ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

เปิดผลงานไต่ฝันยักษ์ใหญ่ชิงพื้นที่TOP 10 อันดับขายตรง



ช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา หลายท่านคงกำลังเฝ้ารอติดตามว่า ยอดขายของบริษัท ใด จะสร้างความฮือฮาให้กับวงการได้บ้าง ซึ่งทีมข่าว “สยามธุรกิจ” จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลนำเสนอความน่าจะเป็นในส่วนของรายรับระดับท็อปเทนประจำปีกระต่าย เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย ในช่วงพ.ศ.แห่งวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา

>> “แอมเวย์” กอดเก้าอี้แน่น

บริษัทขายตรงแบรนด์แรกที่ น่าจับตามอง คงเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกเสียจาก “บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด” ซึ่งจากที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “แอมเวย์” เปรียบเสมือนพี่บิ๊กของวงการ เนื่องจากยอด ขายที่ครองความเป็นเบอร์หนึ่งมาอย่างยาวนานหลายปีติดต่อกัน และ การเป็นแบรนด์ที่ประชาชนทั่วไป รู้จักกันมากที่สุด เมื่อถามถึงบริษัทขายตรง

“แอมเวย์” มีการวาดความฝันชิ้นโตมาโดยตลอดในทุกปี และทุกความฝันที่ผุดขึ้นดูจะเป็นเรื่องจริงมา โดยตลอด ซึ่งในปลายปีนี้ก็เช่นกันที่บริษัทได้ตั้งเป้ามาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ว่า ปี 2555 บริษัทจะสามารถทำยอด ขายให้ถึง 2 หมื่นล้านให้จงได้

แต่ที่สุดจะเป็นอย่างไรคงต้องคอยดูผลงานของ “กิจธวัช ฤทธีราวี” แม่ทัพคนใหม่ของบริษัท ที่ขึ้นมาแทน ตำนานของบริษัทอย่าง “ปรีชา ประกอบกิจ” ที่ลงจากตำแหน่งด้วยเรื่องของการเกษียณไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2554 ที่ผ่านมา ส่วนยอดขายในปีนี้ แอมเวย์น่าจะปิดยอดขายหรูที่ 1.5 หมื่นล้านบาท โตจากปีก่อนประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 54 ที่ปิดไว้ที่ 14,370 ล้านบาท

>> “กิฟฟารีน” ไหวตัวหนีน้ำได้ผล

หมายเลข 2 คงไม่มีการขยับเปลี่ยนชื่อ “บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด” ยังน่าจะเป็นเบอร์ 2 ต่ออีกปี เนื่องจากแม่ทัพหญิงอย่าง “พ.ญ.นลินี ไพบูลย์” หรือที่รู้จักกันในวงการอย่าง “หมอต้อย” นับเป็นผู้นำหญิงที่ดูจะมีความสามารถไม่แพ้ผู้บริหารชายเก่งๆ เลย เมื่อดูจากผลงาน ช่วงหลายปีที่ผ่านมาของบริษัท

“กิฟฟารีน” ใช้กลยุทธ์ Gift for Life หรือที่เรียกว่า การส่งต่อความสุขมาตั้งแต่ช่วงปี 2553 และดูว่าแคมเปญการให้ของบริษัทดูจะเป็นตัวสร้างแบรนด์ที่ดี ซึ่งผู้บริหารหญิง ได้ใช้กลยุทธ์ดังกล่าวหาเสียงผ่านทาง สื่อต่างๆ อย่างได้ผล ผู้คนหลงเสน่ห์การให้ หลั่งไหลเข้ามาร่วมธุรกิจกันอย่างหนาตา

อย่างไรก็ดี ในวิกฤติน้ำท่วมปลายปีก็ได้พิสูจน์ความฉกาจของผู้นำหญิงท่านนี้ โดยทำการย้ายโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมนวนคร มาผลิตสินค้าที่นิคมอมตะ เพื่อรักษายอดการผลิตได้ อย่างทันท่วงที ทำให้ความฝัน 5.5 พัน ล้านในปีนี้ของ “กิฟฟารีน” ไม่น่าจะพลาดเป้าไปไกล บวกลบดูแล้วน่าจะเติบโตอยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับ 4,912 ล้านบาทในปี 53

>> “ซูเลียน” มาเงียบๆ มาเรื่อยๆ

ดูเป็นบริษัทขายตรงที่ไม่ค่อยจะออกสื่อมากนัก สำหรับ “บริษัท ซูเลียน (ประเทศ ไทย) จำกัด” แต่แบรนด์ขายตรงนามนี้ ก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม จากคนไทย อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างพอสมควร จากการใช้สื่อป้ายโฆษณา และการผุดศูนย์สาขา ทำให้ “ซูเลียน” กลายเป็นแบรนด์ขายตรงที่เกาะพื้นที่ 1 ใน 5 ของวงการขายตรงได้อย่างต่อเนื่อง

