ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข่าวมิสทีน (Mistine) : มิสทินผวาค่าแรง! ชิ่งเข้า อินโดฯ-เวียดนาม สร้างรง.ผลิตใหม่









มิสทิน ช้ำนโยบายรัฐบาล ฉุดแรงซื้อ ทำยอดขายไม่เป็นไป ตามเป้า ปี 55 โต 17% ปิดรายรับที่ 12,700 ล้านบาท วาง เป้าปีนี้ 13,700 ล้านบาท เชื่อ ผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายเพิ่ม ด้านตลาดต่างประเทศ วาง ลาว, กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ขุมทอง ใหม่ทำตลาดปีนี้ แย้มกำลังมองประเทศ เพื่อนบ้านสร้างโรงงานเพิ่ม เล็งอินโดนีเซียกับเวียดนาม หนีภาระค่าแรงแพงของไทย พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวสินค้าใหม่ กลุ่มสีสันเจาะใจสาวรุ่นวัย 13-15 ปี หวังใช้เป็นหอกโกยกำไร


นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์ขายตรงชั้นเดียว มิสทิน เปิดเผยว่า ในช่วงปี 55 ที่ผ่านมา บริษัทปิดยอดการเติบโตที่ 11% สามารถสร้างยอดขายได้ที่ 12,700 ล้านบาท โดยที่ไม่เป็นไปตามเป้าที่บริษัทได้วาง


จากตัวเลขการเติบโตที่กล่าวมา ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่ วางไว้มากนัก เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลหลายอย่างที่ทำให้กำลังซื้อของคนลดลง อีกทั้งผู้บริโภคไม่มีความต้องการจับจ่ายสินค้ามากนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าแรงที่มีการปรับขึ้น และอีก หลายนโยบาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ยอดขายของบริษัทไม่เป็นไปดั่งที่ตั้งใจ และคาดการณ์ ดนัย เผย


อย่างไรก็ดี สำหรับปีนี้ทางมิสทิน ก็หวังว่ากำลังซื้อ และแนวโน้มการบริโภคของผู้คนจะกลับมา เนื่องจากการปรับตัวกับเรื่องต่างๆ ที่เกิด ซึ่งทางบริษัทได้คาดหวังว่าในปี 56 นี้ บริษัทจะ เติบโตขึ้นได้ และสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 13,700 ล้านบาท


โดยหากจะแยกเปอร์เซ็นต์การเติบโตแล้วก็จะได้ที่ ฟรายเดย์ ซึ่งเป็นสินค้าขายในแค็ตตาล็อก ซึ่งเป็นรูปแบบการจำหน่ายของบริษัท เติบโตที่ 8% และมิสทิน ที่กล่าวในเบื้องต้น 11% รวม การเติบโตทั้งหมดจะอยู่ที่ 17% ทั้งนี้ จากการเติบโตที่กล่าวมา สินค้าที่อยู่ในกลุ่มสินค้าสีสันเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดต่างประเทศนั้น ขณะนี้ บริษัทได้พยายามที่จะเข้าไปที่ประเทศลาวให้มากขึ้น โดยจะดำเนิน ธุรกิจรูปแบบขายตรงชั้นเดียว เหมือนที่เปิดในพม่าในช่วงที่ผ่านมา โดยที่ประเทศลาวนั้นเป็นประเทศที่มิสทิน มองว่าเป็นประเทศ ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก ซึ่งสินค้าของมิสทินน่าจะตอบโจทย์ ผู้บริโภคของคนลาวได้เป็นอย่างดี


นอกจากในส่วนของลาวแล้ว ที่บริษัทมุ่งเน้นที่จะทำตลาดในปีนี้ แต่ยังมีประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งทางบริษัทได้ติดต่อไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินธุรกิจในรูปแบบใด รวมถึงประเทศกัมพูชา ที่บริษัทโฟกัส ซึ่งกัมพูชานี้ บริษัทจะเน้นมากกว่าที่พม่า ซึ่งทั้งหมด 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ คือ กลุ่มประเทศอาเซียนที่บริษัทจะเปิดภายในปีนี้


ด้านยอดขายของกลุ่มตลาดต่างประเทศในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้าง รายรับได้ที่ 700 ล้าน ซึ่งมีประเทศพม่าซึ่งเป็นตลาดที่สร้างยอดขายได้ดีที่สุด โดย ปิดตลาดที่ 500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตในปีที่ผ่านมาได้ถึง 20% โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าตลาดต่างประเทศด้าน ยอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดย ดนัย ยังได้กล่าวว่า สำหรับต่างประเทศนั้น ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ตลาด อาเซียนจะเป็นกลุ่มประเทศที่สร้างยอดขาย ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตลาดจะมีความคึกคัก เป็นอย่างมาก


ในส่วนของโรงงานผลิตสินค้าในประเทศพม่า ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัท ได้ทำความร่วมมือกับเครือสหพัฒน์เพื่อสร้างโรงงานผลิตสินค้า ขณะนี้เรื่องของที่ ทางในการสร้างโรงงานมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่ง ด้วยงบลุงทุนที่คาดการณ์ไว้ที่ 300 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทจะเริ่มทำการก่อสร้าง โดยที่จะเน้นผลิตสินค้ากลุ่มโรลออน และแป้ง


