ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

‘กิฟฟารีน (Giffarine)’ ทำตลาดเน้นอาเซียนรุกหนักปักธงเพื่อนบ้าน ลาว-อินโดฯ เพิ่ม


นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส แรกของปีนี้มีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้า โดยเติบโตขึ้นประมาณ 7-10% ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เกิดจากแผน การดำเนินงานต่างๆ ที่มีความชัดเจน โดย เฉพาะการเตรียมป้องกันโรงงานรับมือสถานการณ์น้ำท่วมปี 55 หลังจากบริษัทเคยได้รับผลกระทบจากวิกฤติมหาอุทกภัย ซึ่งกระทบฐานการผลิตที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครนานเกือบ 2 เดือน เมื่อปลายปี 2554

“การกู้โรงงานส่งผลให้สถานการณ์ของบริษัทดีขึ้น เนื่องจากขวัญและกำลังใจของสมาชิกเริ่มกลับมา กำลังการผลิตก็เดิน เครื่องได้เช่นเดิม จึงทำให้บริษัทผลิตสินค้า ออกมาเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายในช่วงไตรมาสแรก ของปีนี้มีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้า”

นอกจากสถานการณ์โรงงานที่เริ่มกลับมาผลิตได้อย่างเต็มกำลังแล้ว นายพงศ์พสุ ยังเปิดเผยต่อว่า ปัจจัยอีกด้านหนึ่งที่ทำให้เป้าหมายในไตรมาสแรกประสบความสำเร็จ คือ การที่บริษัทได้จัดงานฉลองครบรอบ 16 ปีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานดังกล่าวบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ 2 รายการด้วยกัน คือ กิฟฟารีน อะบาโลน โกลด์ 3X และGluta-Curcuma CE โดยกิฟฟารีน อะบาโลน โกลด์ 3X เป็น ผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดมาจากอะบาโลนเดิม แต่บริษัทได้เพิ่มความเข้มข้นของคอลลาเจนขึ้นถึง 3 เท่า และเพิ่มส่วนผสมใหม่ คือ มิกซ์เบอรรี่กับไซเบอร์จากผลไม้ ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวจึงถือเป็นอีกหนึ่งกำลังที่จะสร้างยอดขายให้กับบริษัท

ส่วนสินค้าใหม่อีกรายการหนึ่ง คือ Gluta-Curcuma CE เป็นกลูต้าไธโอนชนิด พิเศษ เรียกว่า ชนิดออกซิไดซ์ ซึ่งมีคุณสมบัติ คือ มีความคงตัวสูง สลายตัวช้า และไม่ทำให้เกิดก๊าซ ช่วยในการบำรุงผิว ดังนั้นตนคิดว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งสองรายการนี้ น่าจะเป็นสินค้าใหม่ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคของกิฟฟารีน นอกจากนี้ ใน ช่วงที่ผ่านมา บริษัทก็ยังมีกิจกรรมส่งเสริม การขาย เช่น การให้รางวัลสำหรับนักธุรกิจ ที่สร้างผลงาน หรือการจัดโปรชั่นส่งเสริม การขายต่างๆ จากปัจจัยดังกล่าว จึงเป็นส่วนสนับสนุนที่ทำให้ยอดธุรกิจในไตรมาส แรกดีขึ้น 

ในส่วนของแผนรุกตลาดในไตรมาส 2 นั้น นายพงศ์พสุ กล่าวว่า ไตรมาสต่อไป บริษัทจะเน้นการจัดมินิเอ็กซ์โป ตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพิ่มขึ้น จะมีการจัดกิจกรรม sale contest จัดอบรมสัมมนา เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของนักธุรกิจ และการเตรียมแผน โฆษณาประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม โดยเฉพาะ สื่อการโฆษณาทางทีวี เพราะตนมองว่าปัจจุบันกิฟฟารีนเข้าไปอยู่ในตลาดเดียวกับค้าปลีกมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ระหว่างสองตลาด ทั้งค้า ปลีกและขายตรง แต่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าบริษัทค้าปลีกต่างๆ มีความเชี่ยวชาญในสื่อการโฆษณาสูง จึงอาจเป็นโอกาสในการ ช่วงชิงลูกค้าได้มากกว่า ดังนั้นกิฟฟารีนคงจะเน้นสร้างการรับรู้สินค้า หรือแบรนด์ ของบริษัทโดยใช้กลยุทธ์ปากต่อปากอย่าง เดียวคงไม่ได้ ซึ่งในขณะนี้แผนการสร้างสื่อทีวีของบริษัทก็กำลังใกล้สมบูรณ์แล้ว รูปแบบการขยายธุรกิจในอนาคตจึงน่าจะมีทางเลือกที่กว้างกว่า ทั้งนี้ในส่วนของ ไตรมาส 2 ของปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 1,500 ล้านบาท

ด้านการเปิดตลาด AEC นายพงศ์พสุ เปิดเผยว่า “ขณะนี้บริษัทได้มีการเปิดตลาดในประเทศพม่า กัมพูชา และ มาเลเซีย แผนต่อไป คือการเปิดตลาดในประเทศลาว และอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้การ เตรียมความพร้อมสำหรับตลาดประเทศลาวอยู่ในขั้นตอนที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนอินโดนีเซียเป็นช่วงที่อยู่ระหว่าง การวางแผน โดยรูปแบบการเปิดตลาดใน มาเลเซีย พม่า กัมพูชา จะเปิดสาขา โดย มีผู้ร่วมลงทุน แต่ประเทศลาวบริษัทได้เข้า ไปลงทุนเองทั้งหมด”

“การเปิดตลาด AEC ตนมองว่า เป็นสัญญาณบวกมากกว่าสัญญาณลบ เพราะตลาด AEC จะเป็นฐานธุรกิจสำคัญ ที่ทำให้กิฟฟารีนเติบโตไปอีกขั้นหนึ่ง แต่การที่เราจะสร้างโอกาสในการเปิดตลาดอาเซียนได้ เราต้องพยายามศึกษาความเสี่ยงต่างๆ ของการเข้าไปขยายเครือข่าย ในแต่ละประเทศให้มากขึ้น อย่างไรก็ดีตนมั่นใจว่าด้วยศักยภาพที่บริษัทมี และคุณภาพของผลิตภัณฑ์น่าจะทำให้ตลาดต่างประเทศ มีอัตราการเติบโตที่ดี”

  ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ขายตรง   ฉบับที่ 1301 ประจำวันที่ 19-5-2012  ถึง 22-5-2012

1 ความคิดเห็น: