ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สนามสื่อ ‘ทีวี ดาวเทียม’ ร้อน!ยักษ์ใหญ่ชิงเปิดช่องแย่งคนดู-แย่งลูกค้า


สนามสื่อ “ทีวี ดาวเทียม” เพิ่มองศาเดือด “แกรมมี่” กระโดดแจมเค้กตลาดแบบตรง เปิดช่อง “โอ ช็อปปิ้ง” ซื้อสินค้าผ่านคอลเซ็นเตอร์ “ทีวี ไดเร็ค” เจ้าแห่งตลาดแบบตรงเชื่อธุรกิจแข่งเดือดแน่ ด้านธุรกิจขายตรง อย่าง “กิฟฟารีน” เปิดพิมพ์เขียว “กิฟฟารีน แชนแนล” หวังใช้เป็นช่องแห่งการสร้างภาพลักษณ์

โลกของทีวีดาวเทียมในปัจจุบันดูจะ เฟื่องฟูไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง สื่อดังกล่าวนับเป็นสื่อหนึ่งที่ธุรกิจขายตรง และตลาดแบบตรงใช้เป็นไม้ตายในการสร้างแบรนด์ขายสินค้า โดยล่าสุด บริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ได้กระโดดเข้าสู่โลกของโฮมช็อปปิ้ง เปิดช่อง “โอ ช็อปปิ้ง” ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ธุรกิจทีวีดาวเทียม และตลาดแบบ ตรงมีมูลค่าการตลาด และการแข่งขันที่สูงขึ้น

โดยนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เห็นโอกาสทางธุรกิจโฮมช็อปปิ้ง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดี และจากคุณภาพของสินค้า และ การบริการการจัดส่งของโอ ช็อปปิ้ง รวมไปถึงการนำเสนอรายการในรูปแบบใหม่ ที่แสดงให้ผู้ชมได้เข้าถึงและเข้าใจรายละเอียดของสินค้าได้มากกว่า และผู้บริโภค ยังสามารถโต้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับสินค้าได้ทันที จะทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจ การสั่งซื้อสินค้าผ่านทางรายการทีวีโฮม ช็อปปิ้งมากขึ้น

สำหรับสินค้าของโอ ช็อปปิ้ง จะมีความหลากหลาย ตั้งแต่เครื่องสำอาง, เครื่องครัว, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, เครื่อง ใช้ไฟฟ้า, สินค้าไอที, สินค้าแฟชั่น, อสังหาริมทรัพย์ และยานพาหนะ โดยกลุ่มเป้าหมาย หลักในช่วงแรก จะเป็นกลุ่มคนที่มีเวลาดูทีวี ที่บ้าน และมีอำนาจตัดสินใจซื้อสินค้าได้ทันที เช่น แม่บ้าน หรือคนทำงานที่ไม่มีเวลาออกไป จับจ่ายซื้อสินค้า รวมไปถึงกลุ่มคนที่ไม่สะดวกไปเลือกซื้อสินค้าตามร้านค้าหรือ ตัวแทนจำหน่าย โดยในอนาคต โอ ช็อปปิ้ง จะขยายช่องทางการนำเสนอ ผ่านแค็ตตาล็อก, มือถือ และอินเตอร์เน็ต

ทั้งนี้ ช่อง “โอ ช็อปปิ้ง” ที่ทาง แกรมมี่ได้เปิดขึ้นมานี้ จะมีรูปแบบเป็นรายการโฮม ช็อปปิ้ง 24 ชั่วโมง โดยจะเริ่ม ออกอากาศวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ซึ่งจากการเดินเข้ามาของแกรมมี่ในครั้งนี้ นับเป็น ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจขายสินค้าผ่าน ช่องทางตลาดแบบตรงจะเพิ่มความดุเดือด มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันธุรกิจตลาดแบบตรงมีมูลค่าการตลาดรวมอยู่ที่กว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งจากการเข้ามาของบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่างแกรมมี่ น่าจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะ ทำให้ธุรกิจชนิดนี้ ทวีมูลค่าการตลาดรวมถึง การแข่งขันที่มากขึ้น

