ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าว บีฮิป-Bhip ไม่หวั่นสารพัดข่าวเสียดึงผู้นำทั่วโลกเข้าประชุมไทยเรียกศรัทธา

 


บีฮิป ไม่สนปัญหาผู้นำหลายคน โบกมือลา มองเป็นเรื่องปกติของธุรกิจเครือข่าย ส่วนข่าวลือเรื่องสินค้าถูกอย. เรียกตรวจสอบ ปัดสุดมั่ว! บอกรัฐแค่เตือนเรื่องโฆษณาสินค้าบางตัวเท่านั้น เดินหน้านำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าเสริมทัพ พร้อมเตรียมจัดงานประชุมครั้งใหญ่ รวมสุดยอดผู้นำทั่วโลก หวังเรียกศรัทธา คืน มั่นใจสาขาไทยขึ้นแท่นเบอร์ 1 ภูมิภาคอาเซียน

นายชัยวัฒน์ ชัยจินดาวัธน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีฮิป (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่า การดำเนินงานในครึ่งปีแรกของบริษัท ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ บริษัทสามารถปิดยอดขายได้กว่า 200 ล้านบาท ในไตรมาสหลังนี้บริษัทจึงเตรียมรุกตลาดอย่างเต็มที่ ด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่อีกหลาย รายการ โดยยังคงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นอกจากนี้ จะมีการจัดโปรฯ สำหรับ สมาชิกใหม่มากขึ้น เช่น ให้สมาชิกที่สมัคร เข้ามาใหม่มีสิทธิ์และโอกาสสร้างยอดขาย เพื่อไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการทำงานของนักธุรกิจ และ ยังเป็นการซื้อใจของพวกเขาได้อีกทางหนึ่ง

ส่วนกรณีมีผู้นำระดับสูงของบริษัทหลายคนทยอยย้ายค่ายนั้น นายชัยวัฒน์ แสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวของตนแล้ว คิดว่า คงเป็นการแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า ที่เหมาะสม กว่า บริษัทคงจะไปโทษการตัดสินใจของใครไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วกรณีแม่ทีมย้าย ค่ายถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจขายตรง เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพอิสระ ทุกคนเป็นนายของตัวเอง ผู้นำทุกคนไม่ใช่สมบัติของ บริษัทที่เราจะเข้าไปควบคุมจำกัดความคิด ความต้องการของเขาได้ หากเขาคิดว่า การย้ายไปอยู่ค่ายใหม่จะทำให้มีโอกาสเติบโต มากกว่า ตนก็ขออวยพรให้เขาโชคดี

ซึ่งผู้บริหารบีฮิป สาขาไทย กล่าวย้ำ ว่า ตนและแม่ทีมเหล่านั้นไม่ได้มีปัญหากัน แต่อย่างใด ยังคงมีการพูดคุยแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกันอยู่เช่นเดิม ส่วนปัญหาการ ย้ายค่ายของบรรดาแม่ทีมนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนการทำงานหรือเรื่องสินค้าของ บริษัทเช่นกัน โดยเฉพาะการปรับราคาสินค้าเรือธงอย่าง น้ำผลไม้มากี้ เบอร์รี่ ที่ อาจทำให้แม่ทีมทำงานยากขึ้น ซึ่งนายชัยวัฒน์ก็ได้ชี้แจงว่า น้ำผลไม้มากี้ มีการปรับราคามากว่า 6 เดือนแล้ว ส่วนกรณีการย้ายค่ายของบรรดาผู้นำระดับสูงเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว ฉะนั้น สาเหตุการปรับราคาสินค้าจึงไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณีดังกล่าว

ทั้งนี้ ในแง่ผลกระทบจากกรณีปัญหา ข้างต้น นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็อาจจะมีบ้าง โดยเฉพาะ ในแง่ภาพลักษณ์ของบริษัทและในเรื่องของยอดขาย เพราะเมื่อเกิดกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะในระดับผู้นำระดับสูง ตนเชื่อว่า จะมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่เคยเข้ามาสัมผัสกับธุรกิจบีฮิป จะมองบริษัทในแง่ลบ มากขึ้น ส่วนในเรื่องของยอดขาย หากแม่ทีมเหล่านี้ยังอยู่ บริษัทก็อาจขายสินค้า ได้มากกว่านี้ก็ได้

