ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตามติดภารกิจ สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย



จุดเริ่มต้น TSDA;
เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันนี้มีสมาคมที่เกี่ยวข้องกับวงการขายตรงไทยหลักๆ อยู่ 3 สมาคม นั่นคือ สมาคมการขายตรงไทย  - Thai Direct Selling Association (TDSA) สมาคมอุตสาหกรรมการขายตรงไทย - Thai Direct Sell Industry Association (TDIA) และสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย – Thai Direct Selling Development  Association (TSDA) ซึ่งสมาคมหลังสุด เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2553 ที่ผ่านมา
แม้หลายคนอาจมองว่า สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย เป็นแหล่งรวมของพลพรรคจากค่ายไบนารี่ แต่ว่าแท้จริงแล้ว ทางสมาคมนี้ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ว่าบริษัทขายตรงที่ใช้แผนการตลาดแบบอื่นๆ จะไม่สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกได้
เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของการก่อตั้งสมาคมใหม่ขึ้นนั้น เป็นไปโดยเจตนารมณ์เพื่อยกระดับวงการขายตรงไทยล้วนๆ
หากให้ร่ายกันเป็นข้อๆ ก็คือ สมาคมนี้ ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาวงการขายตรงไทย ให้ทัดเทียมเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ภาครัฐ และสาธารณชน สนับสนุนช่วยเหลือสมาชิกแก้ไขอุปสรรค ข้อขัดข้อง ทำวิจัยเกี่ยวกับการประกอบวิสาหกิจประเภทที่อยู่ในวัตถุประสงค์ แลกเปลี่ยนเผยแพร่ความรู้ด้านวิชาการ ส่งเสริมการขายสินค้าของสมาชิกให้เข้ามาตรฐาน ร่วมมือกับรัฐ นิติบุคคล ในการส่งเสริมการค้า อุตสาหกรรม การเงิน วางระเบียบให้สมาชิกปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติ เพื่อให้การประกอบวิสาหกิจตรงตามวัตถุประสงค์ และดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ปกป้อง คุ้มครองสมาชิกของสมาคมผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย สวัสดิการ รักษา ไว้ซึ่งมาตรฐานอันดีงามในการปฏิบัติหน้าที่
หันมาดูหัวหอกในการนำสมาคมนี้ เริ่มต้นจาก นายกสมาคม อนุวัฒน์ ธรมธัช อดีตเลขาธิการ สคบ. อุปนายกสมาคม พล.. สุชาติ กาญจนวิเศษ อดีตผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนคดีทางเศรษฐกิจ ส่วนตำแหน่งเลขาสมาคมซึ่งเปรียบเสมือนแม่บ้าน ก็คงเป็นใครไปไม่ได้ หากไม่ใช่ ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัทจอย แอนด์ คอยน์ เรียกว่าไล่มาตั้งแต่นายกสมาคม อุปนายกสมาคม และเลขาสมาคม ล้วนยกทัพมาจากค่ายจอย แอนด์ คอยน์ ทั้งสิ้น
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อพิจารณาจากคุณวุฒิและวัยวุฒิของทั้ง 3 ท่าน ตัวนายกสมาคมเองนั้น ไม่มีใครปฏิเสธว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีความรู้ ความเข้าใจในธุรกิจขายตรง อีกทั้งเป็นผู้มีส่วนผลักดันให้เกิดกฏหมายขายตรงขึ้น ด้านอุปนายกสมาคม คือ พล.ต.ต.สุชาติ  ก็เรียกว่าทำงานเข้าขากับนายกฯ อนุวัฒน์ ตั้งแต่สมัยเป็นเลขาสคบ.มาก่อน และสำหรับตำแหน่งเลขาสมาคม ซึ่งมี ดร.สมชาย นั่งแท่นนั้น ก็เป็นผู้ประกอบการที่ผ่านสมรภูมิขายตรงมานานหลายปี เมื่อทั้ง 3 ผสานมาทำงานร่วมกันภายใต้ สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ประสบการณ์ที่ทุกคนสั่งสม คงนำมาใช้พัฒนาวงการขายตรงไทยให้เกิดประโยชน์ได้แน่

เดินหน้าพบภาครัฐ;
สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย เริ่มงานแรกด้วยการเข้าพบ นิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ) โดยไปเพื่อชี้แจงถึงวัตถุประสงค์การก่อตั้งสมาคม และแสดงความพร้อมในการร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อสร้างความโปร่งใสให้แก่ธุรกิจขายตรงไทย ทั้งนี้ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและขานรับนโยบายสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นับเป็นก้าวแรกของสมาคม ที่ได้แสดงเจตนาอย่างแน่วแน่ ว่าต้องการมีส่วนช่วยยกระดับวงการขายตรงไทย
