ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

วัดกึ๋นขายตรงข้ามชาติปีมะเมีย ใครเด่น-ใครรองในสมรภูมิรบเมืองไทย







mlm (Mobile)

 


ซูมความพร้อมขายตรงข้ามชาติน้องใหม่บุกไทย...หลังพบหลายค่ายตอกเสาธุรกิจหวังเจาะตลาดขายตรงเมืองไทยแบบเต็มแม็กซ์ ทั้งเกาหลี-มาเลเซีย-ฮ่องกง-อเมริกัน เชื่อทุกค่ายที่เข้ามาต่างมีดีไม่แพ้กัน อยู่ที่กึ๋นใครจะสร้างความโดดเด่นได้มากกว่ากัน...ระบุ! ขายตรงข้ามชาติเก่าที่เคยมาเจาะตลาดในเมืองไทย พบมีหลายค่ายเป๋ไม่เป็นท่า เหตุเพราะยังไม่รู้ลึกซึ้งถึงตลาดขายตรงเมืองไทยดีพอ พร้อมมีบางค่ายทำธุรกิจผิดรูปแบบ


นับว่า “ตลาดขายตรงเมืองไทย” ในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า เป็นตลาดที่ค่อนข้างจะหอมหวานอย่างมากทีเดียวสำหรับ “ธุรกิจขายตรงข้ามชาติ” เพราะมีหลาย ๆ ชาติต่างออกมาชิมลางหวังที่จะร่วมชิงแชร์ “ตลาดขายตรงเมืองไทย” อย่างอุ่นหนาฝาคั่งอย่างมาก ซึ่งมีทั้ง “บริษัทที่สมหวัง” และ “ไม่สมหวัง” ในตลาดขายตรงเมืองไทยค่อนข้างมากทีเดียว


ทั้งนี้ หากมองดูถึงความเคลื่อนไหวของ “บริษัทขายตรงข้ามชาติ” ที่เข้ามาบุกตลาดเมืองไทยในช่วงปี 2556 ที่ผ่านมาแล้ว พบว่า มีหลายค่ายกระโดดเข้ามาสร้างกระแสกันอย่างมากมาย ซึ่งทีมข่าว “ตลาดวิเคราะห์” ขอฉายภาพความเคลื่อนไหวของบริษัทขายตรงข้ามชาติที่หันหัวเรือรบมาเจาะตลาดในเมืองไทยให้ทราบพอสังเขป ดังนี้


 ขายตรงอเมริกันบุกไทย


หวังตีตลาดดึงคนร่วมธุรกิจ


...ขอเริ่มเจาะขายตรงข้ามชาติที่เข้ามาเปิดตลาดเมืองไทยในช่วงปี 2556 ที่ผ่านมา นั่นก็คือ “ออร์กาโน่ โกลด์” ขายตรงสายพันธุ์อเมริกัน ที่ได้ออกมากระทุ้งตลาดขายตรงเมืองไทยด้วยสินค้าในกลุ่มของ “กาแฟ” เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดในเมืองไทย พร้อมกับการสู้ธงรบด้วยแผนตลาดแบบไบนารี่


ซึ่งต้องบอกว่า ขายตรงน้องใหม่ค่ายนี้นั้น เพียงแค่เริ่มต้นของการเข้ามาเหยียบขายตรงในตลาดเมืองไทย ก็เกิดกระแสของข่าวลือทางด้านลบไปแบบเบา ๆ ในเรื่องของการขอใบอนุญาตที่มีข่าวลือหึ่งว่ายังไม่ครบขั้นตอน จนทำเอาค่ายนี้ได้ออกโรงมาแก้ข่าวลืออย่างทันควันว่า “ออร์กาโน่ โกลด์” เป็นบริษัทขายตรงที่กระทำถูกต้องตามกฎหมายอย่างชัดเจนแน่นอน!


