“ผมถือเป็นการคืนกำไรสู่พี่น้องเกษตรกร และอีกประการหนึ่งเรามองเห็นความผูกพันรักใคร่อันดีระหว่างบริษัท กับเพื่อนนักธุรกิจอิสระซึ่งเป็นทั้งเกษตรกรผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และนักขายมีต่อกัน การจัดงานมหกรรมเกษตรที่ยิ่งใหญ่น้องๆงานกาชาดหรือเกษตรแฟร์ในศรีสะเกษจึงเกิดขึ้นประเดิมนำร่องการเปิดตัววาฬน้ำเงินให้เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นในปีนี้เป็นต้นไป”
ตะลึง! “วาฬน้ำเงิน” หยุดสงครามไทย-เขมร
ตะลึง! มหกรรมงานเกษตรฟรีคอนเสิร์ต “วาฬน้ำเงิน” ณ สนามกีฬาสถาบันการพลศึกษา จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาคึกคักกันสุดเหวี่ยงกระชากอารมณ์ความรู้สึกหวาดกลัวผวาจากเหตุการณ์ชายแดนไทยเขมรปะทุให้หยุดลงได้ในฉับพลัน!!
เมื่อพี่น้องประชาชนคนศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี และในจังหวัด ใกล้เคียงตลอดจนถึงคนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ “ชายแดนไม่สงบ” รวมเกือบห้าพันคนพากันหลั่งไหลเข้าร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้าพืชผลทางการเกษตรคุณภาพหลากหลายนานาพันธุ์ ที่ “วาฬน้ำเงิน” จัดขึ้นเป็นการขอบคุณและคืนกำไรให้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่สิบโมงเช้ายันเที่ยงคืน
ทำให้บรรยากาศงานคึกคักกันตั้งแต่เช้าของวันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ด้วยผู้คนที่เป็นทั้ง “สมาชิกวาฬน้ำเงิน” และ “ประชาชนทั่วไป” ต่างพากันให้ความสนใจการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรคุณภาพสูงจากบริษัทฯ การจำหน่ายพืชผลทางการเกษตรปลอดสารพิษ รวมไปถึงการประกวดพืชผลทางการเกษตร และร่วมสนุกสนานกับกิจกรรมชิงรางวัลมากมายมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ร่วมลุ้นรางวัลปุ๋ย 30 ตัน และของรางวัลอื่นๆ กว่า 500,000 บาท
ยิ่งพลบค่ำความคึกคักก็ยิ่งทวีมากขึ้นเมื่อบรรยากาศงานเริ่มพาเข้าสู่กิจกรรมบนเวทีกลางแจ้งกับการประกวดวงดนตรีลูกทุ่ง-แดนเซอร์ จากสถาบันการศึกษาต่างๆ ร่วม 20 แห่ง และชม “ฟรีคอนเสิร์ต” จากเหล่าศิลปินชั้นนำนับ 10 คนจากค่ายแกรมมี่ โกลด์ กล่าวได้ว่างานนี้ “คนอีสานบ้านเฮาลืมมินิสงครามชายแดนในค่ำคืนนั้นกันไปเลย”
ย้อนที่มา “มหกรรมสินค้าเกษตร-ฟรีคอนเสิร์ต”
สำหรับวันประวัติศาสตร์หยุดกระแสความกลัวมินิสงครามชายแดนไทย-เขมรของ “วาฬน้ำเงิน” ครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วยความ “ตั้งใจ” ของคณะผู้บริหาร “บริษัท ไทย-เยอรมัน อินเตอร์เทค โปรดักส์ จำกัด” (TGI) เจ้าของกิจการผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแบรนด์ “วาฬน้ำเงิน” หรือ “บูลเวล” (BLUE WHALE) นำโดย “วุฒิพงศ์ วนากุล” กรรมการผู้จัดการ “จิตรกร สายแก้ว” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และ “ไตรรัตน์ ธีรทิพย์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และผู้นำฝ่ายขายระดับสูงทั้งหมด
