The more you Give, The more you Great เมื่อคุณให้ คุณจะได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า นี่คือปรัชญาสำคัญในการใช้ชีวิตของนักธุรกิจสาวแห่งขายตรงค่ายยักษ์ใหญ่เมืองไทยที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จและมีความสุขกับการใช้ชีวิตจนถึงปัจจุบัน อยากให้ทุกคนร่วมรับฟังประสบการณ์ รับฟังแนวคิดดีๆ จากบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ของ สายทิพย์ ตันสวัสดิ์ นักธุรกิจระดับเพชรบริหาร บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด
สายทิพย์ ตันสวัสดิ์ เปิดเผยเรื่องราวในวันวาน ช่วงที่ตนเองตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจแอมเวย์ว่า เธอทำธุรกิจกับบริษัทแอมเวย์ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในช่วงนั้นเธอมีแรงบันดาลใจสำคัญอย่างหนึ่ง คือ อยากให้พ่อแม่มีชีวิตที่สุขสบาย เธอกล่าวว่า บางครั้งตัวเราอาจอยากทำในสิ่งที่ชอบ แต่สิ่งที่เราชอบก็ไม่ได้หมายความว่า จะสามารถตอบโจทย์ความ ต้องการในชีวิตได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ใช่ต่างหาก คือ สิ่งที่จะนำพาเราไปสู่จุดมุ่งหมายที่ชัดเจนในชีวิตได้
จุดมุ่งหมายสำคัญของตัวเองในขณะนั้นคือ อยากทำทุกอย่างให้พ่อแม่สบายและมีความสุข เพราะพ่อกับแม่ของตนก็อายุมากแล้ว แถมยังมีโรคประจำตัว หากเรายังรีรอเพราะต้องการจะทำสิ่งที่ชอบ ก็เหมือนคนเห็นแก่ตัว เพราะท่านอาจรอเราไม่ไหว ดังนั้นเมื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา และตนเองเห็นถึงความเป็นไปได้ เราก็ไม่ควรรีรอ ที่จะคว้ามันไว้
ในช่วงนั้นเธอมองเห็นถึงโอกาสของการทำธุรกิจ แอมเวย์ จึงตัดสินใจสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกและทำธุรกิจ อย่างจริงจัง จนหลังเรียนจบก็ขึ้นตำแหน่งระดับเพชร มีรายได้หลักหมื่นบาท ตัวเธอเองตัดสินใจเลือกทำธุรกิจกับแอมเวย์มาตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยไม่คิดจะมองหาอาชีพอื่นๆ หรือย้ายค่ายไปอยู่บริษัทไหนอีกเลย
แอมเวย์เป็นเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่งของตน เพราะ จากระยะเวลากว่า 10 ปีที่ตนทำธุรกิจกับแอมเวย์บริษัทให้ทั้งความมั่นคง สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตของตนเองและครอบครัวได้ทุกอย่าง ปัจจุบันตนขึ้นตำแหน่งระดับเพชรบริหาร ซึ่งสิ่งที่ได้รับจากการทำธุรกิจกับแอมเวย์ตนขอแยกออกเป็น 3 มิติด้วยกัน คือ มิติแรก ด้านคุณภาพชีวิต ปัจจุบันตนมีรายได้หลายล้านบาทในแต่ละปี สามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ราคา 17 ล้านบาท มีรถหลายคัน ได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ต้องการ มิติที่สอง คือ ด้านวิถีชีวิต การทำธุรกิจกับแอมเวย์ทำให้เราไม่มีภาระผูกพัน เพราะเราไม่ต้องไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องการดูแลหน้าร้าน การต้อนรับลูกค้าเหมือนธุรกิจอื่นๆ ชีวิตมีอิสระในทุกด้านทั้งเวลา การเงิน และสังคม มิติที่สาม คือ ด้านคุณค่าของชีวิต ธุรกิจนี้ทำให้เราสามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ในสังคมได้มากมาย โดยที่ธุรกิจอื่นไม่สามารถทำได้ เพราะเมื่อใดที่เราเข้าไปเปิดโอกาสทางธุรกิจ เมื่อนั้นเราก็คือผู้ให้ สิ่งนี้จึงทำให้ตนรู้สึกถึงชีวิตที่มีคุณค่า ถือเป็นการประสบความสำเร็จสูงสุด
โดยนักธุรกิจสาวยังได้เล่าถึงหลักการทำงานเครือข่ายให้ฟังว่า สิ่งแรกเลยเราต้องวางเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจนก่อนว่า เราเข้ามาในธุรกิจนี้เพื่ออะไร และต้องการอะไรจากการทำธุรกิจ เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้เรามีพลังต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่อาจมีเข้ามา ซึ่ง สายทิพย์ มองว่า ปัญหาหรืออุปสรรคสูงสุดของการทำธุรกิจเครือข่าย คือ ใจของตนเอง เพราะใจที่ท้อถอย ใจที่ไม่มุ่งมั่น ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนเราประสบความล้มเหลวในชีวิต
ซึ่งหลังจากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิตแล้ว ต่อมา คือการศึกษาธุรกิจโดยละเอียด ฟังให้จบ ให้ครบ ให้เข้าใจ ฝึกฝนเรียนรู้หลักการทำงานผ่านประสบการณ์ของตนเองและผู้อื่น เมื่อเรามีความเชี่ยวชาญ และประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เราก็ต้องช่วยเหลือทีมงานหรือสมาชิกใต้องค์กรของเราให้เขาประสบความสำเร็จไปด้วย โดยไม่ทอดทิ้งกัน เพราะ สิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจเครือข่ายคือ ความสามัคคี และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราต้องเป็นผู้เสียสละ และเป็นผู้ให้ ดังปรัชญาสำคัญที่เป็นสโลแกนของกลุ่ม คือ The more you Give, The more you Great เมื่อคุณให้ คุณจะได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
สายทิพย์ ได้ฝากข้อคิด สำหรับผู้ที่สนใจทำธุรกิจเครือข่ายไว้สั้นๆ ว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่ได้เกิดจากความขยันเพียงอย่างเดียว เพราะหากเราขยันอยู่บนทางที่ไม่ถูก ไม่เห็นโอกาสที่จะเติบโต เราก็คงจะจมปลักอยู่ในวงเวียนชีวิตเดิมๆ เก่าๆ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าธุรกิจแอมเวย์ จะเป็นโอกาสหนึ่งที่จะทำให้ความขยันของคุณไม่สูญเปล่า
เรียกได้ว่า การจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างแท้จริง นอกจากตัวเราเองจะประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งสำคัญ คือ คุณได้พยายามช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้อื่นประสบ ความสำเร็จไปพร้อมกับตนด้วยหรือไม่ ซึ่ง สายทิพย์ ตันสวัสดิ์ ได้แสดงให้เราเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เธอพร้อมที่จะมอบโอกาสแห่งชีวิตที่ดี พร้อมที่จะมอบโอกาสแห่งความสำเร็จให้กับใครอีกหลายๆ คน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1311 ประจำวันที่ 23-6-2012 ถึง26-6-2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น