ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ร้อน..ทะลุองศาเดือด! แม่ทีมดังผนึกขายตรงใหม่บุกหนัก

สับขาหลอกกันฝุ่นตลบ!! คนเครือข่ายตามข่าวกันจนหัวหมุน สื่อมวลชนเองก็เช็คข่าวกันให้วุ่น อันไหนจริง อันไหนไม่จริง สนุกกว่าซี่รีส์เกาหลี สำหรับเรื่องราวของ “กลุ่มแม่ทีมดัง” ที่เคยเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์กันมาก่อน บุคคลที่ถูกจับตามากที่สุดก็คงไม่พ้น “ชนิดา บูรณะบุตร” - “นิติ สว่างทรัพย์” - “ธเนตร วงษา”



ฉบับก่อน “เส้นทางนักขาย” ได้ นำเสนอความเคลื่อนไหวไปให้ทราบเป็นบางส่วนแล้ว สกู๊ปพิเศษฉบับนี้จึงได้นำสรุปเรื่องราวล่าสุดมาให้ทุกท่านได้ติดตาม!
‘ธเนตร’ ปักหลัก ‘Jeunesseglobal’

เริ่มต้นที่ “ธเนตร วงษา” และ “อนุสรา จันทรังษี” ที่ได้เปิดเผย “เส้นทางนักขาย” ว่า ตั้งแต่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ทางผู้บริหารใหญ่ของบริษัท “Jeunesse global” ชื่อ “เวนดี้ เลวิส” ได้เดินทางมาตกลงร่วมธุรกิจกัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยงานนี้ “ธเนตร” แฮ็ปปี้กับการตกลงธุรกิจครั้งนี้เป็นอย่างมาก

“จากการพูดคุยผมบอกได้เลยผมตัดสินใจเลยทันทีว่าจะเข้าร่วมบริษัทนี้ โดยเราได้วางเป้าหมายร่วมกันว่าจะช่วยกันสร้างยอดขายให้ถึง 1,000 ล้านบาท ภายใน 1 ปีนี้ ขณะนี้ผมและทีมงานกำลังฟอร์มทีมกันอยู่ตอนนี้ได้หลายพันคนแล้ว คาดว่าจะพร้อมในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจในเดือนเมษายนนี้ และผมจะสร้างผู้นำนักขายที่มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนให้ได้ครบ 1,000 คนให้ได้ และขณะนี้ทางบริษัทแม่ได้อนุมัติงบประมาณเบื้องต้น 3 ล้านบาทเพื่อตกแต่งสำนักงานใหญ่ที่ อาคารวินวิน ชั้น 1 ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แพงที่สุดในตึกนี้”

ทั้งนี้สำหรับข้อมูลของ Jeunesse global จากเว็บไซต์ www.jeunesse global.com ระบุว่า สำนักงานใหญ่ของ Jeunesseglobal ตั้งอยู่ที่รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีสาขาอยู่ในต่างประเทศได้แก่ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และล่าสุดคือประเทศไทย โดยมีโปรดักส์ทำตลาดเกี่ยวกับอาหารเสริม Reserve™ และเครื่องสำอาง LUMINESCE™ เพื่อสุขภาพและความงาม

เมื่อไม่นานมานี้ “ธเนตร” ยังได้มีการส่ง SMS เชิญชวนให้นักธุรกิจเข้าร่วมฟังสัมมนาโดยมีใจความใน SMS ว่า “เชิญฟังธุรกิจ J เหนือกว่า M,B อย่างไร? โดย ธเนตร วงษา อาทิตย์นี้ (27 มีนาคมที่ผ่านมา) ที่ตึก winwin ชั้น P 13.00- 16.00 น.”

