ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

ส่องกล้องธุรกิจขายตรงปีม้า(2557) ผวาการเมืองยื้อฉุดกำลังซื้อวูบ

105_20121204141351.


ส่องขายตรงปีม้า ผู้ประกอบการหวั่นการเมืองไม่นิ่งเสี่ยงกระทบธุรกิจ ทำคนเครียดหมดอารมณ์ใช้จ่าย เร่งปรับกระบวนยุทธ์ดิ้นหนีขยายตลาดภูธร พร้อมปรับตัวสู้ก่อนเปิด AEC ขายตรงออนไลน์มาแรง หลายค่ายทุ่มงบเร่งพัฒนาหวังแทนที่ช่องทางออฟไลน์ล้าสมัย ส่วนเทรนด์สินค้าสุขภาพ ความงาม ยังฮิตตลอดกาล แต่แข่งขันด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ ไตรมาสแรกเตรียมรับความคึกคักขายตรงไทย-เทศ แห่เปิดใหม่เพียบ


แม้ว่าปี 2556 ที่ผ่านมา จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นปัจจัยเหนือการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติต่างๆ ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน เกิดภาวะชะลอการใช้จ่าย แต่สำหรับภาคธุรกิจขายตรงก็ถือว่ามีความคึกคักสวนกระแสกับสภาวะเศรษฐกิจ ในปีนี้…แน่นอนว่าบรรดาผู้ประกอบการต่างเตรียมพร้อมรับมือกับสภาวะต่างๆ ไว้เป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นหากเกิดเหตุปัจจัยอื่นที่มากระทบ โดยเฉพาะความไม่เสถียรของสถานการณ์ทางการเมือง ก็อาจทำให้เกิดผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้ “ขายตรงบ้านเมือง” มีคำตอบ


 


การเมืองป่วนคนซื้อหดหู่


พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงของไทยแบรนด์กิฟฟารีนิ เปิดเผยว่า ปีนี้ผลประกอบการของบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท เติบโตเพียงแค่ 5% เท่านั้น ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายที่เดิมที่ตั้งไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ 7-10% แต่อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่ายังดีที่เติบโตใกล้เคียงกับตลาดรวมขายตรงที่เติบโตประมาณ 5-7% สาเหตุมาจากปัจจัยลบหลายประการเช่น ปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัด รวมทั้งกำลังซื้อที่ลดลงจากการที่ผู้บริโภคมีภาระเพิ่มขึ้นจากโครงการรถคันแรก บ้านหลังแรก รวมไปถึงปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งคาดว่าปีหน้าตลาดรวมขายตรงยังคงเติบโตประมาณ 5-7%


ในปีหน้าบริษัทฯ จึงได้ทำการปรับแผนด้วยการขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ทดแทน โดยไปทั้งในรูปแบบของการขายสินค้าและการทำธุรกิจรีเทลด้วยการเปิดร้านกิฟฟารีน ซึ่งได้เริ่มไปบ้างแล้วที่ดูไบ อาบูดาบี เป็นต้น ปัจจุบันรายได้จากต่างประเทศมีสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น


“โจทย์ปีนี้ คือ การฟื้นฟูกำลังใจของประชาชน กำลังซื้อของประชาชน ฟื้นฟูสุขภาพจิตของคนไทย สุดท้ายมันจะตอบโจทย์ว่ามันจะขายตรงโตได้เรื่อยๆ ประชาชนยังต้องการความมั่นคง ส่วนผู้บริโภควันนี้ใส่ใจคุณภาพชีวิต ใส่ใจคุณภาพ อยากมีสุขภาพที่ดี ไม่แก่ นี่ยังเป็นสิ่งที่คนยังต้องการ”


 


กระแสนออนไลน์มาแรง


นายกฤธวัช ฤทธีราวี นายกสมาคมธุรกิจขายตรงไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก 2557 ตลาดยังมีความผันผวนอยู่มาก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของไทยปี 2556 มีอัตราการขยายตัว “ต่ำกว่า” ที่เคยประเมินไว้มาก จึงส่งผลมาถึงปีหน้าด้วย โดยปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดในปีหน้าไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเมือง จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจภายในและนอกประเทศยังคงไม่นิ่ง สถานการณ์การเมืองไทยยังตึงเครียด อีกทั้งความกังวลต่อภาระค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือน อาจทำให้กำลังซื้อทรงตัว “เชื่อว่าขายตรงยังเป็นธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้ จากปัจจัยบวก อาทิ เรื่องของสินค้า ที่ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์อย่างเหนียวแน่น สินค้าส่วนใหญ่ในธุรกิจเครือข่ายเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม แม้เศรษฐกิจฝืดผู้บริโภคเป็นจำนวนมากยังยอมจ่าย สะท้อนจากมูลค่าตลาดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเกลือแร่ 3.6 หมื่นล้านบาทเติบโต 15%”


