ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

SK999 กระหึ่มที่ "จีน" รับโล่เหรียญทองอันดับ1 นวัตกรรมปุ๋ยอินทรีย์เคมีน้ำรายแรก


เคมาร์เก็ตติ้ง เวิล์ดสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ พิชิตรางวัลชนะเลิศเหรียญทองงานเกษตรแฟร์-เซี่ยงไฮ้ ประกาศศักดาปุ๋ยอินทรีย์-เคมีน้ำ นวัตกรรมใหม่แห่งแรกของไทย ผงาดเหนือแดนมังกร เกษตรกรจีนทึ่ง ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์เหนือชั้นในทุกด้าน ผู้บริหารประกาศพร้อมรบทั่วโลก หลังตลาดจีนตีปากขานรับ เดินหน้านำสินค้าปูพรมเต็มพื้นที่


SK 999 มาถูกที่ถูกจังหวะ
เหตุจีนตื่นตัวเกษตรอินทรีย์
นับเป็นการปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการค้าปุ๋ยเมืองไทย ที่สามารถก้าวเข้าไปตีตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแผ่นดินจีน ที่ถือว่าเป็นแผ่นดินเกษตรกรรมที่ใหญ่แห่งหนึ่งของโลก


กลุ่มบริษัท เคมาร์เก็ตติ้ง เวิล์ด จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์-เคมี สูตร 5-5-5 ถือเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายแรกของเมืองไทย ที่ประสบความสำเร็จในการนำผลิตภัณฑ์เข้าในงานแสดงสินค้าเกษตร หรืองานเกษตรแฟร์ ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1-4 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา
โดยสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทอง อันดับ 1 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์-เคมี ที่นอกจากจะมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตแก่พืชทุกชนิดแล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถให้คุณประโยชน์ทั้งทางด้านการผลิตและการรักษาคุณภาพดิน


งานเกษตรแฟร์ ที่มหา นครเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นมหกรรมทางด้านเกษตรที่ยิ่งใหญ่ ที่บรรดาผู้ประกอบการทั้งทางด้านอุปกรณ์การเกษตร รวมทั้งผู้ผลิตปุ๋ย ทั่วแผ่นดินจีน จะนำเอาผลิตภัณฑ์ของตนเองมาแสดงสินค้า เพื่อแสดงถึงศักยภาพของตนเอง


โดยบริษัท เคมาร์เก็ตติ้ง เวิล์ด จำกัด ถือเป็นกลุ่มผู้ผลิตปุ๋ยรายเดียวของไทย ที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าครั้งนี้ ซึ่งผลที่ออกมา ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจแก่ผู้ประกอบการ ที่จะสามารถเปิดตลาดปุ๋ยอินทรีย์-เคมีในประเทศจีนได้สำเร็จเท่านั้น หากแต่ยังเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่สะท้อนให้เห็นว่า นวัตกรรมด้านการเกษตรของไทย ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศใดในโลก


ช่องทางและโอกาสในการผลักดันผลิตภัณฑ์ SK 999 เข้าสู่ภาคการเกษตรของจีน แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศจีนมีผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ถ้าหากจะดูพื้นที่เพื่อการเกษตรจริง ๆ จะมีอยู่เพียง 9% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น


ในพื้นที่ดังกล่าว มีการปลูกพืชนานาชนิด อาทิ ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ฝ้าย ชา อ้อย มันเทศ ถั่วเหลือง รวมทั้งพืชผักผลไม้อีกนานาชนิด
ศักยภาพการผลิตของจีน เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่า มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทั้งในด้านการคิดค้นสายพันธุ์ การตัดแต่งพันธุ์กรรม หรือรวมไปถึงการใช้ปุ๋ยใช้ยา


ถือเป็นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตรที่น่าเกรงขาม เนื่องจากสามารถเพิ่มผลผลิตได้ดี อีกทั้งยังมีการบริหารต้นทุนที่ต่ำ สามารถนำสินค้าเกษตรไปตีตลาดได้ทั่วโลก
แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้าย ที่ทางการจีนต้องการ เนื่องจากกระแสโลก รวมทั้งมาตรการกีดกันทางการค้า เริ่มมีบทบาทในการกดดันผลิต ภัณฑ์ทางการเกษตรให้มีการปรับตัว ที่ไม่ใช่เพียงแค่ราคาเท่านั้น หากแต่หมายถึงคุณภาพ ที่ครอบคุลมไปถึงการยกระดับผลิตผลทางการเกษตรเพื่อเป็นพืชเกษตรอินทรีย์ หรือ Oganic อย่างเต็มรูปแบบ


