ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

"หน่วยรัฐ-เอกชน" จัดหนักปลายปี เร่งเครื่องดันธุรกิจเครือข่ายสู่มาตรฐาน


ขายตรงปลายปีเร่งเครื่องสร้างมาตรฐาน... หน่วยงานรัฐ-เอกชน พร้อมใจยกระดับนักธุรกิจขายตรงสู่ความเป็นมืออาชีพ ล่าสุด สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย หรือ (TSDA) จัดงาน การอบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง ครั้งที่ 3 หวังเติบเชื้อไฟนักธุรกิจ...ด้าน จิรชัย เลขาฯสคบ. เผยพร้อมช่วยผลักดันธุรกิจขายตรงให้มีมาตรฐานและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ล่าสุดเรียก 30 บริษัท เข้าชี้แจงกรณีการโฆษณาสินค้า ชี้!หากเข้าข่ายโอ้อวดเกินจริง พร้อมระงับโฆษณาทันที...ส่วน ภญ.ศรีนวล รองเลขาฯ อย. ประกาศพร้อมดำเนินการตรวจสอบโฆษณาที่ฝ่าฝืนกฎ ย้ำ!หากผิดจริงลงโทษอย่างเดียว
หากใครที่อยู่ในธุรกิจขายตรงมานานคงพอที่จะทราบว่า ธุรกิจขายตรงในอดีตกับปัจจุบัน เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งในส่วนของภาพลักษณ์และหลาย ๆ บริษัทเองต่างก็มีความเป็นมืออาชีพในการทำธุรกิจแทบทั้งนั้น ถึงแม้จะมีธุรกิจสีเทาบางจำพวก มาทำให้ธุรกิจขายตรงสีขาวหม่นหมองก็ตามที

ในขณะเดียวกัน ภาพลักษณ์ของธุรกิจขายตรง จะเจิดจรัสได้นั้น ก็ต้องอาศัยหลาย ๆ องค์ประกอบเข้ามาช่วยหล่อหลอมและขัดเกลาธุรกิจด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหลาย ๆ สมาคมขายตรงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาครัฐที่ดูแลธุรกิจขายตรงนี้ โดยตรงด้วย

อย่างล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ทางด้าน สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย หรือ (TSDA) ก็ได้ร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) จัด การอบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง ครั้งที่ 3 โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 1,000 คน จาก 5 บริษัท ที่เป็นสมาชิกของ TSDA โดยในงานครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มาเป็นประธานกล่าวเปิดงาน รวมทั้งบรรยายเรื่อง โฆษณาขายตรงอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ รวมถึงยังมี ภญ. ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาบรรยายเรื่อง การขายผลิตภัณฑ์ด้านอาหาร และยาอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย อีกด้วย

เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งเครื่องส่งสัญญาณที่ดี สำหรับธุรกิจขายตรงที่พร้อมจะขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความเป็นมาตรฐานสู่สากลนั่นเอง และที่สำคัญ ในการอบรมครั้งนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ แก่ผู้ที่เป็นนักธุรกิจอิสระเป็นอย่างมาก เพราะนอกจาก จะได้ความรู้แล้ว ยังได้บัตรประจำตัวนักธุรกิจอิสระอีกด้วย ในการที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการทำธุรกิจขายตรงภายใต้กฎจรรยาบรรณ


สคบ.เร่งสร้างมาตรฐานขายตรง
เรียก30บริษัทคุมเข้มเรื่องโฆษณา
ปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่า หน่วยงานรัฐ ถือเป็นอีกหนึ่งหัวจักร ในการส่งเสริมธุรกิจขายตรงให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน สำหรับบทบาทของ สคบ. ในช่วงเวลานี้นั้น ทีมข่าว ตลาดวิเคราะห์ ได้รับการเปิดเผยจากนายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ว่า ขณะนี้ทางหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะทาง สคบ.เอง ได้มีการเตรียมการที่จะส่งเสริมธุรกิจขายตรงสู่ตลาดอาเซียนในทุกรูปแบบ
โดยในเบื้องต้นที่ทาง สคบ. ได้มีการหารือกับหลาย ๆ ฝ่าย เพื่อที่จะช่วยผลักดันธุรกิจขายตรงให้มีมาตรฐานและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ 1. กรอบของกฎหมายในธุรกิจขายตรง ที่จะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงบ้างเรื่อง 2. อยากที่จะให้ทางภาครัฐและผู้ประกอบการ ได้ทำงานร่วมมือกัน เพื่อที่จะส่งเสริมธุรกิจขายตรงสู่อาเซียน

