ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

'อำพล'ปฏิรูป'สคบ.'! ดันแก้ก.ม. MLM / เล็งมัดรวม 4 ส.ยกระดับธุรกิจ







Ampol (Small) (Mobile)

 


"อำพล วงศ์ศิริ" ฟิต! เดินหน้าปฏิรูปการทำงานของ "สคบ." ดันแก้ไขกฎหมายขายตรง ดึงผู้เชี่ยวชาญร่วมร่างกฎหมายใหม่ ช็อก! เห็นบอร์ดขายตรง รักษาการนาน 2 ปี เตรียมเลือกบอร์ดขายตรงใหม่ พร้อมตรวจแถว MLM ใหม่-เก่า อุดรูบริษัทผุดแผนเถื่อนส่อแววกลายพันธุ์ ตั้ง "กองขายตรง" เพิ่มคนดูแลธุรกิจ ประกาศหาวิธีรวม 4 สมาคม ยกระดับวงการธุรกิจ ย้ำแชร์ลูกโซ่ตัวทำลายภาพลักษณ์ แนะ ประชาชนตั้งข้อสังเกตก่อนเทใจ


นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการ สคบ. ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.2556 ซึ่งเป็นการย้ายข้ามห้วยมาจากกระทรวงยุติธรรม โดยรัฐบาลต้องการให้ สคบ.ทำงานเชิง รุกมากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมา สคบ. มีแนวทางการทำงานลักษณะรับมากจนเกินไป


"ตนได้รับมอบหมายคำสั่งจาก สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาเป็นเลขาธิการ สคบ. โดยมีโจทย์การทำงาน เชิงรุกมากยิ่งขึ้น คือ ต้องดูแลผู้บริโภค ตั้งแต่ในระดับต้นน้ำ เน้นการทำงานแบบป้องปราม ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคในระดับรากหญ้ามากยิ่งขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมา กลุ่มคนรากหญ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนต่างจังหวัด มักถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มนายทุน" เลขาธิการ สคบ.คนใหม่ เผย


อย่างไรก็ดี ในส่วนของธุรกิจขายตรง ในฐานะที่ สคบ.ถือเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลโดยตรง เลขาธิการ สคบ.คนใหม่ ต้องการที่จะเดินหน้าปลูกฝังให้กลุ่มผู้ประกอบการขายตรงทำธุรกิจให้ถูกต้องตาม กฎหมาย เพื่อให้เกิดผลอย่างชัดเจน โดยที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายใหม่ๆ มักจะมีการขอใบอนุญาตการทำขายตรง หลังจากที่ได้ทำธุรกิจไปแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งถือว่ามีความผิด


 ผุดแผนปิดช่องธุรกิจกลายพันธุ์


"บริษัทขายตรงเปิดใหม่มักจะเปิดทำธุรกิจสร้างเครือข่ายก่อนที่จะเข้ามาขอใบอนุญาต ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งเวลามาขอใบอนุญาตก็มักข่มขู่เรื่องระยะเวลาต่อหน่วยงานรัฐ โดยให้เหตุผลว่าเอกสารครบ รัฐต้องทำงานให้เสร็จ และออกใบอนุญาต ในระยะเวลา 15 วัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูก เพราะ สคบ.ต้องตรวจสอบหลายสิ่งหลายอย่าง การกระทำเช่นนี้ก็ถือว่ามีความผิด ในส่วนของกลุ่มบริษัทเก่า ขณะนี้ตนก็กำลังหาทางที่จะตรวจสอบว่า หลังจากที่ได้ รับใบอนุญาตจาก สคบ.ไปแล้ว ได้ปฏิบัติสิ่ง ต่างๆ ตามที่ยื่นมาในตอนแรกหรือไม่อย่างไร ซึ่งกลุ่มบริษัทขายตรง มักมีการปรับแผนจ่าย โดยที่ไม่แจ้ง สคบ.เพื่อดึงดูดสมาชิก ส่วนนี้ ถือว่ามีความผิด" อำพล กล่าว


การตรวจสอบของ สคบ. ต้องการที่จะเข้าไปติดตามตรวจสอบบริษัทขายตรงที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้วในทุก 2-3 ปี ว่าได้ กระทำอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่จดยื่นต่อสคบ.หรือไม่ หากมีการปรับ หรือแก้ไข สิ่งนี้ ถือว่ามีความผิด


นอกจากนี้ ทาง สคบ. ภายใต้การกุม บังเหียนของนายใหญ่คนใหม่ มีความคิดที่จะ แก้ไขกฎหมายขายตรง ซึ่งปัจจุบันได้ใช้ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง 2545 ในการควบคุมดูแลธุรกิจอยู่ โดยที่ขณะนี้ สคบ.กำลังเตรียมสรรหากลุ่มคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ซึ่งอาจเป็นกลุ่มคนในหลากหลายวงการเข้ามาช่วยกันคิดว่า จะแก้ไขข้อไหนอย่างไร


ขณะที่ในเรื่องของบอร์ดขายตรง ชุดปัจจุบันที่เป็นกลุ่มบอร์ดรักษาการนั้น "อำพล" เผยในเรื่องนี้ว่า "ต้องยอมรับว่าตนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ที่ได้เห็นกลุ่มบอร์ดขายตรงในปัจจุบัน เพราะบอร์ดชุดนี้ เป็นบอร์ดขายตรงที่หมดวาระไปแล้ว ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยที่มีตำแหน่งเป็นบอร์ดรักษา-การ โดยที่นั่งรักษาการมาเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งถือเป็นอีกรอบวาระ ตนจึงแปลกใจ ว่า ทำไมรักษาการนานขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น กับธุรกิจ ซึ่งตนต้องการตั้งบอร์ดชุดใหม่ โดยเร็ว"


