ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ค่ายใหญ่ขายตรง โหนกระแส AEC เดินแผนชิงพื้นที่ตลาดเพื่อนบ้าน


 


เปิดพิมพ์เขียวแผนรับมือการค้าเสรีอาเซียน บริษัทขาย ตรง “นีโอ ไลฟ์” เอาจริงไล่ปักธง ตลาดเพื่อนบ้านเต็ม อัตราศึก หวังปูฐานธุรกิจ ก่อนถึงเวลา “กิฟฟารีน” ขย่มสาขาลูกแถบอาเซียน ดึงนักขายต่างประเทศเข้าไทยดูความ รุ่งเรืองบริษัทแม่ ด้านค่ายต่างด้าว อย่าง “ยูนิซิตี้” โหนกระแส โปรยยาหอมตลาดอาเซียนอนาคตสดใส


ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้เตรียม แผนการกระจายแบรนด์ “นีโอ ไลฟ์” ออกสู่ตลาดสากลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะส่วนอาเซียนเอง และกลุ่มประเทศที่จะเปิดการค้าเสรีในปี 58


โดยในปี 2555 นี้ บริษัทต้องการที่จะขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้ บริษัทมีสาขาที่กระจายอยู่แล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ ลาว, เวียดนาม, สิงคโปร์ และจีน โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรอยู่กว่า 1,200 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ประชากรที่มีฐานะ ทางการเงินที่ดี ไม่น่าจะถึง 300 ล้านคน ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสที่ “นีโอ ไลฟ์” จะเข้าไปทำการตลาด เพื่อสร้างโอกาส สร้าง ฐานะให้ผู้คนในจีน


อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน บริษัทยังได้เข้าไปที่กัมพูชา โดยสามารถจดทะเบียนเปิดบริษัทได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงระหว่างการตกแต่งออฟฟิศ ซึ่งในเดือน มิถนายน ก็จะสามารถเปิดบริการได้อย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งในช่วงปลายปี 55 นี้ บริษัทยังต้องการขยายไปสู่มาเลเซีย และอินโดนีเซียต่อไป ซึ่งในการคาดหวังของบริษัท ในปี 56 “นีโอ ไลฟ์” จะสามารถขยายสาขาได้ครบ 10 ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรับมือการเปิดตลาด AEC ปี 58


“การค้าเสรีอาเซียน นับเป็นเรื่องที่ สำคัญที่บริษัทมองไปถึง เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทไม่ใช่เพียงแต่แบรนด์ขายตรงที่อยู่ในไทยเสียแล้ว เพราะความต้องการส่งต่อ ความสำเร็จไปยังพี่น้องทั่วโลก ทำให้การขยายตัวของบริษัทต้องเกิดขึ้นในเร็ววัน โดยบริษัทมีความต้องการเห็นการเพิ่มจำนวนของสมาชิกที่เป็นพี่น้องชาวต่างชาติ และทำให้เห็นว่า แบรนด์ขายตรงของ ไทย คือ สิ่งที่จะเข้าไปสร้างฐานะความเป็น อยู่ให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น” หัวเรือ นีโอ ไลฟ์ เผย


ปัจจุบัน “นีโอ ไลฟ์” นับว่าเป็นบริษัทขายตรงอันดับ 4 ของประเทศ ในด้านยอดขาย จาก 700 กว่าบริษัทที่จดยื่นดำเนินธุรกิจขายตรงที่อยู่ในเมืองไทย ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 11 ปีที่ผ่านมา บริษัท นีโอ ไลฟ์ นับเป็นบริษัท ที่มีผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในกลุ่มบริษัทขายตรง โดยบริษัทมีผู้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในปี 54 ถึง 1.5 หมื่นคน อีกทั้งบริษัทยังเป็นแบรนด์ขายตรงที่มีการจัดงานประดับเข็มครั้งใหญ่ในทุกรอบเดือน


