ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเดือด! 'แอมเวย์-ออริเฟลม' ส่งไม้เด็ด กระทุ้งยอด



ขายตรงสบโอกาสตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโต…ล่าสุดหลายค่ายดาหน้ารุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่อเนื่องรับเทรนด์คนรักสุขภาพ…ด้านพี่บิ๊กขายตรง “แอมเวย์” อัดแคมเปญใหญ่แห่งปี“NutriLOVE by Nutrilite” พร้อมยิงโฆษณา 6 เรื่องสร้างกระแสธุรกิจตอกย้ำผู้นำตลาด…ส่วน “ออริเฟลม” ไม่น้อยหน้าชิมลางตลาดใหม่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเวลเนสบายออริเฟลมพร้อมมั่นใจช่วยสร้างยอดขายโตถึง 20-25% แน่ย้ำ! ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทยยังโตได้อีกไกล
“ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” นับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ต้องบอกว่าเกือบทุกบริษัทในธุรกิจเครือข่ายต่างมีกันแทบทั้งนั้น ในขณะเดียวกันเชื่อว่า คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้นๆ คงไม่ฉีกหนีหรือแตกต่างอะไรกันมากนักแต่อย่างใด อาจจะเรียกได้ว่าเหมือนกันเสียด้วยซ้ำไป ซึ่งอาจจะแตกต่างกันเพียงแค่ สี กลิ่น รส ยี่ห้อเท่านั้นเอง
ที่ผ่านมา ต้องบอกว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาตลาดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีมูลค่ากว่า 26,600 ล้านบาท โดยถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่น่าสนใจทีเดียว ที่เชื่อว่าหลายๆ บริษัท ที่เมื่อได้เห็นมูลค่าตลาดนี้แล้ว คงต้องตาลุกวาวกันเลยทีเดียว
และจากมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เอง จึงส่งผลให้บริษัทเครือข่ายทั้งค่ายเล็กค่ายใหญ่ ได้เตรียมรุกคืบวางหมากกลยุทธ์เพื่อหวังที่จะแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดนี้นั่นเอง อย่างล่าสุด “พี่บิ๊กขายตรง” อย่าง “แอมเวย์” ก็ได้ออกมาประกาศแผนเชิงรุกแบบเร่าร้อนคนเครือข่าย ด้วยการเดินหน้ารุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ “นิวทริไลท์” ในกลุ่มวิตามินรวม ด้วยการเปิดแคมเปญใหญ่แห่งปี “NutriLOVE by Nutrilite” ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกหนึ่งค่ายที่หันมาขอแบ่งแชร์ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ “ออริเฟลม” ลองมาดูกึ๋นของ 2 ค่ายนี้กันดูว่า ทีเด็ดที่พร้อมเสิร์ฟให้คนเครือข่าย รวมถึงผู้บริโภคทั่วไปได้รับรู้มีอะไรกันบ้าง ซึ่ง “ตลาดวิเคราะห์” มีให้ทุกท่านได้ติดตามดังนี้

“แอมเวย์”รุกตลาดสุขภาพ
ดันแคมเปญยิงโฆษณา6เรื่อง
...หากจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของแผนรุกตลาดเครือข่ายของค่ายยักษ์ใหญ่ที่ชื่อว่า “แอมเวย์” แล้วล่ะก็ คงต้องบอกว่า แต่ละช็อตในคัมภีร์ยุทธ์ที่ค่ายนี้มี ต้องยอมรับว่าเหนือชั้นสมชื่อสมราคากันเลยทีเดียว…ซึ่งล่าสุด “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์” จากแอมเวย์ ได้ออกมาเปิดฉากตอกย้ำแชมป์ขายตรงเบอร์ 1 ชนิดที่ว่าใครเห็นต้องยกนิ้วให้ นั่นก็คือ การเปิดตัวแคมเปญใหญ่แห่งปี “NutriLOVE by Nutrilite” พร้อมแนะนำ “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” ผลิตภัณฑ์ประเภทวิตามินรวม เกลือแร่รวม และไฟโตนิวเทรียนท์ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคยุคดิจิตอล พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ถึง 6 เรื่องด้วยกัน เพื่อปลุกกระแสให้คนไทยส่งมอบความรักด้วยการดูแลสุขภาพ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ตียอดให้โตเพื่อหวังครองแชมป์ขายตรงแบบอยู่ยงคงกะพันของค่ายนี้นั่นเอง
ซึ่งแนวทางในการรุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปีนี้นั้นจะเป็นเช่นไร นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ หากสังเกตให้ดีจะพบว่า คนส่วนใหญ่เริ่มที่จะหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองกันมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังเริ่มที่จะให้ความสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากขึ้นด้วย และด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทำให้ตลาดผลิต ภัณฑ์เสริมอาหาร
ของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จาก ในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีมูลค่ากว่า 26,600 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกลุ่มวิตามินรวมจำนวน 2,100 ล้านบาท และคาดว่าตลาดกลุ่มวิตามินรวมจะมีอัตราเติบโตอีก 5% ในปีนี้ด้วย และคาดว่าจะมีอัตราเติบโตปีละ 10% โดยแอมเวย์มีส่วนแบ่งทางการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 19% แบ่งเป็นกลุ่มวิตามินรวมและแร่ธาตุมีส่วนแบ่งเป็นผู้นำตลาดด้วยสัดส่วน 28%
“ปัจจุบันนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ยังคงเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ให้กับแอมเวย์ โดยมียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มวิตามิน เกลือแร่ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งหมด ขณะเดียวกันในตลาดประเทศไทยนิวทริไลท์ก็เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มวิตามินและเกลือแร่ ด้วยยอดจำหน่ายที่ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายในปีที่ผ่านมากว่า 5,100 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ในส่วนของกลยุทธ์เสริมความแกร่งของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ในปีนี้นั้น “กิจธวัช” ยังได้กล่าวเสริมต่ออีกว่า สิ่งที่บริษัทฯ จะมุ่งเน้นทำตลาดในปีนี้คือ การมุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ด้วยการเตรียมแผนการตลาดและการขายแบบครบวงจร เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคในยุคเจนเอ็กซ์ หรือกลุ่มคนที่มีอายุ 31-45 ปี และเจนวายกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 11-30 ปี ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับโลกอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีไอที โดยคนทั้งสองกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มห่วงใยและดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น
ขณะเดียวกันประชากรในกลุ่มเบบี้ บูมเมอร์ อายุ 46-65 ปีขึ้นไป จากตัวเลขพบว่า มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และมีความสนใจดูแลรักษาสุขภาพเพื่อร่างกายที่แข็งแรงและมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์จากแอมเวย์มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพพื้นฐาน ซึ่งเราจะใช้เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงในการบุกตลาดตั้งแต่ต้นปีอย่าง “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” ด้วยแคมเปญใหญ่ “NutriLOVE by Nutrilite” ที่มุ่งสร้างแบรนด์และให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับสารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์
“กิจธวัช” ยังกล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการให้ความสำคัญ ในเรื่องของสินค้าแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องของการจัดฝึกอบรมนักธุรกิจ
แอมเวย์ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อให้สามารถอธิบายแก่ลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้งสามารถบุกตลาดไปในทิศทางเดียวกับบริษัท ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้บริษัทฯ จึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า สิ้นปีนี้แอมเวย์จะสร้างยอดขายเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ได้เพิ่มขึ้นอีก 10% หรือประมาณ 5,600 ล้านบาท อย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ ทางด้านนางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้กล่าวเสริมว่า พฤติกรรมของคนไทยในปัจจุบันนี้ มีการบริโภคผัก และผลไม้ในปริมาณที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ คือวันละ 4-6 ทัพพี อันเป็นสาเหตุให้ร่างกายได้รับสารอาหารจำเป็นไม่ครบถ้วนต่อวัน สถาบันสุขภาพนิวทริไลท์จึงร่วมมือกับเอแบค โพลล์ทำการสำรวจ “พฤติกรรมการบริโภคผักผลไม้ของคนไทย” กับประชาชนทั่วประเทศ อายุระหว่าง 18-65 ปี ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ 2554 จำนวนทั้งสิ้น 4,295 ตัวอย่าง พบว่า คนไทยเกินครึ่ง 62.3% กินผักผลไม้ไม่เพียงพอต่อวัน นอกจากนั้น 89% บริโภคผักผลไม้ไม่ครบทั้ง 5 สี และอีก 98% ไม่รู้จักสารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคเสื่อมต่างๆ
“แอมเวย์เองมีความมั่นใจว่า ด้วยคุณภาพของ “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์” จะสามารถตอบโจทย์ปัญหาโภชนาการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเรา ประกอบด้วยส่วนผสมของวิตามินรวม เกลือแร่รวม และไฟโตนิวเทรียนท์ รวม 26 ชนิด กับสารสกัดจากผักผลไม้อีก 18 ชนิด ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์วิตามินรวมที่มีในตลาดเมืองไทย”
นางรัตนา ยังเผยต่อว่า สำหรับแคมเปญ “NutriLOVE by Nutrilite” นั้น ถือเป็นการสื่อสารถึงผู้บริโภคหลากหลายครบทุกกลุ่มด้วยกัน ที่สำคัญ แอมเวย์ ยังได้มีภาพยนตร์โฆษณาทีวีถึง 6 เรื่องด้วยกัน ในการสื่อถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของไฟโตนิวเทรียนท์ โดยได้สื่อสารด้วยโฆษณาแบบ Teaser เพื่อสร้างความสนใจ ซึ่งโฆษณาดังกล่าวได้เริ่มออนแอร์ผ่านทางทีวีแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา”
“แนวคิดหลักของแคมเปญนี้ คือ สารอาหารไฟโตนิวเทรียนท์ก็เปรียบเสมือนความรักที่คนทุกช่วงวัยขาดไม่ได้ จึงเป็นที่มาของหนังรัก 5 แบบที่เชื่อว่า จะเข้าถึงทุกกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังประกอบด้วยแผนการตลาดที่ครบ IMC มีการสื่อสารหลากหลายช่องทาง ทั้งทีวี บิลบอร์ด เฟซบุ๊ค เว็บไซต์ และกิจกรรม Below The Lines มากมาย ด้วยงบประมาณรวม 80 ล้านบาท จากแคมเปญดังกล่าว เราเชื่อมั่นว่า เฉพาะสินค้านิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์ ชนิดเดียว จะมียอดขายสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 15% ส่งผลให้ยอดขายรวมของกลุ่มนิวทริไลท์ทั้งหมดเติบโตเป็น 5,600 ล้านบาทนั่นเอง”
…และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการล่ายอดของค่าย “แอมเวย์” จ้าวตลาดเครือข่าย ที่การออกอาวุธแต่ละครั้ง ค่อนข้างที่หนักหน่วงทีเดียว ซึ่งก็ต้องดูกันว่า หลังจากที่แคมเปญดังกล่าวได้จุดพลุขึ้นมาแล้ว ยอดขายที่วางไว้จะสัมฤทธิ์ผลที่ตั้งไว้หรือไม่ อีกไม่นานคงรู้กันอย่างแน่นอน

“ออริเฟลม”ชิมลางตลาดใหม่
ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชิงชัย
… “ออริเฟลม” ถือเป็นอีกหนึ่งค่ายขายตรงที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการพรีเซ็นต์สินค้าสร้างการรับรู้ที่ยอดเยี่ยมอีกค่ายหนึ่งเช่นกัน อย่างล่าสุดด้วยเทรนด์ตลาดผลิต ภัณฑ์เสริมอาหารในปัจจุบันค่อนข้างที่จะมาแรง ส่งผลให้ค่ายนี้จึงได้ออกมาชิมลางตลาดใหม่ด้วยการเข็นสินค้าใหม่อย่างที่ชื่อว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม
โดยทิศทางการทำตลาดดังกล่าวนั้น ทางด้าน “ศุภราภรณ์ เอสซี เปา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริเฟลม คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยว่า “วันนี้ ออริเฟลม เข้าใจดีถึงวิถีชีวิตอันเร่งรีบที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญในทุกๆ วัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ตระหนักว่าสุขภาพดีนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากโภชนาการอันสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดปัญหาสุขภาพที่หลายคนกำลังประสบอยู่ได้ในปัจจุบัน”
“ศุภราภรณ์” เผยต่อว่า จากการสำรวจตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย พบว่า มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี เช่นเดียวกับตลาดโลก ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างสูงอย่างมากทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปัจจุบันนี้คนเริ่มคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองเพิ่มขึ้น ประกอบกับแต่ละคนมีเวลาดูแลตัวเองน้อยลง รวมถึงมีความเครียดที่เพิ่มขึ้นจากการทำงาน จึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปนั่นเอง
“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม ได้นำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน ต้องบอกว่าได้รับการตอบรับจากทั้งผู้บริโภคและสมาชิกเป็นอย่างดี ซึ่งในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ออริเฟลมได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวลเนส บาย ออริเฟลม อย่างเป็นทางการ พร้อมกันในภูมิภาคเอเชียทั้งสิ้น 6 ประเทศด้วยกัน ประกอบด้วย เวียดนาม อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย จีน และไทย ซึ่งในประเทศไทยคาดว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะช่วยสร้างยอดขายคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 20-25% จากยอดขายรวม”
“ศุภราภรณ์” กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ออริเฟลมเลือกหันมาสนใจตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพราะมองเห็นว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวค่อนข้างมีอัตราการเติบโตที่สูง ที่สำคัญ ปัจจุบันเทรนด์เกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพค่อนข้างมาแรง ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ออริเฟลมจึงได้คิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในกลุ่มดังกล่าวขึ้นมา โดยได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะให้ตอบสนองความต้องการของไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยของคนเมือง จึงเน้นในเรื่องโภชนาการที่จำเป็น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของรูปร่าง ที่แข็งแรงดูดี แต่อาจไม่มีเวลาและไม่สะดวกที่จะสรรหาสิ่งจำเป็นในการดูแลสุขภาพให้แก่ชีวิต ได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการดำเนินชีวิตให้มากขึ้นอย่างมีคุณภาพอีกด้วย
“จากการที่ตลาดผลิต ภัณฑ์เสริมอาหารมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้เราเชื่อว่าอัตราการเติบโตในปีนี้น่าที่จะอยู่ที่ประมาณ 7-10% อย่างแน่นอน โดยสินค้ากลุ่มหลักยังคงเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับลดน้ำหนักที่สำคัญบริษัทใหม่ๆที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ต่างมุ่งเน้นชูผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออกมาสู่ตลาดด้วยกันทั้งนั้น”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ ตลาดวิเคราะห์

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น