ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข่าวคิงส์เฮล์ทตี้ (King Healthy) : ดับอหังการคิงส์ เฮลท์ตี้ บทเรียนธุรกิจเหนือเมฆ









คิงส์เฮลท์ตี้ เป็นธุรกิจเครือข่ายที่ผงาดสู่วงการด้วยระยะเวลาสั้นเพียง 3 ปีเท่านั้น แต่ก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการพิชิตยอดขายถึง 2 พันล้าน ด้วยระยะเวลาเพียง 6 เดือน มีการกำหนดเป้ายอดขายเอาไว้สวยหรู ที่ 5 พันล้านต่อปี แต่แล้วทุกอย่างก็เหมือนฝันเพียงข้ามคืน เมื่อจู่ ๆ มีสัญญาณบ่งชี้ว่า คิงส์เฮลท์ตี้ ประสบปัญหาทางการเงิน เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทขายตรงแห่งนี้ นี่คือ คำถามที่ทุกคนอยากรู้กัน


สู่ฝันอันเรืองรอง


ขึ้นแท่นยอดขาย 2 พันล.


อาจจะเป็นสัจธรรมของการทำธุรกิจขายตรง ที่ผู้ประกอบการ เมื่อผลักดันกิจการให้เติบโตไต่บันได้ก้าวข้ามขั้นไปยืนที่สูง สุดท้ายก็ต้องถอยร่นลงมากลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่


กรณีศึกษาจาก คิงส์ เฮลท์ตี้ แม้ไม่ใช่เพียงกรณีแรกที่เกิดขึ้นในวงการธุรกิจขายตรง แต่ก็ถือบทเรียนครั้งสำคัญในยุคนี้ ที่สะท้อนให้เห็นว่า การขยายตัวในลักษณะที่เรียกว่าใช้ สารเร่งโต เมื่อผ่านมาถึงจุด ๆ ก็จะอยู่ในสภาวะที่ไร้การควบคุม


คิงส์ เฮลท์ตี้ ถือกำเนิดเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 3 ปีเท่านั้น โดยอาศัยการรวมตัวกันระหว่าง คน 2 กลุ่ม


กลุ่มหนึ่งคือ รุ่งโรจน์ อัครชัยรุ่งเรือง นักธุรกิจผู้มากด้วยประสบการณ์ขายตรงมากว่า


10 ปี เคยมีดีกรีเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ สาธารณสุข คมนาคม และกระทรวงเกษตร ฯ เป็นต้น


อีกกลุ่มหนึ่ง ก็คือ กลุ่มของนพธีรา ยินดี หรือนามสกุลล่าสุดคือ ประสพ ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีศักยภาพ ที่ดูจะเหมาะเจาะลงตัว โดยเฉพาะนพธีรา นั้นถือมีประสบการณ์ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ และความงาม ที่เทียบชั้นระดับ เจ้าแม่ ในวงการ คนหนึ่ง


บทสรุปของคน 2 กลุ่ม ได้ตัดสินใจร่วมเขียนตำนานธุรกิจ ด้วยการก้าวสู่ธุรกิจขายตรงแบบ MLM อย่างเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2554


โดยอาศัยช่วงจังหวะ 1-2 ปีแรก ในการเสาะแสวงหาผู้นำระดับพระกาฬเข้ามาร่วมสมทบ เพื่อสร้างกองทัพนักขาย รวมทั้งการเตรียมความพร้อมทั้งด้านการผลิต ตลอดจนการวางแผนการตลาดที่มุ่งเน้นการทุ่มเทผลประโยชน์แก่สมาชิกที่ธุรกิจเครือข่ายค่ายอื่นเห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย


