ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิเคราะห์เน้นๆ ขายตรง (จอยน์แอนคอยน์-เอมสตาร์-นีโอไลฟ์-กิฟฟารีน) ฟอร์มสด ช๊อตเด็ดขุมกำลังรบสยบคู่แข่ง


ผ่ากลยุทธ์เหนือชั้นวันแข่งเดือดธุรกิจขายตรงไทยจับกระแส 4 ค่ายร้อนใครจะเป็นคู่แข่งตัวฉกาจขึ้นไปเทียบรัศมี แอมเวย์ ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า... กิฟฟารีน กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังซบเซาไปหลายเดือนด้วยการเปิดช่อง ทีวีดาวเทียม เป็นของตัวเอง...ส่วน นีโอไลฟ์ กลายเป็นขายตรงที่สร้างเกมการตลาดแนวใหม่หันมาใช้สื่อเป็นหัวหอกครบเครื่องส่งผลต่อการเพิ่มของสมาชิกใหม่ได้ร้อนแรงสุดๆปัจจุบันทะลักกว่า 1.2 ล้านรหัส...ด้าน จอยแอนด์คอยน์ฯ ก็ไม่น้อยหน้ายังเดินหน้ากว้านซื้อที่ดินมุ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอันดับต่อไป...คงไว้ขายตรงสะดวกซื้อค่ายเดียวของไทยที่มีสินค้ามากเป็นอันดับหนึ่ง...ขณะที่ เอมสตาร์ หลังได้ มัลติโปร นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเข้ามาเสริมทัพเชื่อยอดขายขยับแรงแต่ขาดอาวุธหนักอย่าง สื่อทีวี เสริมเขี้ยวเล็บลุยเหมือน 3 ค่ายที่กล่าวมาในปี 2555 นี้อาจทำให้ยอดขายเดินตามหลัง กิฟฟารีนและนีโอไลฟ์ ได้ง่ายๆ


หลังสะบักสะบอมกันถ้วนหน้าของบริษัทขายตรงไทย ในช่วงเกิดวิกฤติน้ำท่วมเมื่อตอนปลายปีที่ผ่านมา แถมลากยาวมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 ดูเหมือนว่า แต่ละค่ายเริ่มออกมา แอ็คชั่น สร้างฝันใหม่ให้กับสมาชิกเกิดความฮึกเหิม ส่งผลให้ตลาดเครือข่ายขายตรงไทยเริ่มกลับมา คึกคัก อีกครั้ง


เปิดไพ่ใบน็อกคู่แข่ง
ค่ายกิฟฟารีนขยับปีก
นับตั้งแต่โรงงานผลิตสินค้าของค่าย กิฟฟารีน ของ พญ.นลินี ไพบูลย์ ถูกน้ำท่วมหนักเป็นแรมเดือนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายให้กับค่ายนี้ไปหลายสิบล้านบาท แม้แต่ยอดขายในช่วงนั้นก็ ลดฮวบ อย่างน่าเสียดาย
คนระดับ นางพญากิฟฟารีน อย่าง พญ.นลินี ไพบูลย์ ในฐานะที่เป็นบริษัทขายตรงหลายชั้นของไทยเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งมียอดขายสูงสุดต่อเนื่องมายาวนาน เป็นรองก็เฉพาะขายตรงข้ามชาติอย่าง แอมเวย์ เท่านั้น มีหรือจะยอม สยบ กับภาวะวิกฤติที่เกิดจากภัยธรรมชาติกันง่าย ๆ
พญ.นลินี ไพบูลย์ได้วิเคราะห์ทุกแง่ทุกมุมเกี่ยวกับการแข่งขันตลาดเครือข่ายเมืองไทยยุคใหม่ ซึ่งจะมาใช้กลยุทธ์แบบเดิม ๆ เห็นทีจะไม่ได้ผลอีกต่อไป แถมยังจะเสียฐานสมาชิกให้กับบริษัทคู่แข่งไปต่อหน้าต่อตา แบบทำอะไรไม่ได้
พญ.นลินี ไพบูลย์ ย่อมรู้ดีว่า รูปแบบการแข่งขันในตลาดขายตรงของไทยได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ค่ายกิฟฟารีนคิดหนัก ยุคนี้สมัยนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการใช้ สื่อทีวี เป็นหัวหอกเพื่อ ทะลุใจ ผู้บริโภคเข้าไปถึงห้องนอน ซึ่งค่ายคู่แข่งทำแล้วได้ผลมากว่า 4 ปีเห็นจะได้
