้วยกันทั้ง นั้น เพราะวันนี้มนุษย์เงินเดือน ทำเร็วก็หาว่าลํ้าหน้า ทำช้าก็บอก ว่าอืดอาด โดนเจ้านายด่าว่า... แต่หากใครที่คิดบวกแล้วต่อสู้กับ ปัญหา เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเช่นกัน สำหรับคนที่ต้องการทำธุรกิจตรงนี้เริ่มแรกเลยต้องมั่นใจ ก่อน และต้องทำให้มันสมํ่าเสมอ ท้อได้แต่อย่าถอย ความฝันนั้นไปถึงแน่ ๆ ถึงแม้ท้อยังไง แต่ให้กำลังใจตัวเองไว้และคนรอบข้าง นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าเราท้อ ถ้าเราถอย คนในครอบครัวจะ ไม่เชื่อเราแน่นอน

ประภัสสร บอกต่ออีกว่า ในการทำธุรกิจให้ประสบความ สำเร็จ สิ่งสำคัญสุด คือ ทีมงานต้องมีทัศนคติที่คิดบวกด้วย รวมถึงต้องมีความเชื่อ มีความฝัน และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับ ประภัสสร ที่มีเทคนิค และระบบในการสอน ในการช่วยเหลือสมาชิกทุกอย่าง เพื่อไม่ให้สมาชิกต้องทำงาน เหนื่อยมาก นอกจากนี้ ก็ยังต้องมีหลักสูตรที่สมาชิกทุกคนจะต้องเรียนรู้ โดยการส่งเข้าอบรมให้เกิดความกล้ามากขึ้น ให้กล้าที่จะพูด กล้า ที่จะคุย ติวเข้มเพื่อให้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง การทำงานของเรา จะเน้นตั้งแต่การทำบ่อย ๆ เพื่อให้เกิด ความเคยชิน ทำงานเป็นทีม ช่วยเหลือกันและกัน

...ตั้งแต่ที่ ประภัสสร เริ่มฟันฝ่าอุปสรรคมากับ มิทเชลล์ ในช่วงแรกนั้น เธอบอกว่า วันนี้ มิทเชลล์ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตาม ลำดับ แบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งใช้ได้ทุก ที่ ใช้ดีทุกภาค และช่วงนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนองค์กรใหม่ เพื่อ มิทเชลล์ จะได้ก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ และพร้อมรับกับการเปิดอาเซียนในอนาคตข้างหน้า...

ประภัสสร กล่าวทิ้งท้ายว่า การทำขายตรงนั้น เราต้อง เชื่อมั่น เพราะขายตรงมีทั้งศาสตร์และศิลป์รวมอยู่ด้วยกัน โดย ศาสตร์ คือ ความรู้ ส่วน ศิลป์ คือ การฝึกฝน โดยเธอได้ ทำธุรกิจตามคนที่ประสบความสำเร็จก่อน เพราะธุรกิจขายตรง เป็นธุรกิจที่สามารถก็อบปี้ได้ อาชีพนี้คนที่เขาประสบความสำเร็จเขาจะคอยมาดูแลเรา มาบอกเรา โดยตัวเราเองก็ต้องศึกษา เรียนรู้และก็อบรมเพื่อนำไป ปฏิบัติตาม และก้าวไปสู่ความสำเร็จดั่งที่ตั้งไว้ ดังนั้น หากใครที่ต้องการความสำเร็จในการดำรงชีวิต ทั้งเรื่องของสุขภาพและทางการเงินที่ดี ขอให้เข้ามาสัมผัส มาร่วม เป็นส่วนหนึ่งกับเรา หากท่านพร้อมขอเชิญแวะเข้ามาสัมผัสความ สุขรวมกันในบ้านมิทเชลล์

...นับได้ว่า ธุรกิจขายตรง นั้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้ แต่มีระบบช่วยเหลือทุกอย่าง ที่จะสร้างความสำเร็จกับทุกคน ทั้งในเรื่องของสุขภาพและในเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง บอกได้ เลยว่า ธุรกิจขายตรง จะสามารถตอบสนองความต้องการของ ท่านได้ ถ้าสนใจสามารถเข้ามาสัมผัสดูแล้วจะรู้ว่ามันจริงหรือ เปล่า...




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 345 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556

กรพล รักขพันธุ์เข็นขายตรงน้องใหม่สู้ศึก ชูเครือข่ายตามรอยพ่อรวยสู่เป้าปีแรก100ล.







934776_115841261953887_2076838673_n (1) (Mobile)


เปิดวิชั่นขายตรงน้องใหม่ ตาม รอยพ่อรวย ย่านนวมินทร์ เผย 3 เดือน หลังเปิดดำเนินการได้รับการตอบรับ จากสมาชิกแล้วกว่า 3 พันรหัส พร้อม ชูความโดดเด่นด้วยศูนย์การเรียนรู้ ทางด้านการเกษตร เสริมวิชา MLM ควบคู่สมาชิกมุ่งดันนักธุรกิจสู่ความ สำเร็จ...ประกาศเป้ายอดขายปีแรก ขอแตะ 100 ล้าน

ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้เครือข่ายขาย ตรงค่อนข้างที่จะเกิดขึ้นเยอะพอสมควร ซึ่ง นั่นก็หมายความว่าผู้ที่ต้องการอยากจะมี รายได้เสริมย่อมต้องมีทางเลือกที่เพิ่มขึ้นด้วย...แต่การเกิดขึ้นของบริษัทเครือข่ายน้องใหม่ ในวงการขายตรงนั้น หากท่านที่อยู่ในธุรกิจนี้คงพอที่จะทราบกันดีว่าผู้ที่ไม่มีกึ๋นพอใน ธุรกิจส่วนใหญ่แล้ว ก็เจ็บตัวกันไปแทบจะทุกราย แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่อยู่ในธุรกิจเครือ ข่ายนี้มานานก็ใช่ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเจ็บตัวได้ด้วยเช่นกัน

คงต้องบอกว่า วันนี้วิสัย ทัศน์พร้อมกับความน่าเชื่อถือ ของตัวผู้ประกอบการเองถือว่ามี ส่วนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใน เรื่องของสินค้าที่ดี เพราะหาก ค่ายไหนที่มีผู้บริหารที่ดีแต่ปาก ไม่มีแอ็คชั่นที่มากพอ ขอฟันธง ได้เลยว่าไม่กี่เดือนธุรกิจน่าที่จะ มีแรงสั่นสะเทือนบ้างอย่าง แน่นอน ซึ่งจะ สะเทือนมาก หรือ สะเทือนน้อย อยู่ที่วิธีการ ทำงานของแต่ละค่ายนั่นเองว่า โดนใจ สร้างแรงดึงดูดคนหันมา เข้าร่วมธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหน เท่านั้นเอง แต่การสร้างแรงดึงดูด ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความ ถูกต้องด้วยเช่นกัน

...ลองมาล้วงลึกถึงขาย ตรงน้องใหม่อีกค่ายที่ต้องบอก ว่า ถึงแม่ชื่อบริษัทนี้จะสดใหม่ แบบถอดด้าม แต่หากเอ่ย ถึงชื่อ ผู้บริหารค่ายนี้หลาย ๆ ท่านที่อยู่ ในธุรกิจเครือข่าย คงพอที่จะ ทราบกันเป็นอย่างดี ซึ่งขายตรง น้องใหม่นี้ชื่อว่า บริษัท ตามรอย พ่อรวย จำกัด ภายใต้การนำทัพ หน้าของ กรพล รักขพันธุ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธาน กรรมการ...

โดยขายตรงน้องใหม่ค่าย นี้นั้น เปิดดำเนินธุรกิจมาได้เพียง แค่ 3 เดือนเท่านั้น ภายใต้ วัตถุประสงค์ของที่นี้คือ ต้องการ นำเสนอสินค้าคุณภาพ ราคา คุณธรรม สมาชิกและผู้นำ มั่นคง!!...สำหรับฐานรบ บัญชาการของค่ายนี้นั้นตั้งอยู่ที่ ถนนนวมินทร์ ซอย 57 ซึ่งถือเป็น ศูนย์กลางของการกระจายธุรกิจ เลยก็ว่าได้ ที่สำคัญ มีสมาชิกที่ ร่วมธุรกิจแล้วประมาณ 3,000 คนด้วยกัน

ทั้งนี้ ทางด้าน กรพล รักขพันธุ์ ประธานกรรมการ บริษัท ตามรอยพ่อรวย จำกัด ได้ เผยถึงสาเหตุของการเปิดตัวขาย ตรงน้องใหม่ที่ชื่อ ตามรอยพ่อ รวย ว่า ต้องการอยากที่จะให้ทุก คนมีชีวิตที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังมองว่าปัจจุบันนี้คนที่ทำขาย ตรงหลาย ๆ คน ยังไมมี่ความรู้ ในเรื่องของธุรกิจขายตรงพอ สมควร ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ บริษัทฯ จึงได้มีแนวคิดเปิดศูนย์ เรียนรู้ในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ สำ หรับคนในแต่ละชุมชนที่ต้องการความรู้ในเรื่องของ เกษตรขึ้น พร้อมกับเติบเต็มใน เรื่องของวิชาทางด้าน MLM ให้ผู้ ที่เข้ามาสู่ธุรกิจได้ทำงานอย่าง มีระบบ ทั้งในเรื่องของภาค ทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยจะ เป็นการเรียนรู้เกษตรแบบพอ เพียงตามรอยพ่อ ซึ่งบริษัทฯ ต้องการที่จะให้สมาชิกที่เข้ามาสู่ ธุรกิจทุกคนมีความมั่นคงจริง และสมาชิกอยู่ได้ โดยนี่คือ วัตถุประสงค์ของการทำธุรกิจ ของที่นี้

ธุรกิจตามรอยพ่อรวย ไม่ใช่เน้นเพียงแค่สินค้าทางการ เกษตรเพียงอย่างเดียว แต่ยังมี สินค้าที่หลากหลายตามกระแส ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เสริม สมุนไพรบรรเทาปวดไทย ไท ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกาแฟ ไทยไท ผลิตภัณฑ์สำหรับท่าน ชาย เป็นต้น ซึ่งวันนี้ต้องบอกว่า การแข่งขันในเรื่องของสินค้าใน ธุรกิจขายตรงจำเป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องมีความแตกต่าง และที่ ธุรกิจตามรอยพ่อรวย ก็มีสินค้า ที่เรียกว่ามีความแตกต่างจากที่ อื่นอย่างมากด้วยเช่นกัน

