ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่ายออร์กาโน่ โกลด์ (Organo Gold )







Capture

 


 


 


 


 


 


 


 


ค่ายขายตรง “ออร์กาโน่ โกลด์” ภายใต้การบริหารงานของ “คุณศุภชาติ อังคสุวรรณศิริ” ก็สร้างปรากฎการณ์ “กาแฟเขย่าโลก” ได้อย่างน่าชื่นชม นักขายหลายค่ายแห่ซบมิใช่น้อยๆเพราะเข้ามาทำแล้วได้เงิน...ขนาด “ปู-ไมย” ปูชิตา สุขีวัฒนา และไมยสิทธิ์ สว่างธรรมรัตน์ นักธุรกิจเครือข่ายเลือดใหม่จาก “นักธุรกิจเครือข่ายเลือดใหม่จาก” “ค่ายซินเนอร์จี้” ยังตัดสินใจเข้าไปทำทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ใครจ่ะชวนไปไหนหนุ่ม-สาวคู่นี้ก็ไม่ยอมไป... “ปู-ไมย” ตัดสินใจไม่เดินตาม “พรภวิษย์ (ดนุ) วงศ์ประเสริฐ” อัพไลน์ใหญ่ที่ตัดสินใจไปร่วมชายคา “EPICE” กับ “ชัยวัฒน์ ชัยจินดาวัธน์” ลูกพี่เก่าแต่เลือกเดินตามอัพไลน์อินเตอร์ฯอย่าง “ชนิดา บูรณบุตร” แทนงานนี้คงต้องประลองกำลังกันหน่อย


 


 


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 233 ประจำวันที่ 16-31 ตุลาคม 2556


 

MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่าย ไอยรา แพลนเน็ต (Aiyara Planet) กับ ดร.โก้ กัมปนาท บุญราศี







Capture

 


 


 


 


 


 


 


อีกค่ายหนึ่งที่แรงดูดไม่ธรรมดานั่นคือค่าย “ไอยราแพลนเน็ต” ของ “ดร.โก้...กัมปนาท บุญราศี” ค่ายนี้เพิ่งเปิดมาได้ร่วม 20 เดือนแต่ความแรงนั้นต้องบอกว่า สยบทุกหย่อมหญ้า นักขายค่ายอื่นๆตัดสินใจลาออกมาร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมากมายเพราะเชื่อมือในการบริหาร แม้แต่สมาชิกระดับหัวกะทิของบริษัทขายตรงที่อยู่ในสมาคมเดียวกัน (TDSA) ยังขอลาออกมาอยู่ด้วยเลย...ร้อนแรงขนาดไหนลองคิดดูซิ! “ไอยราแพลนเน็ต”มีทีเด็ดเรื่องสินค้าและระบบการอบรมที่เข้มข้นแถมผู้บริหารทำงานเป็น รู้ระบบและเข้าใจสมาชิกเป็นอย่างดี ขณะที่สมาชิกทำงานเป็นระบบช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี...ใครเข้ามาอยู่ก็สบายใจ ซึ่งคำว่า “อยู่แล้วสบายใจ” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แม่ทีมส่วนใหญ่ต้องการกันเหลือเกิน !!!


 


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 233 ประจำวันที่ 16-31 ตุลาคม 2556

MLM Gossip (ล้วงลับคนเครือข่าย) : ซุบซิบ กับ คุณหมอเส็ง (Morseng)







Capture

 


 


 


 


 


 


 


 


เดินสายออกรายการทีวีมามากมายจนกลายเป็น “คู่ขวัญ” ที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “คุณหมอเส็ง ฉัตรชัย และ คุณเล็ก” นิภา แสงสุริยะฉัตร ที่เดี๋ยวนี้กลายเป็นดาราคิวทองฝังเพชรไปเรียบร้อยแล้ว...ซึ่งจากการสอบถาม “หมอเส็ง” ว่ารายการไหนที่ทำให้เกิดกระแส “หมอเส็งฟีเวอร์มากที่สุด” คำตอบ คือ “รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย” โดยเฉพาะช่วงเปิด “คลังสมบัติ 1,000 ล้าน” จนกลายเป็นกระแส ที่ฮือฮาที่สุดเพราะหลังจากที่ออกรายการไปผู้คนโทรกลับเข้ามาหาจนรับสายกันไม่ไหวเลยทีเดียว


“หมอเส็ง” ย้ำว่ารายการของวู้ดดี้เกิดกระแสที่ดีมากมาย 1.คือ สมาชิกหน้าใหม่สนใจเข้ามาทำธุรกิจกับหมอเส็งเป็นจำนวนมากมาย 2. สมาชิกเก่าร่ำรวยกันเป็นแถวเพราะสินค้าขายดีจนผลิตไม่ทันเลยจริงๆ 3. สินค้าแบรนด์หมอเส็งทุกๆตัวยอดขายเพิ่มพรวดเป็น 100 % ทำเอาโรงงานผลิตปั่นป่วนกันเลยทีเดียว และ 4. คุณวู้ดดี้สนใจที่จะให้คุณหมอเส็งผลิตสินค้าให้ 1 ตัวเพื่อทำการตลาดเองอีกต่างหาก...เวลานี้ใครที่หาที่ลงยังไม่เจอแนะนำว่า “อย่าลองผิดลองถูกอยู่เลย” ไปลุยธุรกิจกับหมอเส็งดีกว่าเพราะยืนหยัดในยุทธจักรมา 10 กว่าปีคนทำรวยกันถ้วนหน้า 10 ปีไม่เคยทำให้ใครผิดหวังเชื่อซิ !


 


 


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 233 ประจำวันที่ 16-31 ตุลาคม 2556

MLM Gossip (ล้วงลับคนธุรกิจเครือข่าย) ซุบซิบ ค่าย จอย แอนด์ คอยน์ (J&C) กับ ดร. สมชาย หัชลีฬหา







Capture

 


 


 


 


 


 


 


 


ปีนี้ได้ข่าวมาว่าร้อนแรงเกินห้ามใจเหลือเกินสำหรับค่ายขายตรง “จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น” ของบิ๊กบอส “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ขนาดจัดงานประกาศเกียรติคุณ “MDP AWARDS” ภาคกลางที่ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และภาคเหนือที่จังหวัดเชียงราย มีผู้ที่ประสบความสำเร็จและผู้เข้าร่วมงานล้นทะลักกันเลยทีเดียว สัญญาณเช่นนี้ฟันธงได้เลยว่า ปีนี้ยอดกระฉูดแน่ๆ ไม่เพียงเท่านั้นบิ๊กบอสสุดหล่อก็เพิ่งควงแขนภรรยาสุดสวย “ดร.กฤตภัค หัชลีฬหา” ไปทำพิธีลงเสาเอกวางฐานรากศูนย์บริการจอยมาร์ท ที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา บนพื้นที่ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วรับรองได้ว่าตลาดของ J&C ในถิ่นแดนใต้ ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่เติบโตสูงที่สุดของบริษัทคงจะเขย่าขวัญบรรดาบริษัทคู่แข่งขันทั้งหลายชนิดดุเดือดห้ามกระพริบตาอย่างแน่นอน


 


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 233 ประจำวันที่ 16-31 ตุลาคม 2556

ผ่ามุมมองนายกสมาคม TDIA ฝันอยากเห็นคนขายตรงคุยกัน







20080211_4 (Mobile)

 


นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA) เปิดเผยว่า มุมมองต่อธุรกิจขายตรงในประเทศไทยมองว่า ปัจจุบันขายตรงเริ่มอิ่มตัวในระดับหนึ่ง จากในอดีตที่คนยังไม่รู้จักว่าขายตรงคืออะไร ทุกวันนี้คนนอกจากมีความรู้แล้วยังมีทางเลือกและมากขึ้นอีกด้วย หากมองสัดส่วนของคนไทยที่อยู่ในระบบเอ็มแอลเอ็มกว่า 10 ล้านคน หรือคิดเป็น 10-20% ของคนไทยทั้งประเทศ ถือว่าธุรกิจขายตรงได้ครอบคลุมหมดแล้ว นอกจากนี้การขายตรงยังมีรูปแบบแตกต่างไปจากเดิมมาก แต่ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงมีมาจนถึงทุกวันนี้คือ การโมติเวท


"บ้านเราขายตรงเติบโตมายาวนานและเริ่มอิ่มตัวในระดับหนึ่ง ผมมองว่ามันถึงจุดที่คนเป็นมืออาชีพ ในการทำเอ็มแอลเอ็มจะย้ายที่ แล้วก็คนที่มองว่าเป็นผู้บริโภค กินแล้วดี คนที่จะเซอร์วิสคนกลุ่มนี้จะเยอะขึ้น ทุกวันนี้การเติบโตจะไม่ได้แข่งที่การตลาดอย่างเดียว แต่แข่งเรื่องเซอร์วิสและคุณภาพอื่นๆ และการแข่งทางการตลาดหรือการที่ไปโกยเงินตามบริษัทต่างๆ เป็นค่านิยมของคนกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้ชื่อเสียงในวงการจะเริ่มช้ำ ชื่อเสียในวงการจากนี้ไป ทีนี้ไปที่ไหนจะไม่มีใครเอา เอ็มแอลเอ็มจะคือ สิ่งที่ทุกคนศึกษามาแล้ว มุมมืดจะน้อยลง คนจะรู้ว่าขายตรงคือ การตลาดแนวทางหนึ่ง จริงๆ เหมือนเดิม เมื่อ 20 ปีก่อน การโมติเวชั่น อย่างทุกวันนี้ก็มี"


ทั้งนี้ หากมองที่แผนการตลาดในระบบขายตรงยังคงมี 2 แบบ คือ แบบจ่ายน้อยแต่จ่ายยาว กับอีกแบบคือ จ่ายมากแต่จ่ายสั้น อยู่ที่คนทำจะเลือกทำแบบไหน โดยปัจจุบันนี้ขายตรงมุมมืดจะน้อยลง คนจะรู้ทันมากขึ้น ทั้งนี้ในวงการขายตรงก็มีการเตือนภัยให้แก่กันและกัน ไม่เหมือนสมัยก่อนที่กว่าจะรู้ตัวก็เกิดความเสียหายมากมายอย่างที่เป็นข่าวมาแล้ว สำหรับสมาคมอุตสาหกรรมเอง มีการเตรียมทำสื่อเพื่อการเรียนรู้เรื่องธุรกิจขายตรงให้สอดคล้องกับยุคดิจิตอล ในรูปแบบวีดีโอมี


การ์ตูนประกอบ เผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทูบ ทั้งนี้ เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า


"เมื่อก่อนจะรู้ว่า บริษัทไนเป็นแชร์ลูกโซ่ ต้องมานั่งแถลงข่าว แต่ตอนนี้เราเริ่มเร็วขึ้น อย่างมีการพูดกันของคนในวงการ คนที่รู้จะไม่เข้าไป คนที่ไปคือบอกยี่ห้อพวกนี้เขาจะอยู่ได้ไม่นาน การเตือนภัยในฐานะที่ตนอยู่ในวงขายตรงคือ ทุกวันนี้คนฉลาดขึ้น คือถามเทคนิคมากขึ้น ช่วงนี้คนไทยเสพข่าวสาร โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ต คนไทยเล่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ตอนนี้ผมมองว่าไม่ค่อยกังวลใจพวกมันนี่เกมเท่าเมื่อก่อน"


ส่วนการรวมตัวกันของภาคธุรกิจขายตรง นายกฯ TDIA กล่าวว่า การรวมตัวอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรัดกุม และการตั้งสมาพันธ์เต็มรูปแบบคงเป็นไปได้ยาก แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าทุกคนสามารถเป็นเพื่อนกันได้ โดยเฉพาะทุกวันนี้ทัศนคติของคนที่อยู่ในวงการขายตรงมานานและเริ่มจะเปลี่ยนแปลงไป ส่วนสำคัญคือ คนที่ทำหน้าที่ประสานต้องมีผลประโยชน์ในวงการนี้น้อยที่สุด


"ผมเองอยู่ในสมาคมทั้งสองฝั่ง อย่างสมาคมเครื่องสำอางก็สามารถรวมเป็นสมาพันธ์ แต่ขายตรงค่อนข้างรวมกันยาก เพราะกลัวว่าจะเป็นคู่แข่ง ผมมีประสบการณ์อยู่ที่การปรับทัศนคติ ผมมองว่าการรวมเป็นสมาพันธ์เป็นไปได้ยาก แต่การเป็นเพื่อนไม่ยาก การประสานต้องมีผลประโยชน์ทางด้านนี้ให้น้อย ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าผมรวมได้ ไม่ต้องรวมกันเป็นสมาพันธ์ แต่คือการคุยกัน สมาพันธ์ทำแค่เอาสมาคมมานั่งคุยกัน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว" นายกฯ TDIA กล่าว


 


 


 


 


Credit By : http://www.ryt9.com/

อย.อุดช่องโหว่โฆษณาเวอร์ เล็งแก้ กม.เพิ่มโทษหนักธุรกิจขายตรง







2039554151_ประพนธ์ (Mobile)

 


ยุคใหม่ อย. เตรียมเอาจริงฟันผู้ประกอบการขายตรง โอ้อวดสรรพคุณ รักษาทุกโรค เล็งชง สภาผู้แทนราษฎรขอแก้กฎหมายเพิ่มโทษหนักบังคับใช้ทันที ขณะเดียวกัน เอกซเรย์สื่อเคเบิลทีวี-วิทยุท้องถิ่น โฆษณาเกินความจริง ขู่ฟ่อเตรียมล้างคุกรอ พร้อมประสาน กสทช.-ไอซีที บล็อกเว็บไซต์ที่เสนอสรรพคุณสินค้าเข้าข่ายโกหกชาวบ้าน ล่าสุด! ดีเอสไอ อุดช่องโหว่ผู้ประกอบการขี้ฉ้อดึงกลุ่มเสริมอาหาร-เครื่องมือแพทย์-ยา รับเป็นคดีพิเศษแล้ว


นายประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยถึงธุรกิจขายตรงในปัจจุบันนี้ว่า ในส่วนของประเด็นหลักๆ ที่มักจะพบในธุรกิจขายตรงก็ คือ ผู้บริโภคมักจะเคลม ในตัวคุณภาพสินค้าไม่ตรงตามประกาศนำเสนอ โฆษณาเกินจริง ในส่วนของ อย. ดูจากตัวผลิตภัณฑ์ที่ดูแลรับผิดชอบ จะมีอยู่ 3 ผลิตภัณฑ์ คือ 1.เครื่องสำอาง 2.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสุดท้ายเครื่องมือแพทย์ นอกจากนั้นที่นอกเหนือจากนี้ ตัวกฎหมายไม่อนุญาตให้ขายตรง เช่น ยา เครื่องมือแพทย์ กรณียาไม่อนุญาตให้ขายตรง กรณียาเสพติดให้โทษไม่อนุญาตให้ขายตรง