ในฐานะที่ กิฟฟารีน เป็นค่ายขายตรงที่มีศูนย์จำหน่าย และฐานสมาชิกทั่วประเทศ เมื่อบวกลบคูณหารดูแล้ว ก็น่าจะมีมากเป็นอันดับต้น ๆ ของขายตรงไทยทั้งระบบ มีหรือจะยอมให้ค่ายคู่แข่ง ตีท้ายครัว ดึงฐานสมาชิกไปต่อหน้าต่อตาคนแล้วคนเล่า เพราะค่ายคู่แข่งเขามีอาวุธ (สื่อ) ที่เหนือกว่าคอยดูดสมาชิกเข้าสังกัด
ล่าสุด กิฟฟารีน จึงออกมาระเบิดความแรง ด้วยการเปิดช่อง ทีวี ดาวเทียม เป็นของตัวเอง ด้วยการทุ่มงบ 50 ล้านบาท เป้าหมายเน้น ๆ เนื้อ ๆ คือ ถ่ายทอดการ โมติเวท ผ่านช่องทางทีวีให้สมาชิกและประชาชนทั่วไปได้สัมผัสความพร้อม และความยิ่งใหญ่ของ กิฟฟารีน นั่นเอง
อะไรถึงทำให้แม่ทัพหญิงอย่าง พญ.นลินี ไพบูลย์ ยอมลงทุนเปิดช่องทีวีเป็นของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ค่ายกิฟฟารีน มักจะใช้งบโฆษณาผ่าน สื่อฟรีทีวี เป็นหลัก โดยยิงสปอตโฆษณาปีละนับร้อย ๆ ล้านบาทเลยทีเดียว
ก็จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เมื่อ บริษัท นีโอ ไลฟ์ฯ ซึ่งมี ดร.นพรุจ เวชกุล นำทัพแบบถึงลูกถึงคน แถมพ่วง ดร.รัชนี มหานิยม ที่มีความ หวานอึด ทน เกินพิกัดในการทำงาน คอยขับเคลื่อนโดยใช้สื่อฟรีทีวี และทีวีดาวเทียมอย่างบ้(า)ดีเดือดมากว่า 4 ปีเต็ม ๆ
ส่งผลให้ยอดขายเมื่อกว่า 4 ปีที่ผ่านมาของค่ายนี้เคยได้ปีละ 750-800 ล้านบาท ปัจจุบันพุ่งเกือบ 4,000 ล้านบาท แถมในปี 2555 วางยอดขายไว้ที่ 5,500 ล้านบาท เมื่อเป็นเช่นนี้ มีหรือ ค่ายกิฟฟารีน จะนิ่งดูดายได้ เพราะฐานสมาชิกของ นีโอ ไลฟ์ ถ้าจะว่าไปแล้วคือกลุ่มเดียวกันกับ ค่ายกิฟฟารีน นั่นเอง
ฉะนั้น กลยุทธ์การตลาด ลำหักลำโค่นในการ ออกหมัด แต่ละครั้ง รวมถึงการจุดกระแส การสร้างภาพลักษณ์ของ นีโอ ไลฟ์ ไม่ได้ด้อยไปกว่า ค่าย กิฟฟารีน แม้แต่น้อย
เวลานี้ นีโอ ไลฟ์ แพ้ กิฟฟารีน เพียงเรื่องเดียว คือ ไลน์สินค้าที่มีจำนวนน้อยกว่าเท่านั้นเอง ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็นแผนการตลาดระบบการบริหารจัดการเฉือนกันไม่ลง
จริง ๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ กิฟฟารีน จะยอมทุ่มงบเปิด สื่อทีวีดาวเทียม เพื่อบุกตลาดขายตรงถึงห้องนอน เพราะศักยภาพของค่ายนี้มีความพร้อมรอบด้านอยู่แล้ว หวังรักษาฐานเดิมเพิ่มฐานสมาชิกใหม่
ถือเป็นการพลิกสถาน การณ์ได้ทันต่อเหตุการณ์ ถ้า กิฟฟารีน ขับเคลื่อนทัพออกหมัดรัวช้ากว่านี้ ดีไม่ดีอาจเสียฐานสมาชิกให้กับคู่แข่งอย่าง นีโอ ไลฟ์ และ เอม สตาร์ ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะ 2 ค่ายนี้คือคู่แข่งตัวฉกาจที่ กิฟฟารีน จะมองข้ามไปไม่ได้เป็นอันขาด


จับตาค่ายนีโอไลฟ์
3-5ปีวางยอดอันดับ1