โดยการเข้ามาของค่าย “ออร์กาโน่ โกลด์” นั้น ช่วงแรกผู้ที่ดูแลธุรกิจในเมืองไทยนั่นก็คือ “ภูเชษฐ์ เผดิมปราชญ์” แต่พอหลังจากนั้นไม่นาน ความสั่นคลอนของขายตรงข้ามชาติรายนี้ ก็เริ่มที่จะไม่นิ่ง นั่นก็คือ ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้ที่ดูแลธุรกิจในเมืองไทยใหม่มาเป็น “ศุภชาติ อังคสุวรรณศิริ”


นับว่าการเริ่มต้นยกแรกของการบุกตลาดขายตรงในเมืองไทยของขายตรงสัญชาติอเมริกาอย่าง “ออร์กาโน่ โกลด์” นั้น เรียกว่ายังไม่สามารถที่จะสร้างกระแสของธุรกิจได้มากเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะด้วยความไม่พร้อมในเรื่องขององค์กรภายใน รวมถึงแนวทางในการทำตลาดที่ยังไม่ค่อยทะลุทะลวงสำหรับตลาดในเมืองไทยนั่นเอง!


ที่สำคัญ ในการใช้สินค้ากลุ่มกาแฟ เพียงตัวเดียวในการขับเคลื่อนธุรกิจก็ยังถือว่า ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควรอีกด้วย อาจจะเรียกว่าไม่สามารถที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภครวมถึงสมาชิกในเมืองไทยได้นั่นเอง...โดยปัจจุบัน เทรนด์ของสินค้าสุขภาพในธุรกิจขายตรงค่อนข้างที่จะมาแรง ซึ่งหากทาง “ออร์กาโน่ โกลด์” ยังมีสินค้าเพียงกลุ่มเดียวในการขับเคลื่อนธุรกิจแล้วล่ะก็ เชื่อว่าการทำตลาดในเมืองไทยนับจากนี้ ของค่ายนี้ต้องเหนื่อยชนิดที่ว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” อย่างแน่นอน


…เช่นเดียวกับอีกหนึ่งน้องใหม่ขายตรงข้ามชาติอย่าง “ซีสเซิล” ขายตรงสัญชาติอเมริกัน ที่กระโดดเข้ามาเจาะตลาดขายตรงในเมืองไทยเช่นกัน โดยน้องใหม่ค่ายนี้ได้เริ่มดำเนินธุรกิจขายตรงมากว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในตลาดเมืองไทยของค่ายนี้นั้น พบว่า อาจจะเรียกว่ายังไม่สามารถที่จะจุดกระแสของเครือข่ายในเมืองไทยได้เท่าที่ควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในเรื่องของสินค้า แผนการตลาดที่อาจจะยังไม่โดนใจสมาชิกในเมืองไทยก็เป็นได้


พร้อมกันนี้ ทาง “ซีสเซิล” เอง ยังประกาศที่จะขอเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียนอีกด้วย รวมถึงเตรียมที่จะเน้นตลาดเชิงรุกเพื่อสร้างการรับรู้ทั้งในเรื่องของสินค้าและแบรนด์ตามช่องทางต่าง ๆ ด้วย พร้อมกับการชูความพร้อมของบริษัท ในเรื่องของสินค้าที่มีคุณภาพ แผนการจ่ายผลตอบแทนที่แข็งแรง รวมถึงมีผู้ก่อตั้งที่มีประสบการณ์จากธุรกิจกว่า 30 ปีอีกด้วย


 จับตาแบรนด์ขายตรงเอเชีย


เตรียมรุกคืบตลาดเมืองไทย


…หลังจากที่พบว่า “ขายตรงข้ามชาติ” อย่าง “อเมริกัน” ถือเป็นอีกหนึ่งสัญชาติที่เข้ามาบุกตลาดในเมืองไทยค่อนข้างมาก มาวันนี้ยังพบอีกว่า บริษัทขายตรงที่เริ่มคืบคลานเข้ามาในเมืองไทยบ้างแล้ว นั่นก็คือทางฝั่งของประเทศในแถบเอเชียและประเทศเพื่อนบ้านเรานั่นเอง