แม้จะเป็นสมาคมใหม่ ที่อาจจะยังไม่สามารถช่วงชิงความสนใจ และยึดพื้นที่สื่อได้มากมายเท่าใดนัก ทว่าสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ยังออกเดินสายพบปะภาครัฐอย่างสม่ำเสมอ
คล้อยหลังการเข้าพบเลขา สคบ.ได้ไม่ทันไร สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย นำโดย นายกฯ อนุวัฒน์ คนเดิม ก็ได้นำคณะกรรมการกว่า 10 ชีวิต เข้าพบ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งการไปก็ไม่ต่างจากครั้งที่แล้ว นั่นคือไปเพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ของสมาคม รวมถึงยืนยันในการให้ความร่วมมือกับภาครัฐ แสดงความโปร่งใสในการดำเนินงานภายใต้การดูแลของสมาคม และแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
นอกจากการเข้าพบอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แล้ว ทางสมาคมฯ ยังรุกคืบต่อด้วยการไปพบ สรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันเอกปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีพิเศษ เพื่อตอกย้ำความตั้งใจจริง ในการประสานความร่วมมือกับภาครัฐอีกครั้ง
ความร่วมมือกับ บกปคบ;
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ก็มีโอกาสได้เข้าพบ พล...พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจากการพบปะหารือกันในครั้งนี้ ทำให้เกิดที่มาของการจัดประชุมสัมมนา ว่าด้วย การแนะนำแนวทางการปฏิบัติงานแก่
ข้าราชการตำรวจ เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค และธุรกิจขายตรงไทย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีหน้าเกี่ยวข้องกับกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค และธุรกิจขายตรงโดยตรง
ในวันนั้นยังมีตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ภูวเนศวร์ เนียมมีศรี นิติกรชำนาญการ ได้มาบรรยายและให้ความรู้แก่ข้าราชการตำรวจ พร้อมกับกล่าวแสดงความคิดเห็นถึงการจัดงานในครั้งนั้นว่า “เห็นบทบาทของสมาคมพัฒนาการขายตรงไทยในความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการแล้วก็ต้องขอบคุณและขอชื่นชมจากใจจริง”
โดยทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มีหน้าที่ในการดูแล ตรวจสอบและให้การสนับสนุนธุรกิจขายตรงไทย ซึ่งหวังว่าภาคเอกชน จะได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ และภาครัฐเองก็น่าจะมีความเข้าใจในธุรกิจขายตรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันแล้ว การทำงานย่อมเกิดประสิทธิภาพ ธุรกิจขายตรงที่ดี ก็ย่อมได้รับการสนับสนุนให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
ข้ามฝั่งมาที่นายกสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย อนุวัฒน์ ธรมธัช ที่แม้จะเดินสายค่อนข้างถี่ แต่คงแฮ็ปปี้มากกว่าเหนื่อย เมื่อกิจกรรมของสมาคม ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่เกี่ยวข้องแทบทุกหน่วยงาน
“มันเป็นนิมิตหมายใหม่ที่ภาคเอกชนโดยสมาคมพัฒนาการขายตรงไทยร่วมมือกับภาครัฐคือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้จัดอบรมสัมมนาให้ความรู้แนวทางแก่ตำรวจเกี่ยวกับการขายตรงการตลาดแบบตรงและการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งสมาคมรู้สึกยินดีมากที่ได้มาให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะนำความรู้เหล่านี้ไปดำเนินการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรง” อนุวัฒน์กล่าว
นายกฯอนุวัฒน์ บอกอีกว่า ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ยังมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจขายตรงไม่มากที่ควร ซึ่งการดำเนินการจับกุมในบางครั้ง ได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้แก่ธุรกิจ ไม่เฉพาะแค่ผู้ประกอบการเท่านั้น หากแต่เสียหายไปถึงผู้บริโภค รวมถึงนักธุรกิจอิสระจำนวนมากสืบเนื่องจากธุรกิจขายตรง ที่ได้รับการจดทะเบียนถูกต้องจากสคบ.ถือว่ามี พรบ.ขายตรงและการตลาดแบบตรง คุ้มครองอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ดำเนินการจ่ายผลตอบแทนผิดรูปแบบตามที่จดทะเบียนไว้ หรือเปลี่ยนแผนแต่ได้แจ้ง สคบ.แล้ว แนวทางดำเนินการของอัยการสูงสุด ให้พิจารณาโดยใช้กฎหมายขายตรงและการตลาดแบบตรง ไม่ใช่ไปใช้กฎหมายอาญาเข้าจับกุม ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยราชการอาจไม่รู้ดีเท่าที่ควร