ปี 2550 จีนเริ่มตื่นตัวเป็นอย่างมากในเรื่องการบริโภคพืชผักที่ปลอดจากสารเคมี โดยผลจากการสำรวจผู้บริโภคในกรุงปักกิ่ง ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพและปลอดภัยของอาหารมากกว่าราคา ส่งผลทำให้อุตสาหกรรมการเกษตร รวมทั้งอุตสาหกรรมอาหารของจีนต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักทั้งผู้บริโภคในประเทศและนอกประเทศ


หลังจากนั้นในเวลาต่อมา รัฐบาลจีนได้มีการกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดและห้ามการผลิตอาหารที่ก่อเกิดมล ภาวะต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งห้ามไม่ให้มีการใช้สารเคมีมากเกินไป


นอกจากนี้สินค้าเกษตรที่ส่งออกของจีน ยังถูกกดดันจากระบบการตรวจสอบรับรองคุณภาพเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด รวมไปถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนการผลิตของจีน


ที่จะต้องสูงขึ้น ถือเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของภาคเกษตรในทศวรรษหน้า และเป็นรอยต่อระหว่างการตัดสินใจของทาง การจีนว่า จะส่งเสริมการผลิตพืชบางประเภท อาทิ ข้าวโพด และถั่วเหลืองภายในประเทศต่อไป หรือจะเปิดให้มีการนำเข้ามากขึ้น เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดในประเทศ


กระแสที่ถูกปลุกเร้าจากกรุงปักกิ่ง ได้ลุกลามมายังมหานครเซี่ยงไฮ้ และแผ่ขยายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว จนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทางการจีน ได้จัดให้มีการจัดงานเกษตรแฟร์ขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ภาคเกษตร กรรมของจีนตื่นตัว และหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น


การที่กลุ่มบริษัท เคมาร์เก็ตติ้ง เวิล์ด จำกัด สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทองครั้งนี้ ถือเป็นการตอบโจทย์ตามกระแสความต้องการของเกษตรกรจีนอย่างถูกที่ถูกเวลา เนื่องจากข้อมูลจากผู้ร่วมงาน


ที่ ตลาดวิเคราะห์ ได้ไปสัมภาษณ์มา เกษตกรจีนส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยน แปลงทั้ง 4 ฤดูกาล ประกอบกับเปลี่ยนแนวนโยบายการดำเนินอุตสาหกรรมเกษตร ต้องหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ที่เป็นมูลสัตว์


รวมไปถึงแร่ธาตุ ที่มาจากธรรมชาติ ส่งผลทำให้การหว่านปุ๋ยในแต่ละครั้ง เป็นไปโดยความยากลำบาก
เกษตรกรจีนรายหนึ่ง เปิดเผยว่า การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในรูปแบบเดิมที่เป็นอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นชนิดผง หรือเป็นชนิดเม็ด ทำให้ต้องแบกรับน้ำหนักในการหว่านปุ๋ยมาก ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของเกษตรกร โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว เกษตรกรจีนจะประสบปัญหาโรคข้อเสื่อมเป็นจำนวนมาก
เพราะฉะนั้น การที่ SK 999 เข้ามาเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่ ซึ่งมีความสอดคล้องและเหมาะสมทั้งการตอบสนองนโยบายของทางการจีน รวมทั้งสามารถตอบสนองความต้อง การของเกษตรกรจีนได้ จึงเป็นเหตุผลหลักที่สำคัญ ที่นำไปสู่การคว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทองอันดับที่ 1 ทางด้านนวัตกรรม ปุ๋ยอินทรีย์เคมีน้ำรายแรก


ดูเหตุผลที่ชนะใจกรรมการ
ทำไมต้องSK 999
ในสังคมเกษตรยุคปัจจุบัน แม้ว่ามีกลุ่มเกษตรกรจำนวนมาก พยายามลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี และสารเคมี เพื่อยกระดับผลิตผลเป็นเกษตรอินทรีย์ แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่มากมาย เนื่องจากแร่ธาตุที่อยู่ในดิน เมื่อถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์มากขึ้น ธาตุอาหารหลัก จะลดน้อยลงไป ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพืชได้ดีเท่าที่ควร


ขณะเดียวกัน การใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป หากมีมากเกินความจำเป็น ก็จะมีการจับตัวของธาตุโลหะหนักในดิน เป็นประจุลบที่ทำให้ดินแข็งตัว ไม่มีความโปร่งพรุน แม้จะมีการหว่านปุ๋ยซ้ำเป็นจำนวนมาก ก็ไม่สามารถนำเอาแร่ธาตุที่สะสมมาใช้ได้