กรพล เผยอีกว่า สำหรับ อีกหนึ่งเครื่องในการทำธุรกิจ ของบริษัทฯ นั่นก็คือ ร้านกาแฟ สด ซึ่งที่นี้จะมีธุรกิจร้านกาแฟสด ให้ทุกท่านได้ลงทุน พร้อมกับมี การรับทำ พ.ร.บ.และมีการให้ บริการในเรื่องของการรับส่ง ไปรษณีย์ด้วย โดยการลงทุน ธุรกิจร้านกาแฟดังกล่าวนี้อยู่ 390,000 บาท โดยจะได้เครื่อง ทำกาแฟ ชุดกาแฟ และสินค้า อื่น ๆ อีกมากมาย ที่มีมูลค่า มากมายกว่า 590,000 บาทด้วย กัน สำหรับเป้าหมายในปีแรกที่ วางไว้ คือ 25 แห่ง โดยจะเป็นการ เน้นทั้งในต่างจังหวัดและใน กรุงเทพฯ สำหรับการทำธุรกิจของ บริษัทฯ ในปีแรก บริษัทฯ ตั้งเป้า ยอดขายไว้ที่ 100 ล้านบาท พร้อมกับเป้าหมายมีสมาชิกอยู่ ที่ประมาณ 1 หมื่นกว่ารหัสด้วย กัน และเชื่อว่าหากแผนงานของ ธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วาง ไว้ เป้าหมายที่วางไว้ทุกอย่าง ก็ น่าที่จะตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้วยเช่นกัน

...และนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง บริษัทขายตรงน้องใหม่ ที่ต้อง บอกว่า เป็นเครือข่ายที่ต้องมีการ หล่อหลอมความแข็งแกร่งให้มาก พอสมควรทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมี ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจนี้มานาน พอสมควร แต่หากทุกอย่างไม่โดน ใจคนเครือข่าย หรือ ไม่อยู่บนพื้น ฐานความถูกต้องแล้วล่ะก็ ธุรกิจ ที่มองว่าจะเติบโตในเวลาอัน รวดเร็วอย่างที่ตั้งไว้ก็อาจจะอ่อน แรงลงได้ด้วยเช่นกัน เพราะวันนี้ คนเครือข่ายมีความรู้ในการเลือก ธุรกิจมากพอสมควร!!





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 345 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556

จับตานักขายพเนจรเกลื่อนเครือข่าย สำเร็จไม่จริง!ดีแต่ปากลากลูกทีมดิ่งเหว







20100921-002446-20816 (Mobile)


เผยวิกฤติเส้นทางนัก ขายเร่ร่อน!...หลังพบที่ผ่าน มา ไม่สามารถนำพาลูก ทีมสำเร็จได้จริง จนหลาย ท่านหมดแรงศรัทธา... ชี้! วิกฤตินักขาย ที่ ไม่มี ที่ซุกหัวนอน ณ เวลานี้ เริ่มพบเห็นอยู่เกลื่อน เครือข่ายหลังหลายค่ายต่างเริ่มสั่นไหวไม่สามารถประคองธุรกิจได้ จน เป็นเหตุให้นักขายต้องระหกระเหินเร่ร่อน...เผยวันนี้สภาพจิตใจ ของนักขายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง นิ่ง และ ไม่หวั่นไหว คล้อย ตามสภาพแวดล้อมรอบข้างที่อาจจะทำให้ตัวเองนั้น เจ็บตัว ได้...ยํ้าหาก นักขายมีความนิ่ง ในตัวเองพอ เชื่อลูกทีมย่อมมีแรง ศรัทธาในตัวผู้นำแน่นอน

...ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสทางธุรกิจอยู่ เสมอ เช่นดั่งการทำ ธุรกิจขายตรง ใน ปัจจุบันนี้ เหลี่ยมคม ของ นักธุรกิจ ที่เรียกว่า มืออาชีพ นั้น ต้องบอกว่า ค่อนข้าง ที่จะหาลูกเล่นใหม่ ๆ ออกมาเพื่อหวังให้ตัว เองอยู่รอดในธุรกิจนี้แทบทั้งนั้น ซึ่งก็ต้องบอกว่า มีทั้งผู้ที่สำเร็จในธุรกิจนี้บ้าง และก็มี ผู้ที่ไม่สำเร็จในธุรกิจนี้บ้างเช่นกัน... จะเห็นได้ว่า วันนี้นักขายหลาย ๆ ท่าน ที่มีชื่อเสียงเรียงนามในอันดับต้น ๆ กลาง ๆ หรือปลาย ๆ ณ ขณะนี้ พบว่า เริ่มที่จะมี สมญานามว่า นักขายพเนจร บ้างแล้วใน หลาย ๆ คน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการย้าย ค่ายไป ย้ายค่ายมานั่นเอง แต่ในบางครั้งต้อง บอกว่าการย้ายค่ายบ่อย ๆ ก็ถือว่าไม่ใช่สิ่ง ที่ดีด้วยเช่นกัน ตรงนี้อาจจะทำให้ลูกทีมที่อยู่ ใต้สายงานอาจจะเกิดความเอื้อมระอาได้ ด้วยเช่นกัน!!..

ในขณะเดียวกัน ก็พบว่า เกมหัก เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบ ใน สมรภูมิรบขาย ตรง โดยเฉพาะ นักขาย ที่เรียกว่ามี กึ๋น มากพอ ตรงนี้เอง อาจจะฆ่าตัวเองได้ด้วย เช่นกัน หากไม่สามารถที่จะนำพาทีมงานให้ ประสบความสำเร็จในธุรกิจได้จริง

นักขายเก่าเริ่มหมดแรงศรัทธา หลังไม่สามารถนำพาสมาชิกสำเร็จได้

ถ้าพูดถึง นักขายตรงเมืองไทย ใน ปัจจุบันนี้ หากสังเกตกันให้ดี ๆ พบว่า มี นัก ขาย จำนวนไม่น้อย ที่ต้อง ตกกระไดพลอย โจน ล้มหมอนนอนเสื่อไปกับ ธุรกิจขาย ตรงหน้าใหม่ ที่ มาเร็ว-ไปเร็ว จนสร้าง ความ บอบซํ้า ให้กับ นักขาย ที่อยากจะ ฝากชีวิตไว้ ต้อง ดิ้นพล่าน เสมือน หนูติด จั่น ไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว

ซึ่งชั่วโมงนี้ อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการ ส่งสัญญาณให้เห็นเด่นชัดกันแบบเน้น ๆ ว่า...วันนี้ ปลาหมอตายตัวเดียวมันเน่า เหม็นกันไปทั้งข้อง...เช่นเดียวกับธุรกิจอัน แสนหวานอย่างธุรกิจเครือข่าย ที่ปัจจุบันนี้ วิกฤตินักขาย ที่ ไม่มีที่ซุก หัวนอน คงจะเริ่มออกมาให้เห็น กันบางแล้ว หลังจากที่พบว่ามี หลาย ๆ ค่ายต่างเริ่มสั่นไหวใน ภาวะวิกฤติเช่นนี้!!!

ที่สำคัญ วันนี้หากจะดูกัน โดยภาพรวมกว้าง ๆ ในวงการ ธุรกิจขายตรง ที่หลายคนอาจจะ มองว่า ต้นเหตุของการทำให้ นักขาย ต่าง เร่ร่อนไป หรือ เร่ร่อนมา นั้น...ส่วนหนึ่งอาจจะ เป็นเพราะตัวนักขายเอง ที่ต้อง บอกว่ามีบางกลุ่มบางจำพวก ที่ หวังเพียงแต่ประโยชน์ส่วนตัว เมื่อไปอยู่ค่ายนั้นค่ายนี้ และได้ ประโยชน์สมดั่งเป้าหมายแล้วก็ ไป...นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ นัก ขาย เมืองไทยเราถึงไม่ค่อยที่จะ เป็นมืออาชีพเท่าไหร่

ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจ จะเป็น บ่อเกิด ที่ทำให้ นัก ขาย ตกอยู่ในสภาพของคน เร่ร่อนนั่นคือ บริษัทขายตรงที่ เปิดใหม่ที่เปิดมาแล้วก็ปิด..ซึ่ง เชื่อว่าสาเหตุนี้ นักขาย จำนวน ไม่น้อย ต่างน่าที่จะเคยเจอมา แล้วด้วยเช่นกัน และยิ่ง ผู้ บริหารที่ไม่เป็นมวย แต่กับ ดันทุรัง ที่จะเปิด ผลสุดท้าย เรือล้ม แบบไม่เป็นท่า นัก ขาย ถูกลอยแพจมดิ่งลงนํ้า เรียกได้ว่าตายเป็นเบือกันเลยที เดียว ต่างดิ้นร้นคิดหาชีวิตรอด

...นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง สาเหตุที่ ผู้บริหาร ที่คิดจะยิ่ง ใหญ่นั่นต้อง ขบคิด และต้องมี มันสมอง ในการบริหารด้วย เพราะ ธุรกิจขายตรง หากที่จะ สามารถเดินต่อไปข้างหน้าอย่าง ราบรื่นแล้ว นอกเหนือจาก สินค้า หรือ แผนการตลาด แล้ว หัวใจหลักที่สำคัญในการ สร้างเครือข่ายที่แข็งแรงและ มั่นคง คงหนีไม่พ้น นักขาย อย่างแน่นอน เพราะหากคุณ เลี้ยงเขาดีกินอิ่ม เชื่อว่าร้อยทั้ง ร้อยความซื่อสัตย์ย่อมมีต่อตัวผู้ บริหารเองและองค์กรด้วย

และยิ่งปัจจุบันนี้ บริษัท ขายตรงน้องใหม่ ที่ต่างเปิดขึ้น มาอย่างกับ ดอกเห็ด เช่นนี้ อาจจะเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อน ให้เห็นว่า วันนี้ธุรกิจขายตรงอาจ จะกำลังอยู่ในช่วงของการ จับ แพะชนแกะ ที่ใครนั้นเหนือกว่า ย่อมดูดนักขายไปร่วมธุรกิจได้ มากกว่า ทั้งนี้ ต้องบอกว่า เท่าที่ได้ สัมผัสมา บริษัทที่มีพลังดูดเยอะ มักทำให้ นักขาย หลายคนต่าง ล้มหมอนนอนเสื่อมาก็เยอะเช่น กัน แต่จะว่าไป นักขาย เหล่านี้ ต่างก็ยอมที่จะ เจ็บตัวเอง ถึง แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่า อนาคตต่อไป ข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ซึ่งนักขาย กลุ่มนี้อาจจะเพียงคิดว่า...ขอ ตักตวงผลประโยชน์ให้เยอะก่อนดีกว่า ถึงจะตายก็ขอตายแบบ รวย...ซึ่งเชื่อว่า นักขาย ที่ขาด จรรณยาบรรณร้อยทั้งร้อยคิด อย่างนี้หมด นั่นก็หมายความว่า หากนักขายต่างคิดกันแบบนี้ แล้วธุรกิจขายตรงที่หลายคน ต่างตั้งความหวังว่าอยากจะให้ เป็นธุรกิจระดับชาตินั้นมันจะ เป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้น่าคิดที เดียว...

