ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ขายตรง-หน่วยงานรัฐ ผนึกกำลังบุกอาเซียน ประกาศความพร้อมหนุนสินค้าไทยสู้ศึกปี58









ขายตรงไทยวางแผนรบบุกอาเซียน หลังภาครัฐประกาศ พร้อม สนับสนุนธุรกิจขายตรงแข่งขันตลาดอาเซียนอย่างเต็มที่...ด้าน จิรชัย เลขาฯ สคบ. เผยควรเร่งปรับปรุงด้านระบบมุมมองใหม่ ให้ราชการ มองให้นอกกรอบและกว้างขึ้น...ส่วน นาคาญ์ นายกส.อุตสาหกรรม ขายตรงไทย ชี้! เรื่องผลิตภัณฑ์-แผนการตลาด ควรศึกษาความ ต้องการในแต่ละประเทศด้วย...ด้าน สุมิตร ค่าย มิลค์กี้ เวย์ เชื่อ ตลาดเออีซี คือ โอกาสที่สำคัญของทุกธุรกิจในการสร้างการรับรู้


นับถอยหลังไม่เกิน 2 ปีนับจาก นี้ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ก็ จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เชื่อว่าในหลาย ๆ ธุรกิจ ต่างก็เริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้อง กับสถานการณ์ในปัจจุบันและในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เช่นเดียว กับ ธุรกิจขายตรง เช่นกัน ก็ได้เริ่มขยับ แข้งขยับขา มีความเคลื่อนไหวของภาค ธุรกิจขายตรง ออกมาให้หลาย ๆ คนได้ เห็นพอสมควร
อย่างล่าสุด อีกหนึ่งความ เคลื่อนไหวใน ธุรกิจขายตรง กับการ รับมือการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียนในครั้งนี้ เห็นได้จากงานสัมมนา ขายตรงไทย ก้าวไกลสู่ AEC ที่มีทั้งใน ส่วนของหน่วยงานภาครัฐและบริษัท เอกชนในธุรกิจขายตรง มาร่วมแชร์แนว ความคิด ในการเตรียมความพร้อมเพื่อ เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

โดยงานนี้ มีทางด้าน นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายก รัฐมนตรี ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงานสัมมนาในครั้งนี้ด้วย พร้อมกับยังได้ กล่าวในงานสัมมนา ขายตรงไทย ก้าว ไกลสู่ AEC ด้วยว่า นับจากนี้ไปอีก ประมาณ 2 ปีข้างหน้า ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนก็จะมีการเริ่มต้นแล้ว ซึ่งในส่วนของภาครัฐเอง ก็ได้มีการ เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ตาม นโยบายของภาครัฐด้วยเช่นกัน ซึ่งล่าสุด หน่วยงานทางภาครัฐ ได้มีการจัดทำงบ ประมาณโครงสร้างพื้นฐานปี 2557 ไว้ แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มได้อย่าง เป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป ซึ่งงบประมาณดังกล่าวนี้ ภาครัฐต้องการผลักดันให้ทุกหน่วยงาน ราชการ ไดเตรียมความพรอ้มเข้าสู่เออีซี อย่างจริงจังและมั่นคงนั่นเอง
ในขณะเดียวกัน ยังเชื่อว่า การเปิด ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในครั้งนี้ จะ เป็นตัวจุดประกายให้บริษัทเอกชนใน สาขาวิชาชีพต่าง ๆ ได้มีการตื่นตัวไปสู่ โลกแห่งการแข่งขัน ในลักษณะที่เรียกว่า การเป็นประชาคม ซึ่งทุกธุรกิจในปัจจุบัน นี้ เป็นธุรกิจที่ไร้พรมแดน ซึ่งการที่ธุรกิจ ขายตรงนั้น ได้เตรียมการณ์ในเรื่องนี้ ถือว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับตัว ธุรกิจเองและตัวสังคม โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งผู้บริโภคพี่น้องประชาชน
