ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

ข่าวเอปูเซ่ ขวัญใจคนขายตรง “ชูคุณธรรม นำธุรกิจ”



...นับตั้งแต่ “ธุรกิจเครือข่ายขายตรง” ได้รับกระแสการยอมรับจากผู้คน ขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดบริษัทต่างๆ ผุดขึ้นมามากมายราวดอกเห็ด ส่งผลถึงสมรภูมิการแข่งขัน ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดการพลิกเกมรบต่างๆ ที่นำมาฟาดฟันกันอย่างดุเดือดในตลาด ไม่ว่าจะเป็นการปรับแผนการตลาดให้โดดเด่น หรืออัดฉีดโปรโมชั่นและทุ่มผลตอบแทนเพื่อดึงดูดลูกค้าหรือสมาชิก...!!!
แต่หากจะโฟกัสบริษัทที่เน้นแผนการทำธุรกิจที่แตกต่าง และสร้างความโดดเด่นจนเป็นที่น่าจับตามองในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้น “บริษัท เอปูเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด” ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง “คุณธรรม นำธุรกิจ” มาโดยตลอด นับตั้งแต่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาในธุรกิจ
วิถีทางในการทำธุรกิจของ “เอปูเซ่” จุติขึ้นมา อย่างเด่นชัด เมื่อทีมบริหาร ต้องการที่จะสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน เพื่ออยู่คู่สมาชิก ซึ่งจุดเริ่มต้นต้องย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2549 ที่ “บริษัท เอปูเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด” ได้ก่อตั้งขึ้น และเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2550 จากประสบการณ์ในการเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนชั้นนำเกือบ 20 ปี และประสบการณ์ตรงในฐานะผู้บริหารธุรกิจเครือข่ายของประธานกรรมการบริหาร ภายใต้สโลแกนของ “เอปูเซ่” นั่นคือ “We will reach to success together” หรือ “เราจะบรรลุความสำเร็จร่วมกัน”
ซึ่งคอลัมน์ “ตลาดวิเคราะห์” ปักษ์นี้ จะไล่เรียงความพร้อมในการทำธุรกิจของ “เอปูเซ่” จาก “มนตรี ฉิมมณีภัทธ” ประธานกรรมการบริหาร ที่จะมาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และแผนที่จะรุกตลาดในอนาคตข้างหน้า
โดย “มนตรี” เผยถึงแนวคิดการทำธุรกิจเครือข่ายที่แตกต่างว่า การทำธุรกิจของ “เอปูเซ่” ไม่ใช่บริษัทที่ประกอบธุรกิจขายตรง หากแต่ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค ผ่านช่องทางระบบเครือข่ายขายตรง ที่เน้นผู้บริโภคเป็นอันดับหนึ่ง นี่จึงเป็นเหตุผลที่
“เอปูเซ่” พยายามควบคุมสินค้า ควบคุมการผลิต และควบคุมการเลือกสารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นตัวหลักในการทำสินค้า เพราะผู้บริโภคจะต้องได้สินค้าที่มีคุณภาพ และปลอดภัย ซึ่งอยู่ในปรัชญาของบริษัทที่ว่า “คุณธรรม นำธุรกิจ”

ซึ่งล่าสุด บริษัทกำลังที่จะสร้างโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะควบคุมคุณภาพการผลิต และการเลือกสารสกัดจากธรรมชาติได้สะดวกมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีแนวทางที่จะกระจายรายได้ให้กับสมาชิกที่เข้าสู่ธุรกิจให้มีรายได้กระจายทั่วทุกคน
...ด้านการแข่งขันในธุรกิจขายตรงที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในปัจจุบัน และมีหลายบริษัทเปิดตัวเข้ามา “มนตรี” ได้มองว่า การทำธุรกิจที่ดีนั้น ผู้ประกอบการต้องไม่กลัวการแข่งขัน เพราะการแข่งขันเป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากจะทำให้ผู้ประกอบการรู้จักกระตุ้นและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยอยู่บนพื้นฐานการแข่งขัน ที่ขาวสะอาด เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจ เชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนต้องมีแนวทางในการที่จะนำพาธุรกิจไปสู่จุดมุ่งหมาย อยู่ที่ว่าแผนงานที่วางไว้สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจ และตัวสินค้าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่