ส่วนความคืบหน้าของ ตราสัญญาลักษณ์ สคบ. นั้น นายจิรชัย เผยว่า ขณะนี้ทางรัฐมนตรีวรเทพ เอง ก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ที่จะส่งเสริมการคุ้มครองผู้บริโภคแบบชัดเจน พร้อมกับเสนอแนะให้มีการไปปรับในเรื่องของการการันตี การทำประกันว่าจะมีการทำอย่างไร ซึ่งขณะนี้ ทางผู้ประกอบการก็เห็นด้วย ที่จะดำเนินการตามแนวทาง 3 ทาง คือ 1. ให้ทางธนาคารค้ำประกัน ตามวงเงินความเสี่ยงที่มี 2. การตั้งกองทุนขึ้นมา โดยอาจจะเป็นการลงขันของผู้ประกอบการในการตั้งกองทุนตรงนี้ และ 3. การทำประกัน

ขณะนี้ในส่วนของตราสัญญาลักษณ์ สคบ.นั้น ได้มีการให้ทางผู้ประกอบการเข้ามาสมัครแล้ว โดยจะต้องอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ โดยใน 11 บริษัทสมาชิกของสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย หรือ (TSDA) นั้น ขณะนี้ยังไม่มีบริษัทใดที่เข้ามาขอตราสัญญาลักษณ์เลย ซึ่งต้องบอกว่าตราสัญญาลักษณ์ดังกล่าว ถือเป็นโลกทัศน์ใหม่ ที่จะนำธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ โดยมีหน่วยงานของภาครัฐอย่างสคบ. เข้ามาการันตีและดูแลผู้บริโภค ซึ่งตรงนี้จะทำให้ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความมั่นใจในสินค้ามากขึ้น ซึ่งวันนี้ หากบริษัทไหนที่พร้อม สามารถที่จะดำเนินการขอได้ทันที

นายจิรชัย เผยต่ออีกว่า ปัจจุบันนี้ทางสคบ. ได้มีการหารือกับทางคณะกรรมการสคบ.ในชาติอาเซียนบ้างแล้ว โดยทุกฝ่ายต่างมีความยินดี ที่จะประสานความร่วมมือด้วยกัน ในการที่จะผลักดันธุรกิจขายตรงให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญ หากทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการ ทำงานร่วมกัน ก็จะเป็นประโยชน์ทั้งในเศรษฐกิจของประเทศและชาติอาเซียนที่ทำงานร่วมมือกันด้วย

ส่วนแผนงานเร่งด่วนของสคบ. ในขณะนี้นั้นคือ การเตรียมที่จะเรียก 30 บริษัท มารับทราบในส่วนของการโฆษณาอย่างไรให้เหมาะสม โดยทางสคบ.จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้ามาชี้แจงก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ที่บริษัทเรียกมา จะเป็นสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพประมาณ 80% โดยจะเป็นการโฆษณาในลักษณะการลด แลก แจก แถม ซึ่งจะมีทั้งบริษัทขายตรงและไม่ใช่บริษัทขายตรง และหากพบว่าบริษัทไหมมีการฝ่าฝืนกฎหมาย ทางสคบ.เอง ก็จะมีการออกจดหมายแจ้งเตือนก่อน แต่หากยังมีการกระทำความผิดดังกล่าวนี้อีก ก็จะมีการระงับโฆษณาต่อไป

สิ่งที่ทางสคบ. อยากเห็นในตอนนี้คือ การร่วมมือกันในหลายๆ ฝ่ายของสมาคมขายตรง ที่จะต้องมีการประสาน เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน เพราะวันนี้การที่จะยกระดับธุรกิจขายตรงสู่ความเป็นสากลนั้น การทำงานต้องไม่ทำเพียงคนเดียว แต่จะต้องรวมใจกันทำ ยิ่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2558 ด้วยแล้ว ธุรกิจขายตรงต้องผนึกกำลังเป็นแผ่นเดียวกันให้ได้


