ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"จอย แอนด์ คอยน์ (J&C)" ขายตรง โมเดิร์นเทรด "ดร.สมชาย หัชลีฬหา" ต้นแบบ..เกิดขึ้นแล้ว


เปรียบได้ว่า..“ระยะทางพิสูจน์ม้า..กาลเวลาพิสูจน์ ดร.สมชาย หัชลีฬหา” กับรอบทศวรรษ 10 ปีที่ผ่านมาของ “ขายตรงไทย” แบรนด์ดัง “J&C - จอย แอนด์ คอยน์” บนเส้นทางความสำเร็จที่เกิดขึ้นด้วย “ความต่าง” ที่ไม่เหมือนใคร!!

จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด” ที่จัดขึ้นพร้อมกับงานประกาศ เกียรติคุณ MDP ครั้งที่ 13 ในวันเสาร์ที่ 5 และวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2555 ณ EVENT HALL 102-104 ศูนย์ประชุม ไบเทคบางนาสิ้นสุดลง ก็นับเป็นอีกก้าวย่างประวัติศาสตร์หนึ่งของ “จอย แอนด์ คอยน์” ที่ประกาศให้สังคมรับรู้ถึงความพร้อม ในการเป็น “ต้นแบบธุรกิจเครือข่ายสะดวกซื้อ”

โดยเฉพาะการโชว์ “โมเดล” ธุรกิจรูปแบบใหม่หนึ่งเดียวในธุรกิจขายตรง ที่สามารถจัดงานแสดงสินค้าจากเหล่าพันธมิตรทางธุรกิจเครือข่ายกว่า 48 รายได้สำเร็จ ภายใต้ความอลังการยิ่งใหญ่ของ “J&C SHOP” ที่ยกมาเนรมิตพื้นที่ HALL 104 ของศูนย์ประชุมไบเทคบางนาให้ กลายเป็น “ห้างขายตรงสะดวกซื้อ” หรือ “โมเดิร์นเทรด” (MODERN TRADE) ต้นแบบ ให้ผู้เข้าชมและประชาชนทั่วไปกว่า...............คนได้สัมผัสกันเต็มๆ

"สมชาย" ตอกย้ำ "J&C ต้นแบบ.... ขายตรงโมเดิร์นเทรด" 

 
สำหรับเบื้องหลังที่มาของการ จัดงานยิ่งใหญ่อลังการครั้งนี้ของ “จอย แอนด์ คอยน์ (J&C)” ประธานกรรมการบริหารบริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น (Join & Coin Corporation) “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ประกาศชัดเจนว่า เพื่อให้สังคมรับรู้อย่างลึกซึ้งถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจเครือข่ายขายตรงแบรนด์ “J&C” ที่แตกต่างไม่เหมือนใครมุ่งขยายอาณาจักรผ่านระบบ “ร้านจอยมาร์ท” (Join Mart) ขายตรงสะดวกซื้อ รายแรกของเมืองไทยที่รวม ขายตรง ขายส่ง ขายปลีกเข้าด้วยกัน ด้วยสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ

 และที่สำคัญโอกาสนี้เป็นการฉลองครั้งยิ่งใหญ่ของ “จอย แอนด์ คอยน์” บริษัทขายตรงพันธุ์ไทยแท้ที่ดำเนินธุรกิจ มาตั้งแต่ปี 2545 จนประสบความสำเร็จมาอย่างสวยงามได้รับการยอมรับจากสังคมหลากหลายด้าน เป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งของการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงให้กับประชาชนผ่าน “ระบบเครือข่าย” ที่บริษัทได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปีเต็ม

“ดร.สมชาย” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของหนึ่งเดียวของ “จอย แอนด์ คอยน์” ยืนยันว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดโอกาสให้ทุกคน ได้รับโอกาสทางธุรกิจที่มั่นคง และยั่งยืน ที่สร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม “เครื่องมือ” และ “ระบบ” อันทันสมัยด้วยแนวคิดที่ว่า “ให้ทุกรายจ่ายเปลี่ยนมาเป็นรายรับของสมาชิก” เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน

 “ธุรกิจเครือข่ายของเรามีความเป็นระเบียบยุติธรรมซึ่งรองรับด้วยแผนการตลาดที่นำพาไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจMLM ที่จะให้สมาชิกสามารถดำเนินธุรกิจได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งเป็นระบบการจ่ายค่าตอบแทน และให้ผลประโยชน์แก่สมาชิก ที่เป็นเสมือนหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด มากกว่านั้นเรามีเครื่องมือร้านสะดวกซื้อจอยมาร์ทรองรับการทำธุรกิจให้ง่ายขึ้นอีกด้วย”

คำกล่าวบอกย้ำถึงเจตนารมณ์ การดำเนินธุรกิจเครือข่ายขายตรงที่ “แตกต่าง” ของ “จอย แอนด์ คอยน์” จากปาก “ดร.สมชาย” เช่นนี้!!

