คิงส์ เฮล์ทตี้ ยัน! เหตุผล นักธุรกิจยังไม่ได้รับโอนรถตาม เงื่อนไข เพราะผู้บริหารคนเก่าเซ็น ชื่อในนามบุคคล เล็งหาทางแก้ไข เร็วๆ นี้ ยื่นคำขาด หากภายใน 3 เดือน เรื่องไม่มีแนวโน้มจะจบ บริษัทยินดีควักกระเป๋าซื้อคันใหม่ ให้ ไม่ง้ออดีตผู้บริหารที่เปลี่ยนรถโวครึ่งปีแรกโกยรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท นพธีรา ประสพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิงส์ เฮล์ทตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า สาเหตุที่บริษัท ไม่สามารถที่จะโอนรถยนต์ให้กับสมาชิกได้ตามเงื่อนไข เนื่องจาก การที่ผู้บริหารที่เคยร่วมงานกับ คิงส์ เฮล์ทตี้ ได้เปลี่ยนชื่อการจัด ซื้อรถที่ปกติการจัดซื้อรถนั้นจะต้องออกในนามของบริษัท แต่ ผู้บริหารคนดังกล่าวได้จัดซื้อโดยการใช้ชื่อของตนเอง และได้ ลาออกจากบริษัทไปแล้ว และยังไม่ได้โอนรถให้กับสมาชิก ดังนั้น ในเบื้องต้นบริษัทได้ติดต่อไปยังผู้บริหารคน ดังกล่าวเพื่อเซ็นเอกสารการโอนรถหลายครั้ง แต่ยังไม่มีการ ตอบรับหรือเซ็นเอกสารกลับมาแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทเองก็ไม่ทราบ ถึงสาเหตุของการไมย่ อมเซน็ เอกสารของอดตี ผบู้ รหิารท่านนัน้ โดย รถที่ยังไม่ได้โอนให้กับสมาชิกมีทั้งสิ้น 10 คัน จากจำนวนรถที่ต้อง โอนให้กับสมาชิกทั้งหมด 16 คัน ซึ่งแบ่งรถที่ยังไม่ได้รับการโอน ออกเป็นโตโยต้า วีออส 7 คัน และ โตโยต้า อัลติส 3 คัน รวมมูลค่า เกือบ 5 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะดำเนินการเรื่องนี้ ต่อไป โดยขณะนี้บริษัทได้ทำการปรึกษาทนายความเพื่อหาหนทาง ในการฟ้องร้อง หากอดีตผู้บริหารยังไม่มีการตอบรับ พร้อมกับ ปรึกษากับทางบริษัทเจ้าของรถเพื่อขอรับการช่วยเหลือ หรือ ถ้าหากเรื่องนี้ไม่สามารถจบได้ภายใน 3 เดือนนี้ ตนก็พร้อม ที่จะควักกระเป๋าเพื่อซื้อรถคันใหม่ให้กับสมาชิกทุกคนที่ได้รับ ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ สำหรับกระแสของคูปองการซื้อสินค้าที่ดูเหมือนจะมี ปัญหานั้น นพธีรา กล่าวว่า การที่บริษัทได้มีนโยบายในการออก คูปองเพื่อซื้อสินค้านั้นเพื่อต้องการที่จะกระจายสินค้า และ แก้ปัญหาสินค้าค้างสต๊อก รวมไปถึงการช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับ สมาชิกที่ปัจจุบันมีมากกว่า 400,000 รหัส ซึ่งบริษัทยอมรับว่า จากกระแสที่ออกมาส่งผลให้สมาชิกออกไปบ้างแต่อยู่ในระดับ ที่ไม่มากนัก
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี บริษัทเตรียมแผนเปิดสาขาใหม่ ซึ่งแผนดังกล่าวนับเป็นกลยุทธ์หลัก โดยสาขาที่จะเปิดให้บริการ เร็วๆ นี้ คือ สาขาหาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาสถานที่ที่เหมาะสม และหลังจากสาขาหาดใหญ่แล้วบริษัท จะรุกเข้าไปเปิดสาขาที่นครราชสีมา และต่อด้วยเชียงใหม่เป็นสาขา ถัดไป
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนที่จะจัดโรดโชว์ ทั่วทุกภาค ของประเทศซึ่งจะจัดขึ้นทุกเดือน นอกจากนี้บริษัทยังจัดกิจกรรม CSR ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ โดยการจัดแรลลี่เพื่อเข้าไปพัฒนาโรงเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาแต่ยังไม่ได้รับการพัฒนา โดยแรลลี่ครั้งนี้จะเริ่มออกสตาร์ตที่จังหวัดสุพรรณบุรีและสิ้นสุด ที่หาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรี
นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมแผนรุกตลาดอีกหลายแผน เช่น แผนการออกสินค้าใหม่ แผนการทำสื่อดาวเทียม (จานม่วง) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และในส่วนของผลประกอบ- การในช่วงครึ่งแรกของปีบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท นพธีรา กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับการเปิดประชาคม เศรษฐกิจ (AEC) นับว่าเป็นผลดีต่อบริษัทในแง่ของการสรรหา บริษัทซัพพลายเออร์มาร่วมงาน เพื่อให้วัตถุดิบในการผลิต สินค้าที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น