ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

iBANK- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สร้างเครือข่ายรุกสินเชื่อรากหญ้าดึงสมาชิกขายตรงชิงลูกค้าแบงก์


ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ iBank เปิดโครงการ iFM เครือข่ายสินเชื่อ สมาชิกต้นสายชักชวนลูกค้าเข้าระบบรับเงินปันผลคล้ายธุรกิจขายตรง ชี้โครงการเกิดมา 7 เดือน ลูกค้าเข้าร่วมแล้ว 1.6 หมื่นราย ยอดเงินยื่นกู้เกือบ 5 พันล้านบาท เน้นเจาะหัวเมืองใหญ่ พื้นที่ ใดขายตรงแรงตั้งพื้นที่นั้นเป็นตลาดหลัก หวังจับนักธุรกิจขายตรงเป็นแนวร่วม เหตุมีความเข้าใจระบบไม่ต้องอธิบายยาก ตั้งเป้าใช้โครงการ iFM ชิงส่วนแบ่งลูกค้า 50% ของลูกค้ารวมธนาคาร

ธุรกิจขายตรง โดยการทำงานเน้น เรื่องการสร้างเครือข่าย ดูจะกลายเป็นที่ นิยมอย่างยิ่ง เมื่อหลายกลุ่มธุรกิจเล็งเห็น การขยายลูกค้าในระบบเครือข่ายเป็นสุดยอดอาวุธในการสร้างกำไรและเพิ่มฐานลูกค้า จนหลายองค์กรของหลายแวดวงธุรกิจได้ทำการก๊อบปี้ระบบเครือข่ายไปใช้ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ธนาคารอิสลาม แห่งประเทศไทย ที่วันนี้ได้ริเริ่มโครงการ ปล่อยสินเชื่อผ่านระบบเครือข่าย iBank Family Member ขึ้น

นางอุไรวรรณ มณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจ รายย่อย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศ ไทย โครงการ iBank Family Member (IFM) เป็นการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบเครือข่าย เพื่อนำมาพัฒนาช่องทาง การเข้าถึงลูกค้าแบบใหม่ นอกเหนือไปจากการใช้เครือข่ายสาขา โดยสมาชิกในโครงการจะได้รับผลตอบแทนเมื่อแนะนำ ลูกค้ามาใช้บริการที่ธนาคารนำมาเสนอต่อลูกค้าผ่านโครงการ iFM ถ้าสมาชิก iFM มีจำนวนสมาชิกในเครือข่ายมากขึ้น สมาชิกผู้แนะนำจะได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น โดยมีระดับชั้นการแนะนำสมาชิก 4 ระดับ

โดยสมาชิก iFM จะได้รับผลตอบแทนตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไข ซึ่งจะเป็นไปตามประเภทของผลิตภัณฑ์ โดยสมาชิก iFM จะได้รับผลตอบแทน ต่อเมื่อลูกค้าที่แนะนำมาให้กับธนาคารได้เบิกใช้วงเงินสินเชื่อ และชำระค่างวด สินเชื่อตรงตามเวลาที่กำหนด ซึ่งธนาคารจะจ่ายผลตอบแทน โดยการโอนเงินเข้าบัญชีที่สมาชิกเปิดไว้กับธนาคาร ซึ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ทางธนาคารตั้งขึ้นมาร่วมโครงการดังกล่าวจะมีทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.สินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัย 2.สินเชื่อส่วนบุคคล และ 3.สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย ซึ่งทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ที่ทางธนาคารตั้งขึ้นนี้ เป็นกลุ่มสินเชื่อ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการปล่อยสินเชื่อของทางธนาคาร

ส่วนเรื่องของผลตอบแทนของสมาชิก ที่จะได้รับจะเป็นแบบ 4 ชั้น โดยจะแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ตามระดับลูกค้า โดยผู้ที่แนะนำคนแรกจะได้รับเงินเป็นผลตอบแทน สูงสุด จากการขยายเครือข่ายของสมาชิก ซึ่งลูกค้าในระดับต้นเป็นผู้แนะนำ แต่ในส่วนของผลตอบแทนต่างๆ ที่จะได้รับจะต้องหักออกจากกำไรสุทธิ ซึ่งสมาชิกจะได้ รับเงินหลังจากที่ธนาคารหักออกมาจากกำไรสุทธิ

การทำตลาดดังกล่าว บริษัทเน้นไป ที่กลุ่มคนเครือข่าย หรือกลุ่มคนที่อยู่ในระบบธุรกิจขายตรง หรือกลุ่มคนที่ทำธุรกิจ ประกันภัย ซึ่งทั้งหมดทางธนาคารมองว่า เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ในเรื่องของการทำเครือข่าย ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้ความรู้เพิ่ม หรือต้องมานั่งอบรมใหม่

