ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

ปิดตำนาน ‘ปรีชา ประกอบกิจ’ ‘กิจธวัช’ รับลูกสานภารกิจ 2 หมื่นล.



“ปรีชา ประกอบกิจ” อำลาเก้าอี้บริหาร “แอมเวย์ ประเทศไทย” หลังกุมบังเหียน บริษัทกว่า 20 ปี พร้อมบอก วิธีการทำงาน แนวคิดในการ สร้างแบรนด์ขายตรง บอกธุรกิจนี้ยังสามารถโตได้อีกมหาศาล ส่วนยอดขาย 2 หมื่น ล้านบาท ปีหน้า มอบหมาย “กิจธวัช ฤทธีราวี” สานงานต่อ

นายปรีชา ประกอบกิจ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดใจถึง ความรู้สึกในขณะก้าวลงจากตำแหน่ง หัวเรือใหญ่ของแอมเวย์ ประเทศไทยว่า “ตนรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับเกียรติจากแอมเวย์สำนักงานใหญ่ให้รับผิดชอบ ดูแลบริษัทตลอดมา จากวันนั้นถึงวันนี้ ตนอยากขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ ร่วมสร้างแอมเวย์ให้สามารถเติบโต เป็นบริษัทครองใจคนไทยมาอย่างยาว นานเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตน เชื่อว่าไม่ใช่ความสำเร็จของตัวเองคน เดียว แต่มันคือความสำเร็จของทุกฝ่าย”

“ตนมีความศรัทธาและความเชื่ออย่างหนึ่งตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา คือเชื่อในความเป็นมนุษย์ ตนเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในตัวเองและสามารถดึงศักยภาพออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการสร้างธุรกิจของตนให้ ประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องรอคอย ความช่วยเหลือจากใคร” นี่คือพลังศรัทธาในความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ทำให้นายปรีชาสามารถสร้างแอมเวย์ ให้เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ขยายเครือข่ายธุรกิจจากปีแรกที่มีพนักงานเพียง 10 คน ยอดขายเพียง 60 ล้านบาท สู่ปีนี้ที่มีพนักงานกว่า 800 คน ยอดขายเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

“ตนคิดว่าในตัวเลขดังกล่าวมีสิ่งสวย งามหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการ ทำให้ประชาชนหลายแสนคนได้รับโอกาส ที่ดีในชีวิต ทำให้พวกเขาก้าวพ้นวิกฤติที่ยากจะจดจำในชีวิตมาได้ บริษัทสามารถกระจายรายได้สู่ประชากร หลายพันล้านบาทในแต่ละปี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าในเมืองไทย นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันยุค ทันสมัย”

โดยที่ผ่านมาตนยึดหลักปรัชญาแนว คิดที่ได้จากการเรียนรู้จากบุคคลสำคัญมา ว่า “หากเราจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด เราก็ต้องเป็นบริษัทอันดับ 1 หรือ 2 ถ้าทำไม่ ได้คุณก็ต้องขายมันทิ้ง เพราะว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เราจำเป็นต้อง มองหาโอกาส และต้องจริงจังกับมัน”

ซึ่งนายปรีชาได้เล่าว่า เมื่อตอนที่ แอมเวย์ปิดยอดการขายได้ที่ 5 พันล้านบาท ขณะนั้นก็ทิ้งระยะห่างจากอันดับ 2 มามากแล้ว หลายคนบอกว่าหยุดก็ได้ แต่ ตนมองว่า ถ้ามองตลาดในอีกด้านหนึ่ง คือ การแข่งขันกับร้านโชวห่วย เซเว่น พบว่า คู่แข่งมีมากมาย ตลาดสินค้าปลีกมีมูลค่าหลายแสนล้าน สิ่งนี้จะทำให้เราไม่หยุดนิ่ง มันจะทำให้เรามีพลังขับเคลื่อนที่อยากจะเติบโตอยู่ตลอดเวลา นี่คือสูตรเฉพาะที่ทำ ให้ตนเองนำพาแอมเวย์ให้ก้าวสู่จุดสูงสุดจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม แม้นายปรีชาจะหมด วาระการบริหารงานในตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะลาจากแอมเวย์ไปทันที เพราะเขายังคงดำรงตำแหน่ง “กรรมการที่ปรึกษาของแอมเวย์ประเทศไทย” และ “ประธานกรรมการมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย” เสมือนกับนายปรีชาจะยังคอยเฝ้ามองความสำเร็จของคนรุ่นหลังที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตยิ่งๆ ขึ้นสมกับที่เป็นผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจขายตรงในเมืองไทย เพราะ สิ่งที่นายปรีชาปูทางและมีส่วนร่วมสร้างรากฐานไว้อย่างมั่นคงไม่เพียงเพื่อแอมเวย์ เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อวงการขายตรงไทยที่คนขายตรงรุ่นต่อไปจะต้องจดจำรำลึกถึงชื่อ “ปรีชา ประกอบกิจ” ให้เป็นบุคคลต้นแบบตลอดไป

โดย “ปรีชา” ยังได้แสดงความคิดเห็นถึงภาพรวมของธุรกิจเครือข่ายในอนาคต ว่า ธุรกิจเครือข่ายยังมีอนาคตอันยาวไกล เพราะถ้าบริษัทอันดับ 1 เติบโต ก็ทำให้อุตสาหกรรมโดยภาพรวมเติบโตเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเติบโตในธุรกิจ เครือข่ายก็ต้องเติบโตบนพื้นฐานของการเคารพหลักการ 3 ประการ คือ ประการแรก นักขายอิสระต้องเคารพซึ่งกฎหมาย กฎจรรยาบรรณ ประการถัดมา ต้องมีการ แข่งขันอย่างเสรี ภายใต้หลักคุณธรรม จริยธรรม และประการสุดท้าย ต้องเคารพ กฎจรรยาบรรณของธุรกิจขายตรงโลก

“เพราะตนมั่นใจว่าระบบแชร์ลูกโซ่ หรือการทำผิดกฎระเบียบจะไม่มีวันหมดไป เพียงแค่รอวันพลิกโฉมหน้าในรูปแบบที่แตกต่างเท่านั้น ดังนั้นเราในฐานะผู้ทำงาน เครือข่ายจึงควรร่วมกันปกป้อง ความใฝ่ฝัน ของคนไทยอีกหลายล้านคน ที่อยากประสบความสำเร็จ หลุดพ้นจากสถานะแห่งความยากจน”

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ที่จะเข้ามาดำรง ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ ประเทศไทย คงเป็นใครอื่นไป ไม่ได้ นอกจาก “กิจธวัช ฤทธีราวี” ผู้จัดการทั่วไป แอมเวย์ ซึ่งเป็นตัวเก็งใน การเข้าดำรงตำแหน่ง โดยงานใหญ่ที่หัวเรือใหญ่ท่านต่อไปต้องทำนั่นคือ การ ผลักดันยอดขายของบริษัทให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย 2 หมื่นล้านบาท ในปี 55 นี้ ให้ได้ ซึ่งดูจะไม่ใช่งานง่ายเลย เมื่อมองจาก ตัวเลขยอดขายของปีที่ผ่านๆ มา

อ้างอิง นสพ. สยามธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น