นายประพนธ์ กล่าวว่า ทั้ง 3 ประเภท หากพิจารณากันแล้วจะมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการเผยแพร่หรือโฆษณาจะต้องขออนุญาตเสียก่อน เพราะกรณีที่จะทำธุรกิจขายตรง โดยเฉพาะในเรื่องข้อความ โบชัวร์ หรือการทำเว็บไซต์จะต้องขออนุญาต โดยเฉพาะกรณีนี้จะเป็นพวกเสริมอาหารและเครื่องมือแพทย์ ขณะที่อีกกลุ่มไม่ต้องขออนุญาตในการโฆษณาก็คือ กลุ่มเครื่องสำอาง แต่ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการโอ้อวดสรรพคุณอันเป็นเท็จหรือทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อในด้านคุณประโยชน์ตรงนี้ไม่ได้ จะเป็นความผิด ดังนั้น จุดนี้จะเป็นในกลุ่มของเครื่องสำอาง


นายประพนธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่โฆษณาไม่ได้รับการอนุญาต ส่วนใหญ่จะมีโทษปรับ ตั้งแต่ 5 พันบาท ถึง 1 หมื่นบาท แล้วแต่ผลิตภัณฑ์ กรณีเสริมอาหารประมาณ 5 พันบาท เครื่องมือแพทย์ ประมาณ 1 หมื่นบาท ต้องยอมรับว่า กฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันนี้ ถือว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่รุนแรงมากนัก


อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทาง อย. มีความพยายามแก้กฎหมายพระราชบัญญัติเพิ่มในตัวของค่าปรับ ทั้งด้านอาหารและเครื่องมือแพทย์ ขณะเดียวกัน หากเป็นกรณีที่เป็นโฆษณาอันเป็นเท็จ หลอกลวง ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในเรื่องของสาระ สรรพคุณหรือแหล่งกำเนิด ตรงนี้จะมีโทษอาญาทันที


"กรณีเป็นเท็จมันไม่มีสรรพคุณใช้อย่างนี้ แล้วไปอ้างอิงจนเกินความจริง ซึ่งมันใช้ได้แค่นี้ ตรงนี้โทษจำคุก กรณีอาหาร กรณีเป็นเท็จโอ้อวด สรรพคุณ คุณภาพประโยชน์ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มันจะต้องแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ คือ ในเรื่องของลงโทษผู้กระทำความผิด จะอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ว่าจะลงโทษขนาดไหน แต่อัตราโทษกำหนดไว้อยู่ แต่กรณีเครื่องมือแพทย์จะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งจะจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท"


นายประพนธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ อย. เราขอปรับแก้ไขตัวบทลงโทษให้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตัวร่างพระราชบัญญัติ ก็คือในอนาคตบทลงโทษจะมีความเข้มข้น แรงขึ้น กรณีร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง ขณะนี้ได้ผ่านชั้นกระทรวงสาธารณะสุขไปแล้ว และกำลังอยู่ในกฤษฎีกา ซึ่งขณะนี้ก็ได้เสร็จเรียบร้อยทั้งหมด ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของ อย. เพื่อให้ยืนยันในตัวร่างดังกล่าวนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยถ้าเห็นตามนั้น อย. ถึงจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และจะส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎร เป็นลำดับขั้นตอนต่อไป


นายประพนธ์ ยังกล่าวยอมรับว่า ช่วงหลังในเรื่องของการโฆษณา โดยเฉพาะในสื่อเคเบิลทีวีและสื่อวิทยุท้องถิ่น ขณะนี้ถือว่าได้กระทำออกนอกลู่นอกทางเป็นจำนวนมาก และมีการโฆษณาเกินความจริง โดยเฉพาะตัวกฎหมายที่ปรับในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีความรุนแรง กรณีเครื่องมือแพทย์ โฆษณาเป็นเท็จ ขณะนี้จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท ส่วนอาหาร จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเราจะต้องปรับกฎหมายให้ทันสถานการณ์ และมีหลายบริษัทหลายผลิตภัณฑ์ยอมเสียค่าปรับ เนื่องจากมองว่า ในอนาคตการโฆษณาดังกล่าวจะได้เงินคุ้มค่ามากกว่าการจ่ายค่าปรับให้กับหน่วยงานภาครัฐ


"ผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายจะเป็นพวกเสริมอาหาร บรรเทารักษาโรค ต้องยอมรับว่า ขณะนี้เคเบิลทีวีเกือบทุกช่อง คือ ถ้าได้รับเลขที่ อย.เมื่อไหร่ ตรงนั้นมันคืออาหาร ไม่ใช่ยา ได้เลขที่สิบหลัก อย.แล้วจะมาแสดงอ้างสรรพคุณ บำบัดไม่ได้ โดยปกติตัวผลิตภัณฑ์ยา เวลาให้สรรพคุณไม่มีการให้คลอบถึงจักรวาลขนาดนั้น ไม่ใช่ป้องกันรักษาโรคได้ทุกโรค และถ้าเกิดเป็นยา เขาให้แค่เพียงเฉพาะโรคเพียงเท่านั้น" นายประพนธ์ กล่าว


นายประพนธ์ กล่าวถึงมาตรการในการเข้าไปดำเนินการกับกลุ่มผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ ว่าในส่วนของการดำเนินการ ขณะนี้เราก็ร่วมมือกับ กสทช. เพราะต้องเข้าใจบทบาท โดยเฉพาะในเรื่องของการขออนุญาตการเผยแพร่คลื่นความถี่ ก็คือตัว กสทช. เราได้ร่วมมือกันดูแลทีวี วิทยุท้องถิ่นและจะร่วมมือกับหน่วยงานของกระทรวงไอซีที ที่ดูแลในเรื่องของเว็บไซต์ให้พิจารณาในการบล็อกเว็บไซต์ที่มีการฝ่าฝืน รวมทั้งร่วมมือกับตำรวจปราบปรามผู้กระทำความผิด การตั้งขึ้นมาที่จะดูแลคดีความคุ้มครองผู้บริโภค ฉะนั้น หน้างานจะรับผิดชอบงานของอาหารและยากับ สคบ.


 


 


 


 


Credit By : http://www.ryt9.com

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ข่าวนีโอไลฟ์ (Neo Life) : ความสำเร็จบนเส้นทาง “นีโอ ไลฟ์ฯ” ของ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ “ดาบตำรวจ ดำรง ภิรมย์ภู่”







307816_102753899881199_1213935844_n (Mobile)

 


จากอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจเครือข่ายกับครอบครัวนีโอไลฟ์ ที่นี่!! ได้เปลี่ยนชีวิตตำรวจชั้นผู้น้อยคนหนึ่งให้โลดแล่นบนเส้นทางสายเกียรติยศและศักดิ์ศรี ที่ให้ทั้งโอกาสและอิสรภาพทางการเงิน ช่วยเติมเต็มชีวิตอย่างแท้จริง


นี่คือเสี้ยวหนึ่งของความสำเร็จที่ “ดาบตำรวจ ดำรง ภิรมย์ภู่” ยังมุ่งมั่นในอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่คอยพิทักษ์ความยุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างแข็งขัน แต่อีกบทบาทหนึ่งเขาคือนักธุรกิจเครือข่ายระดับแนวหน้าของบริษัท นีโอไลฟ์ฯ ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม


“ก่อนเจอธุรกิจแห่งโอกาสนีโอไลฟ์ฯ ผมก็เหมือนข้าราชการไทยชั้นผู้น้อยทั่วไป ที่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะรายรับมันมักไม่พอกับร่ายจ่าย ทำให้เวลาออกเวรแล้วก็ต้องมาช่วยทางบ้านทำงานค้าขายด้วยเพราะที่บ้านเปิดร้านขายของชำ และบางวันก็ต้องนำสินค้าออกไปเร่ขายตามตลาดนัด ชีวิตจึงเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ขณะเดียวกันฐานะความเป็นอยู่ก็เพียงแค่พออยู่พอกินไปวันๆ จนเมื่อได้มีโอกาสรู้จักกับบริษัทนีโอไลฟ์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจขายตรงระดับแนวหน้าของเมืองไทย ผมจึงเริ่มมองเห็นโอกาสและเริ่มต้นอาชีพเสริมเป็นนักธุรกิจเครือข่าย แต่อาชีพตำรวจเราก็ยังคงไม่ทิ้ง เพราะเป็นอาชีพที่เรารัก”


นั่นคือเหตุผลที่ ดาบตำรวจดำรง เลือกที่จะรับราชการตำรวจควบคู่ไปกับการเป็นนักธุรกิจเครือข่าย ของบริษัทนีโอไลฟ์ฯ และด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำให้วันนี้ชีวิตชีวาข้าราชการชั้นผู้น้อยคนนี้สามารถก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งประธานฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ในที่สุด


“ถือว่าเป็นความโชคดี ที่ผมได้รับโอกาสจากนีโอไลฟ์ ทำให้ชีวิจผมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จากเงินเดือนข้าราชการชั้นผู้น้อยที่น้อยนิด ปัจจุบันมีบ้าน มีรถเบนซ์ 2 คัน มีรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน แล้วยังมีโอกาสท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย ถ้าเทียบกับอาชีพข้าราชการ คงจะไม่ได้รับโอกาสแบบนี้อย่างแน่นอน แต่ก็ยังรักอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่ และยังอยากที่จะทำงานเพื่อสังคมด้วยทำให้ยังยึดอาชีพตำรวจอยู่ สำหรับก้าวต่อไปกับธุรกิจนีโอไลฟ์ฯ ส่วนตัวอย่างแบ่งปันและส่งมอบโอกาสและความสำเร็จไปสู่คนไทยทุกคน นี่คือ เป้าหมายความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นและเราต้องทำให้ได้”


นอกจากความสำเร็จด้านอิสรภาพทางการเงินที่นีโอไลฟ์ฯ มอบให้แล้ว สิ่งที่ดาบตำรวจ ดำรง ได้รับด้วยนั้น คือโอกาสในการพัฒนาตนเองที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในวันนี้ให้ดีขึ้นตามไปด้วย


“ที่นีโอไลฟ์ฯสอนให้เรารู้จักพัฒนาด้านระบบการคิด ทำให้เรามีวิสัยทัศน์ก้าวไกลมากขึ้น มองได้กว้างและรอบด้านขึ้น การร่วมงานในบ้านนีโอไลฟ์ฯจึงทำให้เรามีสังคมกว้างขึ้นไปด้วย ผมจึงอยากจะฝากภึงคนที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องของธุรกิจขายตรง หรือมีภาพที่มองขายตรงในแง่ลบ และอาจจะมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่าธุรกิจขายตรงนั้นมีขายตรงแบบชั้นเดียวและหลายชั้น สำหรับนีโอไลฟ์ฯ เป็นธุรกิจขายตรงแบบหลายระดับชั้น ที่มีระบบในการช่วยพัฒนาทั้งเรื่องของแนวคิดและการกระทำ ทำให้ทุกคนที่เข้ามาสู่ระบบไม่ว่าจะมีความรู้หรือไม่มีความรู้มาก่อน มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ทุกคน อยากให้ลองเปิดใจและเข้ามาทำความรู้จักกับนีโอไลฟ์ฯ ดูแล้ว คุณจะรู้ว่า นีโอไลฟ์ฯ เป็นธุรกิจขายตรงเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย ให้คนไทยได้มีอาชีพธุรกิจเป็นของตนเองแบบง่ายๆโดยไม่เสี่ยงต่อการลงทุนและขาดทุน ที่สำคัญคือทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้จริง” ดาบตำรวจ ดำรง ภิรมย์ภู่ กล่าวฝากทิ้งท้าย


 


 


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 233 ประจำวันที่ 16-31 ตุลาคม 2556


 

“ลองเดอเซ่” จับเทรนด์ E-Commerce รุกตลาดขายตรงออนไลน์







Smart-interview1 (Mobile)

 


ปัจจุบัน เทคโนโลยี และอุปกรณ์สื่อสาร ได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิตไปแล้ว โดยเฉพาะกระแสความนิยมในโซเชียล มีเดีย ที่สามารถเข้าถุงกลุ่มผู้บริโภคได้ทุกที่ทุกเวลานั้น ยิ่งทำให้การส่งต่อข้อมูลข่าวสารเป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงเล็งเห็นถึงโอกาสในการนำเทคโนโลยีสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ หรือจะเรียกว่า การค้าขายผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (E-Commerce) นั่นเอง


และเมื่อพูดถึงเทรนด์ความสวยความงามยุคปัจจุบัน กระแสความสวยใส ก็กำลังฮิตมากในกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเวลาอันรวดเร็ว


สำหรับ บริษัท ลองเดอเซ่ จำกัด (Longderse)แม้จะเพิ่งประกาศเปิดตัวต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ทว่าในธุรกิจขายตรงแบบออนไลน์แล้ว หลายคนต่างคุ้นเคยและ รู้จักบริษัท


ลองเดอเซ่ เป็นอย่างดีแล้ว ผ่านหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เช่น ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก


มี ชิลวิ่ง (Me Shielving),ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม มี เลิฟ (Me Love)เป็นต้น จึงไม่เเปลกใจเลยที่จะเห็นน้องๆ วัยรุ่นยุคใหม่ ต่างก้าวเดินเข้าสู่รอบรั้วลองเดอเซ่ ธุรกิจเครือข่ายขายตรงแบบออนไลน์กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน


นายธัชกร นาราปิติพร ประธานกรรมการบริษัท ลองเดอเซ่ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ลองเดอเซ่ จำกัด เปิดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ปีนี้ก้าวเข้าสู่ขวบปีที่ 5 แล้ว และวันนี้บริษัทถือว่าประสบความสำเร็จแล้วในด้านผลประกอบการ ซึ่งตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการมา มียอดขายอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาตลอด และคาดว่าในอนาคตจะมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 250 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกกว่า 40,000 รหัส และสมาชิกทุกคนที่ทำอยู่ล้วนประสบความสำเร็จ มีรายได้ที่มั่นคง และมีความสุขในการดำเนินชีวิต


“ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนหรือผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยงาม ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผู้บริโภคมีความต้องการมากที่สุดในโลก ดังนั้นบริษัทจึงเน้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ โดยแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์ของบริษัทออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.Weight Care กลุ่มควบคุมน้ำหนัก 2.Health Care กลุ่มสุขภาพ และ 3.Beauty Skin Care กลุ่มความสวยงาม สำหรับปีนี้ธุรกิจเกี่ยวกับเทรนด์ความสวยงามมาแรงมาก โดยเฉพาะ ผิวขาว กระจ่างใส ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นขณะนี้ บริษัทจึงได้เสริมทัพกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมด้านความสวยงาม (Beauty Skin Care)โดยเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน ตรา มีเลิฟ (Me Love)ที่เน้นกินง่ายโดยคงคอนเซ็ปต์ คือ ฉีก เท กิน เพื่อ เจาะกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะ”


ด้วยวิสัยทัศน์อันยาวไกลของผู้บริหารลองเดอเซ่ นี้เอง ที่สั่งสมประสบการณ์ทั้งในเง่ของการทำธุรกิจเครือข่าย การบริหารทีมงาน จึงเข้าใจปัญหาของสมาชิกทุกคนเป็นอย่างดี และต้องการเห็นทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงได้นำเทคโนโลยีสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างอินเทอร์เน็ตมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อช่วยสร้างโอกาสในการขยายตลาด สร้างช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมากได้ง่ายและสะดวกขึ้น ทำให้บริษัท ลองเดอเซ่ เป็นบริษัทขายตรงแบบอคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ระบบออนไลน์สมบูรณ์แบบแห่งแรกในประเทศไทย ที่รองรับการทำตลาดด้วยระบบ Online Real time Management System เช่น การสมัครสมาชิกใหม่ การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ตรวจสอบทีมงาน บริหารทีมงานผ่านระบบออนไลน์ได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง


อิทธิพลของสื่อออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ตคือแหล่งข้อมูลข่าวสาร และหนึ่งในข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นด้านราคา รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขายหรือผู้ผลิตสินค้านั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกในการที่จะซื้อสินค้ากันมากขึ้น เช่น การเข้าไปเลือกซื้อจากในเว็บไซต์ มีการเข้าไปเปรียบเทียบราคาราคาสินค้าก่อนจะซื้อ หากจะกล่าวว่า “ข่าวสาร” คืออำนาจ ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคก็ได้รับการติดอาวุธอย่างใหม่ที่มีอำนาจมากพอจะต่อรองกับผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าได้ผลดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง


“ที่ลองเดอเซ่เราเป็นมากกว่าธุรกิจเครือข่าย เพราะเราพัฒนาผู้ร่วมธุรกิจให้เป็นเครือข่ายผู้บริโภคอย่างแท้จริง เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงไปพร้อมๆกัน โดยมีการำแผนการจ่ายผลตอบแทนมาปรับให้เป็นแบบที่ยุติธรรมต่อนักธุรกิจที่สุด


นอกจากความโดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์แล้ว ลองเดอเซ่ ยังสร้างความต่างในการขยายฐานตลาด ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย อาทิเช่น 1.ราคาจำหน่ายที่สมเหตุสมผลสามารถแข่งขันได้ในตลาด 2.ชื่อผลิตภัณฑ์ที่อ่านง่าย แต่ฟังแล้วดูมีความหมาย 3.แพ็คเกจสินค้า ดูเรียบง่ายแต่ดึงดูดสายตา และ 4. เทคโนโลยีในการผลิต ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้กินแล้วเห็นผลในเวลาอันสั้น” ผู้บริหารลองเดอเซ่ กล่าว


ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญถที่ทำให้นักธุรกิจของลองเดอเซ่ประสบความสำเร็จนั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้จำนวนมากต่างประทับใจและบอกต่อๆกันไป มีระบบ The First Power ซึ่งเป็นระบบที่คอยช่วยสอนงานทุกอย่าง จากคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ในธุรกิจนี้ นอกจากนี้ลองเดอเซ่ยังคำนึงถึงความง่ายในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ โดยเป็นเจ้าแรกที่สามารถคีย์ออเดอร์ออนไลน์ได้ จึงเป็นธุรกิจที่สามารถะทำงานผ่านระบบออนไลน์ หรือ E-commerce ได้ง่ายๆและในอนาคตสามารถสั่งซื้อสินค้าและจ่ายเงินที่ 7 Eleven หรือจ่ายผ่านบัตรเครดิต Online ได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกทุกคน


 


 


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 233 ประจำวันที่ 16-31 ตุลาคม 2556

“เกรทเทส กู๊ดส์” ขายตรงน้องใหม่มาแรง ประเดิมเป้าสิ้นปี 100 ล. ปี’57 ขอฟัน 500 ล.







563039_159231900895262_1093284773_n (Mobile)

 


ด้วยกระแสธุรกิจขายตรงที่มาแรงและมองเป็นอาชีพที่สวยงาม ประกอบด้วยใจรัก หลังจากที่ได้เข้ามาสัมผัสธุรกิจโดยตรงทำให้ “ธนาณัชชา รัตนากรพิศ” จากอดีตผู้นำคนเก่งฝีมือดีที่ได้เก็บเกี่ยวความรู้ประสบการณ์ขายตรงมานาน วันนี้เธอได้เข้าสู่บริบทชีวิตใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในการมอบโอกาสทางธุรกิจให้กับทุกคน ในฐานะประธานผู้ก่อตั้ง “บริษัทเกรทเทส กู๊ดส์ จำกัด” โดยมีเป้าหมายใหญ่เพื่อประกาศให้รู้ว่า “เกรทเทส กู๊ดส์” เป็นบริษัทขายตรงของจริง ที่ครบถ้วนด้วยทุกองค์ประกอบทางธุรกิจอย่างลงตัวอันสอดรับกับสโลแกนบริษัท “เพื่อคุณ เพื่อเรา เพื่อความสำเร็จร่วมกันตลอดไป”


แต่ทว่า!! กว่าจะมายืนบนแท่นบริหารใหญ่ครั้งนี้ “ธนาณัชชา” ได้ย้อนอดีตชีวิตว่าหลังเรียนจบปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย ก็กลับมาทำงานที่เมืองไทยด้านการเงิน ธนาคารจากนั้นก็เบนเข็มอาชีพเพื่อสานต่อความมั่นคงของชีวิตด้วยการทำธุรกิจส่วนตัวมากมายและขณะเดียวกันก็ได้สัมผัสกับธุรกิจขายตรงนานกว่า 3 ปี แม้ว่าช่วงแรกหัวใจไม่เปิดรับมากนัก แต่ด้วยจุดเด่นทางธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิต ได้ทั้งหมด จึงทำให้ความรู้สึกหลอมละลายและเปลี่ยนทัศนะมุมมองใหม่พร้อมตั้งใจศึกษาธุรกิจทันทีจนกระทั่งเกิดเป็นภาพบวกและภายใต้แนวทางการทำงานที่เธอได้ยึดมั่นบนทางสายกลางมา สุดท้ายได้ตลกผลึกทางความคิดและเป็นที่มาของบริษัทขายตรงน้องใหม่ “บริษัทเกรทเทส กู๊ดส์ จำกัด” อย่างยิ่งใหญ่ในเวลานี้ !!


“หลังจากลาออกจากบริษัทเดิมก็พยายามมองหาบริษัทขายตรงดีๆ ทำต่อแต่ไม่มีบริษัทใดสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกองค์ประกอบ หรือหากเป็นบรษิทขายตรงต่างประเทศที่เข้ามาเปิดในไทยบางครั้งก็สะดุดกับกระบวนการทำงานหลายอย่างทำให้ได้ตัดสินใจเปิดบริษัทของตนเองเพื่อต้องการเป็นต้นแบบของบริษัทขายตรงน้ำดีที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดไป” ธนาณัชชา กล่าว


จากแนวทางการบริหารที่ “ธนาณัชชา” ยึดมั่นในการเดินทางสายกลางแล้ว โปรดักส์หรือตัวสินค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งและจุดเด่นของไลน์สินค้าเกรทเทส กู๊ดส์ นั้นจะเน้นสินค้านวัตกรรมมีความโดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ใช้แล้วเห็นผลทันที ที่สำคัญทุกรายการเชื่อมั่นว่าจะตอบสนองด้านสุขภาพได้รวดเร็ว


ปัจจุบันบริษัท มีสินค้าจำหน่าย ทั้งหมด 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มอาหารเสริมดูแลสุขภาพ เฉพาะกลุ่ม-หญิง เช่น M one, G Nee, Natto LL, Lutein, Hiso Gold Coffee 2.กลุ่มของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น Berry Whitening Cleansing Foam, Silky BB Cream, Colla Honey Gold Soap, Maxy White Perfect และ 3.กลุ่มสินค้าเกษตร G-Life รวมทั้งสิ้น 17 รายการ โดยมีจุดเด่นตรงที่ทุกรายการเป็นสินค้านวัตกรรม และบางรายการนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น Natto ll ดูแลหัวใจหลอดเลือดและ Lutein สารอาหารบำรุงสายตาจากประเทศญี่ปุ่นหรือหากเป็นสินค้าที่ผลิตในไทย บริษัทก็จะคัดสรรส่วนผสมวัตถุดิบในการผลิตที่ดีที่สุดจากทุกมุมโลก เช่น การนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสและสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อตอบสนองด้านสุขภาพที่ดี ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริงที่สำคัญราคายุติธรรมใกล้เคียงกับท้องตลาดทั่วไปจึงทำให้ผู้บริโคตัดสินใจซื้อได้เร็วยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ ประธานบริษัท เกรทเทส กู๊ดส์ ยังได้ตอกย้ำจุดแข็งธุรกิจ ด้านแผนการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนภายใต้แผนไบนารี่ ที่เน้นความยั่งยืน สามารถเกษียณตัวเองได้ ซึ่งทำให้เชื่อมั่นว่าธุรกิจขายตรงเกรทเทส กู๊ดส์ จะสรรสร้างชีวิตใหม่ให้กับทุกคนได้ และเชื่อว่าแผนจ่ายผลตอบแทนที่ยุติธรรมนี้จะผลักดันให้สมาชิกประสบความสำเร็จกลายเป็นมนุษย์เงินล้านได้อย่างรวดเร็ว และจากจุดแข็งทางธุรกิจนี้บริษัทเชื่อว่าจะนำพาสู่เป้าหมายยอดขายสิ้นปีนี้ 100 ล้านบาท ตลอดจนเป้าหมายปีหน้าหรือในปีร 2557 ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 500 ล้านบาท


“เพื่อผลักดันให้ถึงเป้าหมายยอดขายสิ้นปี 100 ล้านบาท กลยุทธ์การตลาดโค้งสุดท้ายปีนี้บริษัทได้เตรียมรองรับการให้บริการ ด้วยการให้ความสำคัญในส่วนของการเปิดศูนย์สต็อคคิดส์ ที่คาดหวังว่าสื้นปีจะเปิดให้ครบ 100 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงการปั้นผู้นำคุณภาพให้เกิดขึ้นด้วยระบบเทรนนิ่งที่เข้มข้น ที่สำคัญบริษัทอัดฉีดโปรโมรชั่นอย่างเต็มกำลังกับทริปท่องเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า ถัดไปปีหน้าสู่ทริป ท่องเที่ยวเดนปลาดิบประเทศญี่ปุ่น ที่เวลานี้สมาชิกตั้งใจทำงานอย่างมากเพื่อพิชิตทริปสุดหรูนี้”


อีกทั้งเพื่อรองรับการทำงานที่เพิ่มขึ้น บริษัทได้เตรียมขยายอาณาจักรส่วนของศูนย์สาขาเพิ่มอีกหนึ่งแห่งที่โคราช และปีหน้ามองทำเลทองภาคใต้อีกหนึ่งแห่ง


ปัจจุบัน “เกรทเทส กู๊ดส์” มีฐานสมาชิกอยู่ที่ 8,000 รหัส มียอดแอคทีฟ 20-30 % โดยมีตลาดหลักอยู่ทางภาคอีสาน รองลงมาภาคใต้ ภาคกลาง ตามลำดับ ด้านตลาดต่างประเทศเวลานี้ได้นำร่องเปิดตลาดด้วยตัวผู้นำเองทั้งที่ประเทศพม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี


พร้อมกันนี้ ประธานผู้ก่อตั้งเกรทเทส กู๊ดส์ กล่าวทิ้งท้ายมองธุรกิจขายตรงว่าขณะนี้บริษัทขายตรงเกิดขึ้นมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้บางบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ หรือที่ปิดตัวอย่างรวดเร็วนั้นเกิดขึ้นจากเป้าหมายบริหารงานที่ต่างกัน หรือหากมองในอีกแง่มุมแม้ว่า ผู้ประกอบการจะมีความตั้งใจจริงในการทำธุรกิจแต่หากบริษัทขาดองค์ประกอบที่ถือเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ อันได้แก่ 1. สินค้าดีใช้แล้วเห็นผล 2.แผนธุรกิจยุติธรรมมีรายได้เร็วและยั่งยืน 3. ระบบการเรียนรู้มีคุณภาพ และที่สำคัญผู้บรฺหารบริษัทจะต้องเข้าใจธุรกิจเครือข่ายอย่างรู้จริง โดยองค์ประกอบที่กล่าวมาข้างต้นนั้น บริษัทขายตรง “เกรทเทส กู๊ดส์” มีทั้งหมด เพื่อมอบโอกาสความสำเร็จให้กับทุกคนที่เข้ามาที่นี่ โดยปัจจุบันบริษัทตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองซอยลาดพร้าว 71 เดินทางสะดวกรองรับการทำงานด้วยระบบไอทีที่ทันสมัย มีห้องเทรนนิ่งทั้งห้องประชุมใหญ่และเล็กรองรับสมาชิกได้ 300 คน


 


 


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 233 ประจำวันที่ 16-31 ตุลาคม 2556

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ข่าวไทยเฮลท์ (Thai Health) : ก.ม.ต้องเอาผิดโจรให้ทัน







6134law_books (Mobile)

 


ยิ่งฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรงมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าจุดอ่อนของกฎหมายขายตรงที่ใช้อยู่ จะผุดออกมาให้เห็นได้ชัดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขกฎหมาย ขายตรงอย่างจริงจัง เพราะยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งทำให้การยกระดับวงการทำได้ยากขึ้น


นายไตรรัตน์ ธีรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเฮลท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในเรื่องกฎหมายขายตรงว่า กฎหมายขายตรงในฉบับปัจจุบัน หากมีการ ศึกษาและปรับแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยใหม่จะเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่การปรับปรุงแก้ไขนั้น จะต้องไปดูว่ามีผลกระทบ ต่อภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย และ ผู้บริโภคอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่าจะแก้ไขแล้วจะไปเอื้อประโยชน์ต่อ บริษัทใดบริษัทหนึ่งไม่ได้ เนื่องจากจะมีการร้องเรียนตามมาจากบริษัทที่เสียประโยชน์


ปัจจุบันมีวีธีการมากมายหลายอย่างที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาทำธุรกิจขายตรงโดยไม่รู้ตัว ทั้งโดยสมัครใจ และโดนหลอก ให้ทำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากมีกติกาควบคุมที่เหมาะสม ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น คือ ควบคุมให้ทั่วถึงและยุติธรรม เชื่อว่าปัญหาต่างๆ ในธุรกิจขายตรงจะค่อยๆ หมดไปเอง และทำให้ธุรกิจเครือข่ายดูมีความน่าเชื่อถือ มีภาพลักษณ์ ที่ดี ไม่ดูน่ากลัวอีกต่อไป


"ไตรรัตน์" กล่าวต่อว่า อีกไม่กี่ปี การเปิดตลาดการค้า เสรีอาเซียนก็เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยที่มีบริษัทขายตรง เป็นจำนวนมาก รัฐบาลต้องรีบ ออกกฎหมายที่ควบคุม รองรับตรงจุดนี้อย่างเร่งด่วน เพราะหาก ช้าเกินไปจะไม่ทันการณ์ โดยหากตลาดอาเซียนเริ่มขึ้นเมื่อไร จะ มีคนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจที่ประเทศเยอะมาก และในจำนวนประชากรไทย 60 ล้านกว่าคน มีคนทำอาชีพเครือข่ายประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งถือว่าเยอะมากทีเดียว


ที่สำคัญอาชีพขายตรงสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยหลายแสนล้านบาท ซึ่งยังช่วยในเรื่องของคนที่ ตกงานให้มีอาชีพ สามารถทำเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริมได้ แต่ที่คนส่วนใหญ่กลัว เกิดจากกลุ่มคนที่คิดแต่จะเอาประโยชน์ หลอกลวงให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเข้ามาลงทุน จากนั้นก็ปิดบริษัทและหนีหายไป ซึ่งจะไปตามจับตัวมาดำเนินคดีก็ยาก กว่าจะ แจ้งความดำเนินคดีได้ต้องใช้เวลานาน ทำให้ผู้เสียหายหมดตัว เงินทองก็เรียกร้องคืนมาไม่ได้ โดยควรมีมาตรการรองรับ หรือ กฎหมายที่จัดการได้ทันท่วงที มีสถานที่ให้เรียกร้องค่าเสียหาย หรือร้องเรียนแก้ไขให้ผู้ที่เดือดร้อนจากการถูกตกเป็นเหยื่อโดยเร็วที่สุด


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ธุรกิจเครือข่าย... เทรนด์แห่งอนาคต







onlinecommunity (Mobile)

 


เป็นที่น่าจับตามองว่าคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ต่างก็ปรารถนาที่จะมีธุรกิจเป็นของตนเอง ทั้งกลุ่มคนชาย-หญิงที่มี งานประจำอยู่แล้ว แม่บ้าน นักศึกษา หรือแม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในวัยปลดเกษียณไปแล้วก็ตาม คนเหล่านี้ต่างมีความฝันแต่ ก็มีอีกหลายคนที่ไม่สามารถก้าวไปสู่ฝั่งฝันได้ อาจจะเป็นเพราะด้วยเหตุผลทางด้านการเงิน การสนับสนุน หรือไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่คุณทราบไหมคะว่า ยังมีอีกธุรกิจ หนึ่งที่สามารถตอบสนองความฝันของคนเหล่านี้ได้ ด้วยโอกาสที่ไร้ขีดจำกัด แถมยังไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย มีเครื่องมือสนับสนุนการทำธุรกิจครบครัน และที่สำคัญยังสร้าง ความมั่นคงทางด้านรายได้อีกด้วย ซึ่งนั่นก็คือธุรกิจขายตรงหรือธุรกิจเครือข่ายนั่นเอง


และเพราะโอกาสที่สามารถทำให้คนกลายเป็นเจ้าของ ธุรกิจและสร้างรายได้ได้อย่างมั่นคงนี่เอง ที่ทำให้ธุรกิจเครือ ข่ายกลายเป็นกระแสที่มาแรงในปัจจุบัน และถือเป็นเทรนด์ ตลาดโลกในขณะนี้ เทรนด์ทางด้านอาชีพที่เปี่ยมไปด้วยอิสรภาพ ให้ความมั่นคง และยังได้เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ องค์กรหรือแบรนด์ชั้นนำอีกด้วย และด้วยแนวโน้มกระแสโลกที่มาแรงพร้อมกับประโยชน์มากมายที่จะได้รับจากธุรกิจขายตรงเช่นนี้เอง ทำให้ธุรกิจนี้ก้าวสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง และตอบโจทย์ทุกกลุ่มคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ


อีกทั้งยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ที่โลกพัฒนาสู่ยุคดิจิตอล ซึ่งเป็นตัวเสริมให้การสร้างธุรกิจเครือข่ายเป็นไปได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และรวดเร็วขึ้น เป็นเครื่องมือที่ขยายพลังการแบ่งปัน และการบอกต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงคนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว


แต่ก็ยังคงความเป็นธุรกิจที่ผสานได้อย่างกลมกลืนกับกลุ่มคนรุ่นเก่าหรือผู้สูงวัย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มักจะเป็นผู้อยู่ในวัยเกษียณ ที่ยังมีความกระตือรือร้นในการทำงานและ ต้องการมีสังคม รวมทั้งกลุ่มแม่บ้านที่สามารถนำธุรกิจขายตรง ไปเป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ สามารถ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แถมยังได้เพื่อน ได้สังคม มีวิสัยทัศน์ มากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งกลุ่มคนที่มีงานประจำ ธุรกิจขายตรง ยังช่วยเสริมรายได้ ช่วยให้พ้นจากปัญหาด้านการเงินที่อาจเกิด ขึ้นในบางครั้ง และสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา


และที่สำคัญเทรนด์อาชีพแห่งอนาคตนี้ยังสร้างกระแส ไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่หรือที่เราเรียกกันว่าเจนวาย เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เมื่อเรียนจบมา ส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่การทำธุรกิจ ของตนเอง เพราะต้องการความยืดหยุ่นและอิสระในแบบที่งานประจำไม่สามารถทำได้ ธุรกิจเครือข่ายจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และยิ่งมีคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือ ข่ายมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมธุรกิจนี้มาก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ


นอกจากนี้ เทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันก็ยังเอื้อประโยชน์ต่อองค์กรหรือแบรนด์ขายตรงอีกด้วย โดยเฉพาะ เทรนด์สุขภาพและความงามที่อยู่ในกระแสอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ก็นำเสนอสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ เทรนด์ผู้บริโภคอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์ ความงามต่างๆ เช่น เมกอัพ สกินแคร์ เป็นต้น เท่ากับว่ายังมีฐานผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากรอเป็นลูกค้าอยู่ และเหนือกว่าตรงที่ยังได้รับสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษต่างๆ ส่วน ลดจากการซื้อสินค้า ที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการดึงดูดความ สนใจให้เปลี่ยนตัวเองจากการเป็นลูกค้าเข้าสู่การเป็นนักธุรกิจ อย่างเต็มตัว


เมื่อเทรนด์ของธุรกิจขายตรงหรือเครือข่ายนี้มาแรง อย่างต่อเนื่อง และด้วยคุณสมบัติที่เป็นที่ยอมรับในเชิงกว้าง จึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่าเหตุใดคนที่ได้เข้ามาสู่ธุรกิจนี้จึงเห็นว่าเป็นธุรกิจที่สามารถสานฝันให้เป็นจริง ทำได้อย่างยั่งยืน และสามารถสร้างพลังให้เกิดขึ้นในตัวนักธุรกิจ เหล่านี้อย่างมหาศาล และก้าวไปสู่ความสำเร็จและความสุขระยะยาวอย่างแท้จริง


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

"รมิตา" เกาะกระแส AEC เล็งหาช่องปักธง "พม่า-มาเลย์"







602267_495978117175853_1930029660_n (Mobile)

 


"รมิตา" อวดความพร้อมลุยปักธงประเทศอาเซียน ชี้ขยายไปแล้ว 2 ประเทศ คือ ลาว และกัมพูชา พร้อมเผยเตรียมเดินหน้าเจาะตลาดพม่า มั่นใจเมืองหม่องทำเลทองของคนขายตรง วางระบบรหัสเดียวสร้างเครือข่ายได้ทั่วโลก ฟุ้งตั้งเป้ายอดขายสิ้นปี 56 ฝันโกย 500 ล้านบาท


นายใจกล้า กาดำดวน รองประธาน บริษัท รมิตา เฮลธ์แอนด์บิวตี้ จำกัด ได้กล่าวว่า บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านธุรกิจเครือข่ายเอาไว้ โดยในเบื้องต้นได้มีการศึกษาตลาดและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดเอาไว้ทุกด้าน โดยอีกไม่นานการเปิดตลาด ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเริ่มขึ้นในปี 2558


ก่อนหน้านี้บริษัทได้ออกไปเจาะตลาด 2 ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สปป.ลาว และกัมพูชา ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก อาทิ สปป.ลาว มีสมาชิกที่ประสบความสำเร็จมีรายได้กันเป็นจำนวนมาก ส่งให้ยอด ขายในประเทศดังกล่าวเติบโตแบบก้าวกระโดด และตอนนี้ได้ขยาย เข้าไปเปิดสาขาที่ลาว และเวียดนาม โดยประเทศไทยบริษัทได้เปิด ไปแล้ว 20 สาขา รองลงมา ลาว 11 สาขา และเวียดนาม 2 สาขา ส่วนที่พม่าและมาเลเซีย กำลังมีการเจรจาเพื่อจะเปิดสาขาให้ได้ ต่อไป


ใจกล้า กล่าวต่อว่า การทำตลาดต่างประเทศในแถบอาเซียน พบว่า ประเทศ พม่ามีโอกาสในการเติบโตมากที่สุด นั่นเพราะมีเหตุและปัจจัยเอื้ออำนวยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของคนพม่าที่อยาก เปิดโลกทัศน์ของตนเองให้ทันยุคสมัย พร้อมทั้งวิธีการต่างๆ ที่มีนักลงทุนต่างชาติเข้าไป ทำธุรกิจในประเทศ ช่วยกันกระตุ้นให้มีการ บริโภคตลอดทั้งปีต่อเนื่อง


"พม่า คือทำเลทองของคนขายตรงเลยก็ว่าได้ อย่าง รมิตา เองได้เตรียมความ พร้อมต่างๆ แล้ว ก็รุกที่พม่าเป็นเป้าหมายหลักในปีนี้ โดยบริษัทมีลูกค้าที่มาจากอิน-เตอร์เน็ตเป็นหลัก แน่นอนว่ามีผู้นำเข้าไปทำ ตลาดและทั้งนี้บริษัทต้องทำทุกอย่างตามกฎระเบียบของประเทศที่กำหนดไว้"


บริษัทได้วางยุทธศาสตร์ที่จะเปิดสาขา ในภูมิภาคอาเซียนให้สำเร็จออกไปในระยะยาว แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีความพร้อมอย่างยิ่งในด้านของเงินทุนที่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนี้ ประเทศต่างมีความเข้มงวดมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสของบริษัทไทยที่จะเข้า ไปตลาดอาเซียนมากขึ้น อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ได้เข้าไปดูงานที่บริษัทในประเทศมาเลเซีย ซึ่งที่นั่นมีผู้คนที่อยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เยอะมาก ได้เข้าทำธุรกิจกับ บ.รมิตา อาจเป็นเพราะบริษัทเริ่มมีสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกอย่างได้มากขึ้น


อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ทุกประเทศในแถบอาเซียน จะต้องทำยอดให้ได้ถึง 500 ล้านบาท โดยสมาชิกในปัจจุบันมี 2 แสนรหัส และได้ใช้แผนการตลาดแบบ one world one code เพื่อให้ทุกท่านสามารถทำธุรกิจให้สามารถประสบ ความสำเร็จอย่างเท่าเทียมกัน


ขณะเดียวกันบริษัทยังสนับสนุนให้มีการจัดประชุมให้กับผู้นำตามพื้นที่ต่างๆ โดย บริษัทมีการให้ยืมสินค้าออกไปก่อน เพื่อให้สมาชิกทำงานง่ายขึ้น รวมถึงการจัดโปรโมชั่น พิเศษให้กับผู้นำ นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัว สินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วย กระตุ้นยอดขาย ซึ่งในปีนี้บริษัทได้มีการเปิด ตัวสินค้าใหม่เพิ่มอีกหลายรายการ เช่น กลุ่ม ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาหารเสริม พืชชนิดน้ำสูตรนาโน, น้ำหอมสำหรับผู้ชาย และผู้หญิงและอีกกลุ่มเป็นกลุ่มอาหารเสริม ที่เป็นไบโอเทคโนโลยี ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี


อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงสำหรับธุรกิจขายตรงในประเทศไทยสำหรับ ปีนี้นั้น คงเป็นเรื่องของธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือ มันนี่เกมที่ปัจจุบันมักจะมีอะไรแปลกๆ ออก มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังมีผู้บริโภคบางคนยัง แยกแยะไม่ออกว่าอันไหนคือธุรกิจขายตรง หรือมันนี่เกม ดังนั้น อยากให้ภาครัฐเข้ามา ดูแล และเร่งปราบปรามบริษัทหลอกลวงเหล่านี้ให้หมดไป เพราะหากปล่อยนานเกิน ไปอาจจะส่งผลกระทบกับภาพรวมธุรกิจขายตรงได้








 

 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ข่าวไอยรา แพลนเน็ต (Aiyara Planet) : มองไปที่เป้าหมาย แล้วเดินต่อไป "ธนัฎฐา ไชยวงศ์วัฒน์" นักธุรกิจตำแหน่ง "โกลด์สตาร์" สังกัด "บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด"







aiyara (Mobile)

 


"Key to Success" ยังคงเดินหน้านำเรื่องราว ชีวิต ทั้งก่อน และปัจจุบันในการทำธุรกิจเครือข่าย อาชีพที่สามารถเปลี่ยนชีวิตให้กับผู้คนมากมาย ครั้งนี้ เราขอนำทุกท่าน ไปพบและรู้จักกับเรื่องราวชีวิตของ "ธนัฎฐา ไชยวงศ์วัฒน์" หรือ บี นักธุรกิจสาวสวย ตำแหน่ง "โกลด์สตาร์" สังกัด "บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด"


โดยนับตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ "ธนัฎฐา" ก็ได้ออกมาทำธุรกิจสปา ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในเรื่อง การทำสปา ซึ่งเธอถือเป็นผู้ที่หลงใหลในการทำสปาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ พอเรียนจบก็ได้ยึดอาชีพนี้มากว่า 10 ปี โดย ฐานะที่บ้านจัดเป็นครอบครัวที่มีฐานะ


นอกจากนี้ คุณบียังมีความสามารถ ในการทำงานด้านสื่อมวลชน โดยสัมภาษณ์บุคคลสำคัญในวงการต่างๆ ลงแม็กกาซีน พร้อมกับได้เขียนบทความ ซึ่งล่าสุด เพิ่งออกพ็อกเกตบุ๊กวางจำหน่ายตามร้านหนังสือ ต่างๆ อีกด้วยและจุดเปลี่ยนอะไร....ที่ทำ ให้เธอผู้นี้เข้ามาสู่การทำธุรกิจ MLM


สาเหตุอะไร...ดึงเข้ามาทำธุรกิจขายตรง


"เกิดจากมีปัญหาสุขภาพหลายอย่าง อย่างโรคหอบหืดถือว่าเป็นมาแต่เด็ก แล้ว พอทำงานทุกวันไม่ค่อยมีเวลาออก-กำลังกายและพักผ่อน ทำให้มีโรคอย่างอื่น ตามมาอีก คือ โรคกรดไหลย้อน ช่วงนั้นรู้สึกเบื่อมาก เพราะต้องคอยทานยาที่หมอ ให้มากินอยู่ตลอด จะทำอะไร หรือกินอะไร ก็ต้องคอยระวัง ทำให้ตอนนั้นเริ่มมองหาอะไรสักอย่างที่กินแล้วสุขภาพดีขึ้น อย่าง น้อยไม่ได้ช่วยให้หาย แต่ขอให้ร่างกายแข็งแรงกว่าแต่ก่อนก็พอ จนมีคนแนะนำให้มาลองทานผลิตภัณฑ์ที่ บ.ไอยรา แรกๆ ก็ไม่คิดว่าจะหาย แต่ทานไปเรื่อยๆ แล้วดีขึ้น จึงทำให้ทานต่อเนื่องและเข้ามาทำธุรกิจขายตรงในที่สุด"