การรักษาความสมบูรณ์ของดินของเกษตรกรจึงมีทางเลือกไม่มากนัก ซึ่งจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรในบ้านเรา มีผู้ประกอบการพยายามคิดค้นหาทางออกในหลาย ๆ แนวทาง แต่สุดท้าย ก็ไม่อาจหลีกพ้นที่จะต้องอาศัยแนวทางแบบผสมผสาน นั่นก็คือ การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ควบคู่กัน
โดยเฉพาะการปุ๋ยประเภท เม็ด นอกจากจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากแล้ว หากแต่ยังเป็นภาระในการขนย้ายและการหว่านเป็นอย่างมาก และที่สำคัญ การหว่านปุ๋ยเคมี เป็นที่ทราบดีว่า ในจำนวน 100 % ที่หว่านไป ส่วนหนึ่งจะละลายไปกับอากาศ อีกส่วนหนึ่งจะเหลือเก็บสะสมเอาไว้ในดิน ส่งผลทำให้คุณภาพดินเสื่อม อีกทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ


แม้ในปัจจุบันนี้ จะมีผู้ผลิตหลายราย พยายามคิดค้นนวัตกรรมเข้ามาเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับพืช แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ในลักษณะ Growth Hormone ที่เร่งให้พืชกินอาหารเก่งเท่านั้น แต่เมื่อถึงยามที่พืชต้องการอาหาร ก็ต้องไปหาปุ๋ยเคมีมาหว่านเพิ่ม
เพราะฉะนั้น ตรงจุดนี้ คือโจทย์ข้อใหญ่ ที่วงการผู้ผลิตปุ๋ย ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ จวบจนกระทั่ง บริษัท เคมาร์เก็ตติ้ง เวิล์ด จำกัด ได้ปรากฏตัวในตลาดเมืองไทย วิวัฒนาการของผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์เคมีน้ำ ก็เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น


ผลิตภัณฑ์ SK 999 เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดแห่งโลกเกษตรแนวใหม่ ที่มีส่วนผสมของสารฟลาโวนอยด์รายแรกของโลก
ลักษณะเด่นของ SK 999 เป็นธาตุอาหารพืช 100% ปราศจากสิ่งปลอมปนที่เป็นอันตรายต่อพืช เช่น คลอไรด์ และโลหะหนักอื่น ๆ ประกอบ ด้วยธาตุอาหารหลัก NPK ในอัตราส่วนเท่ากัน อย่างละ 5% ของน้ำหนักปุ๋ย หรือที่เรียกกันว่าสูตร 5-5-5


นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยธาตุอาหารรอง (Ca Mg S) และธาตุอาหารเสริม (Fe Zn Cu Mn B Mo Cl ) ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของพืช ถือเป็นธาตุอาหารที่ครบองค์ประกอบตามความต้องการของพืช ที่บรรจุอยู่ในขวดเดียวกัน ไม่ต้องมิกซ์หรือฉีดร่วมกับสารใดทั้งสิ้น
จุดเด่นอีกประการหนึ่ง เมื่อผ่านกระบวนการฉีดทางใบไปแล้ว พืชสามารถดูดซับอาหารไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น ซึ่งรวดเร็วกว่าการใช้ปุ๋ยเม็ดทางดินที่พืชต้องใช้เวลา 7-30 วันในการดูดอาหารไปใช้


ดังนั้น เพียงชั่วระยะเวลาเพียง 1-3 วัน การเจริญเติบโตของพืชจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที
SK 999 ได้ผ่านกระบวนการทดลองจากพืชนานาชนิด ทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชสวน สามารถพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ แล้วว่า มีส่วนทำให้ผลผลิตสูงขึ้น 50-100% ทั้งปริมาณและคุณภาพ นอกจากนี้ยังช่วยร่นระยะเวลาการเก็บเกี่ยวให้เร็วขึ้นกว่าปกติ 2-3 สัปดาห์ สามารถทดแทนปุ๋ยเคมีได้ 100% ทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนในการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นจำนวนมาก


คุณสมบัติพิเศษของ SK 999 ไม่เพียงแต่เร่งการเจริญเติบโตให้แก่พืชเท่านั้น หากแต่ยังสามารถนำไปฉีดพ่นลงดิน เพื่อปรับสภาพดินให้มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น เนื่องจาก SK 999 มีจุลินทรีย์ที่ช่วยในการปรับสภาพดิน และสารฟลาโวนอยด์ที่สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดินได้หลายชนิด อาทิ จุลินทรีย์ที่ย่อยสลายฟอสเฟต จุลินทรีย์ที่ย่อยสลายฟางข้าว และจุลินทรีย์ที่ตรึงไน
โตรเจนในอากาศ เป็นต้น


