ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

จี้จุดตายขายตรงยุคดิจิตอล ปฏิวัติตัวแทนก่อนสูญพันธุ์







jc

 


สัญญาณเตือน ! ธุรกิจเครือข่ายขายตรงเริ่มถึงทางตัน สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ชี้การขยายเครือข่ายยุคปัจจุบันไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ถึงเวลาที่ทุกค่ายต้องเร่งจัดระบบองค์กรรองรับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เสริมอาวุธให้ตัวแทน สร้างกระบวนการขายแบบโมเดิร์นเทรด ผ่านโซเชียลมีเดีย รองรับสื่อดิจิตอลออนไลน์


 พลิกวิกฤติเป็นโอกาส


สู่ขายตรงยุคดิจิตอล


ด้วยสถานการณ์บ้านเมือง กำลังเข้าสู่วิกฤติในยามนี้ ถ้าหากคนทำธุรกิจการค้า จะมานั่งงอมืองอเท้า ไม่ต่อสู้ดิ้นรนอะไรเลย ก็เท่ากับว่า รอวันตาย


เพราะเกมช่วงชิงอำนาจ ไม่ว่าใครจะยืนข้างใคร ใครจะมีความชอบธรรมมากกว่าใคร สุดท้าย ก็หนีไม่พ้นเอาประเทศไทยมาเป็นตัวประกัน


ต้นปี 2556 คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจจะโต 4.5 - 5% ผ่านมาไตรมาส 2 ปรับลดลงมาเหลือ 4.2% เข้าสู่ไตรมาส 3 หดลงมาเหลือ 3.7% ถึงวันนี้ ทุกสำนักออกมาฟันธงตรงกันว่า เศรษฐกิจไทยจะโตเพียงแค่ 3% เท่านั้น ตกต่ำที่สุดในอาเซียน


ยิ่งวกกลับมาดูภาพรวมธุรกิจขายตรง เมื่อต้นปีประมาณกันว่าธุรกิจจะขยายตัวประมาณ 10 - 12% ผ่านมากลางปี ปรับลดลงมาเหลือประมาณ 7% ถึงวันนี้ ผลกระทบจากการเมืองที่ห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ฉุดให้การขยายตัวของธุรกิจหดลงมาเหลือไม่ถึง 5%


หรือถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมทางการตลาด ก็ตกประมาณ 80,000 ล้านบาท


ในกลุ่มผู้ประกอบการขายตรง แม้จะมีบางกลุ่มขยายตัวสูงกว่าระบบ แต่บางกลุ่มก็ต่ำกว่าระบบ หรือแย่ไปกว่านั้น บางกลุ่มถึงขนาดติดลบด้วยซ้ำไป


เพราะฉะนั้น ชั่วโมงนี้ ต้องถือว่า เป็นบททดสอบความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการครั้งสำคัญอีกครั้ง


เพราะก่อนหน้านี้ ปี 2554 เมื่อครั้งเกิดมหาอุทกภัย ยอดขายของธุรกิจขายตรง มูลค่าจำนวนมหาศาลต้องจมไปกับน้ำ กว่าจะฟื้นตัวกลับสู่สภาพเดิมก็ใช้เวลาแรมปี


มาถึงวันนี้ สิ่งที่หลายคนคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเฟื่องฟู กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาด เพราะเงื่อนไขทางการเมือง กลับกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุด


การใช้กลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ในมุมมองของ ดร.สมชาย


หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะนายกสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย มองว่าเป็นการไร้ประโยชน์ เนื่องจากผู้บริโภคไม่ตื่นเต้นอะไรกับสิ่งใหม่ ๆ


ยิ่งออกแรงมาก ก็ยิ่งเจ็บตัวมาก เพราะทุกครั้งที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ประชาชนจะหันไปถือเงินสด มากกว่าการออกไปจับจ่ายใช้สอย