เห็นได้อย่างขายตรงน้องใหม่อย่าง “มายบิซ” ที่ออกมาเขย่าตลาดขายตรงในเมืองไทยด้วยการเข็นสินค้าเครื่องสำอางจากแดนกิมจิ เข้ามาตีตลาดในเมืองไทยเกาะกระแสของเกาหลีฟีเวอร์...โดยขายตรงน้องใหม่ค่ายนี้นั้น ได้ออกมาชูจุดเด่นของธุรกิจตัวเองตรงที่ว่า เป็นธุรกิจขายตรงแนวใหม่ที่แตกต่างจากที่อื่น ๆ โดยมีการเพิ่มช่องทางการลงทุนในระบบแฟรนไชส์ ที่เน้นเปิดกว้างทางด้านการสร้างรายได้


อีกทั้งยังชูในเรื่องของแบรนด์สินค้าความงามในระดับพรีเมียมจากประเทศเกาหลีใต้ที่ได้รับลิขสิทธ์เจ้าเดียวในการทำตลาดในเอเชียอีกด้วย โดยสินค้าที่ถือเป็นหัวหอกในการทำตลาดของค่ายนี้นั้น คือ กลุ่มต่อต้านความชรา หรือ Ani-Aging ภายใต้แบรนด์ L,ENCLOS (ลองคอส) โดยเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์


ที่สำคัญ ยังพบอีกว่า ค่ายนี้นั้น ยังได้มีการใช้คอนเซ็ปต์ในการดำเนินธุรกิจออกเป็น 3 ประการด้วยกัน คือ


1.มายบิซ เป็นผู้สร้างทีมงานการตลาดผ่านระบบเครือข่าย


2. แฟรนไชส์ความงามภายใต้แบรนด์โชวาโย ซึ่งเป็นสถาบันเพื่อความงาม ดูแลผิวหน้า ผิวพรรณ และ


3. สถาบันฝึกอบรมครบวงจร อินสไตล์ อคาเดมี พร้อมกับการเน้นทำงานเชิงระบบ ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์


จะเห็นได้ว่า การเข้ามาเขย่าตลาดขายตรงที่เมืองไทยของค่ายนี้นั้น พบว่า จะเป็นการชูความโดดเด่นของสินค้าแบรนด์เกาหลี ที่ถือว่าเป็นจุดขายของค่ายนี้นั่นเอง ซึ่งก็ต้องดูว่าในปี 2557 นี้ น้องใหม่ค่ายนี้จะสามารถสร้างความโดดเด่นในเรื่องของสินค้าแบรนด์เกาหลีได้มากน้อยเพียงใด เพราะปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าสินค้าแบรนด์เกาหลีค่อนข้างที่จะมีอยู่เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองโดยเฉพาะในประเทศไทย


นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของบริษัทขายตรงน้องใหม่จากแดนกิมจิ ที่เข้ามาเจาะตลาดขายตรงในเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ว่า “รูอัน” โดยได้มีการยึดพื้นที่ ณ อาคารอโยธยา ทาวเวอร์ ชั้น 19 ย่านรัชดาภิเษก เป็นฐานรบในการขยายตลาดที่เมืองไทย


ซึ่งสินค้าในการเจาะตลาดที่เมืองไทยของค่ายนี้นั้น จะเป็นในกลุ่มของการต่อต้านความชรา Anti-Aging ที่มีชื่อว่า “MONG-NIS Skin Vitalizing Essence” โดยเป็นสเปรย์ เซลล์บูสเตอร์สารสกัดจากธรรมชาติ พร้อมกันนี้ ทางค่าย “รูอัน” เอง ยังมีแผนที่จะนำเข้าสินค้าจากประเทศเกาหลี เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องอีกด้วย รวมถึงเตรียมแผนที่จะสร้างการรับรู้ต่อผู้บริโภค ในรูปแบบการสื่อสารทางการตลาดที่ครบเครื่องด้วย