แม้ในวิกฤติน้ำท่วมที่ผ่านมา บริษัทจะถูกปิดกั้นอย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจากอยู่ใน พื้นที่บางบัวทอง แต่ดูเหมือนไม่ได้ทำให้บริษัท ขายตรงนามนี้สะดุดในส่วนของยอดขายมากนักจากปี 53 ที่ปิดยอดขายไว้ที่ 4.4 พัน ล้านบาท มาปีนี้การเติบโตแตะ 5 พันล้าน บาท ของ “ซูเลียน” ไม่น่าจะเป็นเรื่องเกินไปนัก

>> “นีโอ ไลฟ์” ไต่ระดับ

ปี 54 ที่ผ่านมา นับเป็นปีทองปีหนึ่ง ของ “บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” เพราะดูจากความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ ขายตรงนามนี้ ที่ฉายตัวอยู่คู่กับสื่อมาตลอด ทั้งจากทีวี สิ่งพิมพ์ และสื่ออื่นๆ โดย “ดร. นพรุจ เวชกุล” จัดว่าเป็นผู้บริหารที่สร้าง “นีโอ ไลฟ์” ให้เติบโตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไต่อันดับของวงการอย่างต่อเนื่อง ในทุกปี

การทำตลาดของบริษัทเน้นในเรื่องของการกระจายศูนย์สาขา การวางระบบ เทรนนิ่งถี่ยิบ เพื่อสร้างนักขายที่มีประสิทธิภาพ บวกการจัดงานประดับเข็มที่พร้อมให้ในทุกครั้งที่จุดพลุงานในแต่ละเดือน ซึ่ง รวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ผ่านสื่อ ทำ ให้ขายตรงแบรนด์นี้ไม่น่าจะมียอดขายที่น้อย กว่าความฝัน 3.5 พันล้านบาทไปได้ ส่วนในเรื่องของอันดับคงไต่มาอยู่ในที่ 4 ได้ไม่ยาก

>> “เอมสตาร์” เน้นตลาดนอก

“บริษัท เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด” ผู้สร้างสถิติทำให้วงการขายตรงบ้านเราได้ สั่นสะเทือนเมื่อปี 53 โดยสามารถปิดยอด ขายในชนิดก้าวกระโดด เติบโตจากปี 52 ถึง 150% แตะตัวเลข 4,901 ล้านบาท ด้วย กลยุทธ์การสร้างสีสันให้วงการ รวมถึงการ จัดงาน The winner ที่ระเบิดขึ้นในทุกเดือน ทำให้แบรนด์ไทยรายนี้ กลายเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า คนที่ฝันใหญ่เท่านั้น ที่ จะยิ่งใหญ่

โดยเป้าหมายในปีนี้ของ “ท.ญ.ลพา วัชรศรีโรจน์” ยังอยู่ที่ตัวเลข 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทมาโดยตลอด แต่เมื่อดูจากกระแสในปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า “เอมสตาร์” ภายใต้การนำทัพของหญิงแกร่งผู้นี้ ดูจะไม่ครึกครื้นเหมือนปีก่อนๆ โดยบริษัทเน้นไปที่การขยาย สู่โลกสากลเป็นหลัก ซึ่งมีอเมริกาเป็นพื้นที่ หลักแห่งใหม่ของแบรนด์ ทำให้ยอดขายใน ไทยน่าจะเติบโตแบบเป็นขั้นบันไดมากกว่า โตในชนิดก้าวกระโดดอย่างปีก่อนๆ ที่ผ่านมา

>> “นู สกิน” จับสาวกลัวแก่เห็นผล

อีกแบรนด์ที่มีผู้บริหารเป็นผู้หญิง “บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศ ไทย) จำกัด” ซึ่งแบรนด์ขายตรงนามนี้ จัด ว่าเป็นแบรนด์ขายตรงที่เน้นในเรื่องของการเป็นเอกในส่วนของความงามสำหรับผู้หญิงเป็นสำคัญ และดูจะมาถูกทางเสียด้วย เมื่อกลุ่มสินค้าชะลอริ้วรอยความชรา อย่าง “เอจ ล็อค” ดูจะเข้าตาหญิงสาว แห่เป็นสมาชิกใช้สินค้ากันทั่วฟ้าเมืองไทย โดย เฉพาะสาวในเมือง

“นู สกิน” เน้นเรื่องของสินค้าเป็นสำคัญ เน้นการทำโรดโชว์แสดงนวัตกรรม สินค้าสร้างแบรนด์ อีกทั้งการสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์อยู่ในระดับพรีเมี่ยมทำให้ ผู้คนที่เดินเข้ามา มีกำลังซื้อพอที่จะทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 500 ล้านบาท จากเดิมที่ปิดตลาดปี 53 ไว้ที่ 2 พันล้านบาท ปี 54 คง ไม่น่าจะน้อยกว่า 2.5 พันล้านบาทเป็นแน่

