ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

จอยแอนด์คอยน์ ย้อนรอยความสำเร็จ 3 เศรษฐีเงินล้าน

ย้อนรอยความสำเร็จ3เศรษฐีเงินล้าน
‘ณัฎฐ์ชุดา-อนันตโชติ-นิรชา’
ผู้นำหัวใจแกร่งแห่ง’จอย แอนด์ คอยน์’


ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป”…เป็นคำกล่าวที่ยังคงความคลาสสิกในทุกยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน ที่ต่างต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ทำทุกวิถีทางให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี บางคนเลือกเดินเข้าสู่ถนนขายตรง ด้วยความหวังอยากมีรายได้ที่มากขึ้น แต่ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางนี้เสียเมื่อไหร่ มีไม่น้อยที่ล้มแล้วไม่ลุก แต่คงไม่ใช่ “ณัฎฐ์ชุดา สิริชววัฒน์” และ “อนันตโชติ – นิรชา ชัยปรีชา” นักสู้และนักขายมืออาชีพจากค่าย “จอย แอนด์ คอยน์” เป็นแน่!

เพราะเขาเหล่านี้ต่างก็ต้องต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคนานัปการ กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นสมาชิกคลับเงินล้านชั้นแนวหน้าในวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่ต้องเอาชนะความท้อแท้ สิ้นหวัง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลัง
เพื่อลุกขึ้นเดินต่อ ทว่าวันนี้พวกเขาทำสำเร็จ มีทุกสิ่งอย่างที่ใจปรารถนา ซึ่งต้องบอกว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากอย่างแสนสาหัส หากไม่เคยล้มก็คงไม่รู้วิธีลุกขึ้นสู้ใหม่ นี่คือแนวคิดที่ใช้ปลุกปลอบใจตัวเองในยามเหนื่อยล้า และเป็นที่มาของเรื่องราว “คลับเงินล้าน” ในปักษ์นี้

เริ่มต้นกันที่ “ณัฎฐ์ชุดา สิริชววัฒน์” อดีตแม่พิมพ์ของชาติ ที่เข้าสู่วงการเครือข่ายเนื่องจากต้องการหารายได้เสริม เพราะลำพังเงินเดือนครูบวกกับเงินเดือนสามีที่รับราชการทหาร ไม่สามารถตอบสนองค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้เต็มที่ ลูกๆ ทั้งสองคนก็อยู่ในวัยกำลังเรียน ดังนั้น สองสามีภรรยาจึงดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เริ่มจากการทำเครือข่ายกับค่ายยักษ์ใหญ่ แต่ด้วยความคิดไกลฝันไกล จึงได้กู้หนี้ยืมสินมาทำธุรกิจอย่างอื่นเพิ่มเติม

แต่แล้วความฝันว่าจะรวยก็ต้องพังทลายลงไปต่อหน้า เมื่อวันหนึ่งสามีเดินมาบอกว่าธุรกิจที่ทำล้มเหลว ทุกอย่างที่ลงทุนไปมีค่าเท่ากับศูนย์ เหลือเพียงหนี้ก้อนโตไว้ให้ดูต่างหน้า “ณัฎฐ์ชุดา” จึงต้องยอมละทิ้งความฝันในวัยเยาว์ด้วยการลาออกจากอาชีพครู ด้วยหวังจะหางานอย่างอื่นทำเพื่อปลดหนี้ 3 ล้านบาท แต่เหตุการณ์ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คาด เพราะเธอลาออกมาโดยที่ยังไม่รู้จะทำอะไร เงินลงทุนก็ไม่มีสักบาท จึงต้องไปทำงานรับจ้างล้างถ้วยกาแฟ และทอดปาท่องโก๋ข้างๆ โรงเรียนที่เคยสอน ที่เจ็บปวดที่สุดคือ ต้องทนเห็นสายตาดูถูกจากเพื่อนครูและคนรอบข้าง

น่าอัศจรรย์ใจที่เธอสามารถอดทนเพื่อเงินวันละ 150 บาท ให้ลูกๆ ได้มีค่าขนมไปโรงเรียน จนในที่สุดเธอรวบรวมเงินทุนได้ก้อนหนึ่ง เพื่อขายส้มตำ ไก่ย่าง แต่ชีวิตก็ยังคงอยู่ในมุมมืด เมื่อต้องหลบๆ ซ่อนๆ เจ้าหนี้ที่คอยมาทวงเงิน

เคราะห์ซ้ำกระหน่ำซัดอีกครั้ง!…เมื่อ “ณัฎฐ์ชุดา” ล้มป่วยเป็นกระดูกทับเส้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก เธอนอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพอยู่เป็นเดือนๆ เนื่องจากไม่สามารถเดินได้ ชีวิตที่ถูกเส้นบางๆ ขีดคั่นไว้ระหว่างความเป็นกับความตาย ทำให้หนี้ 3 ล้านบาทกลายเป็นเรื่องเล็ก เธอจึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้หายจากการเจ็บป่วย และจากนี้เธอจะสู้ สู้กับอุปสรรคทุกอย่างไม่มีถอย ต้องปลดหนี้และมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ให้ได้

ดูเหมือนเทวดาจะได้ยินคำอธิษฐาน เมื่อเธอหายป่วยและกลับมาเดินได้อีกครั้ง สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือต้อง “รวย” ด้วยการทำเครือข่าย เพราะเธอเคยสัมผัสธุรกิจนี้มาก่อนและประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ความสวยงามของเครือข่ายยังอยู่ในใจเสมอ เพียงแต่เธอยังไม่รู้ว่าจะเดินเข้าไปหาค่ายใด บ้านหลังไหนที่จะเติมเต็มความปรารถนาให้เป็นจริง

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นกับชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเพื่อนเก่าได้ชักชวนให้เธอและสามีรู้จัก “เจริญโอสถ” หรือ “จอย แอนด์ คอยน์” ในปัจจุบัน สองสามีภรรยาไปนั่งฟังแผนการตลาดด้วยหัวใจที่พองโต มองเห็นแสงสว่างรำไรอยู่เบื้องหน้า ด้วยหวังจะฝากชีวิตไว้กับที่นี่

4 ปีแรกกับ “จอย แอนด์ คอยน์” นั่น “ณัฎฐ์ชุดา” ยอมรับว่ายังห่างไกลกับคำว่า “สำเร็จ” เพราะทำงานแบบสะเปะสะปะ ไม่มีข้อมูล ไม่มีที่ปรึกษา แม้จะไม่เป็นหนี้เพิ่ม แต่ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด เธอจึงกลับลำตั้งตัวใหม่ด้วยการเดินเข้าไปหา ประธานบริษัท “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ขอคำปรึกษาการทำธุรกิจเครือข่าย แล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อได้แนวคิดทฤษฎีกลยุทธ์มากมายมาปรับใช้ในการทำงาน กลายเป็นที่มาของการพัฒนาคนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ

“ณัฎฐ์ชุดา” สร้างผู้นำขึ้นมาคนแล้วคนเล่า ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้นำภายใต้องค์กรช่วยเหลือตัวเองได้ รู้ลึกรู้จริงเรื่องเครือข่าย จัดตั้งระบบการทำงานเข้ามารองรับ จากอดีตที่ใช้ยุทธวิธีรุก ทำทุกอย่างให้สินค้าถึงลูกค้า แต่มาวันนี้เธอตั้งรับ ให้ลูกค้ามีช่องทางเข้ามาติดต่ออย่างสะดวกสบาย จนพัฒนามาเป็นการสร้างวิธีดึงผู้คนเข้ามาสู่ธุรกิจได้ง่ายที่สุด

เธอวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในช่วงแรกไว้อย่างน่าสนใจว่า ผิดพลาดที่ไปชักชวนคนที่เขาไม่มีแรงจูงใจที่จะรวย เพราะชีวิตของพวกเขาสุขสบายอยู่แล้ว ทำให้เสียงตอบรับที่ต้องการร่วมธุรกิจมีน้อย การขยายเครือข่ายจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ทันทีที่เธอเปลี่ยนวิธีคิด โดยการหันไปชักชวนคนที่มีหนี้สินและอยากรวยเหมือนกับเธอ กลายเป็นว่าไม่มีใครปฏิเสธที่จะร่วมธุรกิจ เพราะมันเป็นความหวังเดียวที่จะพลิกชีวิตได้

กลยุทธ์ต่อมาของ “ณัฎฐ์ชุดา” คือ การเดินสายโมติเวท และไปพบปะผู้นำทุกจังหวัด เมื่อเดินมาบนหนทางที่ถูกต้อง ในที่สุดรายได้ก็ตามมาโดยอัตโนมัติ ไม่มากไม่น้อยแค่เดือนละ “ล้านเศษๆ” เท่านั้นเอง

ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเธอและสามีสามารถปลดหนี้ได้ ภารกิจต่อไป คือ สร้างทรัพย์สินไว้ให้ลูกด้วยการซื้อบ้าน 4 หลัง คอนโดที่หาดป่าตองอีก 2 ยูนิต รถยนต์อีก 3 คัน ต่อด้วยโปรเจ็กต์ถอยเบนซ์ป้ายแดง พ่วงด้วยรางวัลชีวิตที่ได้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศมาแล้วกว่า 30 ประเทศ

วันนี้ “ณัฎฐ์ชุดา” ได้แต่ขอบคุณธุรกิจขายตรง “จอย แอนด์ คอยน์” และ ท่านประธาน “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ที่มองการณ์ไกลและวางโครงสร้างทุกอย่างเอาไว้อย่างดี หากเธอไม่ได้รับโอกาสคงไม่สามารถจะก้าวมาสู่ ณ จุดนี้ได้ อาชีพเครือข่ายช่างมีเกียรติ ศักดิ์ศรี ไม่แพ้อาชีพสุจริตอื่นใดในโลกนี้เลย

งานต่อไปของ “ณัฎฐ์ชุดา” คือ ทำอย่างไรให้คนภายใต้องค์กร หรือคนที่คาดหวังกับที่นี่ประสบความ
สำเร็จ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจจะมีปัญหาอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่รอคอยอยู่เบื้องหน้า แต่เธอสัญญา
ว่าต้องดำเนินภารกิจนี้ให้ลุล่วงแน่นอน พร้อมกับเสนอทางเลือกให้กับคนที่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน และต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิต นั่นคือ การเดินเข้ามาบนถนนสายเครือข่าย เพราะเธอมีวันนี้ได้ก็เพราะยอมรับโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ “จอย แอนด์ คอยน์” แห่งนี้ ได้สร้างปาฏิหารย์และเปลี่ยนชีวิตชนิดเหนือความคาดหมายมาแล้ว

…ผ่านไปแล้วกับมนุษย์เงินล้านท่านแรก มาต่อกันที่อีกหนึ่งคู่ คือ “อนันตโชติ–นิรชา ชัยปรีชา” ที่ผ่านอุปสรรคขวากหนามมาอย่างโชกโชนเช่นกัน กว่าที่จะประสบความสำเร็จกับธุรกิจเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “อนันตโชติ” แม้จบการศึกษาเพียงชั้นประถมปีที่ 6 แต่ในโรงเรียนขายตรงนั้น เขาจบชั้นปริญญาเอก เป็นดุษฎีบัณฑิตเลยก็ว่าได้

หนุ่มพิจิตรคนนี้ผ่านงานรับจ้างมาสารพัด ทั้งเป็น คนรับใช้ เด็กท้ายรถสิบล้อ ช่างเจียระไนพลอยก็เป็นมาแล้ว แม้รายได้จะไม่มากแต่ก็ดีกว่าไม่มีงาน ไม่มีเงิน นี่คือ การรู้จักไขว่คว้าหาโอกาส

