ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ผ่าเบื้องหลัง “ขายตรง เอเชีย” ยึดบัลลังก์ขายตรงโลก ผลงาน 3 บิ๊ก “ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลี” อนาคตโตอีกเยอะ



คอมลัมน์ขายตรงดลกเคยนำเสนอข้อมูลผลประกอบการอุตสาหกรรมขายตรงโลก ค.ศ. 2010 หรือปี 2553 ที่ทางสมาพันธ์สมาคมการขายตรงโลก (World Federation of Direct Selling Association : WFDSA) รวบรวมทั้งระบบมียอดขายรวม 132,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1 ดอลลาร์สหรัฐประมาณ 30 บาท) นักธุรกิจอิสระหรือนักขายทั้งหมด 87,681,032 คน

ครั้งนั้นโฟกัสไปที่ตลาดใหญ่อย่าง เอเชีย แปซิฟิก ซึ่งเป็นภฺมิภาคที่ครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) มากที่สุดถึง 42% ด้วยยอดขายรวม 55,663 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับอเมริกาเหนือ (รวมสหรัฐอเมริกา) ที่มีส่วนแบ่งตลาด 24% ด้วยยอดขายรวม 30,696 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงละตินอเมริกา (อเมริกาใต้) ที่มีส่วนแบ่งตลาด 18% ด้วยยอดขายรวม 23,774 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยุโรป/แอฟริกาที่มีส่วนแบ่งตลาดน้อยที่สุดเพียง 16% ด้วยยอดขายรวม 22,089 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ท็อป ทรี” เอเชียครองแชร์โลก 33% ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลี กุมชะตาเติบโต
ฉบับนี้จะวิเคราะห์เจาะลึกถึงศักยภาพของตลาดขายตรงเอเชียแปซิฟิก ภูมิภาคที่ถือเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดโลก ซึ่งตามรายงานของ Direct Selling News ฉบับล่าสุดประจำเดือนเฒายนที่ผ่านมาฉายภาพความยิ่งใหญ่ของเอเชียว่า ประเทศที่มียอดขายมากที่สุด 3 อันดับแรก “Top Three ” ในภูมิภาคนี้ประกอบด้วยญี่ปุ่น จีน และ เกาหลีใต้มียอดขายรวมกันถึง 44,062 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งประมาณ 1 ใน 3 ของตลาดโลกหรือ ราว 33% เศษ มีส่วนสำคัญที่ทำให้เอเชียแปซิฟิกกุมมาร์เก็ตแชร์มากที่สุด

ทั้งญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้ต่างติดกลุ่มประเทศที่มียอดขายมากที่สุด 5 อันดับแรกของโลก “ท็อป ไฟว์” โดยญี่ปุ่นอยู่ในอันดับ 2 ด้วยยอดขาย 22,659 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนจีนอยู่อันดับ 3 ด้วยยอดขาย 12,521 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเกาหลีใต้อยู่อันดับ 5 ด้วยยอดขาย 8,882 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เชื่อ “เอเชีย” ยึดยาวแชมป์ขายตรงโลก รายได้เพิ่ม / คนเยอะ / นักขายมากสุด
หลายคนคงมีคำถามว่าในอนาคตภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกจะยังรักษาตำแหน่งแชมเปี้ยนได้ต่อไปหรือไม่? ประเด็นนี้ “แกรนต์ แพ็ค” ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษํท จอย ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนลแสดงความเชื่อมั่นว่า เอเชีย แปซิฟิก จะรักษาบัลลังก์ไว้ได้โดยมั่นใจในศักยภาพของประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ จอยไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพิ่มเปิดดำเนินธุรกิจเมื่อปลายปี 2552 และประสบความสำเร็จมากมียอดขาย 156 ล้านดอลลาร์ สหรัฐในช่วงสิ้นปีงบประมาณแรก

“เอเชียจะยังคงเติบโตได้อย่างโดดเด่นต่อไปและผมเชื่อว่าบริษัทต่างๆ ที่ทำธุรกิจอยู่ในตอนนี้ยังคงเติบโตได้ดีเช่นกันโดยเฉพาะในประเทศที่พวกเขามีบทบาทที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ปัจจัยส่งเสริมการเติบโตจะมาจากกำลังซื้อในประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้น อีกทั้งด้วยวัฒนธรรมของคนเอเชียเปิดรับโอกาสที่ธุรกิจขายตรงหยิบยื่นให้มากกว่าอดีต” แพ็คตั้งข้อสังเกต

ส่วนขุมกำลังนักขายซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ จากข้อมูล WFDSA ระบุ ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกมีนักขายถึง 47,310,414 คน หรือคิดเป็น 53% ของนักขายทั้งหมดจากทั่วโลกที่มีอยู่ 87,681,032 คนยังไม่รวมนักขายจากจีนซึ่งไม่สามารถหาข้อมูลได้ แต่หากรวมนักขายจากจีนเชื่อว่าจำนวนนักขายในเอเชีย แปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นอีกมากและจำนวนนักขายจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากเอเชียคือภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดนโลกเฉพาะจีนกว่า 1,300 ล้านคน อินเดียอีกประมาณ 1,000 ล้านคน

