ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"โอทู (OTWO)" รุกสร้างแบรนด์ผ่านฟรีทีวีเจียดรายรับ 10% จ่ายสื่อดันตัวเป็นเจ้าเกษตร


"โอทู" ขอเป็นเจ้าตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ จัดการเนรมิตพื้นที่เมืองทองธานี ฉลองความสำเร็จ จัดโต๊ะจีนสุดยิ่งใหญ่รองรับคนร่วมงานกว่า 50,000 คน ตั้งเป้า ขอแชร์ส่วนแบ่ง 10% จากตลาดเกษตรมวลรวม 3 แสนล้าน เดินเกมรุกตลาดปี 55 ทุ่มทุน 10% จากรายรับของปี ฉายสินค้าผ่านฟรีทีวีเป็นหลัก พร้อมส่งสินค้าใหม่ F-2 แตกไลน์เข้าเสริมอาหารแจมเค้ก


นายขวัญชัย ปิยะทัศน์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โอทู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผย ็สยามธุรกิจิ ว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการจัดงานครั้งใหญ่ เพื่อฉลองความสำเร็จให้กับสมาชิกและผู้บริโภคของ บริษัท และงานดังกล่าวยังถือเป็นการเปิด นิทรรศการครั้งใหญ่ ็คืนชีวิตให้กับแผ่นดินิ อันเป็นโครงการสนองวาระแห่งชาติ ด้านเกษตรอินทรีย์ เพื่อเป็นต้นแบบการเพาะปลูกเชิงเกษตรอย่างถูกต้อง และหวังสร้าง กำลังใจในการลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ที่มีอันตรายสูงต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม


"บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการจัดโครง การฯ 4 ประการ คือ 1.เพื่อเป็นต้นแบบใน การเพาะปลูกเชิงเกษตรอินทรีย์อย่างกว้าง ขวาง 2.เพื่อให้เกิดกำลังใจในการ ลด ละ เลิก สารเคมีที่มีอันตรายสูงต่อชีวิต 3.เพื่อสนอง วาระแห่งชาติ เรื่องเกษตรอินทรีย์ของภาครัฐอย่างจริงจัง 4.เพื่อให้เกษตรกรได้มีเวทีทางความคิดและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน"


โดยภายในงานฯ ได้จัดโต๊ะจีนที่ใหญ่ ที่สุดในโลกรองรับผู้เข้าร่วมงาน50,000คน ซึ่งนอกจากการแสดงแสง สี เสียง และคอน เสิร์ตจากศิลปินดังแล้ว บริษัทยังมีการแจก รางวัลเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับสมาชิกฯ อาทิ รถกระบะวีโก้15คัน รถยนต์วีออส 15คัน รวมถึงรางวัลทองคำรวมมูลค่า 5 ล้านบาท และรางวัลเงินสดอีกเป็นจำนวน มาก โดยใช้งบลงทุนในการจัดงานครั้งนี้ประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งผลประโยชน์ที่ได้จากงานดังกล่าว


ถือว่าคุ้มค่า และคาดว่าบริษัทจะมีการจัดงานใหญ่ขึ้นอีกครั้งภายในเดือนมิถุนายนหรือพฤศจิกายน แต่ทั้งนี้ต้องดูปัจจัยแวดล้อมภายนอกก่อน "ขวัญชัย" เปิดเผยต่อว่า ด้านแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ จะเน้นการโฆษณาผ่านสื่อทีวีมากขึ้น หลังจากที่บริษัทเริ่มลงทุนในสื่อดังกล่าวเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งตนมองว่าสื่อทีวีจะช่วยส่งเสริมการขายได้ดี เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้ารู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการช่วยผู้นำได้อีกทางหนึ่ง


อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทจะหันมาเน้นสื่อฟรีทีวีมากกว่าช่องทางเคเบิล เพราะที่ผ่านมาแม้สื่อเคเบิลอาจเป็นช่องทางการตลาดที่บริษัทขายตรงทำแล้วประสบความสำเร็จทุกค่าย แต่ ณ วันนี้ ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะช่องเคเบิลในปัจจุบันมีมากมายเป็นพันช่อง และทุกวันนี้ยังมีระบบ IPTV (Internet Protocol Television) หรือ การเชื่อมต่อระหว่างอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงกับโทรทัศน์ ที่ทำให้สามารถรับชมรายการต่างๆทั้งฟรีทีวี และรายการจากต่างประเทศ และผู้ใช้สามารถเล่นอินเตอร์เนตไปพร้อมๆกัน เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น 