ในปีที่ผ่านมา “เอปูเซ่” ได้วางเป้าไว้ที่ 350 ล้านบาท โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็ได้นำประสบการณ์จากปัญหาน้ำท่วมช่วงกลางปีในภาคใต้ ซึ่งมีฐานสมาชิกอยู่เป็นจำนวนมาก บริษัทจึงวางแผนรองรับน้ำท่วมและคาดว่าหากเกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นอีก ตัวเลขที่ทำได้จะอยู่ที่ 300 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจ “เอปูเซ่” อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม “เอปูเซ่” ก็พยายามตรวจสอบสมาชิกในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ตลอดเวลา และหากพื้นที่ไหนกระทบมากก็จะเข้าไปดูแล ช่วยเหลือ เพราะถือว่าสมาชิกทุกคนคือคนในครอบครัว
ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการจัดระดมทรัพย์สิน และการบริจาคลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพราะนี่คือสิ่งที่บริษัท จะคืนให้กับสังคม และถือเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งที่ “เอปูเซ่” เน้นทำมาโดยตลอด
“มนตรี” ยังได้เล่าถึงแผนการทำงานให้ฟังว่า “ในอดีต “เอปูเซ่” มีการวางแผนทั้งระยะสั้นและแผนระยะยาว ซึ่งปัจจุบันบริษัทให้ความสำคัญกับแผนระยะสั้นมากกว่า เพราะในอนาคตไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างเช่น ในช่วงครึ่งปีสุดท้ายสถานการณ์ไม่นิ่ง จึงไม่ได้ทำแผนระยะยาว แต่ก็เตรียมความพร้อมด้วยการทำแผนแบบรายเดือน ซึ่งในฐานะประธานกรรมการบริหาร “มนตรี” สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงมีความคล่องตัวสูงในการตัดสินใจและบริหารงาน
ส่วนทิศทางของธุรกิจขายตรงในปี 2555 นี้ “มนตรี” มองว่า ต้องมุ่งหาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และทำอย่างไรให้สินค้า มีการซื้อซ้ำ ซึ่งกลุ่มสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันคือ สินค้าหลักที่ต้องเป็นหัวใจสำคัญ ในสมัยก่อนตลาดเป็นของผู้ขาย แต่ปัจจุบันตลาดเป็นของผู้บริโภค ซึ่งในส่วนของธุรกิจที่มีสินค้าเป็นหัวใจ สิ่งหนึ่งที่ทิ้งไม่ได้คือผู้บริโภคและผู้ทำหน้าที่ในการขาย เหตุผลคือ ถ้าขายสินค้าแล้วไม่มีผู้ใช้สินค้า สินค้าจะอยู่ที่ไหน หรือถ้าขายสินค้าแล้วไม่มีผู้นำสินค้าไปขาย ใครจะทำหน้าที่ขายแทน
สิ่งที่ “เอปูเซ่” พยายามจะปลูกฝัง คือ คิดองค์ประกอบของธุรกิจให้ครบก่อนว่า ต้องมีผู้นำองค์กร ผู้นำกลุ่มธุรกิจ และผู้นำทีมธุรกิจ มีคนทำหน้าที่ในการขายและผู้บริโภค นี่คือพื้นฐานของการทำธุรกิจที่มีสินค้าเป็นตัวกำหนด ทุกองค์กรที่มีธุรกิจเกี่ยวกับการขายสินค้า ต้องมีโครงสร้างนี้
อย่างไรก็ตาม “เอปูเซ่” ก็นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการ สร้างรายได้ และจะเป็นธุรกิจที่สร้างอนาคตอันสวยงาม ดังชื่อภาษาฝรั่งเศสของ “เอปูเซ่” (APUSE) ที่หมายถึง “เจ้าสาว” ภาพของหญิงสาวแสนสวยที่อยู่ในชุดเจ้าสาวขาวบริสุทธิ์ ดุจเจ้าหญิงในเทพนิยายนั้น เป็น
ความใฝ่ฝันและความปรารถนาอันสูงสุดของผู้หญิงทุกคน...
ได้ทราบความคิด ทัศนคติ วิสัยทัศน์การดำเนินงานจากหัวเรือใหญ่ไปแล้ว ต่อไปจะเป็นคิวของนักรบ “เอปูเซ่” ที่จะมาบอกเล่าถึงชีวิตและจิตวิญญาณของคนทำงานเครือข่าย...!!!