ผมมีความมั่นใจว่า ประเทศไทย เรามีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ทำเล ที่ตั้ง ภูมิศาสตร์ซึ่งอยู่ใจกลาง โดย เรียกว่าในตลาดอาเซียนนั้น ประเทศไทย ถือว่ามีความได้เปรียบมากที่สุด ไม่ว่า จะเป็นความพร้อมในเรื่องของโครงสร้าง พื้นฐาน ซึ่งขณะนี้ เราถือว่าไม่ได้น้อย ไปกว่าใครในอาเซียน โดยจะเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมที่จะดำเนินการ แผนพัฒนาในโครงสร้างพื้น ฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ คมนาคมการขนส่ง โดยจะมี การออกพระราชบัญญัติ ด้วย การใช้เงิน 2 ล้านล้านบาท ใน การเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน ไว้ สำหรับการคมนาคมขนส่ง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต อันใกล้นี้นั่นเอง
นายวราเทพ กล่าวอีก ว่า เชื่อว่า ปัจจุบันนี้ หลาย ๆ บริษัท คงมีการเตรียมความ พร้อมในเรื่องนี้กันอย่าง แน่นอน โดยบางธุรกิจอาจจะ ก้าวไกลในบางเรื่อง แต่บาง ธุรกิจก็อาจจะรอดูถึงความ ชัดเจนของภาครัฐ ซึ่งภาครัฐ ในปัจจุบันถือว่าได้รับนโย บายที่ชัดเจนแล้ว ซึ่งอยาก ที่จะให้ภาคเอกชนทุกท่าน มีความมั่นใจว่า ภาครัฐนั้น พร้อมที่จะสนับสนุนในเรื่อง ของการที่จะทำให้ภาคเอกชน นั้น ได้มีความพร้อมที่จะเข้า สู่การแข่งขันในประชาคม อาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะนี้ ผมเองได้มีการ เรียนรู้ในธุรกิจขายตรงบ้าง แล้ว จากการที่ได้เข้ามากำกับ ดูแล สำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่ง หลังจากที่ได้สัมผัส ค่อนข้าง ที่จะมีความภาคภูมิใจว่า วัน นี้คนไทยเราไม่ว่าจะทำอาชีพ อะไรก็ตาม ค่อนข้างที่จะ ประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ ทำและได้เรียนรู้ พร้อมทั้ง สามารถที่จะแข่งขันกับต่าง ประเทศได้ พร้อมกับเชื่อว่า อนาคตของธุรกิจขายตรงจะ เติบโตอย่างสดใสและรวดเร็ว อย่างแน่นอน รวมถึงยังเป็น ธุรกิจที่มีความมั่นคง เพราะ เห็นได้จากมูลค่าการเติบโต ของธุรกิจนี้ แต่ละปีเติบโตขึ้น มาเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง และ หากตลาดอาเซียนเริ่มต้นขึ้น เมื่อไหร่ ก็จะเป็นอีกหนึ่ง โอกาสทองของธุรกิจขายตรง ไทยด้วยเช่นกัน
...เช่นเดียวกับทาง ด้าน นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสำนักคณะกรรม การคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ก็ได้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ธุรกิจขายตรง โดยส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 ผลิตภัณฑ์จะเกี่ยว กับสุขภาพ ซึ่งในการส่งเสริม ธุรกิจขายตรงนั้น ถือว่าเป็นนโยบายที่ทาง สคบ. จำเป็นที่ จะต้องมีการส่งเสริมธุรกิจนี้ และหลังจากที่รัฐมนตรีได้มี การเรียนแล้วว่า ธุรกิจนี้ เป็น ธุรกิจที่ต้องส่งเสริมจริง ๆ เห็นได้จากข้อมูลตัวเลขในปี 2554 ธุรกิจนี้สามารถสร้าง รายได้อยู่ที่ 65,000 ล้านบาท ปี 2555 สร้างรายได้อยู่ที่ 8 หมื่นกว่าล้านบาท และปี 2556 คาดว่าน่าที่จะสร้างราย ได้ทะลุเป็น 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ เลขาธิการ สคบ. ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบัน นี้การคุ้มครองผู้บริโภคนั้น ทาง สคบ. ได้ยึดถือหลัก 3 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่ 1 ส่วน ของราชการ และภาครัฐ ที่จะ ต้องเป็นหน่วยงานกลาง ในการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมกันนี้ ควรที่จะต้องมี การบูรณาการมุมมองของ ข้าราชการใหม่ โดยจะต้อง มองให้นอกกรอบและกว้าง ขึ้น ส่วนที่ 2 คือ ภาคผู้ ประกอบการ ควรจะต้องตื่น ตัว เร่งดำ เนินธุรกิจให้มี จริยธรรมและมีคุณภาพอย่าง แท้จริง และ ส่วนที่ 3 คือ การ ส่งเสริมให้ธุรกิจของไทย สามารถแข่งขันกับในต่าง ประเทศได้ โดยทางสคบ. ได้มีการวางแผนมอบตรา สัญลักษณ์ เพื่อสร้างความ มั่นใจให้กับผู้บริโภค พร้อม กับมีมาตรการเยียวยาสร้าง ฐานความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค อย่างชัดเจนด้วย
วันนี้กฎเกณฑ์การทำ ธุรกิจขายตรงบางเรื่อง ออก มาใกล้จะเรียบร้อยแล้ว เพียง แค่ตอนนี้ผู้ประกอบการเอง ขอให้ทำธุรกิจจดทะเบียน อย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภคเท่านั้น ที่ สำคัญ แต่ละบริษัทฯ ต้องมี มาตรการที่จะช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ที่ได้รับความ เสียหายด้วย เพราะตรา สัญลักษณ์ของ สคบ.นั้น ไม่ ได้รับประกันคุณภาพสินค้า แต่จะรับประกันความเชื่อมั่น ให้กับผู้บริโภค ว่าถ้าเกิด ความเสียหาย จากการใช้ สินค้า บริการแล้ว ผู้ประกอบ การต้องมีมาตรการเยียวยา ความเสียหายที่ชัดเจน
นายจิรชัย กล่าวอีกว่า ล่าสุดจากการประชุมของ สคบ. ในภูมิภาคอาเซียน ก็ได้ มีการวางกรอบมาตรฐาน เรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภคไว้ 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1. การ เยียวยาข้ามพรมแดน ในกลุ่ม อาเซียนด้วยกัน 2. เรื่องสินค้า ที่มีการสั่งห้ามขาย มีการเรียก คืนสินค้า โดยจะมีแชร์ข้อมูล ร่วมกัน และ3. การให้ความรู้ ซึ่งกันและกัน
ในที่ประชุมที่ผ่านมา ที่ ประเทศบาหลี ตนเองได้มี การนำเสนอในที่ประชุมว่า อยากที่จะให้ในแต่ประเทศ มี การส่งเสริมเยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค และ ในปีนี้เอง ทางประเทศ ไทย ก็ได้มีการรับอาสาเป็นเจ้าภาพ ที่จะจัดงานในครั้งนี้ขึ้น โดยจะ เป็นการเชิญกลุ่มผู้นำเยาวชน ของกลุ่มใน 9 ประเทศ มาร่วม สัมมนาในเมืองไทย โดยคาด ว่า น่าที่จะจัดงานในช่วงเดือน ก.ค. ปี 2556 นี้
...ด้านนายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ นายกสมาคม อุตสาหกรรมขายตรงไทย ก็ได้ กล่าวถึงแผนการรุกและรับ ของธุรกิจขายตรง ในการเข้า สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยที่สำคัญใน การเข้าสู่เออีซีนั้น มองว่า ปัจจัยหลักน่าจะเป็นในเรื่อง ของผลิตภัณฑ์ โดยกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ ถ้าเป็นในส่วนของ กฎหมายทาง อย. จะนำเข้า ประเทศ เข้าได้หรือไม่นั้น ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง อีกทั้งความแตกต่าง ในการที่ จะนำเอาสินค้า ไปในตลาดเอ อีซีได้ ก็ถือว่ามีส่วนสำคัญ ด้วยเช่นกัน