อนุวัฒน์ ยืนยันว่า ยินดีให้ความรู้กับหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง ซึ่งสมาคมฯ คาดหวังให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสืบสวน จับกุม ดำเนินการไปตามกฎหมายที่ถูกต้อง แต่หากบริษัทไหนที่ทำผิดทั้งกฎหมายขายตรง และกฎหมายอาญา หรือผิด พรก.การกู้ยืมเงินและกู้ฉ้อโกงประชาชน ก็สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย สมาคมจะไม่ปกป้องผู้ที่ทำผิดกฎหมาย แต่จะปกป้องสมาชิกที่ทำธุรกิจอย่างถูกต้อง
ด้านเลขาธิการสมาคมอย่าง ดร.สมชาย หัชลีฬหา การร่วมจัดสัมมนากับภาครัฐในวันนี้ สิ่งที่คาดหวังไว้สูงสุดก็คือ ความเข้าใจที่มากขึ้น เจ้าหน้าที่เห็นถึงแนวทางของขายตรง ว่าเขาทำกันอย่างไรจึงถือว่าเป็นขายตรงที่ดี พร้อมสร้างความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ ถึงวิธีการทำงานอย่างไรไม่ให้ละเมิด หรืออะไรที่ควรเข้าไปดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดการกระทำความผิด
ต้องยอมรับว่า พัฒนาการธุรกิจขายตรงในส่วนของการตลาดมีความละเอียดอ่อนมากขึ้น เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่การนำสินค้าไปเสนอแก่ผู้บริโภค หากแต่วิธีการนำเสนอ แผนการตลาด กลยุทธ์ใหม่ๆ ได้เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้น การสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและภาคธุรกิจ ย่อมมีส่วนช่วยให้ธุรกิจขายตรง มีวิวัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น
อีกหนึ่งทหารเสือจากจอย แอนด์ คอยน์ พล... สุชาติ กาญจนวิเศษ ซึ่งสวมหมวกอีกใบในฐานะ อุปนายกสมาคม นับเป็นหนึ่งคีย์แมนคนสำคัญ ผู้มีส่วนในการประสานงานสิบทิศกับภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน่วยงานตำรวจ ที่เขาอาศัยคอนเน็คชั่นเก่า สร้างความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐและเอกชน
“หลายครั้งที่เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายและดูแลธุรกิจขายตรงนำไปสู่การปฏิบัติที่ไม่ชัดเจนและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประกอบการสมาคมจึงอยากให้ทุกภาคส่วนมาทำความเข้าใจในธุรกิจขายตรงและการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกันเพราะหากปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจด้วยเจตนารมณ์อันดีย่อมท้อถอยและได้รับความเสียหายจนส่งผลให้เกิดความชะงักงันของเศรษฐกิจในประเทศ”
“สิ่งที่ทางสมาคมดำเนินการเรื่อยมานั้นอย่างน้อยๆก็เป็นการชี้แนวทางให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปเรียนรู้และศึกษาเพิ่มเติมโดยเฉพาะในแง่มุมที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการทำงานอย่างมีหลักเกณฑ์ให้เป็นการป้องกันปราบปรามดูแลและสนับสนุนธุรกิจขายตรงในเวลาเดียวกัน” พล.ต.ต.สุชาติกล่าว
เห็นภารกิจที่ สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ได้พยายามทำเพื่อยกระดับวงการขายตรงไทยแล้ว ก็ขอเอาใจช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยไว เพราะการทำสิ่งดีๆ นั้น ไม่จำเป็นต้องเลือกค่าย เลือกแผน เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นแผนการตลาดแบบใด หากตั้งใจทำธุรกิจที่สวยงาม บนพื้นฐานของความถูกต้อง และไม่เอาเปรียบผู้บริโภค ก็ย่อมสมควรได้รับการสนับสนุน อย่าลืมว่าหากวงการนี้มีภาพลักษณ์ที่ดีตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ทุกคน ทุกค่าย ทุกแผนการตลาด ที่เวียนว่ายอยู่ในวงจรธุรกิจเครือข่าย ก็ย่อมได้รับอานิสงส์ไปตามๆ กันไม่ใช่หรือ?

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 298 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น