ถ้าจะใช้ก็คงใช้แต่เฉพาะสิ่งของที่จำเป็นเท่านั้น


สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการขายตรง จะต้องกลับมาทบทวน ก็คือ จะทำอย่างไร ถึงจะเปลี่ยน “วิกฤติ” ให้เป็น “โอกาส” เพราะสภาพแวดล้อมในสังคมยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว


โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค “ดิจิตอล” กำลังกลายเป็นโจทย์ท้าทาย สำหรับการเดินหน้าปฏิวัติระบบขายตรง


การทำธุรกิจแบบดั้งเดิมหรือที่เรียกว่า “OLD FASHION” จะไม่สามารถดำรงสภาพของกิจการเอาไว้ได้ในระยะยาว เนื่องจากรูปแบบและวิธีการทางการตลาด จำเป็นจะต้องปรับตัวให้สอดรับกับเทคโนโลยีทางการสื่อสารสมัยใหม่ในทุกด้าน


ด้าน Broadcast กำลังเปลี่ยนผ่านจากทีวีระบบ Analog สู่ Digital ที่นอกจากจะมีคุณภาพที่สูงขึ้นแล้ว ยังมีช่องทางในการรับชมมากขึ้น


ขณะที่ด้าน Broad Band กำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบ Voice มาเป็น Data ที่มี Feature และ Application หลากหลาย จาก 2G มาสู่ระบบ 3G และในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะก้าวไปสู่ระบบ 4G


ดังนั้น เมื่อเทคโนโลยีทั้งสองด้าน มาผนวกเข้าด้วยกัน ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า “สมาร์ทโฟน” มันจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนทางการตลาดที่มีอานุภาพมหาศาล


นื่คือ ปรากฏการณ์ในสังคมที่กำลังเปลี่ยนไป และนี่ก็คือ ช่องทางและโอกาส ที่นักการตลาดต่างให้ความสนใจ ที่จะหาแนวทางหรือกลยุทธ์ในการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด


 จุดเปลี่ยนที่ต้องเร่งปรับ


จากองค์กรสู่ตัวแทน


การใช้วิธีการทางการตลาด ในลักษณะที่เรียกว่า “ออฟไลน์” อาศัยการ “รีครูท” คนเข้ามาฟังบรรยาย หรือการส่ง “ตัวแทน” เข้าไปเดินตลาด เพื่อปิดการขยาย หรือขยายเครือข่าย แม้จะได้ผลดีในอดีต แต่ถึงวันนี้ คงจะค่อย ๆ ลดบทบาทลงไป


ในมุมมองของ ดร. สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บ.จอยแอนด์คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มองว่าธุรกิจขายตรง จะต้องเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในหลายมิติ


ในอดีตการแข่งขันทาง การตลาด จะเน้นการต่อสู้ในเรื่องราคา ใครต้นทุนต่ำกว่า ย่อมได้เปรียบ ต่อมาก็เริ่มหันมาเน้นการแข่งขันในด้านบริการ ใครสะดวกรวดเร็วกว่าก็จะได้เปรียบ


แต่มาถึงวันนี้ กิจการขายตรง จะต้องหันมาพลิกบทบาทของตนใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคมากกว่าที่เป็นอยู่ในอดีต


เนื่องจากกระแสคนรุ่นใหม่ มีการตอบสนองต่อสิ่งแปลกใหม่ทางการตลาดอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นแรงกดดันที่จะทำให้ผู้ประกอบการขายตรง จะหยุดนิ่งไม่ได้


ด้านหนึ่ง จะต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะตลาดกำลังนิ่ง ผู้ประกอบการควรใช้โอกาสนี้ มาพัฒนาคุณภาพของสินค้า ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบงานให้มีความกระชับ รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ


ด้านที่สอง จะต้องหันมาใช้เทคโนโลยี มาสนับสนุนให้สอดคล้องกับกระแสโลกที่เปลี่ยนไป


“ต่อไปงานรูทีนเวิร์ค ที่อาศัยคนทำงานจะน้อยลง คอมพิวเตอร์จะมาทำแทน โดยคนจะหันมาเน้นการดูแลเรื่องการตัดสินใจมากกว่า ตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภค เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะด้านบริการทางการเงินเวลานี้ มีการ