อย่างไรก็ตาม “ธเนตร” บอกว่า จุดเด่นของ “Jeunesseglobal” คือ

1. TVC (cycle ) 4.2 ล้านต่อเดือน
2. FS 875-8750บาท/ต่อคน ถ้าแนะนำ 10=87,500
3. Matching 7 ชั้นโตข้างเดียว ได้ 8 แสน
4. Promotion มีค-พค 54 แนะนำ 12 คน Basic&up และ(Q) ได้ไปดูงานต่างประเทศ + iPad2 (20,000บาท)
5. Ontime Bonus ขาอ่อน 10,000 (2 เดือน รับ 70,000 บาท) เป็น Diamond รับ 1,750,000 บาท
6. สินค้าเห็นผลภายใน 3-7 วัน ตลาดใหญ่ทำได้ทั้งประเทศ
7. มีระบบช่วยคนธรรมดา.... สามารถทำได้
8. มีระบบ Training พิเศษ
‘โมนาวี’ ขอบุกไทยเฟ้นหาผู้นำเอง

ทางด้านของ “โมนาวี” ค่ายที่ถูกจับตาว่าทุกคนจะแท๊คทีมมาอยู่รวมกันที่นี่ สุดท้ายกลับ “พลิกโผ” ไม่มีผู้นำตามข่าวตัดสินใจเข้าร่วมงานด้วย โดยมีกระแสออกมาว่าเป็นเพราะการตกลง “พิเศษ” ระหว่าง “โมนาวี” และ “ชนิดา” ไม่ลงตัว ซึ่งประเด็นนี้ “ชนิดา” ได้โต้ข่าวผ่าน “เส้นทางนักขาย” ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตนได้วิเคราะห์ภาพรวมทุกอย่างแล้ว เชื่อว่าคงเดินทางไปสู่ความสำเร็จด้วยกันไม่ได้จริงๆ ซึ่งตนก็ต้องขอบคุณทางโมนาวีที่เคยต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี เมื่อครั้งที่ทีมงานได้เดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ดีงานนี้ ทางด้านบอสใหญ่ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแม่โมนาวี “แลนดี้ ลาร์เซน” กลับไม่ถอดใจที่จะบุกตลาดไทย โดยออกมาประกาศทั่ววงการว่า ไม่ว่าอย่างไรตนจะเริ่มต้นธุรกิจในไทยให้ได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ อีกทั้งจะยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางของโมนาวีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป และล่าสุดได้เตรียมจัดสรรงบประมาณหลายล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อการเปิดตัวในเมืองไทย

โดยขณะนี้ “โมนาวี” กำลังอยู่ในช่วงของการดำเนินการทางเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการขอใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จนถึงใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายตรงจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเร็ววันนี้
‘ชนิดา’ โชว์คนครึ่งหมื่นเปิดตัว ‘bHIP’

ส่วนความเคลื่อนไหวของ “bHIP” และ “ชนิดา” ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานใหญ่ขึ้น โดยมี “เทอร์รี่ ลาคอร์” CEO ใหญ่ของ “bHIP” จากสหรัฐอเมริกาบินมาร่วมงานในครั้งนี้ ด้วย ภายใต้ชื่องานว่า “bHIP Global Revolution” ณ ไบเทคบางนา นอกจากนี้ยัง มีผู้บริหารชื่อดังอย่าง “ชัยวัฒน์ ชัยจินดาวัธน์” และ “เดวิด เฟลส์” แท๊คทีมขึ้นเวทีเปิดตัวเป็นทางการ ถึงการเข้ามาร่วมดูแล “bHIP” อีกด้วย

ทั้งนี้ “bHIP” ตั้งอยู่ในดัลลัส รัฐเท็กซัส และยังมีสำนักงานและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีก ในเซนต์พอล มินนิโซต้า และเบรนสัน มิตซูรี่ ใช้เงินลงทุนกว่า 30 ล้านดอลล่าร์ ใช้เวลากว่า 7 ปี ในเรื่องการลงทุนเรื่องโครงสร้าง ระบบพัฒนาและสนับสนุนเรื่องการทำงานเป็นทีมในองค์กรมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก โดยเปิดตัวใน ปี 2007 ในประเทศสหรัฐอเมริกาแคนาดาและเปอร์โตริโก มีผลิตภัณฑ์ทำตลาดเป็นรายการแรกได้แก่ เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ “มาร์กี้ เบอร์รี่” นอกจากนี้ยังมีสินค้า นวัตกรรมใหม่อีกหลายรายการที่กำลังทยอยขออนุญาตจาก อย. เตรียมคลอดตามออกมาทำตลาดอีกมากมาย