อย.เร่งตรวจโฆษณาผิดกฎ
ประกาศลงโทษจริงหากฝ่าฝืน
...ด้าน ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางอย. ก็ได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ อย่าง สคบ. ที่ดูแลในเรื่องของการโฆษณาผลิตภัณฑ์มาโดยตลอด เห็นได้จากทาง สคบ.ก็จะมีในส่วนของกรรมการหลาย ๆ ส่วน ดูแลในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ รวมถึงในเรื่องการโฆษณารวมอยู่ด้วย เช่นเดียวกับทาง อย.ก็จะมีการรับเรื่องร้องเรียนในทุก ๆ เรื่องด้วย

ในปีนี้ อย.ได้มีการเซ็นสัญญา MOU กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ในเรื่องของการทำโฆษณา ซึ่งในปี 2554 ที่ผ่านมา อย.เอง ยังได้มีการนำเสนอในเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องของยา อาหาร ที่โอ้อวดเกินจริง ในทีวีดาวเทียม อินเตอร์เน็ต วิทยุชุมชน โดยภายในปลายปีนี้ จะมีการนำเสนอเรื่องดังกล่าวเข้า ครม. อีกครั้ง เพื่อกำหนดแผนยุทธศาสตร์ร่วมกัน

ภญ.ศรีนวล กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนที่อย.จะทำงานร่วมกันกับรัฐบาลคือ การหาข้อมูลของการโฆษณาที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหากเมื่อเจอโฆษณาที่ไม่ถูกต้อง ก็จะมีการส่งข้อมูลไปให้ทาง กสทช.ใช้ในการพิจารณาออกใบอนุญาตหรือต่อใบอนุญาต นอกจากนี้ อย.ยังได้รับความร่วมมือกับทางดาวเทียม ที่จะแจ้งข้อมูลของผู้ประกอบการในแต่ละช่องว่าใครเป็นเจ้าของช่อง เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงผู้ประกอบการที่กระทำผิดได้ง่ายขึ้นด้วย

ขณะนี้ อย.ได้มีการตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนขึ้น โดยมีการทำงานในเชิงของการเฝ้าระวัง ในสื่อของทีวีดาวเทียมและสื่อวิทยุ โดยในส่วนของสื่อวิทยุนั้น จะเฝ้าระวังในส่วนที่รับได้ในกรุงเทพฯ ก่อน รวมถึงสื่อนิตยสาร สื่ออินเตอร์เน็ตที่อย. กำลังมีการเฝ้าระวังอยู่

นอกจากนี้ ภญ.ศรีนวล ยังได้เผยถึงปัญหาของทีวีดาวเทียม ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ว่า ส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของการเข้าถึงตัวเจ้าของยาก การระงับสัญญาณก็ยาก ซึ่งส่งผลทำให้การทำงานในการเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิดค่อนข้างที่จะล่าช้า ซึ่งตรงนี้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับทาง กสทช.เข้ามาช่วยด้วย โดย
เชื่อว่า หากทาง กสทช. มีการกำหนดใบอนุญาตแล้วเสร็จเมื่อไหร่ จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้อย.ทำงานได้ง่ายขึ้นแน่นอน

ส่วนกรณีที่ว่ามีปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจขายตรง มีความกังวลมากที่สุดในเรื่องของกฎหมายบางตัวนั้น ภญ.ศรีนวล ให้ความเห็นว่า ในส่วนของกฎหมายบางตัวที่ทำให้ผู้ประกอบการขายตรงเกิดความกังวลใจนั้น ถือว่าใช่ ซึ่งหากวันนี้ผู้ประกอบการทำตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แต่วันนี้ไม่ใช่ กลับพบว่า มีผู้ประกอบการบางราย มีการทำผิดกฎ ทั้งในเรื่องของการโฆษณาที่โอ้อวดเกินจริง พร้อมกับการใส่สารบางอย่างที่เป็นสารต้องห้ามในสินค้า
ซึ่งความผิดตรงนี้ทำให้ทาง อย. จึงจำเป็นที่จะต้องเพิกถอนใบอนุญาตของผู้ประกอบการนั้น