นำเอาระบบอิเล็กทรอนิกส์แบงก์กิ้งเข้ามาใช้ ลูกค้าสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเดินทางมายังสาขาธนาคาร


ซึ่งในภาคธุรกิจขายตรงก็เช่นกัน การทำธุรกรรมต่อไป ก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน มีระบบปฏิบัติการเอง มีเครื่องมือเป็นของตนเอง เสมือนกับเป็นเจ้าของกิจการเอง เป็นทั้งซัพพลายเชน เป็นทั้งเซอร์วิสโพรไวเดอร์ มีแฟรนไชน์ของตนเอง มีระบบปฏิบัติการสั่งซื้อสั่งขายสินค้าเอง จัดประชุมเอง ทำเองทุกอย่าง”


ดร.สมชาย กล่าว พร้อมกับย้ำว่า ในสังคมยุคปัจจุบัน การที่จะโน้มน้าว ด้วยการเชิญมาเป็นสมาชิก หรือทำธุรกิจเครือข่าย ไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน เพราะสิ่งที่ทุกคนมอง ก็คือ ธุรกิจขายตรง เป็นธุรกิจที่ยากกว่าจะไปสู่ความสำเร็จ


เพราะฉะนั้นรูปแบบการตลาดหากจะทำแบบ “ตั้งรับ” ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ตลาดรูปแบบอื่นเข้ามาแทนที่


การแข่งขันทางการตลาดในยุค 5 - 10 ปีก่อน มุ่งเน้นในเชิงปริมาณใครสร้างเครือข่ายได้มาก โอกาสก็ย่อมมีมาก


แต่มาถึงวันนี้ จะเน้นปริมาณเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ หากแต่จะต้องหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของ “ตัวแทน” หรือสมาชิก ให้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ


เป็นกระบวนการที่จะต้องสร้าง “โมเดล” ทางการตลาด เพื่อนำไปสู่การ “ปฏิวัติ” ระบบการขายตรง ที่เอื้อต่อการทำงาน ทั้งบรรยากาศ รวมไปถึงผลตอบแทน ที่สามารถสร้างหลักประกันให้กับ “ตัวแทน” ได้ว่า นี่คือ อาชีพ ที่สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตได้ไม่ต่างกับอาชีพทั่วไป


“เมื่อก่อนธุรกิจขายตรง จะเป็นไปในลักษณะใช้ดีแล้วบอกต่อ การขายจะต้องเตรียมเอกสาร ตัวอย่างสินค้า แพ็คใส่กระเป๋า อาศัยความสามารถเฉพาะตัวของตัวแทน ว่าจะปิดการขายอย่างไร จะเชื้อเชิญมาร่วมทำธุรกิจอย่างไร แต่เดี๋ยวนี้ มันต้องบอกต่อในลักษณะเป็นดิจิตอล มีคอนเท้นท์ เห็นได้เร็ว ตรวจสอบได้เร็ว เรียลไทม์”


 ยกระดับตัวแทนก่อนสูญพันธุ์


ถึงเวลาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่


สิ่งที่ผู้ประกอบการขายตรง จะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในเวลานี้ จะต้องเตรียมความพร้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตนเองให้ได้เป็นอันดับแรก


เนื่องจาก หากระบบรองรับไม่เข้มแข็งพอ การที่จะยกระดับ “ตัวแทน” ให้ก้าวทันต่อสถานการณ์ทางการตลาด ก็เป็นไปได้ยาก


เหตุก็เพราะ “ตัวแทน” ที่อยู่ในวงการธุรกิจขายตรง มีหลากหลายระดับชั้น เริ่มตั้งแต่คนในวัยทำงาน ไปจนถึงคนที่พ้นวัยเกษียณไปแล้ว