ระยะเวลาปี 2553 เข้าสู่ปี 2555 แม้ดูเป็นระยะเวลาที่สั้นเพียงน้อยนิด แต่ถ้าดูผลที่เกิดขึ้นกับ คิงส์ เฮลท์ตี้ แล้ว ที่นี่ มิใช่เพียงแค่ บริษัทขายตรง ธรรมดาอย่างที่ทุกคนเข้าใจ หากแต่คืออาณาจักรขายตรง ที่หลายต่อหลายค่ายต่างจ้องมองกันตาเป็นมัน


ไตรมาสแรกปี 2555 คิงส์ เฮลท์ตี้ รีครูท สมาชิกทั้งหน้าใหม่ รวมทั้งหน้าเก่าที่แปรพักตร์มาจากธุรกิจขายตรงค่ายอื่น เข้ามาเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 รหัส หรือถ้าคิดเป็นยอดรหัสรวมในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ก็ปาเข้าไป 300,000 รหัส


มิหนำซ้ำหากไปดูในด้านยอดขาย เฉพาะ 3 เดือนแรกของปี 2555 ก็กวาดยอดขายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท


ในไตรมาสที่ 2 มีรายงานตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการออกมาว่า คิงส์ เฮลท์ตี้ มียอดขายเกือบ 2,000 ล้านบาทถึงขนาดมีการคาดการณ์กันว่า ถ้าผ่านเลยมาถึงสิ้นปี คิงส์ เฮลท์ตี้ จะมียอดขายรวมทั้งปีไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท


หรือถ้านับจำนวนสมาชิกที่มาลงสมัคร ก็คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 1 ล้านรหัส ถือเป็นการเติบโตที่ไม่ธรรมดา


แผนการตลาดดี-สินค้าดี


ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความสำเร็จ


หากจะมาวิเคราะห์แผน การตลาด ของ คิงส์เฮลท์ตี้ จะเห็นว่า แผนไบนารี่ ในลักษณะ Week Team-Strong Team (ทีมอ่อน-ทีมแข็ง) มีการให้สิทธิประโยชน์ค่อนข้างจูงใจแก่สมาชิกเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีช่องทางรายได้หลายช่องทาง และในหลาย ๆ ช่องทางก็ดูจะจ่ายสูงกว่า แผนการตลาดในค่ายอื่น ๆ ค่อนข้างมาก


เริ่มตั้งแต่โบนัสแนะนำ คิงส์เฮลท์ตี้ จ่ายสูงสุด 110% จาก 5 ชั้นลึก โดยชั้นที่ 1 จ่าย 30% ชั้นที่ 2-5 จ่าย 20% เพราะฉะนั้น การสะสมคะแนนทั้งสองขา แม้ว่าจะไม่สามารถ ตบกินได้ แต่ก็สามารถมีรายได้จากโบนัสแนะนำ


ด้านโบนัสบริหารทีมงาน ในส่วนของทีมอ่อน จะให้ผลตอบแทนในอัตราสูงสุดที่ 25% ส่วนทีมแข็งจะได้สูงสุดที่ 12 % ซึ่งหากสามารถบาลานซ์ทั้งสองขาได้ ก็จะได้รับโบนัสสูงสุดที่ 37%


ด้านโบนัสแมทชิ่ง รับสูง สุดที่ 240% จาก 4 ชั้นลึก โดยชั้นที่ 1 100% ชั้นที่ 2-3 จ่าย 50% และชั้นที่ 4 จ่าย 40% อธิบายง่าย ๆ หาก หากแม่ทีมใต้สายงาน สามารถสร้างรายได้ได้มากเท่าไร ก็จะส่งผ่านมายังตัวแม่ทีมใหญ่ ที่มีโอกาสรับผลประโยชน์จากรายได้ของลูกทีมในอัตราที่สูงถึง 240%


ณ ช่วงเวลาหนึ่งในปลายปี 2554 อันเป็นช่วงที่เกิด มหาอุทกภัย ธุรกิจขายตรง เกือบทุกค่ายต่างได้รับผลกระทบอย่างถ้วนหน้า แต่สำหรับ คิงส์ เฮลท์ตี้ กลับไม่แสดงอาการสะทกสะท้านอย่างใด


