ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข่าวไอยรา แพลนเน็ต (Aiyara Planet):ล้มแล้วลุกบนเส้นทางเงินล้าน ชมพูนุท ฉัตรชัย ภคเมฆานนท์ ก่อตัวผลิตภัณฑ์เงินล้าน ณ บ้านหลังใหม่ ไอยรา แพลนเน็ต









ขอรื้อฟื้นความทรงจำในอดีต 2 สามี - ภรรยา นักขายเงินล้านที่บาดเจ็บในวงการขายตรง แต่ทั้งสองก็ไม่ยอมท้อถอย ได้แต่คิดว่า เงินล้านในขายตรงนั้น หาได้ไม่ยาก...และทั้ง 2 ก็ทำได้อย่างนั้นจริง ๆ เมื่อชีวิตผันเข้ามาสู่ขาย ตรงค่ายน้องใหม่ ไอยรา แพลนเน็ต
นุช - ชมพูนุท ย้อนถึงความเป็นมาในอดีตกับทีมงานก่อนมา สู่เส้นทางขายตรง...เธอจบปริญญาตรี สาขาการบัญชี มหาวิทยาลัย รามคำแหง ทำบัญชีมาได้ 2 - 3 ปีก็เริ่มผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจส่วนตัว นั่น คือ ทำร้านหนังสือเช่าส่วนสามี คุณแอด - ฉัตรชัย ทั้งคู่ได้พบรักกันมา นานแล้ว และ เส้นทางรัก ได้เดินทางมาอย่างสวยหรูจวบจน ณ วันนี้
นุช เริ่มมีคำถามกับตัวเองนับตั้งแต่วัยเด็ก ว่าทำไมเราไป โรงเรียนต้องเข้าแถวแปดโมงเช้า และเลิก 5 โมงเย็น ชีวิตจึงตั้งคำถาม ในใจมาตลอด จวบจนสู่ชีวิตการทำงาน การใช้ชีวิตมันก็ไม่ต่างกันมาก นักเพราะต้องตอกบัตรเข้า - ออก เสมือนตอนเรียนหนังสือมิมีผิดเพี้ยน เลยมานั่งตรองอยู่ตลอดเวลา ว่าตกลงชีวิตเราทั้งชีวิต มันจะเป็นอยู่ อย่างนี้จริง ๆ หรือ
ความคิดที่เริ่มก่อหวอดตั้งแต่วัยเด็ก ก็เริ่มทวีคูณกับสิ่งที่เป็นอยู่ และเริ่มรับมันไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งพรํ่าบ่นกับตัวเอง ว่ามันไม่ใช่ชีวิตเรา เพราะ เราต้องการอิสระมากกว่านี้
...ชีวิตจึงหลุดจากคำว่า งานประจำ และไม่คิดจะเดินไปหามันอีก เมื่อผันมาสู่เจ้าของกิจการร้านหนังสือส่วนตัวเล็ก ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจเงินสด ที่จำเป็นต้องจ้างเด็กเฝ้าร้านและต้องควบคุมการเงิน ซึ่งถ้าไม่ได้นั่งเฝ้า ก็กลายเป็นว่าเงินหาย สุดท้ายก็ต้องมาเสียเวลานั่งเฝ้าร้านอีก ชีวิตวน ไปเวียนมาไปไหนไม่ได้ ไม่มีวันหยุด คำถามจึงเริ่มพรั่งพรูเข้ามาในสมอง อีกครั้ง มันใช่ไหมเนี่ยกับสิ่งที่เราทำ ที่สำคัญการลงทุนสูงมาก แต่ราย ได้ที่ตอบรับกลับเข้ามาวันละนิดวันละน้อย
