ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ถอดสูตรลับ ดับความจน! "สันติศักดิ์ ครุฑธามาศ (เอปูเซ่-Epousee)" นักสู้ภูธรแห่งแดนสะตอ...ผู้ไม่เคยท้อต่อความลำบาก!


...ความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นเท่านั้นที่จะทำให้ทุกคนก้าวไปตามเส้นทางที่ฝันไว้โดยไม่ท้อถอยหรือถอดใจไปเสียก่อน...เหมือนดั่งสายน้ำที่ไหลอยู่ไม่ขาดสายย่อมทำให้เกิดหินกลมมน...ทุกสิ่งอย่างก็เช่นกันย่อมต้องพ่ายแพ้แก่ความพยายามที่สม่ำเสมอค่อยๆทำไปทีละน้อยแต่ต้องทำอย่างไม่ลดละ...


คำกล่าวที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น คำๆ นี้ได้ยินกันจนติดหู และใช้ได้จริงในธุรกิจเครือข่าย...เพราะคงไม่มีใครที่เพียงแค่นอนฝันลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ ไม่ลงมือทำ แล้วจะได้มาซึ่งความสำเร็จและความร่ำรวยได้อย่างง่ายดาย...
...คลับเงินล้าน ปักษ์นี้ จึงขอหยิบยกเรื่องราวของขุนพลขายตรง ผู้คร่ำหวอดและลองผิดลองถูก ในแวดวง
เครือข่ายมานับไม่ถ้วนอย่าง สันติศักดิ์ ครุฑธามาศ แห่ง บริษัท เอปูเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งชีวิตของเขาก็มีทั้งล้มบ้าง ลุกบ้าง แต่เขาไม่ย่อท้อ กลับใช้ความพยายามต่อสู้มา และยึดหลักที่ว่า ทำต่อเนื่อง ทำไม่หยุด ทำทุกวัน พยายามหางานให้ตัวเองทำทุกวัน จนเขาได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำเงินล้าน และถูกกล่าวขานในวงการขายตรงไทย...!!!


จากเด็กหนุ่ม เมืองนครศรีธรรมราช ผู้ตั้งใจแสวงหาความร่ำรวยมาตลอดชีวิต มีประสบการณ์ตรงมาแล้วมากมายหลายอาชีพ ทั้งการทำประมง ค้าขาย ขับรถตุ๊กๆ และการทำงานโรงงาน ที่มีค่าแรงเพียงวันละ 100 บาท...
แต่งานเหล่านั้นกลับไม่ใช่ใบเบิกทางสู่ความรวยอย่างที่ฝันเอาไว้
เขาจึงตัดสินใจก้าวเท้าเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย...โดยมีความมุ่งมั่นอย่างสุดกำลัง เป็นตัวกำหนดทิศทางว่าต้องทำอย่างไร และเส้นทางไหนที่จะพาเขาไปพบกับความสำเร็จได้เร็วที่สุด


ในช่วงแรก สันติศักดิ์ ก็ไม่ได้รู้และไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานในธุรกิจเครือข่ายอย่างถูกต้องสักเท่าไหร่นัก เขาคิดแค่เพียงว่า ธุรกิจนี้เน้นคนเยอะๆ ต้องชวนคนอย่างเดียว และเขาก็ทำขายตรงแบบลุยถั่ว ไม่มีจุดหมาย ซึ่งเป็นการทำงานที่ผิดวิธี...


