ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

บก.ปคบ. นำทีมบุกลาดพร้าว ชี้ผิด ‘เยส ไอ แคน’ ไม่จดบริษัทสคบ.



กก. 1 บก.ปคบ. นำทีมทำงานภาคปฏิบัติ บุกตรวจค้น “บริษัท เยส ไอ แคน คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด” บริเวณห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว หลังเฝ้าติดตามข้อมูลร่วม 4 เดือน ชี้ความผิดไม่จดทะเบียนเป็นบริษัทขายตรงกับ สคบ. แต่ประกอบการรูปแบบขายตรง ยึดสินค้า/เอกสาร ตรวจหลายรายการ

เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555 พ.ต.ท.สุรพันธ์ มั่นคงดี รองผู้กำกับ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้นำกำลังตำรวจบุกตรวจค้น “บริษัท เยส ไอ แคน คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด” ตั้งอยู่เลขที่ 2539 อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 3 ตามหมายค้น

โดยมี พ.ต.ท. พีรวัส อุดมทรัพย์ สารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมในการตรวจ ซึ่งได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า “ในการบุกเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นการตรวจค้นบริษัท เนื่องจากมีผู้เข้าร้องเรียนในช่วงก่อนหน้า ว่าบริษัทดังกล่าวไม่มีการจดทะเบียน เป็นบริษัทขายตรงกับทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.”

“ซึ่ง บริษัท เยส ไอ แคนฯ นี้ มีการจดทะเบียนบริษัทกับกรมพัฒนาการธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทขายตรงกับ สคบ. ตามพ.ร.บ. ขายตรงและตลาดแบบตรง ทั้งที่ในการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาการธุรกิจฯ มีการระบุว่า วัตถุประสงค์ในการเปิดบริษัทต้องการที่จะประกอบการธุรกิจในรูปแบบขายตรง” พ.ต.ท.พีรวัส เผย

โดยในข้อมูลการจดทะเบียนของบริษัท ที่ได้จดแจ้งกับกรมพัฒนาการธุรกิจระบุทุนการจดทะเบียนไว้ที่ 1 ล้านบาท มีคณะกรรมการ 2 ท่านคือ น.ส.อรณิชชา หมื่นภักดี และนายวรเชษฐ์ หะยีอาลี ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2554

“หลังจากที่มีการจดทะเบียนบริษัทในเดือนสิงหาคม ทางเยส ไอ แคน ก็เริ่มตั้งบริษัทที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว เปิดดำเนินการมาตั้งแต่เดือนส.ค.2554 ซึ่งหลังจากนั้น ก็มีผู้ร้องเรียนมายัง บก.ปคบ. โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้เริ่มทำการตรวจสอบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน ซึ่งมีการติดต่อไปยัง สคบ. และพบว่า บริษัทดังกล่าวยังไม่มีการ จดแจ้งเป็นบริษัทขายตรงกับทางสคบ.แต่อย่างใด” พ.ต.ท. พีรวัส กล่าว

โดย พ.ต.ท.พีรวัส ยังกล่าวต่อว่า “ในการเข้าตรวจค้นตามหมายศาลในครั้งนี้ พบ น.ส.อรณิชชา หมื่นภักดี ที่มีชื่อเป็นกรรมการของบริษัทในการยื่นจดทะเบียนเปิดบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจฯ แต่เจ้าตัวอ้างว่าไม่ทราบเรื่องว่า บริษัทได้จดทะเบียนเป็น ขายตรงหรือไม่อย่างไร เนื่องจากตนเป็นเพียงพนักงานของบริษัท จึงไม่ทราบเรื่องต่างๆ ที่ตำรวจได้ยื่นมาให้ทราบข้อกล่าวหา อีกทั้ง นายวรเชษฐ์ หะยีอาลี ซึ่งเป็นกรรมการอีกคนก็ไม่อยู่ เนื่องจากเดินทางไปต่างจังหวัด”

