นีโอ ไลฟ์-Neo Life ประกาศจัดตั้งสมาคมขายตรงขึ้นใหม่ หลัง นิโรธ เจริญประกอบ อดีตเลขาธิการสคบ. รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของบริษัท หวังยกระดับวงการขายตรงให้เจริญกว่าที่เป็นอยู่ ด้าน พิศิษฐ์ แทนทิว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ลั่น ยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ หากอยากเห็นวงการไปไกล กว่านี้ ชี้ ไม่มีสูตรสำเร็จต้องหยุดอยู่แค่ 3 สมาคม ไม่เช่นนั้น พรรคการเมืองคงมีแค่ 2 พรรค!
ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า บริษัทขายตรงไทย มีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งแต่ละแบรนด์สามารถทำธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จ โดยในขณะนั้นมีสมาคมของวงการขายตรงเพียงสมาคมเดียว ซึ่งเป็น สมาคมการขายตรงไทย โดยปัจจุบันมีจำนวนบริษัทสมาชิกอยู่ทั้งหมดเพียง 31 บริษัท ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนบริษัทขายตรงที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจขายตรงอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ที่มีอยู่กว่า 800 บริษัท ในปัจจุบัน
โดยหลังจากที่มีการจัดตั้งสมาคมการขายตรงไทยขึ้นมา ก็มีการจัดตั้ง สมาคม อุตสาหกรรมขายตรงไทย ขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร อีกทั้งสมาชิกของสมาคมก็มีจำนวนน้อยมาก ซึ่งต่อมาเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ก็มีบริษัทขายตรงรวมตัว กันก่อตั้งอีก 1 สมาคมคือ สมาคมพัฒนา การขายตรงไทย แต่กลับดูเหมือนว่า การที่มีการจัดตั้งสมาคมต่างๆ ขึ้น บริษัทขายตรง ที่อยู่ในวงการก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการ เข้าร่วมมากนัก ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาขึ้นอีกมาก
จากอดีตที่ผ่านมา ได้มีการก่อตั้ง สมาคมการขายตรงไทยขึ้น ในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2526 โดยมี อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ อดีตผู้บริหาร บริษัท เอวอนฯ เป็นกรรมการในการก่อตั้ง ต่อมาหลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มบริษัทต่างชาติอย่างสหรัฐอเมริกา ได้เข้ามาเปิดธุรกิจขายตรงในไทย ซึ่งกลุ่มบริษัทเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการทำงานส่วนรวม และผลักดันหน่วยงานราชการ
โดยเมื่อก่อนบริษัทขายตรงไทยมีน้อย และมีขนาดเล็ก อีกทั้งไม่มีใครที่คิดริเริ่มในการจัดตั้งสมาคม ต่างจากบริษัทต่างชาติที่ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว ทั้งยังมีความ รู้และเงินทุนในการจัดตั้งสมาคม จนตอนหลัง อมรเทพ ซึ่งเป็นนายกสมาคมการขายตรงไทยคนแรก จึงได้เริ่มมีการดึงบริษัท ต่างชาติอย่าง แอมเวย์ เข้ามาในสมาคม ซึ่งหลังจากนั้นจึงมีบริษัทไทยตามเข้าไป
อย่างไรก็ดี จากสิ่งที่กล่าวมา ทำให้บริษัทขายตรงที่มีการจดทะเบียนกับสคบ. ของไทยที่มีอยู่กว่า 800 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่ ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการก่อตั้งสมาคม จากข้อจำกัด และการทำงานของแต่ละสมาคม ทำให้เกิดการปิดกั้นบริษัทขายตรงส่วนใหญ่ ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ส่งผลดีในการพัฒนา ธุรกิจขายตรงโดยรวม
จากสิ่งที่กล่าวมา ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จึงได้มีดำริว่าน่าจะมีการจัดตั้งสมาคมขายตรงใหม่ขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาหลายสิ่งหลายอย่างของวงการขายตรงไทย โดยหลังจากที่ นิโรธ เจริญประกอบ อดีตเลขาธิการสคบ. เข้ามานั่งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของ นีโอ ไลฟ์ ก็นับว่าเป็นจังหวะที่ดี ที่จะมีการจัดตั้งสมาคมใหม่ขึ้น อีกทั้งยังจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเข้ามา ทำงานอย่างเต็มความสามารถให้กับวงการ ขายตรงไทย ในการจัดตั้งสมาคมใหม่