การนำเอาธาตุอาหารหลัก ที่เป็นเคมี มาผสมร่วมกับจุลินทรีย์ ควบคู่กับสารฟลาโวนอยด์ แม้จะดูเป็นสิ่งที่ฝืนกับความเป็นจริง แต่ด้วยเทคโนโลยีทีล้ำหน้า ทำให้การผสมผสานระหว่างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ทั้งเคมีและอินทรีย์ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว


โดยเฉพาะจุลินทรีย์ นอกจากจะมีคุณในการย่อยสลายธาตุโลหะหนักในดินแล้ว เมื่อมีสารฟลาโวนอยด์ มากระตุ้นจุลินทรีย์สายบวกให้มีการเจริญเติบโตมากขึ้น ก็จะทำให้จุลินทรีย์สายลบที่สร้างความเสียหายแก่พืชลดน้อยลง


เพราะฉะนั้น มองในเชิงหลักการแล้ว หากผลิตภัณฑ์ SK 999 จะใช้แนวทางอินทรีย์-เคมี เป็นสูตรเม็ด ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ใครก็สามารถผลิตได้ เพียงแต่ปุ๋ยอินทรีย์-เคมี แบบชนิดเม็ด ต้องใช้วัตถุดิบมากมายมหาศาล อีกทั้งมีข้อจำกัดจากกรมวิชาการเกษตร ที่จะนำเอาเคมีมาผสมร่วมได้ไม่เกิน 12% ของปริมาณปุ๋ยทั้งหมด


ในท้องตลาดปุ๋ยอินทรีย์เคมีชนิดเม็ดทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็น สูตร 6-3-3 สูตร 5-4-3 เป็นต้น ซึ่งเมื่อนำไปหว่านในดิน ย่อมมีการสูญเสียต่อการชะล้าง และการระเหิดไปในอากาศ


การที่บริษัท เคมาร์เก็ตติ้ง นำเอานวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ นอกจากจะสามารถ เพิ่มแร่ธาตุได้สูงกว่า สามารถนำไปใช้ได้ 100 % จึงทำให้ลดปัญหาในการสูญเสีย รวมทั้งลดขั้นตอนในการเพาะปลูกพืชไปได้มาก


และสิ่งสำคัญ ยังเป็นการลดต้นทุนที่สามารถนำมาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบต่อการใช้ได้อย่างชัดเจน โดยในบรรจุภัณฑ์ 1 ขวด ขนาด 1 ลิตร หรือ 1,000 ซีซี. สามารถนำไปฉีดพ่นในพื้นที่เพาะปลูกได้ถึง 15 ไร่ หากคิดเป็นมูลค่าการฉีดต่อไร่ จะมีต้นทุนเพียงแค่ 100 บาทเศษเท่านั้น ถือเป็นที่สุดแห่ง
นวัตกรรม ที่คิดโดยคนไทย ผลิตโดยคนไทย


ถึงเวลาลั่นกลองรบ
ตั้งเป้า1,000 ล้าน ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
จากผลของความสำเร็จของ SK 999 ได้รับการยืนยันจากนายขวัญชัย ปิยะทัศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคมาร์เก็ตติ้ง เวิล์ด จำกัด ว่าเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เพราะเป้าหมายของการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเกษตรที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ก็เพียงแค่ต้องการให้เกษตรกรจีน ได้รู้จักผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทย รวมทั้งต้องการเปิดทางให้แกนนำทางการตลาดได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้วิถีทางการเกษตรของประเทศจีน


แต่ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์ SK 999 สามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรจีนได้ จึงถือเป็นโอกาสและช่องทางที่ เค มาร์เก็ตติ้ง จะใช้เป็นฐานทางการตลาดที่สำคัญ ในการที่จะก้าวไปสู่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกต่อไป


