ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

กูรู ชี้ขายตรงส่อแววเดือด!ผู้ค้างัดอาวุธใหม่ห้ำหั่น



ธุรกิจขายตรงในความเป็นจริง ธุรกิจนี้มีมูลค่าการตลาดไม่น่าจะน้อยกว่าแสนล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าการแข่งขันของธุรกิจย่อมสูงตาม เพราะ กว่า 500 บริษัทที่จดทะเบียนขึ้นเป็นแบรนด์ขายตรง ส่วนใหญ่ ล้วนแต่ต้องการโกยส่วนแบ่งตรงนี้ให้ได้ มากที่สุด ซึ่งที่สุดแล้วใครจะได้มากน้อยกว่ากันก็อยู่ ที่กึ๋นของผู้นำ และความสามารถในการหาอาวุธออกมาห้ำหั่นกัน

โดยทีมข่าว “สยามธุรกิจ” ก็พยายามที่จะเปิดความเห็นของผู้ค้าที่เรียกว่ากูรูของวงการขายตรง ว่าแต่ละบุคคลมีความเห็นเกี่ยวกับการ แข่งขันในปีนี้อย่างไร ซึ่งตัวละครที่นำเสนอความคิดในครั้งนี้ ล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้ และคร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจมาเป็นระยะเวลานาน

นายปรีชา ประกอบกิจ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เพิ่งวางมือไปเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ก็ยังได้แสดงความคิดเห็นถึงภาพรวมของธุรกิจเครือข่ายในอนาคต ว่า ธุรกิจเครือข่ายยังมีอนาคตอันยาวไกล เพราะ ถ้าบริษัทอันดับ 1 เติบโต ก็ทำให้อุตสาหกรรมโดยภาพรวมเติบโตเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเติบโตในธุรกิจเครือ ข่ายก็ต้องเติบโตบนพื้นฐานของการเคารพหลักการ 3 ประการ คือ ประการแรก นักขายอิสระต้องเคารพ ซึ่งกฎหมาย กฎจรรยาบรรณ ประการ ถัดมา ต้องมีการแข่งขันอย่างเสรี ภายใต้หลักคุณธรรม จริยธรรม และ ประการสุดท้าย ต้องเคารพกฎจรรยาบรรณของธุรกิจขายตรงโลก

“เพราะตนมั่นใจว่าระบบแชร์ ลูกโซ่ หรือการทำผิดกฎระเบียบจะไม่มีวันหมดไป เพียงแค่รอวันพลิกโฉมหน้าในรูปแบบที่แตกต่างเท่านั้น ดังนั้นเราในฐานะผู้ทำงานเครือข่าย จึงควรร่วมกันปกป้องความใฝ่ฝันของคนไทยอีกหลายล้านคน ที่อยากประสบความสำเร็จ หลุดพ้นจากสถานะแห่งความยากจน

ด้านดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า “ธุรกิจขายตรงในปัจจุบันเป็นธุรกิจที่มีชื่อเสียงแพร่กระจาย ซึ่งบรรดาบริษัทพยายามใช้สื่อต่างๆในการสร้างแบรนด์ซึ่งในส่วนนี้ จะทำให้ประชาชนผู้บริโภคเดินเข้า วงการเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการใช้จ่ายเพิ่ม การหารายได้เสริมเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดถึง การเติบโตของมูลค่าตลาดรวมขายตรงในปีหน้า มีโอกาสที่จะขยายตัวไม่น้อยกว่า 20%” ประธาน นีโอ ไลฟ์ฯ เผย

ทั้งนี้ เรื่องการแข่งขัน ดร.นพรุจ มองว่า ธุรกิจขายตรงจะเน้นเรื่องของการบริการเป็นสำคัญ ในการนำขึ้นมาเป็นอาวุธสร้างยอดขาย เพราะ เรื่องของสินค้า และแผน ก็เป็นสิ่งที่หลายบริษัทใช้เป็นอาวุธมานานอยู่แล้ว ซึ่งการบริการจึงเป็นอาวุธที่จะสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบของธุรกิจขายตรงในอนาคต

อย่างไรก็ดี ปัญหาที่อาจทำให้ธุรกิจ ขายตรงในปี 55 ดร.นพรุจ เผยว่า “น่าจะเป็นในเรื่องของการขึ้นค่าแรงของรัฐบาล ซึ่งหากค่าแรงขึ้น บรรดาพนักงาน อาจมีความพึงพอใจในรายได้ต่อเดือนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบกับธุรกิจขายตรง แต่หากมองในแง่ดี เมื่อผู้บริโภคมีรายได้เพิ่ม ก็จะมีกำลังในการซื้อเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน”

โดยในส่วนของพ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า ในส่วนของการแข่งขันในปีหน้า พ.ญ.นลินี หัวเรือใหญ่ของ กิฟฟารีน ได้ให้ความเห็นว่า “การแข่งขันในปีหน้า ธุรกิจ ขายตรง จะใช้เรื่องของตัวสินค้าเป็นอาวุธ ในการเก็บเกี่ยวยอดขาย โดยส่วนของแผน การตลาดจะไม่ใช่จุดผู้ค้าจะเอาขึ้นมาใช้ในการทำตลาด เนื่องจากความเหมาะสมที่ บรรดาผู้ค้า และนักธุรกิจได้เห็นและสัมผัส ในช่วงที่ผ่านมา น่าจะทำให้พวกเขารู้แล้ว ว่า ตัวเองมีความเหมาะสมกับแผนการตลาดแบบใด”

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันทางสินค้า หมอต้อยก็ได้ขยายความว่า “เรื่องราคาและความต้องการของสินค้า จากผู้บริโภค นับเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคจะใช้ เงินในส่วนที่ไม่จำเป็นมากนักน้อยลง การ ขายสินค้าต้องคำนึงถึง 2 ส่วนนี้ เป็นหลัก เพราะผู้บริโภคมองไปที่ปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต”

โดยปัญหาใหญ่ที่หมอต้อยมองว่า อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า และสร้างผลกระทบ ต่อธุรกิจ ก็น่าจะยังคงเป็นเรื่องของน้ำท่วม ซึ่งหลายภาคส่วน รวมถึงตัวประชาชนเอง ก็ต้องตระหนักถึง แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ยังมีความมั่นใจในตัวรัฐบาลว่า ไม่น่าจะปล่อยให้ ปัญหาเดิมเกิดขึ้นมาอีก โดยในส่วนของ มูลค่า ตลาดรวมของธุรกิจขายตรงนั้น พ.ญ.นลินี มองว่า น่าจะโตที่ 15% ในปีหน้า

ทางด้านท.ญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า การแข่งขันในปีนี้ บรรดาบริษัทหลายบริษัท คงไม่สามารถสร้างกระแสที่เป็นการวาดวิมานในอากาศได้อีก เพราะต่อไป เรื่องการสร้างกระแสเพื่อดึงคน จะเป็นเรื่องเก่า ที่ผู้บริโภครู้สึกเบื่อหน่าย เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีแต่กระแส ซึ่งผู้บริโภคจะเลือกบริษัทที่สามารถให้ความสำเร็จกับเขาได้จริงๆ มากกว่าโดยในปี 55 นักธุรกิจหน้าใหม่จะเพิ่ม มากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ตามมาคือ ความรู้ของ คนรุ่นใหม่ที่เดินเข้าสู่ธุรกิจ เพราะคนรุ่นใหม่ เหล่านี้ จะมีความรู้ มีการสืบค้นข้อมูล ซึ่ง ยากที่จะเดินเข้าสู่บริษัทตามกระแสอย่างที่เคยมีมา