“วุฒิพงศ์ วนากุล” อธิบาย รายละเอียดว่า เนื่องด้วย “TGI” เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพทางการเกษตรผ่านช่องทาง “ขายตรงหลายชั้น” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ให้กับ “เกษตรกรไทย” ทั่วประเทศมาเป็นระยะเวลาร่วม 2 ปี และประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจจากการตอบรับของเกษตรกรในการเข้าร่วมเป็น “สมาชิกวาฬน้ำเงิน” เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ ไปใช้ในไร่สวนด้วยราคาที่ได้ส่วนลดพิเศษ และ “นักธุรกิจอิสระ” ที่เข้ามาร่วมงานขยาย เครือข่ายผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ตราวาฬน้ำเงินเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นับได้ว่าเกษตรกรและนักธุรกิจอิสระ “TGI” มีเสียงตอบรับผลิตภัณฑ์ ทางการเกษตรวาฬน้ำเงินสูงมาก ทำให้ การขยายเครือข่ายและเปิดศูนย์บริการ เติบโตอย่างรวดเร็วในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา “ผู้บริหาร” จึงตระหนักถึงความสำคัญต่อการสร้าง “สายใยผูกพัน” ที่ยั่งยืนนานกับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จึงได้จัดงานดังกล่าวขึ้นเป็นครั้งแรก
“ผมถือเป็นการคืนกำไรสู่พี่น้องเกษตรกร และอีกประการหนึ่งเรามองเห็นความผูกพันรักใคร่อันดีระหว่างบริษัทกับเพื่อนนักธุรกิจอิสระซึ่งเป็นทั้งเกษตรกรผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และนักขายมีต่อกัน การจัดงานมหกรรมเกษตรที่ยิ่งใหญ่น้องๆ งานกาชาดหรือเกษตรแฟร์ในศรีสะเกษจึงเกิดขึ้นประเดิมนำร่องการเปิดตัววาฬน้ำเงินให้เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นในปีนี้เป็นต้นไป”
“วุฒิพงศ์” กำชับต่อว่า ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าช่วงที่ผ่านมา “วาฬน้ำเงิน” จะไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการเกษตรแต่อย่างใด หากแต่พื้นฐานธุรกิจของวาฬน้ำเงินนั้นได้เป็นที่คุ้นเคยแพร่หลายในหมู่คนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว
อาณาจักร “เอกยงวงศ์” ฐานมั่น “วาฬน้ำเงิน”
ด้วยเหตุนี้ทำให้ “กรรมการ ผู้จัดการ TGI” ในฐานะผู้บริหารสูงสุด ของวาฬน้ำเงินและทายาทผู้สืบทอดธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการประมง มาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ซึ่งทำการค้า “วัสดุซ่อมเรือประมง” และ “กากเมล็ดชา” รายสำคัญที่ดำเนินธุรกิจในนาม “กลุ่มเอกยงวงศ์” ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทในเครือ รวม 7 ษริษัท ด้วยทรัพย์สินรวมกว่า 1,000 ล้านบาท โดยจัดตั้งบริษัท TGI เพื่อทำธุรกิจขายตรงเอ็มแอลเอ็มภายใต้แบรนด์ “วาฬน้ำเงิน” เป็นธุรกิจใหม่ล่าสุดเมื่อปี 2551
“วุฒิพงศ์ วนากุล” ทายาทธุรกิจพันล้านได้เล่าย้อนพื้นฐานธุรกิจของกลุ่มเอกยงวงศ์ว่า เดิมทีสองผู้ก่อร่างสร้างอาณาจักรธุรกิจอย่าง “นิพนธ์ วนากุล” และ “รัมภา วนากุล” ซึ่งเป็นบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเขาได้เริ่มทำธุรกิจการค้าวัสดุซ่อมเรือประมงเมื่อปี 2527 ด้วยการจัดตั้ง “ห.จ.ก.ย่งฮงจั่น” ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนเล็กๆ แต่ได้ขยายการจำหน่ายกากเมล็ดชาเพื่อกำจัดปลาในฟาร์มกุ้งเพิ่มและดำเนินด้วยดีตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
และต่อมาเมื่อการดำเนินธุรกิจเจริญเติบโตขึ้นก็มีการขยายกิจการจัดตั้ง “บริษัท เอกยงวงศ์ จำกัด” ดำเนินธุรกิจจำหน่ายกากเมล็ดชาสำหรับกำจัดหอยเชอรี่ในนาข้าว เพิ่ม ตามด้วยการจัดตั้ง “บริษัท วงศ์ชัยเกษตร จำกัด” เพื่อดำเนินธุรกิจอาหารเสริมสำหรับพืช