จะเห็นได้ว่า คำว่า ธุรกิจ เครือข่าย หากจะให้พูดกันตรง ๆ ก็คือ เครือข่ายที่ต่อยอดกันแบบ ไม่รู้จับอยู่ที่ เครือข่ายไหนจะแน่น หนาและแข็งแกร่งเท่านั้นเอง และ ด้วย ยุคเศรษฐกิจ ที่เป็นอยู่เช่น นี้ คงปฏิเสธไม่ ได้ว่านี่คือ โอกาส ของ ธุรกิจเครือข่าย แต่ใช่ว่าจะ เป็นโอกาสที่ 100% เสมอไป เพราะเวลานี้หลายคนอาจจะคิด เข้าข้างตัวเองว่า มาตรฐานขาย ตรงเริ่มดีขึ้นแล้ว ซึ่งก็ต้องยอมรับ ว่า ดีในระดับหนึ่ง แต่ในภาพของ ความเป็นจริงมาตรฐานที่หลาย คนมองว่าดี ภาพที่มันฟ้องออก มา ณ เวลานี้มันยังไม่ถึงกับเต็ม ร้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ ต้องบอกว่า เส้นทาง ของธุรกิจถือว่ายังคงเดินต่อไป อย่างไม่มีวันสิ้นสุด...เพราะ ปัจจุบันนี้ ถือเป็น ยุคแห่งการ แข่งขัน อย่างแท้จริง อาจเรียก ได้ว่า ไม่ใช่เพียงแค่แข่งขันกัน แบบธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่แข่งขัน ทั้งทางด้าน จิตใจ-กลยุทธ์- ความศรัทธา ทางธุรกิจ ที่ต้อง นำมาผนวกผูกปมเข้าด้วยกัน อย่างลงตัว ยิ่งวันนี้สภาพจิตใจของนัก ขายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง นิ่ง และ ไม่หวั่นไหว คล้อยตาม สภาพแวดล้อมรอบข้างที่อาจจะ ทำให้ตัวเองนั้น เจ็บตัว ได้ ชนิด ที่ว่าไม่รู้ตัวได้เลยทีเดียว ซึ่งเมื่อ นักขายมีความนิ่ง ในตัวเองแล้ว สิ่งที่จะต้องปฏิบัติต่อมานั่นก็คือ การ ใช้กึ๋น ของตัวเองที่มีอยู่ให้ มากที่สุดในทางธุรกิจ โดยที่ไม่ใช้ กึ๋นของตัวเองไปในทางที่ผิด!..

...กึ๋น ในที่นี้คือ กึ๋นทาง ความคิด ที่ต้องมุ่งเน้นใน เชิง สร้างสรรค์ โดยที่ไม่ใช่กึ๋นใน เชิงสร้างความล้มเหลว วันนี้ จุดบอด ของคนเครือข่ายที่ทำ ธุรกิจไม่สำเร็จอยู่ตรงที่ ความ คิด และ ทัศนคติ นั่นเอง!... เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้ สามารถทำให้ ธุรกิจพังพินาศมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งเมื่อโยงใยกับการทำ ธุรกิจ ขายตรง แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด ในธุรกิจนี้ คือ ต้องเริ่มต้น จาก...การสร้างคน ให้มี ความ คิด และ ทัศนคติ ในเชิงสร้าง สรรค์ตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยความนิ่ง

วันนี้ ต้องบอกว่า การ สร้างผู้นำ คือ กลเม็ดที่สุดยอด ของเครือข่าย เพราะผู้นำ คือ ผู้นำพาคนเข้าสู่ระบบ เป็นผู้ กำหนดทิศทางของยอดขาย แต่ละเดือน ผู้นำ คือ ผู้ที่กำหนดท่าทีของคนในองค์กรถ้าผู้นำนิ่ง ผู้ตามก็นิ่งคำตอบก็คือ บริษัท ต้องนิ่งก่อน วันนี้การสร้างเครือ ข่ายเปรียบเสมือนเครื่องถ่าย เอกสารที่สมบูรณ์ เพราะ ผู้นำ คือ ต้นแบบหรือต้นฉบับที่ต้อง ชัดเจน ไม่เลอะเลือน กระดาษ คือ ลูกทีมที่ต้องมีคุณภาพและมี จิตใจอยากร่วมธุรกิจ ส่วนบริษัท คือ เครื่องถ่ายเอกสารที่ต้อง สมบูรณ์แบบด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อ ความสมบูรณ์แบบเกิดขึ้นที่ องค์กรใด เมื่อนั้นความยิ่งใหญ่ ของธุรกิจท่านก็จะเติบโตเป็นเงา ตามตัวในเหตุผลของความเป็น จริง จะเห็นได้ว่า

วันนี้หากถาม ว่า... ทำไมบริษัทจึงไม่เติบโต เหตุผลง่าย ๆ นิดเดียว เสมือน เส้นผมบังภูเขานั่นก็คือ วันนี้การ สร้างผู้นำเป็นสิ่งที่กระทำได้ เพราะความเป็นผู้นำมันอยู่ในตัว ของทุกคนอยู่แล้วเพียงแต่เราไม่ ยอมสะกิดหรือปลุกปั้นขึ้นมา เอง...ซึ่งต้องเริ่มต้นค้นหาภาวะ ของผู้นำของตนเองให้ได้ก่อน... ซึ่ง ภาวะ คือ ทัศนะคติที่ดีต่อ ธุรกิจ การมีบุคลิกภาพที่ดีและ การสร้างแรงจูงใจให้ผู้มุ่งหวัง เรียกได้ว่า การที่จะทำให้บริษัท เติบโตได้นั้น บริษัทเพียงแค่ ค้นหาและดึงศักยภาพของความ เป็นผู้นำในองค์กรของตัวเองให้ ได้เท่านั้นเอง... อย่านิ่ง-อย่า กลัวความล้มเหลว เท่านั้นก็พอ

จะเห็นได้ว่า การสร้าง เครือข่ายยุคใหม่ คือ ต้องมุ่งไป ที่ สร้าง-พัฒนา-รักษาผู้นำ ด้วยการสร้างผู้นำให้มีเกียรติ และน่ายกย่อง เพราะจุดนี่เอง คือ กุญแจดอกสำคัญในการ รักษาผู้นำในองค์กรให้อยู่อย่าง ยั่งยืนและไม่มีปัญหาเกิดขึ้นใน อนาคต...เวลานี้ต้องบอกว่า บริษัทที่ไม่เติบโต เพราะนอกจาก จะไมมี่การสนับสนุนผู้นำแล้ว ยัง มองผู้นำเป็นเพียงแค่สมาชิกคน หนึ่งหรือลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง เชื่อว่าผู้บริหาร ที่มี กึ๋น พอ คงเข้าใจและไม่ยึดติดเพียงแค่ ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ฝ่ายเดียว หากคิดอย่างนั้น จุด พินาศ คือ ตัวคุณเองและบริษัท คุณนั่นเอง...แต่ในขณะเดียวกัน นักขาย ที่เป็นมืออาชีพจริง ๆ แล้ว จิตใจต้องนิ่งและพร้อมที่จะ นำพาองค์กรที่คุณทำและทีม งานให้ประสบความสำเร็จด้วย เพราะหากคุณยังขืนเป็น นัก ขายพเนจร เช่นนี้อีก เชื่อว่า ความศรัทธา ที่ทีมงานมีให้คุณ ก็อาจจะเอื้อมระอาในตัวคุณก็ เป็นได้เช่นกัน





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 345 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556


ส.พัฒนาการขายตรงไทยรุกหนัก นายกฯใหม่ นำสมาชิกลุยตลาดAEC







Capture (Mobile)


จับตา สมาคมการพัฒนาการขายตรงไทย หลังคณะกรรมการโหวต เลือก ดร.สมชาย หัชลีฬหา อดีตเลขาฯ ขึ้นแท่นเป็นนายกสมาคมคนใหม่ โดยมี วุฒิพงศ์ วนากุล นั่งเลขาฯ แอ็คชั่นแรก ชี้โลกยุคใหม่การรวมกลุ่ม กันมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะจะทำให้เกิดพลังในการขับเคลื่อน ไล่ 9 ตั้งแต่การรวมกลุ่มกันของประชาคมชาวโลก WTO หรือ EU เหล่านี้ล้วนเกิดการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดี ล่าสุดกลุ่มอาเซียน หรือ AEC กำลังจะมีการรวมกลุ่มกัน จะเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ หน้าใหม่ของอาเซียนซึ่งมีประชากร 600 ล้านคน แพลมๆ สมาคมฯ อาจ เปิดศูนย์เองในประเทศAEC เพื่อให้ สมาชิกเปิดช็อปตัวเองในศูนย์นั้นๆ ลุยตลาดเต็มที่

ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท จอยแอนด์คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และนายกสมาคมพัฒนาการขายตรง ไทย เปิดเผย ตลาดวิเคราะห์ ว่า ปัจจุบันโลกทั้งโลกได้ให้ความสำคัญ เกี่ยวกับการผนึกกำลังกันมาก หากดูถึง วิวัฒนาการจากการรวมตัว เราจะเห็นว่าการ รวมตัวของประชาคมโลกได้พัฒนามาเป็น WTO จนกระทั่งมาเป็นนาฟต้า อาฟต้า ตรงนี้ ก็ถือว่าเป็นการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจ ถ้าพูดถึงฝั่งอเมริกา จะเริ่มจากอเมริกาเหนือ ไปถึงเม็กซิโก แคนาดา และมาพูดถึงอาฟต้า ประเทศไทยเราที่พัฒนาจนมาถึงวันนี้ที่เรียกว่า AEC โดยจะรวมกันแบบไหนก็แล้วแต่ เมื่อ รวมตัวขึ้นมาก็ถือว่า ได้ประโยชน์รวมกันแทบ ทั้งสิ้น โดยเราจะเห็นการวิวัฒนาการกันก็จะมี ทั้งดีและเสีย แต่ว่าทุกบทเรียน ทุกการรวมตัว ต้องบอกว่ามีข้อดีมากกว่าข้อด้อย เพียงแต่ว่า ข้อด้อยไม่มีการที่เคยเจอกันมาก่อน ไม่เคย เห็นปัญหา ซึ่งเมื่อเวลาที่มารวมตัวกันก็จะมีทั้งคนที่แข็งแรงและอ่อนแอ แต่สุดท้ายก็ต้อง ใช้เวลาในการปรับตัว

เมื่อตอนที่อียูรวมตัวกันนั้น ซึ่งถ้าย้อน ไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผู้คนก็บอกว่า ถือเป็นเรื่อง ดี แต่พอถึงวันนี้มันก็เริ่มเห็นปัญหาว่าอียู เมื่อ รวมกันแล้วจะเห็นว่าเงินที่มีสกุลที่แข็งแรงกว่า ก็อยู่ได้และได้เปรียบ แต่ถ้าคนที่มีเศรษฐกิจ อ่อนแอกว่าเมื่อไปรวมกับเขาก็ถือว่าลำบาก และคนที่จะรวมอยู่กับเขาได้จะต้องมีความ สามารถทั้งด้านสุขภาพ เรื่องต้นทุน ภาวการณ์ แข่งขัน เรื่องของเทคโนโลยี โนฮาวน์ กำลังเงิน ทุน เรื่องความได้เปรียบในเรื่องของสินค้า ซึ่ง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบโดยรวมว่าเมื่อ เรามาอยู่ด้วยกันแล้วจะใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างไร แต่ถ้ามาอยู่ร่วมกันแล้วอีกฝั่งได้เปรียบ อีกฝั่งไม่ได้เปรียบซึ่งก็ถือว่ายังเป็นปัญหา แต่ สุดท้ายก็ต้องมาพูดคุยกันอยู่ดี ตรงนี้ของอียู ที่ เขาช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งเมื่อไม่ได้มีการรวม ตัวกันแบบนี้ ป่านนี้ที่กรีซ สเปน อิตาลี คงล่ม สลายไปแล้ว แต่สุดท้ายก็มีการพยุงกันอยู่ รองรับกันไว้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมาตรฐานก็จะมา อยู่ในระดับเดียวกัน ตรงนี้คือ ข้อ ดีของการรวม ตัว