TSDAประกาศพร้อมดันขายตรงเกิด
ชี้งานอบรมมาตรฐานวิชาชีพได้ผลจริง
ด้าน อนุวัฒน์ ธรมธัช นายกสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ได้กล่าวถึง การอบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง ครั้งที่ 3 นี้ ว่า เป็นการกระตุ้นธุรกิจขายตรงรวมถึงนักธุรกิจอิสระให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของสมาคมที่ต้องการพัฒนาธุรกิจขายตรงไปสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน

วันนี้มีหลาย ๆ สมาคมและหลาย ๆ ธุรกิจต่างตื่นตัวในเรื่องของตลาดอาเซียน และทางสมาคมพัฒนาการขายตรงไทยก็ให้ความสำคัญในเรื่องตรงนี้ ซึ่งการจัดอบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรงจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ประกอบการธุรกิจขายตรง นักธุรกิจอิสระ และผู้บริโภค แต่ทั้งนี้ในการที่จะบุกตลาดอาเซียนได้นั้น ก็ต้องอาศัยรัฐบาลเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนด้วยถึงจะเกิดผล

อนุวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางของธุรกิจขายตรงในปี 2556 นั้น มองว่าจะต้องเติบโตกว่าในปีนี้อย่างแน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปีหน้าเศรษฐกิจของอเมริกาน่าที่จะดีขึ้น ธุรกิจยุโรปก็จะดีขึ้นด้วย ซึ่งก็จะส่งผลมาถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมถึงธุรกิจขายตรงก็จะเติบโตตามไปด้วย

...เช่นเดียวกับทางด้าน ดร.สมชาย หัชลีฬหา เลขาธิการ และประธานฝ่ายวิชาการ สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย หรือ (TSDA) ได้เปิดเผยว่า การอบรมมาตร ฐานวิชาชีพขายตรง ครั้งที่ 3 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการพัฒนานักธุรกิจขายตรงไทย โดยงานนี้จะเป็นตัวแปร ที่จะทำให้ทั้ผู้ประกอบการและนักธุรกิจอิสระตระหนักในอาชีพขายตรงมากขึ้น ที่สำคัญ วันนี้อาชีพขายตรงนั้นไม่ใช่อาชีพที่ขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีในเรื่องของกรอบจรรณยาบรรณ เรื่องของกฎหมายที่ควบคุมด้วย

การอบรมครั้งนี้ เป็นเนื้อหาสาระที่ทุกคนควรรู้ ทั้งในเรื่องของแนวทางในการวางแผนงานในการทำธุรกิจ การทำงานอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ และมีความสำเร็จโดยง่าย พร้อมกับ ยังมีการบอกถึงวิธีการทางการตลาด พูดถึงรูปแบบทางการตลาดในยุคสมัยใหม่ เรื่องของแนวทางที่จะใช้ในการแข่งขัน เพื่อให้สอดรับกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ที่กำลังจะมาถึงในปี 2558 นี้

ดร.สมชาย กล่าวต่อว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ ถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย ส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกคนหรือนักธุรกิจอิสระทุกท่านเองก็จะต้องมีการปรับตัวให้ได้ ต้องรู้ว่าควรที่จะมีการพัฒนาเตรียมความพร้อมอย่างไร ที่จะสามารถแข่งขันได้ ที่สำคัญ ต้องรู้เท่าทันภาวะการณ์เปลี่ยน แปลงของนโยบายของภาครัฐ รวมถึงรู้ถึงแนวทางของระบบเศรษฐกิจ ที่มีการรวมตัวกัน

นั่นหมายความว่า เรื่องของการค้าเสรี เรื่องของการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี เรื่องของเงินทุนเสรี จะนำมาซึ่งกำลังซื้อ และการแข่งขันที่มากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้เอง จึงส่งผลทำให้ทุกคนจะต้องมีความรู้ ด้วยพื้นฐานของการตลาด กลยุทธ์การตลาด กรอบกฎหมาย วิธีการและรูปแบบที่จะใช้ในการแข่งขัน ซึ่งงานและกิจกรรมในครั้งนี้ ถือว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ามารับการอบรม ที่นอกจากจะได้ในเรื่องของประกาศนียบัตรแล้ว ยังได้ในส่วนขององค์ความรู้ และความภาคภูมิใจในอาชีพอีกด้วย


thaimlmnews.com ( เชื่อมตรงทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่งรวมธุรกิจเครือข่าย )

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่ 16-31 ธันวาคม 2555 ปีที่ 15 ฉบับที่ 334

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น