>> “คังเซน-เคนโก” ทรงตัว

ถึงแม้การจากไปของผู้สร้าง “บริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” อย่าง “คมศักดิ์ธนา อำพันธ์ยุทธ์” จะเกิด ขึ้น แต่ด้วยการขึ้นมาแทนของ “อิทธิศักดิ์ อำพันธ์ยุทธ์” ก็น่าจะเป็นตัวแทนที่เหมาะสมที่จะทำให้แบรนด์ขายตรงพันธุ์ไทยรายนี้ น่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 2 พันล้าน บาท ถึงแม้การเติบโตจะไม่มากนัก การทรงตัวถือว่าดีกว่า

“คังเซน-เคนโก” นับเป็นแบรนด์ไทยที่สร้างชื่อเสียงในเรื่องของการส่งต่อรายได้สู่ลูกหลานได้อย่างเป็นรูปธรรมแบรนด์ขายตรงรายนี้จึงได้รับการตอบรับ เป็นอย่างดีในช่วงกว่า 18 ปีที่ผ่านมา โดย บริษัทเครือข่ายรายนี้ พยายามใช้นวัตกรรม สินค้าเสริมอาหารเป็นตัวชูโรงในการสร้าง ยอดขายอย่างต่อเนื่อง

>> J&C ใช้จอยมาร์ทอัพยอดขาย

คงคุ้นหูกันในชื่อของ “เจริญโอสถ” สำหรับ “บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด” ที่มี “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ผู้สร้างตำนานขายตรงสะดวกซื้อของเมืองไทย “จอย แอนด์ คอยน์” นับเป็นแบรนด์ขายตรงที่อยู่ในวงการมาอย่าง ยาวนาน เน้นกลยุทธ์หลักในส่วนของการ เป็นขายตรงสะดวกซื้อ

การขายสินค้าในรูปแบบคล้ายกับมินิมาร์ต โดยใช้ชื่อว่า “จอย มาร์ท” นับเป็นอาวุธที่บริษัทเน้นย้ำต่อผู้บริโภคสร้าง จุดขายให้แบรนด์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทยังต้องการที่จะทำให้มินิมาร์ตของตัวเองนี้ ก้าวขึ้นแย่งลูกค้าในห้างใหญ่ที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมือง โดยยอดขายในปีนี้ น่าจะแตะที่ 2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ปิดไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท

>> “ยูนิซิตี้” ยังเกาะกลุ่ม

มองข้ามไม่ได้สำหรับอดีตแบรนด์ม้ามืดเมื่อหลายปีก่อน อย่าง “บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด” ที่มี “มร.คริสโตเฟอร์ คิม” นั่งดูแลกุมบังเหียน โดยบริษัทขายตรงค่ายนี้ ตั้งแต่เปิดบริษัท ขึ้นมาก็พยายามสร้างกระแส กวาดนักขาย กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี จนสามารถก้าวขึ้นมายืนอยู่ในระดับท็อปของกลุ่มบริษัทขายตรง และดูจะสามารถเกาะตาราง ท็อปเทนได้อย่างเหนียวหนึบ

ยูนิซิตี้ เน้นการสร้างระบบเทรนนิ่ง สร้างผู้นำขึ้นมากวาดยอดขายเป็นหลัก โดยไม่สนว่าบริษัทใดจะเข้ามาขย่มเก้าอี้หนึ่งในบริษัทผู้นำ โดยยอดขายปี 54 น่าจะเป็นอีกแบรนด์ที่จะสามารถเกาะยอดขาย 2 พันล้านบาท ยืนทรงตัวจากปี 53 ได้อย่างแน่นอน

>> “อาวียองซ์” ย้ำพรีเมี่ยมแบรนด์ปั่นรายรับ

บริษัทสุดท้ายที่น่าจะเป็นแบรนด์ ท็อปเทน ก็ไม่น่าจะหนีค่าย “อาวียองซ์” ค่ายขายตรงแบรนด์ในเครือกลุ่ม “ยูนิลีเวอร์” ซึ่งค่ายขายตรงแบรนด์นี้ เน้นสินค้าในกลุ่มพรีเมี่ยม ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น กลุ่มคนชั้นกลางถึงบน สร้างแบรนด์ด้วยกิจกรรมทางสังคม เพื่อชูภาพลักษณ์ของตัวเอง

“อาวียองซ์” มีวิธีการสร้างผู้นำด้วยระบบเทรนนิ่งที่มีไม่เว้นแต่ละวัน ทุนของบริษัทคงไม่ต้องกล่าวถึง เนื่องจากมีฐานบริษัทแม่ที่ใหญ่ การทำตลาดจึงอยู่ที่ให้สินค้าขายตัวเอง ผ่านนักขายที่ผ่านการ เทรนนิ่งมาเป็นอย่างดีโดยยอดขายไม่น่าจะต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1269 ประจำวันที่ 25-1-2012 ถึง 27-1-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น