นับตั้งแต่ ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ฯ หันมาใช้สื่อทีวี และหนังสือพิมพ์ต่อเนื่องมายาวนานกว่า 4 ปี ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงการสร้างฐานสมาชิกในระบบเครือข่ายไทยอย่างเห็นได้ชัด
ใครจะไปคิดว่า ค่ายโนเนมอย่าง นีโอ ไลฟ์ เมื่อ 5-6 ปีก่อนแทบจะไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำไป จะกลายเป็น พยัคฆ์ติดปีก หรือบริษัทขายตรงแถวหน้าที่มาแรงแซงโค้งแทบไม่เชื่อสายตาในเวลานี้
ล่าสุดยอดขายของ นีโอ ไลฟ์ ติดชาร์ท 1 ใน 5 ของบริษัทขายตรงไทยไปโดยปริยาย และมีโอกาสไต่ขึ้นอันดับ 2 หรือ 3 ภายใน 1-2 ปีข้างหน้านี้ห้ามกระพริบตา
สรรพกำลังที่ ดร.นพรุจ เวชกุล แม่ทัพใหญ่ของ นีโอ ไลฟ์ ได้นำออกมาใช้อย่างถึงลูกถึงคน คงหนีไม่พ้นเรื่องการใช้ สื่อ เป็นหัวหอกสำคัญ ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 1.2 ล้านรหัส
เมื่อกว่า 4 ปีที่ผ่านมา นีโอ ไลฟ์ ได้เข้ามาใช้สื่อหนังสือพิมพ์ขายตรงเพื่อ กระตุ้น ความแรง ของธุรกิจ ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อปี 2551 กาย ไพรินทร์ ได้ชักชวน ดร.นพรุจ เวชกุล ให้มาใช้สื่อทีวีดาวเทียมเป็น ขีปนาวุธ ในการรบพุ่งเต็มรูปแบบ
ผลิตรายการป้อนช่อง MV TV 2-3 ช่อง, ช่อง IN TV และช่อง TVD ออกอากาศแทบจะทั้งวันทั้งคืน ในยุคแรก ๆ ของการใช้สื่อทีวี ดาวเทียม ดร.นพรุจ เวชกุล เคยกล่าวกับ กาย ไพรินทร์ ว่า ทีแรกผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลมากขนาดนี้ เชื่อไหมพี่กาย 3 เดือนแรกที่ผมใช้งบกับพี่เดือนละกว่า 1 ล้านบาท ยอดขายแทบไม่ได้กำไรเลย พอเดือนที่ 4 และ 5 เท่านั้นแหละ ไม่รู้ยอดมาจากไหน กระแสคึกคักมาก ปกติสายงานทางใต้ผมไม่มีเลย พอใช้สื่อทีวีผู้คนทั่วสารทิศแห่มาร่วมงานกับ นีโอ ไลฟ์ฯ มืดฟ้ามัวดิน ทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูด บริษัทตั้งรับแทบไม่ทัน ผมรู้แล้วว่าอิทธิพลของสื่อทีวีมีผลต่อยอดขายมากจริง ๆ ดร.นพรุจกล่าว
นับตั้งแต่นั้นมา นีโอ ไลฟ์ ก็หันมาใช้สื่อทีวีเต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท เปิดช่อง NEO TV หรือทีวี ดาวเทียมเป็นของตัวเอง ซึ่งออนแอร์ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังซื้อเวลาช่อง 5 จัดรายการทุกวัน ข่าวสังคมธุริกจช่อง 3 สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
สด ๆ ร้อน ๆ ช็อกวงการขายตรงไทยทั้งประเทศ นั่นคือ ดร.นพรุจ เวชกุล เข้าไปเทคโอเว่อร์ หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ เข้ามาอยู่ในอาณาจักรเรียบร้อยเมื่อหลายเดือนก่อน และไม่แน่ใจว่า นีโอ ไลฟ์ แอบไปเทคสื่อขายตรงเข้ามาอยู่ในอาณัติด้วยหรือไม่
แผนการรบแบบ สั่นสะท้านวงการสะเทือน ที่ นีโอ ไลฟ์ ปล่อย หมัดชุด ออกไปแต่ละดอกนั้น ย่อมทำให้ค่ายคู่แข่งไม่อาจนั่ง กระดิกเท้า อยู่เฉย ๆ ต่อไปได้ เพราะนั่นย่อมหมายถึงการเสียฐานสมาชิกให้กับค่ายนี้ไปได้โดยง่าย