โรงงานที่จังหวัดสุพรรณ บุรี ที่ นพธีรา คุยนักคุยหนาว่าลงทุนถึง 500 ล้าน ยังคงเดินหน้าผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง เครือข่ายที่บรรดาแม่ทีมรีครูทเข้ามา ก็ยังทำงานเดินหน้าลุยขายสินค้ากันอย่างขะมัก เขม้น


ขณะเดียวกัน การลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกกับสมาชิก ทั้งทัวร์ รีสอร์ท ก็พรั่งพร้อมหมดทุกอย่าง ทุกอย่างดูจะลงตัว จนแทบจะไม่ต้องวิตกกังวลอะไรอีก เนื่องจากธุรกิจเครือข่าย เมื่อฐานพีระมิดกว้างขึ้น ก็ย่อมจะทำให้บรรดาแม่ทีม ที่อยู่ปลายยอดพีระมิด มีกำลังใจฮึกเหิม


แต่สัจธรรมการทำธุรกิจเครือข่าย มันจะมีสูตรสำเร็จอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ เมื่อเครือข่ายมีมากขึ้น ฐานระดับล่างถ่างออกไปมากขึ้น หากไม่สามารถควบ คุมระบบการจ่ายผลประโยชน์ให้พอเหมาะพอดี ตรงนี้จะเป็นภาระอันหนักอึ้งที่บีบรัดให้มาร์จิ้นของบริษัทฯ ลดลง


โดยเฉพาะแผนการตลาดที่เรียกว่า Binary หรือ Week Team Strong Team ถ้าหากใช้ฮอร์โมนกระตุ้นการเติบโตมากจนเกินควร ก็จะทำให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า OVER PAY และแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น สิ่งมหัศจรรย์ที่ก่อร่างสร้างฐานเป็น พีระมิด ก็จะอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับ หอเอนเมืองปิซ่า


ระหว่างที่การเติบโตของ คิงส์ เฮลท์ตี้กำลังแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว มีข่าวบางกระแสออกมาโจมตีว่า คิงส์ เฮลท์ตี้ กำลังจะปิดตัวลง เนื่องจากมองว่า การจ่ายผลประโยชน์แก่สมาชิกสูงถึง 61%


โดยเฉพาะมุมมองของเซียนขายตรงหลายคนต่าง ฟันธง เป็นเสียงเดียวกันว่า คิงส์เฮลท์ตี้ กำลังเดินเข้าไปสู่จุดเสี่ยง ถึงขนาดที่มองว่า กำลังจะก้าวไปสู่ มันนี่เกมส์ เข้าไปทุกที


ปัญหาด้านหนึ่ง ที่เริ่มเข้ามาบั่นทอนความเชื่อมั่นภายในองค์กร ก็คือ ปัญหาในด้านการผลิตที่แม้ทาง คิงส์ เฮลท์ตี้ จะพยายามเพิ่มกำลังการผลิตจาก 20,000 กล่องต่อวัน มาเป็น 40,000 กล่อง/วัน แต่เมื่อถึงเวลาที่ตลาดมีการขับเคลื่อนไปอย่างรุนแรง กลับมีปัญหาการส่งสินค้าไม่ทัน


เลวร้ายไปกว่านั้น ก็เริ่มมีข่าวว่า มีสินค้าปลอมเข้ามาระบาด ส่งผลทำให้มาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้า เริ่มทำให้ผู้บริโภคขาดความน่าเชื่อถือ ถึงขนาดมีการเข้าไปตรวจสอบสินค้า จนฝ่ายบริหารต้อง หาทางพิสูจน์ด้วยการส่งตรวจที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง


มรสุมลูกแรกที่เข้ามาปะทะ แทบไม่ต่างอะไรกับในยุคหนึ่งที่ ซัน คลาร่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เมื่อถึงเวลาผลิตไม่ทัน ของขาดตลาด การส่งสินค้าล่าช้า ก็จะมีสินค้าลอกเลียนแบบเข้ามาแทนที่ทันที ยังไม่รวมปัญหาการขายสินค้าตัดราคากันเอง ระหว่างแม่ทีมบางกลุ่มที่ฉวยโอกาสซื้อใจ ลูกทีม เพื่อดึงเข้ามาเป็นแนวร่วม


ศึกที่เข้ามาประชิด คิงส์ เฮลท์ตี้ แม้จะดูเสมือนว่า กิจการเริ่มมีปัญหา แต่ นพธีรา ก็ยังสามารถประคับประคองกิจการให้เดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ๆ เท่านั้น


เพราะถ้าดูจากคำให้สัมภาษณ์ ของ นพธีรา บอสใหญ่แห่ง คิงส์เฮลท์ตี้ ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า สถานะของโรงงาน ไม่ได้ผลิตสินค้าเพื่อสนับสนุนการขายให้เพียง คิงส์เฮลท์ตี้ อย่างเดียว หากแต่ยังมีการทำธุรกิจในลักษณะ OEM หรือเป็นซัพพลายเชน ให้กับแบรนด์ดัง ๆ ค่ายอื่น ๆ อีกไม่ต่ำกว่า 200 ราย


ดังนั้น เมื่อยอดขายเบ่งบานอย่างชนิดแทบไม่ได้ตั้งตัว ก็ย่อมจะทำให้เกิดความผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดา


ศึกนอกพอรับไหว


แต่ศึกในยากจะต้านทาน


เดือนมกราคมปี 2555 ทุกคนใน คิงส์ เฮลท์ตี้ ต่างรับทราบกันดีว่า สินค้าที่อยู่ในสต็อกไม่พอจำหน่าย ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ในช่วงหลังจากเดือนมกราคม ปีเดียวกันนี้ เป็นต้นไป จนเข้าสู่เดือนมีนาคม หรือในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ในท้องตลาดจะต้องไม่มีสินค้าของ คิงส์เฮลท์ตี้ ล็อตนี้ออกจำหน่าย


แต่ในความเป็นจริง กลับมีสินค้าของ คิงส์ เฮลท์ตี้ วางขายกันเกลื่อนกลาด จนมีเสียงร่ำลือไปทั่ววงการว่า สินค้าของ คิงส์ เฮลท์ตี้ มีการปลอมแปลง


เหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ประเดประดังเข้ามาในตอนนั้น แม้ นพธีรา จะออกมายืนยันหนักแน่นเพียงใด แต่ก็มีผลไม่น้อย ต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค


เพราะฉะนั้น ตรงจุดนี้ อาจถือได้ว่า เกมโค่นล้ม คิงส์เฮลท์ตี้ กำลังบรรลุเป้าหมายไปแล้วด้านหนึ่ง


หากดูสถานการณ์ของ คิงส์ เฮลท์ตี้ โดยรวม ๆ แล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้น มิได้มาจากการเล่นเกมระหว่างคู่แข่งด้วยกันเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาภายในของ คิงส์เฮลท์ตี้ เอง


เพราะการเติบโตของ คิงส์ เฮลท์ตี้ ถ้าจะนับช่วงเวลาของการดำเนินธุรกิจจริง ๆ ก็เพียงปีเศษ ๆ เท่านั้น


8 เมษายน 2554 จดทะเบียนกับสคบ.ทำธุรกิจขายตรง


31 มีนาคม 2555 ก็ประกาศออกมาว่ามียอดขายสูงถึง 1,000 ล้านบาท


เดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน ก็มีการประกาศว่ายอดขายพุ่งขึ้นมาเฉียด 2 พันล้าน รวมไปถึงสิ้นปี 2555 หากไม่มีอะไรมาสะดุด ก็ประมาณการว่า ยอดขายจะพุ่งทะยานไปถึง 5,000 ล้านบาท