แต่การรวมตัวกันตรงนี้มันก็จะมีความ ต่างศักดิ์ คือ อีกคนมีเงินมากกว่า อีกคนมีเงิน น้อยกว่า ซึ่งตรงนี้จะมาแบ่งปันช่วยเหลือกัน อย่างไร โดยหากมีการช่วยกันมันก็จะจูงกันไป แต่ถ้าไม่ช่วยกันอีกฝ่ายก็ตายเลย ก็ต้องมีการ ดึงกันไว้ โดยจะมีทั้งในเรื่องของกิจกรรมร่วม กัน เงินทุนร่วมกัน ใช้เงินสกุลเดียวกัน คน เคลื่อนย้ายอย่างเสรี แต่ว่าการที่เข้ามาร่วมกัน นั้นก็จะมีบางคนที่อ่อนแอ เพราะเศรษฐกิจ ไม่ดี ค่าเงินไม่แข็งแรง และมีปัญหา ซึ่งการรวม ตัวตรงนี้จะเป็นการฉายให้เห็นภาพว่าวันนี้การรวมตัวกันก่อเกิดประโยชน์มหาศาล ซึ่ง หากรวมแล้วเข้าใจกัน ไปในทิศทางเดียวกัน และอยู่ในกติกาเดียวกันที่ชัดเจน ในแต่สุด ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า และอุปสรรคก็ไม่ได้ เป็นปัญหา

นายกสมาคมพัฒนาการขายตรงกล่าว อีกว่า หากมองย้อนไปในหลาย ๆ ปี ซึ่งผมเอง เคยพูดไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วที่หุ้นอเมริกาตก ตรง นี้ต้องบอกว่าถือเป็นอุบัติเหตุในระยะสั้น เมื่อ มีการปรับตัวลงมาสุดท้ายก็ขึ้นกลับมาใหม่ แล้วพอหลังจากนั้นครึ่งปีก็กลับมา ถือว่า เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และ จากการดู QE1 หากจำไม่ผิดตัวเลขอยู่ที่ 1.8 ล้าน QE2 ตัวเลขอยู่ที่ 6 แสนล้าน และ QE3 ตัวเลขอยู่ที่เดือนหนึ่ง 4 หมื่นกว่าล้านเหรียญ ก็มีข่าวว่าตรงนี้จะไม่กระตุ้นเศรษฐกิจแล้วเรา ก็ต้องดูว่าตัวเลขอัตราการว่างงาน ลดน้อยลง ไหม การเพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่

อย่างเศรษฐกิจ จีดีพี ของประเทศ สหรัฐอเมริกานั้น อย่างปีที่แล้วตัวเลขกลม ๆอยู่ที่ 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากดูจาก QE1 QE2 ในแต่ละปี รวมเม็ดเงินแล้วคร่าว ๆ เฉพาะอเมริกันปั้มเงินแล้วไม่ตํ่ากว่า 3 ล้าน ล้านเหรียญสหรัฐ คือ สามารถเติมสภาพคล่อง ในอเมริกันได้ถึง 20% ได้ส่งผลดี คือ พอมีใคร คนใดคนหนึ่งนั้นกระตุ้นมันก็ส่งผลดีต่ออีกคน หนึ่งดีขึ้น โดยเชื่อมโยงกันไปทั่วโลก ตรงนี้คือ ประโยชน์ของการรวมตัวกัน อย่างอาเซียนในตอนนี้ ก็เริ่มเห็นว่ามี รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ แต่ละประเทศเริ่ม มาคุยกันว่าประเทศไหนที่จะสามารถแข่งขัน กันได้ รวมถึงเริ่มมีการขยายและทำธุรกรรมกัน บ้างแล้ว อย่างตัวเลขการทำธุรกรรมล่าสุดนั้น ทางองค์กรการค้าโลกก็ออกมาพูดกัน ตอนนี้ ประเทศไทยเมื่อเทียบแล้วกับการลงทุนในช่วง 3-4 ปี ประเทศไทยนำเงินไปลงทุนต่างประเทศ มากกว่าต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทย เหตุผลเพราะว่าทุกคนก็ต่างอยากที่จะมา ลงทุนเมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน โดยเริ่มที่จะมีคนไปเตรียมการไว้ก่อน เพราะ เวลาเคลื่อนย้ายเสรี คนที่เคยขาย ของ 66 ล้านคนเฉพาะในไทย ตอนนี้มันกลายเป็น 600 ล้านคน เพราะว่า AEC มีการรวมประชากร แล้วอยู่ที่ 600 ล้านคน

ตรงนี้ทำให้มีการเริ่มที่จะ ออกไปวางกลยุทธ์ ด้วยการไป สร้างช่องทางกระจายสินค้าใน ต่างประเทศซึ่งก็เริ่มที่ จะมีการไป ลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น จาก การรวมตัวตรงนี้ทำให้มีนโยบาย ต่างประเทศ ซึ่งอยากให้คนคิดว่า ทำ ไมวันนี้คนถึงต้องมีการไป ลงทุนในต่างประเทศ ก็เพราะหาก คุณมีเงินอยู่ในกระเป๋า และไม่ ยอมไปค้าขายกับใครเลยนั้น เรา รวยเฉพาะเรา แต่วันนี้เราเองควร ที่จะต้องมีการพึ่งพาต่างประเทศ

วันนี้มุมมองไม่เหมือนเดิม แล้ว โลกของการเปลี่ยนแปลงก็ดี กับปัจจัยหรือการมองคุณค่าที่แท้ จริง และที่น่าสนใจที่สุด คือ วันนี้ การรวมตัวทางเศรษฐกิจ หรือการ รวมตัวทำธุรกรรมไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายหรือเน็ตเวิร์คแบบไหนก็ แล้วแต่ ถ้าใช้ประโยชน์ให้เป็นและ เห็นคุณค่า แล้วสร้างคุณค่าให้เกิด โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกัน ใช้ ประโยชน์ร่วมกัน ตรงนี้จะถือเป็น ประโยชน์สำหรับเจ้าของธุรกิจ เครือข่ายหรือผู้ร่วมธุรกิจร่วมกัน

ดร.สมชายกล่าวอีกว่า ใน ฐานะที่ได้รับบทบาทการเป็น ผู้นำ ของสมาคมพัฒนาการขายตรง ไทย ก็อยากจะเสนอความคิดว่า การเอากิจกรรมที่มีความสอด คล้องกัน มีวัตถุประสงค์มองไป ข้างหน้าเหมือนกัน สิ่งที่อยากให้ เกิดขึ้น เราก็ต้องมาคิดร่วมกัน ใน แง่ของบริษัทมารวมตัวกันมันก็ เป็นสมาคม และจากสมาคมกับ สมาคมรวมกันก็เป็นสมาพันธ์ และในบริษัทนั้นเองการรวมตัว ของคนในองค์กรก็รวมกันเป็น หนึ่งบริษัท ก็เห็นได้ว่านี้คือการ รวมตัวทั้งสิ้น ที่เราพูดถึงวันนี้คือ เรื่องของการรวมตัวกัน เพราะการ รวมตัวในเรื่องเชิงการค้าก็ดี เชิง ในเรื่องของกิจกรรมเพื่อประโยชน์ ก็ดี เพราะมันก็แล้วแต่วัตถุ ประสงค์ของกิจกรรมนั้น ๆ

ถ้าพูดถึงสมาคมพัฒนา การขายตรงไทย โดยเฉพาะผมได้ รับบทบาทการเป็นนายกสมาคม ที่พึ่งได้รับเลือกเมื่อไม่นานมานี้ โดยหลักการแล้วสมาคมแต่ละ สมาคม และผมก็ได้รับการอบรม และไปรวมกับสมาคมการค้าที่เขา อบรมกัน ก็มีหลากหลายสมาคม ไม่ใช่มีสมาคมขายตรงอย่างเดียว ก็มีสมาคมอื่น ๆ สมาคมสปาไทย สมาคมโลกสีเขียว สมาคมการค้า อาเซียน มารวมกันในรุ่นนี้มีอยู่ 27 สมาคม ซึ่งผมก็ได้รับหนึ่งบทบาท การเป็นรองประธานกลุ่มของ สมาคม และก็กำลังยกฐานะให้ เป็นสมาพันธ์ ก็คือรวมกลุ่มหลาก หลายสมาคมเข้ามาเป็นสมาพันธ์ ก็มีหลักการง่าย ๆ คือ ก่อตั้งขึ้นมา รวมกันเพื่อให้ก่อเกิดพลังทางด้าน ความคิดที่ได้แชร์ประโยชน์ร่วม กัน แต่ประโยชน์ที่ได้มาก็มาจาก 1. คือการเป็นตัวแทนของภาค เอกชน ที่ไปเจรจากับภาครัฐ ที่ เป็นตัวแทนของผู้บริโภค เป็น ตัวแทนของกลุ่มอุตสาหกรรม เป็น ตัวแทนของบริษัทในการเอาเรื่อง ที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะเป็น เรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องของสังคม เรื่องเทคโนโลยี และเรื่องไลฟ์ สไตล์ของผู้คน เพราะทุกอย่างใน สังคมที่มันเปลี่ยนไป มันเกิดจาก การที่คนทำให้เปลี่ยนไป และการ จะเปลี่ยนไปทางไหน ชี้นำอย่างไร มันก็ต้องมีคณะบุคคลหรือกลุ่ม คน อย่างเช่น สภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจ เขาก็มาจากสมาคมที่ เป็นตัวแทนและก็รวมกลุ่มและก็ เอาคำแนะนำไปบอกกับรัฐบาล แต่สมาคมหรือสมาพันธ์ก็อาจจะ เอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปต่อ รอง

คือ เอาข้อมูลของสมาชิก เข้าไปคุยกับภาครัฐ ไปคุยกับ หน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้ เพื่อให้ ได้มาซึ่งแนวทางที่ถูกต้อง คือ ให้ ภาครัฐส่งเสริมแบบเป็นธรรม เป็น ประโยชน์ และเป็นคุณค่าใน อนาคตที่ใช้ร่วมกันในสังคม เพราะการอยู่ร่วมกันเราต้องนึกถึง หลักจรรยาบรรณ และต้องถูก กฎหมาย เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่าง สันติ การรวมตัวกันนั้นเวลาเราไป พูดกับภาครัฐเขาก็ฟังเรา เพราะ เขามองว่าเป็นคนหมู่มากไป ไม่ใช่ คน ๆ เดียว และนี่คือประโยชน์ของ การรวมตัวและสมาคมที่เราทำ เราก็คาดหวังว่าจะเป็นตัวแทนใน กลุ่มเครือข่ายขายตรง เพราะ บริษัทขายตรงอาจจะมีหลาย ๆ แบบ มีชั้นเดียวมีหลายชั้น แต่ สมาคมพัฒนาการขายตรงไทยไม่ ได้เลือกว่าจะเป็นแผนไหน แต่ แผนแบบไบนารี่ไตรนารี่อยู่กับเรา เยอะหน่อย เพราะเราก็เอาสิ่ง เหล่านี้มารวมตัวกัน และก็มาแชร์ กัน ก็บอกว่าแนวทางที่ถูกต้องเป็น อย่างไรก็เอาสิ่งเหล่านี้ไปคุยกับ ภาครัฐ

ดร.สมชายกล่าวอีกว่า อย่างกิจกรรมล่าสุด บริษัทใน สมาคมก็ได้รับตราสัญลักษณ์ จาก สคบ.ไป 4 บริษัท จากจำนวน สมาชิกกว่าสิบบริษัท ที่จริงส่งไป 5 บริษัท อีกบริษัทเนื่องจากไม่เข้า เกณฑ์เพราะว่าอายุไม่ถึง เพราะ ต้องเอาเกณฑ์ 3 ปี แต่นี่ยังแค่ 1 ปี เศษ ก็ต้องรอโอกาสต่อไป ประโยชน์ของการเข้าร่วมสมาคม ก็ดีตรงนี้แหละ ดีกว่าอยู่เพียง ลำพัง เพราะการรวมตัวเราคุยกัน ที่หัวข้อว่า ถ้าวันนี้เรารวมตัวกัน ก็ได้แชร์ และก็ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เราไม่ได้มาแกร่งแย่งกันเลย เพราะรอบนี้ที่เปลี่ยนกรรมการก็ โหวตกันเองว่าใครอยากได้ใคร เป็นอะไร และเสียงข้างมากคน ไหน คนนั้นก็รับบทบาทไป ในอนาคตบริษัทไหนที่ไม่ ได้อยู่ในสมาคม ค่อนข้างจะเสีย โอกาส เพราะว่าแรงขับเคลื่อน จากนี้ไปจะเป็นพลังกลุ่มมากกว่า โดดเดี่ยว พอผมเข้ามารับตำแหน่ง ก็จัดวาระเลยว่าต้องไปดูงาน อย่างวันที่ 29 พฤษภาคม นี้ มีทูต พาณิชย์ หรือที่ปรึกษาราชทูต ที่ ปรึกษาการค้าต่างประเทศใน แต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียนมา รวมตัวกัน เราก็ได้จองที่นั่งไว้เข้า ร่วมงาน ก็จะมีโอกาสพูดคุยกับ ท่านทูต เพื่อให้เห็นเป็นแนวทาง ว่าต่อไปนี้ AEC ตลาดเป็นอย่างไร ถ้าจะไปเปิดสาขาต่างประเทศเรา ทำอย่างไร เราก็จะได้เปรียบด้าน ข้อมูล และในวันที่ 4 มิถุนายน นี้ กรรมการสมาคมฯ ก็จะไปดูงาน กับกรมการค้าต่างประเทศ เพราะ เขาก็มีการจัดงานกับภาครัฐบาล ไปกับครู อาจารย์ที่ไปในเรื่องของหลักสูตรการส่งเสริมพัฒนา ศักยภาพ และก็ไปดูงานไปกับ สมาคมอื่น ๆ ด้วย ไปดูเรื่องการค้า ลู่ทางการลงทุน ทำบิสสิเนสแมส ชิ่ง เริ่มต้นที่พม่า ไปดูทำเลและ ลู่ทางการลงทุนอยู่กัน 3 คืน ก็ไป พร้อมกันหลายบริษัท เพราะเรา ยังเคยคุยไว้ว่าไปต่างประเทศถ้า ขี้เกียจลงทุน เราอาจจะมารวมตัว กันสร้างออฟฟิศสักออฟฟิศหนึ่ง แล้วก็เข้ามาร่วมกันได้เลย ไม่ต้อง ต่างคนต่างไปลงทุนเปิดศูนย์ สาขา เปิดรวมกันเลย แต่ละบริษัท ก็มาตั้งสำนักงานอยู่ในนั้นแหละ นี่คือ ประโยชน์ของการรวมตัวกัน เป็นสมาคม เราอยู่กันแบบพี่ แบบน้อง และหลังจากพม่าก็มี โปรแกรมต่อกลับไปเวียดนาม จากนั้นไปดูงานที่ฟิลิปปินส์ และ อีกหลาย ๆ ประเทศใน AEC

ลองนึกภาพดู ถ้าเรา เปิดเป็นเซ็นเตอร์ใหญ่ๆในนาม สมาคม ให้สมาชิกมีช็อปเป็นของ ตัวเอง ส่วนกลไกการตลาดแต่ละ บริษัทก็ว่ากันไป ลักษณะวัน สต็อปเซอร์วิสขายตรง อย่างนี้ ประหยัดต้นทุนได้เยอะ ไม่ต้อง กลัวว่าจะไปแย่งสมาชิกกัน เพราะ ทุกบริษัทมีจุดแข็งเป็นของตัวเอง อยู่แล้ว ผู้บริโภคหรือสมาชิกใน ประเทศนั้นๆ เขาเลือกเองได้ว่า ตนเองชอบสไตล์ไหน ดร.สมชาย กล่าวทิ้งท้าย




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 345 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556

กก.ปฏิรูปกม.บีบ สคบ. แก้ม.54 ตะเพิดใครไม่รับควร ลาออก







388033_481971815153800_1118660345_n (Mobile)


มาตรา 54 กม.ขายตรงพ่นพิษ คณะกก.ปฏิรูปกฎหมาย ยํ้าชัด ต้องปฏิบัติตามกม.รัฐธรรมนูญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากไม่เร่ง ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้อง ต้องพิจารณาตัวเอง สคบ.เครียด หวั่น คดีเก่าที่สู่ศาล ไม่สามารถเรียกความเสียหายคืนประชาชนได้ ล่าสุด เตรียมแก้เกม ขออำนาจศาลคุ้มครองชั่วคราว หวั่น ไซฟ่อนทรัพย์สิน ออกนอกกระเป๋า ยิ่งลักษณ์ หนุนเร่งแก้กม. หวั่นธุรกิจสีเทาระบาด เต็มเมือง

สคบ.รับหนักใจทำคดีขายตรง เหตุกม.เปิดช่องทำลายหลักฐาน

ดร.สุทธิศักดิ์ ภัทรมานะวงศ์ รอง เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่าผลจาก คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณี มาตรา 54 พรบ.ขายตรงและ การตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 ที่ ขัดกับหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 39 วรรค 2 ยอมรับว่าเป็น อุปสรรคต่อการบังคับใช้กฎหมาย คอ่นข้างมาก เนื่องจากผู้ต้องหาที่ ถูกดำเนินคดี สามารถใช้ช่องทาง ดังกล่าวมาเป็นแนวทางการต่อสู้ ทำให้การดำเนินคดีไม่สามารถไป สู่การสิ้นสุดของคดีได้

นอกจากนี้ ในการดำเนิน คดีกับผู้ต้องหา ก็จะต้องหาหลัก ฐานพยานให้เพียบพร้อมสมบูรณ์ เนื่องจากหากคดีไม่สามารถดำเนิน ถึงที่สุดได้ ก็จะถูกนำมาเป็น ประเด็นในการต่อสู้คดี ที่อาจจะ ต้องถูกยกฟ้อง ดังนั้น หากเอาข้อกฎหมาย มาพิจารณาเปรียบเทียบดู จะ เห็นว่า ในมาตรา 54 ของพรบ. ขายตรงฯ ระบุว่า ภาระในการ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ เป็นหน้าที่ของ ผู้ถูกกล่าวหา ในการที่จะนำเอา หลักฐานหรือพยานมาหักล้าง แต่ สำหรับกรณีคำวินิจฉัยของศาล รัฐธรรมนูญ ในมาตรา 39 วรรค 2 มีการระบุว่า ภาระในการพิสูจน์ ความผิดของจำเลยเป็นภาระที่ผู้ที่ ทำหน้าที่โจทก์จะต้องเป็นผู้พิสูจน์ เพราะฉะนั้น ความยากง่าย ในการดำเนินคดี จึงมีความแตก ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ ฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะ เป็นสคบ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือดี เอสไอ จะต้องหาหลักฐานพยาน ให้พร้อมมูล ก่อนดำเนินคดี เพื่อ พิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า จำเลยมีการ กระทำความผิดจริง

เรื่องนี้ ทางสคบ.ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก และ เป็นเรื่องที่น่าหนักใจพอสมควร โดยเฉพาะคดีหลายคดีที่ทางสคบ. ได้ดำเนินคดีไปนั้น ซึ่งล่าสุดก็มี ประมาณ 4-5 คดี ที่มีการร้องทุกข์ กล่าวโทษ ผ่านกระบวนการไปสู่ชั้น ศาลแล้ว โดยหลายรายมีการ อายัดทรัพย์และอายัดตัวผู้ต้องหา เอาไว้ ไม่ให้มีการหลบหนีออกนอก ประเทศ รวมไปถึงการอายัดบัญชี ไม่ให้มีการยักย้ายถ่ายเทเงินออก ไป หากยึดหลักตามคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ บริสุทธิ์ ก็จะทำให้การดำเนินคดี เป็นไปอย่างล่าช้า โดยเฉพาะคดีที่ เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชน การหาหลักฐาน มามัดตัวผู้ต้องหา ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้าหากมีการ ไหวตัวเสียก่อน เขาก็จะมีการ ทำลายหลักฐาน หรือ มีการนำเอา ทรัพย์สินเคลื่อนย้ายออกไปเสีย ก่อนหรือแม้กระทั่งตัวผู้ต้องหา เอง ก็อาจจะมีการหลบหนีออก นอกประเทศ ซึ่งกรณีเช่นนี้ ก็เคยมี มาแล้วในอดีต ที่แชร์ล้ม ก็หนีออก นอกประเทศ เมื่อคดีหมดอายุ ความก็กลับมา โดยไม่ต้องรับผิด แต่อย่างใด รองเลขาธิการสคบ.ฝ่าย กฎหมาย กล่าวกับตลาดวิเคราะห์ พร้อมกับกล่าวว่า หากแนวทาง การดำ เนินการทางกฎหมาย เปลี่ยนไป เพราะรูปแบบการ ดำเนินธุรกิจ แม้จะมีการพิสูจน์ ต่อศาลได้ว่า มีการกระทำที่ผิด กฎหมาย แต่ตัวบุคคลที่กระทำ ผิดกลับสามารถหนีเอาตัวรอดได้ เข้าทำนอง ล้มบนฟูก