ปกติชอบธุรกิจ MLM หรือเปล่า... ทำไมถึงได้เลือกที่จะทำ


"เรียกว่าแต่ก่อนไม่ชอบธุรกิจขายตรงเอามากๆ เลย มีเพื่อนและหลายคนมา ชักชวนเยอะ แต่ก็ได้ปฏิเสธมาตลอด เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่พอ ได้เข้าเรียนรู้จริงๆ ทำให้ทัศนคติเดิมๆ หาย ไปเลย และเชื่อว่าหากเข้าใจธุรกิจขายตรง จริงๆ จะทำให้รู้ว่าธุรกิจนี้สวยงามขนาดไหน และการที่เลือกทำกับ บ.ไอรยา เพราะ ชอบแผนการตลาด ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม สามารถตอบโจทย์ชีวิตของตนได้ อีกทั้งวิสัยทัศน์ของประธานบริษัททำให้เกิดความ เชื่อมั่นและอยากจะประสบความสำเร็จเติบโตไปด้วย"


เจออุปสรรคปัญหา แก้ไขรับมืออย่างไร


"ช่วงแรกๆ ที่เข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย ก็ได้เจอการปฏิเสธของคนมากมาย ทำให้เวลานั้น ท้อแท้จนไม่อยากจะทำไปเลย เพราะได้ตั้งความหวังไว้สูงกับคนที่ได้ ไปชักชวน แต่พอกลับมามองที่เป้าหมายและทีมงานที่ได้พาเขามาสู่ธุรกิจนี้ ทำให้ตนจะท้อไม่ได้ และเกิดเป็นพลังให้ต้องเดิน ไปสู่ความสำเร็จ คือจะทิ้งทีมงานที่มีความ เชื่อมั่นในตัวเราไม่ได้ ก็จึงอยากฝากทุกคน ที่ท้อแท้ ควรมองที่เป้าหมายเอาไว้แล้วเดิน ไปให้ถึง"


ทำ MLM มากี่ปี...ชีวิตเปลี่ยนแค่ไหน วางเป้าหมายอย่างไร


"ถือว่าไม่นานเลย ตั้งแต่เข้ามาทำธุรกิจกับ บ.ไอรยา ตอนนี้ก็ 1 ปีเศษๆ แต่ แอ็กทีฟจริงจังประมาณ 4 -5 เดือนเท่านั้น อยู่ตำแหน่งโกลด์สตาร์ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 1 แสนบาท และรายได้สะสมต่อปี กว่า 1 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 8 ของ บริษัท ส่วนเป้าหมายนั้น ได้ตั้งใจว่าสิ้นปีนี้จะพยายามสร้างทีมงานให้มีรายได้แตะแสนบาทอย่างต่ำ 30 คนขึ้นไป พร้อมกับผลักดันให้เป็นมนุษย์เงินล้านต่อไป"


มีเทคนิคอะไร...ฝากถึงคนที่ทำธุรกิจ เครือข่ายบ้าง


"อันดับแรกคนที่จะประสบความสำเร็จ ต้องปรับทัศนคติกับขายตรงเสียใหม่ก่อน และเปิดใจมาเรียนรู้จริงๆ เพราะ อาชีพนี้ทำเป็นงานหลัก และงานเสริมได้ดีทีเดียว ส่วนจะไปทำกับบริษัทขายตรงที่ไหน ก็ต้องดูความมั่นคงของบริษัทนั้นด้วย อย่างที่ บ.ไอรยา ตอนนี้ก็กำลังเติบโต อย่างรวดเร็ว มีสิ่งที่ตอบโจทย์ได้มากมาย ก็อยากให้ลองมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง และตั้งแต่ตนเข้ามาสัมผัสธุรกิจขายตรง ทำให้ เข้าใจคำว่า ให้ มากขึ้น ซึ่งมีความสุขทุกครั้งที่ได้แบ่งปันโอกาสให้กับคนที่อยากจะมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น"


เส้นทางสู่ความสำเร็จของ "ธนัฎฐา ไชยวงศ์วัฒน์" นักธุรกิจสาวสวยจาก บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด จะเป็น "กุญแจสู่ความสำเร็จ" ให้กับใคร บ้างอยู่ที่คนคนนั้นจะสามารถนำไปปลุกใจตัวเอง พร้อมประยุกต์ใช้กับชีวิต จริงของแต่ละท่านมากมายแค่ไหน


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ข่าวกิฟฟารีน (Giffarine Thailand) : "กิฟฟารีน" ดิ้นสู้ ศก.ซบ อัดงบ 50 ล้านปลุกตลาดโค้งสุดท้าย







1380034_168681776662059_1690058306_n (Mobile)

 


พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากยอดขายในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า "กิฟฟารีน" ยังมียอดขายที่น้อยกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้ คือ เติบโตเพียง 6% จากที่มีการตั้งเป้าในแต่ละปีว่าบริษัท จะต้องทำรายได้ให้ถึง 10% ในทุกปี


"ในส่วนของเป้าหมายการเติบโต 10% ที่บริษัทตั้งเป้าในทุกปี จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวบวกกับผลพวงจากกำลังซื้อที่ลดลง รวมถึงเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในเวลานี้ ก็อาจ ส่งผลกระทบต่อบริษัทไม่น้อย ซึ่งอาจทำให้การเติบโตของบริษัท ต้องคลาดเคลื่อน การเติบโตอาจลดลงมาที่ 5-7%"


"จากยอดขายที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องหวังพึ่งยอดขายใน ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี โดยล่าสุดบริษัทก็ได้จัดการลงทุนเพิ่มอีก ประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อทำการประชาสัมพันธ์และสร้างการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งสินค้าที่นำมาประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่สินค้าใหม่ของบริษัท แต่เป็นสินค้าที่อยู่ในความนิยม ซึ่งบริษัท จะได้ทำการกระตุ้นยอดขายต่อไป" พ.ญ.นลินี กล่าว


อย่างไรก็ดี ในปีนี้ทาง "กิฟฟารีน" ได้ทุ่มงบการตลาด เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทพยายาม สร้างโฆษณาเพื่อกระตุ้นภาพของบริษัท ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์ และ ในส่วนของการเพิ่มจำนวนนักธุรกิจอิสระของ "กิฟฟารีน" ซึ่งหากรวมงบทุกอย่างในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์แบรนด์ การจ่ายโบนัสนักธุรกิจ บริษัทคาดว่า งบในปีนี้ อาจทะลุไปถึง 300 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าในปีที่ผ่านมาถึง 15%


เศรษฐกิจพ่นพิษ! ทำยอดขาย "กิฟฟารีน" ครึ่งปีแรกโตไม่ ถึง 10% เดินหน้าอัดงบการตลาด อีก 50 ล้านบาท หวังปลุกตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้าย ดึง "เจมส์ มาร์" กระตุ้นสินค้ากลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ "กิฟฟารีน อีสเลส" รุก เจาะ Gen Y เผยปีนี้งบตลาดมีสิทธิ์แตะ 300 ล้านบาท มาก กว่าปีก่อนถึง 15% ด้านตลาด AEC ย้ำชัดไม่หวั่น เรื่องการแข่งขัน แต่ยอมรับตอนนี้เจอภาษีอาเซียนแพงระยับ


นอกจากนี้ ดังที่กล่าวมาว่า "กิฟฟารีน" พยายามที่จะผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าคือ 6.5 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาสสุดท้าย นอกจากการประชาสัมพันธ์ แบรนด์แล้ว บริษัทยังต้องการเดินหน้าเรื่อง การจัดทำโปรโมชั่นสนับสนุนการขาย พร้อมด้วยการจัดประชุมนักธุรกิจในทุกสัปดาห์ เพื่อกระตุ้นสมาชิก


โดยในส่วนของสมาชิก ปัจจุบัน "กิฟฟารีน" มีสมาชิกที่อยู่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่ม Gen Y ที่ 25% จากเดิมเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน ที่บริษัทมีสมาชิกกลุ่ม นี้เพียง 10% ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการตอบรับของผู้บริโภค เพราะบริษัทพยายามสร้างการ รับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งกำลังได้รับความนิยม


เกี่ยวกับเรื่องนี้ "พ.ญ.นลินี" กล่าวว่า "ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจตัวเอง และ มองหาเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ พบได้จากเทรนด์การดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกิฟฟารีนมีจุดแข็งที่มีโรงงาน ผลิตเป็นของตัวเอง จึงได้มีการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา และล่าสุด โรงงานของเราได้รับการรับรองระบบ OHSAS 18001:2007 จากบริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งรับรองมาตรฐานด้านระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย"


ที่ผ่านมาเราสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทยด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพหลากหลาย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในบ้านทั่วไป ผลิตภัณฑ์ส่งเสริมคุณภาพ ชีวิต และผลิตภัณฑ์อาหารรวมทั้งหมดกว่า 2,000 รายการ ที่สามารถเข้าไปเติมเต็มชีวิต ประจำวันของสมาชิกผู้บริโภคกว่า 6.5 ล้านรหัส ปัจจุบันกิฟฟารีนมียอดจำหน่ายตลอด ระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจรวมกว่า 57,000 ล้านบาท โดยมีศูนย์ธุรกิจตั้งอยู่ในประเทศไทยรวม 113 สาขา และต่างประเทศ มากกว่า 30 สาขา พร้อมทั้งมีบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ


ดังนั้น เราจึงพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ "กิฟฟารีน อีสเลส" เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์การรับประทานที่เปลี่ยนไปของคนในปัจจุบัน ด้วยส่วนประกอบสำคัญของไฮดรอกซี ซิตริก แอซิด (Hydroxy citric acid) หรือ HCA-SX สารสำคัญที่มีอยู่ในพืช ผัก ผลไม้ ชนิดต่างๆ ที่เป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ใส่ใจตัวเอง


ด้านนายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เผยว่า "สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ กิฟฟารีน อีสเลส เรา ได้ทุ่มงบประมาณถึง 50 ล้านบาท เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ นักธุรกิจ กิฟฟารีน คนรุ่นใหม่ คนทำงานทั่วไปที่มีไลฟ์ สไตล์ทันสมัย และใส่ใจสุขภาพ โดยมีพรีเซ็นเตอร์หนุ่มหล่อผู้ใส่ใจสุขภาพและบุคลิกภาพ เจมส์ มาร์ ผ่านภาพยนตร์โฆษณา เรื่อง "อร่อยแบบเจมส์ มาร์" ภายใต้แนวคิดที่ว่า กิฟาฟารีน อีสเลส เป็นตัวช่วย ให้ทุกคนมีความสุขได้โดยไม่ต้องฝืนใจตัวเอง ผ่านเครื่องมือทางการตลาดแบบครบวงจร ทั้ง Above the line และ Below the line พร้อมทั้งยังใช้แผน "ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง" โดยได้ปล่อยคลิปวิดีโอสั้น 4 เรื่องทางออนไลน์ พร้อมต่อยอดด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ในรูปแบบของเกมออนไลน์ เพื่อประชาสัมพันธ์ ผลิตภัณพ์กิฟฟารีน อีสเลส และพรีเซ็นเตอร์ ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ และมีไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยอีกด้วย"


โดยเหตุที่บริษัทเลือก "เจมส์ มาร์" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ในช่วงปลายปี เนื่องจากบริษัทต้องการดาราที่อยู่ในความนิยมของคนรุ่นใหม่ รวมถึงคน อีกหลายช่วงอายุก็ชอบและชื่นชม "เจมส์ มาร์" อีกทั้งตัวดาราผู้นี้ยังมีอุปนิสัยการทาน ที่เหมาะกับสินค้าที่บริษัทต้องการนำมาชูคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์


อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในส่วนของตลาดต่างประเทศนั้น กิฟฟารีนได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยัง 33 ประเทศทั่วโลก ทั้งในส่วนของธุรกิจขายตรงและการส่งผลิตภัณฑประเภทสปาออกจำหน่าย โดยปัจจุบัน บริษัท มีแผนขยายตลาดออกสู่ประเทศในประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ได้แก่ ประเทศเมียนมาร์, มาเลเซีย, กัมพูชา, สปป.ลาว และมีแผนที่จะเปิดในประเทศอินโดเซียในปีถัดไป โดยคาดว่าในเดือน ม.ค.ปี 57 จะสามารถเปิดที่ประเทศอินโดนีเซียได้อย่างเป็นทางการ


นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายไปที่ประเทศดูไบ ซึ่ง "กิฟฟารีน" ได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 2 สาขาในดูไบแล้ว ส่วนรูปแบบ ของธุรกิจนั้นในประเทศต่างๆ บริษัทจะขยาย ธุรกิจในรูปแบบของค้าปลีก ส่วนประเทศที่ อยู่ในแถบอาเซียน "กิฟฟารีน" จะพยายาม ขายไปในรูปแบบ MLM


ทั้งนี้ การขยายตลาดในกลุ่มประเทศ อาเซียน เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC บริษัทไม่ได้ห่วงในเรื่องของตลาด แต่เป็นเรื่องภาษีของ หลายประเทศที่ค่อนข้างแพง ทำให้การขยายออกไปต้องประสบปัญหาในเรื่องนี้พอสมควร


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ข่าวนีโอไลฟ์ (Neo Life) : "นีโอไลฟ์" โหมรุกโค้งสุดท้าย เพิ่มไลน์สินค้า/พลิกแผนตลาดเพิ่มรายได้ทวีคูณ







DSC_0024_resize (Mobile)

 


"นีโอไลฟ์" เร่งเครื่องเต็มสูบ! ช่วงไตรมาสสุดท้าย ปรับแผนตลาดเพิ่มรายได้แบบทวีคูณ พร้อมให้ประกันชีวิต คุ้มครองกว่า 1 แสนบาท หวังผลักดันการซื้อซ้ำของสมาชิก หนุนคะแนนนำไปคิดในผังองค์กรแบบทวีคูณ ตอกย้ำพันธกิจ "เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่า" พร้อมเตรียมเพิ่มไลน์สินค้าอีกหลายรายการ


ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า เดิมทีทางบริษัทมีแผนการตลาดที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ทางบริษัทยังไม่หยุดคิด จึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนำเทคนิคใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน ให้สมาชิกทำงานได้ง่ายและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วมากขึ้น


"เราจึงมีการเปิดแผนการคิดรายได้แบบทวีคูณขึ้นมา นอกเหนือจะเป็นการส่งเสริมให้สมาชิก มีประกันชีวิตทุกคนแล้วยังมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว สมาชิกของนีโอไลฟ์สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการรายได้ทวีคูณ โดยเสียค่าสมัครเพียง 200 บาท ทางบริษัทยังมอบประกันชีวิตวงเงิน 120,000 บาท ให้เป็นเวลานาน 1 ปี ถือเป็นสวัสดิการที่ทางบริษัทมอบให้กับสมาชิกที่ร่วมโครงการ" หัวเรือ นีโอไลฟ์ เผย