ในกลุ่มคนที่เรียกว่าเจเนอเรชั่น X หรือคนที่อยู่ในวัย 30 - 45 ปี ถือเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของธุรกิจขายตรงที่ต้องเตรียมความพร้อม เนื่องจาก หากไม่ปรับตัว ตามโลกไม่ทัน ก็จะมีผลกระทบต่อธุรกิจในองค์กรนั้น ๆ


ขณะที่ คนที่อยู่ในกลุ่ม Baby Boom หรือคนที่อยู่ในวัยหลังเกษียณ หากไม่ร่วมสมัย ก็จะค่อย ๆ เลือนหายไปในที่สุด


“การที่ธุรกิจจะยืนอยู่ได้ในสังคมยุคดิจิตอล บริษัทขายตรงจะต้องเสนอข้อมูลผ่านได้ทุกช่องทาง ทั้งแอนดรอย ไอโอเอส สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่บริษัทขายตรงจะต้องสร้างคอนเทนท์ รวมทั้งโพรไวด์เดอร์ เข้ามาสนับสนุนในการขายแก่ตัวแทน โดยอาศัยเทคโนโลยี เป็นเครื่องมือในการบอกต่ออย่างมีประสิทธิ ภาพ”


ดร.สมชาย หัชลีฬหา กล่าวพร้อมกับย้ำว่า กิจการที่จะก้าวผ่านปัญหาตรงนี้ไปได้ ต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนวิธีคิด เพื่อก้าวไปสู่การเปลี่ยนวิธีการทำงาน


ถ้ากิจการล้ำสมัย หรือ ทันสมัย องคาพยพที่อยู่ในองค์กรก็จะเกิดกระบวนการปรับตัวไปโดยอัตโนมัติ


ต่อไปประสิทธิภาพของ “ตัวแทน” จะมีความแตกต่างน้อยลง คนจบ ป.4 หรือจบปริญญา สามารถเพิ่มขีดความสามารถของตนเองได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย


โฉมหน้าของ “ตัวแทน” จะแปรสภาพมากลายเป็น ผู้บริหารองค์กร ที่มีรูปแบบหรือวิธีการทำงานเป็นตัวของตนเอง


สามารถสร้างกระบวน การทางการตลาดเป็นของตนเอง โดยอาศัยระบบงานของบริษัท คอยสนับสนุน ผ่านสื่อออนไลน์


“กรณีศึกษาของแอพ บ.จอยแอนด์คอยน์ เมื่อครั้งที่เราไปแชร์ประสบการณ์กัน พบว่า มีป้าคนหนึ่งอายุ 60 กว่าแล้ว จบแค่ป.4 อาชีพเดิมขายข้าวแกง อยู่พิษณุโลก ทำงานได้ปีเดียวมีรายได้เดือนละเป็นแสน วิธีการทำงานของป้า แกบอกว่าแกไม่ได้ไปขายแบบบอกต่อเหมือนกับคนอื่น แต่อาศัยการใช้ไอแพด โดยเอาตัวประธานไปใช้งาน พอเปิดคลิกวิดีโอให้ลูกค้าดู ก็เหมือนเอาตัวประธานไปด้วย มีปัญหาอะไรก็ให้ประธานตอบแทนหมด คือ มีตัวช่วยพร้อมสนับสนุนการขายครบหมดเลยตั้งแต่เลขาส่วนตัว ตัวประธาน ผลสุดท้ายปรากฏว่า แค่ปีเดียวคุณป้าแกก็ทำสำเร็จ”


นี่คือ คือโฉมหน้าใหม่ของ “ตัวแทนขายตรง” ที่บอกให้กับคนทั่วไปรู้ว่า วิธีการขายเดิม ๆ ที่จะต้องอาศัยความใจกล้าหน้าด้าน พูดน้ำไหลไฟดับ หรือต้องมีวิญญาณของนักการตลาด อาจไม่จำเป็นเสมอไป


เพราะถ้าขายไม่เก่ง แต่ใช้เทคโนโลยีเป็น ตอบโจทย์ได้ทุกเรื่องทุกปัญหา การที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากแต่อย่างใด