ในอีกประเด็นหนึ่งที่มีข่าวออกมาว่า มีสินค้าบางรายการของบริษัทถูกสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียกคืนไปเพื่อตรวจสอบใหม่อีกครั้งนั้น ผู้บริหารหนุ่มก็ได้กล่าวชี้แจงว่า กรณีดังกล่าว ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด เป็นข่าวมั่ว ตั้งแต่สินค้าของบริษัทได้รับอนุญาตจาก อย. ก็ไม่เคยมีจดหมายเรียกเข้าไปตรวจสอบอะไรเพิ่มเติม ตนเชื่อว่าข่าวลือนั้น น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดมากกว่า และ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากกรณีที่สคบ.หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ส่งจดหมายมาตักเตือนบริษัทเกี่ยวกับการ โฆษณาทางเว็บไซต์ที่เกินจริงของนักธุรกิจ บางคน ซึ่งในเรื่องดังกล่าว บริษัทก็ได้บอก กล่าวนักธุรกิจผู้นั้นไปแล้ว แต่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ใดๆ กับคุณสมบัติ หรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่อย.จะต้องเรียกไปตรวจสอบอย่างแน่นอน

ดังนั้น จากกรณีปัญหาหลายๆ อย่าง ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา บริษัทบีฮิปจึงวางแผนสร้างภาพลักษณ์และกระตุ้นยอด ขายเพิ่มขึ้น ด้วยการเน้นจัดกิจกรรม โปรโมตบริษัทและสินค้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นจัดงานแถลงข่าวให้บ่อยขึ้น เพื่อเป็นการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องของบริษัท ไม่ให้เกิดข่าวลือที่ไร้มูลความจริง นอกจากนั้นในช่วงปลายปี ประมาณวันที่ 16-17 พฤศจิกายน บริษัทก็จะมีการ จัดงานครั้งใหญ่ คือ การประชุมสุดยอดผู้นำจากทั่วโลก โดยงานดังกล่าวจะมีผู้นำ จาก 10 ประเทศทั่วโลก จำนวนกว่า 4 พัน คน เข้ามาประชุม และทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ซึ่งงานประชุมครั้งนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทบีฮิป ประเทศไทยต่อไป

ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ยังให้ข้อมูลเกี่ยว กับบริษัทบีฮิปเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัท บีฮิปมีการเปิดสาขาไปทั่วโลกกว่า 30 ประเทศ ซึ่งในภูมิภาคเอเชียมีเพียงประเทศ พม่าและลาวเท่านั้นที่ยังไม่เข้าไปขยายสาขา แต่คาดว่าไม่เกินปลายปี 2556 บริษัทก็น่าเข้าไปเปิดธุรกิจอย่างแน่นอน ทั้งนี้ตนเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยน่าจะได้รับ หน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับทั้งสองประเทศนี้ รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนด้วย เพราะจากข้อมูลที่ตนได้รับทราบมา พบว่าขณะนี้ในภูมิภาคเอเชีย บริษัทบีฮิปสาขาไทยมียอดขายสูงสุด รองจากประเทศ จีน ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของการ ทำงานเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ส่วนปลายปีนี้ ตนตั้งเป้ายอดขายสำหรับบีฮิปเมืองไทยไว้ประมาณ 700 ล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่า ยอดขายดังกล่าวไม่เกินความจริงอย่างแน่นอน เพราะแม้จะมีผู้นำหลายๆ คนย้าย ค่ายออกไป แต่บริษัทก็ยังสามารถสร้างผู้นำ รุ่นใหม่ที่มีความสามารถไม่แพ้กันได้อีกมากมาย


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจฉบับที่1315 ประจำวันที่ 7-7-2012 ถึง10-7-2012

1 ความคิดเห็น: