ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิฟฟารีน/นู สกิน มุ่งจับโซเชียลริสต้า



กิฟฟารีน/นู สกิน มุ่งจับโซเชียลริสต้า

ค่ายขายตรงระดับบิ๊ก แห่ลุยขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หวังเจาะนักธุรกิจรุ่นใหม่และกลุ่มคลั่งโซเชียล มีเดีย หรือ Socialista “กิฟฟารีน” ลั่นระบบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ดีเดย์เปิดกลางเดือนกุมภาพันธ์ มั่นใจช่องทางออนไลน์บูมเพิ่มสัดส่วน 20% ของตลาดรวม ด้าน “นู สกิน” ชูไอที โซลูชั่น 360 องศา ขยายนักธุรกิจภูธร ชี้ข้อดีรองรับภัยธรรมชาติพิษการเมือง หวัง 3 ปีนักธุรกิจออนไลน์ไทยเพิ่ม 50% เทียบชั้นสากล

พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ค่ายธุรกิจขายตรงหลายชั้นระดับท็อปไฟว์ เริ่มหันมาให้ความ สำคัญการขยายช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่มีศักยภาพและนับว่า เป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่จะช่วยให้ธุรกิจขายตรงสามารถขยายนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่เป็นคนเมืองเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังสามารถเข้า ถึงผู้บริโภคทั่วไปได้ง่ายขึ้น ตลอดจนการรับ รู้ถึงข้อมูล และยังมีความสะดวก รวดเร็ว

ทั้งนี้ การปรับตัวแทบจะทุกค่ายของ ธุรกิจขายตรง เพื่อรองรับยุคดิจิตอลที่มาแรง ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนทำให้เข้าถึงตัวบุคคลได้ง่ายมากขึ้น และทำให้คนเข้าถึงข้อมูลสินค้าและผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น กระแสการใช้สมาร์ทโฟน อาทิ ไอโฟน แบล็กเบอร์รี่ หรือกระทั่งโซเชียล มีเดีย อย่าง เฟซบุ๊กที่มาแรงอย่างมากสำหรับคนไทย อย่างไรก็ตาม ประมาณการว่าปีนี้สัดส่วนของนักธุรกิจขายตรงจากทางช่องทางออนไลน์ 20% ของตลาดรวม ส่วนอีก 80% เป็นนักธุรกิจในรูปแบบออฟไลน์

“แนวโน้มจากนี้ไปทุกกลุ่มธุรกิจจะปรับตัว และหันมาให้ความสำคัญการดำเนิน ธุรกิจช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งพบว่า ทั้งจากวงการค้าปลีก กลุ่มเซ็นทรัล, เดอะ มอลล์ เปิดเว็บไซต์จำหน่ายสินค้า ขณะที่ยักษ์ใหญ่ยูนิลีเวอร์ ก็ประกาศให้เพิ่มงบประมาณเพื่อรับกับยุคดิจิตอลมากขึ้น”

สำหรับแผนขยายธุรกิจทางออนไลน์ของกิฟฟารีน ในปีนี้บริษัทจะทำการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์บน www. giffarine.co.th ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบอยู่ ล่าสุดบริษัทได้ทำการสำรวจกลุ่มนักธุรกิจ ที่พร้อม ใช้ระบบการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์มีจำนวน 1 หมื่นราย หรือเป็นผู้ที่มีความพร้อมการทำธุรกรรมการเงินทางอีแบงกิ้ง ขณะเดียวกันบริษัทก็มีจัดอบรมให้กับนักธุรกิจทั้งการสั่งซื้อสินค้าทางระบบออนไลน์และการชำระเงิน ฯลฯ

“ข้อจำกัดทางการดำเนินธุรกิจออนไลน์ในขณะนี้ คือ คนไทยไม่นิยมทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอีแบงกิ้ง และระบบการส่งสินค้าทางไปรษณีย์ มีค่าใช้จ่ายสูง ส่วนความเชื่อมั่นของผู้สั่งซื้อสินค้า หากเป็นสินค้าที่มีแบรนด์น่าเชื่อถือได้ก็ไม่มีปัญหา เพราะผู้ซื้อจะมั่นใจว่าได้รับสินค้าแน่นอน”

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าการเปิดดำเนินธุรกิจทางช่องทางออนไลน์ของกิฟฟารีน ปีแรกจะมีกลุ่มนักธุรกิจทางช่องทางออนไลน์สัดส่วนมากกว่า 10% แน่นอน ส่วนเรื่องผลประกอบการปีนี้บริษัททำได้ 4,912 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้ามากนัก เนื่อง จากได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทาง การเมือง และอุทกภัยที่เกิดขึ้น ส่วนในปีนี้ บริษัทได้วางเป้าไว้ที่ 5.5 พันล้านบาท ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรงจนส่งผลกระทบ เป้าหมายนี้ก็จะเป็นจริงในสิ้นปี

“นู สกิน” ชูไอที โซลูชั่นกวาดพื้นที่ภูธร ภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมธุรกิจขายตรงเติบโต 10% จากมูลค่าธุรกิจขาย 5 หมื่นล้านบาท เนื่อง จากสภาพการเมืองภายในประเทศเริ่มนิ่ง หลังจากปีที่ผ่านมาผลจากความไม่สงบทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ตลาด โต 7% เท่านั้น อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจขาย ตรงออนไลน์ในเชิงรุก ด้วยการพัฒนาระบบไอที โซลูชั่น 360 องศา เพื่อขยายลูกค้าต่างจังหวัดในทุกๆ ด้าน

สำหรับไอที โซลูชั่น เป็นระบบการจัดซื้อสินค้าออนไลน์ หรือเรียกว่าเว็บอีดีซี ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก และผู้แทนจำหน่ายสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาภายในศูนย์บริการ และสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าโดยตรงเสมือนเป็นตัวแทนของบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เว็บอีดีซี เมื่อปี 2553 พบว่า ยอดการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์เติบโตขึ้น 200%

ขณะเดียวกันบริษัทยังพัฒนาระบบ การจัดอบรม สัมมนา และประชุมทางไกล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้แทน จำหน่ายในต่างจังหวัด ซึ่งมีฐานลูกค้า สัดส่วน 40% และกรุงเทพฯ 60% อย่างไรก็ตาม ข้อดีการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ ส่วนหนึ่งรองรับกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นและการเมืองที่ไม่สงบ และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกปีนี้ ตั้งเป้านักธุรกิจทางออนไลน์เพิ่มจาก 10% เป็น 20% จากในปี 2552 มีนักธุรกิจเพียง 2% เท่านั้น ที่เหลือ 98% เป็นออฟไลน์

ภคพรรณ กล่าวว่า ในตลาดต่าง ประเทศ มีกลุ่มนักธุรกิจขายตรงทางออนไลน์ สัดส่วนถึง 50% และออฟไลน์ 50% สำหรับประเทศไทย เชื่อว่า ใช้เวลาประมาณ 3 ปี นักธุรกิจออน ไลน์จะเพิ่มสัดส่วน 50% และออฟ ไลน์ 50% โดยกลุ่มสินค้าที่นักธุรกิจสั่งซื้อจากออนไลน์ก็มีความหลาก หลาย อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการ ปีนี้บริษัทตั้งเป้าโต 30% หรือมีรายได้ 2.6 พันล้านบาท จากปีที่ผ่านมาโต 40% หรือมีรายได้ 2 พันล้านบาท

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ [ ฉบับที่ 1177 ประจำวันที่ 16-2-2011 ถึง 18-2-2011 ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น