สรุปง่าย ๆ ก็คือ เพียงชั่วระยะเวลาเพียง 1 ปี คิงส์ เฮลท์ตี้ จะก้าวขึ้นมายืนอยู่ในระดับท็อปไฟว์ในวงการได้อย่างไม่ต้องสงสัย


ส่วนผสมของความสำเร็จ ดูจากการตอบรับของผู้บริโภค ต้องยอมรับว่า สินค้ามีส่วนสำคัญในอันดับต้น ๆ แต่ส่วนประกอบที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง ก็คือ แผนการตลาดที่ดี รวมไปถึง ผู้นำ และศักยภาพของสมาชิกทุกคน ที่จะต้องร่วมกันผลักดันสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค


ในด้านแผนการตลาด มีหลายคนวิเคราะห์ว่า ลำพังแผนแต่เพียงอย่างเดียว คงไม่น่าจะสร้างแรงกระตุ้นทางการตลาดได้มากถึงเพียงนี้


สิ่งที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายของ คิงส์ เฮลท์ตี้ เชื่อว่า น่าจะมาจาก การจัดโปรโมชั่นอย่างดุเดือด ที่แม้จะได้ผลดีในระยะแรก แต่กลับส่งผลเสียมากมายในภายหลัง


การเปิดเกมรุกทางการตลาด ในช่วงปี 2555 ของ คิงส์เฮลท์ตี้ มีการจัดโปรโมชั่นหลายรอบ โดยใช้หลักง่าย ๆ ที่ว่า ซื้อมากแถมมาก ซื้อน้อยแถมน้อย อาทิ ซื้อล้านแถมล้าน หรือซื้อ 1 หมื่น สามารถนำใบเสร็จมารับคูปองแลกสินค้าได้ 14,000 บาทหรือ 15,000 บาท เป็นต้น


วิธีการขายในลักษณะนี้ แม้ว่าจะมี ผู้นำในระดับล่าง ชื่นชอบ แต่สำหรับ ผู้นำ ระดับสูงบางคน กลับมองว่าเป็นวิธีการที่ผิด


เหตุเพราะสินค้าส่วนใหญ่ จะไม่ได้ตกไปอยู่ในมือผู้บริโภค หากแต่จะไปจมอยู่ในมือ แม่ทีม ทั้งระดับกลาง และระดับล่าง ที่หวังจะนำเอาสินค้าส่วนที่เป็นของแถม ไปจำหน่ายในราคาถูก


ผลที่ตามมาประการแรก ก็คือว่า ในตลาดล่าง จะมีการแข่งขันตัดราคากันเอง จนทำให้ตัวแทนที่เป็นศูนย์จำหน่าย ไม่สามารถขายในราคาปรกติได้ สุดท้ายก็อาจจะเลิกราไป


ประการที่สอง การให้สิทธิประโยชน์ในรูปของแผนการตลาด หรือการให้พรีเมี่ยมกับผู้ซื้อมากเกินไป จะทำให้เกิดพฤติกรรมเคยชิน ซึ่งหากมีการปรับลด หรือมีการยกเลิก ก็จะทำให้ยอดขายตกฮวบลงทันที


ผู้นำ จะเห็นได้ว่าในช่วงระยะเวลา 1 ปี คิงส์ เฮลท์ตี้ มีผู้นำระดับเงินล้านถึง 11 คน มีผู้นำระดับแสนอีกหลายร้อยคน และหนึ่งในนั้นก็คือ กิตติศักดิ์ วงศ์ทิพย์พันธุ์ ผู้คร่ำหวอดในวงการเครือข่ายมากว่า 10 ปีถือเป็นกำลังสำคัญ ที่ถูกจัดอันดับเป็นผู้นำเบอร์ 1 ที่ผลักดันให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีเครือข่ายใต้สายงานกว่า 40,000 รหัส มีผู้นำใต้สายงานระดับเงินล้าน 3-4 คน และระดับเงินแสนกว่า 100 คน