ด้านนายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้า และบริการผ่านช่องทางการตลาดแบบ ตรงมาอย่างยาวนาน เปิดเผยว่า ถึงแม้ภาพรวมของมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจตลาดแบบตรงจะมีมากกว่า 7 พันล้านบาท แต่ตลาดนี้ก็ยังมีแนวโน้มว่า จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ ตลาดแบบตรงจะมีความคึกคักเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา หลังจากที่มีนักลงทุนชาวต่างชาติ ทั้งจากเกาหลี, ไต้หวัน และญี่ปุ่น สนใจเข้ามา ดำเนินธุรกิจนี้ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น 

จากที่ผ่านมา ทีวี ไดเร็ค เรียกได้ว่า เป็นผู้นำตลาดเพียงรายเดียวที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 และทิ้งห่างที่ 2 อยู่มาก การที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น เรามองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ตลาดมีความคึกคัก และตลาดในประเทศไทยก็ยังถือว่าเล็กมากอยู่ ซึ่งโอกาสที่ตลาดจะขยายตัวนั้นมีอีกมาก ซึ่ง ทีวี ไดเร็ค ได้เตรียมความพร้อมสำหรับ การแข่งขันด้วย กลยุทธ์และแผนธุรกิจในปี 2555 โดยบริษัท ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 14% ในปี 2555 นี้

ด้านภาพรวมธุรกิจในปี 55 นี้ ทีวี ไดเร็ค จะใช้ช่องทางการดำเนินงานด้วยกัน 9 ช่องทาง โดยแต่ละช่องทางนับได้ว่า เป็น ช่องทางที่มีประสิทธิภาพอย่างน่าพอใจ ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทจะเน้นการสร้างสินค้า เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้ากว่าล้านคน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ตามแผน TV Direct Republic ซึ่งจะเป็นความสัมพันธ์เชิงลึกกับกลุ่มลูกค้าของ บริษัท พร้อมเป็นการยกเครื่องระบบงานภายในใหม่ตั้งแต่ระบบขายและจัดส่งไปจนถึง ระบบพัฒนาบุคลากรทั้งทางด้านประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขันต่อไป 

ไม่เพียงแต่กลุ่มธุกริจที่กล่าวมานี้ แต่บริษัทใหญ่อย่าง “กิฟฟารีน” ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ขายตรงที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของช่องทางการสร้างแบรนด์ผ่านทีวีดาวเทียม โดยบริษัทมีการวางแผนที่จะ เปิดช่อง “กิฟฟารีน แชนแนล” ในอนาคต โดย “พงศ์พสุ อุณาพรหม” ผู้อำนวยการ ใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ตอนนี้บริษัทได้มีแผนที่จะเปิดช่องทีวีดาวเทียมของบริษัทเอง แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียด อะไรได้มากนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้

“การเปิดช่องทีวี เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก และต้องมีการลงทุนที่สูง ทำให้บริษัท ต้องใช้เวลาในการหาข้อสรุปต่อไป ส่วนจะ มีรูปแบบรายการ หรือเนื้อหาอย่างไรนั้น คงต้องมีการประชุมกันต่อไป”

ทั้งนี้ การเข้ามาในสนามสื่อ ทีวีดาวเทียม ดังที่กล่าวมาของบริษัทยักษ์ใหญ่ ยิ่งจะเป็นปัจจัยที่จะทำให้กลุ่มธุรกิจนี้ มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในสายตา ผู้บริโภค รวมทั้งยังส่งอานิสงส์ทำให้ ทีวี ดาวเทียม กลายเป็นสื่อที่ผู้บริโภคยอมรับ ซึ่งทั้งหมดจะกลายเป็นแรงเหวี่ยงทำให้ ทีวี ดาวเทียม กลายเป็นสื่อที่ดีที่สุดสื่อหนึ่ง อีกทั้งยังจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากที่สุดในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น