ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

นู สกิน ได้รับสิทธิในการครอบครอง ไลฟ์เจน เทคโนโลยี อย่างเป็นทางการ



บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส อิงค์ อเมริกา แถลงการณ์ในการได้รับสิทธิครอบครองสถาบันพันธุวิศวกรรมไลฟ์เจน เทคโนโลยีอย่างเป็นทางการ ซึ่งไลฟ์เจนเป็นบริษัทที่ดำเนินงานและมีชื่อเสียงเกี่ยวกับการวิจัยและค้นคว้าด้านรหัสพันธุกรรม หรือยีน ตั้งอยู่ที่เมืองเมดิสัน มลรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอมเริกา โดย นู สกิน ได้ใช้เงินลงทุน 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 351 ล้านบาท เพื่อให้ได้รับสิทธินี้ และการลงทุนในครั้งนี้ส่งผลให้ทรัพย์สินทั้งหมดของไลฟ์เจน ไม่ว่าจะเป็นคลังเนื้อเยื่อ ฐานข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงออกของยีน สิทธิบัตร และทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆที่เกี่ยวกับการค้นคว้าวิจัยยีนส์เพื่อการต่อต้านความชรา จะถูกโอนเป็นกรรมสิทธิของ นู สกิน โดยทันที

นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้ลงนามในสัญญาร่วมกันกับ ดร. ริชาร์ด เวนดรอช และดร. โทมัส พรอลล่า ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งไลฟ์เจน ในการค้นคว้าวิจัย และพัฒนาผลงานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ รวมไปถึงการให้คำปรึกษา และข้อตกลงในการไม่ทำงานให้บริษัทที่เป็นคู่แข่งของ นู สกิน โดยทั้งดร.ริชาร์ด และดร.โทมัส จะเป็นหัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ดูแลการค้นคว้าวิจัยที่ฐานการวิจัยเมืองเมดิสัน รวมทั้งจะดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านศาสตร์แห่งการต่อต้านความชราของ นู สกิน อีกด้วย

ดร.โจเซฟ แชง หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ นู สกิน กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับสิทธิในการครองครองสถาบันไลฟ์เจนอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเราเชื่อว่าการได้รับสิทธิในครั้งนี้ เป็นการช่วยเสริมจุดยืนของ นู สกิน ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการต่อต้านความชราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดย นู สกิน ได้รับสิทธิพิเศษในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของไลฟ์เจน ในผลงานวิจัย และการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญที่เกี่ยวกับกลุ่มยีนที่เป็นต้นตอของความชรา ซึ่งใช้เวลาในการศึกษามากกว่า 30 ปี รวมทั้งขั้นตอน และระเบียบวิธีการในการชี้เฉพาะกลุ่มยีนที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมชรา โดยตลาดต่อต้านความชราทั่วโลกถูกจับตามองว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”

“การที่เราได้กรรมสิทธิในการครอบครองทรัพย์สินทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันไลฟ์เจน ผนวกกับความเชี่ยวชาญของทีมนักวิทยาศาสตร์ของ นู สกิน ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อต้านความชราระดับสุดยอดนวัตกรรม เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถคงความอ่อนเยาว์ตราบนานเท่านาน” ดร.โจเซฟ แชง กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ นู สกิน เริ่มร่วมมือทางวิทยาศาสตร์กับสถาบันไลฟ์เจนตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งการวิจัยเกี่ยวกับยีนของไลฟ์เจนได้นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อต้านความชราระดับสุดยอดนวัตกรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดอย่างเอจล็อคอาร์สแควร์

“เรามีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว นู สกิน ซึ่งเราได้มีการค้นคว้าและทำความเข้าใจร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ถึงความสัมพันธ์ระหว่างการแสดงออกของกลุ่มยีน และสารอาหารจากธรรมชาติ ในการช่วยต่อต้านความเสื่อมชรา”และดร.ริชาร์ด เวนดรอช กล่าว

ดร. โทมัส พรอลล่า กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการทำงานร่วมกันระหว่างไลฟ์เจนและ นู สกิน จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยชะลอความเสื่อมชราได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีก”

ดร.โจเซฟ แชง กล่าวปิดท้ายว่า “เราได้นำข้อมูลการวิจัยของสถาบันไลฟ์เจน มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอจล็อคเทคโนโลยี ที่จะเปิดตัวในปี 2013 โดยเราได้ค้นพบปรากฏการณ์ใหม่ของยีนที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนัก และการมีอายุที่ยืนยาว ซึ่งสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาความเสื่อมชราได้โดยเฉพาะ และจากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น เรามีความมั่นใจว่าการผนึกกำลังระหว่างสถาบันไลฟ์เจน และ นู สกิน ในครั้งนี้ จะทำให้เราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่สุดแห่งนวัตกรรมในกลุ่มต่อต้านความเสื่อมชราได้ในอีกไปกี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: NU SKIN ENTERPRISES (THAILAND) LTD.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น