ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

‘อำพล’ช็อกบอร์ดขายตรงไม่ลงตัว เตรียมปฏิรูปสคบ.ใหม่สร้างศรัทธา







1 (Mobile)

 


ผ่าปฏิบัติการล้างบางขายตรงนอกรีด เลขาธิการสคบ.คนใหม่ “อำพล วงศ์ศิริ” เปิดใจผ่านสื่อขายตรงยอมรับที่ผ่านมา สคบ.ทำงานช้า ล่าสุดประกาศเตรียมทำงานในเชิงรุกพร้อมป้องปราบผู้ที่กระทำผิดตั้งแต่ต้นน้ำหวังถอนรากถอนโคน...ส่วนกรณีมีบางบริษัทสวมสิทธิ์ซื้อใบอนุญาตธุรกิจ “อำพล” ชี้ชัดผิดกฎหมายชัวร์...พร้อมช็อก! หลังพบเห็นบอร์ดขายตรงรักษาการนานผิดปกติ เตรียมเร่งสรรหาบอร์ดขายตรงคนใหม่แทนชุดเก่า


หลังจากที่ทาง “สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค” หรือ สคบ. ได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคนใหม่ มาเป็น “อำพล วงศ์ศิริ” ไปเมื่อไม่นานมานี้เอง...ล่าสุดทางด้านเลขาธิการคนใหม่เริ่มเครื่องร้อน ประกาศเตรียมที่จะยกเครื่องการทำงานของ สคบ.ใหม่แบบหมดเปลือก!...


ซึ่งเมื่อช่วงที่ผ่านมา ทาง “อำพล วงศ์ศิริ” เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก็ได้ออกมาให้เหล่าสื่อมวลชนในธุรกิจขายตรงร่วมสัมภาษณ์ถึงนโยบายของ สคบ.นับจากนี้ พร้อมกับภารกิจเร่งด่วนที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมขายตรง


‘อำพล’รับสคบ.ทำงานช้า


เตรียมพร้อมปฏิรูปงานใหม่


อย่างไรก็ตาม ทางด้าน “อำพล” ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า หน่วยงานของ สคบ. การทำงานค่อนข้างที่จะล่าช้า ซึ่งเป็นการทำงานในเชิงตั้งรับ ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ประชาชนจึงไม่ได้รับความเป็นธรรมในการบริโภคต่าง ๆ ที่มาร้องที่ สคบ. เท่าที่ควร โดยหลังจากที่ตนเองได้เข้ามารับหน้าที่เลขาธิการสคบ. คนใหม่นั้น ทางด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับให้สคบ. นั้น ทำงานในเชิงรุก และป้องปราบผู้ที่กระทำผิดตั้งแต่ต้นน้ำ


“การทำงานของ สคบ. นับจากนี้ จะเป็นการดูแลผู้บริโภคตั้งแต่ต้นน้ำนั่นก็คือ ทำอย่างไรที่จะให้ผู้ประกอบการนั้น เมื่อมีการนำเสนอขายสินค้าไปยังผู้บริโภคแล้ว จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และคุ้มค่าต่อราคาที่ผู้บริโภคซื้อและมีประโยชน์จริง พร้อมกับต้องคุ้มครองผู้บริโภคในระดับรากหญ้าอย่างจริงจังทั่วประเทศด้วย”


นายอำพล ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการควบคุมดูแลในธุรกิจขายตรงนั้น สิ่งที่จะต้องทำคือ การเฝ้าระวังทั้งผู้ประกอบการและนักธุรกิจอิสระ ให้ทำธุรกิจอย่างถูกต้อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่สคบ. เจอมากที่สุด คือ มีบางบริษัทขายตรงที่เปิดใหม่ มักจะเปิดทำธุรกิจสร้างเครือข่ายก่อนที่จะเข้ามาขอใบอนุญาต ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย พร้อมกันนี้ ยังมีการข่มขู่เรื่องระยะเวลาต่อหน่วยงานรัฐ ในทำนองที่ว่าต้องทำให้เสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งตรงนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง


เพราะความเป็นจริงแล้ว การที่จะอนุมัติให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจแบบถูกต้องตามกฎหมายนั้น จะต้องมีการตรวจสอบเอกสารหลาย ๆ อย่างให้ละเอียด ทั้งในเรื่องของแผนธุรกิจ และความน่าเชื่อถือของบริษัทด้วย ว่าการที่แต่ละบริษัทจะมีการขออนุญาตได้นั้น คุณมีสถานประกอบจริงหรือไม่ มีแหล่งที่มาของการผลิตสินค้าอยู่ที่ไหน เป็นต้น โดยจะต้องมีสินค้าจริงให้ทางสคบ. เห็นด้วย พร้อมกันนี้ ทางสคบ.ก็จะมีการลงพื้นอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน


“ส่วนบริษัทขายตรงที่ได้มีการรับอนุญาตในการประกอบธุรกิจไปแล้วนั้น ทางสคบ. เอง มีความกังวลใจไม่น้อยเช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่า มีการนำเอาบริษัทที่ได้รับอนุญาตแล้วไปเปลี่ยนเป็นผู้ประกอบการคนใหม่ ซึ่งตรงนี้ทำให้ สคบ. มีความคิดเห็นที่ว่า จำเป็นที่จะมีการเข้าไปติดตามตรวจสอบบริษัทขายตรงที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้วในทุก 2 - 3 ปี ว่าได้กระทำอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่จดยื่นต่อสคบ.หรือไม่ โดยหากไม่ใช่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกเลิกทันที”


เลขาธิการสคบ.คนใหม่ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้มีบริษัทที่กำลังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตอยู่ประมาณ 50 กว่าบริษัท ส่วนกรณีของการซื้อใบอนุญาตจากอีกบริษัทหนึ่งแล้วมาทำต่อนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ สคบ.จะต้องตรวจสอบใหม่ โดยหากพบว่าเป็นจริง ถือว่ามีความผิดทางกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีอยู่หลายบริษัทที่ดำเนินการเช่นนี้ โดยในช่วงแรกทาง สคบ.จะเตือนก่อน พร้อมกับให้รีบทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหากพบว่ายังกระทำการเช่นนี้ ทางสคบ.จะดำเนินการตามกฎหมายทันที


“การกระทำดังกล่าวนี้ถือว่ามีความผิดทางกฎหมายอย่างชัดเจน โดยมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และจำคุกไม่เกิน 1 ปี ซึ่งหากกำลังดำเนินการอยู่โดยที่ยังไม่ได้รับการอนุญาต ก็จะถูกปรับวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท”


ปัจจุบันนี้ พบว่ามีประมาณ 400 กว่าบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตแต่ไม่ได้ประกอบการจริง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางสคบ.เอง ต้องรีบแก้ไขตรงนี้ ในขณะเดียวกัน ก็มีบางบริษัทที่ได้มีการถูกเพิกถอนไปแล้วเช่นกัน ส่วนบางบริษัทก็มีการยื่นหนังสือเตือนไปก่อนบ้างแล้ว


เตรียมเสนอแก้ไขกม.ใหม่


พร้อมเร่งหาบอร์ดขายตรง


และด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ทาง เลขาธิการ สคบ. คนใหม่ จึงมีแนวคิดที่จะแก้ไขกฎหมายขายตรงใหม่ โดยต้องการทำกฎหมายขายตรงให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด และทันต่อสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมา สคบ.ได้มีการเรียนไปทางท่านรัฐมนตรีไปบางแล้ว ในการแก้ไขกฎหมายขายตรง พ.ศ.2545 ในบางส่วน เพื่อให้เกิดความทันสมัยขึ้น โดยอาจจะมีการตั้งคณะทำงาน ที่มีผู้แทนทางภาคประชาชนเข้ามาช่วยคิดและแก้ไขในกฎหมายฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในส่วนต่าง ๆ เป็นต้น


ส่วนการจัดตั้งบอร์ดขายตรงชุดใหม่แทนชุดที่รักษาการนั้น นายอำพล เผยว่า ตนเองค่อนข้างตกใจเป็นอย่างมาก สำหรับบอร์ดขายตรงในปัจจุบัน เพราะถือว่าเป็นชุดที่มีการหมดวาระไปแล้วเมื่อ 2 ปี และยังคงรักษาการเช่นเดิม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการสรรหาบอร์ดขายตรงชุดใหม่ที่รู้เรื่องขายตรงเข้ามาทำงานอย่างแท้จริง