ต่อไปสมาชิกของนีโอไลฟ์ จะมีรายได้ 2 ทาง นี่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้สมาชิกของนีโอไลฟ์ ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนและมั่นคง เพียงแต่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการทวีคูณ เชิญสมาชิกให้ทำการซื้อสินค้าซ้ำระหว่างเดือน โดยทางบริษัทจะนำเอาคะแนน ไปคิดในผังองค์กรแบบทวีคูณ ทำให้สมาชิกมีรายได้ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว


ดร.นพรุจ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันโลก ได้หมุนอย่างรวดเร็ว ทำให้คนส่วนใหญ่อยาก เป็นเจ้าของกิจการ แต่บางท่านก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้เนื่องจากติดขัดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน ประสบการณ์ สินค้า และ สถานที่ ทำให้หลายคนยอมจำนนต่อชีวิต


"แต่ในวันนี้ นีโอไลฟ์ เปิดโอกาสให้คนธรรมดาสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ ให้ ทุกคนสามารถเป็นตัวแทนธุรกิจในการนำสินค้าไปสู่ผู้คนผ่านระบบขายตรงหลายชั้น ซึ่งเมื่อก่อนหลายคนคิดว่านี่คือความฝัน แต่ทีมผู้บริหารของเรา พร้อมที่จะนำพาทุกท่าน สู่ฝันที่เป็นจริง เราจึงเปิดบริษัท นีโอไลฟ์ ขึ้นมา และมอบโอกาสให้กับทุกท่านประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง เรามีสินค้าที่ดีมีคุณภาพมากมาย และในเร็วๆ นี้ จะมีการเพิ่ม ไลน์สินค้าเข้ามาอีกหลายรายการ นีโอไลฟ์ เป็นบริษัทที่เน้นในเรื่องคุณภาพของสินค้า แต่เราจำหน่ายในราคาไม่แพง ด้วยแผนการ ตลาดของเราผนวกกับสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ทำให้ นีโอไลฟ์ เป็นบริษัทที่มีสมาชิกประสบความสำเร็จเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ"


ทางบริษัทมีการนำเข้าสินค้าจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย ล่าสุดก็มีการนำสินค้าผลิตภัณฑ์สกินแคร์จากสหรัฐอเมริกาเข้ามาจำหน่ายในระบบคือ ซันแม็กซ์ ส่วนสินค้าอุปโภค บริโภค ต่างๆ ก็มีผลิตภัณฑ์กาแฟ ยาสีฟัน แชมพูสปา ซึ่งสินค้าในทุกกลุ่มของ นีโอไลฟ์ นั้น ได้รับความนิยมจากสมาชิกอย่างล้นหลาม


แผนการตลาดของนีโอไลฟ์ ใช้แผนไบนารี่ ซึ่งถือเป็นแผนการตลาดยุคใหม่ของขายตรงที่ทำให้นักธุรกิจทำงานได้ง่ายกว่าในอดีตที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางบริษัทเป็นบริษัทไบนารี่อันดับหนึ่งของขายตรงไทยในปัจจุบัน นอกจากนี้ ทางบริษัทได้มีการขยายสาขาไปแล้วกว่า 70 จังหวัดทั่วประเทศ ที่พร้อมจะหยิบยื่นความสำเร็จให้กับพี่น้องชาวไทยในทุกพื้นที่


"นอกเหนือจากสาขาในประเทศไทยแล้ว เรายังมีการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ จีน โดยในช่วงปลายปีนี้เราจะไปเปิดสาขาในประเทศพม่า อย่างแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอทางบริษัทยังเปิดศูนย์นีโอไลฟ์ สปาช็อป เซ็นเตอร์ เพื่อให้สมาชิกของเราได้ใช้บริการ อย่างทั่วถึงปัจจุบันทางนีโอไลฟ์ ได้ยกระดับ เปิดศูนย์ออนไลน์ประจำอำเภอ ส่งผลให้การทำงานของสมาชิกสะดวกสบายมากกว่า ในอดีตที่ผ่านมา"


ประธานกรรมการบริหาร นีโอไลฟ์ กล่าวว่า ทางบริษัทได้ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยมีการออกบัตรเงินสดให้กับสมาชิกของนีโอไลฟ์ ส่งผลให้นักธุรกิจของบริษัทสามารถทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น เท่านั้น ยังไม่พอ ไทยพาณิชย์ยังมีการออกบัตร Exclusive Neo Life โดยสมาชิกที่มีบัตรนี้ อยู่สามารถใช้บัตรนี้ซื้อสินค้าจากทุกสาขา


"นี่ถือเป็นการร่วมมือที่ดีมากระหว่าง นีโอไลฟ์และไทยพาณิชย์ เราสามารถใช้บัตรในการแสดงตัวตน ถือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจนีโอไลฟ์ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญทางไทยพาณิชย์ยังมีการ เปิดธนาคารใกล้กับสำนักงานใหญ่ของนีโอไลฟ์ เพื่ออำนวยความสะดวกกับชาวนีโอ ไลฟ์อย่างเต็มที่"


ทั้งนี้ "นีโอไลฟ์" ถือเป็นแบรนด์ขายตรงที่มีนักธุรกิจอิสระในสังกัดประสบความ สำเร็จมากที่สุด ซึ่งในทุกเดือนบริษัทจะจัดงานมอบเข็มเกียรติยศนักขายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทได้จัดงานภายใต้ธีมงาน CLMV Smart Business ซึ่งถือเป็นการประกาศเดินหน้ารุกขยายตลาดในกลุ่มประเทศ อาเซียน โดย C ย่อมาจาก Cambodia (กัมพูชา), L ย่อมาจาก Lao (ลาว), M ย่อมาจาก Myanmar (พม่า) และ V ย่อมาจาก Vietnam (เวียดนาม) ซึ่งทั้งหมดเป็นประเทศที่บริษัทได้เข้าไปขยายตลาดแล้ว โดยบางประเทศก็กำลังจะเข้าไปอย่างเป็นทางการ ตามแผนงานที่บริษัทต้องการปักธงทุกประเทศในแถบอาเซียน เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC


"การจัดงานในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก การที่บริษัท นีโอไลฟ์ฯ ได้เปิดดำเนินธุรกิจ ขึ้นมาในรูปแบบของธุรกิจ การขายตรงแบบ หลายชั้น โดยไม่จำหน่ายสินค้าผ่านระบบการขายทั่วไป แต่ได้จัดจำหน่ายสินค้าในระบบสมาชิกเพื่อเปิดโอกาสให้แก่พี่น้องประชาชนที่สนใจอยากมีธุรกิจหรือมีกิจการเป็นของตนเองแบบเครือข่าย ให้ได้สามารถเข้ามาร่วมธุรกิจหรือมีกิจกรรมเป็นของตนเองแบบเครือข่าย ให้ได้สามารถเข้ามาร่วมธุรกิจทั้งเป็นเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายสินค้าหรือเป็นสมาชิกผู้ใช้สินค้า ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ทั้งเป็นอาชีพเสริมรายได้ หรือทำเป็นอาชีพ หลักสร้างรายได้ให้แก่บุคคลหรือครอบครัว อันเป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว ในสังคมได้อีกทางหนึ่ง อนึ่ง อาชีพการขายตรงในประเทศไทยในอดีตอาจจะไม่เป็นที่ต้องการหรือไม่เป็นที่น่าเชื่อถือแก่ผู้คนในสังคมเท่าที่ควร แต่อาชีพนี้นับเป็นอาชีพที่ดีอีกอาชีพหนึ่ง และเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศที่เจริญแล้ว" ดร.นพรุจ กล่าว


อย่างไรก็ดี ในปี 56 "นีโอไลฟ์" ต้องการสร้าง ยอดขายให้เติบโตเพิ่มอีก 10% อีกทั้งบริษัทยังต้องการเน้นการสร้างคุณภาพ ของนักธุรกิจ ของบริษัท รวมทั้งการขยายสาขาออกไปในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งทั้งหมดถือเป็น การต่อยอดความยิ่งใหญ่ของ "นีโอไลฟ์" ในการก้าวย่างสู่ปีที่ 13 ตามธีมความคิดในการสานต่อความสำเร็จในรูปแบบ "NEO LIFE SUCCESS TOGETHER" รวมทั้งในปีนี้ บริษัทยังต้องการที่จะทำให้เป็นปีแห่งการขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ต่อไป


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ข่าวสมาคมการขายตรงไทย (TDSA) : TDSA เตรียมงานประเพณีตบท้ายปี จัดเกียรติยศนักขาย 90 รหัส 30 บ. ส่งประชัน







�Ҿ��� 4 (Mobile)

 


สมาคมการขายตรงไทย หรือ TDSA เตรียม งานใหญ่ วันเกียรติยศนักขายตรงไทยประจำปี 2556 ภายใต้ธีมงาน "Dynamics of life พลัง แห่งการขับเคลื่อนชีวิต พิชิตชัยชนะสู่ความสำเร็จ" ในวันที่ 10 พ.ย. 2556 ณ เมืองทองธานี เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่นักธุรกิจอิสระ สังกัดบริษัทสมาชิกของสมาคมฯ พร้อมแสดงศักยภาพและความมั่นคงของธุรกิจขายตรงไทย โดยในปีนี้มีนักธุรกิจอิสระที่เข้ารับรางวัล "นักขายตรงดีเด่น" มีจำนวน 90 รหัส รวม 128 คน จาก 30 บริษัท


นายกิจธวัช ฤทธีราวี นายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแก่นักธุรกิจอิสระของบริษัทสมาชิก ในฐานะ "นักธุรกิจอิสระดีเด่น" ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ ทั้งต่อลูกค้า นักธุรกิจอิสระ และผู้บริโภค สมาคมจึงได้จัดงาน "วันเกียรติยศนักขายตรงไทย" ขึ้น เพื่อเชิดชูเกียรตินักธุรกิจอิสระ ผู้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักธุรกิจอิสระทั่วประเทศ 11 ล้านคน ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างและยกระดับภาพลักษณ์ของสมาคมให้เป็น ที่รู้จักแก่สาธารณชน ส่งเสริมให้สมาชิกทุกบริษัทได้ดำเนินธุรกิจ อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่ประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค


"งานวันเกียรติยศนักขายตรงไทยประจำปีนี้ นับเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ และน่าจดจำ เพราะเป็นปีแห่งการครบรอบ 30 ปีของสมาคม ซึ่งเราได้ฉลองด้วยการเปิดตัวโลโก้ใหม่ของสมาคมและคู่มือขายตรง เล่ม 2 พร้อมพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมา สมาคมอยู่เคียงข้างนักธุรกิจอิสระ ผู้บริโภคและบริษัทสมาชิกด้วยการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อสังคมภายใต้ปณิธานหลักที่ว่า "ยึดมั่นจรรยาบรรณ สร้างสรรค์สังคมไทย" นายกิจธวัช กล่าวเพิ่มเติม


ด้าน มร.เต้ เพีย เซง กรรมการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ กล่าวว่า ในปีนี้เราได้รับเกียรติจาก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เพอร์เฟค รีซอร์สเซส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานวันเกียรติยศนักขายตรงไทย ภายใต้ชื่องาน "Dynamics of Life" พลังแห่งการขับเคลื่อนชีวิต พิชิตชัยชนะสู่ความสำเร็จ ซึ่งกิจกรรมบนเวทีประกอบด้วย การมอบโล่เกียรติยศให้แก่นักขายตรงดีเด่น มอบโล่ขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุน นอกจากนั้นท่านจะได้เพลิดเพลินกับศิลปิน โจ-ก้อง ร่วมรับประทานอาหาร พร้อมกับร่วมลุ้นรางวัลต่างๆ จากทางสมาคมการขายตรงไทย และจากผู้บริหารของบริษัทสมาชิก


มร.คริสโตเฟอร์ เฮยนสึ คิม กรรมการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของบริษัทยูนิซิตี้ จะดูแลและรับผิดชอบ ด้านโครงสร้างและกิจกรรมส่วนหน้าของงานประกอบด้วย บอร์ดนิทรรศการของสมาคม จุดแสดงผลิตภัณฑ์ หอเกียรติยศนักธุรกิจอิสระ หอเกียรติยศสื่อมวลชน จุดถ่ายภาพ ซึ่งผมมั่นใจว่าทุกท่านจะตื่นเต้นและมีช่วงเวลาที่ดีๆ ในปีนี้ร่วมกัน พร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแห่งความภาคภูมิใจ และก้าวเข้าสู่ปีที่ 31 ของสมาคมการขายตรงไทยไปพร้อมกันครับ


งานเกียรติยศนักขายตรงประจำปี 2556 มีกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2556 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จึงขอเชิญชวนท่านคณะผู้บริหารบริษัทสมาชิกของสมาคมการขายตรงไทย นักธุรกิจอิสระที่ได้รับรางวัล ตลอดจนนักธุรกิจอิสระที่มาร่วมแสดงความยินดี สามารถเข้าร่วมงานตามวันและเวลาดังกล่าว เพื่อแสดงศักยภาพทางธุรกิจและพลังแห่งความสามัคคีของภาคธุรกิจขายตรงไทย ที่เป็นภาคส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนตลอดไป


ทั้งนี้ ปี 56 ถือเป็นปีที่ TDSA ได้จัดฉลอง 30 ปีของสมาคมฯ โดยใช้ชื่องาน ว่า "30 ปี สมาคมการขายตรงไทย : ธุรกิจเครือข่าย...อาชีพแห่งอนาคต" ซึ่งเป็นการจัดสัมมนา 1 วัน เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย 3 การสัมมนาย่อย ได้แก่ "Entrepreneur...เจ้าของธุรกิจอิสระยุคใหม่" ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้คร่ำหวอด ในวงการมาให้ความรู้แก่อาจารย์และนิสิตนักศึกษา พร้อมตัวอย่างคนรุ่นใหม่ที่ประสบ ความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายจากบริษัทชั้นนำ "ธุรกิจเครือข่าย...โอกาสไร้พรม แดนสู่ AEC" เป็นการแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการใน 3 ประเทศจากสมาคมการขายตรงไทย สมาคมการขายตรงมาเลเซีย และสมาคมการขาย ตรงเวียดนาม ร่วมด้วยเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศไทย ทั้งยังมีการเสวนาเรื่อง "เปิดโอกาสธุรกิจเครือข่ายรับ AEC" โดยคุณภคพรรณ ลีวุฒินันท์ อุปนายกฝ่ายรัฐสัมพันธ์, คุณอิทธิศักดิ์ อำพันยุทธ์ เลขาธิการ และ พ.ญ. นลินี ไพบูลย์ กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ พร้อมพิธีเปิดตัวโลโก้ใหม่สมาคมการขายตรงไทยอย่างเป็นทางการ และเปิดตัวหนังสือ "Entrepreneur...เจ้าของธุรกิจอิสระยุคใหม่" ซึ่งเป็นคู่มือเพื่อการศึกษาธุรกิจเครือข่ายเล่ม 2 ที่สมาคมรวบรวมคลัง ความรู้จากผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของ สมาคม และนำมาเผยแพร่เพื่อช่วยยกระดับ มาตรฐานของธุรกิจเครือข่ายให้มากยิ่งขึ้น