โดยการขยายฐานธุรกิจของ “รูอัน” นับจากนี้ ที่นอกเหนือจากในประเทศไทยแล้วนั้น ยังตั้งเป้าที่จะขยายไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา แคนนาดา รวมถึงตลาดอาเซียน อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งขายตรงข้ามชาติที่เตรียมความพร้อมในการสู้ศึกรอบด้านที่เมืองไทยอย่างเต็มอัตราศึกกันเลยทีเดียว


…ด้านขายตรงจากประเทศฮ่องกงอย่าง “มาร์เวลแมกซ์” ถือเป็นอีกหนึ่งค่ายที่กระโดดเข้ามาเจาะตลาดขายตรงในเมืองไทยเช่นกัน!...โดยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่ขายตรงค่ายนี้เข้ามาทำตลาด ที่สำคัญ ค่ายนี้ยังได้มีการประกาศเป้าหมายที่จะตีตลาดในประเทศจีน และรัสเซียในลำดับต่อไปอีกด้วย


โดยกลยุทธ์ที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนธุรกิจของค่าย “มาร์เวลแมกซ์” นั้น พบว่า ได้มีการเตรียมไว้ 3 แนวทางด้วยกัน คือ กลยุทธ์ที่


1. การสร้างมาร์เวลแมกซ์ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง (Know us) ผ่านช่องทางสื่อประชาสัมพันธ์ การฝึกอบรม กลยุทธ์ที่


2. การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและหลากหลาย และแผนการจ่ายผลตอบแทนที่น่าดึงดูดมา


เป็นตัวนำให้ทุกคนสนใจในแบรนด์ (Like us) และ


3. การสร้างความมั่นใจ (Believe us) ด้วยศักยภาพด้านเงินทุน การบริหารงาน และทีมงาน


ที่เป็นมืออาชีพ พร้อมกับการชูจุดเด่นทางด้านระบบเครือข่ายภายใต้ชื่อว่า “Promax” ที่จะช่วยให้สมาชิกทุกคนประสบความสำเร็จ


นับได้ว่า การเข้ามาเจาะตลาดในเมืองไทยของ “มาร์เวลแมกซ์” ในครั้งนี้ หากจะมองว่าง่ายก็ไม่ง่าย และหากจะมองว่ายากก็ไม่ยากนัก ซึ่งหากวันนี้ “มาร์เวลแมกซ์” มีสินค้าที่โดนใจ รวมถึงสามารถเข้าถึงกลุ่มเครือข่ายได้ชนิดที่ว่าตรงจุดแล้ว เชื่อว่า ความพร้อมของค่ายนี้ที่มีทั้งในเรื่องของสินค้า แผนการตลาด รวมถึงการสนับสนุนทางด้านต่าง ๆ ของบริษัทแม่ที่พร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่แล้ว ก็น่าที่จะทำให้ “มาร์เวลแมกซ์” สามารถที่จะเข้าไปครองใจคนเครือข่ายที่เมืองไทยรวมถึงผู้บริโภคในเมืองไทยได้ด้วยเช่นกัน


...ส่วน “บริษัท เออาร์เอส โกลบอล เน็ทเวิร์ค ไทยแลนด์ จำกัด” ก็เป็นอีกหนึ่งขายตรงน้องใหม่ที่กำลังเตรียมบุกหนักในประเทศไทยเช่นเดียวกันกับขายตรงน้องใหม่ข้ามชาติรายอื่น ๆ ซึ่งขายตรงค่ายนี้เป็นขายตรงที่มาจากประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายในปีแรก คือ เตรียมปั้นผู้นำเงินแสน