เรื่องของสินค้าถือเป็น เรื่องที่สำคัญ เพราะการที่นำ เอาสินค้าไปเปิดตลาดใน แต่ละประเทศได้นั้น ต้องรู้ถึง ความต้องการของประเทศนั้น ด้วย เช่นเดียวกับประเทศอื่น ที่จะเข้ามาทำตลาดในเมือง ไทย ต่างก็มองว่าประเทศไทย มีความสนใจในกลุ่มสินค้า อะไรบ้าง ซึ่งเมื่อทราบถึง ความต้องการแล้ว เขาก็จะ เอาสินค้าที่แต่ละประเทศ นั้น ๆ ต้องการมาเปิดตลาด ซึ่งเรียกว่าการศึกษาความ ต้องการในเรื่องของสินค้า แต่ละประเทศนั้นค่อนข้าง สำคัญอย่างมากทีเดียว
นายนาคาญ์ กล่าว เสริมอีกว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ สำคัญ ของธุรกิจขายตรง ที่ นอกเหนือจากเรื่องของสินค้า ที่ต้องศึกษาถึงความต้องการ แล้ว เรื่องของแผนการตลาดที่จะเข้าไปทำตลาด ก็ถือว่า สำคัญด้วยเช่นกัน เนื่องจาก แต่ละประเทศแผนการตลาด ค่อนข้างที่จะแตกต่างกันมาก เพราะฉะนั้น หากเข้าไปแล้ว แผนการตลาด ไม่ตรงตาม ความต้องการ ในประเทศ นั้น ๆ ก็อาจจะเป็นปัญหาได้ ด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกับทางด้าน นายสุมิตร วชโรดมทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลค์กี้ เวย์ เน็ตเวิร์ค จำกัด เผยว่า ตลาดเออีซีที่จะ เกิดขึ้นในปี 2558 นี้ มองว่า ถือ เป็นเรื่องของโอกาส สำหรับทุก ธุรกิจไม่ใช่เฉพาะในธุรกิจขาย ตรง แต่ว่าในส่วนของธุรกิจ มิลค์กี้ เวย์ เอง มองว่า เป็นอีก หนึ่งการเตรียมความพร้อม ของธุรกิจ ในประเทศไทยที่จะ สามารถขยายตลาดการส่ง ออก ในกลุ่มประเทศทั้ง 9 ประเทศ ที่ถือว่าเป็นโอกาส ของธุรกิจ ดังนั้น ผู้ประกอบ การทุกคน ควรที่จะต้องรีบ วางแผนทั้งในเชิงรุกและใน เชิงรับ เพื่อให้สอดรับกับ นโยบายในการรวมกลุ่ม ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการรวม ตลาด การทำนโยบายต่าง ๆ ตามกฎของอาเซียน เป็นต้น

วันนี้ มิลค์กี้ เวย์ ได้มี การวางแผนเพื่อรับมือกับ ตลาดเออีซีไว้หมด ตั้งแต้ต้นปี ด้วยการจัดทำโรดโชว์ ทั้ง 9 ประเทศ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ ประเทศในอาเซียนเท่านั้น แต่มิลค์กี้ เวย์ ยังได้มีการ เดินทางโรดโชว์ ไปถึงใน ตะวันออกกลางด้วย ไม่ว่าจะ เป็นในประเทศโอมาน ยูเออี ที่ดูไบ เป็นต้น นายสุมิตร กล่าวต่ออีก ว่า การที่ผู้ประกอบการจะ เข้าสู่ตลาดเออีซีได้นั้นจำเป็น อย่างยิ่งที่จะต้องมีการวาง แผนอย่างรัดกุม ที่สำคัญ ต้อง มองทุกจุดที่อยู่ข้างหน้าให้เป็น โอกาสซึ่งผู้ประกอบการทุกคน สามารถสร้างโอกาสบนพื้น ฐานของความร่วมมือทางกลุ่ม ประเทศอาเซียนได้ ไม่ว่าจะ เป็นในส่วนของกำแพงภาษีที่ ถูกยกเลิกไป ที่สำคัญประเทศ ไทยถือว่า ได้เปรียบในเรื่อง ของโลจิสติกส์ ซึ่งหากเรา สามารถใช้สิ่งที่เป็นความได้ เปรียบได้อย่างคุ้มค่า เชื่อว่า ทุกคนสามารถเติบโตในตลาด อาเซียนได้อย่างแน่นอน




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 337 ประจำวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น