สุดท้ายปัญหาก็จะตกอยู่ กับประชาชน ที่ได้รับความเสียหาย เพราะกฎหมายขายตรง มีความ เกี่ยวพันกับกฎหมายหลายฉบับ ไม่ ว่าจะเป็นกฎหมายอาญา หรือกฎ หมาย พ.ร.บ.การฉ้อโกงประชาชน ซึ่งถ้าหากผู้ที่ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับการชดใช้ความเสียหาย การดำเนินคดีก็เท่ากับว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย สิ่งที่สคบ.ทำได้ คงเพียงแค่การหยุดการกระ ทำความผิดของผู้ประกอบการที่ ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมายเท่านั้น ความรับผิดชอบต่อความเสียหาย คงยากที่จะเข้าไปเยียวยาได้

ตั้งคณาจารย์ ม.เกษตรสังคายนา ยิ่งลักษณ์หนุนรื้อกม.ทั้งระบบ

จากการเปิดเผยของแหล่ง ข่าวในสำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผย ว่า การเดินหน้าแก้กฎหมายขาย ตรงและการตลาดแบบตรง ปี 2545 กำลังอยู่ในระหว่างการ ศึกษาเพื่อหาข้อสรุปในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ ผ่านมา มีการเสนอจากทางสมาคม ผู้ประกอบการขายตรง ที่จะให้มี การแก้ไขกฎหมายบางหมวดบาง มาตรา ที่ยังไม่มีความชัดเจน เริ่ม ตั้งแต่ การทำธุรกิจขายตรงและการ ตลาดแบบตรง ที่สมควรจะต้องมี การแบ่งแยกกันให้ชัดว่า ธุรกิจ ประเภทใดควรอยู่ในกลุ่มใด

นอกจากนี้ ในด้านของ โครงสร้างธุรกิจขายตรง ก็ยังมี กฎหมายที่ไม่มีการระบุประเภท สินค้าหรือบริการต่าง ๆ ว่าสินค้า ประเภทใดควรเข้ามาทำธุรกิจขาย ตรงได้หรือไม่ รวมไปถึงมาตรฐานของนัก ธุรกิจเครือข่ายหรือ ตัวแทน ที่ยัง ไม่มีการออกใบอนุญาตจากหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้ธุรกิจมี ความน่าเชื่อถือ และเป็นการ ป้องกันตัวแทนนอกระบบเข้ามา หลอกลวงประชาชน

ประการต่อมา ก็คือ การ กำกับดูแลธุรกิจขายตรง ยังคงอยู่ ในความดูแลของ สคบ. ซึ่งเป็น หน่วยงานที่มีความรับผิดชอบสูง ต่อประชาชน ทำให้ธุรกิจขายตรง ขาดบุคลากร และหน่วยงานที่ทำ หน้าที่ดูแลเป็นการเฉพาะมากำกับ ดูแล ซึ่งจากกระแสข่าว ที่มีการ เสนอผ่านมายังฝ่ายการเมือง ระบุ ว่า ทาง สคบ.จะมีการเสนอให้มี การตั้งหน่วยงานเทียบเท่ากับกรม เข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจ ขายตรง โดยจะต้องมีกฎหมาย เฉพาะมารองรับ เนื่องจากผู้ ประกอบการมีจำนวนมาก รวมไป ถึงธุรกิจขายตรง ก็เติบโตมากขึ้น โดยมียอดการซื้อขายสินค้าเกือบ 1 แสนล้านบาท แหล่งข่าวเปิดเผยว่า แนวทางในการแก้ไขกฎหมาย กำลังอยู่ในระหว่างการทำประชา พิจารณ์ระหว่างผู้ประกอบการด้วย กัน เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐาน ธุรกิจขายตรงให้ชัดเจน ประกอบกับทางสคบ.เอง ก็ได้มีการแต่งตั้งคณาจารย์ผู้ เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เข้ามาศึกษา กฎหมายขายตรงทั้งระบบ เพื่อ เสนอร่างเป็นพ.ร.บ.ฉบับใหม่ โดย คาดว่าภายในปีนี้ จะแล้วเสร็จ

ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ แหล่งข่าวใกล้ชิด เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ได้รับทราบปัญหาดัง กล่าว และจะให้การสนับสนุนการ แก้ไขกม.ขายตรงเพื่อให้ สอดคล้อง กับสถานการณ์ รวมทั้งเพื่อเป็น การรองรับการเข้าสู่ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นี้ สำหรับประเด็นเรื่อง การ ปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับ มติของตุลาการรัฐธรรมนูญ ใน ประเด็นเรื่องมาตรา 54 นั้น แหล่ง ข่าวจาก สคบ.เปิดเผยว่า ก็คง จะต้องมีการหารือเพื่อนำไปสู่ กระบวนการแก้ไขกฎหมาย พร้อม ๆ กันด้วย เนื่องจากเป็น ประเด็นที่มีความสำคัญต่อการ สร้างมาตรฐานที่ดีของธุรกิจ ขายตรง รวมทั้งจะต้องหามาตรการ ทางกฎหมายเข้ามารองรับ เพื่อ รักษาผลประโยชน์ของประชาชน กรณีที่ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจ โดยมิชอบเอารัดเอาเปรียบฉ้อโกง

เตรียมแผนแก้เกมแชร์เถื่อน ขออำนาจศาลคุ้มครองชั่วคราว

เจตนารมณ์ ที่กฎหมาย ขายตรง เขียนเอาไว้ในลักษณะดัง กล่าว ประการแรก ก็เพื่อเป็นการ หยุดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับ ประชาชน ประการที่สอง ก็เพื่อที่ จะให้ผู้กระทำความผิดรับผิดชอบ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น โดย จำ เป็นจะต้องมีกระบวนการ ควบคุมการเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน เพื่อนำ มาชดใช้แก่ผู้เสียหาย ประการที่สาม นิติบุคคล เป็นสิ่งที่ สมมุติก็จริงอยู่แต่หากไม่มีบุคคล เข้ามาดำเนินการก็ไม่สามารถที่จะ กระทำความผิดได้ ดังนั้น การ กำหนดให้ผู้ที่ถูกกล่าวหา มีภาระ ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของ ตนเอง ก็เป็นสิงที่ไม่น่าจะขัดกับ นิติธรรม เนื่องจากในกระบวนการ ยุติธรรม ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา สามารถต่อสู้ได้ถึง 3 ศาล ซึ่งหาก ไม่มีความผิด ก็สามารถกลับไป ดำเนินธุรกิจได้เหมือนเดิม แหล่ง ข่าวในทำเนียบ เปิดเผย กับ ตลาด วิเคราะห์

พร้อมกับกล่าวเสริมอีกว่า ปัญหาของการบังคับใช้กฎหมาย ก็คงต้องกลับมาทบทวนในข้อ กฎหมายต่าง ว่าจะต้องดำเนินการ อย่างไรต่อไป โดยเฉพาะ สคบ. คงจะต้องไปดูในข้อกฎหมายอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุน ซึ่งเท่าที่ศึกษาดูก็ มีความเป็นไปได้ ที่การดำเนินคดี แก่ผู้ต้องหา อาจจะต้องขออำนาจ ศาลคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งอันนี้คีอสิ่ง ที่ทางสคบ.กำลังศึกษาดูในข้อ กฎหมายดังกล่าวอยู่ว่าจะขัดกับ หลักกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะถ้าหาก ไม่มีการอายัดตัว หรือทรัพย์สินเอาไว้ ก็เท่ากับว่า เป็นการสูญเปล่า

สิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ในเวลานี้ นอกเหนือจากการปัญหาที่เกิดขึ้น อยู่กับผู้บังคับใช้กฎหมายแล้วหาก แต่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ ความเชื่อมั่นในธุรกิจขายตรง และ การตลาดแบบตรง เนื่องจากกลุ่ม ผู้ประกอบการที่ยึดแนวทางการทำ ธุรกิจที่เรียกว่า ธุรกิจขายตรงสี ขาว ต่างวิตกกังวลว่า หากการทำ ธุรกิจในลักษณะที่เรียกว่า ธุรกิจ ขายตรงสีเทาทำผิดกฎหมาย แต่ กฎหมายไม่สามารถเอาผิดเอาโทษ ได้ ต่อไปก็คงไม่อยากจะมาทำ ธุรกิจในลักษณะ สีขาว เพราะ การทำธุรกิจขายตรง ถ้าทำตาม หลักที่ถูกต้อง ต้องใช้เงินลงทุน จำนวนมาก ต้องมีการศึกษา วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของตลาด ต้องมีการค้นคว้าวิจัย เพื่อตอบ สนองความต้องการของผู้บริโภค ต้องปรับตัวเข้าสู่มาตรฐานขายตรง ที่เป็นไปตามหลักสากล

แต่หากถ้านำไปเปรียบ เทียบกับธุรกิจขายตรงสีเทา จะเห็น ได้ชัดเจนว่า ธุรกิจขายตรงสีเทา ไม่ได้มุ่งเน้นการพัฒนาตัวสินค้า เพื่อตอบสนองผู้บริโภคเป็นหลัก หากแต่มุ่งเน้นการหยิบยื่นผล ประโยชน์ให้แก่สมาชิกที่เข้ามาทำ ธุรกิจเป็นหลักมากกว่า ซึ่งการให้ ผลประโยชน์เพื่อมุ่งเน้นการระดม ทุน จะทำให้คนทำเครือข่ายส่วน หนึ่งที่ไม่เข้าใจ และมีความโลภ จะหันไปไปสู่ธุรกิจขายตรงสีเทา มากขึ้น

ที่ผ่านมา การทำธุรกิจขาย ตรง จะต้องมีกระบวนการอบรม เทรนนิ่ง เพื่อพัฒนาตัวแทนให้มี ศักยภาพ รวมทั้งจะต้องมีการสร้าง เครือข่ายที่ต้องใช้เวลาในการสร้าง องค์กรขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ คนที่ทำ ธุรกิจขายตรง ย่อมเข้าใจดีว่า กว่า จะสร้างกิจการให้เติบใหญ่ขึ้นมา ต้องใช้เวลามากพอสมควร แต่ทุก วันนี้ จะเห็นได้ชัดว่า มีกิจการธุรกิจ ขายตรงหลายแห่ง ฝ่าฝืนกฎหมาย ประกาศตนเองว่าทำธุรกิจขายตรง แต่ไม่ยอมรับที่จะเข้ามาสู่กติกา ของการทำธุรกิจขายตรง มีการ หลบเลี่ยงข้อกฎหมาย อาศัยการ โฆษณาชวนเชื่อเป็นเครื่องมือ ซึ่ง ถ้าหากกฎหมายอ่อนแอ ก็เท่ากับว่าเป็นการสนับสนุนให้กิจการเหล่า นี้เติบใหญ่ขึ้นมา โดยเฉพาะในโซ เชี่ยลเน็ตเวิร์ค มีการทำตลาดที่ เรียกว่า ตลาดออนไลน์กันอย่าง มหาศาล และก็มีจำนวนไม่น้อยที่ สินค้าไม่มีมาตรฐาน แต่ก็สมอ้าง ว่าได้รับมาตรฐานจากหน่วยงาน รัฐ แม้แต่กรณีใบอนุญาตประกอบ ธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบ ตรง ก็ยังมีการสมอ้างกันอย่างเปิด เผย แหล่งข่าวในวงการธุรกิจขาย ตรง กล่าวกับ ตลาดวิเคราะห์

พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยอีกว่า ไม่เพียงแต่เฉพาะกฎหมายขายตรง ที่อาจจะมีผลกระทบในการบังคับ ใช้กฎหมาย กรณีของกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา ซึ่งทำงานเป็นคู่ขนานกับ สคบ. ก็ยังมีแนวโน้มว่าจะต้องได้ รับผลกระทบจากคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน เพียงแต่ ผู้ที่ถูกดำเนินคดียังไม่ได้มีการนำ เรื่องเข้าสู่การพิจารณาจากศาล รัฐธรรมนูญ ยกตัวอย่าง กรณีผลิตภัณฑ์ สินค้าบางประเภทที่มีการห้ามนำ มาจำหน่าย หรือถ้าจะจำหน่ายก็ ต้องได้รับการอนุญาตจากอย.ก่อน ก็ยังมีการฝ่าฝืน ซึ่งถ้าหากยึดเอา มาตรฐานของศาลรัฐธรรมนูญมา เป็นบรรทัดฐาน ก็อาจจะทำให้ผู้ ประกอบการ ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย สามารถที่จะจำ หน่ายสินค้า แสวงหาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัว เองได้ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหา จะ ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า คือผู้ บริสุทธิ์ หากกฎหมายที่บังคับใช้ขัด กับกม.รัฐธรรมนูญ ก็อาจจะทำให้ จำเลยหลุดพ้นคดีได้

กรรมการปฏิรูปกม.อัดซํ้า ใครไม่แก้กม.สมควรลาออก

ในการพิจารณาคดีอาญา มีการตั้งข้อสังเกตว่า การพิจารณา ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายขาย ตรง ปีพ.ศ.2545 เป็นการพิจารณา ในลักษณะที่ผู้ต้องหาเป็นอาชญา กรทางเศรษฐกิจ มิได้เป็นอาชญา กรที่ก่อความรุนแรงในเชิงประทุษ ร้ายในชีวิตและทรัพย์สิน เหมือน กับการปล้น จี้ ฆ่าชิงทรัพย์ ซึ่ง มาตรการในการบังคับใช้กฎหมาย จำเป็นจะต้องมีความรัดกุมเพื่อ เป็นการปกป้องผลประโยชน์แก่ ผู้เสียหาย หากมองอาชญากร เศรษฐกิจเหมือนกับอาชญากร ทั่วไป ก็จะทำให้กฎหมายยากที่จะ เอื้อมไปถึงแหล่งเงินของผู้ต้อง สงสัยได้

นายจรัล ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความ เห็นว่า การเอาผิดต่ออาชญากรรม ทางเศรษฐกิจลักษณะนี้ทำได้ยาก เพราะกฎหมายยังไม่สามารถ เอาผิดหรือสาวไปยังตัวการที่อยู่ เบื้องหลังได้ เนื่องจากมีการตั้ง ตัวแทนหรือนอมินีเข้าไปเป็น กรรมการบริษัทแชร์ลูกโซ่หรือ ปล่อยเงินกู้ แต่เชื่อว่าหน่วยงาน ต่าง ๆ จะได้นำเอาประเด็นความ เห็นจากการหารือทางวิชาการนี้ ไป ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันความผิดลักษณะนี้ไม่ ให้เกิดในอนาคต

ด้านนายอุดมศักดิ์ นิติ มนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ใน ฐานะเสียงข้างน้อย ให้ความถึง กรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรม นูญจะส่งผลกระทบต่อกฎหมาย ขายตรง และกฎหมายอื่นอีกกว่า 100 ฉบับว่า เรื่องนี้ตนเห็นด้วยใน หลักการที่กฎหมายนั้นมีการ สันนิษฐานความผิดนั้นไม่ขัดกับ รัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นเรื่องการนำ เอาข้อวินิจฉัยมาบัญญัติไว้ใน กฎหมายกว่า 100 ฉบับ เพื่อเป็นข้อ ผูกพันกับทุกกฎหมายด้วยหรือไม่ ตนเห็นว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ ควรผูกพันทุกกฎหมาย แต่ต้อง วินิจฉัยเป็นรายฉบับไป ซึ่งการ สันนิษฐานดังกล่าวเป็นการวินิจฉัย ข้อเท็จจริง ไม่ใช่สันนิษฐานความ ผิด เพราะกฎหมายได้บัญญัติไว้แล้วว่า หากผู้กระทำความผิดนั้น พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีความผิด คือ การพิสูจน์เจตนา การกระทำ หรือ ข้อเท็จจริง ซึ่งกฎหมายได้ให้ โอกาสพิสูจน์ความผิดได้ ผมเห็นว่าเมื่อพิสูจน์ความ ผิดได้ ก็จะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเห็นว่าไม่ได้เป็นการผลักภาระ การพิสูจน์ แต่กฎหมายได้บัญญัติ การพิสูจน์ไว้แล้ว จึงเป็นการ สันนิษฐานข้อเท็จจริง ไม่ได้ สันนิษฐานความเห็น กฎหมาย ฉบับนี้จึงเป็นกฎหมายของผุ้ที่มี ความรู้และอาศัยความไม่รู้เอา เปรียบประชาชน ซึ่งประชาชนคน ไทยรู้ไม่เท่าทันอาชญากรรมเหล่า นี้ รัฐบาลต้องปกป้องประชาชน และเอาผิดผู้กระทำความผิด แต่ถ้า หากรัฐปกป้องเอาผิดกับผู้กระทำ ผิด โดยไม่คำนึงถึงประชาชนส่วน ใหญ่จะเป็นกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง ตามหลักนิติธรรม นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะเสียงข้างน้อย กล่าวยํ้าอีก ครั้ง

ขณะที่นายเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อีกท่าน หนึ่ง ให้ความเห็นว่า หลักนิติธรรม ของหลักกฎหมายเกี่ยวกับข้อ สันนิษฐานความผิดทางอาญาของ ผู้บริสุทธิ์เป็นหลักกฎหมายวิธีการ พิจารณาตามหลักสากลที่หลาย ประเทศล้วนยึดถือ โดยใน ประเทศไทยก็รับเอามาใช้เป็นระยะ เวลาช้านาน ซึ่งมีปรากฏอยู่ใน รัฐธรรมนูญหลายฉบับ รวมทั้ง รัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 39 วรรค 2 ที่ระบุว่า.....ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหา หรือจำเลยไม่มีความผิด ซึ่งเป็น ส่วนหนึ่งของหลักนิติธรรม ทั้งนี้สำ หรับประเทศที่ ยึดหลักนิติธรรมและนิติรัฐก็ จะมีองค์ประกอบข้อนี้อยู่ด้วยเพื่อ เป็นหลักว่าด้วยการพิจารณาคดี อาญาจะต้องมีการสันนิษฐานก่อน ว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไมมี่ความผิด เมื่อมีการพิจารณาใช้กับ พระราชบัญญัติที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย คือ พ.ร.บ.ขายตรง และการ ตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 แต่ ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้อยคำที่บัญญัติ เอาไว้ในพ.ร.บ.ดังกล่าวนั้นเป็นการ ขัดกับหลักสันนิษฐานความเป็นผู้ บริสุทธิ์ของจำเลยหรือไม่

ในมาตรา 54 บัญญัติว่า กรณีที่ผู้กระทำผิดที่เป็นนิติบุคคล ให้กรรมการผู้จัดการ หรือบุคคลใด ที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของ นิติบุคคลนั้นต้องรับโทษตาม กฎหมายระบุไว้ด้วย เว้นเสียแต่จะ พิสูจน์ได้ว่า ไม่มีส่วนกระทำผิดของ นิติบุคคลนั้น ตรงนี้ที่บอกว่าให้กรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลใด รับผิดตามที่ กฎหมายระบุไว้ เสียงส่วนมากเห็น ว่า เป็นการขัดกับหลักนิติธรรม หากถามว่า กฎหมายที่บัญญัติเช่น นี้ ประเทศอื่นก็มีเช่นกัน ที่เห็น ชัดเจน ก็คือ ออสเตรเลีย ที่มี บทบัญญัติในลักษณะนี้ ฉะนั้นกรณีของไทย ถ้า เพียงแต่เพียงว่า กรณีที่ผู้กระทำ ผิดต้องรับโทษเป็นนิติบุคคล กรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดที่ รับผิดในการดำ เนินงานของ นิติบุคคลมีส่วนร่วมในการกระทำ ผิดต้องรับผิดด้วย เหตุผลนี้คงพอ ไปได้ แต่การที่สันนิษฐานไปก่อน ล่วงหน้านั้น เป็นการผลักภาระให้ จำเลยหรือผู้บริสุทธิ์ จึงเห็นว่าขัด ต่อหลักดังกล่าวแน่นอน ด้านนายกำชัย จงจักรพันธ์ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าในมาตรา 54 ของพ.ร.บ.ขายตรง และการตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ก็ควรจะ นำมาเป็นบรรทัดฐาน โดยจะต้อง มีการประกาศให้ประชาชนรับ ทราบ

แต่ในฐานะที่ตนเป็น กรรมการปฏิรูปกฎหมาย เห็นว่า กฎหมายกว่า 100 ฉบับ ที่อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับ พ.ร.บ.ขายตรง ฯ นั้น เป็น หน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะ ต้องไปแก้ไขให้สอดคล้องตามคำ วินิจฉัย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่ถ้า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สนใจ ดำเนินการแก้ไข ก็ควรจะต้อง พิจารณาตัวเองว่าสมควรที่จะอยู่ ต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ดี ในคำเสนอแนะ ท้ายคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรม นูญ ได้มีการระบุว่า กฎหมายที่ ควบคุมการประกอบอาชีพ-ธุรกิจ ภายใต้ระบบอนุมัติอนุญาตทุก ฉบับที่มีบทบัญญัติในลักษณะนี้ ....ในคดีที่ค้างคาอยู่และคดีที่ถึงที่ สุดไปแล้ว ซึ่งตัดสินความผิดตาม กฎหมายต่าง ๆ โดยอาศัยบท บัญญัติในลักษณะข้างต้น คงต้อง อาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรค 2 ยกเป็น ข้อต่อสู้ แต่ทั้งนี้ เนื่องจากศาล รัฐธรรมนูญยังมิได้มีคำวิจฉัยว่า มาตรา.....แห่งพ.ร.บ....ต่าง ๆ ที่ยก มาเป็นตัวอย่าง ขัดหรือแย้งกับ รัฐธรรมนูญ เป็นอันใช้บังคับไม่ได้ ณ วันนี้ คงต้องหาช่องทาง เสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211,245 (1),257 (2) หรือท้ายที่สุดมาตรา 212 เสียก่อน พร้อมเสนอให้ผู้ตรวจการ แผ่นดิน รวบรวมรายชื่อกฎหมาย และมาตราที่เกี่ยวข้อง มารวมเป็น คำร้องตามมาตรา 245 (1) เสนอ ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างจะ ได้ชัดเจนเสร็จสิ้นในคราวเดียว

ที่น่าสนใจ ก็คือ เมื่อคำร้อง ไปยังศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง คำ วินิจฉัยจะมีมติออกมา 5 ต่อ 4 เหมือนกับ พ.ร.บ.ขายตรงและการ ตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 หรือไม่ นี่คือสิ่งที่หลายฝ่ายกังวลกัน





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 345 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556




วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวยูซาน่า (Usana Thailand) : ยูซานา จับมือ ส.ส.ระวี กิ่งคำวงศ์ ตั้งโครงการ "สวัสดิการเพื่อการศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ระดับปริญญาตรี"







522024_334094826682740_1944176100_n (Mobile)


ขายตรงมาเเรง !!ยูซานา บริษัท ยูซานา เฮลธ์ ไซเอนซ์ (ประเทศไทย)จำกัด ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจศึกษาต่อระดับปริญญาตรี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้เข้าศึกษาต่อตั้งแต่วันนี้ถึง 29 พฤษภาคม 2556


ด้วยมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้รับความร่วมมือจากท่านระวี กิ่งคำวงศ์ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดมุกดาหาร และสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดมุกดาหาร) ที่ปรึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี องค์กรคริสตจักรร่วมนิมิต ร่วมกับ บริษัท ยูซานา เฮลธ์ ไซเอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาภาคปกติและภาคสมทบ ที่ต้องการศึกษาต่อ...ใน ระดับปริญญาตรี ในโครงการ สวัสดิการเพื่อการศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ระดับปริญญาตรี โดยมีรายละเอียดดังนี้


คุณสมบัติของผู้สมัคร
1. อายุไม่เกิน 35 ปี
2. จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6, ปวช. หรือ ปวส.


