ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ข่าวยูนิไลฟ์ (UniLife) : เริ่มต้นที่ 'การให้' รวิกร ขันตรี ตำแหน่งเหรียญเงินของแบรนด์เกษตร บริษัท ยูนิไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด







1470026_241899919298528_279798058_n (Mobile)

 


สัปดาห์นี้ คอลัมน์ Key to Success ขอดึงตัวนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ จาก บริษัท ยูนิไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตำแหน่งเหรียญเงินของแบรนด์เกษตร "รวิกร ขันตรี" หนุ่มใหญ่ วัย 53 ปี ชาวอุบลราชธานี โดยมีอาชีพเดิมเป็นเกษตรกรซึ่งทำมากว่า 14 ปี ซึ่งท่านผู้อ่านคงนึกภาพตามได้ว่า เกษตรกร ส่วนใหญ่ของประเทศต้องมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ซึ่ง "รวีกร" ก็ไม่ได้แตกต่างจาก กลุ่มเกษตรกรส่วนใหญ่เหล่านั้น


และด้วยความดิ้นรน ไม่ยอมแพ้ของเขา เพื่อที่จะได้พบหนทางที่ดีกว่านี้เอง ทำให้ เขาหันหน้าเข้าสู่วงการธุรกิจเครือข่าย จาก การเปลี่ยนแปลงในวันนั้น ทำให้เขาคิดได้ว่า สิ่งที่เขาวิ่งเข้าหา เพื่อหวังเป็นทางออกให้กับ การสร้างรายได้เมื่อ 5 ปีก่อน เป็นสิ่งที่สร้าง ชีวิตใหม่ให้กับเกษตรกรผู้นี้


เคยทำขายตรงกับบริษัทอื่นไหม


"ยอมรับว่า เคยมีประสบการณ์ทำธุรกิจขายตรงมาจากบริษัทอื่นๆ มาเป็นเวลา 5 ปี โดยตอนนั้น ได้เรียนรู้วิธีการมากมาย และได้ลองผิดลองถูกมาตลอด ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ตนก็ยัง มองหาธุรกิจที่เกี่ยวกับการเกษตรโดยตลอด เนื่องจากตนชอบการทำเกษตรอยู่แล้ว จนมีเพื่อนที่รู้จักชักชวนให้มาร่วมธุรกิจกับ "ยูนิไลฟ์" จนทำให้รู้สึกว่า ยูนิไลฟ์ สามารถตอบโจทย์ในสิ่งที่ต้องการได้ เริ่มจากมีแผน การตลาดที่ยอดเยี่ยม ความมั่นคงขององค์กร ทำให้ไม่มีความรู้สึกลังเลที่จะมาทำธุรกิจกับที่นี่"


มีความคิดเห็นกับธุรกิจขายตรงอย่างไร


"สมัยก่อนที่ทำการเกษตร ยังไม่รู้ว่า ขายตรงเป็นอย่างไร จะได้ยินก็เพียงแต่ชื่อ แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัส อีกทั้งยังเคยได้ยินข่าวที่ไม่ดีของธุรกิจนี้ แต่ก็ไม่ได้สนใจ นัก เพราะไม่คิดว่าจะต้องเข้ามาทำ แต่พอ ได้ลองเปลี่ยนความคิด และเข้ามาทำจริงๆ ทำให้เข้าใจว่า ธุรกิจขายตรงเป็นอะไรที่ช่วย เปลี่ยนฐานะความเป็นอยู่ได้จริง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของรายได้ และยังได้รู้ซึ้งถึงคำว่า ให้ ว่ามันคืออะไร มีความสุขขนาดไหน อยากให้ทุกคนเปิดใจเรียนรู้ ศึกษาจริงๆ ก่อนและ ค่อยตัดสินว่าจะทำหรือเปล่า"