หลังจากนั้นได้ขยายไปสู่ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีมาตรฐานระดับสากลด้วยปี พ.ศ.2551 กลุ่มเอกยงวงศ์ ได้ร่วมทุนกับ บริษัท Canadian Real Organic Products Inc (CROP) ประเทศแคนาดาในนาม “บริษัท ไทย-แคนาดา เรียล ออร์แกนิค โปรดักส์ จำกัด” ขึ้นเพื่อผลิต Can Grow สารปรับปรุงดินจากไคติน ซึ่งทำให้พืชแข็งแรงและสร้างภูมิคุ้มกัน เชื้อรา จนได้รับการ certified จาก OMRI (Organic Material Review Institute) ประเทศอเมริกาเป็นผลสำเร็จ
นอกจากนั้นในปีเดียวกันกลุ่มเอกยงวงศ์ยังร่วมมือกับนักวิชาการชาวเยอรมันจัดตั้ง “บริษัท ไทย-เยอรมัน อินเตอร์เทค โปรดักส์ จำกัด” (TGI) ขึ้นจัดตั้งโรงงานและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ไคโตซานวาฬน้ำเงินบนเนื้อที่ 43 ไร่ ด้วยอาคารโรงงานที่มีพื้นที่กว่า 13,000 ตารางเมตร ภายใต้การควบคุมการผลิตอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วัตถุดิบเริ่มต้น จนมาเป็นผลิตภัณฑ์วาฬน้ำเงิน (บลูเวล) ขึ้น
เพิ่มเติมจากโรงงานที่ 1 บนที่ตั้งเลขที่ 44/3 หมู่ 7 ซอยสถานีรถไฟคอกควาย ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เนื้อที่ 13ไร่ อาคารโรงงานมีพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร เช่นเดียวกัน
“TGI-วาฬน้ำเงิน” ทางเลือกใหม่เกษตรกรไทย
“วุฒิพงศ์ วนากุล” ย้ำชัดถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของ “TGI” ว่าหลังจากก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 พร้อมโรงงาน ของบริษัทฯ เอง ก็เพื่อให้มั่นใจใน “คุณภาพวาฬน้ำเงิน” ทุกขั้นตอน ซึ่งเขาได้รับเอาวิทยาการการผลิตไคโตซาน ข้อมูลวิชาการ วิธีการติดตั้งเครื่องจักร และการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการผลิตและนำส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรดังกล่าวให้เข้าถึง “เกษตรกรไทย” อย่างทรงประสิทธิภาพเช่นกัน
“เมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพดี ที่สามารถควบคุมการผลิตด้วยตนเอง และมีผลการทดสอบสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน บริษัทฯ จึงคิดหาวิธีที่จะสามารถกระจายสินค้า ไปสู่เกษตรกรได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบขายตรงเอ็มแอลเอ็มที่เหมาะกับการเข้าถึงผู้ใช้ชาวเกษตรกรไทยทั่วประเทศ ซึ่งพวกเขาได้ประโยชน์ทั้งได้ใช้สินค้าดีราคาถูกและร่วมเป็นนักธุรกิจได้อีกด้วย”
ดังนั้น “TGI” ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาบนพื้นฐานที่ต้องการขายสินค้าทางการเกษตรที่ดี มีคุณภาพ ราคายุติธรรม มีแผนการตลาดที่สมาชิกสามารถทำธุรกิจที่มั่นคงให้ผล ตอบแทนอย่างยั่งยืนและดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประโยชน์เป็นที่ตั้งจึงได้รับความนิยมจากเหล่า “สมาชิกวาฬน้ำเงิน” อย่างกว้างขวางตามแบบฉบับของธุรกิจขายตรงที่ก่อเกิดด้วยยุทธศาสตร์บอกเล่าความสำเร็จ “ปากต่อปาก” ในเวลาอันรวดเร็ว
ข้อสำคัญการดำเนินธุรกิจของ “วาฬน้ำเงิน” หรือ “TGI” กรรมการผู้จัดการคนสำคัญได้เน้นยึดวิสัยทัศน์ (Vision) เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งพัฒนาบริษัทสู่ความเป็นเลิศในธุรกิจ ขายตรง เสริมสร้างรายได้อย่างมั่นคงบนพื้นฐาน คุณธรรมนำธุรกิจ อย่างหนักแน่น ด้วยนโยบาย (Policy) บริหารใน 5 เสาหลัก คือ
1.ผลิตสินค้าคุณภาพดี ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย 2.ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ด้วยสำนึกรับผิดชอบ 3.สร้างงานและสร้างโอกาสทางการเงินให้กับคนไทย ทุกอาชีพ 4.สร้างความเชื่อมั่นบนพื้นฐานการประกอบธุรกิจ เครือข่ายด้วยคุณธรรม 5.ดูแลพนักงานและสมาชิกทุกคน ด้วยความเอาใจใส่เสมือนครอบครัวเดียวกัน