“อนันตโชติ” วิ่งเข้าหาโอกาสอีกครั้งกับอาชีพเครือข่าย เพราะรู้ตัวดีว่าข้อจำกัดเรื่องคุณวุฒิการศึกษา ทำให้เขาเสียเปรียบกว่าคนอื่นๆ แม้ประสบการณ์การทำงานจะมีมาก แต่เมื่ออยู่ในสังคมที่ยังตัดสินกันที่ประกาศนียบัตร เขาจึงต้องดิ้นรนทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองทัดเทียมกับผู้อื่น

เมื่อเป็นเช่นนี้ “อนันตโชติ” จึงพยายามศึกษาหาความรู้กับสิ่งที่สนใจทำอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาชีพเครือข่าย เพราะมันคือ ความหวังและความฝันของชายผู้มีการศึกษาเพียงชั้นประถม 6 คนนี้ เขาเข้าไปคลุกคลีกับงานขายตรงตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 มีทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จบ้าง เขาจึงเข้าๆ ออกๆ วงการเครือข่ายอยู่หลายต่อหลายครั้ง บางช่วงก็เข้าไปทำงานในสายประกัน แต่ที่แน่ๆ คือ มีหนี้สินติดตัวอยู่ 6 แสนกว่าบาทก่อนที่จะมาเจอ “จอย แอนด์ คอยน์”

กลางปี พ.ศ.2545 “อนันตโชติ” ตัดสินใจก้าวเข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายอีกครั้ง โดยเลือกร่วมงานกับ “จอย แอนด์ คอยน์” จากนั้นเขาได้กู้เงินมา 2 หมื่น เพื่อเริ่มธุรกิจครั้งใหม่ และตั้งเป้าเอาไว้ว่าต้องปลดหนี้ทั้งหมดให้ได้ภายใน 3 ปี มีบ้านซักหลัง รถมือสอง 1 คัน แต่ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อเขาไปชักชวนคนรอบข้างแต่กลับถูกปฏิเสธและอวยพรให้เขาเอาตัวเองให้รวยก่อน ถ้ารวยแล้วค่อยมาชวนใหม่

จากประสบการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ “อนันตโชติ” รู้ว่าคนใกล้ตัวจะไม่ชอบฟังสิ่งที่เขานำไปเสนอ หากแต่พวกเขาจะคอยดูว่าธุรกิจขายตรงมันทำแล้วประสบความเร็จจริงหรือไม่ ตรงกันข้ามถ้าเขาเอาไปบอกต่อให้คนที่ไม่รู้จักฟัง ก็จะพบว่าคนกลุ่มนี้จะฟังและวิเคราะห์ว่า มีประโยชน์กับเขาอย่างไร เมื่อบรรลุความจริง ณ จุดนี้ เขาจึงเดินหน้าล่าเครือข่ายตามยุทธศาสตร์ที่วางแผนไว้อย่างดี

เพียงแค่ปีเดียวก็สามารถปลดหนี้ได้ 7 แสนบาท แถมปลูกบ้านราคาหลายล้านอีก 1 หลัง และซื้อรถป้ายแดงมา 1 คัน แต่เขาก็ไม่หยุดความสำเร็จไว้เพียงเท่านั้น หากแต่ยังมุ่งเดินหน้าสร้างเครือข่ายต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งได้มาเจอ “นิรชา ชัยปรีชา” ซึ่งเข้ามาทำธุรกิจที่ “จอย แอนด์ คอยน์” เช่นกัน “นิรชา” เล่าว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความฝัน แต่เดี๋ยวนี้มีความฝันที่รอคอย “อนันตโชติ” เนรมิตให้กลายเป็นความจริง ซึ่งเธอก็ได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ รวมถึงบ้านหลังใหม่ราคากว่า 30 ล้าน ที่ “อนันตโชติ” มอบให้เป็นของขวัญ พร้อมรถเบนซ์ป้ายแดงรุ่นใหม่ล่าสุด