"คู่มือเพื่อการศึกษา "Entrepreneur... เจ้าของธุรกิจอิสระยุคใหม่" มุ่งให้ความรู้แก่นักธุรกิจอิสระ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ กลุ่ม นิสิตนักศึกษาที่มีแนวโน้มต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง เพื่อให้มีความเข้าใจในวิชาชีพอย่างถูกต้องและเพื่อใช้เป็นคู่มือเพื่อการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ อันจะเป็นหนึ่งในวิชาการตลาดที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่และการเติบโตของตลาดโลกในอนาคต จัดทำในรูปแบบพ็อกเกตบุ๊ก ความหนาประมาณ 200 หน้า ประกอบด้วยเนื้อหาของ ธุรกิจเครือข่าย การเริ่มต้นและการสร้างธุรกิจ ตลอดจนการรักษาธุรกิจให้ยั่งยืน"


[gallery ids="21001,21002,21003,21004,21005,21006,21007,21008,21009,21010,21011"]

 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/


 

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

MLM แห่ขยายสาขา ตจว. ปักธงหัวเมืองใหญ่รับ AEC







email-mlm-leads (Mobile)

 


MLM เคลื่อนทัพบุกยึดหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เตรียมความพร้อมศูนย์สาขารองรับการเปิดเสรีการค้า AEC "ไทยเฮลท์" บุกหนักเร่งปักธง 4 ภาค ตั้งเป้าสิ้นปีเปิดศูนย์ครบ 10 สาขา เผย กระแสตอบรับเกินคาด หลังดึง 7 ศิลปินดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า เดินสายโรดโชว์จัดอีเวนต์ใหญ่ทั่ว ประเทศ "ออร์กาโน่" โฟกัส อีสาน-ใต้ อัพสมาชิก 2 หมื่นรหัส ด้าน "เอเชีย สุพรีม" เล็งหัวเมืองอีสานผุด 5 สาขา เตรียมคลังสินค้า อีกกว่า 20 แห่งไว้รองรับ ส่วน "ดีไลฟ์" ยึดขอนแก่นประตูสู่อาเซียน


จากการเตรียมความพร้อมของกลุ่มบริษัทขายตรง เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่จะมีขึ้นในปี 2558 ส่งผลให้บรรดาบริษัทต่างๆ พยายาม รุกคืบออกไปในพื้นที่ต่างจังหวัด ขยายสาขาตาม หัวเมืองใหญ่เพื่อรองรับสมาชิก ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นการสร้างแบรนด์ สร้างฐานการตลาดก่อนที่จะออกไปปักธงในประเทศต่างๆ ทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งเป็นสมาชิกประเทศ กลุ่มอาเซียน


นายไตรรัตน์ ธีรทิพย์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไทยเฮลท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพในระบบ ขายตรงและแฟรนไชส์ เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัว "ไทยเฮลท์กรุ๊ป" ไปเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาได้เกิดกระแสตอบรับจากสมาชิกใหม่ๆ เป็นจำนวนมาก มาจากการ นำศิลปินดาราถึง 7 คนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ให้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ได้แก่ อ.วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์หลักคือน้ำเห็ดสกัดตรา "มัชรูม พลัส" ใบเตย อาร์สยาม เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงตรา "ซ้อเจ็ด เซ็ตคัพ" สามารถ พยัคฆ์อรุณ และสมรักษ์ คำสิงห์ เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์น้ำมันจมูกข้าวผสมน้ำมันรำข้าวตรา "ยูนิ ไรซ์" และ สมเล็ก ศักดิกุล พร้อมด้วย หมวย แม็กซิม และอะตอม ภัคจิรา เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับผู้ชาย ตรา "วีเอ็ม พลัส"


"สิ่งที่บริษัทกำลังดำเนินการคือเร่งขยายเปิดศูนย์ให้ได้ 10 สาขา ภายในสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย โดยคุณสมบัติของสมาชิกที่จะเปิดสาขาจะต้องเป็นสมาชิกกับบริษัท อย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งเวลานี้มีสมาชิกตามจังหวัด ต่างๆ หลายแห่ง และจะไล่เปิดตามหัวเมือง จังหวัดใหญ่ๆ ให้ครอบคลุม 4 ภาคทั่วประเทศ"


นายไตรรัตน์กล่าวว่า ตอนนี้ได้ตั้งเป้า หมายว่าภายใน 3 ปีจะมีผู้สนใจเข้าร่วมธุรกิจ เป็นสมาชิกประมาณ 2 หมื่นคนซึ่งจะมีส่วน ช่วยทำรายได้เพิ่มขึ้นถึง 50% ของรายได้ และหากผู้บริโภคเริ่มให้การยอมรับและเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากขึ้น จากนั้นจะมีการผลักดันเข้าเป็นบริษัท (มหาชน) ต่อไป โดยมีเป้าหมาย 5 ปีว่า จะ สามารถทำยอดขายติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดรวมด้วยยอดขายไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท


ออร์กาโน่ โฟกัส อีสาน-ใต้


นายศุภชาติ อังคสุวรรณศิริ ผู้จัดการ ทั่วไป บริษัท ออร์กาโน่ โกลด์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยมีการเปลี่ยนแปลงการจัดการภายในหลายอย่าง แต่ก็เป็นไปในทิศทางที่เติบโตขึ้น และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้จัดงานใหญ่แบบนี้ ซึ่ง มีสมาชิกกว่า 1 พันคน เข้าร่วมงานทั้งสมาชิก จากไทยและต่างประเทศ ซึ่งถือว่าภาพรวม น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง


ในส่วนของกิจกรรมทางการตลาด "ออร์กาโน่ โกลด์" ยังพยายามเจาะตลาดไปที่ภาคอีสาน และภาคใต้เหมือนเดิม ส่วน ของเป้าหมายด้านสมาชิก บริษัทได้ตั้งเป้าไว้ที่ 2 หมื่นรหัสภายในสิ้นปีนี้ โดยมีสมาชิกที่แอ็กทีฟประมาณ 20% จากกลุ่มสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่เป็นผู้จัดการเองในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดประชุมสัมมนา การเทรนนิ่ง โดยที่บริษัทจะเป็นผู้ที่คอยสนับสนุน ในเรื่องของออฟฟิศ และสินค้าที่จะนำเข้าสู่ตลาด


"เอเชีย สุพรีม" เล็งหัวเมืองอีสานผุด 5 สาขา


อ.สุธีร์ รัตนนาคินทร์ ประธานกรรมการ บริษัท เอเชีย สุพรีม จำกัด เผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่บริษัทได้พยายามอัดสินค้าใหม่ เน้นใช้โปรโมชั่นท่องเที่ยวล่อใจ จัดอบรมสัมมนา และโฆษณาสื่อทุกช่องทาง เพื่อผลักดันตัวเลขยอดขายให้เติบโตขึ้น โดยสิ้นปียังหวังว่า เราจะขยับไปได้ตามเป้าที่ 300 ล้านบาท และตอนนี้ทุกอย่างก็เติบโตมาถึง 500% แล้ว


ในส่วนของแผนการตลาดในครึ่งปีหลัง อ.สุธีร์ ประธานใหญ่ "เอเชีย สุพรีม" ได้กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมจะเปิดสาขาเพิ่ม เป็นแห่งที่ 5 ในภาคอีสาน โดยมองไว้เป็นจังหวัดใหญ่ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นบุรีรัมย์, อุดรธานี, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และนครราชสีมา เนื่องจากก่อนหน้านี้เปิดไปแล้ว 3 แห่ง คือที่หาดใหญ่, พิษณุโลก และเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีคลังสินค้าอีกกว่า 20 แห่ง ที่อยู่ตามจุดสำคัญครอบคลุมทั่วประเทศ


"ผมคิดว่า บริษัทกำลังเติบโตไปในทางที่ดี สิ่งที่กำลังทำต่อไปในอนาคต คือจะ มีศูนย์ขยายงานให้สมาชิกไว้ใช้ทั่วประเทศ ที่นี่จะคอยกระจายเครือข่ายในระดับรากหญ้า และไปถึงคนชนชั้นกลาง รวมทั้งนักลงทุนที่สนใจ และตอนนี้บริษัทก็ได้มีผู้นำเก่งๆ หลายคนที่เข้ามาร่วมธุรกิจกับบริษัท ทำให้ถือเป็นจุดแข็งสำคัญในการสร้างตลาด ออกไปให้ยั่งยืน"


"ดีไลฟ์" ยึดขอนแก่นประตูสู่อาเซียน


นายเทวัญ ดีใจงาม ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งบริษัท ดีไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ดีไลฟ์ เตรียมที่จะบุกตลาดแบบเต็มอัตราศึก ทั้งใน ส่วนของการขยายสาขา และการขยายโรงเรียนสอนธุรกิจ DNA ตามภูมิภาคต่างๆ โดยในปีนี้ดีไลฟ์จะมุ่งเน้นไปที่ภาคอีสานเสียส่วนใหญ่ที่ถือเป็นเป้าหมายหลักของบริษัท โดยสาขาที่จะเปิดใหม่ ประกอบด้วย ขอนแก่น, อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด ซึ่งสาขาแห่งใหม่ล่าสุดในจังหวัดขอนแก่นนั้น ตั้งอยู่บนห้างโลตัสขอนแก่น และเชื่อว่าสาขาดังกล่าวนี้น่าที่จะเป็นอีกหนึ่งแห่งที่จะช่วยสร้างธุรกิจดีไลฟ์ให้ผู้บริโภคได้รู้จักด้วยเช่นกัน


"ขอนแก่นค่อนข้างมีขายตรงเข้ามาเปิดน้อยมาก ในขณะเดียวกันการเปิดสาขาที่ขอนแก่น ถือเป็นการสร้างความมั่นใจว่าธุรกิจดีไลฟ์เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงรากฐานแข็งแกร่ง และต้องบอกว่า การที่เราเลือกเปิดสาขาที่ห้างโลตัสนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะเปิดได้ เนื่องจากต้องผ่านหลายขั้นตอน พอสมควร และการที่ดีไลฟ์เข้ามาเปิดธุรกิจ ขายตรงที่ห้างโลตัสได้ ย่อมต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน"


นายเทวัญกล่าวว่า สาเหตุที่ดีไลฟ์ฯ มุ่งเน้นทำตลาดในภาคอีสานเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสมาชิกส่วนใหญ่ของดีไลฟ์เป็นคนภาคอีสาน ในขณะเดียวกันยังเห็นว่าภาคอีสานน่าที่จะเป็นประตูสำคัญสู่ตลาด อาเซียนในปี 2558 นี้ได้ด้วย


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com

วิถีผู้นำ !!!







c9f3f4ba52754898912ccbf0bfce7255mycareer_leader510_02 (Mobile)

 


การสร้างทีมงานสิ่งที่สำคัญคือ ต้องรู้วิธีการที่จะพัฒนา คนในทีมงานให้สามารถเก่งได้อย่างที่เราต้องการ และทำให้ทีมงานเชื่อ และศรัทธาในตัวเรา ซึ่งอยู่ในฐานะผู้นำทีมให้ได้ เชื่อไหมครับว่า มีงานวิจัยพบว่า ผู้นำหรือหัวหน้างานในยุคนี้ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความรู้แต่มีปัญหาเรื่องความคิด โดยเฉพาะ การใช้ศิลปะในการติ ชม หรือพูดกับคนในทีม หลักการง่ายๆ ของการเป็นผู้นำ แม่ทีมยุคใหม่ คุณจะต้องเป็นคนที่ทั้งฉลาด ในการคิด และฉลาดในการสอนงานครับ โดยผู้นำจะต้องเก่ง ใน 4 เรื่องดังต่อไปนี้


1.เก่งงาน คุณจะต้องมียุทธวิธีการคิด มีการนำหลักการความรู้มาประยุกต์ และมีการใช้ประสบการณ์เดิมเข้ามา ผสาน คุณต้องมีความเชี่ยวชาญในงานที่ทำ อย่างงานเครือข่าย เรื่องพื้นฐานที่คุณจะต้องเก่งนั้น ได้แก่ เรื่องการพูดถึงความเด่น ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ แผนธุรกิจที่มีรายได้ ความมั่นคง นอกจากนั้นแล้วคุณยังต้องสามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่คุณเชี่ยวชาญนี้ให้กับทีมงานได้เช่นกัน


2.เก่งคน คุณต้องมองคนเป็น ดูคนออก ใช้คนให้ถูกกับงาน เลือกพัฒนาคนให้ถูกต้องกับความสามารถที่เขามี


3.เก่งคิด ก่อนอื่น คุณต้องเข้าใจนะครับว่า "ความคิด" กับ "ความรู้" เป็นคนละเรื่องกัน คนที่จบสูงกว่าไม่ได้หมาย-ความว่าจะต้องมีความคิดที่เหนือกว่าดีกว่าคนอื่นเสมอไป ผู้นำจะต้องเก่งคิด โดยใช้จินตนาการวางแผนงานให้รอบคอบ เป็นระบบ มีทางแก้สำหรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น มองงานให้กว้างทุกมิติ และมีจิตใจกว้างพอ ที่จะยอมรับเมื่อทำพลาด ตลอดจนยอมให้คนอื่นมาเป็นอาจารย์ของตนเองได้บ้าง


4.เก่งชีวิต ผู้นำต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีคุณธรรม คุณต้องทำงานอย่างมีความสุข และกลับบ้านไปก็ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างมีความสุขเช่นกัน ที่สำคัญต้องไม่ใช้อารมณ์ และ ความหลงเป็นใหญ่ เมื่อต้องตัดสินใจ


ท้ายที่สุด ผมมี list ของแบบผู้นำ แม่ทีม แบบที่ไม่พึงประสงค์มาฝากครับ ลองดู หากคุณมีพฤติกรรมคล้ายๆ เช่นดังด้านล่าง ระวังตัวนะครับ


บ้าพลัง ใช้อารมณ์ในการทำงาน


ยึดติดแต่กับความคิดตัวเอง เมินความคิดคนอื่น


ติดเทคโนโลยี ทำให้การสื่อสารโดยวาจา โดยการเผชิญหน้ากับคนรอบข้างไม่มีความหมาย ใช้ชีวิตกับคนรอบข้างบ้างนะครับ อย่ามัวแต่ก้มหน้าก้มตา ใช้ smart phone/ tablet แม้กระทั่งสั่งงาน หรือสอนงานผ่านทางโปรแกรมแชต ต่างๆ ขอให้หลีกเลี่ยงเสีย 


หนีปัญหา ชอบโทษว่าลูกน้อง ลูกทีมผิด จะทำให้เขาท้อแท้ หมดกำลังใจทำงาน


 เอาหน้าไว้ก่อน


เปลี่ยนใจทุกวัน หาความแน่นอนไม่ได้


ฝันตลอด ลูกทีมชอบคนทำงานที่มีแผนงานชัดเจน ไม่ใช่ขายฝันไปวันๆ มีแต่เป้า ต้องการยอด แต่ไม่แนะวิธีการ ทำงานที่เป็นระบบ หรือไม่แนะกลยุทธ์ในการทำงานที่จะทำให้ ได้มาซึ่งเป้า/ยอดที่ต้องการ