คนเก่ง หรือ ไม่เก่ง ไม่ได้วัดกันที่ “กึ๋น” หรือสติปัญญาแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่จะต้องมาจากพื้นฐานของการยอมรับและความเชื่อมั่น ผสมผสานกับการทุ่มเท


หากเปลี่ยนความยากให้เป็นความง่ายได้ ไม่เพียงแต่จะเกิดพลังอย่างมหาศาลภายในองค์กรเท่านั้น การสร้างความยอมรับจากคนภายนอก ก็จะทำได้ง่ายเช่นกัน


ในตลาดขายตรงเมืองไทย ณ เวลานี้ ไม่มีใครปฏิเสธว่า “ตัวแทนขายตรง” คือ หัวใจในการขับเคลื่อนทางธุรกิจที่สำคัญ


เพราะหลายกิจการแม้จะมีสินค้าดี มีแผนการตลาดที่ดี แต่ถ้าหาก “ตัวแทน” ใส่เกียร์ว่าง ไม่ออกตลาด ธุรกิจก็ไม่โต


กิจการยักษ์ใหญ่หลายค่าย มีสมาชิกในเครือข่ายขององค์กร นับล้านคน แต่ที่มีคนประสบความสำเร็จจริง ประมาณ 10% ส่วนที่เหลืออีก 90% จะเป็นประเภท ทำ ๆ หยุด ๆ หรือ คอยฉวยโอกาสเข้าไปร่วมงานกิจการใหม่ ๆ ที่ให้แรงจูงใจมากกว่า


เพราะฉะนั้น ตัวแทนที่มีรหัสปรากฏในธุรกิจขายตรง จึงเป็น “ตัวแทน” ที่มีแต่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ


หากสามารถผลักดัน ให้ “รหัสตาย” กลายเป็น “รหัสเป็น” ก็จะต้องมีการปรับแนวคิดและกระบวนการขายให้ง่ายขึ้น


“ตอนนี้ ต้องทำสิ่งที่ยังไม่เกิดให้เกิด แล้วประกาศความพร้อม นี่คือ กลยุทธ์ ซึ่งคำว่า สะดวกสบาย จะมีความหมายมาก คือ ซื้อที่ไหนก็ได้ ซื้ออะไรก็ได้ สองคำนี้ เราต้องมานั่งคิดว่า ต้องทำอะไร หาเครื่องมืออะไรมาตอบโจทย์การรับรู้ของผู้บริโภค ซึ่งต้องให้สอดคล้องกับตัวเราเองด้วย โดยจะต้องทำให้ทุกคนเข้าถึงแหล่งข้อมูล ซื้อสินค้า ขายสินค้า หรือสมัครสมาชิก ทำงานได้โดยง่าย ๆ เป็นระบบ สามารถใช้คอนเท้นท์ต่าง ๆ ผ่านมือถือ ไปบอกกับลูกค้าได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายมากมาย สามารถตอบทุกคำถามได้ ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ สามารถชวนคนมาทำธุรกิจได้ด้วยเทคโนโลยี รวมทั้งแอพพลิเคชั่น ใช้เป็นเคาน์เตอร์เซอร์วิสในทุกอย่างได้” ดร. สมชาย กล่าว


เพราะฉะนั้นหากเอา เครื่องทุ่นแรง มาสนับสนุนการขายผ่านแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ การที่จะต้องออกแรงทั้งหมด 100 % ก็อาจจะออกแรงเพียงแค่ 30 % เท่านั้น


เหตุก็เพราะ “ตัวแทน” จะไม่อยู่ในสภาพโดดเดี่ยวเหมือนกับที่เป็นมาในอดีต เนื่องจากมีทั้งที่ปรึกษา มีทั้งผู้ช่วย มีทั้งเลขาส่วนตัว พรั่งพร้อม คนที่เป็นนักขายสมัครเล่นก็จะกลายเป็นนักขายมืออาชีพได้