ซึ่งขายตรงข้ามชาติที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยส่วนใหญ่แล้ว จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ค่อนข้างที่จะมีความเชื่อมั่นในศักยภาพตลาดขายตรงที่เมืองไทย เช่นเดียวกันกับค่ายนี้


โดยจุดแข็งและความพร้อมของ “เออาร์เอส” นั้น พบว่า เป็นการชูจุดแข็งในเรื่องของระบบการจ่ายผลตอบแทนให้แก่สมาชิกในระบบออโต้ ไม่ต้องรอ 15 วัน รวมถึงเรื่องของราคาสินค้าที่ขายในประเทศไทยจะมีราคาถูกกว่าที่มาเลเซีย และการลงรหัสจะสูงกว่าที่มาเลเซียอีกด้วย ที่สำคัญ การเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ย่านลาดพร้าว ยังถือเป็นอีกหนึ่งการตอกย้ำความพร้อม และความตั้งใจในการเติบโตของ “เออาร์เอส” ในประเทศไทยด้วย


 จับคลื่นขายตรงข้ามชาติเก่า


หลายค่ายเร่งปรับกลยุทธ์รับศึก


...ทั้งนี้ หากมองย้อนดูถึงบริษัทขายตรงข้ามชาติที่เข้ามาสร้างกระแสในเมืองไทยชนิดที่ว่าดังแบบกระหึ่มโลกเครือข่ายมาแล้ว คงหนี้ไม่พ้นค่าย “อาเจล” อย่างแน่นอน เพราะถือเป็นบริษัทขายตรงข้ามชาติที่ในช่วงที่ผ่านมา มีคนกล่าวขานกันอย่างมากทีเดียว ทั้งในด้านบวกและในด้านลบ


โดยวันนี้ขายตรงค่ายนี้ หากลองจับคลื่นธุรกิจแล้ว เริ่มอยู่ในขั้นโคม่าเลยก็ว่าได้ เพราะเจอพิษปัจจัยลบในธุรกิจต่าง ๆ รอบด้าน กระหน่ำเข้ามาในธุรกิจอย่างเต็มแรง ทั้งในเรื่องของความไม่พร้อมในเรื่องขององค์กร การไหลออกของเหล่าแม่ทีมเบอร์ต้น ๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ค่ายนี้เห็นทีคงต้องกลับมาคิดทบทวนการทำตลาดในเมืองไทยใหม่ว่า ควรที่จะต้องพลิกกลยุทธ์ใหม่ในการทำตลาดแบบไหนถึงจะสามารถอยู่ในเครือข่ายที่เมืองไทยได้


...เช่นเดียวกับทางด้านค่าย “บีฮิป” ที่ไม่ต่างอะไรกับ “อาเจล” ที่ ก็เริ่มออกอาการเป๋ของธุรกิจเช่นเดียวกัน ที่มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารที่ดูแลตลาดในเมืองไทยแบบจนหลายคนมึนงง ว่าตกลงใครคือ ผู้ที่ดูแลตลาดในเมืองไทยกันแน่ จนในที่สุด ก็พบว่า ผู้ที่เข้ามาเป็นซีอีโอของค่ายนี้คนล่าสุดนั่นก็คือ ดารานักแสดงหนุ่มชื่อดัง “ฟลุค-เกริกพล มัสยวานิช” นั่นเอง..ซึ่งการเข้ามานั่งบริหารงานในครั้งนี้ เชื่อว่าน่าที่จะมีหลายคนตั้งคำถามเป็นหางว่าวอย่างแน่นอนว่า ซีอีโอ คนใหม่นี้รู้ลึก รู้จริง ถึงแก่นแท้ของการทำธุรกิจขายตรงพอหรือไม่?..


