ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

‘แคนเดซ เอส แมทธิวส์’ เปิดปฏิบัติการณ์ ‘แอมเวย์’ ท้าชิงแชมป์โลก! แคนเดซ เอส แมทธิวส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น

เป้าหมายคือยอดขายทั่วโลก“แอมเวย์”ต้องได้ขึ้นเป็น “ผู้นำอันดับ1” ธุรกิจขายตรงของโลกในปี 2563



นับเป็นโอกาสอันดีที่ “กองบรรณาธิการ” ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานแถลงข่าวของ “บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด” ซึ่งความพิเศษครั้งล่าสุด อยู่ตรงการมาเยือนของ “ผู้บริหารชั้นเซียน” มือการตลาดระดับโลก “แคนเดซ เอส แมทธิวส์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด “แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น”

‘BIZ RECORD’ ฉบับนี้จึงขอนำทุกท่านไปทำความรู้จักกับนักบริหารระดับอินเตอร์ท่านนี้ ที่มาพร้อมกับ “กลยุทธ์เด็ด” ส่งแอมเวย์สู่ “แชมป์โลกขายตรง” ให้ได้ในอนาคตอันใกล้!!

ทักทาย‘แคนเดช’มือตลาด ‘แอมเวย์โลก’

“แคนเดซ แมทธิวส์” เกิดที่เมืองนิว ไบรท์ตัน, มลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จบปริญญาตรีจากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโลหการและวิทยาการบริหาร และการจัดการจากมหาวิทยาลัยคาร์เนจี เมลลอน (Carnegie Mellon University) และจบการศึกษาในระดับปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจจากสแตนฟอร์ดบัณฑิตวิทยาลัยธุรกิจ

เป็นกำลังสำคัญในการวางกลยุทธ์ด้านการตลาด “แอมเวย์” ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการตลาดระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์ความงาม สุขภาพและเครื่องใช้ในครัวเรือน รวมทั้งแบรนด์แอมเวย์ระดับโลก ดูแลด้านความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคและตลาด อีกทั้งความรับผิดชอบต่อการเป็นพลเมืองที่ดีในสังคม และการสื่อสารองค์กรของแอมเวย์ทั่วโลกอีกด้วย

ก่อนที่จะเข้ามาร่วมงานกับ “แอมเวย์” ในปี 2550 แมทธิวส์เคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท ซอฟท์ชีน-คาร์สัน (SoftSheen-Carson) ฝ่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคในเครือลอริอัล (L’OREAL) ประเทศสหรัฐอเมริกา และเคยเป็นรองประธานบริษัทฝ่ายผลิตภัณฑ์ใหม่และนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ และกรรมการผู้จัดการให้กับเครื่องดื่มประเภทที่ไม่ใช่เครื่องดื่มโคล่า ในเครือบริษัทโคคา-โคล่า (Coca-Cola)

นอกจากนี้ แมทธิวส์เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงสายการตลาดให้กับบริษัทซีบา วิชั่น (CIBA Vision), ผลิตภัณฑ์การดูแลช่องปาก บริษัท บอสช์ แอนด์ ลอมบ์ (Bausch + Lomb), ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและน้ำหอม บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (Procter & Gamble) และบริษัท เจเนอรอล มิลส์ (General Mills) ซึ่งเป็นที่แรกที่แมทธิวส์ได้เริ่มงานด้านการตลาด

แมทธิวส์เป็นหนึ่งในสมาชิกของสภาผู้นำผู้บริหาร และปัจจุบันดำรงตำแหน่งคณะกรรมการให้กับหน่วยงานด้านเครื่องสำอางเฉพาะผู้หญิง (Cosmetic Executive Women), ธนาคารฟิฟธ์ เธิร์ด (Fifth Third) – มิชิแกนตะวันตก, องค์กรฟิชเกอร์ สเก็ตติ้ง อิน ฮาร์เล็ม (Figure Skating in Harlem), สวนสาธารณะและประติมากรรมเฟรดเดอริก เมย์เยอร์ (Frederik Meijer)

ก่อนหน้านี้เธอยังเคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมมาธิการของมหาวิทยาลัยคาร์เนจี เมลลอน (Carnegie Mellon University) เมืองพิตต์สเบิร์ก และยังเคยร่วมเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาของสแตนฟอร์ดบัณฑิตวิทยาลัยธุรกิจ ประวัติการทำงานและความเสียสละต่อสาธารณชนของแมทธิวส์ ได้ลงตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังหลายเล่ม เช่น อิบอนี (Ebony), เอสเซ็นส์ (Essence), แบล็ค เอ็นเตอร์ไพรส์ (Black Enterprise), กลาเมอร์ (Glamour), ซาลอน เซ็นส์ (Salon Sense) และ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล (The Wall Street Journal) ซึ่งนิตยสาร แบล็ค เอ็นเตอร์ไพร์ส (Black Enterprise) ยังแต่งตั้งให้เธอเป็นนักบริหารยอดเยี่ยมแห่งปี 2552 อีกด้วย

ลั่น!อีก9ปี‘แอมเวย์’ขึ้นแท่นอันดับ1โลก

เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของแอมเวย์นับจากนี้ “แคนเดซ” ตอกย้ำว่า เป้าหมายคือยอดขายทั่วโลก “แอมเวย์” ต้องได้ขึ้นเป็น “ผู้นำอันดับ1” ธุรกิจขายตรงของโลกในปี “2563” หรือในอีก “9 ปีข้างหน้า” นี้ ด้วยการครองส่วนแบ่งมากกว่า “12 %” แทนที่แชมป์เดิมคือ “เอวอน” ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดขายตรงชั้นเดียว (SLM)