เคล็ดลับความสำเร็จตลอด 9 ปีที่ผ่านมานี้ เป็นเพราะทุ่มเทให้กับงานโดยไม่สนใจปัญหา เพราะหากนึกถึงแต่เป็นปัญหาจะทำให้มองไม่เห็นเป้าหมาย และที่สำคัญคือ ต้องรู้จริง เข้าใจจริง ตัดสินใจทำให้เป็นจริง หากคิดว่า นี่คือโอกาสของเรา “อนันตโชติ” กล่าว

เพื่อให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบ “อนันตโชติ” ยังคงมุมานะกับธุรกิจเครือข่ายต่อไป แล้วธุรกิจขายตรงทุกวันนี้ง่ายกว่าสมัยบุกเบิกมาก เพราะมีเครื่องมีอคอยสนับสนุน เช่น สื่อวิทยุ ทีวีดาวเทียม เพียงแต่ต้องใช้ให้เป็น เมื่อมีสื่อแล้วก็ต้องทำงานต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ทำตัวเป็นน้ำที่ไม่เคยเต็มแก้ว เพื่อพร้อมที่จะรับความรู้ใหม่ๆ เข้ามา สำคัญที่สุดต้องมีระบบรองรับคนที่หลั่งไหลเข้าสู่องค์กร การเดินตามคนสำเร็จ หรือที่เรียกว่าก็อปปี้ก็ทำให้รวยได้ เมื่อประสบความสำเร็จแล้วก็อย่าลืมตัว หากทำได้ตามนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ในธุรกิจขายตรงไปได้อีกนาน

จากปีแรกที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 7 ล้าน ปีต่อๆ มา รายได้ก็ค่อยขยับขึ้นไปจนปีหนึ่งๆ รับเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน ทรัพย์สินต่างๆ งอกเงยขึ้นมาเป็นลำดับ “อนันตโชติ” บอกว่างานเครือข่ายสามารถตอบสนองได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ เพราะนี่คือ อาชีพอีกอาชีพหนึ่งที่ทำง่าย รายได้มั่นคง หากรู้จักทำ

คนเราเมื่อขาดและเสาะแสวงหาโอกาส อยากให้ลองมองมาที่อาชีพเครือข่าย เปิดใจศึกษาดูให้ดี คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าเป็นงานที่ไม่มีหลัก ใครทำก็ดูเหมือนคนนั้นจะเป็นคนว่างงานหรือไม่มีความรู้ อีกทั้งรายได้ก็ไม่แน่นอน…แต่ “อนันตโชติ” มองในมุมที่แตกต่าง โดยบอกว่า “ไม่มีอาชีพใดที่จะทำให้คนที่แย่ที่สุด กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้เหมือนอาชีพขายตรง” ตัวเขาเองก็เช่นกัน แม้ความรู้จะน้อยนิด แต่เมื่อรู้จักหยิบฉวยโอกาสดีๆ ที่อยู่ตรงหน้า ก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนผันไปในทางที่ดีขึ้นเป็นร้อยเป็นพันเท่าเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ เรื่องราวความสำเร็จของมนุษย์เงินล้านแห่ง “จอย แอนด์ คอยน์” จะเห็นว่าแต่ละคนล้วนเคยผ่านบทเรียนที่เจ็บปวดจากความจนมาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น แต่การไขว่คว้าหาโอกาสและใช้มันให้เป็น ก็ทำให้พวกเขากลับมามีที่ยืนได้อย่างสง่าผ่าเผยอีกครั้ง และบทเรียนความล้มเหลวอันเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ น่าจะเป็นกำลังใจให้หลายๆ คนที่กำลังท้อแท้ได้เป็นอย่างดี….

ที่มา : หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 291 ประจำวันที่ 16 – 28 กุมภาพันธ์ 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น