จึงพยายามมองหาบางอย่างที่ได้กลับมาเป็นเม็ดเงิน และทำได้ เป็นกอบเป็นกำกับเขาบ้าง โดยไม่ต้องมีลูกจ้าง ไม่ต้องฟิกซ์เวลาว่า จะ ต้องอยู่กับมันตลอด...ก็ได้แต่คลำหาหนทางให้กับตนเองตลอดมา
การใช้ชีวิตของเธอจึงไม่ต่างจากสามี...แม้ ฉัตรชัย จะเป็น วิศวกร อาชีพที่สาว ๆ ใฝ่ฝัน ทำมา 5 - 6 ปี ก็ต้องจรลีจากมา แต่ไม่ใช่ว่า จะมาเปิดใจกับอาชีพเครือข่าย และผมไม่เห็นด้วยหรอกครับ เพราะจาก ความเป็นวิศวกร แนวคิดทางด้านเครือข่ายจึงถูกปิดตาย ผมตั้งธงไว้เลย ว่ามันคงเป็นไปไมได้ เพราะเราเห็นว่าถ้าทุกคนทำแบบนั้น เขาคงรวย กันหมดแล้ว มันจะเป็นไปได้ยังไง โดนหลอกแน่ ๆ ก็เลยพยายามต่อต้าน
แต่ด้วยแฟนที่มีใจรัก ก็เลยอยากลอง ก็ค่อย ๆ เปิดทีละนิดตาม ภรรยา เพราะยุคนี้ผู้หญิงนำครับ (หัวเราะ) ที่สำคัญขายตรงเปิดใจผม ตรงที่เกิดจากการทดลองใช้สินค้าด้วย ตอนนั้นผมเป็นภูมิแพ้เมื่อทาน แล้วมันดีขึ้น จึงรู้สึกประทับใจน่าจะลองเข้าไปศึกษาดู ชีวิตภายใต้รั้ว วิศวกรของผมจึงสั้น เพราะผมตัดสินใจไปเปิดร้านขายไม้แปรรูป คุณนุช เปิดร้านหนังสือ ซึ่งเราทำธุรกิจคนละอย่างกัน
บังเอิญที่เข้ามาขายตรง เพราะคุณแอ๊ดไปนอนนวดแผนไทย และ เขาเจอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเราไมรู่จั้กหรอก เป็นลูกค้าในร้านนี่แหละเขา มานั่งรีครูทเจ้าของร้านนวด คุณฉัตรชัยก็นวดไปฟังไปเสร็จปุ๊บเขาก็บอก ว่า พี่ๆ ถ้าพี่อยากขายของไปหาเมียผมที่ร้าน แฟนผมชอบมาก คุณฉัตรชัยแนะนำให้ไปหา เมื่อได้เจอกันและได้คุยกัน...เราก็จัดหนัก เลย
ตัวผมเอง...เมื่อขัดไม่ได้ก็ลองไปศึกษาเรียนรู้เพราะเวลาที่เราทำ อะไร ก็เหมือนเราเป็นวิศวกร จะต้องอ่าน ต้องศึกษา เมื่อลองศึกษาอย่าง ลึกซึ้ง ก็พอรู้คำตอบว่ามันเป็นไปได้ก็ลงมือลุยตั้งแต่วันนั้น และทิ้งทุก อย่าง ไม่รับเขียนงาน ไม่รับอะไรทั้งสิ้น อาชีพวิศวกรทิ้งหมด คงเหลือแต่ ใบประกอบวิชาชีพเก็บไว้อย่างเดียว ถามว่า...2 คนนี้เชื่ออะไรในเส้นทางขายตรง ชนิดที่ว่า มันสามารถ พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือได้..