อย่างไรก็ดี จากการทดลองตลาดมา ตั้งแต่เดือนพ.ย.54 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจัด ทีมร่วม Road Show ในเขต กทม. และใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา, ขอนแก่น, นครราชสีมา, ปัตตานี และเชียงใหม่ ปัจจุบันมีสมาชิกที่อยู่ในโครงการแล้วประมาณ 1.6 หมื่นคน โดยมียอดเงินสินเชื่อ ที่ยื่นเข้ามาขอสินเชื่อแล้วที่ 4.9 พันล้านบาท โดยสมาชิก 1 คน จะมีลูกค้าที่เป็นเครือข่ายของตนเองเฉลี่ยที่ 4 บัญชี ซึ่งทางธนาคารถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีเป็น อย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ผ่านมา

การทำตลาดรูปแบบนี้ ทางธนาคาร ได้วางตลาดหลักเป็นกลุ่มหัวเมืองของภูมิภาคต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มเมืองใหญ่ที่ธุรกิจ ขายตรง และประกันได้รับการตอบรับที่ดี ของคนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งสอดรับกับแผนในการเจาะลูกค้าของบริษัท ที่ธนาคารต้องการ ดึงเอาลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจของกลุ่มบริษัท ขายตรง และประกันเป็นลูกค้าของตน เพื่อ การทำงานที่ง่ายขึ้น อุไรวรรณ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ระยะเวลาที่เปิด ขึ้นมานี้ของโครงการดังกล่าวจะได้รับการ ตอบรับเป็นที่น่าพอใจ แต่ทางธนาคารก็ยัง ต้องการที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าในกลุ่มนี้ในวงเงินที่ยังไม่สูงมากนัก เพราะต้องการเล่นกับกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากกว่า ในช่วงต้น แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่ ธนาคารจะทำการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า รายใหญ่ ซึ่งวงเงินสินเชื่ออาจถึง 100 ล้าน บาทเลยทีเดียว

การทำตลาดดังกล่าว ด้วยความที่ ธนาคารใช้รูปแบบเครือข่ายเข้ามาเป็นตัวสร้างลูกค้า ซึ่งถือเป็นรูปแบบใหม่ที่ธนาคารอื่นยังไม่มี ทำให้สิ่งนี้เป็นสิ่งใหม่ รวมทั้งเป็นเรื่องใหม่ของธนาคาร ซึ่งธนาคารต้องทำไปคิดไป และแก้ไขไป เพื่อ จะได้ระบบที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดต่อไป ผู้บริหารธนาคาร iBank เผย

ด้านเป้าหมายของโครงการ iFM ธนาคารต้องการที่จะให้ลูกค้าของธนาคาร 50% มาจากระบบนี้ ซึ่งหากเป็นไปได้ ธนาคารจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งทุกสาขาของธนาคารจะมีฝ่ายดูแลลูกค้าในโครงการนี้ เพื่อรองรับการบริการ อีกทั้งรองรับการเติบโตของโครงการในอนาคต

ปัจจุบัน ทางธนาคาร iBank มีสาขา ให้บริการทั่วประเทศอยู่ 104 สาขา โดยมี พื้นที่หลักของธนาคารคือ ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวมุสลิมอยู่เยอะ อีกทั้ง 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ทางธนาคารยังต้องการที่ จะใช้เป็นพื้นที่หลักในการเปิด ถึงแม้ธนาคารจะไม่ได้เลือกลูกค้าจากศาสนาก็ตามที

ทั้งนี้ ในการเปิดสาขาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธนาคารไม่ได้เน้นเรื่องของธุรกิจมากนัก แต่เป็นการเปิดเพื่อพี่น้อง ในพื้นที่เป็นสำคัญมากกว่า โดยในสิ้นปีนี้ ทางธนาคารต้องการขยายสาขาให้ถึง 130 สาขาทั่วประเทศ จาก 104 สาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน
อนึ่ง ถึงแม้ทางผู้บริหารธนาคาร จะ ปฏิเสธว่าโครงการ iFM ไม่ใช่ขายตรง แต่ ด้วยรูปแบบการสร้างเครือข่าย อีกทั้งยังมีการประกาศตามแผ่นป้ายโฆษณาในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ คล้ายกับธุรกิจขายตรง ไม่ว่าจะเป็นการมีรายได้เสริมที่ยั่งยืน และการส่งต่อเป็นมรดกลูกหลาน นี่ยิ่งเป็นการการันตีว่า ธุรกิจขายตรงกลายเป็นธุรกิจต้นแบบของหลายกลุ่มธุรกิจไปแล้ว จากช่วงก่อนหน้าที่มีบริษัทขายซิมโทรศัพท์มือถือ ลอกเลียนระบบเครือข่ายไปใช้ในการหาลูกค้า


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1311 ประจำวันที่ 23-6-2012 ถึง26-6-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น