ส่วนเรื่องของการทำงาน หมอลพา เผยว่า “ในปี 55 ต้องรีบทำงานในช่วงต้นปี โดยพยายามที่จะคิดแผน เพื่อสร้างยอดขายไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นในปลายปี เพราะมีแนวโน้มว่า ในปี 55 น้ำก็จะยังเป็นปัญหาใหญ่ของวงการธุรกิจทุกวงการเหมือนเดิม ซึ่งต้อง เร่งสร้างยอดขายในช่วงต้นให้มากที่สุด”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเติบโต ในปีหน้า ธุรกิจขายตรงก็จะยังคงสามารถ เติบโตได้ดีขึ้นมาก หากเทียบกับปี 54 เพราะไม่ว่าจะมีปัญหาใดเข้ามา การเตรียม ตัวย่อมมีเพิ่มมากขึ้น ผลกระทบที่อาจจะได้ รับก็คงไม่หนักหนาอย่างที่เป็นมา แต่ต้อง ประกอบกิจการบนความไม่ประมาทเป็นสำคัญ

ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จอยแอนด์คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยในเรื่องเดียวกัน กับ “สยามธุรกิจ” ว่า เรื่องของตลาด โดยเฉพาะการแข่งขันของบริษัท ในปี 55 แนวโน้มการแข่งขันน่าจะหนักไป ที่เรื่องของความเป็นรูปธรรม เนื่องจากเมื่อมีผู้คนที่สนใจในธุรกิจเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือความคาดหวัง ซึ่งบรรดาแบรนด์ ขายตรง ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกด้วยการโฆษณาที่ไม่โอเวอร์เกินจริง ความสำเร็จต้องเป็นรูปธรรมเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่ได้

ทั้งนี้ ในส่วนของปัญหา ก็จะมีในเรื่องของกำลังซื้อในช่วงต้นของบรรดาผู้บริโภค เพราะในปี 55 ช่วงต้นปีถือเป็นช่วง ที่กำลังซื้อยังไม่เข้าที่ ส่วนนี้เป็นเรื่องที่ต้อง มาฉุกคิดว่าจะทำอย่างไรในการแก้ไขเรื่องนี้ แต่จำนวนคนที่จะเดินเข้าหาธุรกิจนั้น มี มากขึ้นอย่างแน่นอน

ด้านเภสัชกรประเสริฐ หวานยิ่ง ประธาน บริษัท วิน วิน เวิลด์ไวด์ จำกัด เปิดเผยว่า “ตนมองว่าจริงๆ ธุรกิจเครือข่ายโดยรวมดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในสมาคมขายตรง เนื่องจากเขาได้ดำเนินการด้วยหลักคุณธรรม ซึ่งตนคิดว่า บริษัทไหนที่ใช้หลักคุณธรรม จริยธรรมใน การทำธุรกิจ บริษัทเหล่านั้นก็จะไม่มีวันลำบาก ยอดขายจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนบริษัทไหนที่ทำธุรกิจในรูปแบบมันนี่เกม ตนมั่นใจว่าอยู่ได้ไม่นาน เพราะพฤติกรรมเช่นนั้นเหมือนกับทุบหัวให้เขาเข้าบ้าน เสร็จแล้วก็จบเกมกันไป ดังนั้นเมื่อมองโดยภาพรวมแล้วตนมั่นใจว่างานขาย ตรงจะต้องเติบโตขึ้นอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือใหญ่”

“ธุรกิจเครือข่ายในขณะนี้น่าจะเป็น ที่พึ่งของคนจน คนรากหญ้าได้ดีที่สุด เพราะการลงทุนน้อยลงในการเข้ามาทำธุรกิจ และตนคิดว่าตอนนี้ธุรกิจเครือข่าย น่าจะเป็นธุรกิจเดียวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคนที่จะเข้ามาในบริษัทเครือข่าย จึงควรเลือกดูบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะจะได้ไม่เสียเวลาในการดำเนินธุรกิจ และคนที่เข้ามาก็ควรทำงานแบบค่อยเป็น ค่อยไป คือ ศึกษาอย่างถ่องแท้ก่อน อย่าทำแบบก้าวกระโดด “แค่นี้ก็คงจะประสบความสำเร็จได้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม” ประเสริฐ กล่าว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1265 ประจำวันที่ 11-1-2012 ถึง 13-1-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น