พร้อมกันนี้ เลขาธิการ สคบ. คนใหม่ ยังได้กล่าวย้ำอีกว่า สคบ.จะเน้นให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการอย่างเสมอภาค โดยจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่สุด และไม่มีการไปดูแลสมาคมใด สมาคมหนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งการที่แต่ละสมาคมนั้น จะมีการรวมตัวกันนั้น เป็นเรื่องของผู้ประกอบการไม่เกี่ยวกับทาง สคบ. แต่อย่างใด โดยสคบ. มีหน้าที่อย่างเดียว ที่จะเป็นนายทะเบียนในการที่จะอนุมัติ สนับสนุนคุ้มครองผู้ประกอบการ คุ้มครองผู้บริโภคและคุ้มครองตัวแทนขายตรงให้ทำหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการบริหารจัดการในแต่ละสมาคมนั้น แต่ละสมาคมต้องไปดูแลกันเอง


“การทำงานของผมค่อนข้างที่จะยึดหลักของกฎหมายเป็นที่ตั้ง ที่สำคัญ ต้องสร้างความเป็นธรรมให้ทั้งตัวผู้บริโภคและผู้ประกอบการให้มากที่สุด พร้อมกับต้องไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งในแต่ละปีนั้น พบว่ามีเรื่องที่ร้องเรียนหมื่นกว่าเรื่องเลยทีเดียว โดยตรงนี้เป็นสิ่งที่ สคบ. จะต้องทำอย่างไรให้มีเรื่องร้องเรียนน้อยที่สุด ที่สำคัญ ผู้ที่มาร้องเรียนอยากที่จะให้เป็นผู้ที่เดือดร้อนจริง ๆ ซึ่งหากตรวจพบว่าจริง ทางสคบ.ก็จะมีการดำเนินการให้อย่างเร่งด่วนเช่นกัน”


สคบ.จับมือดีเอสไอ


ตั้งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่


นายอำพล เสริมอีกว่า การทำงานของสคบ. นับจากนี้ จะเป็นการทำงานควบคู่กับหน่วยงานของทางภาครัฐอย่าง “ดีเอสไอ” ซึ่งทางดีเอสไอจะมีทีมชุดเฉพาะกิจเพื่อไปลงตรวจพื้นที่ร่วมกับ สคบ.โดยหากตรวจสอบพบว่า มีความผิดทางอาญาเกิดขึ้น ทาง สคบ. จะให้ทางดีเอสไอนั้น ดำเนินการเอาผิดทางอาญา หรืออาจจะว่าแจ้งให้ทางตำรวจ ที่อาจจะเป็นคดีที่ไม่ร้ายแรงมากนัก ให้ทางตำรวจดำเนินการในเบื้องต้น โดยจะเป็นการประสานงานกับทางกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภครับไปดำเนินการ


ส่วนกรณีที่ว่าทาง สคบ. จะมีการปรับโครงสร้างด้วยการให้มีกอง เป็นหน่วยงานเฉพาะเพื่อดูแลธุรกิจขายตรงโดยเฉพาะนั้น ขณะนี้ได้รับการอนุมัติแล้วให้ตั้งเป็นกอง โดยใช้ชื่อว่า “กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง” โดยในอนาคตกองดังกล่าว จะต้องมีบุคลากรไม่น้อยกว่า 15 - 20 คน ในการทำงาน จากปัจจุบันที่มีอยู่เพียง 8 คนเท่านั้น


“ต้องยอมรับว่าขณะนี้บุคลากรของสคบ. มีไม่เพียงพอต่อการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบบริษัทที่ขออนุญาตประกอบธุรกิจว่ามีการประกอบกิจการจริงตามที่ได้ขออนุญาตหรือไม่ หรือมีการทำในลักษณะอื่นแทน ซึ่งปัจจุบันหากสังเกตให้ดีจะพบว่าเริ่มที่จะเห็นหลายบริษัทมีการกระทำผิด ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่สคบ. จะต้องมีการระงับก่อนที่จะสร้างความเสียหายมากขึ้นกว่านี้”


...นับว่าการออกมาพบสื่อขายตรงของทาง ท่าน เลขาธิการสคบ. คนใหม่นี้ อย่างเป็นทางการ คงจะเป็นการส่งสัญญาณถึงการทำงานของหน่วยงาน สคบ. นับจากนี้ว่า พร้อมที่จะลงพื้นที่ตรวจจริง เอาจริงเสียที แต่ทั้งนี้ ก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่า นโยบายที่ทาง “อำพล วงศ์ศิริ” ได้ประกาศไว้จะสามารถปฏิบัติจริงตามที่ได้ลั่นวาจาไว้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไป...ก็ได้แต่ภาวนาว่า สคบ. ยุคใหม่นี้ อย่าทำให้หลาย ๆ ฝ่ายผิดหวังแล้วกัน!!


 


 


 


Credit By : http://www.taladvikrao.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น