ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

'เลิฟยู' รื้อระบบหลังสมาชิกหนีค่าย ลุยอีสาน-ใต้ ดูดนักธุรกิจอัพรายรับ 60%







181577_108737309204185_6294865_n (Mobile)

 


"เลิฟยู" โอดครวญ แม่ทีมหนีค่ายดึงลูกทีมลาบริษัท ชี้เดิมทีมีสมาชิกกว่า 8 หมื่น รหัส ปัจจุบันเหลือแค่ 1 หมื่นรหัส ส่งผลให้ต้องรื้อระบบการจัดการใหม่ เดินสายโรดโชว์ 4 ภาค โฟกัสภาคอีสาน-ใต้ ลด แลก แจก แถม สินค้า ปั่นตัวเลขสมาชิกให้ถึง 1.5 หมื่นรหัส ก่อนสิ้นปี 56 หวังสร้างการเติบโต 60% ยอด ขายแตะ 350 ล้านบาท ฟุ้ง! เล็ง สปป.ลาว กับ กัมพูชา ขยายตลาดรับมือ AEC


นายภาวัช หรัญรัตน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ "สยามธุรกิจ" ว่า บริษัทมีความต้องการให้สมาชิกทุกคนในองค์กรทำธุรกิจด้วยความคิดแบบ "ธรรมาภิบาล" หรือ "Good Governance" คือ การปกครอง การบริหาร การจัดการ การควบคุมดูแลกิจการ ต่างๆ ให้เป็นไปในครรลองคลองธรรม นั่นก็คือการบริหารจัดการ ที่ดีและทั่วถึง


โดยเมื่อปี 2555 บริษัทมีการเติบโตถึง 50% และมียอดขาย ถึง 200 ล้านบาท โดยที่ช่วงนั้นบริษัทต้องเจอผลกระทบจาก เหตุ-การณ์มหาอุทกภัยจากช่วงปลายปี 2554 แต่บริษัทก็ผ่านอุปสรรค และยังดำเนินธุรกิจมาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทถือเป็นแบรนด์ ระดับกลางยังไม่ได้ใหญ่โตถึงขั้นเป็นบริษัทชั้นนำระดับประเทศ แต่ด้วยศักยภาพบริษัทเวลานี้ก็ถือว่าอยู่ในระดับดีพอที่จะแข่งขันกับบริษัทขายตรงยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันได้


"อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยเพิ่งจะเจอวิกฤติน้ำท่วมเข้ามาอีกรอบ แต่ไม่ได้หนักเหมือนปี 54 ซึ่งบริษัทได้เตรียมแผนรับมือกับเรื่องนี้มาพอสมควร ทำให้ครั้งนี้มีผลกระทบต่อบริษัทน้อยมาก อีกทั้งบริษัทยังต้องการเน้นในเรื่องของการขายสินค้าเป็นสำคัญ ทำให้สมาชิกที่อยู่ตามพื้นที่ ต่างๆ สามารถขายสินค้าได้ต่อเนื่อง ซึ่งอาจ จะไปจำหน่ายตามเทศกาล หรือเปิดเป็นลักษณะโมบายได้"


อย่างไรก็ดี ขณะที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัวนี้ ก็มีผลกระทบในการขับเคลื่อนของบริษัท แต่ไม่ได้มากมายอะไร แค่ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายและแผนกระตุ้นการ ตลาดดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ก็ถึงตามเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ ซึ่งหากย้อนไปบริษัทเคย มีสมาชิกสูงถึง 80,000 รหัส และเคยตั้งเป้า ว่าจะขยายเพิ่มไปเรื่อยๆ แต่ก็ได้เจอปัญหา เรื่องของการย้ายค่ายและดึงเอาสายงานตามไปด้วย ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์มาเน้นขายสินค้าเป็นหลัก และสร้างสายงาน ที่จงรักภักดีกับบริษัทขึ้นมา ถึงเวลานี้บริษัท ก็ดำเนินธุรกิจจนจะครบ 5 ปีแล้ว