มักจะถูกถ่ายทอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อ “ตอกย้ำ” ให้ใครต่อใครรับรู้รับทราบว่าการ ที่บริษัทเลือกแผนการตลาดแบบ “ไบนารี่” และสามารถสร้าง “เครื่องมือ” ให้นักธุรกิจอิสระทำงานด้วย “ระบบ” ของบริษัทที่เป็น “เอกลักษณ์เฉพาะ” นั้น ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ต่อเนื่องมานานถึง 10 ปี และกำลังจะขยายอย่างไม่หยุดยั้งบนความ “มั่นคง” ขององค์กรที่มีอนาคตภายใต้การบริหารของเขา ด้วยชื่อชั้นของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ในวันนี้อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็น “นักธุรกิจ” ที่เต็มไปด้วย “วิสัยทัศน์” และ “เข้าใจ” ธุรกิจขายตรงอย่างลึกซึ้งคนหนึ่งของวงการ มีแนวคิดก้าวหน้าพัฒนาและมองเห็นโอกาสของคำว่า “เครือข่าย” อย่างมหาศาล จนเป็นที่มาของ “เครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ” และ “เครือข่ายผู้บริโภค” ที่เปิดกว้างมากกว่าคำว่า “เครือข่ายขายตรง” ก่อนจะกลั่นออกมาเป็นรูปธรรมธุรกิจ “ขายตรงโมเดิร์นเทรด”

และวันนี้ในธุรกิจขายตรงประเทศไทย อาจจะกล่าวได้ว่า มีเพียง “จอย แอนด์ คอยน์” ที่มี “จอยมาร์ท” เป็นหน้าร้านโชว์รูมศูนย์รวมแสดงผลิตภัณฑ์และ “เครือข่ายผู้บริโภค” ซึ่งเป็นทั้งสมาชิกและประชาชนทั่วไปพร้อมด้วย “เครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ” ซัพพลายเออร์ผู้ผลิตต่างๆ แม้กระทั่งกลุ่มบริษัทขายตรงบางราย กำลังยกระดับการรวมพลังคล้องแขนเกาะเกี่ยวเดินลุยตลาดรูปแบบใหม่ “ห้างสรรพสินค้าขายตรง” และนี่คือ “ต้นแบบ” แห่งแรกของธุรกิจที่คนไทยและกลุ่มประชากรอาเซียนกำลังจะได้สัมผัส

3 ปี "จอย แอนด์ คอยน์ มหาชน" ขยาย "ห้างขายตรงฯ" 30 แห่ง 

“ดร.สมชาย” กล่าวว่า เมื่อก้าวย่างสำคัญในการสร้าง “เครื่องมือ” และ “ระบบ” ที่ช่วยให้การทำงานของ “สมาชิก จอย แอนด์ คอยน์” สำเร็จบรรลุผลไปแล้วในช่วงทศวรรษแรก และโอกาสก้าวย่างสู่ “ทศวรรษ 2” ของธุรกิจจึงจำเป็นจะต้อง “เพิ่มศักยภาพ” ยกระดับขึ้นเป็น “ห้างสรรพสินค้าขายตรงสะดวกซื้อ” ต่อไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศโดยเร็วดังนั้นหลังการฉลองใหญ่ครบรอบ 10 ปี ของ “จอย แอนด์ คอยน์” ประธานใหญ่แห่งองค์กรจึงเปิดมิติใหม่วงการธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทยอีกครั้ง เดินทัพสู่การปฏิบัติการเชิงรุก!! ลั่นฆ้องรบปรับนโยบายก้าวย่าง “ทศวรรษ 2” เตรียมตัวเข้าสู่สภาพ “บริษัทจำกัดมหาชน” ภายใต้เข็มทิศเวลาภายใน 3 ปีอย่างมี “เป้าหมาย” เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระดมทุนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท สร้าง “ห้างสรรพสินค้าขายตรงสะดวกซื้อ” ต้นแบบและพร้อมขยายให้ครบ 30 แห่งทั่วประเทศทันที