ช่วงแรกที่ผมเข้ามาในธุรกิจขายตรงผมก็ทำตามที่อัพไลน์บอกทุกอย่างซึ่งที่ผ่านมาผมเข้าใจเครือข่ายอย่างไม่ทะลุปรุโปร่งลุยงานจริงแต่ว่าลุยแบบมั่วจึงไม่สามารถจับจุดได้ก็เกิดการท้อบ้างผมก็คิดว่าจะหยุดไปตั้งหลายรอบแต่พอมาคิดดูอีกทีเสียเวลามาเป็นปีถ้าผมหยุดแค่นี้แสดงว่าสิ่งที่ผมลงทุนไปเหนื่อยฟรีเพราะฉะนั้นเมื่อเสียเวลาไปแล้วผมต้องสำเร็จให้ได้


แม้เขาจะผ่านบทเรียนมามากมายหลายบท แต่ สันติศักดิ์ ก็ไม่หวั่น จนเขาประสบความสำเร็จ รวมระยะเวลาในแวดวงเครือข่ายเกือบ 10 ปี มีรายได้เกือบๆ 100 ล้านบาท และกลายมาเป็นผู้นำแถวหน้าอีกคนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญที่ควรเรียนรู้จากเขานั่นคือ เขายึดหลักการทำงานอย่างไร ถึงได้รักษาระดับของความสำเร็จมาโดยตลอด


สิ่งแรกที่ สันติศักดิ์ บอกก็คือ การทำงานต้องมีเป้าหมายซึ่งงานเครือข่ายนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่
ขึ้นอยู่กับว่าใครทนความรำคาญได้มากกว่ากันเนื่องจากธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ต้องทำงานกับคนมากมายยิ่งคนมากปัญหาก็เพิ่มมากตามไปด้วยหากใครมีความอดทน คนนั้นจึงจะสำเร็จ
สันติศักดิ์ ยังบอกว่า การทำธุรกิจสิ่งแรกต้องเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน จากนั้นต้องนำสินค้าไปบริโภค เพื่อที่จะได้บอกความรู้สึกต่างๆ ให้กับคนอื่นๆ เพื่อไปขยายงานต่อไป โดยเริ่มต้นจากคนใกล้ชิดก่อน และเข้าประชุมเพื่อสร้างสติปัญญาให้สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ...
ต้องบอกว่าการทำงานเครือข่ายนั้นอย่างแรกเราต้องเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนเราต้องเอาสินค้าไปใช้เองก่อนเพื่อให้ทราบถึงคุณสมบัติจริงๆจากนั้นค่อยขยายไปตามเพื่อนฝูงญาติสนิทแล้วค่อยขยายออกไปยังคนที่เราไม่รู้จักแต่สิ่งที่สำคัญนั่นคือเราต้องเข้าอบรมเพื่อประเทืองปัญญาเพื่อที่เราจะสามารถนำความรู้เหล่านั้นไปต่อยอดทางธุรกิจเราได้รวมทั้งการอ่านหนังสือต่างๆเพื่อกระตุ้นต่อมความคิดและสามารถพัฒนาตนเองไปสู่ความสำเร็จและถ่ายทอดให้คนอื่นสำเร็จด้วย
ทั้งนี้ สันติศักดิ์ ยังยึดหลักในการสร้างแรงบันดาลใจจากหนังสือของ แอนโทนี่ ร็อบบินส์ ซึ่งถือว่าเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก โดย สันติศักดิ์ ได้ชอบคำพูดหนึ่งของ ร็อบบินส์ ที่บอกว่า = ผมบรรยายวันละ 30 ครั้ง เดือนละประมาณ 300 - 400 ครั้ง...ด้วยจุดนี่เองทำให้เขาเกิดความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และด้วยผลของการทำงานอย่างต่อเนื่องนี่เอง ส่งผลให้เขาได้ก้าวมาสู่ความสำเร็จจนถึงวันนี้ได้...
...สันติศักดิ์ ยังบอกต่ออีกว่า การทำเครือข่ายต้องทำไปอย่างต่อเนื่อง ประเภทที่ทำๆ หยุดๆ หรือย้ายค่ายทุก 3 เดือน 5 เดือน แบบนั้นไม่เป็นผลดี ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมงานพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เฮ้าส์ มีตติ้ง คัดเกรด คัดคน จัดทำบัญชีรายชื่อ จัดประชุมกลุ่มย่อย พาคนเข้าระบบ
หากอยากประสบความสำเร็จต้องพาคนเข้าระบบอย่างเดียวเพื่อให้เขาได้มาเห็นบรรยากาศเราจะได้ไม่เหนื่อยและในระยะเวลาหนึ่งโจทย์จะบอกเขาเองว่าต้องทำอย่างไรในธุรกิจขายตรงต้องไปสร้างคนสร้างทีมให้มีรายได้ยิ่งเขามีรายได้มากเท่าไหร่เราก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่านั้น
เมื่อใครตัดสินใจที่จะสร้างความร่ำรวยแล้ว ให้มองหาบริษัทที่มีสินค้าคุณภาพ แผนการตลาดทำง่าย อย่าเพิ่งไปมองถึงตัวเลขหลักล้าน เอาเป็นว่ามองแค่หลักหมื่นก่อน เพราะธุรกิจไหนที่ทำแล้วได้เงินล้านเลยนั้น การันตีเลยว่าธุรกิจนั้นหลอกหลวงแน่นอน