นอกจากนี้ สื่อออนไลน์ที่เข้ามีบทบาทและมีอิทธิพลต่อกลุ่มผู้บริโภคอย่างมาก เป็นอีกช่องในการสร้างโอกาสการขาย ทำให้บริษัทต่างๆ เพิ่มสื่อออนไลน์เข้าไปในแผนการตลาด อย่างไรก็ตามยังมีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากยังเคยชินกับการเลือกซื้อสินค้าในแบบเดิม และคุ้นเคยกับการจับต้อง หรือสัมผัสสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ คนกลุ่มนี้ก็ยังคงใช้จ่ายในรูปแบบเดิมๆ อยู่


“เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนถ่ายจากชีวิตอนาล็อกมาสู่ชีวิตยุคดิจิตอลอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น สำหรับการเติบโตของธุรกิจในปี 2557 บริษัทรอประเมินสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่แน่ชัดก่อน”


 


แนะปรับตัวรับสถานการณ์


นางวิภารัตน์ รัตนพรหมมา ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท โมรินดา เวิร์ลไวด์ จำกัด กล่าวว่า ขายตรงปีนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นหากการเมืองนิ่งกว่านี้ แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบกับบริษัท แต่หากทุกบริษัทรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ก็จะเดินไปข้างหน้าได้


“ถ้าการเมืองบ้านเรานิ่ง ขายตรงจะดีกว่านี้ หลายบริษัทมีผลกระทบแม้แต่เรา แต่ช่วงที่ก่อนเกิดเกดการณ์ เราเตรียมพร้อมมาดี ประเทศไทยกำลังจะเป็นฮับอยู่แล้ว ศักยภาพต่างๆ ที่จะเป็นฮับ ไทยจะมีศักยภาพมากกว่าประเทศอื่น เราด้อยอย่างเดียวเรื่องภาษา แต่นักธุรกิจของไทยมีศัยภาพ น่าจะเติบโตได้ดี


ส่วนการทำงานของนักธุรกิจขายตรงจะเลือกและตัดสินใจมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ในการตัดสินใจร่วมธุรกิจกับบริษัทไหน มาจากการมีสินค้าที่ดีตอบโจทย์ผู้บริโภค และสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวสมาชิกคือการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น


“สิ่งที่นักธุรกิจอยู่กับเราต้องบอกว่าเพราะสินค้า เหล่านี้มองว่าสินค้ามันดี ตอบโจทย์ เป็นแนวทางให้เขาในการทำงาน แผนการจ่ายของเรา เทรนด์ตอนนี้คนจะมองว่าไบนารี่ แต่ของเราจะมองว่าแบบเก่า แต่เราได้จ่ายคอมฯ หลายล้าน มีคนเกษียณส่วนการแข่งขันไม่พ้นเรื่องรายได้เข้ามาเป็นหลัก ผู้นำย้ายบ่อยก็ช้ำบ่อย สิ่งที่บริษัททำให้ได้คือ สร้างความเชื่อมั่นกับคนว่าเขาอยู่แล้วเติบโต วินวินทั้งสองฝ่าย”


 


เทรนด์สุขภาพ-ความงาม แรง


นายสุธีร์ รัตนนาคินทร์ ประธานกรรมการ บริษัท เอเชียสุพรีม จำกัด เชื่อว่าขายตรงปีนี้จะอัตราการเติบโตที่น่าพึงพอใจและไม่ได้โตต่ำกว่าปัจจุบัน แต่จะต้องมีการปรับฐานโครงสร้างธุรกิจ อีกทั้งปีนี้เรื่องกฎ กติกา มารยาท จะได้รับการดูแลอย่างดีจากภาครัฐ จะให้ความสำคัญและจริงจัง ทำให้ขายตรงที่ขาดคุณภาพหายไป ที่เหลืออยู่จะเป็นบริษัทที่ทำงานภายใต้กรอบจริยธรรม เป็นมืออาชีพ และการทำธุรกิจที่ตรงไปตรงมา


“ผมว่าบทบาท อย. สคบ. สรรพากร จะเข้ามาดูแลในรายละเอียดมากขึ้นให้โปร่งใส ชัดเจน ขายตรงเข้าไปเกี่ยวโยงกับทุกระดับชั้น การที่ภาครัฐเข้ามาดูแล พัฒนาการขายตรงในทางบวก ธุรกิจที่ไมได้ตั้งใจทำขายตรงระยะยาวจะหายไป ดังนั้น ปีนี้จะเห็นบริษัทขายตรงที่ขาดหลักหายไป แต่จะมีขายตรงข้ามชาติเข้ามามากขึ้น”