ส่วนแผนธุรกิจในประเทศไทยนั้น สมัครเพียง 350 บาท ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุกประกัน 140,000 บาท ระยะเวลา 12 เดือน สามารถมีรายได้ 5 ช่องทางคร่าวๆดังนี้ 1.TURBO BONUS 2.STAR MAKER BONUS 3.CYCLE BONUS 4.MATCHING BONUS 5.LEADERSHIP BONUS

โดย “ชนิดา” ได้เผยกับ “เส้นทางนักขาย” ว่า “เราต้องการให้ธุรกิจของเราเจาะได้ทุกตลาดลงไปถึงรากหญ้า จึงจะเห็นได้ว่าค่าสมัครของเราถูกมากใครที่จะเป็นผู้บริโภคเพียงอย่างเดียวก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ง่ายดาย ส่วนใครที่ จะเน้นการทำธุรกิจขยายเครือข่ายเราก็วางระบบและแผนการตลาดไว้รองรับ ช่วยให้ทุกคนสร้างรายได้ ขยายทีมงานได้อย่างไม่ยากเกินไปเช่นกัน”
‘Synergy’ พลิกเกมสู้ปรับแผนใหม่เมษาฯ นี้

ทางด้านความเคลื่อนไหวของ “บริษัท ซินเนอร์จี้ เวิลด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง ประเทศไทย จำกัด” ที่มีทีมงานจากกลุ่มของ “ชนิดา” เดิมกระจายเข้าไปร่วมธุรกิจด้วยล่าสุด ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวการปรับ “ProArgi-9 Plus” โฉมใหม่ ให้ทานง่ายกว่าเดิม ในรูปแบบของซองบรรจุผงพกพาได้ง่าย ที่สำคัญคือการเปิดตัวการจ่ายผลตอบแทนแบบรายสัปดาห์หรือ Weekly Bonus

“ศุภพงศ์ จันทรวีระกุล” ผู้จัดการทั่วไป กล่าวถึงการจ่ายผลตอบแทนแบบ รายสัปดาห์หรือ Weekly Bonus ว่า เป็นบริษัทอินเตอร์เจ้าแรกของประเทศไทย ที่มีการจ่ายผลตอบแทนดังกล่าว ซึ่งจะทำให้นักธุรกิจได้เห็นรายได้ของตัวเองแทบจะทันเวลา เชื่อว่าจะยิ่งทำให้ตลาดซินเนอร์จี้เมืองไทย หมุนเร็วยิ่งขึ้น

“โปรแกรมนี้เราเริ่มปรับใช้ตามอเมริกาและเกาหลี ซึ่งเขาพร้อมแล้ว สำหรับการจ่ายโบนัสหรือค่าคอมมิชชั่นแบบรายสัปดาห์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผมกล้าพูดได้เลยว่า เราเป็นบริษัทอินเตอร์เจ้าแรกของประเทศไทยจริงๆ เชื่อว่า การจ่ายผลตอบแทนแบบ Weekly Bonus จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของซินเนอร์จี้ให้เดินเร็วยิ่งขึ้น เพราะสมาชิกจะสามารถเห็นผลการทำงานของตัวเองได้จากตัวเลขรายได้ที่ทำได้ในแต่ละสัปดาห์ และจะมีสมาชิกหน้าใหม่เข้าสู่ธุรกิจมากขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งโปรแกรม Weekly Bonus จะเริ่มพร้อมใช้ใน ประเทศไทยในต้นเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไปครับ”
ซึ่งภายในงานแถลงข่าวดังกล่าวกลุ่มแม่ทีมระดับสูงชื่อดังก็ได้เข้าร่วมงาน และเปิดตัวถึงความพร้อมในการร่วมเกมรุกของบริษัทด้วย อาทิ “จันทนา อินทศิริ” “พรกวิษย์ วงศ์ประเสริฐ” “สุนันทา- ชาติชัย ธนสารเดชาชัย” เป็นต้น
‘นิติ’ ไม่สนแข่งใครรักยาวต้อง ‘เอเจล’ เท่านั้น!

ส่วนทางด้าน “เอเจล” ล่าสุด ก็เพิ่งออกมาแถลงข่าว ที่ดูเหมือนจะเป็น เพียงการเปิดตัว “แนวรุกธุรกิจ” และ “สินค้าใหม่” แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าการออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้เพื่อ “เปิดตัวทีมบริหารใหม่” ตอกย้ำความแข็งแกร่งของบริษัท และเปิดให้ “สังคม” ได้เห็นว่า “ผู้นำระดับ สูงคนสำคัญ” ที่กำลังมีกระแสข่าวว่าได้ย้ายไปที่อื่นเช่นเดียวกันอย่าง “นิติ สว่างทรัพย์” เป็นเพียงแค่ “ข่าวปล่อย!!” เจ้าตัวเองยังขึ้นเวที ประกาศให้ทุกคนทราบว่า จะปักหลักอยู่ที่ “เอเจล 1,000,000%”

ทางด้าน CEO “บอยด์ แมตธีสัน” กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยยังมีจุด อ่อนที่ต้องทำการวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อ ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ออกมา ซึ่งอาจนำสูตรของเรามาผลิตที่ประเทศไทย เพื่อลดต้นทุน ในการผลิตและส่งผลให้ราคาจำหน่ายถูกลง และจุดอ่อนของประเทศไทยที่เห็นได้ชัดคือ การซื้อซ้ำและการซื้อแบบยั่งยืน และสาเหตุนี้ทำให้มีการปรับลดยอดขายลงจากเดิม 2,500 บาทเป็น 900 บาท หรือถ้าสร้างทีมใหม่ขึ้นมาจะมีทริปท่องเที่ยว และมีการจัดทริปท่องเที่ยวทุกๆ 6 เดือน เพื่อรักษา ยอดการขาย

แม้ธุรกิจในเอเชียจะมีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น แต่เอเจลไม่เห็นว่าใครเป็นคู่แข่ง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบเจลเพียงเจ้าเดียว และหวังว่าจะเติบโตเป็นธุรกิจ 1 หมื่นล้านภายใน 5 ปี สำหรับการ คาดหวังการเติบโตในปีนี้ต้องมากกว่าปีก่อน 50% โดยจะมีการแตกไลน์สินค้าเพิ่มเติม เพิ่มสินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นมา เพื่อกระตุ้น ตัวยอดขาย
“ปัจจุบันแม้จะมีการเปลี่ยน แปลงภายในบริษัท แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมดา และยอมรับว่าทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เหมือนป่าทึบที่ต้องตัดต้นไม้ออก ไป เพื่อให้ผู้นำใหม่ๆ เกิดขึ้นมา และพัฒนาผู้นำรุ่นเก่าๆ ให้เติบโต และมีประสิทธิภาพกว่าเดิม และตอนนี้ เรายังมีกลยุทธ์และนโยบายที่จะทำให้ก้าวไปเป็นผู้นำในการขาย แต่คงไม่สามารถเปิดเผยได้ ในขณะนี้และคงต้องให้รอติดตามดูต่อไป”

ส่วนทางด้านของ “นิติ” ได้เปิดเผยความรู้สึกกับ “เส้นทางนักขาย” ว่า “ต้องบอกว่าผมรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น เหมือนกับว่า วันนึงคนที่เคยคิดเหมือนเรา เกิดความคิดแตกต่างขึ้น ซึ่งผมก็คงต้องบอกว่า ขออวยพรให้เขาประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่ส่วนตัวของผมเอง ก็มีสิ่งที่ต้องยึดเหนี่ยวเหมือนกัน นั่นคือเอเจล เพราะผมรู้ว่าสินค้าที่นี่ ดีจริง ผมก็คงเน้นการแข่งกับตัวเองมากกว่า ส่วนกระแสที่บอกว่าผมจะไปที่อื่นนั้น ก็ย้ำอีกครั้งว่าไม่จริงเลยผมยังไม่คิดไปไหนนอกจากอยู่กับเอเจลเท่านั้น ที่นี่มีปัจจัยทุกอย่างครบที่จะนำพาทุกคนไปสู่ความสำเร็จได้จริง สุดท้ายก็คงต้องถามตัวเองกันว่า นิยมอยู่สั้นหรือนิยม ยาว ถ้านิยมยาวก็คงต้องเป็นที่เอเจลนี่ล่ะครับ”
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 201 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1- 15 เมษายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น