"ผู้ประกอบการขายตรงจะต้องประกอบธุรกิจขายตรงให้เป็นไปตามแผน การจ่ายผลตอบแทนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น หากมีการประกอบธุรกิจที่ผิดแตกต่างไปจากที่ได้รับการจดทะเบียน นายทะเบียนมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาต และหากมีการประกอบธุรกิจในลักษณะขายตรงแอบแฝง ผู้ประกอบการท่านนั้นๆ จะต้องถูกดำเนินคดี และยึดทรัพย์ตามกฎหมาย" อำพล กล่าว


ตั้ง "กอง" เฝ้าระวัง


อย่างไรก็ดี การทำงานของ สคบ. หลังจากนี้จะเดินคู่กับ "กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ" เพื่อทำงานป้องปรามตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาในแต่ละปี สคบ.จะมีเรื่องร้องเรียนมาที่หน่วย งานเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคประมาณ 1 หมื่นคดี แบ่งเป็นคดีที่เกี่ยวกับธุรกิจขายตรงประมาณ 5% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการไม่จ่ายผลตอบแทนตามที่ได้ตกลงระหว่าง บริษัทกับกลุ่มนักธุรกิจอิสระ


"ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเรามีคนทำงานน้อยเกินไป แต่หลังจากนี้ ทาง สคบ. ได้แยกธุรกิจขายตรงออกมาดูแลในฐานะ "กอง" ภายใต้ชื่อ "กองคุ้มครองผู้บริโภค ด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง" โดยในอนาคตจะมีคนทำงานในส่วนนี้เพิ่มขึ้นมา เป็น 10-15 คน จากเดิมที่มีอยู่เพียง 8 คน"


เล็งมัดรวม 4 ก๊ก ยกระดับธุรกิจ


นอกจากนี้ "อำพล" ยังได้กล่าวถึงในประเด็นที่วงการขายตรงแตกเป็น 4 สมาคม ว่า "เรื่องของการตั้งสมาคมขายตรงที่ปัจจุบันมีถึง 4 สมาคมนั้น ตนถือว่าแปลกใจ ไม่น้อย เพราะไม่ค่อยเห็นกลุ่มธุรกิจไหนจะแตกเป็นกลุ่มเยอะขนาดนี้ โดยที่ตนก็มีความ คิดที่จะหาทางดึงทั้ง 4 สมาคมเข้ามาทำงาน ร่วมกัน แต่ยังไม่ทราบว่าจะทำได้ในระดับใด โดยที่ความต้องการสูงสุดคือการรวมทั้ง 4 สมาคม เป็นหนึ่งเดียว หรือไม่ก็จะหาความร่วมมือจาก 4 สมาคม เพื่อทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นการยกระดับวงการขายตรงไทย"


ทั้งนี้ เลขาธิการ สคบ.ยังเผยต่อว่า "ตนไม่มีความคิดที่เข้าข้าง หรือให้ความสำคัญกับสมาคมใดเป็นพิเศษ โดยตนจะให้ความสำคัญกับทุกสมาคม และทุกบริษัท"


แชร์ลูกโซ่ยังมี ประชาชนระวัง


"กรณีผู้จำหน่ายหรือตัวแทนขายตรง นำสินค้าไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภค จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้บริโภคหรือผู้ครอบครอง สถานที่นั้นเสียก่อน และต้องไม่ทำอะไรที่ถือเป็นการรบกวนผู้บริโภค อีกทั้งต้องแสดง บัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประจำตัวผู้แทนจำหน่าย ซึ่งออกโดยผู้ประกอบธุรกิจขายตรงด้วย หากฝ่าฝืนถือเป็นความผิดทางกฎหมาย"


"ในเรื่องของแชร์ลูกโซ่มักจะเกิดขึ้นมากในช่วงเศรษฐกิจขาลง ความเติบโตทาง เศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เมื่อรายได้ของคน มีน้อยในขณะที่รายจ่ายเพิ่มขึ้น ก็ต้องพยายาม หารายได้อื่นมาเสริม การหลอกลวงหรือระดมทุนแบบแชร์ลูกโซ่จึงเกิดขึ้นมาก เพราะ มีการเสนอผลตอบแทนที่สูง มีทั้งอาศัยธุรกิจ ขายตรงแอบแฝง และรูปแบบแชร์ลูกโซ่โดย ตรง ซึ่งในส่วนนี้ทาง สคบ.จึงได้ร่วมมือกับ ดีเอสไอ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อเข้าไปกำกับดูแลวงการธุรกิจ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น" เลขาธิการ สคบ. เผยถึงความร่วมมือ


ทั้งนี้ "อำพล" ได้กล่าวในตอนท้ายว่า "รูปแบบหลอกลวงที่เข้าข่ายเป็นความผิด "แชร์ลูกโซ่" มีมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตเปรียบเทียบดูว่าหากธุรกิจใดมีสัดส่วนการลงไม่มาก แต่ให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้นๆ ก็อาจเป็น แชร์ลูกโซ่ได้ ดังนั้น หากประชาชนเกิด ข้อสงสัย สามารถสอบถามมาที่ สคบ. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1166 หรือกลุ่มงานป้องปรามเงินนอกระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เบอร์ 1359"


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น