รายละเอียดของทุน
1. หอพักตลอดหลักสูตร 4 ปี ปีละประมาณฯ 15,000x4ปี = 60,000 บาท
2. น้ำประปา + ไฟฟ้าตลอดหลักสูตร 4 ปี ปีละประมาณฯ 5,000x4ปี = 20,000 บาท
3. ค่าอาหารตลอดหลักสูตร 4 ปี ปีละประมาณฯ 30,000x4ปี = 120,000 บาท
4. ตำราเรียน (หนังสือ+สมุด) ตลอดหลักสูตร 4 ปี ปีละประมาณฯ 5,000x4ปี = 20,000 บาท
นักศึกษาจะได้รับทุนการศึกษา : คน ปีละประมาณฯ 55,000xรวมตลอดหลักสูตร 4 ปีมูลค่ากว่า 220,000 บาท โดยทุนส่วนนี้ (ข้อ 1-4) ไม่ต้องชดใช้คืน
5. ค่าหน่วยกิต ค่าบำรุงการศึกษา ตลอดหลักสูตร 4 ปี *นักศึกษามีสิทธิ์กู้ยืมจากกองทุนกู้ ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ตามเกณฑ์ที่กองทุนกำหนด


เอกสารประกอบการสมัคร
1.ใบสมัคร
2.สำเนาทะเบียนบ้าน 2 ชุด
3.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 2 ชุด
4. สำเนาวุฒิการศึกษา 2 ชุด
5.รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว 2 รูป


รายละเอียดเพิ่มเติม
1.สามารถโอนย้ายหน่วยกิตจากมหาวิทยา ลัยอื่นได้
2.ไม่กำหนด GPA และเกรดเฉลี่ยต่างๆ
3.ไม่จำกัดคณะ สามารถเลือกได้ทุกคณะ
4.ผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ จะต้องทำการสอบวิชาเฉพาะต่างหาก


ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ทางเฟซบุ ค แฟนเพจ Usana Health Sciences (Thailand) Limited โดยสามารถสอบถามข้อมูลผ่านทางหน้าเฟซบุ ค แฟนเพจ หรืออินบ็อกซ์ข้อความ


อนึ่ง บริษัทยูซานา เฮลธ์ ไซเอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ โดยมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่ ซอลท์ เลค ซิตี้ รัฐยูท่าห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดจำหน่ายมาเป็นเวล่ 20 ปี จนได้รับความไว้วางใจจากสถาบันต่างๆ ในความมีประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ของเรา ยูซานา อินเตอร์เนชั่นเเนล อิงค์ ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรพย์นิวยอร์ค เเละได้รับการจัดอันดับอยู่ในลำดับ 3 จาก 100 บริษัทที่เติบโตสูงสุด เป็นบริษัทที่ได้รับรางวัลในระดับโลกมากมายโดยในปีล่าสุดได้รางวัลถึง 43 รางวัล รางวัลที่สำคัญ ได้เเก่ บริษัทผลิตอาหารเสริมที่ดีที่สุด รางวัลที่สุดเเห่งรัฐในด้านผลิตภัณฑ์เเละทีมวิจัยพัฒนา อีกทั้งได้รับการโหวตให้เป็นบริษัทที่ดีที่สุดอันดับเเรกที่ผู้เเทนจำหน่ายเลือกต่อเนื่องถึง 15 ปีซ้อน ผลิตภัณฑ์ยูซานาได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมเหรียญทอง 5 ดาว จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการเปรียบเทียบอาหารเสริมมจาก 1,500 ผลิตภัณฑ์ของอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยูซานายังมีรายชื่ออยู่ในสารานุกรมทางการเเพทย์เเละได้รับมาตรฐานของการผลิตยา ซึ่งเป็นที่น่าเชื่อถือด้านการมีมาตรฐานเเละมีคุณภาพสูง เเละยังได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก เช่น อเมริกา อังกฤษ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เป็นต้น

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวลาชูเล่(La Chul Cosmetics Thailand) : มหัศจรรย์ลาชูเล่...ยิ่งใช้...ยิ่งสวยใสกว่าวัยสาว







_MG_4271 (Mobile)


เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ลาชูเล่ คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรม Workshop ภายใต้ธีม Beauty Fantastic มหัศจรรย์ลาชูเล่...ยิ่งใช้...ยิ่งสวยใสกว่าวัยสาว ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากแขกผู้มีเกียรติและประชาชนเป็นจำนวนมาก ภายในงานมีการเผยเทคนิคการเตรียมผิวให้มีสุขภาพดี พร้อมสำหรับการแต่งหน้าจากกูรูความงามขั้นเทพ สัมผัสและทดลองใช้ Pico BB Cream นวัตกรรม บีบี ครีม ใหม่ล่าสุดจากลาชูเล่ ซึ่งมีคุณสมบัติซึมซาบสู่ผิวอย่างรวดเร็ว บำรุงและลดเลือนริ้วรอย ปกปิดเรียบเนียนไร้ที่ติ ปรับผิวกระจ่างใสทันทีตั้งแต่การใช้ครั้งแรก และยังเหมาะสำหรับการ Make-up ทุกสีผิว


ปิโก้ บีบี ครีม ผสาน 4 การบำรุงในหนึ่งเดียว


1. Skincare


2. Base


3. Foundation


4. Sunblock SPF 35 PA+++



"ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก ลาชูเล่ คอสเมติคส์ Pico BB Cream นวัตกรรมที่เหนือกว่ารังสรรค์เป็น บีบีครีม พลังแห่งการบำรุงผิวอย่างเเท้จริง"



[gallery ids="17220,17221,17222,17223,17224,17225,17226,17227,17231"]

ข่าวยูซาน่า (Usana Thailand) : ยูซานาสนับสนุนนักมวยไทย เจ้าขาว ถิรชัย กระทิงแดงยิมป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ







re_0860 (Mobile)


17 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา เจ้าขาว ถิรชัย กระทิงแดงยิม แชมป์ PABA รุ่นเวลเตอร์เวท 147 ปอนด์ และอันดับ 10 สมาคมมวยโลก WBA อีกหนึ่งนักกีฬาที่ได้รับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากยูซานา สามารถป้องกันแชมป์ได้อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นการป้องกันแชมป์ครั้งที่ 14 จากผู้ท้าชิงอดีตนักมวยสากลทีมชาติอุซเบกสิถาน "เบคฮ์โซด นาบิเยฟ" ในฐานะรองแชมป์อันดับ 3 แม้จะโดนหมัดจนร่วงไปนับในยก 6 แต่เจ้าขาวกลับลุกขึ้นมาโชว์ฟอร์มวาดลีลาครบ 12 ยกและสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในที่สุดด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ ต้องขอบคุณ ยูซานาอาหารเสริมระดับเหรียญทองห้าดาวจากอเมริกาที่ช่วยให้ร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์มขนาดนี้




.........................................................................................


หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลนี้ กรุณาติดต่อ


บริษัท ยูซานา เฮลธ์ ไซเอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด


PR: วิลาสิณี แปงพั๊วะ (ปอย)


โทรศัพท์: 02-674-4328 Fax: 02-674-4303


มือถือ: 089-089-7434 Email: Wilasinee.p@th.usana.com


ที่อยู่: 319 อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้นที่ 12 ยูนิต 1-4 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวันกรุงเทพมหานคร 10330 website : www.usana.com


ข่าวอาวียองซ์ (Aviance Thailand) : อาวียองซ์จัดสัมมนา Personal Development Seminar







ภาพข่าว (Mobile)

 


ลักขณา อังสาชน ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และขยายเครือข่ายธุรกิจ อาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เป็นประธานในงานสัมมนา Personal Development Seminar โดยมีผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์เข้าร่วมงานถึง 200 คน ที่มาร่วมปลุกความกล้า ฆ่าความกลัว ปลุกยักษ์ในตัว ลุยจนกว่าจะสำเร็จ ณ สวนนงนุช พัทยา จังหวัดชลบุรี



*************************************************


หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด


โทร.0-2619-0429 ถึง 30 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์


MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่ายออกาโน่ โกลด์ (Organo Gold ) กับ คุณชนิดา บูรณะบุตร




























555 (Mobile)









ด้านผู้นำหญ่ายยยอีกรายที่นาทีนี้ กำลังเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่าย ก็แหม คุณพี่ ชนิดา บูรณะบุตร หลังจากเปิดตัวว่า สวีท นิวโฮม คือ OG ออกาโน่ โกลด์ แล้ว ก็เล่นฟอร์มทีม แถมออกเอ็กเซอร์ไซส์ พลังดูด แบบดับเบิ้ลซูเปอร์พาวเวอร์ ทำเอา ขายตรงหลายเจ้าเช็กข่าวกันจ้าละหวั่น เพราะกลัวทีมงานตัวเองหวั่นไหว ย้ายไปอยู่ นิวโฮมกับเค้าด้วย แหม...ไม่ต้องหัวหมุนไป 4 สาว จะใบ้ให้คร่าวๆ ว่า ผู้นำที่เตรียมมา Join ทีมคุณพี่ชนิดา ก็คงมา จากขายตรง ซ, ม, อ เป็นต้นล่ะเจ้าค่ะ ส่วน ก ข ค ง จ ถึง ฮ นกฮูก อันไหนจะมาเพิ่มเติม ไว้ 4 สาว จะบอกใบ้ให้เป็นระยะๆ นะเจ้าคะ อิอิ




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.The Power Network ฉบับที่ 223 ประจำวันที่ 1-15 พฤษภาคม 2556