ฉัตรชัย ตอบด้วยความเชื่อมั่นว่า ที่บ้านเป็นลูกคนจีนมีอาชีพ ค้าขายอยู่แล้วก็ได้เรียนรู้จากอา เพราะอาจะสอนเยอะเกี่ยวกับแนวคิด เกี่ยวกับการขาย และในช่วงจังหวะนั้นก็ตัดสินใจลาออกจากวิศวกร มา เป็นเซลล์ขายไม้แปรรูป คือคนส่วนใหญ่จะรังเกียจอาชีพเซลล์ แต่ผม เลือกลาออกจากวิศวกรมาเป็นเซลล์เพราะรายได้ดี พอเป็นได้ 1 - 2 ปี ก็ ขายเก่ง จึงเปิดร้านไม้แปรรูป พอทำได้สักพักหนึ่ง ก็เบนเข็มมาทำขาย ตรงเพราะเป็นโรคภูมิแพ้ ทานอาหารเสริมแล้วดีขึ้น จึงเริ่มเปิดใจกับ ภรรยานับแต่นั้นมา
เมื่อ 2 สามี - ภรรยา คู่แก้วคู่ขวัญ จับมือกันทำเครือข่ายขาย ตรง หนทางอุปสรรคข้างหน้าก็มองไม่เห็น เพราะทั้ง 2 คน เริ่มสนิทชิด เชื้อตั้งแต่วัยเด็ก รักในวัยเรียน เรียนรู้ซึ่งกันและกันในวัยโตก่อนจะเข้า สู่ชีวิตการแต่งงาน เรียกได้ว่าเพียบพร้อมในความรักและความเป็นชีวิต คูที่รู้ใจกันไปซะหมด...เส้นทางใหม่ที่เลือกเดิน จึงถูกลิขิตให้เดินคูกั่นไป เหมือนเดิม
และด้วยความคิดเร็วและฉับไวที่อยากไปเรียนรู้ชีวิตใหม่ในขาย ตรงอย่างเต็มใบ ทั้ง 2 กิจการที่เคยทำจึงถูกเซ้งลี้ในบัดดล นุช กล่าวย้อนไปในวันนั้น สำหรับคนอื่นเราทั้ง 2 ไม่ทราบว่า เขาวางแผนทำงานกันเช่นไรในธุรกิจขายตรง แต่สำหรับเรา 2 คน การ ทำงานเราค่อนข้างวางแผนมาก ๆ ว่า เราจะทำอะไร และที่สำคัญเรา ต้องไปศึกษาจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเรานึกจะทำ เราก็ลงมือทำ ซึ่งต่างจากเราที่ เริ่มเรียนรู้จากสินค้าแผนการตลาด และตลาดเราอยู่ตรงไหน เพราะด้ว ย ความที่เราเป็นนักธุรกิจตัวน้อย ๆ เราต้องหาตลาด ก็มีการเรียนไปทำไป ผิดบ้างถูกบ้าง
เมื่อเรียนรู้และสะสมประสบการณ์กันมาเยอะยอดรายได้ก็พุ่ง ทวีคูณ ความหวังที่จะรวยในธุรกิจขายตรงก็เริ่มเปิดทางสว่าง แต่จู่ๆ ก็ ถูกสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมากลางใจ เมื่อผู้บริหารประกาศปิดบริษัท แยก เดินไปคนละทาง จากชีวิตที่เคยรุ่งก็กลับหมุนเคว้งคว้างกลางอากาศ ก่อนค่อย ๆ พังครืนในที่สุด ทิ้งความบอบชํ้าให้กับคนที่เหลือ...เรียกว่า เจ็บสุดแสนจะบรรยาย เพราะกว่าที่จะฝ่าด่านความสำเร็จมาได้นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย แถมทุกอย่างก็มาล้มลงกลางคัน คือ ล้มทั้ง ๆ ที่เรายังยืนไม่ได้ และกำลัง มีความหวัง เมื่อความฝันมันพังทลายและร่วงหล่นลงมา ก็กลับไปนอน เจ็บชํ้านํ้าใจได้แต่ร้องไห้ ใจหนึ่งก็คิดว่าจะกลับไปทำงานประจำไหม ลอง ไปเข้างานแบบเดิมดู แต่อีกใจหนึ่งค้านตรงนั้นมันไม่ใช่ฉัน เรามาตีราคาค่าตัวแค่นี้เองหรือ ก็เริ่มค้นหาตัวเองใหม่ หันมาตั้งหลักกันอีกครั้ง เพราะบนเส้นทางสวยหรูที่โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ...ก็ไม่เคยคิดว่า จะมีอุปสรรคมาขวางกั้นอีกมากมายที่คาดไม่ถึง นุช นึกถึงเวลานั้นเมื่อ ใด ก็จะนึกถึงภาพกองทัพมดที่อยู่ร่วมกันนับแสนชีวิตต้องมาแตกรังวิ่ง หนีกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศ ทีมงานของ ฉัตร และ นุช ก็เช่น เดียวกัน เราไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้เขาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราได้อีก ซึ่งก็ ไม่ต่างจากผึ้งแตกรัง ต่างคนต่างบินหนี หรือบางคนไปหารังใหม่ เพื่อความ อยู่รอดของชีวิต ที่ทุกคนมีภาระต้องรักษา บ้าน รถ ที่ดิน ไมให้โดนยึด ชีวิตของ ฉัตรชัย และ นุช ก็ไม่ต่างจากชีวิตอื่น ที่หันรีหันขวาง ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนถึงจะถูกทิศ...เงินที่เคยรับหลักหลายแสนต่อเดือน ก็เหลือหลักหมื่น จากหลักหมื่นทยอยลงหลักพัน และค่อย ๆ ถอยลงมา เรื่อย ๆ ชีวิตเริ่มตอบโจทย์ไม่ได้ เพราะเรางง งงที่มาเจอกับวิกฤติที่บริษัทปิดตัวลง...โดยไม่รับรู้ล่วงหน้า
ถามว่า ร้องไห้เสียใจไหม๊ ต้องบอกว่าสุด ๆ ไหนจะค่ารถ ค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย นุช ได้แต่นั่งร้องไห้และไม่เคยคิด ว่าจะเกิดกับตัวเรา ได้แต่คอยตั้งคำถามว่า เราคิดผิดหรือที่เดินสู่เส้นทาง นี้ เพราะตอนนั้นมันถึงจุดลงตัว...แต่มีคำพูด ๆ หนึ่งคือคุณแอ๊ดปลอบ ประโลม ชมพู เธอลืมให้หมดเลยนะวันนี้ว่า สิ้นเดือนเธอต้องจ่ายค่า อะไร ลืมให้หมด เราทำใจแล้ว ไหวก็ไหว ไม่ไหวก็ให้มันยึดไป เราต้องเริ่ม ต้นชีวิตใหม่ พลันได้ยินคำพูดนั้น เธอถึงกับอึ้งและคุณฉัตรยังปลอบต่อว่า ตอนนี้มาคิดกันดีกว่า ว่าเราจะหาเงินอย่างไรดี ให้พอกับค่าใช้จ่าย ที่เรายังแบกภาระไว้อยู่
แค่คำพูดก็เปลี่ยนโลกทั้งใบให้สดใสขึ้นมาทันที...และเชื่อไหมค่ะ ว่ามันเหมือนมีพลัง ทำให้เราไม่คิดว่าจะยึดติดกับอะไร ก็เริ่มมองหาช่อง ทางใหม่เพราะเดิมเราเป็นคนค้าขายอยู่แล้ว จะจับอะไรก็ค้าขายได้หมด นุช ย้อนถึงฉากเศร้ากับชีวิตขายตรงในอดีต ฉัตรชัย เติมไฟใส่สมอง ต่อว่า ถ้าผมไปยึดติดกับพวกนั้น มันก็ไม่มีสมองให้คิดต่อ ที่เขาเรียกว่า มันมืดแปดด้าน นั่นเป็นเรื่องจริง เพราะถึงอย่างไรชีวิตเราก็เริ่มจาก ศูนย์ ตอนมาก็มาแบบตัวเปล่า ฉะนั้น หันมาเริ่มใหม่ผมว่าน่าจะดีกว่า
เมื่อฟ้าสางดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าของวันใหม่...นุช และ ฉัตรชัย เริ่มสลัดความเจ็บปวดและความสูญเสียสะบัดออกไปได้ เพียง คำพูดเดียวของสามี เชื่อไหมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะโดนยึด บ้าน รถ รอดหมดผ่อนได้หมด เมื่อเราทั้ง 2 มานั่งกลั่นกรองและคิดรอบใหม่ เพราะ ความผิดหวังครั้งแรกไม่ได้เกิดจากตัวเรา แต่มันเกิดจากปัจจัยภายนอก นุช และ ฉัตรชัย จึงไม่ได้มองขายตรงให้ติดลบคาใจอีกต่อไป