“การที่เราจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เพื่อเป้าหมายเดียวคือ การระดมทุนให้สามารถลงทุนห้างขายตรงได้ครบ 30 แห่ง ซึ่งแต่ละห้างฯ เตรียมงบไว้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งเราคงไม่เอาเงินสดของเราไปลงทุนเองมหาศาลอย่างนั้น ทางเดียวก็คือเข้าตลาดฯ แต่ทั้งนี้แผนอาจเปลี่ยนแปลง หากเราจัดหาแหล่งเงินใหม่ได้ เพราะการเข้าตลาดฯ ก็จะสูญเสียความเป็นเจ้าของไปด้วย”

“ดร.สมชาย” ย้ำชัดว่า ในทศวรรษที่ 2 ของ “จอย แอนด์ คอยน์” นี้ต้องสร้างประโยชน์จาก “เครื่องมือ” และ “ระบบ” ที่ลงทุนต่อเนื่องมาทุกปีๆ ละ 7-8 ล้านบาท รวมการลงทุนอื่นๆ แล้วเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า “ระบบไอที” ที่ใช้เชื่อมโยงสื่อสารบริการสมาชิกและเป็น “คลังเก็บข้อมูล” อันเป็นคุณค่าทางการตลาดสูงในอนาคตของบริษัทเป็น “ซุปเปอร์คอม” ไปแล้ว และกำลังจะพัฒนาเพิ่มให้เป็นระบบ “คราวน์-Crown” ระบบออนไลน์ที่มีความปลอดภัยสูงสุดในเวลานี้

ประธานกรรมการบริหารจอย แอนด์ คอยน์ ขยายภาพเพิ่มเติมว่า จากการเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์ของลูกค้าที่มาซื้อสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ “จอยมาร์ท” ที่มียอดสูงกว่า 10,000 ราย ต่อเดือน วันนี้รวมข้อมูลลูกค้าจึงมีมากกว่าล้านราย ด้วยระบบดังกล่าวทำให้เช็คความเคลื่อนไหวและทราบถึงจำนวนสมาชิกแอ๊คทีฟประมาณ 120,000 ราย และคาดว่า ปี 2555 นี้จะเพิ่มไม่ต่ำกว่า 150,000 ราย

ความเคลื่อนไหวของลูกค้าที่เป็นทั้ง “สมาชิก” ของบริษัทและ “ประชาชน” ทั่วไปมีทิศทางสอดคล้องกับนโยบาย “ดร.สมชาย” ที่จะขยายหน้าร้านให้เป็นห้างสรรพสินค้า ขายตรงขนาดใหญ่และกระจายไปยังต่าง จังหวัดใหญ่ๆ อย่างน้อย 30 แห่งทั่วประเทศ โดยจะลงทุนควบคู่ไปกับทิศทางการเติบโตขององค์กรที่เขามองไว้ว่า ในปี 2555 นี้จะ เติบโตอีกอย่างน้อย 25% หรือยอดขายเพิ่มจาก 2,000 ล้านบาทเป็น 2,500 ล้านบาท หรือ 3,000 ล้านบาท

 “หากเป็นไปตามแผน เป้าที่เรามองไว้ก็คือในอีก 3 ปีข้างหน้าเราน่าจะมียอดขายขยับไป 4 ถึง 5 พันล้านบาท แล้วกระโดด ไป 1 หมื่นล้านบาทในระยะต่อไป ซึ่งนั่นจะเป็นผลพวงจาก 10 ปีแรก เราสร้างเครื่องมือและ10 ปีต่อจากนี้เราจะเอาเครื่องมือนั้นมาใช้ประโยชน์สูงสุด”

ตั้งรับ "เสรีอาเซียน" เล็งยึดหัวหาด 5 ประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง

ไม่เพียงแค่นั้นในห้วงแห่งการก้าวสู่ทศวรรษ 2 นี้ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ยังประกาศชัดเจนถึง ทิศทางการก้าวเข้าสู่ตลาดต่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างเต็มตัวอีกด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ไปทำการเปิดเชื่อมระบบไปในบางพื้นที่ของลาวและกัมพูชา ซึ่งใน ปีที่ผ่านมา “จอย แอนด์ คอยน์” ก็สร้างความสำเร็จให้กับนักธุรกิจพนมเปญมาแล้วหลายคน 

ในปี 2555 นี้เป็นต้นไป “ดร.สมชาย” จึงมีแผนขยายตลาดเข้าสู่ประเทศกลุ่ม ลุ่มแม่น้ำโขงทั้งหมดเช่น ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนามอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้เขามองว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้รวมถึงประเทศไทยด้วย มีวัฒนธรรมความเป็นอยู่คล้ายๆ กัน และยังมีจำนวนประชากรเมื่อรวมกันแล้วก็ถือว่าเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ระดับหนึ่งของ อาเซียน และหากเทียบในความพร้อมถือว่า “นักธุรกิจ” หรือ “บริษัท” ขายตรงจากประเทศไทยมีความพร้อมที่สุดที่จะเป็นผู้นำหรือเจ้าตลาดในกลุ่มนี้