สำหรับคนที่จะเข้ามาในวันข้างหน้า นายสุธีร์ มองว่า ต้องมียุทธศาสตร์ กลยุทธ์ ขณะเดียวกันต้องแข็งแรง ทั้งสินค้า ระบบและทิศทาง จะทำให้ขายตรงปรับตัวภายใต้การปรับตัว อาจเกิดการชะงักงันบ้าง แต่เชื่อว่าแม้เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะถดถอย ความไม่ชัดเจนเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจโลก ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี ที่กระทบมากน่าจะเป็นขายปลีกทั่วไป


ส่วนเทรนด์ปีนี้ยังเป็นสุขภาพและความงาม เพราะคนที่มีอำนาจซื้อก็ยังซื้ออยู่ ส่วนสินค้าเกษตรก็จะไปได้ระดับหนึ่ง มีข้อจำกัดเพราะผูกขาดกับระบบเพราะแหล่งที่มาของเงินทุน


 


เชื่อการเมืองกระทบน้อย


นางพรทิพย์ ปุตรเศรณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ อินเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้สถานการณ์การเมืองยังคงตึงเครียด กระทบธุรกิจและเศรษฐกิจ ส่วนขายตรงนั้นถือว่าได้รับผลกระทบน้อย ซึ่งเป็นลักษณะของการกระทบบรรยากาศการซื้อขาย ส่วนการทำงานของนักธุรกิจ เชื่อว่าไม่กระทบมากนักเพราะต่างก็มีการปรับตัวตามสถานการณ์ เช่น เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นกระจุกตัวที่เมืองหลวง นักธุรกิจก็เลือกที่จะไปขยายตลาดตามต่างจังหวัดแทน การจัดประชุมต่างๆ ก็ทำที่ส่วนภูมิภาคเป็นส่วนใหญ่ ส่วนของบริษัทก็ต้องมีการปรับตัวตาม โดยเฉพาะด้านการสนับสนุนความสำเร็จของนักขายจะหันมาทำกิจกรรมที่สร้างเสริมกำลังใจและปลูกฝังการทำงานที่ถูกต้องมากกว่าจะออฟเฟอร์นอกระบบ


สำหรับเทรนด์สินค้าที่น่าสนใจปีนี้คือกาแฟ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเป็นสินค้าที่มีความแตกต่างจากตลาดทั่วไปจึงจะสามารถขับเคลื่อนได้ ส่วนผลิตภัณฑ์สุขภาพ ความงาม ยังคงครองแชมป์แต่ก็มีคู่แข่งเยอะในตลาด ดังนั้นผู้ประกอบการควรคำนึงถึงคุณภาพและฉีกแนวออกไปจากตลาด จึงจะเกิดได้ ขณะเดียวกันเพื่อก้าวสู่ AEC ผู้ประกอบการต้องวางกลยุทธ์เตรียมพร้อมเรื่องการขนส่งและราคาที่แข่งขันในตลาดทั้งภูมิภาคนี้ได้


 


จับตาธุรกิจออนไลน์


นายวิศว์ธิชัย นำทรัพย์เจริญ ประธานบริหาร บริษัท คัดสรร อินโนเทค จำกัด กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ตลาดขายตรงจะมีความคึกคัก มีการสร้างสีสันมากขึ้น จากการที่มีบริษัทใหม่ๆ มาเปิดดำเนินธุรกิจทั้งบริษัทคนไทยและข้ามชาติ แต่ทั้งนี้ก็ยังคงเป็นคนกลุ่มเดิมที่เข้าไปเล่น มีการปั่นกระแสต่างๆ สุดท้ายก็ตกในวังวนแบบเดิมๆ คือ คนกลุ่มนี้จะกระโจนไปหาที่ใหม่ ส่วนทิศทางตลาดขายตรงปีนี้สิ่งที่น่าจับตามองคือขายตรงออนไลน์ที่กำลังเข้ามาแทนที่ขายตรงแบบเดิม เกิดนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เป็นน้ำใหม่ซึ่งส่วนมากก็คือคนรุ่นใหม่ที่แสวงหาและต้องการโอกาสในธุรกิจขายตรง