นอกจากนี้แล้ว บริษัทยังเล็งประเทศ ในการสร้างโรงงานเพิ่ม ซึ่งตอนนี้มองไปที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นจุดหมายในการสร้างโรงงาน โดยต่อไปได้มองประเทศเวียดนามในการตั้งฐานการผลิตสินค้าของบริษัท การที่บริษัทพยายามหาพื้นที่สร้าง โรงงาน เนื่องจากบริษัทต้องการหาพื้นที่ ที่จะช่วยลดในส่วนของราคาการผลิต เนื่อง จากช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการยกระดับค่าแรงขึ้น ทำให้มิสทินต้องหาแหล่ง ผลิตที่ถูกกว่าเพื่อผลิตสินค้า หัวเรือใหญ่ มิสทิน เผย ทั้งนี้ ทางมิสทินยังได้วางเป้ายอดขายในอีก 5 ปีข้างหน้าที่จะสร้างยอดขาย ให้ถึง 2 หมื่นล้านบาทให้จงได้ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักที่บริษัทได้วางไว้ เพื่อสร้างกลยุทธ์ในการทำงานต่อไปในอีก 5 ปี


นอกจากเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ทางมิสทิน ยังได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สินค้า กลุ่มสีสันคนใหม่ที่จะใช้ในปี 2013 โดย ดนัย กล่าวว่า เราเริ่มต้นปี 2013 ด้วยพลังความสดใสของผู้หญิง ปีนี้มิสทินต้องการสื่อสารถึงความยิ่งใหญ่ของสีสันบนโลกแห่งความงาม สีสันของคำว่า มิสทิน เริ่มจากพลังความคิดสร้างสรรค์ของสาวเก่งอย่าง โอ๋-ฟูตอง ส่งต่อไปยังอีก 2 พรีเซ็นเตอร์ ญาญ่า และ มิ้นท์-ชาลิดา ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความสดใส ของหญิงสาวในนามตัวแทนของสาว ไอ- แอม คอลเล็กชั่น ไม่เพียงเท่านี้ ปีนี้มิสทินยังตอกย้ำภาพลักษณ์แห่งสีสันและความสดใส ผ่าน ทีมพรีเซ็นเตอร์ดาวรุ่ง นำขบวนโดย ญาญ่า- อุรัสยา สเปอร์บันด์, มินท์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง, ปู-ไปรยา ลุนเบิร์ก, มิน-พีชญา วัฒนามนตรี และใบเฟิร์น-พมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ซึ่งพรีเซ็นเตอร์ทั้ง 5 สาว บุคลิกที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวของแต่ละ สาว ก็จะถูกดึงออกมาเพื่อบอกเล่าถึง ผลิตภัณฑ์ของมิสทินในปี 2013 อีกทั้งในปีนี้ บริษัทก็จะยังคงเดินหน้าหาพรีเซ็นเตอร์ ในระดับซูเปอร์สตาร์เพิ่มอีก ตามสไตล์มิสทิน


โดยการเปิดตัวสินค้ามิสทิน ไอ แอม คอลเล็กชั่นนี้ บริษัทได้วางโฆษณาชื่อชุด World ขึ้นนำ แสดงโดย ญาญ่า-อุรัสยา สเปอร์บันด์ และมินท์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง ความยาว 30 วินาที โดยในแคมเปญ นี้ บริษัทได้วางงบไว้ทั้งสิ้น 50 ล้านบาท


ซึ่งสินค้า มิสทิน ไอ แอม คอลเล็กชั่น นี้ จะมีสินค้าด้วยกันทั้งหมด 6 รายการ คือ มิสทิน ไอ แอม ออยล์ คอนโทรล เอส พี เอฟ 25 พีเอ++ แป้งตลับผสมครีมรองพื้น 2.มิสทิน ไอ แอม อายไลเนอร์ 3.มิสทิน ไอ แอม มาสคาร่า วอเตอร์พรูฟ 4.มิสทิน ไอ แอม ลิป ทิ้นต์ สีแดงสด 5.มิสทิน ไอ แอม พิ้งค์ เมจิก ลิป และ 6.มิสทิน โคโลญจน์ สเปรย์ โดยสินค้าใหม่ที่กล่าวมานี้ เป็นกลุ่ม สินค้าชุดสีสัน ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าขายดีในปีที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้บริษัทมีความต้องการ จะเน้นสร้างตลาดกลุ่มวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น โดย เน้นไปที่กลุ่มสาวรุ่นวัย 13-15 ปี ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 20% ปีนี้ บริษัทพยายามที่จะดันการเติบโตให้ถึง 30% ให้จงได้ ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ นับว่าเป็นกลุ่มใหม่ของวงการธุรกิจ ซึ่งนับว่า เป็นตลาดที่สดใสเลยทีเดียว




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1371 ประจำวันที่23-1-2013 ถึง25-2-2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น