ซึ่งวิธีการหาเครือข่ายของ สันติศักดิ์ เขาใช้หลักคิดที่ว่า หากต้องแจกการ์ดเพื่อเชิญคนมางานแต่ง ตัวเขาจะเชิญใครบ้าง บางคนอาจจะเริ่มจาก 3 คน 5 คน บ้าง ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากหลักร้อย เมื่อกลุ่มเป้าหมายสนใจ ก็เริ่มทำเฮ้าส์ มีตติ้ง ซึ่งการทำเฮ้าส์ มีตติ้งนี้เอง สร้างการเติบโตของเครือข่ายมานักต่อนัก...
ขณะเดียวกันก็ต้องพาตัวเองเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สอบรมบรรยายสร้างแรงจูงใจต่างๆ เพราะคนเราก็เหมือนโทรศัพท์มือถือ เมื่อแบตหมดก็ต้องชาร์จไฟใหม่ ซึ่งปัญหาของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำเครือข่าย ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากการห่างบรรยากาศ เมื่อแบตหมด ไฟก็หมด แล้วแบบนี้จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ทุกวันนี้ สันติศักดิ์ ประสบความสำเร็จ มีรายได้เป็นนักขายเงินล้าน แต่เขาเพียงพอแล้วกับทรัพย์สินนอกกาย หากเลือกที่จะต่อยอดด้วยการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ และทองคำ รวมไปถึงการลงทุนซื้อสวนยาง สวนปาล์ม เพื่อรายได้ที่ไม่หยุดนิ่งในอนาคต...
ถ้าวันนี้เรามีรายได้จากธุรกิจเครือข่ายแล้วเราไปสร้างทรัพย์สินสร้างสวนสร้างไร่เอาไว้เกิดวันหนึ่งอาชีพขายตรงของเราล้มขึ้นมาอย่างน้อยก็ยังมีอะไรรองรับอยู่จงอย่าประมาท...อะไรที่ทำแล้วมีรายได้ก็ทำไปก่อนหากใครที่มุ่งทำแต่ขายตรงโดยไม่หารายได้เสริมบอกได้เลยว่าคุณไม่รักตัวเองหากมีโอกาสหรือมีช่องทางหาเงินเพิ่มลงมือทำเลยอย่าไปกลัว...
...อีกหนึ่งภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของ สันติศักดิ์ คือการช่วยทีมงานทุกคนที่มีความมุ่งมั่นให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า หนุ่มปักษ์ใต้คนนี้ ได้มอบโอกาสความเป็นเศรษฐีให้แก่คนแทบทุกชนชั้น ตั้งแต่คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปจนถึงวิศวกร อย่างไรก็ตาม เขากำลังมองหาข้าราชการที่ต้องการมีรายได้เสริม โดยมีจุดมุ่งหมายจะ สร้างให้เป็นนักขายเงินล้านในสังกัด เอปูเซ่ อีกจำนวนนับไม่ถ้วน
สำหรับรายได้หลักแสนนั้น ทุกคนก็มีโอกาสทำได้เช่นกัน หากเข้าใจผลิตภัณฑ์ แผนการตลาดเป็นอย่างดีแล้ว สามารถเปิดโมบาย ด้วยเงินลงทุนเพียงแค่ 3 หมื่นบาท ซึ่งการเปิดโมบายนี่เอง จะทำให้รายได้ทะยานไปสู่หลักแสนเร็วมาก ไม่เกิน 3 เดือนรับรองคืนทุน...
ในอาชีพธุรกิจเครือข่าย การจะประสบความสำเร็จได้ ต้องใช้เวลา ซึ่งจะมากหรือน้อยก็แตกต่างกันไป จุดสำคัญคือต้องวิเคราะห์ให้ออก เพราะคนที่ล้มเหลวก็เปรียบเสมือนคนป่วย คนสำเร็จเปรียบเสมือนหมอ...อยู่ที่ว่าเราจะไปหาหมอรักษาได้ถูกคนหรือเปล่า...
ปัญหาวันนี้คนป่วยคือคนที่ไม่ประสบความสำเร็จหากไปหาไปคุยกับคนป่วยด้วยกันก็จบเหมือนคนมีปัญหาแล้วยังไปอ่านหนังสือศาลาคนเศร้ามันก็จะยิ่งทำให้ชีวิตเราทดท้อลงไปก็จะยิ่งทำให้หาจุดตัวเองไม่เจอ...ในขั้นแรกเราต้องรู้ว่าอัพไลน์ของเราจะช่วยเหลือเราได้มากน้อยแค่ไหนเราต้องวิเคราะห์ให้ออก
...นกทำรังมันยังเลือกต้นไม้ ฉะนั้นคนเรา วันนี้จะไปหาใครก็ต้องวิเคราะห์ให้เป็น มองให้ออก ถ้าเรามองออก เราก็โตได้ สำเร็จได้...
การสร้างคนอาจไม่ยากเท่ากับการจะรักษาผู้นำให้ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์กรตลอดไป ดังนั้น รายได้ส่วนหนึ่งของ สันติศักดิ์ จากการทำเครือข่าย จึงถูกเจียดมาใช้ไปกับการบริหารดูแลองค์กร ช่วยเหลือทีมงาน ผลักดันกันไปให้สำเร็จเหมือนกันทุกคน