“หากพูดถึงตลาดขายตรงออนไลน์เมื่อก่อนจะคิดว่ามีแค่คีย์ใบสมัครออนไลน์ จ่ายเงินออนไลน์ แต่ทราบหรือไม่ว่าศักยภาพของการตลาดออนไลน์มีมากกว่านั้นมาก ทุกวันนี้วิถีชีวิตคนเปลี่ยนไป ผู้คนหันมาสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จัดทำออร์เดอร์ จัดส่งสินค้า ผ่านออนไลน์ทั้งหมด สมาชิกจะเข้าออฟฟิศน้อยลง ออฟฟิศก็จะมีขนาดเล็กลง ขณะที่งบประมาณจะทุ่มเทกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ทั้งนี้การตลาดแบบออฟไลน์ก็ยังมีอยู่แต่จะถูกกลืนด้วยการตลาดออนไลน์ไปเรื่อยๆ”


ด้านเทรนด์สินค้า วิศว์ธิชัย บอกว่า ปีนี้เน้นที่สินค้ามีนวัตกรรมมากขึ้น จะเห็นความแปลกใหม่ในเรื่องสินค้ามากขึ้น แต่สินค้านำเข้ายังเป็นที่ยอมรับมากกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าจับตามองคือสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นกระแสที่มาแรงตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้บริโภคยังไม่มีความรู้เพียงพอ เพียงแต่ฮิตตามกระแส ดังนั้นผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญเรื่องการให้ความรู้ที่ถูกต้อง พอๆ กับการขายสินค้า


“อยากให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ สินค้าถ้าไม่ดี ไม่มีคุณภาพ อย่าเอามาขาย อย่าใช้แผน เล่นแผน เพราะจะมีคนเจ็บตัวแน่นอน” วิศว์ธิชัย กล่าวในที่สุด


 


หวั่นหนี้สินครัวเรือนพุ่ง


นายดนัย ดีโรจน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าที่ยังไม่เห็นสัญญาณบวก รวมถึงปัญหาความขัดแย้งการเมืองยังไม่มีข้อยุติ หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น คาดส่งผลต่อกำลังซื้อ “ซึมยาว” ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของตลาดขายตรงต่อเนื่องไปถึงปีหน้า โดยบริษัทวางเป้ายอดขายเติบโตเพียง 5% จากปกติตั้งเป้าหมายเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี


“สภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่มีสัญญาณชะลอตัว มาตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา กำลังซื้อหายไปถึง 14% โดยเฉพาะลูกค้าในภาคใต้ ทั้งปีกำลังซื้อหายไปประมาณ 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากสินค้ามิสทินเป็นตลาดแมส กลุ่มลูกค้าหลักคือภาคการเกษตร และพนักงานโรงงาน คิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ดังนั้นคาดว่ายอดขายในปีนี้เติบโตแค่ 6% ใกล้เคียงกับเป้าวางไว้ ถือเป็นการเติบโตต่ำสุดในรอบ 13 ปี”


สำหรับแผนธุรกิจในปีหน้าบริษัทมุ่งเน้น 2 ปัจจัยสำคัญ คือ การบริหารต้นทุน วางเป้าหมาย 2 ปีจากนี้จะต้องลดต้นทุนให้ได้อย่างน้อย 5% เพราะในภาวะที่กำลังซื้อซบเซา เครื่องสำอางซึ่งเป็นเสมือนสินค้าฟุ่มเฟือยย่อมได้รับผลกระทบทันที ดังนั้นการบริหารต้นทุนต่ำลงได้ ก็ทำให้บริษัทไม่ต้องปรับราคาสินค้าขึ้น


การปรับลดต้นทุน เน้นดำเนินการทั้ง 2 ด้าน คือ ต้นทุนสินค้าและต้นทุนประกอบการ ในแง่ของต้นทุนประกอบการจะใช้วิธีการดีลภาคการผลิตในระยะยาวขึ้น จากเดิม 6 เดือน เพิ่มเป็น 1 ปี เพื่อสามารถประกันราคาได้ตลอดทั้งปี ในส่วนของต้นทุนสินค้าจะมีการลดใช้บรรจุภัณฑ์ “กล่อง” เพราะสินค้าเครื่องสำอางบางรายการไม่จำเป็นต้องใช้กล่อง เช่น มาสคาร่า คิดเป็น 30% ของเอสเคยู การลดการใช้กล่องบรรจุทำให้ลดต้นทุนลงไปได้


“ปีหน้าเป็นปีผู้ประกอบการต้องปรับตัว ต้นทุนผลิต-ต้นทุนประกอบการ เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้มากหรือน้อย เพราะทั้งต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนแรงงาน มีการปรับเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในปีนี้”


คงต้องติดตามกันต่อไป หากสถานการณ์การเมืองยังไม่นิ่ง แน่นอนย่อมมีผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงทางอ้อม นั่นก็คือ “กำลังซื้อหดหาย” ไปอย่างปฏิเสธไม่ได้นั่นเอง


 


Credit by : สุภพงษ์ เทียนสี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น