"ซึ่งสิ่งดังกล่าวจะทำให้ ระบบเคเบิลทีวีมีการปรับเปลี่ยนและตกกระแสไป เสมือนกระแสวิทยุ AM ที่พัฒนาต่อมาสู่ FM , ทีวีขาวดำพัฒนามาสู่ ทีวีสี, สื่อเคเบิลก็เช่นกันที่เริ่มพัฒนาไปสู่ IPTV และเหนืออื่นใดตนคิดว่าการสื่อสารผ่านช่องทางเคเบิลทีวีประมาณ ร้อยละ 90 ไร้ประสิทธิภาพ เพราะสื่อเหล่านี้ไม่มีสิ่งที่ควบคุม ความน่าเชื่อถือไม่มี ทุกคนมาเพื่อต้องการกำไร โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้บริโภคจะได้รับผลลัพธ์เช่นไร แต่ฟรีทีวีต้องผ่านการคัดกรองหลายขั้นตอน สินค้าต้องผ่านการรับรองจาก อย.ผ่านการคัดกรองจากกองโฆษณา เทปที่ออกต้องไม่เป็นการขายของ ฉะนั้นการเข้าไปอยู่ในฟรีทีวีจึงทำให้รู้สึกว่าสินค้าของบริษัทมีคุณค่า ทำให้ตนเองและผู้บริหารรู้สึกสบายใจ และได้กลุ่มลูกค้าที่กว้างกว่า โดยในแต่ละปี บริษัทจะใช้งบลงทุนทางด้านการตลาดประมาณ 10% ของยอดขาย เป็นงบลงทุนด้านสื่อ การจัดประชุม และโปรโมชั่นรวมกัน"


ในส่วนของการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์หลังจากบริษัทโอทูเปิดบริษัทมาแล้ว 8 ปี โดยเริ่มหันมาทำสินค้าด้านการเกษตรอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ขณะนี้บริษัทมีสินค้าทางการเกษตรหลักๆอยู่ประมาณ 4 รายการ ซึ่งแม้ในปีนี้ยังไม่มีแผนที่จะผลิตสินค้าในส่วนนี้เพิ่ม แต่บริษัทก็เริ่มหันมาผลิตสินค้าไลน์ใหม่ นั่นคือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วโอทูได้ผลิตสินค้ากลุ่มอาหารเสริมสำหรับผู้หญิง ชื่อว่า F-2 ซึ่งเป็นสินค้าที่ประกอบด้วยสารอาหารที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างฮอ์โมนเพศ ควบคุมฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อ และควบคุมระบบการทำงานทุกส่วนของร่างกายให้เกิดความสมดุล


"บริษัทเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ F-2 เป็นครั้งแรกที่เมืองทองธานี ในงานฉลองความสำเร็จครั้งใหญ่ ซึ่งในครั้งนั้นขายผลิตภัณฑ์ F-2 ได้ประมาณ 2 แสนกล่อง ถือว่าน้อย เพราะปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกทั่วประเทศกว่า 8 แสนคน โดยในปีนี้โอทูตั้งใจทำสินค้าชนิดนี้ให้ติดตลาด ด้วยการใช้แผนโปรโมทต่างๆ เช่น การโฆษณาผ่านฟรีทีวีช่อง 3 ช่อง 5 โดยใช้กลุ่มดารามาทำรายการ ไม่ว่าจะเป็นคุณอิม อาชิตะ, คุณจิ๊ก เนาวรัตน์ ทั้งนี้การที่จะทราบว่าสินค้าแต่ละชนิดจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คงต้องรอเวลาพิสูจน์อย่างน้อย 1 ปีก่อน" นายขวัญชัยกล่าว


อย่างไรก็ดี กรรมการบริหารบริษัทโอทูก็ยังยืนยันว่าสินค้าหลักของบริษัทก็ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตร เพราะเขามั่นใจว่า ในปัจจุบันโอทูถือเป็นเจ้าตลาดหนึ่งเดียวทางเกษตรอินทรีย์ เพราะดูจากฐานการใช้สื่อ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่วัดอัตราการเติบโตของบริษัทนั้นๆ แต่ทั้งนี้ตนเองพูดอยู่เสมอว่า วันนี้โอทูไม่ขอเป็นเบอร์หนึ่ง เราขอเป็นเบอร์สอง เพราะว่าการครองตลาดอันดับ 1 นั้นรักษายาก และบริษัทขอแค่แชร์ส่วนแบ่งประมาณ 10% จากตลาดการเกษตรมวลรวมที่มีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท หรือขอส่วนแบ่งเพียง 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น แค่นี้บริษัทก็คงอยู่ได้อย่างสบาย
 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ขายตรง   ฉบับที่ 1299 ประจำวันที่ 12-5-2012 ถึง 15-5-2012       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น