ผลจากการที่ทั้ง 2 ได้ทุ่มเท และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจขายตรง อย่างสูง ถึงแม้จะมีบาดแผล แต่ก็เป็นแผลที่มิใช่คนทั้งคู่สร้าง ทางออกจึง ไม่ได้ไปที่ไหนอื่นไกล ก็เริ่มเลือกรังใหม่ขายตรงอีกครั้ง และทำอย่างต่อ เนื่องเหมือนเดิม เพราะเชื่อเสมอว่า ในเมื่อคนอื่นสำเร็จได้ ทำไมเราจะ สำเร็จไม่ได้ในใจคิดอยู่เพียงอย่างเดียวว่าต้องเอาชนะให้ได้อย่ายอมแพ้
นุช เล่าต่อว่า ขายตรงระลอก 2 ที่เข้ามาสัมผัส ก็ต้องมาทำใหม่ หมด เพราะลูกทีมจากที่เคยมีหลายพันคน ก็ต้องเริ่มหาใหม่ คงเหลือแค่ คนหลัก ๆ ไมกี่คน เพราะเมื่อหุ้นส่วนแยกทาง ทุกคนก็บาดเจ็บ ก็ต้องหา ทางให้อยู่รอด เพราะไมมี่ใครสามารถช่วยใครได้ทุกคนตกอยู่ในสภาพ จะจมน้ำอยู่แล้ว ...ต่างคนจึงต่างจากไป ด้วยใจที่รักกัน แต่จำต้องแยกจาก กัน บางคนก็เลือกที่จะสู้ต่อบางคนอำลาวงการไปก็มี บางคนก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเราถึงทิ้งเขา ขณะที่บางคนเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
บทเรียนครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนที่ทรงคุณค่า และมีราคาแพงที่สุดที่ เดินอยู่บนเส้นทางขายตรง ผลพวงจากการบาดเจ็บมาหนักจนถึงขีดสุด ณ วันนั้นเรารับรายได้เพียงแค่ 4 เดือนแรก นุช รับรายได้ 3 แสนบาท เหตุที่ทำไว เพราะเราขายกิจการทั้งหมด เพื่อเอาเงินมาต่อยอดกับธุรกิจ ขายตรง ฉัตรชัย กล่าวเสริม จากพื้นฐานครอบครัวที่เราผ่านด่านธุรกิจ มา ก็เลยรู้ว่าทุกธุรกิจมันต้องลงทุน เครือข่ายก็เช่นเดียวกัน มันก็ต้องลงทุน ไมว่าจะเป็นเรื่องเวลา เรื่องเงิน เรื่องการเรียนรู้และที่สำคัญเรา 2 คน มี เครดิตส่วนตัวสูง ด้วยปัจจัยเหล่านี้กลายเป็นว่า เราสำเร็จขายตรงในทาง ลัด
นุช เสริมต่อ ใหม่ ๆ เราอาจทำไม่เป็น แต่เราต้องเชื่ออัพ เขาบอก ให้ทำ เราก็ทำ ๆๆ เขาบอกเรียนให้คอร์สอะไร เราก็ต้องเข้าไปเรียน เพราะ มันต้องเรียนรู้ระบบของบริษัทด้วย เราเป็นนักเรียนที่ดีคนหนึ่ง คือเราเป็น น้ำแก้วเปล่าเพราะยอมรับว่าไมรู่จั้กขายตรง การทำตามทุกอย่างก๊อบปี้ ทุกอย่างดีกว่ามาลองผิดลองถูก เพราะบางครั้งความคิดของเราสวนทาง กับเขา แต่เขาสำเร็จ จึงเลือกเปลี่ยนที่ตัวเราดีกว่า คือตามทุกอย่างเราถึง จะเติบโตได้เร็ว นี่จึงเป็นส่วนสำคัญที่สุด และ นุช เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง เจอใครพบใครคุยจนเป็นเพื่อน กันหมด ส่วนคุณแอ๊ดเขาเก่งในเรื่องการวางแผน คือ เราทำคนละหน้าที่ นุช ชวนคนใหม่เข้ามา คุณแอ๊ดก็จะบอกว่า ต้องทำอย่างนี้ 1 2 3 4 การ เทรนนิ่งเขาเป็นคนจัดการ ส่วนหน้าที่ของ นุช คือ นำเสนอและพบเจอ เพื่อนใหม่