ไร้คุณธรรม ลำเอียง ไม่มีความซื่อสัตย์


"การปกครองคน สิ่งสำคัญคือต้องมีความจริงใจเป็นกำลังใจให้ทุกคนสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งได้นะครับ"


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com

"สคบ.ทำงานช้า เพราะกำลังคนน้อย"







5482_533064510078315_1631328902_n (Mobile)

 


ถือเป็นอีกหนึ่งความคิดเห็นที่เราต้องการมากที่สุด นั่นคือความคิดเห็นจาก "จิรชัย มูลทองโร่ย" อดีตเลขาธิการ สคบ. ที่มองไม่ต่างจากคนขาย ตรง ที่เห็นว่าธุรกิจขายตรงยังต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องของกฎกติกา ที่จะเข้ามากำกับควบคุม ซึ่งถึง แม้ว่าจะเป็นเพียงอดีตหัวเรือของ สคบ.ก็ตาม แต่จากเวลาที่ทำงาน คลุกคลีกับขายตรง ความคิดเห็นของท่านผู้นี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อวงการ


นายจิรชัย มูลทองโร่ย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผย ว่าจากที่ผ่านมาได้มีกลุ่มบริษัทขายตรงรวมตัวกันตั้งเป็นสมาคมขายตรง อยู่ 4 สมาคม ซึ่งอาจจะมีความคิดเห็นในบางเรื่องที่ต่างกัน แต่ในวัตถุประสงค์หลักไม่ต่างกัน คือ การต้องการยกระดับวงการขายตรงอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทาง สคบ. ก็ได้พยายามที่จะเชิญผู้นำของทั้ง 4 สมาคม ร่วมพูดคุย หารือในเรื่องต่างๆ พร้อมทั้งจะมีการเชิญรัฐมนตรีที่ดูแลธุรกิจร่วมพูดคุยด้วย เพื่อหาทางออกในการยกระดับอุตสาหกรรมขายตรงไทย


โดยการหารือแนวทางการแก้ไขกฎหมายขายตรง และตั้งหน่วยงานที่จะมีหน้าที่กำกับดูแล วงการธุรกิจขายตรงถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากการรวมตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ใกล้เข้ามา ทุกที ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำให้เสร็จ ซึ่งทางภาครัฐก็ได้พยายาม ประสานเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และที่ผ่านมา สคบ. ได้เร่งทำงาน เรื่องของการจัดระเบียบบริษัทขายตรง ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อไปหาบริษัทขายตรงที่มีอยู่เกือบ 900 บริษัท


การจดทะเบียนบริษัทมาตั้งแต่ปี 2545 โดยปัจจุบันมีกลุ่มบริษัท ขายตรงที่ยังดำเนินการอยู่ถึงตอนนี้มีเกือบ 400 บริษัท แต่ก็ยังมีหลาย บริษัทที่ยังทยอยเข้ามารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งที่ผ่านมา มีการ ร้องเรียนถึงการทำงานของ สคบ. ถึงความล่าช้าในการขึ้นทะเบียนเปิดบริษัท


โดยเหตุของความล่าช้าในการขึ้นทะเบียนบริษัทขายตรง แบ่งเป็น 3 เรื่อง คือ 1.การขอจดบริษัทใหม่ 2.บริษัทขายตรงมีการเปลี่ยนแปลง คณะกรรมการของบริษัท และ 3.การเข้าขอยื่นจดสินค้าใหม่ของแต่ละ บริษัท ซึ่งในทั้ง 3 เรื่องทาง สคบ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่พยายามหาวิธีแก้ไข และเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ก็เพราะกำลังคนที่น้อยมาก ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงาน


อย่างไรก็ดี ในเรื่องของการทำงานของ สคบ. ในเวลานี้ ทางหน่วยงานได้แบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน คือ 1.การขึ้นทะเบียนบริษัท 2.หน่วยติดตามเฝ้าระวัง และ 3.ฝ่ายปราบปรามการกระทำผิดของบริษัทขายตรง โดยทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการแชร์ลูกโซ่ และป้องกันบริษัทที่เอาเปรียบผู้บริโภค เพื่อให้ธุรกิจขายตรงเป็นสีขาว และยกระดับเข้าสู่ตลาดอาเซียนได้อย่างมีศักยภาพ


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com

ข่าวดีไลฟ์ (Deelife) : "ฝันให้ไกลไปให้ถึง อย่าล้มเลิกกลางคัน" ยุพิน ปาสาใน ตำแหน่ง Gold director บริษัท ดีไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด







298693_101076249998150_8193622_n (Mobile)

 


"Key to Success" กลับมาพบกับท่านผู้อ่านเป็นประจำในทุกสัปดาห์ บนพื้นที่สำหรับคนไม่ท้อ โดยครั้งนี้เราได้ดึง "ยุพิน ปาสาใน" นักธุรกิจขายตรงในตำแหน่ง Gold director จาก บริษัท ดีไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด


ปัจจุบันนักธุรกิจท่านนี้มีอายุ 49 ปี พื้นเพเป็นคนจังหวัดมหาสารคาม เริ่มทำธุรกิจ เครือข่ายมาเป็นเวลากว่า 8 ปี แต่ลงมือทำจริงจังในช่วงหลังๆ ใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็สามารถมีรายได้แตะหลักแสนบาท โดยงานเดิมคือการทำกิจการร้านเสริมสวย และยึดอาชีพนี้มากว่า 20 ปี และยังเคยเปิดร้านอาหารควบคู่ไปด้วย และอะไรที่ดึงเธอเข้ามาในวงการ ขายตรง จนประสบความสำเร็จเฉกเช่นปัจจุบัน


อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ดึงเข้ามาทำธุรกิจ MLM


"คงเป็นเพราะอายุเริ่มมากขึ้น และยังมีหนี้สินก้อนโต หลังจากทำธุรกิจร้านเสริมสวยมานาน เลยเริ่มมองหาอาชีพเสริมอื่นๆ หลายอย่าง แต่มาสะดุดตรงที่ผลิตภัณฑ์ของ บ.ดีไลฟ์ รวมถึงแผนการตลาดขององค์กร ทำให้ตัดสินใจเข้าไปศึกษาและลงมือทำตามระบบอย่างจริงจัง"


ทำไมถึงเลือกทำธุรกิจ กับ "บ.ดีไลฟ์"


"เป็นเพราะได้เห็นวิสัยทัศน์ของคุณเทวัญ ดีใจงาม ประธาน บ.ดีไลฟ์ รวมถึงความมั่นคง แผนการตลาดที่ดี ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้ไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมธุรกิจที่นี่ เพราะเชื่อว่า ตนเองจะเติบโต ไปพร้อมกับบริษัทได้แน่นอน"


เวลาเจออุปสรรค เคยท้อจนจะเลิกบ้างไหม


"ช่วงแรกๆ ท้อมาก แต่ก็ยังทนทำไปเรื่อยๆ เพราะเวลาที่ท้อแท้ ได้พยายามมองที่เป้าหมายเข้าไว้ โดยได้มองผู้ที่ประสบความ สำเร็จในองค์กร อย่างประธาน บ.ดีไลฟ์ ที่เคย ฝ่าฟันจนมีทุกวันนี้ ดังนั้น ตนเองก็ต้องทำสำเร็จได้เช่นกัน แต่ต้องมีความอดทนยืนหยัด ให้นานพอด้วย"


ทำธุรกิจ MLM มากี่ปี...และวางเป้าหมายอย่างไร


"อย่างที่บอกว่าทำธุรกิจมานานตั้ง 8 ปี แต่ทำแบบหยุดๆ โดยไม่ต่อเนื่อง และเพิ่งมา จริงจังในช่วงหลังๆ ตอนนี้อยู่ตำแหน่ง โกลด์ ไดเร็กเตอร์ มีรายได้หลักแสนทุกเดือน ตั้งเป้า ว่า สิ้นปีจะขึ้นตำแหน่ง DDR หรือ ไดมอนด์ ไดเร็กเตอร์ และจะขอสร้างองค์กรให้แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับบริษัทอื่นๆ ได้"


มุมมองธุรกิจขายตรงอย่างไร


"ถ้าย้อนไปแต่ก่อน ไม่เคยชอบเลย แต่ที่หันมาชอบ เป็นเพราะโปรดักต์ที่นี่ดีจริงๆ ทำให้เริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่ และเข้ามาทำเต็มตัวในที่สุด ถึงวันนี้เชื่อแล้วว่าธุรกิจขายตรงหากเข้าใจก็จะรู้ว่าสวยงามขนาดไหน สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้จริงๆ"


ชีวิตเปลี่ยนแค่ไหน...หลังเข้ามาทำขายตรง


"แตกต่างจากเมื่อก่อนเป็นคนละเรื่องเลย เพราะแต่ก่อนเปิดร้านเสริมสวย ไม่ค่อย มีเวลาไปไหน ห่วงแต่กิจการ แม้จะเปิดร้านอาหารเพิ่ม แต่ก็มีหนี้เพิ่มตามมาด้วย โดยเสียดายช่วงแรกๆ ที่ทำธุรกิจ MLM แต่ไม่ค่อยตั้งใจ หากตั้งใจทีแรกคงจะมีรายได้มากกว่านี้ แต่มาได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว เพราะชีวิตมีความสุข มีเวลา รายได้ที่มั่นคง และยังได้ให้โอกาสคนอีกจำนวนมาก โดยเพิ่งเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าที่ จ.ลพบุรีขึ้นมาเอง และที่นั่น กำลังมียอดขายที่ดีมาก"


มีเทคนิคอะไร...สู่ความสำเร็จ


"ไม่ได้มีอะไรมากเลย อยู่ที่ว่าคุณจะเปิด ใจกับธุรกิจขายตรงมากน้อยแค่ไหน และต้อง เข้าไปเรียนรู้แบบ 100% พร้อมกับลงมือทำอย่างจริงจัง พยายามมีเป้าหมายที่ชัดเจน อย่าไปมองคนที่ไม่สำเร็จ คือฝันให้ไกล และไปให้ถึง อย่าล้มเลิกกลางคันเด็ดขาด"


คนที่ไม่สำเร็จกับขายตรงเกิดจากสาเหตุอะไร


"คงเป็นเพราะไม่มีความอดทนพอ และขาดแรงจูงใจที่จะไปถึงจุดสูงสุด โดยคนที่ล้มเลิกกลางคัน มักจะมีข้อแม้เยอะ ไม่ค่อยกล้าที่จะแลกกับความสำเร็จ ชอบทำเองโดย ไม่ปรึกษาอัพไลน์ หากสนใจและเชื่อฟังคำแนะนำของผู้ที่ประสบความสำเร็จ จะทำให้ย่นระยะทางไปสู่จุดหมายได้รวดเร็วแน่นอน"


นี่คืออีกหนึ่งเส้นทางชีวิตของผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจขายตรง ผ่านเส้นทาง เดินที่โรยด้วยขวากหนาม จนในที่สุดก็ก้าวผ่านสิ่งที่ลำบากผลักดันให้ประสบความสำเร็จ ด้วยแนวความคิดที่มุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ชัดเจนในเป้าหมาย ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถลอกเลียนแบบความคิดไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ไม่แน่ว่าตัวละครของ Key to Success คนต่อไปอาจเป็นท่าน ใครจะไปรู้


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com

ห้ามพลาดสัมมนา 'ขายตรง'







success-in-mlm (Mobile)

 


เมื่อสัปดาห์ก่อนได้เขียนถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ให้รีบกำราบขบวนการ "แชร์ลูกโซ่" ที่แอบแฝงใน "ธุรกิจขายตรง" บางทีแอบแฝงการชักชวน ด้วยวิธีการหว่านล้อมให้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากแก่ชาวบ้าน


ชาวบ้านหลงเหลี่ยมพวกขบวนการดังกล่าวนี้ ต้องขายที่นา จำนองบ้าน เพื่อเอาเงินมาลงทุน สุดท้ายต้องตกเป็น "เหยื่อ" อันโอชะล่าสุด! กลุ่มคนพิการกว่า 500 คน โร่แจ้งความดำเนินคดี เล่นแชร์ลอตเตอรี่ ถูกขบวนการพวกนี้ "โกง" เป็นพันล้านบาท ไม่ยอมจ่ายค่าผลตอบแทนให้ตามสัญญา อันนี้เป็นเคสสดๆ ร้อนๆ ที่ชาวบ้านกำลังโดนพวกขบวนการ "แชร์ลูกโซ่" หลอกให้เสียทรัพย์ ที่มันน่าเจ็บใจแทน ดันไปต้มตุ๋นกับ "คนพิการ"ถือเป็นอุทาหรณ์ เตือนสติชาวบ้านที่กำลังคิด "เข้าไปลงทุน" กับพวกที่หว่านล้อมให้ผลตอบแทนสูงๆ


บอกได้คำเดียว ไม่มีมนุษย์หน้าไหน กล้าให้ผลตอบแทนมากมายก่ายกองขนาดนั้น มันเป็นเรื่องอุปโลกน์ให้เหยื่อตายใจนั่นเอง!!!


ตรงนี้คงต้องให้ทางหน่วยงานภาครัฐรีบเข้าไปช่วยเหลือด่วน เพราะนับวัน หาก "ไม่เชือดไก่ ให้ลิงดู" มีหวังขบวนการ "แชร์ลูกโซ่" มันต้องเกิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แม้วันนี้จะเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปบ้าง


กลับเข้ามาสู่โหมดเบาๆ "หนังสือพิมพ์บ้านเมือง" ผนึกกำลังกับ "นิตยสารบิส พลัส" เตรียมจัดงานสัมมนา "ทำธุรกิจขายตรงอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย" ขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2556 นี้ นับถอยหลังเหลือไม่ถึง 10 วัน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น


ถือเป็นนิมิตหมายใหม่วงการสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะเป็นสื่อรายวันเล่มแรก ที่กล้าจัด กล้าทำ ได้รวบรวมหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่โดยตรงกับ "ธุรกิจขายตรง"


ไม่ว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, คณะกรรมการอาหารและยา และกรมสรรพากรรวมไปถึงภาคเอกชน ที่จะเข้ามาร่วมวงเสวนาในครั้งนี้


โดยเฉพาะพูดคุยเจาะลึกประเด็นร้อนที่ผู้ประกอบการขายตรง อยากรู้ อยากถาม ว่าตัวเองทำธุรกิจถูกต้องตามกฎกติกามารยาทหรือไม่


มีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น!!!


ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง


เพราะอย่างที่เกริ่นตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะประเด็น "แชร์ลูกโซ่" ที่กำลังเป็นกระแสความสนใจในเวลานี้ จะได้รับทราบข้อมูล โดยฝ่ายที่รับผิดชอบโดยตรงในคดี "แชร์ลูกโซ่" จากดีเอสไองานนี้ พวกขบวนการขี้ฉ้อ คงต้องหนาวๆ ร้อนๆ เพราะแว่วว่า ดีเอสไอ เขาจะเอาจริงเอาจังกับพวกที่ทำธุรกิจขายตรงไม่ตรงตามวัตถุประสงค์


บอกได้คำเดียว "ห้ามพลาด" นะครับ


 


 


 


 


Credit By : http://www.ryt9.com