ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ดีไลฟ์ (Deelife) ดีเดย์ 3 มิ.ย. รวมพล Road to Success ขับเคลื่อน ‘ยุทธศาสตร์เชิงรุก’ ผ่านวิทยุชุมชน


“ดีไลฟ์” ไม่แคร์กระแส “แข่งเดือด” เดินหน้าจัดงาน “Road to Success” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตามระบบ D system 755 จุดไฟใส่เท้าให้กับสมาชิก คาดมีสมาชิกร่วมงาน 500 คน พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “Deelife Pearl Secret” ปรับสูตรแอดวานซ์ เพิ่มปริมาณ หวังยอดขายเพิ่ม 25% เผยกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เน้นสร้างเลือดใหม่ ยกเครื่องการอบรมผ่านโลกออนไลน์ ปรับรูปลักษณ์สร้างแบรนด์สินค้าคอยท่า AEC พร้อมขับเคลื่อนยุทธ์ศาสตร์ “นวดหน้าฟรี” ผ่านวิทยุชุมชน นำร่องภาคอีสาน กรุยทางสู่ยอดขาย 500 ล้านบาท 
นายเทวัญ ดีใจงาม ประธานบริหารและ ประธานกรรมการ บริษัท ดีไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกว่า ความพอใจการบริหารงาน 70% จากเป้าที่ตั้งไว้ การเปลี่ยนแผนการตลาดเมื่อต้นปีไม่มีผลด้านลบ เนื่องจากตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกปี 2555 ดีไลฟ์ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานหยุดกิจกรรมอบรมตามฟังก์ชั่น เพื่อให้ผู้นำมีเวลาทำงานมากขึ้น
“เราได้มีการทดลองสูตรใหม่ เปลี่ยนวิธีการทำงาน จากเดิมกรณีถ้ามีสมาชิกเข้าใหม่ เราจะจัดคอร์สอบรมเพื่อจุดไฟในการทำงาน แต่กลับกันวิธีใหม่คือ ให้ไปทำงานก่อนค่อยมาเรียน ผลที่ออกมาชัดเจนมาก คือคนเก่าก็ไม่อยู่ คนใหม่ก็ไม่เพิ่ม แถมคนทำงานก็หมดไฟ เพราะขาดพลังขับเคลื่อน ซึ่งมันเป็นการพิสูจน์ที่ค่อนข้างล่อแหลม แต่ผมต้องการพิสูจน์ให้บรรดาผู้นำเห็นว่าสิ่งที่เราทำอยู่ เราเดินมาถูกทางแล้ว ต่อไปทุกคนจะทำงานแบบไม่มีข้อสงสัยและเดินไปในทิศทางเดียวกัน” นายเทวัญ ดีใจงาม กล่าวย้ำกับ “ตลาดวิเคราะห์”  
พร้อมกับเปิดเผยว่า  การแข่งขันตลาดภาพรวม  ในตอนนี้ตนได้มองเป็นสองส่วน  ส่วนหนึ่งมาจากพวกหัวแถวไปหันไปเปิดบริษัทเอง ซึ่งจริงๆ สิ่งนี้ตนก็เคยทำมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งลัทธิการเอาอย่าง อยากทำอยากเติบโตขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ว่าการทำขายตรงทุกวันนี้ไม่ง่ายเหมือนสมัยก่อน ปัจจุบันวัฒนธรรมของคนทำงานตรง ต้องบอกว่า 3 วันเปลี่ยน ยิ่งเยอะการแข่งขันก็ยิ่งมาก แต่คนที่เปิดบริษัทขึ้นมา เพราะเห็นคนอื่นทำและอยากทำตาม มันไม่ง่ายขนาดนั้น ส่วนตัวมองว่าบริษัทเหล่านี้เหมือนจะเป็นคู่แข่งแต่ไม่ใช่คู่แข่ง แต่เป็นสีสันที่เกิดขึ้นมาเพื่อสร้างกระแส สุดท้ายมันก็เป็นการพิสูจน์ว่าธุรกิจขายตรงที่เป็นของจริง จะต้องมีองค์ความรู้และต้องคิดรอบด้าน 
“คนที่จะมาเปิดบริษัทขายตรงแล้วโตได้ ผมมองว่าต้องมีองค์ความรู้ครบด้าน เรื่องการตลาด เรื่องการจัดการ เรื่องเครือข่ายคุณต้องชัดเจนแม่นยำ ต้องมีความสามารถในการสร้างและบริหารองค์กร ยังไม่ลงลึกถึงการฝึกอบรมสร้างคนซึ่งเป็นเส้นเลือดของธุรกิจ ในเมืองไทยจะมีขายตรงสักกี่บริษัทที่เน้นการสร้างคนอย่างจริงจัง ผมไม่ได้กังวลใจอะไร เราเน้นการแข่งขันกับตัวเองเป็นหลัก เยอะมากที่เกิดมาหวือหวา แต่สักพักก็หายไป ผมเคยบอกเสมอว่า ถ้าคนนึงเป็นนายทุน ไม่รู้เรื่องขายตรง แต่เอาเงินมาลงเพื่อเปิดบริษัท แล้วจ้างแม่ทีมมาทำงานให้ ผมว่าตำราเล่มนี้มันยาก ถ้าไม่โต ก็มีปัญหาทะเลาะกัน ผมไม่กังวล เพราะเรามีเป้าหมายชัดเจนที่จะมุ่งไปทางไหน เราเน้นการพัฒนาสินค้าเป็นหลักและมุ่งเน้นสร้างคนด้วยหลักสูตรของตัวเอง ซึ่งผ่านการพิสูจน์มานานแล้วว่ามันได้ผล” นายเทวัญ กล่าว
Road to Success เป็นฟังก์ชั่นงานราย 3 เดือน ในวงจรระบบของดีไลฟ์ที่เรียกว่า D system 755 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สมาชิกจากทั่วประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างขวัญและกำลังใจการทำงาน ซึ่งจัดงานต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 ในงานมีการเชิญนักพูดที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมาสร้างแรงบันดาลใจ ให้แนวคิดที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน การจัดขึ้นแต่ละครั้งก็จะมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายสมาชิกที่มาร่วมงานคนละ 300 บาท
“โดยรวมเป็นบรรยากาศที่ดี โดยเฉลี่ยจะมีคนมาร่วมงาน 500 คนขึ้นไป หลังจากการอบรมเราไม่ได้มีการไปเก็บสถิติที่ชัดเจนถึงผลตอบรับที่ดีขึ้น แต่ว่ามันเห็นภาพชัดเจนว่า จากการพูดคุยกันหลังจากที่จบกิจกรรมไปแล้ว แต่ละที่เราจะมีการเก็บสถิติว่าแต่ละที่มีผลในเชิงบวกอย่างไรบ้าง คำตอบคือทุกคนมีกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นข้อสรุปว่าการจัดกิจกรรมต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่จัดกิจกรรมเลย” นายเทวัญ ดีใจงาม กล่าวถึงความสำคัญในการจัดงาน Road to Success 
พร้อมกันนี้ยังได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ‘Deelife Pearl Secret’ ซึ่งเป็นสินค้าที่ยอดขายอันดับหนึ่งอยู่แล้ว มาเพิ่มสูตรให้มีประสิทธิภาพและเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทย ทั้งได้มีการปรับเพิ่มปริมาณเป็น 8 ml แต่ยังคงราคาขายในหลักร้อย คาดว่าสูตรใหม่นี้จะสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 25-50% 
“ในด้านการเติบโตของสมาชิกอัตราการเพิ่มของสมาชิกค่อนข้างสม่ำเสมอ ประมาณ 1,000 คนต่อเดือน ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวการแข่งขันสูงมาก ไม่เหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นทำแบบไม่รู้เรื่องก็ประสบความสำเร็จได้ แต่ปัจจุบันนี้ต้องอาศัยฝีมือ วันนี้เราเองไม่ได้กลัว แต่ตระหนักว่าเราต้องกระตือรือร้น และตั้งใจทำธุรกิจยิ่งขึ้นไปอีก แต่โดยรวมเรามีการเติบโตค่อนข้างที่จะเป็น Step ไม่มีอะไรที่บ่งชี้ว่าเราจะเติบโตไม่ได้ เพราะดีไลฟ์มีระบบที่แข็งแรง คือ ระบบสร้างคน” 
สำหรับการปรับตัวรับการเปิด AEC ดีไลฟ์ได้ขยับตัวเองเตรียมพร้อมการเปิดเสรีในหลายส่วน ส่วนที่หนึ่งคือการขยายธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ และโซเชี่ยลเน็ทเวิร์ค ซึ่งได้มีพัฒนาโปรแกรมเพื่อรองรับเอาไว้แล้ว นอกจากนี้ยังได้มีการประชุมออนไลน์ถ่ายทอดสัญญาณสดที่สามารถดูได้ทั่วโลก โดยได้ทดสอบมาเป็นเวลา 1 เดือน เพียง Log in เข้าไปโดยผู้ที่จะเข้าไปดูได้ต้องเป็นสมาชิกของดีไลฟ์เท่านั้น ซึ่งการประชุมออนไลน์ จะทำให้สมาชิกรวมทั้งวิทยากรสามารถสื่อสารถึงกันได้สะดวก สามารถประชุมหรือถ่ายทอดนโยบายผ่านช่องทางนี้ ได้ทั่วทุกภาคของประเทศในเวลาเดียวกัน โดยทุกวันอังคารจะมีฟังก์ชั่นการเรียนรู้  ซึ่งจะมีวิทยากรมาบรรยายสลับสับเปลี่ยนกัน  โดยเป็นการเรียนรู้ระบบ เรียลไทม์ ถาม-ตอบได้   