ทั้งนี้ “วาฬน้ำเงิน” ได้กำหนด “พันธกิจ” (Mission) ของตัวเองไว้ว่า ภายใน 5 ปีนี้ จะต้องก้าวขึ้นสู่ความเป็น “ผู้นำ” ด้านธุรกิจเกษตรอินทรีย์ แบบ ครบวงจร และพัฒนายกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนธุรกิจขายตรง อย่างบรูณาการและยั่งยืน ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจนสามารถสร้างผลประกอบการได้อย่างต่ำ 500 ล้านบาทต่อปี ภายใต้การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และมีจริยธรรม บนพื้นฐานของ “บรรษัทภิบาล” ที่ดีด้วยความรับผิดชอบ ต่อสังคมสูงสุด
ขายตรงเกษตรที่ลงตัวของนักธุรกิจอิสระไทย
ถึงตรงนี้คงต้องกล่าวว่า “บริษัท ไทย-เยอรมัน อินเตอร์เทค โปรดักส์ จำกัด” หรือ “TGI” หรือ “วาฬน้ำเงิน” นั้นเป็นบริษัทขายตรงที่มีฐานความรู้บวกกับประสบการณ์อันยาวนานในตลาดสินค้าเกษตรมาเกือบ 30 ปี ที่เริ่มจากธุรกิจเล็กๆ ในครอบครัวและค่อยๆ พัฒนาเข้าสู่ความร่วมมือกับสถาบันและองค์กรวิจัยต่างๆ เพื่อค้นคว้าให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เห็นผล มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง มีความปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จนได้รับการตอบรับจากสมาชิก และผู้บริโภคอย่างล้นหลามในเวลาแค่ 2 ปี หลังทำการตลาดแบบเครือข่ายขายตรง
ทั้งนี้ “วุฒิพงศ์” ให้เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ “วาฬน้ำเงิน” เลือกช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายขายตรง เอ็มแอลเอ็ม ก็เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของ บริษัทฯ สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน บริษัทฯ จดทะเบียนเพื่อประกอบธุรกิจขายตรงกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยมีแผนการตลาดที่มีความโดดเด่นเป็นธรรมแก่สมาชิก สอดคล้องกับพฤติกรรมการตลาด และการพัฒนาศักยภาพการทำธุรกิจของสมาชิก โดยส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
“การที่กลุ่มบริษัทฯ เราได้ประกอบธุรกิจมานานกว่า 27 ปี ยึดมั่นในเรื่องของคุณธรรมมาโดยตลอด ซึ่งคุณพ่อนิพนธ์ และคุณแม่รัมภา วนากุลของผมได้ทำมาเป็นแบบอย่างนั้น ผมจะยึดถือเป็นหลักปฏิบัติตลอดไปทุกฝ่ายต้องได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสม มีความมั่นคงยั่งยืน มีสินค้าที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ บนหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ เรายึดมั่นในกฎระเบียบจรรยาบรรณของธุรกิจเครือข่ายเป็นสำคัญ”
มากกว่านั้นวันนี้อาจกล่าวได้อีกว่า “TGI” หรือ “วาฬน้ำเงิน” เป็นบริษัท ขายตรงเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีสื่อสารทุก รูปแบบในการ “ส่งเสริม” และ “สนับสนุน” การทำธุรกิจของนักธุรกิจอิสระในสังกัด เริ่มจากการจัดทำประชาสัมพันธ์แบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และสื่อทีวีดาวเทียมที่บริษัทฯ ได้ลงทุนผลิตรายการ “เกษตรเกรด A” แพร่ภาพผ่าน KM-Channel ช่วง 22.00 น.ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และช่วง 17.30 น. ในเย็นวันเสาร์และอาทิตย์ สถานีลายไทย วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ ช่วง 5.30 น.