เริ่มที่ผู้นำเบอร์หนึ่งที่ติดอันดับหนึ่งในสุดยอดนักขายของเมืองไทย และเป็นหัวหอกสำคัญ ที่ทำให้ “เอปูเซ่” ก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่าง “สันติศักดิ์ ครุฑธามาศ” ที่บอกกับ “ทีมงานตลาดวิเคราะห์” ว่า ระยะเวลา 3-4 ปีที่อยู่กับ “เอปูเซ่” ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องเกินคาด โดยเป้าหมายส่วนตัวที่ตั้งเอาไว้ แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการนำพาบริษัทและสมาชิกทุกคนสู่ความสำเร็จ โดยเขาสัญญา ว่าจะอุทิศทั้งแรงกายแรงใจ เพื่อนำพา “เอปูเซ่” ไปสู่เป้าหมายยอดขายทะลุ 500 ล้านให้ได้
“นั่นคือ การลั่นวาจาทิ้งเอาไว้ของสุดยอดนักขายระดับขั้นเทพของเมืองไทย ที่มีนามว่า สันติศักดิ์ ครุฑธามาศ”
จากจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง ถัดมาเป็น ผู้ซึ่งอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการทำธุรกิจ “เอปูเซ่” อย่าง “พินิตย์ ศรียาลัย” กันบ้าง ซึ่งเขาได้พูดถึงการทำธุรกิจที่นี่เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า “ช่วงที่บริษัทประสบกับวิกฤติในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าง แต่ด้วยความที่ไม่ย่อท้อ จึงใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการทำงานและลงพื้นที่หนักขึ้น สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้จักการปรับเปลี่ยนวิธีทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างเช่น ช่วงที่หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมหนัก ก็ต้องหันมาทุ่มเทปักหลักให้กับการทำงานที่กรุงเทพฯ จัดประชุมที่ต่างจังหวัด ไม่ได้ ก็ต้องจัดที่กรุงเทพฯ แทน และต้องทำอย่างต่อเนื่อง”
ผู้นำที่ดีต้องมีเป้าหมายในการทำงาน สำหรับ “พินิตย์” ภายใต้การทำงานร่วมกับ “เอปูเซ่” ก็ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า ตัวเขาต้องขึ้นตำแหน่ง GPD ซึ่งมีรายได้ 5 แสนบาทต่อเดือน ให้จงได้ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ตามที ด้วยการลงมือทำงานให้หนัก อย่างต่อเนื่อง มองไปยังเป้าหมาย หากเป้าหมายชัดเจน ความสำเร็จไม่ไกลเกินเอื้อม และสำหรับบ้านที่เรียกว่า “เอปูเซ่” แห่งนี้ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเข้ามาเรียนรู้และลงมือทำอย่างจริงจัง ด้วยปัจจัยส่งเสริมการทำงานจากบริษัท โอกาสแห่งความสำเร็จย่อมเปิดประตูรอทุกคนอยู่
ผู้นำระดับแถวหน้า ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญในรายถัดมาคือ “กรวีร์ น้อยลัทธี” ที่หลงรักการทำงานเครือข่ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น นับตั้งแต่ที่เธอมาร่วมงานกัน “เอปูเซ่” ความสำเร็จที่ได้มาก็เป็นอย่างก้าวกระโดด และปัจจุบันเธอมีตำแหน่ง GPD โดยมีเป้าหมายสูงสุดว่าจะต้องขึ้นสู่ตำแหน่ง DPD ให้ได้ภายในสิ้นปี
ท่ามกลางวิกฤติอันเกิดจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ “กรวีร์” กลับไม่มองว่าน้ำท่วมเป็นอุปสรรคในการทำงานแม้แต่น้อย เพราะเธอบอกว่าสินค้าเอปูเซ่ เป็นเรื่องของปัจจัย 4 ที่ทุกคนจำเป็นต้องกิน -ใช้ โดยเฉพาะสินค้าตัวเอกอย่าง “คาวาริ” ซึ่งไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ผู้คนที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ก็ยังขวนขวายหาซื้อมารับประทานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้น เมื่อเพิ่มความขยันทำงานลงไปอีกนิด ยอดขายจึงอยู่ในระดับคงที่ สำหรับผู้ที่สนใจอยากทราบเคล็ดลับการทำงานให้ประสบความสำเร็จ “กรวีร์” ก็ยินดีที่จะเปิดเผยวิธีการทำงานของเธอให้ฟังว่า อันดับแรก ต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ที่สำคัญต้องพกความตั้งใจจริงในสิ่งที่จะทำ วางเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจน คุณสมบัติเบื้องต้นที่กล่าวมาทั้ง 3 ข้อ จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนทุกคนให้ไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 313 ประจำวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น