สันติศักดิ์ ยังเน้นย้ำอีกครั้งว่า หน้าที่แม่ทีมนั้น ไม่อาจหยุดยั้งการเรียนรู้ได้ ทุกวันนี้ยังคงทำงานตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากวางรากฐาน และเติมความแข็งแกร่งให้องค์กรในทุกจุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเขายังคงยึดถือคติประจำใจที่ว่า ยอมเหนื่อยชั่วครู่ แต่สบายไปชั่วโคตร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ให้มีไฟทำงานอยู่เสมอ และนี่ก็คือเรื่องราวชีวิตของนักขายมือหนึ่ง ที่แม้ชีวิตจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ความพยายามและความอดทนเท่านั้นคือ หัวใจของนักสู้...ที่ทำให้ชีวิตของพ่อค้าธรรมดาๆ กลายมาเป็นเศรษฐีเงินล้านได้...!!!


...เชื่อว่าการพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความตั้งใจจริง ถึงแม้บางครั้งจะเจอปัญหาเราอาจจะท้อกับปัญหา แต่ขอให้คิดเสมอว่าปัญหาทุกปัญหาต้องมีทางแก้เสมอ เพียงแค่ไม่ถอยไม่ท้อ และตั้งใจทำในสิ่งที่เราหวัง ที่สุดสักวันชัยชนะหรือความฝันของเราก็จะมาหาเรา หากเราไม่ละทิ้งความพยายามและการลงมือทำด้วยความตั้งใจ ความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเราพยายามและทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด...


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่322 ประจำวันที่16 - 30 มิถุนายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น