อย่างไรก็ดี ในการตรวจค้นในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ยึดสินค้าของบริษัท ที่พนักงานอ้างว่าเป็นสินค้าทดลอง ที่ยังไม่มีการจำหน่ายแต่อย่างใดกลับมาเพื่อตรวจสอบว่า มีการจำหน่ายไปแล้วหรือไม่อย่างไร และสินค้าต่างๆ ที่บริษัทเก็บไว้เหล่านี้ ผ่าน การอนุญาตจากทางอย.แล้วหรือไม่ ซึ่งมีอยู่ ด้วยกันทั้งหมด 5 รายการสินค้า ซึ่งจะเป็น ในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และสินค้าเสริมอาหารพืช ที่ใช้ในทางการเกษตร

นอกจากนี้ ในการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ ยังพบใบสมัครสมาชิก ใบแสดงข้อมูล ผลิตภัณฑ์ ใบรายการราคาสินค้า ซึ่งแสดง ราคาสินค้าในการขาย และคะแนนที่จะได้รับหลังซื้อสินค้า โดยในใบดังกล่าว มีรายการ สินค้าอยู่ทั้งหมด 16 รายการ และ 4 รายการ เป็นสินค้าชุดสมัคร รวมแล้วมีทั้งหมด 20 รายการสินค้า ซึ่งในส่วนของสินค้าชุดสมัคร นี้ มีการระบุราคาไว้ที่ 350 บาท เลือกหนึ่ง ชุดอย่างใดอย่างหนึ่งในการสมัคร นอกเหนือ จากเอกสารที่กล่าวมา ในการตรวจค้นของ เจ้าหน้าที่ ยังพบใบแสดงแผนการตลาดของ บริษัทอีกด้วย

ในการตรวจค้นดังกล่าว พ.ต.ท.พีรวัส ได้กล่าวต่อว่า “ในความผิดเบื้องต้นของ บริษัท เยส ไอ แคนฯ คือ การไม่จดทะเบียน บริษัทเป็นธุรกิจขายตรงกับทางสคบ. แต่มีการเปิดตั้งสำนักงาน ถึงแม้ว่าพนักงานของ บริษัทจะอ้างว่าบริษัทยังไม่มีการจำหน่ายสินค้า หรือรับสมัครสมาชิกก็ตาม แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากเมื่อดูจากระยะเวลาที่เปิดสำนักงานมา จนถึงบัดนี้รวม แล้ว 5 เดือน จึงต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จ จริงกันต่อไป”

ในการตรวจค้นครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเอกสารบางอย่างของบริษัทไว้ เพื่อทำการตรวจสอบ และได้เชิญ น.ส.อรณิชชา หมื่นภักดี ไปที่กองบก.ปคบ. เพื่อรับ ทราบข้อกล่าวหา และติดต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าให้การต่อไป

ทั้งนี้ พ.ต.ท.พีรวัส อุดมทรัพย์ ยังได้เผยถึงการทำงานว่า ในกรณีของ บริษัท เยส ไอ แคนฯ นี้ ทางเจ้าหน้าที่ ได้รับเรื่องร้องเรียนมา จึงได้ทำการยื่นเรื่องตรวจสอบไปที่ ทางสคบ. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 และ ได้ใช้เวลาในการสืบข้อมูลรวบรวมหลักฐานร่วม 4 เดือนจึงได้ทำการขออนุมัติหมาย ศาลในการบุกตรวจค้นดังที่กล่าวมา

“ซึ่งในช่วงต้น ยังไม่แน่ใจว่า ในการเอาผิดจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งคงเป็นเรื่อง ของคดี โดยอาจเป็นการปรับตามวันเวลาที่เปิดบริษัทซึ่งยังไม่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทขายตรงกับสคบ. โดยที่ทางบริษัท เยส ไอ แคนฯ อ้างว่าในเดือนมกราคมนี้จะได้รับ การอนุญาตจากทางสคบ. ซึ่งในตอนนี้ ก็จะ เป็นการสั่งหยุดกิจการชั่วคราวก่อน หลังจาก ที่คดีคืบหน้าไปกว่านี้ จึงจะสามารถยืนยันเอาผิดอีกครั้ง” สารวัตรกอง กก.1 เผย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น