ธุรกิจขายตรง การจะทำให้สำเร็จต้องนำความสามารถของคน หลายคนมาช่วยกัน เพราะขายตรงต้องทำงานเป็นทีม ต้องทำงานให้เป็น ต้องใช้คนให้ถูกกับงาน โดยบุคลิกของผม ผมมองว่าเขาหาคนได้ก็พอ และไม่ถึงขนาดต้องดีแบบนั้น ฉัตรชัย กล่าวและ นุช เสริมอีกว่า เรา ถูกสอนให้มีความคิดใหม่ ๆ ถ้าเกิดว่า นุช ยังทำงานประจำ หรือเป็น เจ้าของกิจการอยู่ ณ ตอนนั้นคงไม่ได้มีความคิดแบบนี้ เพราะตั้งแต่เดิน เข้าสู่ขายตรงรู้สึกว่าดี โดยเฉพาะลูก ๆ ที่มีพ่อแม่ทำขายตรง ก็ถือว่า โชคดีมาก เพราะคุณมีพ่อแม่ที่สั่งสอนความคิดดี ๆ ให้ เพราะขายตรงมัน เป็นการอยูร่วมกันอย่างเอื้ออาทร ช่วยเหลือกัน อุปถัมภ์ค้ำชูกันและกัน นุช จึงมองว่ามันเป็นสังคมที่ดี เพราะว่าเปิดกว้างรับทุกอาชีพ ทุกฐานะ ทางสังคม ให้สามารถมาอยู่ร่วมกันได้
และวันนี้ ภายใต้บ้านหลังใหม่ที่เปิดต้อนรับเรา ต้องบอกว่า บุคคล คนนี้เป็นที่พึ่งของพี่น้อง โสมเกาหลี ทุก ๆ ท่าน ยามเราบาดเจ็บท่าน ไม่เคยทิ้งและยังห่วงใย คอยถามไถ่ตลอดมา ดังนั้น เมื่อ ท่านมาเปิด บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด ต้อง บอกว่า นุช ดีใจและเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารท่านนี้ เนื่องจากเราเห็นจากประสบการณ์ของท่านและฝีมือมา นาน ที่สำคัญเรารู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับ ดร. กัมปนาท บุญราศรี เลยมั่นใจว่า เรือลำนี้แหละ จะพา เราไปถึงฝั่ง และฉันจะลุยไปพร้อมกับเรือลำนี้ นุช กล่าวอย่างมาดมั่น
ฉัตรชัย กล่าวเสริม เมื่อเราตัดสินใจเลือก ไอยรา เลือกที่จะลุยต่อ เพราะเราเชื่อมั่นใน ดร. กัมปนาท ว่าท่านสามารถทำได้สำเร็จแน่ ๆ เมื่อต่อจิ๊ก ซอว์ได้เสร็จ เราก็เริ่มติดต่อพลพรรคคนรักโสมและ คนทั่วไป โดยแนะนำว่ามีน้องใหม่ที่ชื่อ บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด เปิดขายตรงโดยมีคีย์แมนคนสำคัญ ของโสมเป็นเจ้าของ ตอนนั้นการรวมคนเท่าที่นับได้ ก็น่า จะประมาณสัก 10 คน
...แค่เพียง 10 คน ขยายเครือข่ายต่อ บอกต่อเริ่มต้นด้วยการเข้า มาเรียนรู้สินคาเพราะถ้าเรานำไปทดลองทานเองก็เท่ากับเป็นการสร้าง ความมั่นใจได้เท่าตัว และเมื่อเราเกิดความมั่นใจ เราก็จัดระบบสนับสนุน พร้อมสอนในการลงพื้นที่ด้วยระบบฝึกอบรม ABO หรือจะไปเรียนรู้ด้วย คอรส์ มินิ ABO หากเราเห็นแววผู้นำคนไหน ก็จะส่งเข้าสู่คอรส์ อบรม ผู้นำ 5 บทบาท เรียกว่าทุกอย่างเดินเป็นขั้นเป็นตอนหมด และเป็นอะไรที่เพอร์เฟคมาก