ต้องยอมรับว่า ยุคนี้ ในแวดวงขายตรงไทย ยิ่งเป็นเรื่องของการใจถึง เงินถึง ดร.นพรุจ เวชกุล ไม่เป็นสองรองใคร นีโอ ไลฟ์ กล้าจัดหนัก จัดเต็มทุกสมรภูมิของการแข่งขัน จน สื่อขายตรง เกือบทุกฉบับต่างก็ให้คะแนน และน้ำหนักไปในทิศทางเดียวกันส่วนจะแสดง ออกนอกหน้า หรือแอบเชียร์อยู่ข้างหลังก็สุดแล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละคน
เมื่อ นีโอ ไลฟ์ กลายเป็นตัวแปรสำคัญ ในการ พลิกโฉมใหม่ ของเกมส์แข่งการตลาดในอุตสาหกรรมนี้ จับตาดูต่อไปว่า นีโอ ไลฟ์ จะงัดหมัดเด็ดอะไรออกมาเล่นอีก ที่แว่วมาล่าสุด อาจเดินตามพี่ใหญ่อย่างค่ายแอมเวย์ คือ การจัดตั้ง มูลนิธิ เพื่อสังคม
ที่แน่ ๆ กิฟฟารีน และ เอม สตาร์ ไม่น่าจะเป็นคู่แข่งที่ นีโอ ไลฟ์ หวังจะไปสู้รบปรบมือด้วย ถ้าไม่ใช่ 2 ค่ายนี้ เป้าหมายใหญ่ของ นีโอ ไลฟ์ อยู่ที่ไหนกันแน่...
ด้วยองค์ประกอบที่วางรากฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก วางขุมกำลังทาง สื่อ ไว้เต็มอัตราศึก ตั้งแต่สื่อในกลุ่มไปจนถึงสื่อแมสระดับชาติ หรือพูดง่าย ๆ ค่ายนี้ครบเครื่องเรื่องสื่อ
ทีมข่าวตลาดวิเคราะห์ คงต้องวิเคราะห์แบบไม่เกรงใจใคร เชื่อว่าภายใน 3-5 ปี นีโอ ไลฟ์ ได้พุ่งเป้ายอดขายไว้ที่ เบอร์ 1 ของขายตรงไทย โดยมี แอมเวย์ เป็นเป้าหมายที่วางไว้อย่างไม่ต้องสงสัย...


ตรวจแผนรบสยบศึก
ค่ายจอยแอนด์คอยน์ฯ
บริษัท จอยแอนด์คอยน์ คอปอร์เรชั่น จำกัด นำทัพโดย ดร.สมชาย หัชลีฬหา ได้ออกมาเคลื่อนไหวใหญ่ กระตุ้นต่อมรวยให้สมาชิกฝันหวานเต็มอัตราศึก ด้วยการวางเป้าหมายจะนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
ที่แน่ ๆ ดร.สมชาย หัชลีฬหา ได้ทุ่มและเพิ่มงบกว่า 300 ล้านบาท กว้านซื้อที่ดินตามเมืองใหญ่ ๆ ในทำเลทองเพื่อตั้งสาขาครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศให้ได้มากที่สุด จากเดิมมีสาขาอยู่แล้วกว่า 40 แห่งกระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงให้กับสมาชิก และประชาชนทั่วไป ในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในวันข้างหน้า
ดร.สมชาย หัชลีฬหา ยังได้ระดมทัพสินค้าหลากหลายชนิดนับหมื่น ๆ รายการ เข้ามาจำหน่ายในร้าน J&C จนกลายเป็นบริษัทขายตรงสะดวกซื้อรายแรก และค่ายเดียวของไทย เพราะมีสินค้ามากหลากหลายเป็นอันดับหนึ่งนั่นเอง
การที่ บริษัท จอยแอนด์คอยน์ฯ มีสินค้าหลากหลาย ไม่รู้จะขายหรือชูแบรนด์อะไรเป็นตัวชูโรง นอกเสียจาก โหย่งเหิง ยาน้ำสมุนไพร ฉะนั้น กลศึก ทางการตลาดของค่ายนี้จึง โฟกัส ไปที่ ค่ายไหนมีสินค้าอะไรดี เรามีหมด และขายถูกกว่า จะเห็นว่าจอยแอนด์คอยน์ฯ มีผลิตภัณฑ์เกือบทุกอย่างที่ค่ายอื่นมีจริง ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในกระแส J&C มีวางจำหน่ายหมด แม้แต่สินค้าเกี่ยวกับภายในผู้หญิงที่ว่ากระแสมาแรง ค่ายนี้ยังมี CLEO PLUS ออกมากระตุ้นต่อมอยากของผู้หญิงไม่ยอมตกเทรนด์แต่อย่างใด