 “ฉะนั้นหากให้มองถึงเรื่องการรุกตลาดอาเซียนตามกระแสการเปิดเสรีที่จะมี ใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ ผมมองว่าเราตั้งรับในบ้านเราดีกว่า เพราะเรามีความพร้อมที่สุดในกลุ่ม 4 ประเทศแถบรอบบ้านเรานี้ และมองว่าไทยเราจะเป็นศูนย์กลางหลายๆ ธุรกิจ ทีเดียว ที่สำคัญการขยายธุรกิจขายตรงไปประเทศเพื่อนบ้านยังต้องศึกษากฎหมายท้องถิ่นต่างๆ ของเขาอย่างละเอียดทำให้ ยุ่งยากกว่าที่คิดไว้มาก”

 อย่างไรก็ตาม “ดร.สมชาย” มองว่าในส่วนของ “จอย แอนด์ คอยน์” แบรนด์ปัจจุบันได้ถูกพัฒนาและยกระดับความเป็นสากลมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง “บริษัท เจริญโอสถ จำกัด” ขึ้น พ.ศ.2543 จากโรงงานผลิตยาน้ำสมุนไพรแบรนด์ “โหย่งเหิง” และได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตขององค์การอาหารและยา หรือ อย. จนกระทั่งถึงปัจจุบันบริษัทฯ ก็ได้สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่ได้มาตรฐานสากล และ GMP ด้วยเงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหมายถึงความพร้อมรองรับการรุกตลาดของบริษัทเต็มที่

 ขณะที่ความเชื่อมั่นในแบรนด์ “จอย แอนด์ คอยน์” จากสังคมนั้นก็นับว่าอยู่ในระดับสูง ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2546 ในนามของบริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์ เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด (ชื่อเดิม) ก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ ฯพณฯ พลอากาศตรี กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ทรงมอบ “รางวัล เทพทอง ครั้งที่ 6 ประจำปีพุทธศักราช 2546” ประเภทองค์กรดีเด่น

ซึ่งนี่คือความภาคภูมิใจอันสูงสุด หาที่เปรียบมิได้ จากการที่บริษัทฯ ได้มุ่งมั่น และตั้งใจดำเนินธุรกิจอย่างยุติธรรม โปร่งใส และช่วยให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า “จอย แอนด์ คอยน์” เป็นธุรกิจที่ดี มีความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง

นอกจากนั้นรางวัลต่างๆ ทางสังคม ที่ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ ได้รับมาไม่ว่าจะเป็น “นวัตกรรมการตลาดแนวใหม่ขายตรงสะดวกซื้อ” เจ้าแรกแห่งประเทศไทย “ผู้สร้างอาชีพมั่นคง” และ “นักบริหารเครือข่ายยอดเยี่ยม” ล้วนเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่ “จอย แอนด์ คอยน์” เจ้าตำรับ “ขายตรงสะดวกซื้อ” ซึ่งกำลังยกระดับเป็น “ขายตรงโมเดิร์นเทรด” ดั่งสโลแกนที่ว่า “ขายตรงสะดวกซื้อ อาชีพที่เป็นไปได้ และทำง่ายที่สุด”

ความสำเร็จทั้งหมดนี้น่าจะ นับเป็นบทพิสูจน์หนึ่งของฝีมือและ วิสัยทัศน์ผู้นำการบริหารของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ที่นำพาธุรกิจฝ่ากาลเวลาทศวรรษแรกมาจนสำเร็จอย่างงดงามนั่นเอง!!

 1 ทศวรรษ "จอย แอนด์ คอยน์ J&C"

มองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน พ.ศ.2543 เป็นปีถือกำเนิดของ “บริษัท เจริญโอสถ จำกัด” ที่ได้ก่อตั้งขึ้นในฐานะ “บริษัทผู้ผลิตยาน้ำสมุนไพรโหย่งเหิง” โดยเริ่มต้นธุรกิจ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสู่ผู้บริโภค และหลังจากนั้น 2 ปี ในวันที่ 9 มีนาคม 2545 ก็ได้ก่อตั้ง “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ขึ้น เพื่อบุกเบิกเริ่มสู่ “ธุรกิจเครือข่ายขายตรง” ของประเทศไทยในฐานะผู้จัดจำหน่ายยาน้ำสมุนไพร โหย่งเหิง