ณ วันนี้กับ ไอยรา ผมใช้เวลา 6 เดือนหรือครึ่งปี เราเริ่มต้นจาก ศูนย์ ถึงที่นี่จะค่ายน้องใหม่แต่สำหรับแบรนด์ก็ไม่ใช่ว่าจะแจ้งเกิดได้ใน วันเดียว แต่ที่นี่เขาขายระบบ ขายความเป็นมือโปร ดึงศักยภาพความเป็น ผู้นำเครือข่ายมืออาชีพออกมา โดยเฉพาะตัว นุช เองเป็น วิทยากรทาง ด้านสินค้า นี่คือจุดที่เรามั่นใจมาก เพราะพอเรามั่นใจในตัวสินค้าแล้ว เรา ก็รันระบบต่อ นุช ทำหน้าที่เป็นวิทยากร แผนการตลาด คุณฉัตรชัย เป็นคนบรรยาย จากนั้นเราพับสนามลงบุกทุกพื้นที่
โดยวิธีการทำงานของเรา จะมุ่งลุยจัดอบรมแล้วค่อยสอยยอด นุช เริ่มลุย ABO เชียงใหม่ ด้วยการจัดประชุม 100 คน แต่มีคนทำธุรกิจ กับเราราว 5 - 10 คน เราก็ดึง 5 - 10 คนนี้ออกมาอบรมคอร์ส ABC ต่อ เนื่อง นี่คือการทำงานเบื้องต้นของการสร้างเครือข่ายด้วยวิธีที่ถูกต้อง ดัง นั้น 10 คนแรกที่ดรีมทีมกันทำตั้งแต่ต้น รวมถึงทีม นุช ที่ช่วยกันสร้าง เครือข่าย คุณเชื่อหรือไม่ว่า ตอนนี้เครือข่ายของเราได้ขยายไปกว่า 2,000 คนแล้ว และการทำงานเราโฟกัสเป็นจุด ๆ จากเชียงใหม่ที่กล่าวมานั้น ก็ ไปขยายผลต่อที่ จ.อุบลราชธานี โดยจะปักหลักทำงานแต่ละแห่งนานกว่า 3 เดือน จนทีมงานเริ่มทำงานเป็นเพราะเรามีหน้าที่ปั้นคนให้เดินตาม ระบบ เมื่อเขาตั้งลำได้ เขาก็จะแจวเรือไปได้เองในที่สุด
ดังนั้น การบริหารทีม เราจะแบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 3 จุดใหญ่ คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และอุบลราชธานี คิวต่อไปก็จะเป็น จ.สุรินทร์ การ ทำงานเราก็จะทำแบบเดิม ๆ คือเน้นจัดคอรส์ การฝึกอบรมเบื้องต้น จนสู่ การทำธุรกิจเป็น ผลลัพธ์ที่ได้เมื่อทุกคนทำงานเป็น ก็มีรายได้กลับคืนมา กับสิ่งที่เคยหาย ๆ ไปในอดีต ก็ได้กลับคืนมาอาทิตย์ละ 5 - 6 หมื่นบาท ต้นเหตุก็เป็นเพราะระบบของเราเข้มแข็งจริงๆ ค่ะ นุช กล่าวอย่างผู้นำ มืออาชีพ
12 ปีที่อยู่ในวงการขายตรงกับอีก 6 - 7 เดือน ที่อยู่กับ ไอยรา แพลนเน็ต รายได้ตรงนี้เมื่อเทียบกับอดีต ความเร็วของ ไอยรา รับ รายได้เร็วสุด ๆ คือมาแรงมาก ดีมาก และก็ชัดเจน จนทำให้ตอนนี้ผม ถอยรถปาเจโร่วี 6 ป้ายแดง ราคา 1.4 ล้านบาท เร็วจนกระทั่งเรากล้าพูด ว่า ภายในสิ้นปีนี้เราตั้งเป้ากวาดรายได้เดือนละ 5 แสนบาท และวันที่ 9 เมษายน 2556 สงสัยว่า ผมคงถอยรถเบนซ์ให้ นุช เขาจริง ๆ และกลาง ปีหน้า2556 ผมและคุณนุช จะปั้นนักขายเงินแสนให้ได้ประมาณ 20 คน และมีรายได้ 3 แสนบาทอีกสัก 10 คน
นั่นหมายความว่า เขาทั้ง 2 จะสร้างมนุษย์เงินแสนอีกกว่า 30 คน และจะไต่บัลลังก์ก้าวสู่เวที นักขายเงินล้าน ในที่สุด...!!!





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 337 ประจำวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2556



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น