เรื่องคุณภาพสินค้าไม่ต้องห่วง เพราะนวัตกรรมการผลิตยุคนี้โรงงานที่ได้มาตรฐานสากล เขาสามารถผลิตคุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าตำรับเดิมก็แล้วกัน แนวทางการตลาดของเรา คือ เน้นช่องทางเลือกที่มากกว่า เพราะในอดีตการทำตลาดขายตรงมักจะประสบปัญหาเรื่องสินค้ามีอายุของมัน พอทำได้ระยะหนึ่งก็จะมีคนออกมาลอกเลียนแบบ ขายแข่ง ตัดราคาในตลาด ซึ่งตรงนี้เราไปห้ามและควบคุมไม่ได้ นั่นหมายความว่า สินค้าอะไรก็แล้วแต่ ถ้าขายดีเป็นที่ต้องการ ก็จะมีบริษัทคู่แข่งออกมาแข่ง เมื่อเรามีทางเลือกที่น้อยการยืนอยู่ในสนามนาน ๆ ก็ลำบาก ยิ่งมาเจอของปลอมด้วยแล้วก็หมดกัน ผมจึงเลือกที่จะมีสินค้าหลากหลายเป็นจุดขาย ดร.สมชายกล่าว


วัดกระแสเอมสตาร์
ยังมาแรงอยู่หรือไม่
ถ้าพูดถึงค่ายขายตรงไทยที่มาแรงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจัดอยู่ในชาร์ทอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย คงหนีไม่พ้น บริษัท เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ของ ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ ประธานฯ ไปได้
เพราะค่ายนี้ถูกวาง โพซิชั่น ของการแข่งขัน ที่จะขึ้นไปเทียบรัศมียักษ์ใหญ่อย่าง แอมเวย์ เลยทีเดียว เพราะในช่วงต้นปี 2554 ที่ผ่านมา ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ เคยออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่า สิ้นปีดังกล่าวจะทำยอดขายให้ได้ 15,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่า ชน ยักษ์แอมเวย์ตรง ๆ เนื่องจากค่ายนี้เดิมมียอดขายกว่า 14,500 ล้านบาทอยู่แล้ว
ต้องยอมรับว่า ในช่วงปี2553-2554เส้นทางของคนทำอาชีพขายตรงทุกสาย ต่างก็มุ่งสู่อาณาจักรของ เอม สตาร์ เพราะต่างก็เชื่อว่า ค่ายนี้จะสามารถตอบโจทย์ให้กับคนขายตรงได้มาก เนื่องจากทีมบริหาร และทีมฝึกอบรมจำนวนไม่น้อยต่างมีประสบการณ์มาจากแอมเวย์ ก็เลยเชื่อมั่นว่า เอม สตาร์ คือทางเลือกใหม่ให้กับคนขายตรงที่ไม่ชอบแผนการตลาดแบบแอมเวย์ หลังจากออกหมัดเต็มอัตราศึก ปรากฏว่า เอม สตาร์ ทำยอดขายในปี 2554 ได้เพียง 4,200 ล้านบาท พลาดเป้าที่วางไว้ไปกว่า 10,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ กลับมาฮึดสู้เต็มอัตราศึก หวังขึ้นไปเทียบชั้นยอดขายของ แอมเวย์ ให้ได้ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ด้วยการเปิดสาขาที่ญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มยอดขาย เท่านั้นยังไม่พอยังไปเปิดสาขาที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นฐานหรือกองบัญชาการใหญ่ของแอมเวย์อีกต่างหาก