นอกจาก “นีโอ ไลฟ์” ที่เตรียมความพร้อมเรื่องการรับมือ การเปิดการค้าเสรีอาเซียนแล้ว ยังมี “กิฟฟารีน” ที่เริ่มวางแผนรับมือในเรื่องนี้แล้วเช่นกัน


โดย พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแผนงานเพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน ในปี 2558 โดยเริ่มที่ตลาดในประเทศที่บริษัทพยายามวางรากฐานเพื่อให้ เกิดความแข็งแกร่ง เพื่อที่ในอนาคตเมื่อการ ค้าเสรีอาเซียนเกิดขึ้น การที่จะขยายงานสู่ต่างประเทศรองรับก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น โดยในงานฉลอง 16 ปี ที่บริษัท ได้จัดขึ้นมานี้ บริษัทยังได้มีการนำเอานักขาย สาขาอาเซียนมาร่วมด้วย เพื่อเป็นการประกาศความชัดเจนในเรื่องของความพร้อมในการรับมือ AEC โดย “พ.ญ.นลินี” มีความมั่นใจว่า เมื่อตลาดเปิดทุกประเทศในอาเซียนและอีก 3 ประเทศผู้นำเศรษฐกิจ เอเชียจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน


ด้าน มร.คริสโตเฟอร์ คิม ประธานกลุ่มบริษัทภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีเป้าหมายใหญ่ คือการกำหนดให้ยูนิซิตี้ภาคพื้น เอเชียแปซิฟิกเติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 55% นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนว่า จะมีการเปิดตลาดใหม่ในเอเชียอย่าง แน่นอน โดยประเทศแรกที่เตรียมการอยู่ในขณะนี้ คือ ประเทศอินโดนีเซียซึ่งจะเปิด ในเดือนเมษายน ประเทศถัดไปคือ ลาว กัมพูชาและพม่าตามลำดับ เนื่องจากผู้นำ ของประเทศไทยมีสมาชิกเป็นจำนวนมากในประเทศเหล่านี้ 


มร.คริสโตเฟอร์ ได้กล่าวถึง การเตรียมตัวรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ว่า “เมื่อมองเศรษฐกิจทั่วโลก ถือว่าอาเซียน เป็นตลาดสำคัญในปัจจุบัน เพราะจะเห็นได้ว่าหลังจากยุโรป และอเมริกา มีปัญหาทางการเงิน พบว่ากลับฟื้นตัวได้ช้ามาก ต่างจากประเทศในแถบเอเชียที่เคย อยู่ในภาวะดังกล่าวมาก่อน แต่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้เร็ว ตอนนี้ตนจึงคิดว่าบริษัททั่วโลกน่าจะมองตลาดในเอเชียอยู่เช่นกัน ซึ่งสิ่งสำคัญในขณะนี้ ก็คือ สมาชิกในเอเชียต้องทำงานร่วมกัน ปรึกษากันมากขึ้น เพื่อสร้างฐานอำนาจของเศรษฐกิจ แห่งใหม่ในโลก”


ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่าการตลาดขายตรงไทยนับว่าขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการตลาดรวมซึ่งหากนับเป็นตัวเลขที่เป็นทางการขณะนี้มีอยู่ร่วมแสนล้านบาท ซึ่งมีประชาชนที่มีส่วนร่วมกับธุรกิจนี้อยู่ถึง 16 ล้านคน โดยหากการค้าเสรีเกิดขึ้นในปี 2558 ประชากรที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 500 ล้านคน จะทำให้ตัวเลขของมูลค่าตลาดรวมของไทยโตขึ้นได้อีกมาก ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ธุรกิจขายตรงจะกลายเป็นหนึ่งธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งบริษัทขายตรงจากทวีปอื่นจะเข้ามาร่วมทำตลาด ในทางกลับบริษัทขายตรงของไทย ก็จะสามารถขึ้นเวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ขายตรง  ฉบับที่ 1297 ประจำวันที่ 5-5-2012 ถึง 8-5-2012     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น