ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

นู สกิน ฉลองยอดขาย ทะลุ 2,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าสู่ ผู้นำตลาดแอนตี้ เอจจิ้ง



บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองความสำเร็จยอดขายปี 2553 ทะลุ 2 พันล้านบาท เติบโต 40% มียอดนักธุรกิจสูงขึ้น 50% พร้อมมียอดสมาชิกใหม่สูงขึ้น 50% ชี้ผลิตภัณฑ์ ageLOC มาแรง ดันสัดส่วนยอดขายสูงถึง 35% นู สกิน พร้อมวางแผนเดินหน้าเติบโตแบบเร่งอัตรา โดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่กลุ่มชะลอวัย พร้อมรุกตลาดต่างจังหวัดผ่านการสนับสนุนและลงทุนในระบบไอทีเทคโนโลยี ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 30% หรือ 2,600 ล้านบาท และเพิ่มยอดผู้ทำธุรกิจ 35%

นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นู สกิน ประเทศไทย สามารถปิดยอดขายปี 2553 ก้าวสู่การเป็นบริษัทสองพันล้านได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือมียอดขายเติบโตขึ้น 40% มียอดนักธุรกิจสูงขึ้น 50% และผู้แทนจำหน่ายใหม่สูงขึ้น 50% โดยปัจจัยความสำเร็จมาจาการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ageLOC ที่ตอบสนองความต้องการ ของตลาดได้อย่างตรงจุด รวมทั้งการใช้กลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง โดยการรีเฟรชผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไลฟ์แพ็กด้วยการเป็นผู้สนับสนุนนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการผ่านคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งในทางการตลาดถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างความน่าเชื่อถือต่อผลิตภัณฑ์ สร้างความไว้วางใจให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างสูง จนทำให้กลุ่มอาหารเสริมเติบโตขึ้น 20% นอกจากนี้ แผนการจ่ายเงินปันผล

เวลธ์ แม็กซิไมเซอร์ (Wealth Maximizer) เป็นแผนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเดิม ซึ่งทำให้ผู้แทนจำหน่ายมีรายได้สูงกว่าเดิมถึง 3 เท่า ประกอบกับกิจกรรมกระตุ้นศักยภาพความแข็งแกร่งของผู้แทนจำหน่ายผ่านโปรแกรมการท

่องเที่ยว (Incentive Trip) กิจกรรมโรดโชว์ และการจัดสัมมนา ที่ทางนู สกิน ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จึงช่วยกระตุ้นยอดขายสนับสนุนการทำงานของนักธุรกิจและดึงดูด ผู้แทนจำหน่ายใหม่ได้เป็นอย่างดี

“สำหรับสัดส่วนยอดขายตามกลุ่มผลิตภัณฑ์แบ่งได้ดังนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฟาร์มาเน็กซ์มีสัดส่วนประมาณ 40% กลุ่มผลิตภัณฑ์เพอร์ซันแนล แคร์ประมาณ 60% โดยมีผลิตภัณฑ์ ageLOC 35% สำหรับปี 2554 นี้ นู สกิน วางเป้าหมายการเติบโตประมาณ 30% หรือ 2,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ageLOC เติบโตขึ้น 30% มีจำนวนผู้ทำธุรกิจเติบโตขึ้น 35% และมียอดผู้แทนจำหน่ายใหม่เติบโตขึ้น 30%” นางภคพรรณ กล่าว

นางภคพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ นู สกิน จะขับเคลื่อนธุรกิจโดยการกระตุ้นการเพิ่มปริมาณการบริโภคสินค้า ให้มีการบริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างยอดสมาชิกใหม่ผ่านกิจกรรมการตลาด ส่งเสริมการขาย และแผนการจ่ายเงินปันผล เพื่อให้เกิดการเติบโตแบบเร่งอัตรา โดยบริษัทฯ จะยังคงบุกตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มต่อต้านความชราซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต อีกทั้งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและให้ความสำคัญในการลงทุน พัฒนาวิจัยมาโดยตลอด โดยวางงบกิจกรรมการตลาดประมาณ 5% ของยอดขายประมาณการสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สำคัญของปีคือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อการชะลอวัย ภายใต้เทคโนโลยี ageLOC และมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายของผู้แทนจำหน่าย ผ่านกิจกรรมอบรมสัมมนา กิจกรรม นู สกิน โรดโชว์ และโปรแกรมการท่องเที่ยว (Incentive Trip)