ปี 2545 “เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล” ได้ขยายสาขาของบริษัทไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 30 แห่ง เพื่อรองรับและฝึกอบรมการทำงานให้กับ “สมาชิกบริษัท” กระทั่งปลายปี 2547 “เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล” ก็ได้รับเลือกเป็นองค์กรดีเด่น ที่สนับสนุนให้มีเครือข่ายธุรกิจ สร้างรายได้ และเครือข่ายการสร้างคนดี ได้รับ “พระราชทานรางวัล เทพทอง ประจำปี 2546 จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

 ปี 2548 “เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล”ได้ขยายธุรกิจ โดยก่อตั้ง “บริษัท จอยมาร์ท จำกัด” เพื่อรองรับการตลาดอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ร้านสะดวกซื้อ “JOIN MART-จอยมาร์ท” และในปี 2549 “เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล” ก็ได้เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เป็น “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด”

 ปี 2550 “เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค” ได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้อย่างเป็นระบบไม่ว่าจะเป็น E-Business ซึ่งร่วมกับ “ธนาคารไทยพาณิชย์” เพื่อขยายธุรกิจ เป็นวงกว้างมากขึ้น พร้อมกับได้มีการจับมือร่วมกับพันธมิตรมากมาย เช่น บริษัทไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือบริษัทในเครือสหพัฒน์กรุ๊ป อีกทั้ง บริษัท ยูสตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำสินค้า จำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ ของบริษัท

 ปี 2551 “เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค” จำกัด ก้าวสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคง พร้อมกับความสมบูรณ์ที่พร้อมให้บริการสำหรับ MLM Convenient Store ห้างขายตรงสะดวกซื้ออย่างเป็นทางการ ภายใต้แบรนด์ “จอยมาร์ท (Join Mart)” ที่เข้ามาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตได้อีกทางหนึ่งในลักษณะสนับสนุนซึ่งกันและกัน และนำระบบ M-Pay มาใช้กับระบบเครือข่ายร่วมกับ เอไอเอส และเพิ่มสาขา “จอยมาร์ท (Join Mart)” อีกเป็นจำนวนกว่า 38 แห่ง

 ปี 2552 เป็นปีแห่งการ “รีแบรนด์ดิ้ง” ครั้งยิ่งใหญ่ของ “บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด” ที่จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น “บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด” หรือ J&C สำหรับที่มาของชื่อบริษัทใหม่นั้น เป็นการผสมผสานระหว่างคำว่า จอย ซึ่งหมายถึง จอยมาร์ท และคำว่า คอยน์ ก็หมายถึง เจริญโอสถ นั่นเอง ในการรีแบรนด์ดิ้งครั้งนี้ ก็เพื่อให้บริษัทและสินค้ามีความเป็น “อินเตอร์แบรนด์” มากขึ้น รวมถึงการสรรสร้างแบรนด์ใหม่ J&C ให้เป็นเหมือนสะพานเชื่อมโยงระหว่างค้าปลีก ค้าส่ง ขายตรง และอี-คอมเมิร์ซ ที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างลงตัว และเพื่อเป็นการยกระดับแบรนด์ให้ก้าวไปสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น

 ปี 2553 ถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ จอย แอนด์ คอยน์ เมื่อได้รับการการันตีในฐานะ “ผู้สร้างอาชีพที่มั่นคง” โดยได้รับรางวัลจาก ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีและชมรมผู้สื่อข่าว รวมถึงการเป็นหัวเรือใหญ่ในการผนึกกำลังความร่วมมือกับบริษัท ขายตรงอื่นๆ ในการร่วมกันจัดตั้ง “สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย (TSDA)” ขึ้นมา เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจอย่างโปร่งใส และเพื่อปกป้องสิทธิ์บริษัทสมาชิกกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งทางด้านกฎหมายและอื่นๆ

 ปี 2554 ซึ่งถือเป็นปีแห่งการเตรียมความพร้อมก้าวสู่อนาคตในอีก 3 ปีข้างหน้ากับการขับเคลื่อนบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ เป็น “บริษัทมหาชน” ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะที่หลักเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการพิจารณานำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีทุนมากกว่า 300 ล้านบาท รวมทั้งต้องมีกำไรแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 200ล้านบาท และมียอดขายโดยรวมมากกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับความสำเร็จของจอย แอนด์ คอยน์ ที่กำลังจะขยับก้าวไปในทศวรรษ 2 นี้

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ธุรกิจเครือข่าย ฉบับที่ 225 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 เมษายน 2555        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น