ในขณะเดียวกัน คุณพิศิษฐ์ แทนทิว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ฯ ซึ่งเคยทำงานด้านข่าวสารธุรกิจขายตรงมา อย่างยาวนาน และเป็นคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง ตามพระราชบัญญัติ ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 อยู่ 2 สมัย ก็ถือว่าเป็นเรี่ยวแรงที่สำคัญในการ จัดตั้งสมาคมใหม่ที่กำลังจะเกิด
โดย คุณพิศษฐ์ แทนทิว ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องของการตั้งสมาคมเป็นเรื่องที่คิดกันมาได้พักหนึ่งแล้ว ซึ่งต้องมองว่า ในปัจจุบันมีบริษัทขายตรงที่มีการจดทะเบียน เปิดดำเนินธุรกิจกับสคบ.กว่า 800 บริษัท ซึ่งในช่วงที่ตนเป็นบรรณาธิการข่าวของ นสพ.สยามธุรกิจอยู่ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทาง TDRI หรือ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ได้รับงานจากทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำวิจัยเกี่ยวกับมูลค่าตลาดของธุรกิจขายตรง
ซึ่งในช่วงนั้น น่าจะเป็นช่วงประมาณปี พ.ศ.2548 โดยทาง TDRI ได้มีการขอชื่อ บริษัทขายตรงจากสคบ.และนำไปขอข้อมูล ภาษีรายได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งในตอนนั้นมีบริษัทขายตรงอยู่ประมาณ 400 กว่าบริษัท ซึ่งตัวเลขของมูลค่าตลาดทะลุแสนล้านบาท แต่ต้องยอมรับว่าทางสำนักวิจัยได้รวม ยูนิลีเวอร์ ศรีไทย และ สหฟาร์ม ซึ่งมีแบรนด์ขายตรงเป็นเพียงหนึ่งแผนกของบริษัท จึงต้องตัดส่วนนี้ออกไป ซึ่งตัวเลขก็ยังสูงถึง 7-8 หมื่นล้านบาท ในส่วนขอมูลค่าตลาดรวม ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 800 บริษัท ตัวเลขก็น่าจะถึงแสนล้านบาทไปแล้ว
นั่นเป็นเรื่องหนึ่งเท่านั้น หันกลับมาที่วงการขายตรงปัจจุบัน ที่มีสมาคมของธุรกิจอยู่ในขณะนี้ 3 สมาคม ซึ่งเท่าที่มอง บริษัทสมาชิกของ 3 สมาคมรวมกันก็ไม่น่า จะเกิน 60 บริษัท จาก 800 กว่าบริษัท ซึ่ง ถือว่าน้อยมากในสัดส่วนจำนวนบริษัทขายตรง และการเข้าเป็นสมาชิกของแต่ละสมาคม
อย่างไรก็ดี หากมองไปที่เรื่องของการทำงานของทั้ง 3 สมาคมที่เป็นอยู่ การ จัดตั้งสมาคมใหม่นี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากที่ต้องทำ ซึ่ง 3 สมาคมคงคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่เพียงพอแล้ว แต่ตนมองว่ามีอีกมากมายหลายสิ่งที่ทำได้หากมีการจัดตั้งสมาคมใหม่ ขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันเงียบๆ แล้ว ซึ่งในขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่องของนิติกรรมที่ต้องทำต่อ ซึ่งตอนนี้คงกล่าวในเบื้องต้นได้เพียงเท่านี้ิ
โดยคุณพิศิษฐ์ ยังกล่าวว่า ไม่มีสูตร สำเร็จที่จะบอกว่า การจัดตั้งสมาคมของวงการธุรกิจ ควรมีกี่สมาคมอย่างไร ซึ่งหากมี 1 สมาคม หรือกี่สมาคมก็ตาม แต่ไม่มีประโยชน์ก็ไม่ควรจัดตั้งสมาคมด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้น การจัดตั้งพรรคการเมืองของไทย หรือต่างประเทศก็ไม่ควรมีเกิน 2 พรรค ซึ่ง การจัดตั้งสมาคมขึ้นมาใหม่ ก็เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงกับวงการ ทั้งนี้ การจัดตั้งสมาคมใหม่นี้ ได้มีการ ตั้งชื่อสมาคมอย่างไม่เป็นทางการว่า สมาคมส่งเสริมขายตรงไทย ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้ จะมีการจัดตั้งขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทางสมาคมจะมีการเปิดเผยอีกครั้ง
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจฉบับที่ 1314 ประจำวันที่ 4-7-2012 ถึง6-7-2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น