และในปี พ.ศ. 2554 นี้บริษัทฯ ได้ขยายการประชาสัมพันธ์เพื่อการรับรู้ แบรนด์และเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้นโดยการลงทุนเพิ่มในรายการ “เกษตรวาไรตี้” ที่จะเริ่มแพร่ภาพผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT ช่วงเวลา 05.25 ของทุกวันจันทร์ และรายการ “สุขภาพดี” ซี่งจะแพร่ภาพผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ช่วง 02.30 น. ในทุกวันอังคาร (คืนวันจันทร์ล่วงเข้าเช้าวันอังคาร) อีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้นปัจจุบัน “TGI” ยังมีผลิตภัณท์กลุ่มอื่นที่นอกเหนือไปจากผลิตภัณฑ์กลุ่มเกษตร อย่างเช่นกลุ่มเสริมอาหาร กลุ่มเสริมความงามและครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ “วาฬน้ำเงิน” สมุนไพรจีน และกาแฟกระชายดำเพื่อสุขภาพไว้รองรับการขยายเครือข่ายผู้บริโภคให้นักธุรกิจอิสระทุกคนได้อย่างครบครัน โดยภายในสิ้นปีนี้ “วุฒิพงศ์” เตรียมนำผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริม “เอนไซม์” และอาหารเสริมประสิทธิภาพสูงอื่นๆ มาเสริมทัพ เพิ่ม ซึ่งจะยิ่งทำให้ “ขายตรงวาฬน้ำเงิน” เป็นธุรกิจที่ทรงประสิทธิภาพทางการตลาดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว
สุดท้ายด้วยเป้าหมายผลการดำเนินงานในสิ้นปี พ.ศ.2554 นี้ “วาฬ น้ำเงิน” จะไต่ระดับเข้าสู่ยอดขาย 200 ล้านบาทให้สำเร็จ “วุฒิพงศ์ วนากุล” กรรมการผู้จัดการจึงกดปุ่มโปรโมชั่นส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ เพื่อให้ “นักธุรกิจอิสระ” ที่เป็นทั้งเกษตรกรและนักขายตรงเต็มตัวได้ทำคุณสมบัติท่องเที่ยวต่อเนื่องมากมาย ประเดิมงานแรกทัวร์สิงคโปร์ 3 วัน 2 คืนปลายเดือนมีนาคม
นาทีนี้!!...จึงต้องจับตาแทบไม่ให้กระพริบทีเดียวกับอนาคต “วาฬน้ำเงิน” ที่กำลังไต่ระดับเข้าสู่ความยิ่งใหญ่ตามพันธกิจใน 5 ปีข้างหน้าเพื่อก้าวสู่การ เป็น “ผู้นำ” ทางธุรกิจขายตรงเกษตรแบบครบวงจรด้วยสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพจนตอบทุกโจทย์ความต้องการ คนไทยทั่วประเทศได้อย่างลงตัวนั่นเอง!!
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 199 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 1- 15 มีนาคม 2554
ยากหาที่ขายส่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี สนใจอาจะเอามาขายปกติใช้เองอยู่แล้ว
ตอบลบ