จากปัจจุบัน “แอมเวย์” มีส่วนแบ่ง “9.7%” นับว่าเป็นผู้นำตลาดธุรกิจขายตรงหลายชั้น (MLM) ของโลก อีกทั้งในปี 2553 ที่ผ่านมา “แอมเวย์ทั่วโลก” มีการเติบโต 0.2% หรือมีรายได้ “9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ”

“ยุทธศาสตร์” กับการก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดธุรกิจขายตรงทั่วโลกมุ่งเน้นโฟกัส “2 กลุ่มผลิตภัณฑ์” กลุ่มแรก คือ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “นิวทริไลท์” ที่วางเป้าหมายก้าวสู่การเป็นผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในปี 2563 จากปัจจุบันที่ครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 4.7%

กลุ่มถัดมา คือ ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม เครื่องสำอาง “อาร์ทิสทรี” ซึ่งวางเป้าหมายว่าในปี 2563 จะขึ้นติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาด จากปัจจุบันครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 1.7%

สำหรับแผนการรุกตลาดทั่วโลก “แคนเดซ” โฟกัสไปที่ “5 กลยุทธ์” สำคัญ คือ 1.สร้างความแข็งแกร่งใหักับแบรนด์-การบริการให้กับผลิตภัณฑ์หลักของแอมเวย์ 2.สร้างความใกล้ชิดของแบรนด์ผลิตภัณฑ์กับนักธุรกิจและผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Gen-Y 3.พัฒนาโซลูชั่นครอบคลุมสินค้าและบริการ 4.เปลี่ยนแปลงประสบการณ์ผู้บริโภคและนักธุรกิจ 5.ขับเคลื่อนโดยพัฒนาธุรกิจสู่ความเป็นเลิศในด้านต่างๆ

เจาะคนรุ่นใหม่ผ่าน‘Social Network’

“แคนเดซ” กล่าวว่านอกจากนี้บริษัทได้เพิ่ม “งบการตลาด” มากขึ้น “2 เท่าตัว” นับตั้งแต่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่ตนได้เข้ามาบริหารงาน เพื่อทำให้แบรนด์แอมเวย์เป็นที่รู้จักกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ผ่านทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งทางโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งสื่อออนไลน์ ทาง “Social Network” ด้วยการเปิดแฟนเพจ 3 แบรนด์หลัก คือ แอมเวย์ อาร์ทิสทรี และนิวทริไลท์

กระทั่งสร้าง “Mobile Application” ช่วยให้นักธุรกิจสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ การเปิดพัฒนาแอมเวย์ช็อป เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายมากขึ้น และทำให้ผลิตภัณฑ์ใกล้ชิดกับผู้บริโภค ซึ่งประเทศไทยมี 48 สาขา ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป คือ ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่

สำหรับ “Mobile Application” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขณะนี้ โดยในส่วนของสำนักงานใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาได้มีการคิดค้น Application AMWAY for iPhone ออกสู่ท้องตลาดให้สมาชิกทำการดาวโหลดฟรีได้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งได้รับการตอบที่ดีมากติดอันดับ 4 ของโลก

“การดาวน์โหลด App. หรือ Application มาลงมือถือในปัจจุบัน ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะชีวิตประจำวันของผู้คนทุกวันนี้ อยู่กับการใช้โปรแกรมผ่านมือถือมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้ยอดการโหลดได้รับความนิยมมากทั้งในสหรัฐอเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งน่าทึ่งว่า App. Amway นั้นได้รับความนิยมมากติด TOP 4 ของ App. ทั้งหมด อีกทั้งมีการใช้สูงกว่าการโทรสั่งสินค้า โดยการโหลดนั้นทำได้ง่ายดาย และสมาชิกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เมื่อเทรนด์มาในรูปแบบนี้ ทำให้ขณะนี้บริษัทกำลังพัฒนา App. สำหรับโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เพิ่มเติม ซึ่งจะสามารถเปิดใช้ได้ในเร็วๆนี้”

‘แอมเวย์ไทย’ขานรับทิศทางรุก คาดโต10%

ส่วนทางด้าน “รัตนา ชาญนรา” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนการตลาดของไทยปีนี้ ยังคงสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับแอมเวย์โลก คือมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ และเครื่องสำอางอาร์ทิสทรี เครื่องกรองน้ำอีสปริง และเครื่องกรองอากาศ แอทโมสเฟียร์ ซึ่งปัจจุบันการรับรู้ตราสินค้าของแบรนด์มีการรับรู้ 99 % และ 45 % ชื่นชอบผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ผลประกอบการ “ไตรมาสแรก” ของไทย “เติบโต 7-10 %” ตามเป้าหมาย ทำให้มั่นใจว่าในสิ้นปีนี้บริษัทจะสร้างยอดขายเติบโตได้ถึง 7-10 % จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 14,370 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ 34 % เครื่องสำอางอาร์ทิสทรี 20 % และกลุ่มเครื่องกรองน้ำอีสปริง 20% จากปัจจุบันแอมเวย์เป็นผู้นำตลาดขายตรง ครองส่วนแบ่ง 27 % จากมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบา
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 205 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1- 15 มิถุนายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น