ส่วนตัวสินค้าได้มีการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ เป็นภาษาไทยและอังกฤษควบคู่กัน รวมทั้งแคตตาล็อคสินค้า จะทำเป็น 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีนกลาง  ซึ่งในระยะยาวจะมีการเพิ่มให้ครบ 10 ภาษา โดยเฉพาะภาษาในกลุ่ม AEC  ทั้งหมด ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ  
ในด้านรูปลักษณ์ของสินค้า ขณะนี้ ดีไลฟ์ ได้มีการปรับรูปแบบให้สวยงามมากขึ้น  ดูเป็นสากลมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่จะมีการเปิดสู่ภูมิภาคนี้ในปี 2558  ซึ่งในเวลานี้ทาง ดีไลฟ์ ยังไม่มีแผนที่จะเปิดสาขาในต่างประเทศ เนื่องจากต้องการสร้างแบรนด์ในประเทศให้แข็งแกร่งก่อน  ซึ่งเมื่อถึงตอนนี้หากระบบพร้อมคนพร้อม การเปิดตลาดในอาเซียนไม่ใช่เรื่องยาก  
นายเทวัญ ดีใจงาม กล่าวเสริมอีกว่า ตลาดในอาเซียน มีหลายประเทศน่าสนใจ อาทิ พม่า เวียดนาม เป็นต้น แต่ก็ต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือสีสัน อะไรคือเป้าหมายหลัก ซึ่งจริงๆ แล้วตนสนใจที่จีนมากกว่า เนื่องจากมีขนาดใหญ่ แต่ก็จะต้องศึกษาในเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภค เรื่องของกฎหมายการค้าในแต่ละประเทศให้ดีก่อนเช่นกัน เพราะฉะนั้นการที่มีบางบริษัทโปรโมทในเรื่องการลงทุนในกลุ่มอาเซียน ตนมองว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจเท่านั้นเอง 
อย่างไรก็ดี  ในการเปิดเสรีทางการค้า นายเทวัญมองว่า ถ้าเปิดตลาดเสรีในวงการขายตรง ตนมองว่าไทยได้เปรียบในเรื่องโนว์ฮาวที่มากกว่าในภูมิภาคนี้ ประเทศที่ดูเป็นคู่แข่ง คือมาเลเซีย เนื่องจากประเทศเขาได้พัฒนาไปมาก  ซึ่งตลาดในประเทศไทยตนเชื่อว่า ยังมีศักยภาพสูง มีคนรุ่นใหม่สนใจธุรกิจเครือข่ายมากขึ้น ซึ่งยังเป็นโอกาสที่ธุรกิจเครือข่ายยังไปได้อีกไกล
สำหรับการเติบโตทางธุรกิจของดีไลฟ์ในช่วง 7 ปี ที่ผ่านมา แม้ว่ายอดขายจะยังไม่ถึงเป้า 1,000 ล้านบาท แต่นายเทวัญได้ให้เหตุผลว่า จริงแล้ว ดีไลฟ์น่าจะมีอายุเพียง 1 ปีเท่านั้น เนื่องจากตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ยังไม่ได้มีการปรับปรุงเรื่องแผนการตลาด  ทางบริษัทฯ เพิ่งมีการปรับปรุงขนานใหญ่ในปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นการปรับตัวด้วยระบบที่ทันสมัย  เพียบพร้อมด้วยบุคลากรที่มีศักยภาพ  ตนมั่นใจว่ากว่าจะถึงสิ้นปี ทางดีไลฟ์ น่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
“ตอนนี้เราเริ่มยุทธศาสตร์เล็กๆ ด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุชุมชน เริ่มที่โปรโมชั่นขัด นวดหน้าฟรี ซึ่งเพิ่งปล่อยออกอากาศเมื่อต้นเดือน พ.ค. โดยบริษัทเป็นผู้ให้คอนเซ็ปต์งานไป แล้วสาขาแต่ละกลุ่มงานลงไปทำ เราไม่เน้นการขายของ แต่เชิญชวนให้คนมานวดหน้าฟรี ผลตอบรับดีมาก นำร่องที่ภาคอีสาน และ Deelife Center กว่า 100 สาขา ลูกค้ามาใช้บริการขัดนวดหน้าเฉลี่ยวันละ 10-20 คนต่อ 1 Center เป็นกลยุทธ์การให้ นำการขาย และจะมี 2 ใน 10 จะมีผู้สนใจมาเป็นนักธุรกิจกับดีไลฟ์ ซึ่งยุทธศาสตร์จะยืดเวลาไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด  ส่วนในกรุงเทพฯ ติดปัญหาที่วิทยุชุมชนมีน้อยจึงไม่สามารถขยายตลาดไปได้เท่าที่ควร” นายเทวัญ ดีใจงาม ประธานกลุ่มบริษัท ดีไลฟ์ กล่าวทิ้งท้ายอีกครั้ง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 320 ประจำวันที่ 16 - 31 พฤษภาคม 2555         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น