 ทำธุรกิจขายตรงมากี่ปี... มีเป้าหมายอย่างไร


"ตอนนี้ทำธุรกิจมาเป็นเวลา 14 ปี อยู่ ในตำแหน่ง "เหรียญเงิน" รายได้ประมาณ 1 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายว่า ภายในระยะเวลา 5 ปี จะขอขึ้นตำแหน่งสูงสุดคือ "รวงข้าวเพชร" และมีรายได้ 1 ล้านบาทต่อเดือนให้ได้ รวมถึงจะพยายาม สร้างทีมงานให้มีรายได้หลักแสนให้ได้ถึง 20 คนในทุกๆ ปี"


เคยท้อแท้ และคิดจะเลิกทำบ้างมัย


"เคยแน่นอน แต่หากล้มเลิกกลางคัน ก่อน ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งก็ต้องกลับไปที่เก่า หรืออาชีพเดิมที่เคยทำมา เวลา ที่เจออุปสรรค อยากให้คิดว่าเป็นงาน เพราะ จะทำให้เราไม่กังวลและคิดมากจนเกินไป การถูกปฏิเสธเป็นเรื่องปกติ เพราะเจอคนที่ใช่เพียงแค่คนเดียว ก็จะทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จ พยายามให้กำลังใจ ตัวเอง และมองที่เป้าหมาย ความฝันเข้าไว้ อย่าท้อและถอยหลังเด็ดขาด"


อยากให้หน่วยงานรัฐดูแลธุรกิจ MLM อย่างไร


"ก็อยากให้ช่วยออกกฎกติกาที่ควบคุม และลดช่องโหว่ของธุรกิจ เพื่อไม่ให้เหล่ามิจฉาชีพเข้ามาแฝงตัวในธุรกิจนี้ได้ เพราะส่วนใหญ่ปัญหาที่ได้ยินมาคงเป็นเรื่องของบริษัทที่ชอบเปิดมาหลอกลวง หลอกเอาเงิน คนที่ไม่รู้ให้มาลงทุนและก็ปิดบริษัทหนีหายไป และยังมีสมาชิกที่พอขึ้นตำแหน่งสูงๆ ก็ชอบย้ายบริษัทไปที่อื่น ซึ่งบางทีก็มาชวนสายงานของเราไป ทำให้เกิดความเสียหาย กันเป็นลูกโซ่ และได้รับผลกระทบตรงนี้อยู่บ่อยๆ จึงอยากให้มีมาตรการลงโทษและจัดการเรื่องแบบนี้ให้เด็ดขาด"


อะไร...ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ


"คงต้องเริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้ยิ่งเราให้มากเท่าไรจะได้รับกลับคืนมาเท่านั้น เพราะธุรกิจเครือข่าย หากมุ่งที่จะเอาผลกำไรอย่างเดียว จนลืมนึกถึงคนอื่นๆ ที่ทำธุรกิจเหมือนกับเรา เชื่อว่า จะอยู่บนเส้นทาง MLM ได้ไม่นาน รวมถึงจรรยาบรรณและความซื่อสัตย์ จะทำให้เป็นที่ยอมรับจนก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ ส่วนคนที่ไม่ประสบความ สำเร็จ เป็นเพราะยังไม่เข้าใจระบบแผนการ ตลาด คือไม่ศึกษาให้รู้จริง และไปลงมือทำก่อน แบบวิธีผิดๆ พอไม่สำเร็จก็ล้มเลิกไป เรื่องนี้เกิดขึ้นเยอะ ทางที่ดีสมาชิกใหม่ๆ ควร จะทำตามระบบและเชื่อฟังผู้นำเก่งๆ ที่คอย แนะนำจะช่วยให้เดินอย่างถูกทางและสำเร็จ ได้เร็วยิ่งขึ้น"


นี่คืออีกหนึ่งบทบาทความสำเร็จ ที่ Key to Success ได้นำมาเสนอ และนี่ก็เป็นอีกครั้ง ที่เราต้องการนำเสนอความ คิด มุมมองที่มีต่อธุรกิจขายตรงของกลุ่ม คนที่ขึ้นชื่อว่า มีการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จในที่สุด


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น