"ภาวัช" กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ทุกอย่างกำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทสามารถสร้างฐานสมาชิกใหม่ๆ ที่เป็น ลักษณะแอ็กทีฟไว้ได้เป็นจำนวนที่ตั้งเอาไว้ โดยภาพรวมองค์กรเติบโตประมาณ 40-50% ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม เมื่อบริษัทมีสินค้าที่ดีทำให้ผู้บริโภค เกิดความเชื่อมั่น คือใช้แล้วดีจนนำไปสู่การบอกต่อ และชักชวนเข้ามาทำธุรกิจในที่สุด


นอกจากนี้ ในช่วงท้ายปี บ.เลิฟยูฯ ได้ ทำการกระตุ้นตลาดด้วยการจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม และยังได้ออกไปจัดโรดโชว์ ตามจังหวัดใหญ่ๆ เพื่อขยายเครือข่ายของบริษัทโดยตรง ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้มีการ ซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งในส่วนของสาขาที่ทำหน้าที่จำหน่ายสินค้า มีอยู่ประมาณ 10 แห่ง ครอบคลุม 4 ภาคของประเทศ โดยที่สำนักงานใหญ่ที่เปิดทำการครบวงจร หลักๆ จะอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กับภาคใต้ เนื่องจากทั้ง 2 ภาค มีความนิยมในสินค้าของบริษัท


อย่างไรก็ตาม เลิฟยูคาดว่าปี 56 บริษัท จะต้องเติบโตตลอดทั้งปีถึง 60% และยอดขายมั่นใจว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 350 ล้านบาท ถือว่าเป็นยอดขายสูงสุดของบริษัท โดยปีก่อนทำได้ 200 ล้านบาท ในส่วนของสมาชิก ที่ปรับถ่ายเทสายเลือดใหม่นั้น ถึงเวลานี้มีอยู่ 10,000 รหัส คาดว่าสิ้นปีนี้ต้องเพิ่มขึ้นถึง 15,000 รหัส และในปี 2557 บริษัทเตรียมจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์ด้านความงาม, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสินค้ากลุ่มของใช้ประจำวัน พร้อมจะขยายสาขาในต่างจังหวัดเพิ่มให้ เป็น 50 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ


ขณะที่การรวมมือประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียนในปี 2558 นั้น "ภาวัช" กล่าวว่า ได้เริ่มให้ผู้นำเก่งๆ ออกไปเจาะตลาดในอาเซียนก่อนหน้านี้แล้ว และได้เล็งจะเป็นสำนักงานใหญ่ที่ลาวกับกัมพูชาในปีหน้าด้วย หากไม่ติดปัญหาอะไร เพราะได้มีการจำหน่าย สินค้าไปที่นั่นมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนอย่าง เวียดนามกับพม่า ก็เป็นลำดับต่อไปที่จะเปิด สำนักงานใหญ่ โดยทุกอย่างเหลือแค่ให้ผ่าน กระบวนการกฎหมายเท่านั้น


นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายอยู่ที่แถบแอฟริกาใต้อย่างประเทศไนจีเรีย โดยมีสมาชิกอยู่ที่ประเทศไทย และได้ขยายไปถึง ที่นั่นเลย ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมาก แต่การที่จะ เปิดสำนักงานใหญ่ หรือตั้งคลังสินค้าขึ้นมา ยังเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากที่นั่นยังไม่มีกฎหมายรองรับธุรกิจขายตรง และการที่จะ เข้าไปจำหน่ายสินค้าที่นั่นก็ติดเรื่องของกฎหมายด้วย คงอาจต้องใช้เวลานานพอสมควร โดยเบื้องต้นอาจจะเป็นลักษณะสมาชิกที่ประเทศไนจีเรียเข้ามาสั่งซื้อสินค้า ไปรับประทานเท่านั้น


 


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น