 ขายความสำเร็จคู่ขนานสินค้า


ตอบโจทย์“รวย”แบบสัมผัสได้


วันนี้ การทำธุรกิจ กำลังเบนเข็มไปสู่คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว ทันสมัย สามารถฉายภาพแห่งความสำเร็จให้เห็นเป็นรูปธรรมได้


หากสามารถปรับวิธีการทำงาน ให้ทันยุคทันเหตุการณ์ สอดคล้องกับแนวทางการทำธุรกิจของตนเอง แม้จะยังไม่สามารถสร้างความยอมรับให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างทันทีทันควัน แต่ถ้าหากมีการ “ติดอาวุธ” ให้กับ “ตัวแทน” รุ่นเก่า แล้วผลักดันให้ออกมาทำงานมากขึ้น การเติบโตของธุรกิจขายตรง ก็จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว


ธุรกิจเครือข่ายขายตรง เป็นธุรกิจ ที่ไม่ได้เน้นการขายสินค้าแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ยังจะต้องขาย “ความสำเร็จ” ให้คนภายนอกมองเห็น และสัมผัสได้ควบคู่กัน


เป็นธุรกิจที่ต้องเปลี่ยน “ผู้ซื้อ” ให้กลายเป็น “ผู้ขาย” ในเวลาเดียวกัน ถ้าสินค้าดี บริษัทได้ยอดขาย แต่ “ผู้ซื้อ” ไม่พร้อมจะเป็น “ผู้ขาย” องค์กรก็ไม่โต


หลายกิจการ มุ่งเน้นแต่การสร้างเครือข่ายมากกว่าขายสินค้า อาศัยการใส่โปรโมชั่นกระชากใจ ให้บรรดาแม่ทีมสต็อกสินค้าเอาไว้มาก ๆ เพราะหวังว่า สินค้าเหล่านี้ จะกระจายไปสู่ผู้บริโภค


แต่สุดท้าย ก็เอาไปกองเอาไว้เต็มโกดัง ยอดขายพุ่งขึ้นในช่วงระยะแรก ๆ แต่ระยะยาว กลับส่งผลเสียต่อตัวกิจการเอง เนื่องจาก ต้องหั่นกำไร เฉือนเนื้อของตนเองมาจ่ายผลประโยชน์ ผ่านโปรโมชั่น ตามแผนการตลาด


บางกิจการถึงขนาด ไม่มีเงินจ่าย


นี่คือรูปแบบการขาย หรือวิธีการขายแบบดั้งเดิม ที่เป็นการสร้างความคิดผิด ๆ ให้กับ “ตัวแทนขายตรง”


เพราะการสร้างดีมานด์เทียม ด้วยการสร้างกระแสผ่านกระบวนการซื้อขายจากบริษัทไปยัง “แม่ทีม” แม้เดือนนี้จะได้เงิน แต่เดือนต่อ ๆ ไปรายได้ ก็จะตกวูบทันที


สุดท้ายธุรกิจขายตรง ก็จะกลายเป็นธุรกิจหลอกลวง มีแต่ภาพลวงตา


ดังนั้น การที่กิจการยักษ์ใหญ่หลายค่าย เริ่มหันกลับมามองตรงจุดนี้ จึงนับเป็นการปฏิวัติระบบขายตรงครั้งสำคัญอีกครั้งในรอบทศวรรษนี้


เนื่องจากรูปแบบ และวิธีการของธุรกิจขายตรง หากดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็น รูปแบบทางการตลาดที่สวยงาม


ปัญหาก็คือ หนึ่ง.จะทำอย่างไรว่า ธุรกิจขายตรง คือ “มายา” ออกไปจากสมองคนเหล่านี้ให้ได้


สอง. ทำอย่างไรถึงจะทำให้ “ตัวแทน” ก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน


หากแก้จุดอ่อนตรงนี้ได้ เชื่อเหลือเกินว่า ยังมีนักธุรกิจอิสระหน้าใหม่อีกจำนวนมากมาย ที่พร้อมจะเดินเข้ามา


 


 


 


 


Credit By : http://www.taladvikrao.com/


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น