ในปี 2553 นู สกิน สามารถแบ่งสัดส่วนลูกค้าเป็นกรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40% โดยในปีนี้ นู สกิน วางแผนบุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ด้วยการพัฒนาระบบไอที โซลูชั่น แบบ 360 องศา ที่สามารถรองรับการเติบโตกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดในทุกๆด้าน อาทิ กลุ่มจัดตั้งระบบการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือที่เรียกว่าเว็บอีดีซี ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก และผู้แทนจำหน่ายสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาภายในศูนย์บริการ และสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้โดยตรงเสมือนเป็นตัวแทนของบริษัทฯ จากเดิมที่บริษัทฯ เท่านั้นที่มีอำนาจในการเรียกเก็บเงิน ซึ่งหลังจากเปิดตัวเว็บอีดีซีเมื่อต้นปี 2553 พบว่ามียอดการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์เติบโตขึ้น 200% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาระบบการจัดอบรม สัมมนา และประชุมทางไกล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้แทนจำหน่ายในต่างจังหวัดไม่ต้องเดินทางเข้าสำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ แต่ยังคงได้รับข้อมูลครบถ้วนสดใหม่พร้อมกับผู้แทนจำหน่ายในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธฺภาพการทำงานของผู้แทนจำหน่ายได้อย่างมาก นอกจากนี้ระบบไอที โซลูชั่น 360 องศายังรองรับในด้านการสื่อสาร การปันผลตอบแทน การจัดส่งสินค้า เป็นต้น นางภคพรรณ กล่าว

นางภคพรรณ กล่าวว่าปัจจุบัน นู สกิน มียอดผู้แทนจำหน่ายจำนวนทั้งสิ้น 2.3 แสนบัญชีรายชื่อ มียอดผู้บริหารเติบโตขึ้น 30% จำแนกเป็นผู้บริหารระดับทีมอิลิท 26 บัญชีรายชื่อ ผู้บริหารระดับบลูไดมอนด์ 68 บัญชีรายชื่อ ทำเนียบผู้บริหาร 200 ล้านบาท จำนวน 3 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 100 ล้านบาท จำนวน 1 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 40 ล้านบาท จำนวน 8 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 20 ล้านบาท จำนวน 9 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 10 ล้านบาท จำนวน 18 บัญชี และทำเนียบผู้บริหาร 1 ล้านบาท จำนวน 369 บัญชีรายชื่อ

นู สกิน ประเทศไทย บริหารงานภายใต้นโยบายของบริษัทแม่ ที่มีหลักในการดำเนินธุรกิจ 4 ด้าน คือ ผลิตภัณฑ์ (Product) บุคลากร (People) โอกาสทางธุรกิจ (Opportunity) และวัฒนธรรม (Culture) ดังนั้น นอกเหนือจากแผนและกลยุทธ์การตลาด และผลิตภัณฑ์เพื่อมุ่งสร้างยอดขาย เพิ่มพูนยอดนักธุรกิจ และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคม ตามปณิธานที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น โดย นู สกิน ได้สนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี อย่างต่อเนื่องมาตลอด 14 ปี สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวน 3,906 ราย โดยเฉพาะในปี 2553 สามารถช่วยเหลือได้ทั้งหมด 365 ราย และในปี 2554 นี้ นู สกิน วางเป้าหมายจะช่วยเหลือเด็กผู้ป่วยให้ได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน นางภคพรรณ กล่าว

ที่มา : http://www.newswit.com

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น