ในปี 2556 เค มาร์เก็ตติ้ง กำหนดเป้าจากยอดขายเอาไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท สำหรับประเทศไทย โดยเชื่อว่า ศักยภาพของสินค้า รวมทั้งแผนทางการตลาด และผลสำเร็จในงานนี้ จะมีส่วนสำคัญในการสร้างความยอมรับจากเกษตรกรไทยมากขึ้น รวมทั้งทางบริษัท มีแผนที่จะเข้าไปเปิดตลาดในอาเซียนอีกหลายประเทศ
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด ที่กำลังดำเนินอยู่ ไม่ใช่ธุรกิจขายตรง แต่จะโฟกัสไปที่ขายส่งเป็นหลัก โดยจะมีการตั้งตัวแทนจำหน่ายระดับภาค คอยดูแลร้านค้าที่เข้าสู่ระบบการตลาด อาทิ สหกรณ์การเกษตร ธกส. และร้านปุ๋ยเคมีทั่วไป โดยล่าสุดนี้ ได้มีการแต่งตั้งผู้จัดการภาคครบทุกพื้นที่แล้ว
ณ วันนี้ เราบอกได้เลยว่า เรามีความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเราเกิน 100% เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเราไม่ได้ผ่านกระบวนการทดลองในประเทศเท่านั้น หากแต่ยังมีการผ่านกระบวนการทดลอง ในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ถือเป็นบทพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดเจนว่า รางวัลที่เราได้ ไม่ได้เป็นรางวัลที่ดูแค่เพียงรูปลักษณ์สินค้าอย่างเดียว แต่เป็นรางวัลที่มีกระบวนการทดลองในพืชของประเทศจีน สามารถพิสูจน์ได้ด้วยสายตา ซึ่งจากการประเมินความสนใจของผู้เข้าชมงานที่เซี่ยงไฮ้ จะเห็นได้ชัดเจนว่า บูธของ เคมาร์เก็ตติ้ง ได้รับความสนใจจากกลุ่มเกษตรกรจีนมากที่สุด


นายขวัญชัยกล่าว พร้อมกับ เปิดเผยต่อไปอีกว่า ในการจัดงานนี้ทางเคมาร์เก็ตติ้ง ได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจจีนหลายคน ที่เสนอตัวเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท แต่เพียงผู้เดียวในประเทศจีน ซึ่งในตอนนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาเงื่อนไข รวมทั้งแนวทาง ทางการตลาด ที่จะดำเนินธุรกิจร่วมกัน
อย่างไรก็ดี จากกระแสตอบรับจากจีน จะเป็นบันไดขั้นแรก ที่เค มาร์เก็ตติ้ง เวิล์ด จะก้าวไปสู่การเปิดตลาดในระดับโลกต่อไปในอนาคต


ณ วันนี้ เค มาร์เก็ตติ้ง เวิล์ด ได้นำผลิตภัณฑ์ SK 999 เข้าสู่ตลาดได้ไม่ถึง 1 ปี โดยระยะ 6 เดือนแรก ถือเป็นการเตรียมความพร้อมทางการตลาด ที่นอกจากจะต้องมีตัวแทนระดับภาคเป็นผู้บริหารหลักแล้ว การขยายช่องทางการจำหน่าย ก็จะต้องดำเนินต่อไป


หลังจากนั้น เมื่อแผนการผลิตและการตลาดมีความพร้อม ก็จะมีการเปิดตัวผ่านสื่ออย่างกว้างขวางทั้งฟรีทีวี สื่อเฉพาะทาง ทั้งทีวีดาวเทียมและสื่อสิ่งพิมพ์ ก็จะมีการรุกทางการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ


ตลาดปุ๋ย กำลังถึงจุดเปลี่ยน เข้าสู่ระบบ Nano Tecnology ที่สังคมเกษตรกรรม กำลังตื่นตัวเป็นอย่างมาก
และที่สำคัญ กำลังเป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทาย สำหรับการทำเกษตรแนวใหม่ ที่กำลังยกระดับเข้าสู่การเป็นอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบ
เงื่อนไขการลงทุน และคุณภาพของผลผลิต กำลังถูกบีบรัดจากกระแสทั่วโลก หากสามารถรักษาความสมดุลทั้งสองด้านได้ ก็จะมีผลทำให้การแข่งขันมีศักยภาพสูงขึ้น


โดยเฉพาะข้าว ที่ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย แม้วันนี้ รัฐบาลจะมีการยกระดับราคาขึ้นมาจนสูงกว่าประเทศคู่แข่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นปัญหากับชาวนาไทย ก็คือ ปัญหาในด้านผลผลิตและคุณภาพ ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ กว่ามาตรฐาน
หากเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูก แล้วหันมาบริหารต้นทุน รักษาคุณภาพดินอย่างจริงจัง เชื่อว่า SK 999 น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุดในยุคนี้ !!!


thaimlmnews.com ( เชื่อมตรงทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่งรวมธุรกิจเครือข่าย )

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่ 16-31 ธันวาคม 2555 ปีที่ 15 ฉบับที่ 334

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น