โดยโจทย์ที่สำคัญ ของการทำธุรกิจขายตรงของบีฮิปสำหรับ ซีอีโอคนใหม่นี้ คือ จะทำอย่างไร ให้ “บีฮิป” ประเทศไทย สามารถก้าวเดินได้อย่างไร้คำครหานั่นเอง...เพราะวันนี้ทั้ง “อาเจล” และ “บีฮิป” อาจจะเรียกว่าตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันคือ “กินไม่เข้า คายไม่ออก” นั่นเอง เพราะเจอวิกฤติเดียวกัน คือ แม่ทีมเบอร์ต้น ๆ ไหลออกแบบสายฟ้าแลบ


จะเห็นได้ว่า การสร้างกระแสของ “ธุรกิจขายตรง” โดยเฉพาะขายตรงค่ายใหม่ ๆ นี้ ในสมรภูมิรบขายตรงถือว่าเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยในธุรกิจนี้ แต่ทั้งนี้ การสร้างกระแสของธุรกิจก็ต้องอยู่ในกรอบของธุรกิจที่ตีเอาไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากค่ายไหนที่สร้างกระแสของธุรกิจอยู่นอกกรอบ กฎ กติกา แล้ว กระแสที่สร้างชนิดที่ว่าแรงแค่ไหน ก็ย่อมตกลงมาแบบสายฟ้าแลบด้วยเช่นกัน


ในขณะเดียวกัน การรู้ลึก รู้จริงเรื่องของธุรกิจขายตรงในแต่ละประเทศ รวมถึงวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ก็มีส่วนที่สำคัญด้วย เพราะเชื่อว่าหากใครที่อยู่ในถนนขายตรงนี้แล้ว คงพอที่จะมองออกมา วันนี้ขายตรงข้ามชาติที่เข้ามาตีตลาดในเมืองไทย น้อยรายนักที่จะอยู่แบบยั่งยืนได้ ซึ่งบริษัทขายตรงข้ามชาติที่ยืนยงคงกระพันได้นั่น คือ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีความพร้อมจริง ๆ


และยิ่งการสร้างกระแสของธุรกิจแบบรวยแบบข้ามคืนด้วยแล้วล่ะก็...ขอฟันธงได้เลยว่า บริษัทขายตรงประเภทนี้ มักที่จะอยู่ในธุรกิจขายตรงนี้ได้ไม่นานด้วยเช่นกัน


...เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของ “ขายตรงข้ามชาติ” อย่าง “เจอเนสส์” ขายตรงสัญชาติอเมริกัน ที่ในช่วงปี 2556 ที่ผ่านมา ก็ออกมาประกาศเตรียมที่จะรุกหนักในตลาดอาเซียน โดยจะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในภูมิภาคนี้


โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา ค่ายนี้ ก็ได้สร้างความเชื่อมั่นของธุรกิจด้วยการจัดงานภายใต้ชื่อ “Jeuunesse Expo Thailand 2013” ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ รอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา…ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งการตอกย้ำธุรกิจว่าวันนี้ เจอเนสส์ พร้อมที่จะดันหมู่มวลสมาชิกทุกคนให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้นั่นเอง


...และนี่ก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางส่วนของบริษัทขายตรงข้ามชาติที่กำลังเตรียมเข้ามาบุกตลาดในเมืองไทย ที่สำคัญ หากมองไปอีกด้านหนึ่งของขายตรงข้ามชาติที่ได้เข้ามาชิมลางในตลาดเครือข่ายเมืองไทยก่อนหน้านี้แล้ว พบว่า ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่กระแสจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งตรงนี้คือ อีกหนึ่งตัวอย่างที่หลาย ๆ ค่าย โดยเฉพาะน้องใหม่ที่กำลังจะเข้าหรือเข้ามาแล้ว ควรศึกษาถึงการดำเนินธุรกิจขายตรงในเมืองไทยให้ดี...เพราะหากค่ายไหนที่เดินถูกทาง เชื่อว่าโอกาสที่จะเติบโตในธุรกิจขายตรงที่เมืองไทยก็มีสูงด้วยเช่นกัน?...


 


 


 


Credit By : http://www.taladvikrao.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น