คนต่อมาคือ นิธิวัชร์ ฐานยศเลิศภักดี อดีตนักธุรกิจหนุ่ม และเป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกับ กิตติศักดิ์ ที่ถูกชักชวนเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย ที่ คิงส์ เฮลท์ตี้ เป็นครั้งแรก แต่ระยะเวลาเพียง 1 ปี ก็สามารถยกระดับเป็นผู้นำระดับเงินล้านไปแล้ว มีสมาชิกใต้สายงานกว่า 5,000 รหัส


อีกคนหนึ่ง ก็คือ รพีพัฒน์ อินทะมาตย์ อดีตเคยทำอาชีพขายตรงประกันชีวิตมาก่อน แต่ก็ตัดสินใจเบนเข็มมาที่ คิงส์ เฮลท์ตี้ ภายใต้การชักนำของ กิตติศักดิ์ วงศ์ทิพย์พันธุ์ มีเครือข่ายใต้สายงานกว่า 40,000 รหัส ถือเป็นแม่ทีมระดับเงินล้านที่ศักยภาพสูงคนหนึ่ง


ภาวัฒ ปิติภัทรสุนทร อดีตเคยทำธุรกิจส่งออก ทำไร่ แต่ก็หันมาหลงใหลธุรกิจเครือข่าย สามารถสร้างนักขายที่มีรายได้หลักแสนและหลักล้านได้เป็นจำนวนมาก โดยมีองค์กรใต้สายงานกว่า 50,000 รหัส


และแม่ทีมใหญ่คนสุดท้าย คือ รัญวรัชญ์ วินันท์ธนาศิริ อดีตช่างเสริมสวยตัดเย็บเสื้อผ้า ที่หันมาเอาดีทางด้านธุรกิจเครือข่าย จนประสบความสำเร็จ


เมฆทมึนตั้งเค้า


ก่อนพายุจะมา


ภายหลังจากที่ คิงส์เฮลท์ตี้ ฝ่ามรสุมปัญหาเรื่องสินค้ามาได้ไม่นานนัก เมฆทมึนก็เริ่มตั้งเค้าอีกครั้ง เมื่อเกิดศึกภายในในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน


เข้าสู่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2555 ขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมกับความสำเร็จจากยอดขายที่พุ่งราวกับติดจรวดได้ไม่นานนัก คิงส์ เฮลท์ตี้ มีการจัดโปรโมชั่นประจำปี เพื่อเป็นการ ประกาศผลแห่งความสำเร็จ และมอบรางวัลเกียรติยศแก่ผู้นำ


หนึ่งในนั้น ก็คือ การจัดโปรโมชั่นท่องเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับสมาชิกที่พิชิตยอดขายได้ตามเป้า ซึ่งว่ากันว่าในปีนี้มีผู้นำนับร้อยคนที่จะได้ไปเหยียบยอดเขาฟูจิ และชมดอกซากุระบาน


แต่เมื่อถึงเวลา เอาเข้าจริง กลับกลายเป็นว่า สมาชิกที่พิชิตเป้าได้สำเร็จ จะต้องไปทำเรื่องขอ วีซ่าเอาเอง หากขอวีซ่าไม่ผ่าน ก็เป็นอันว่าอดไป และผลก็เป็นไปตามคาด ก็คือ มีสมาชิกไม่ถึงครึ่งที่ ยื่น วีซ่าผ่าน


นี่คือ ข้อสังเกตประการหนึ่ง ที่บรรดาสมาชิก คิงส์ เฮลท์ตี้ เริ่มมีความรู้สึกถึงความไม่มั่นคงของกิจการ


แม้แต่กรณี การแจกรางวัลรถยนต์โตโยต้า วีออส จำนวน 10 คัน ที่มีการยื้อแย่งเตะถ่วงกันอยู่เป็นแรมเดือนก็ถูกมองว่า เป็นเกมที่ คิงส์ เฮลท์ตี้ หาเหตุที่จะไม่จ่าย จนเป็นข่าวฮือฮาอยู่พักใหญ่ บานปลายถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลกัน


ในจำนวนรถทั้ง 10 คัน มีจำนวน 5 คัน ที่ ผู้นำในทีมของ กิตติศักดิ์ วงศ์ทิพย์พันธุ์ จะได้รับรางวัล แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง ก็ทำท่าว่าจะมีปัญหา เนื่องจากทั้งสองฝ่าย พยายามเล่นเกมต่อรองอะไรบางอย่าง จนทำให้ภาพที่ออกไปสู่ภายนอก ดูเสมือนว่า คิงส์ เฮลท์ตี้ ไม่พร้อมที่จะแจกรถ หรือ หาเหตุที่จะยกเลิกการแจกรถยนต์


แต่สุดท้าย ปัญหาก็ยุติลงได้ด้วยดี โดยฝ่าย นพธีรา มีการมอบรถยนต์ครบตามจำนวน ส่วน กิตติศักดิ์ ได้ตัดสินใจ ถอนตัวออกจาก คิงส์ เฮลท์ตี้ พร้อมกับหันไปร่วมงานกับ ค่ายไอยรา ซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจเครือข่ายที่เพิ่งเริ่มก่อตัวได้ไม่นานนัก


สิ่งที่สร้างความวิตกกังวล กับผู้นำระดับสูงสุดของ คิงส์เฮลท์ตี้ และเป็นเหตุ ที่ทำให้มีผู้นำระดับสูงทยอยเดินออกไปหลายคน ไม่ใช่ปัญหา 2 เรื่องที่ผ่านมา แต่ปัญหาใหญ่ที่สร้างความสั่นคลอนความเชื่อมั่นในองค์กรมากที่สุดก็คือ ปัญหาการจ่ายคอมมิชชั่นแก่เหล่าสมาชิกล่าช้า ที่ทาง คิงส์ เฮลท์ตี้ หาวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำเอาสินค้าไปชำระแทนเงิน


ซึ่งวิธีนี้ก็ดูเหมือน จะได้รับการปฏิเสธจากผู้นำ หรือรวมไปถึงสมาชิกอย่างสิ้นเชิง ! เนื่องจากทุกคนที่มาทำธุรกิจเครือข่าย ก็หวังจะหารายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว


สุดท้าย ปัญหาภายในองค์กร ก็ได้ลุกลามบานปลาย กลายเป็นวิกฤติการณ์ศรัทธาครั้งสำคัญ ที่นำไปสู่การแตกร้าวภายในองค์กร มีข่าวลือต่าง ๆ นานา ออกมามากมาย เป็นเหตุให้แม่ทีมและลูกทีมแตกกระเจิงทะลักเข้าไปสู่ธุรกิจเครือข่ายค่ายอื่นเป็นจำนวนมาก คงเหลือแต่ ผู้นำเพียงบางคน ที่ยังจงรักภักดีกับองค์กร และพร้อมที่จะลุกขึ้นมาสู้กับ คิงส์ เฮลท์ตี้อีกครั้ง


การเปิดตำนานหน้าใหม่ของ คิงส์ เฮลท์ตี้ แม้วันนี้ กิจการจะยังคงเดินหน้าต่อไป แต่การที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับคืนมา กลับเป็นการยากกว่าการเริ่มต้นกิจการใหม่เสียอีก


เหตุเพราะ จากประสบ การณ์ที่ผ่านมา เกือบทุกกิจการที่ผ่านวิกฤติการณ์ความเชื่อมั่น แม้ไม่ถึงกับ ตาย แต่ก็ยากที่จะ โต


นี่อาจจะเป็นกรณีศึกษา ที่น่าสนใจอีกเคสหนึ่ง สำหรับกิจการขายตรงที่เติบโตแบบ ผิดธรรมชาติ




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 337 ประจำวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น