 อย่างไรก็ดี “แพ็ค” ให้ความเห้นว่า สัดส่วนของประชากรรวมเทียบกับนักขายในภูมิภาคในปัจจุบันค่อนข้างสูงกล่าวคือมีคนเข้ามาทำขายตรงกันมากเทียบกับพลเมืองในประเทศสะท้อนธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่เข้ากันได้ดีกับสภาพตลาดและวัฒนธรรมในเอเชีย แปซิฟิก

ยกตัวอย่างไต้หวันซึ่งมีวัฒนธรรมและสภาพภูมิประเทศต่างๆ คล้ายจีนในปี 2553 ขายตรงไต้หวันมียอดขายเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนนักขายประมาณ 4.6 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 19% ของประชากรทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 23.162 ล้านคน หากจีนซึ่งปัจจุบันมีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคนถ้ามีนักขายครึ่งหนึ่งหรือแค่ 1 ใน 3 เหมือนที่ไต้หวันมี นักขายจีนจะมีจำนวนมากกว่าประเทศที่เหลือในโลกรวมกันด้วยซ้ำ

ปัจจัยบวกเพียบหนุนขายตรงเอเชีย โมเดลเหมาะ / เศรษฐกิจโต
ปัจจัยกระตุ้นการเติบโตธุรกิจขายตรงในเอเชีย แปซิฟิก “แพ็ค” ระบุมีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย
ประการแรก โมเดลหรือขายตรงรูปแบบต่างๆ ผ่านการเทสต์ตลาด ลองผิด ลองถูกมาจากสหรัฐฯซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดขายตรงโลกแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะนำไปขยายตผลต่อยอดธุรกิจในประเทศต่างๆ แต่ละบริษัทได้ปรับปรุงรูปแบบให้เหมาะสมและทันสมัยมากขึ้น พูดง่ายๆ คือตลาดต่างประเทศได้ประโยชน์จากบทเรียนที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯมาก

ประการที่สอง เมื่อบริษัทนำโมเดลที่ปรับปรุงใหม่ไปขยายธุรกิจในต่างประเทศทำให้นักขายในประเทศนั้นๆ สามารถสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ กอปรกับเศรษฐกิจของเอเชียที่เติบโตได้ดีดึงดูดคนจำนวนมากเข้าสู่การตลาดแบบเครือข่าย

“เมื่อโมเดลเวิร์ก มันคือ เครื่องยนต์ที่จะสร้างสรรค์ความมั่งมีและเนื่องจากขายตรงคือธุรกิจที่มีกำไร มีกฏหมายรับรองมากขึ้นนึงเป้นทางเลือกของอาชีพที่มีศักยภาพไม่ใช่อาชีพสำรองแต่มันคือตัวเลือกแรก”

บริษัท-DSA ร่วมสร้างมาตรฐานคุมวัฒนธรรมเอื้อคนเป็นเจ้าของธุรกิจ
ประการที่สาม เมื่อประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นทำให้กำลังในการซื้อจับจ่ายใช้สอยมีมากขึ้นสาสมารถเลือกซือสินค้าและบริการที่มีราคาสูงขึ้นได้
ประการที่สี่ ทั้งบริษัทขายตรงและสมาคมการขายตรง(DSA) เองทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์นโยบายที่เหมาะสม ควบคุมและกำหนดมาตรฐาน จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจรวมไปถึงส่งเสริมภาครัฐให้เข้าใจออกกฏหมาย กฏระเบียบต่างๆ ขณะที่รัฐบาลในหลายๆ ประเทศยอมรับขายตรงมากขึ้น
ประการที่ห้า ประชาชนในภูมิภาคนี้ต้องการทำงานหลายอย่างเพื่อให้มีแหล่งรายได้หลายทาง
ประการที่หก สปิริตในความเป้นักธุรกิจอิสระของประชาชนในภูมิภาคนี้รวมไปถึงมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจเทียบกับโลกตะวันตกอย่างในยุโรปหรือสหรัฐฯ ประชาชนจะเริ่มทำงานขายตรงเมื่อผ่านสถาบันการศึกษาและผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนก่อน ขณะที่เส้นทางของคนในเอเชียง่ายกว่านั้นพวกเขามักจะเริ่มทำธุรกิจก่อนแล้วจึงไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม

ประการที่เจ็ด วัฒนธรรมในเอเชียโดยเฉพาะความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเอื้อกับการซื้อสินค้าจากกลุ่มเพื่อนสนิทหรือสมาชิกในครอบครัวเทียบกับในสหรัฐฯทำได้ยากกว่า กรณีนี้เทียบได้กับแอมเวย์ที่ประสบความสำเร็จมากในมาเลเซีย เป็นเหตุผลที่ย้ำศักยภาพธุรกิจขายตรงในเอเชีย แปซิฟิกจะยังคงเติบโตและรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกต่อไปได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น