กระแส เอม สตาร์ ทำท่าจะแผ่วลงไปในช่วงหนึ่งตอนน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ ก็ถือเอาจังหวะนี้แหละพัฒนาสินค้า และได้นำสินค้าไลน์ใหม่ นั่นคือ มัลติโปร โปรตีนเสริมอาหารนวัตกรรมใหม่เข้ามาทำตลาด ว่ากันว่า ยอดขายทำท่าจะแซงสินค้าเดิม ๆ อย่างน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวด้วยซ้ำไป
วันนี้ เอม สตาร์ เป็นบริษัทของคนไทยเพียงเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ได้รับลิขสิทธิ์จากทาง บริษัท ไบโอเทลล่า ผู้ผลิตสาร well moon ให้เราสามารถใช้สารชนิดนี้เป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มัลติโปร ได้ ตนจึงอยากบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ที่นวัต กรรมเหล่านี้ได้มาอยู่ในมือของคนไทย และอยู่ในมือของ เอม สตาร์ โดยบริษัทเชื่อมั่น ว่าในปีนี้สินค้าดังกล่าวจะเป็นผลิต ภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่ไม่เป็นรองใคร ทญ.ลพา กล่าว
ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ ยังกล่าวอีกว่า ตนจะพัฒนาทุกจุดให้ เอม สตาร์ เป็นเบอร์หนึ่งให้ได้สักวัน และเชื่อว่าเราสามารถทำได้ เพราะขณะนี้ตนมองว่าบริษัท เอม สตาร์ สามารถดูแลผู้คนได้ดีไม่แพ้ใคร ๆ ดังนั้น ด้วยศักยภาพของธุรกิจเครือข่าย ด้วยศักยภาพของสินค้า และด้วยศักยภาพของผู้คน รวม 3 อย่าง นี้เข้าด้วยกัน จึงไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้งบริษัทได้อย่างแน่นอน
ถ้าจะวิเคราะห์กันถึงรูปมวย การออกหมัด รวมถึงไลน์สินค้าตัวใหม่ของ เอม สตาร์ ก็ไม่น่าจะเป็นสองรองค่ายใดแต่ เอม สตาร์ ติดตรงที่ อาวุธ หนักที่จะนำมาใช้ในการทำศึกขายตรงรูปแบบใหม่ไม่มีสิ่งนี้เป็นตัวแปรสำคัญ
อย่าลืมนะว่า นีโอ ไลฟ์ ขยายฐานสมาชิกได้ร้อนแรงเป็นอันดับต้น ๆ ในยุคนี้ เพราะมี สื่อทุกแขนง เป็นอาวุธหนัก ส่วนค่าย กิฟฟารีน ก็หันมาใช้สื่อทีวีดาวเทียมเป็นของตัวเอง ออกอากาศหาสมาชิกใหม่แบบง่าย ๆ ทุกวัน
แต่ เอม สตาร์ กลับไม่มีพันธมิตรด้านสื่อทีวีเป็น หัวเจาะสำคัญ ถึงห้องนอนได้ ในการทำตลาดอย่างถึงพริกถึงขิง เพื่อเพิ่มสมาชิกใหม่ เพิ่มยอดขาย ก้าวขึ้นบันไดไปสู่จุดสูงสุด
ลำพังให้สมาชิกใช้ สื่ออินเตอร์เน็ต ในการเปิดหาลูกค้าหน้าใหม่ ๆ พูดก็พูดเถอะยุคนี้ไม่เหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะการโพสต์ข้อความเรื่องรายได้ผ่านเว็บไซต์คนไม่เชื่อถืออีกต่อไป ตลาดสื่อด้านนี้เริ่มจะวายอย่างเห็นได้ชัด
ถ้า เอม สตาร์ เอาชนะยอดขาย นีโอ ไลฟ์ และ กิฟฟารีน ในปี 2555 นี้ไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรไปต่อกรกับ แอมเวย์ ที่ติดลมบนปีละกว่า 15,000 ล้านบาท นี่คือ การบ้านข้อใหญ่ที่ ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ จะต้องนำไปฉุกคิด เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันต่อไป


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่323 ประจำวันที่1 - 15 กรกฏาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น